Monday, 9 June 2025
NEWS FEED

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เปิดเวทีรับฟังพี่น้องประมง หารือการออกใบอนุญาตประมงพื้นบ้าน

ในช่วงปีที่ผ่านมา ประเทศไทยประสบปัญหาเกี่ยวกับการทำประมงผิดกฎหมาย และการลดลงของทรัพยากรสัตว์น้ำ ทำให้ผลิตผลจากการทำประมงมีปริมาณลดลง และส่งผลต่อการส่งออกอาหารทะเลเป็นอันมาก ต่อมาได้มีการพัฒนาการทำประมงให้ได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติมายิ่งขึ้น โดยมีการบังคับใช้กฎหมายเพื่อแก้ปัญหาการบังคับใช้แรงงานในการทำประมง รวมทั้งการดูแลสภาพการทำงานของลูกเรือ ความปลอดภัยและการจ่ายค่าแรงที่เป็นไปตามกฎหมาย การใช้อุปกรณ์ทำประมงที่ถูกต้อง และการปราบปรามการทำประมงผิดกฎหมาย (IUU Fishing) ทำให้ประเทศไทยสามารถคงสถานะใบเขียวจากสหภาพยุโรปในด้านการประมงไว้ได้ นอกจากนี้ ยังมีเป้าหมายเพื่อช่วยเหลือพี่น้องชาวประมงไทยให้สามารถทำประมงได้อย่างยั่งยืน และรักษาความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรสัตว์น้ำไว้ให้คงอยู่ต่อไป จึงได้จัดให้มีการออกใบอนุญาตทำการประมงพื้นบ้านขึ้น เพื่อดูแลการทำประมงพื้นบ้านให้ดียิ่งขึ้น

กรณีดังกล่าว พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี/ประธานกรรมการนโยบายการประมงแห่งชาติ ได้สั่งการให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. /กรรมการนโยบายประมงแห่งชาติ ให้มีการจัดการประชุมร่วมกับผู้แทนชาวประมงพื้นบ้าน เพื่อรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับการมีใบอนุญาตทำการประมงพื้นบ้าน เพื่อให้การดำเนินการดังกล่าวสามารถบังคับใช้ได้จริงอย่างมีประสิทธิภาพ และเกิดประโยชน์สูงสุดทั้งกับประเทศชาติ และพี่น้องชาวประมงไทยให้มากที่สุด

'สุโขทัย' ค้นหาสาวงามเป็นตัวแทน ' ทูตแห่งการท่องเที่ยว' เผยแพร่มรดกอันงดงามของ จ.สุโขทัยสู่สายตาโลก

เมื่อวานนี้ (18 ก.พ. 66) เวลา 19.30 น. นายสุชาติ ทีคะสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย เป็นประธานเปิดงานประกวดนางสาวไทยสุโขทัย พร้อมด้วยนางพร้อมจันทร์ ทีคะสุข รองนายกเหล่ากาชาดจังหวัดสุโขทัย ร่วมเป็นคณะกรรมการตัดสินการประกวดฯ โดยมีดร.พรรณสิริ กุลนาถสิริ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขต 1 ส่วนราชการ ภาคเอกชน และประชาชนเข้าร่วมงาน ตามที่กองประกวดนางสาวไทย มอบหมายให้ผู้ถือลิขสิทธิ์ดำเนินการจัดการประกวดนางสาวไทยแต่ละจังหวัด โดยจังหวัดสุโขทัยได้เริ่มดำเนินการเปิดรับสมัครสรรหาสาวงามที่สนใจเข้าร่วมการประกวดนางสาวไทยสุโขทัย (Miss Thailand Sukhothai) ที่จัดขึ้นในระหว่างวันที่ 16 – 19 กุมภาพันธ์ 2566 ณ อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ตำบลเมืองเก่า อำเภอเมืองสุโขทัย จังหวัดสุโขทัย ซึ่งมีผู้เข้าร่วมแข่งขันการประกวดทั้งหมด 9 สาวงาม ผู้ที่ได้รับการคัดเลือกเป็น 'นางสาวไทยสุโขทัย' จะต้องมีหน้าที่เป็น 'ทูตวัฒนธรรม' เผยแพร่การท่องเที่ยวแหล่งท่องเที่ยวภายในจังหวัด เผยแพร่วัฒนธรรมพื้นถิ่น ที่ควรค่าแห่งมรดกอันงดงาม รวมถึงนำเสนอของดีประจำจังหวัด ทั้งเรื่องอาหารพื้นถิ่น ประเพณีพื้นบ้าน และผลิตภัณฑ์อันเลอค่า ให้ปรากฏแก่สายตาของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ สมกับเป็นเมืองสร้างสรรค์และเป็นเมืองแห่งการเรียนรู้ ควรค่าแก่มรดกแห่งความทรงจำ

เน็ตไอดอลสาว เล่าประสบการณ์เที่ยวไทยแฮปปี้ แต่จู่ๆ เจอมนุษย์ลุงโผล่คุกคาม กลายเป็นทริปผวาเล็กๆ

'อาหยวน' คนดังทางอินเทอร์เน็ต เผยประสบการณ์เที่ยวไทย แม้ว่าเธอจะมีช่วงเวลาที่ดีมากมาย แต่ก็มีเรื่องที่ทำให้หวาดกลัวเช่นกัน

อาหยวน เน็ตไอดอลสาวที่มีผู้ติดตามบนอินสตราแกรมมากกว่า 4.7 แสนราย เดินทางมาประเทศไทยเมื่อเร็วๆ นี้ เธอได้ลองกินอาหารท้องถิ่น เยี่ยมชมสถานที่ที่มีชื่อเสียง และแน่นอนว่าไม่ลืมที่จะช้อปปิ้งด้วย พร้อมทั้งแนะนำทุกคนว่า "คุณไม่จำเป็นต้องนำเสื้อผ้ามาเลยจริงๆ เมื่อคุณมา มาไทย ซื้อที่นี่ถูกมาก ถ้ากล้าต่อรองราคาก็ยิ่งถูก"

มีช่วงหนึ่งเธอยังอวดชุดเดรสแขนกุดลายจุดที่เพิ่งซื้อมา และพูดด้วยรอยยิ้มว่า "มันเป็นสไตล์ที่น่าจะใส่ยากเมื่อกลับไปไต้หวัน และคงมีเพียงในรีสอร์ตเท่านั้นที่กล้าใส่แบบนี้"

รัฐบาลประกาศ 'เด็กท้องต้องได้เรียน' เพื่อโอกาสทางการศึกษา ย้ำ!! ครู ต้องมีจรรยาบรรณ ช่วยประคองเด็กได้เรียนต่อเนื่อง

(19 ก.พ. 66) น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ราชกิจจานุเบกษา (18 กุมภาพันธ์ 2566) ได้เผยแพร่กฎกระทรวงกำหนดประเภทของสถานศึกษาและการดำเนินการของสถานศึกษา ในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2566 โดยมีความว่า อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 4 วรรคหนึ่ง และมาตรา 6 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น พ.ศ.2559 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้

ให้ยกเลิกความในวรรคหนึ่งของข้อ 7 แห่งกฎกระทรวงกำหนดประเภทของสถานศึกษา และการดำเนินการของสถานศึกษาในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น พ.ศ.2561 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน 

ข้อ 7 สถานศึกษาตามข้อ 2 ที่มีนักเรียนหรือนักศึกษาซึ่งตั้งครรภ์อยู่ในสถานศึกษา ต้องไม่ให้นักเรียนหรือนักศึกษานั้นออกจากสถานศึกษาดังกล่าว เว้นแต่เป็นการย้ายสถานศึกษา ตามความประสงค์ของนักเรียนหรือนักศึกษานั้น

ศรชล.จัดกิจกรรมสร้างการรับรู้เกี่ยวกับผลประโยชน์ของชาติทางทะเล 

ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ภาค 1 (ศรชล.ภาค 1) โดยศรชล.จว.ชพ. จัดกิจกรรมสร้างการรับรู้เกี่ยวกับผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ณ ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงทะเลชุมพร หมู่ที่ 8 ต.ปากน้ำชุมพร อ.เมือง จว.ชุมพร

โดย ผวจ.ชุมพร ในฐานะผอ.ศรชล.จว.ชพ. ติดราชการจำเป็นรับรัฐมนตรี กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จึงมอบหมายให้ นายสมพร ปัจฉิมเพ็ชร รอง ผวจ.ชุมพร เป็นประธาน มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมให้หน่วยภาครัฐและภาคเอกชน ได้รับรู้ความสำคัญของผลประโยชน์ของชาติทางทะเล หน้าที่ที่ต้องพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ส่งเสริมการมีส่วนร่วมในการป้องกันและแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ซึ่งจะเป็นองค์ประกอบสำคัญที่จะช่วยขับเคลื่อนงานด้านการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ส่งเสริมให้มีการพัฒนาทั้งด้านบุคลากรและเครื่องมือ เครื่องใช้ต่าง ๆ ตลอดจนให้หน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน สามารถบูรณาการในการบริหารจัดการ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ จังหวัดชุมพร จะจัดทำแผนป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยทางทะเล ให้สอดคล้องกับสภาวะปัจจุบันและแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

ทั้งนี้ เพื่อการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยทางทะเล และสามารถให้ความช่วยเหลือประชาชน ตลอดจนนักท่องเที่ยวจากต่างแดนได้ทันท่วงที การจัดกิจกรรมในครั้งนี้มีหัวหน้าส่วนราชการ ผู้แทนหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน ร่วมกิจกรรมฯ จำนวน 80 คน 

โดยได้เรียนเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาเป็นวิทยากรบรรยายกิจการทางทะเล ด้านการบรรเทาสาธารณภัย รวมทั้งปัญหาที่เกิดขึ้นจากการปฏิบัติงานด้านการบรรเทาสาธารณภัยที่ผ่านมา เพื่อเป็นข้อมูลให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมได้แสดงความคิดเห็น ข้อเสนอแนะต่าง ๆ เกี่ยวกับการทำแผนป้องกันบรรเทาสาธารณภัยทางทะเลจังหวัดชุมพร ซึ่ง ศรชล.จว.ชพ. ได้เก็บรวมรวบข้อมูล เพื่อใช้จัดทำแผนการฝึกป้องกันบรรเทาสาธารณภัยทางทะเลของจังหวัดชุมพร ในห้วงเดือน มี.ค.66 ต่อไป

ร้าน 'โดนใจ' ออนทัวร์ทั่วไทย ใกล้ชิดผู้ประกอบการโชห่วย ลงพื้นที่มอบอุปกรณ์การศึกษาให้กับโรงเรียนในชุมชน จ. เชียงใหม่

จากความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะพัฒนาร้านโชห่วยของไทยให้มีการระบบบริหารจัดการที่ดีและเติบโตไปได้ในระยะยาว บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ บีเจซี จึงได้เปิดตัวโมเดลธุรกิจ 'ร้านโดนใจ' ใส่ใจ ใกล้บ้านคุณ มุ่งพัฒนาและส่งเสริมร้านโชห่วยที่อยู่คู่กับชุมชนของประเทศมายาวนาน ล่าสุด จัดออนทัวร์ ทั่วไทย ลงพื้นที่ใกล้ชิดผู้ประกอบการที่ จังหวัดเชียงใหม่ ต่อเนื่องเป็นจังหวัดที่ 3 โดยที่ผ่านมามีการตอบรับเข้าร่วมโครงการเป็นอย่างดี 'โดนใจ' จึงเดินหน้าผลักดันร้านค้าชุมชุนให้เป็น S-M-A-R-T โชห่วย ให้มีความทันสมัยในแบบฉบับร้านโดนใจ เพื่อส่งเสริมร้านโชห่วยให้เติบโตอย่างแข็งแรงและยั่งยืน และในโอกาสนี้ คณะผู้บริหารได้ลงพื้นที่มอบเครื่องคอมพิวเตอร์ และสินค้าอุปโภคบริโภคให้แก่โรงเรียนบ้านทุ่งเสี้ยว อ.สันป่าตอง เพื่อมุ่งพัฒนาการศึกษาและคุณภาพความเป็นอยู่ของเด็กในชุมชน ให้สอดคล้องกับสภาพสังคมและเศรษฐกิจ

 นางฐาปณี เตชะเจริญวิกุล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่อาวุโส บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ บีเจซี กล่าวว่า ปัจจุบันตลาดค้าปลีกมีการแข่งขันกันสูง 'ร้านค้าโชว์ห่วย' ซึ่งถือได้ว่าเป็นร้านค้าที่อยู่คู่กับชุมชนของประเทศไทยมาอย่างยาวนาน เริ่มเข้าสู่การปรับตัวอย่างมาก ต้องพัฒนาร้านค้าเพื่อความอยู่รอดในธุรกิจ ดังนั้นเราจึงขอเป็นส่วนหนึ่งในการเข้าไปช่วยสนับสนุน โดย 'ร้านโดนใจ' พร้อมร่วมมือกับหน่วยงานราชการ ได้แก่ พาณิชย์จังหวัด หอการค้าจังหวัดประชาสัมพันธ์ และพันธมิตรร้านโดนใจ ร่วมผนึกกำลังพัฒนาร้านโชห่วย ให้สามารถดำเนินธุรกิจให้เติมโดยอย่างยั่งยืนในระยะยาว

 นางฐาปณี เสริมต่อไปว่า แพลตฟอร์มร้านโดนใจมีจุดเด่นที่ผู้ประกอบการร้านค้าโชห่วยสามารถเลือกลงทุน และสินค้าที่จำหน่ายได้เอง โดยไม่ต้องแบ่งผลกำไร ใช้งบลงทุนที่ไม่สูง มีการดำเนินงานเป็น 2 ส่วน คือ

1. เราใช้ 'บีเจซี' มาช่วยพัฒนาระบบเครื่องคิดเงิน และใช้เครือข่ายของบิ๊กซีเป็นคนจำหน่ายสินค้าให้กับร้านค้าในชุมชน

2. เรามีพันธมิตรหลักอย่าง 'บิ๊กซี' ที่มีอยู่ทั่วประเทศเข้ามาจัดส่งสินค้าถึงหน้าร้าน ขณะที่การปรับปรุงร้านค้านั้นหากผู้ประกอบการต้องการปรับโฉมหรือตกแต่งให้ดูทันสมัยสามารถเลือกได้ตามความเหมาะสมของงบประมาณที่ตัวเองเห็นสมควร

 “อย่างไรก็ดีนอกจากการพัฒนาโมเดลร้านค้าปลีกสมัยใหม่ด้วยระบบการบริหารจัดการที่ดี มีเทคโนโลยีที่ทันสมัยอีกหนึ่งปัจจัยที่สำคัญคือการหาคู่ค้า บีเจซีได้เดินหน้าจับมือพันธมิตรกว่า 30 บริษัทเพื่อติดปีกเสริมแกร่งให้ร้านโดนใจมีสินค้าและผลิตภัณฑ์วางจำหน่ายที่หลากหลายแบรนด์ ในราคาที่เหมาะสม อาทิ โค้ก แฟนต้า เนสกาแฟ ไฮยีน บรีส ดาวน์นี่ นีเวีย แอทแทค เปา คอลเกต ไฟน์ไลน์ ดัชมิลล์ แลคตาซอย สิงห์ มาม่า ไวไว เบอร์ดี้ น้ำมันมรกต ข้าวเบญจรงค์ เด็กสมบูรณ์ เลย์ อิงอร ปินโต้ ข้าวตราแตงโม ซอสม้าบิน ขนมปูจ๋า ซีพี-เมจิ บีทาเก้น ขนมปังมิงโก้ และแหนมดอนเมือง เป็นต้น 

พร้อมกันนี้ยังมีพันธมิตรในกลุ่มสถาบันการเงิน ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารออมสิน และ บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เพื่อต่อยอดในการสร้างทุนให้กับผู้ประกอบการที่สนใจที่จะเปิดร้านโดนใจในพื้นที่ต่างๆทั่วประเทศ ซึ่งเราเชื่อมั่นว่าการเชื่อมโยงพันธมิตรที่หลากหลายจะเป็นส่วนเติมเต็มที่สำคัญให้ร้านโดนใจสามารถเติบโตไปได้อย่างยั่งยืนในอนาคต” นางฐาปณี กล่าวเสริม

 “เราเชื่อมั่นว่า ร้านโดนใจ จะเป็นส่วนเติมเต็มที่สำคัญให้กับการพัฒนาร้านโชห่วยในประเทศไทยให้สามารถเติบโตและขานรับความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างหลากหลาย มากไปกว่านั้นการมีระบบบริหารจัดการที่ดีจะทำให้ร้านค้ารวมไปถึงผู้ประกอบการและลูกค้ามีความสะดวกสบาย ที่สำคัญจะทำให้ระบบนิเวศทางธุรกิจนับตั้งแต่ผู้ประกอบการ คู่ค้า และซัพพลายเออร์เจ้าของสินค้าที่เข้ามาร่วมอยู่ในอีโคซิสเท็มของโดนใจเติบโตไปด้วยกันอย่างยั่งยืน” นางฐาปณี  กล่าวสรุป

 สำหรับท่านที่สนใจร่วมเป็นส่วนหนึ่งขอครอบครัว โดนใจ ร้าน “โดนใจ” ใส่ใจ ใกล้บ้านคุณ สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลได้ที่โทร.02-146-5954 หรือ https://donjai.in.th/

'ตรีนุช' เดินหน้าแก้หนี้ครู 5 ภูมิภาค Kick-off มหกรรมการเงินเพื่อครูไทย นำร่อง กาฬสินธุ์ ที่แรก 

เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2566 ณ ห้องประชุมนิลปัทม์ โรงเรียนกมลาไสย จังหวัดกาฬสินธุ์ กระทรวงศึกษาธิการ จัดงาน มหกรรมการเงินเพื่อครูไทย 'Unlock a better life' สร้างโอกาสใหม่ เพื่อชีวิตครูไทยที่ดีกว่า เพื่อเปิดโอกาสให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาทุกกลุ่มได้เข้าถึงมาตรการความช่วยเหลือการแก้ไขปัญหาหนี้สินภายใต้เงื่อนไขพิเศษของสถาบันการเงินและสหกรณ์ออมทรัพย์ครู โดยมี นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานเปิดงาน พร้อมด้วย นายศุภศิษย์ กอเจริญยศ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ นายอัมพร พินะสา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน นายสุทิน แก้วพนา รองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ผู้บริหารสถานศึกษา และบุคลากรการศึกษา เข้าร่วมคับคั่ง 

โดยภายในงานมีการเปิดบูธให้คำปรึกษา ปรับโครงสร้างหนี้ ไกล่เกลี่ยหนี้ ส่งเสริมการออมและการลงทุน และให้ความรู้ด้านการบริหารและจัดการการเงิน จากหน่วยงานพันธมิตร ได้แก่ กระทรวงการคลัง, กระทรวงยุติธรรม, กรมส่งเสริมสหกรณ์, ธนาคารแห่งประเทศไทย, สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์, กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ, บริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติ, สมาคมธนาคารไทย, สมาคมสถาบันการเงินของรัฐ, ธนาคารออมสิน, ธนาคารอาคารสงเคราะห์, ธนาคารกรุงไทย, กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา, สกสค., สคบศ. และสหกรณ์ออมทรัพย์ครูกาฬสินธุ์และพื้นที่จังหวัดใกล้เคียง

นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า กระทรวงศึกษาธิการต้องการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูอย่างจริงจังเต็มที่ เพราะการเป็นหนี้ ทำให้ครูและครอบครัวมีความเดือดร้อนต่อการดำเนินชีวิต ส่งผลกระทบต่อคุณภาพในการเรียนการสอนที่อาจทำได้ไม่เต็มที่ ซึ่งการจัดงานมหกรรมการเงินเพื่อครูไทยฯ ระดับภูมิภาคนี้ เป็นการต่อยอดความสำเร็จจากการจัดงานมหกรรมการเงินเพื่อครูไทยฯ สำหรับพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล เมื่อวันที่ 17-18 ธันวาคม 2565 ที่ผ่านมา ที่สามารถแก้ไขปัญหาหนี้สินข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาได้เกือบ 300 ล้านบาท โดยการจัดงานในระดับภูมิภาคจะช่วยเปิดโอกาสให้ครูทุกพื้นที่ได้เข้าถึงมาตรการความช่วยเหลือการแก้ไขปัญหาหนี้สินภายใต้เงื่อนไขพิเศษของสถาบันการเงินและสหกรณ์ออมทรัพย์ครูมากยิ่งขึ้น

ในปีงบประมาณ 2566 กระทรวงศึกษาธิการได้บูรณาการการทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด ในการกำหนดรูปแบบแนวทางในการแก้ไขหนี้สินครูและบุคลากรทางการศึกษาโดยใช้สหกรณ์ออมทรัพย์ครูเป็นฐาน เปิดช่องทาง หรือกิจกรรมการเจรจาแก้ไขปัญหาหนี้ร่วมกันระหว่างเจ้าหนี้และลูกหนี้ลงถึงพื้นที่ ทั้งการไกล่เกลี่ย เจรจา ปรึกษา ปรับโครงสร้างหนี้ หาข้อยุติ การบังคับคดีและแก้ไขปัญหาหนี้สินร่วมกัน ซึ่งจะได้รับสิทธิประโยชน์พิเศษภายในงาน โดยเฉพาะอัตราดอกเบี้ย ซึ่งปัจจุบันมีแนวโน้มและทิศทางที่เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ กลุ่มครูและบุคลากรทางการศึกษาที่ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ และผู้ที่ถูกฟ้องร้องดำเนินคดี ซึ่งมีจำนวนกว่า 85,000 ราย จะเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักที่ต้องดำเนินการช่วยเหลือ ไกล่เกลี่ยปัญหาหนี้สินให้เกิดผลสัมฤทธิ์อย่างเร่งด่วน เพื่อให้ได้รับคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น มีเงินเดือนเพียงพอที่จะดำรงชีวิตอยู่ได้ ซึ่งไม่เพียงเป็นการลดภาระหนี้สินครู แต่ยังส่งต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศที่ทำให้มีเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบ เกิดสภาพคล่องทางเศรษฐกิจโดยรวมด้วย

ขณะที่ นายสุทิน แก้วพนา รองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวถึงภาพรวมในครั้งนี้ว่า โครงการเงินเพื่อครูไทย 'Unlock a better life' สร้างโอกาสใหม่ เพื่อชีวิตครูไทยที่ดีกว่า ครั้งนี้เป็นครั้งแรกของการนำร่องในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จังหวัดกาฬสินธุ์ฯ รวมจังหวัดใกล้เคียง ขอนแก่น ร้อยเอ็ด มหาสารคาม ซึ่งก่อนหน้านี้มีผู้ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูฯ กว่า 5,000 คน หนี้รวมกว่า 8,000 ล้านบาท การแก้ไขปัญหาหนี้ของกระทรวงศึกษาธิการครั้งนี้ จะทำให้ครูทุกคนได้รับการดูแลช่วยเหลือแก้ไขปัญหาหนี้สินได้อย่างทั่วถึงและเป็นระบบ ส่งผลต่อคุณภาพการศึกษาและคุณภาพสังคม ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

สำหรับ โครงการ มหกรรมการเงินเพื่อครูไทย 'Unlock a better life' สร้างโอกาสใหม่ เพื่อชีวิตครูไทยที่ดีกว่า จะจัดขึ้นในทั้งหมด 4 ภูมิภาค 5 จังหวัด ได้แก่ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ, ภาคตะวันออก, ภาคเหนือ, ภาคใต้ ครั้งที่ 1 วันที่ 18–19 กุมภาพันธ์ 2566 ณ หอประชุมโรงเรียนกมลาไสย อำเภอกมลาไสย จังหวัดกาฬสินธุ์ ครั้งที่ 2 วันที่ 4–5 มีนาคม 2566 ณ หอประชุมราชภัฏอุดรธานี จังหวัดอุดรธานี ครั้งที่ 3 วันที่ 11–12 มีนาคม 2566 ณ จังหวัดสระแก้ว ครั้งที่ 4 วันที่ 18–19 มีนาคม 2566 ณ หอประชุมวชิรโชติ มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม จังหวัดพิษณุโลก และ ครั้งที่ 5 วันที่ 25–26 มีนาคม 2566 ณ หอประชุมสุราษฎร์ธานีวชิราลงกรณ์ จังหวัดสุราษฎร์ธานี สำหรับข้าราชการครูฯ และผู้ที่สนใจสามารถสมัครเข้าร่วมงานผ่านระบบออนไลน์ได้ทาง unlock.moe.go.th โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ บินด่วนติดตามความคืบหน้ากรณีลูกเรือประมงต่างด้าวถูกทำร้ายสาหัส

จากกรณี เมื่อวันที่ 14 ก.พ.66 เวลาประมาณ 20.00 น. พนักงานสอบสวน สภ.ปากน้ำชุมพร ได้รับแจ้ง จากศูนย์ PIPO ว่ามีลูกเรือประมง ชื่อ นายอาว วิน นายสัญชาติเมียนมา ซึ่งเป็นลูกเรือประมงอยู่กับเรือ ม.โชควาสนานาวี 9 ถูกทำร้ายร่างกายบนเรือประมงและได้ถูกส่งไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลเขตอุดมศักดิ์ 

วันนี้ (18 ก.พ.66) เวลาประมาณ 11.30 น. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. เข้าประชุมร่วมกับนายวิสาห์ พูลศิริรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร พล.ต.ท.วันไชย เอกพรพิชญ์ จต. (สบ 8) พล.ต.ต.จารุต ศรุตยาพร ผบก.ภ.จว.ชุมพร พร้อมด้วย พม.จังหวัดชุมพร แรงงานจังหวัดชุมพร และ NGOs เพื่อดำเนินการสืบสวนสอบสวน และหารือเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รวมทั้งติดตามความคืบหน้าของการดำเนินคดี

จากการสืบสวนทราบว่า เรือประมง ม.โชควาสนานาวี 9 มีลูกเรือจำนวน 7 คน เป็นสัญชาติเมียนมาทั้งหมดรวมถึงตัวผู้ได้รับบาดเจ็บ และมีคนไทย 2 คนเป็นเจ้าของเรือและไต้ก๋ง ในวันเกิดเหตุ เมื่อวันที่ 13 ก.พ.66 เวลา 13.30 น. ขณะที่เรือจอดอยู่ที่แพโชคทอง นายอาว วิน นาย รู้สึกไม่อยากทำงานต่อ จึงปฏิเสธที่จะลงเรือ ทำให้คนไทยทั้งสองไม่พอใจ และรุมทำร้ายนายอาว วิน นาย จนได้รับบาดเจ็บ และออกเรือไปทำประมงโดยทิ้งผู้เสียหายไว้ ผู้เสียหายจึงขอความช่วยเหลือและรักษาตัวที่ รพ.

หลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ได้นำตัวลูกเรือประมงที่เหลืออีก 6 คน เข้ากระบวนการคัดแยกเหยื่อจากการค้ามนุษย์ ผลการคัดแยกเหยื่อพบว่า ลูกเรืออีก 6 รายที่เหลือนั้น ไม่เป็นผู้เสียหายในความผิดเรื่องค้ามนุษย์และบังคับใช้แรงงาน แต่พบว่า ลูกเรือทั้ง 6 คน ทำงานในเรือประมงโดยรับค่าจ้างไม่ผ่านบัญชีธนาคาร, จ่ายค่าจ้างไม่ถูกต้อง และไม่จัดทำเอกสารเกี่ยวกับการจ่ายค่าจ้างตามที่ กฎกระทรวงกำหนดไว้ จึงได้มีการร้องทุกข์กล่าวโทษเพื่อดำเนินคดีกับเจ้าของเรือแล้ว ในส่วนของกรณีนายอาว วิน นาย นั้น อยู่ในระหว่างการสอบปากคำพยานเพิ่มเติม รวมทั้งนำตัวเจ้าของเรือ และไต้ก๋งมาสอบปากคำเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า คดีดังกล่าวมีลูกเรือประมงถูกทำร้ายร่างกายจากนายจ้าง โดยอ้างว่าเกิดจากการปฏิเสธที่จะทำงาน ซึ่งเข้าข่ายการบังคับใช้แรงงานหรือการค้ามนุษย์ จึงได้สั่งการให้ดำเนินการสืบสวนและตรวจสอบข้อเท็จจริงดังกล่าว เบื้องต้นยังไม่สามารถสอบผู้เสียหายโดยละเอียดได้ เนื่องจากยังรักษาตัวจากอาการบาดเจ็บ แต่ในส่วนของลูกเรือที่เหลือ หลังจากที่นำเข้าสู่กระบวนการคัดแยกเหยื่อแล้วพบว่า สภาพการทำงานภายในเรือนั้นไม่เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด รวมทั้งการจ่ายค่าจ้างก็มิได้ดำเนินการตามกฎหมาย จึงสั่งการให้ดำเนินคดีกับนายจ้างตาม พ.ร.บ.แรงงานฯ ต่อไป ในส่วนของการทำร้ายร่างกาย มีลักษณะเข้าข่ายการบังคับใช้แรงงานหรือการค้ามนุษย์ หากพบว่ากระทำผิดจริงจะดำเนินคดีผู้เกี่ยวข้องจนถึงที่สุด

ผบ.ตร.ร่วมรดน้ำศพ สารวัตรสืบฯ บันนังสะตา พลีชีพเหตุลอบวางระเบิด เสนอปูนบำเหน็จกรณีพิเศษ 7 ขั้นยศเป็น พล.ต.อ.เผยรู้ตัวคนร้าย ก่อเหตุมาแล้วหลายครั้ง สั่งเร่งไล่ล่ามาดำเนินคดี

วันนี้ (18 ก.พ.66)​ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.สราวุฒิ การพานิช ผู้ช่วย ผบ.ตร., พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร., พล.ต.ท.นิธิธร จินตกานนท์ ผบช.ประจำ ตร. พล.ต.ท.นันทเดช น้อยนวล ผบช.ภ.9, พลตรี ไพศาล หนูสังข์ รอง แม่ทัพภาคที่ 4 ผอ.รมน.ภาค 4 สนร่วมพิธีรดน้ำศพ พ.ต.ต. ประสาน คงประสิทธิ์ สว.สส.สภ.บันนังสะตา จว.ยะลา ผู้เสียชีวิตจากเหตุคนร้ายรอบวางระเบิด หลังนำกำลังเข้าตรวจสอบเหตุเผารถทำถนนของ บริษัท ยะลาไฮเวย์ เหตุเกิด บนถนนศรีบางลาง ม.1 บ้านสนามบิน ต.เขื่อนบางลาง อ.บันนังสตา จ.ยะลา มีเจ้าหน้าที่ตำรวจเสียชีวิต 1 นาย บาดเจ็บอีก 4 นาย 

เวลาประมาณ 09.00 น. ผบ.ตร. พร้อมคณะเดินทางโดยเฮลิคอปเตอร์ มายัง ศปก.สน.จว.ยะลา เชิญเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน, กอ.รมน.ภาค 4,​ นิติวิทยาศาสตร์ และส่วนเกี่ยวข้อง เข้าร่วม เพื่อประชุมติดตามเร่งรัดสืบสวนติดตามคนร้ายผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีตามกฎหมายโดยเร็ว ซึ่งเจ้าหน้าที่รู้ตัวกลุ่มผู้ก่อเหตุแล้ว เป็นกลุ่มเดิมที่เคยก่อเหตุมาแล้วหลายครั้ง อยู่ระหว่างติดตามตัวมาดำเนินคดี

จากนั้นเวลา 11.30 น. ได้เดินทางโดยรถยนต์ไปยังวัดเมืองยะลา พระอารามหลวง ร่วมพิธีรดน้ำศพ และ เป็นผู้แทนนำพวงหรีด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรองนายกรัฐมนตรีเคารพศพ พ.ต.ต. ประสาน คงประสิทธิ์ สว.สส.สภ.บันนังสะตา ผู้เสียชีวิตจากเหตุคนร้ายลอบวางระเบิด มีคณะนายตำรวจระดับสูง ไปจนถึงข้าราชการตำรวจในสังกัด จว.ยะลา และญาติร่วมพิธี บรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้า พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ฯ​ ได้พูดคุยและให้กำลังใจกับญาติผู้วายชนม์ มอบเงินช่วยเหลือเยียวยาในเบื้องต้น พร้อมให้คำมั่นว่าจะนำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษให้ได้ 

ต่อมาเวลา 12.00 น. พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ ฯ ได้เดินทางไปเยี่ยมเจ้าหน้าที่ที่ได้รับบาดเจ็บ ณ​ รพ.ศูนย์ยะลา และ รพ.ยะลาสิริรัตนรักษ์ มอบเงินสวัสดิการช่วยเหลือ พร้อมให้กำลังใจว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติไม่เคยทอดทิ้

ผบ.ตร. กล่าวว่า “เหตุการณ์ครั้งนี้ถือเป็นการสูญเสียที่ยิ่งใหญ่ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ต้องเอามาถอดบทเรียน ทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้น เพื่อไม่ให้เกิดการสูญเสียอีก แต่ทั้งนี้จะได้ประสานข้อมูลการข่าวอย่างใกล้ชิดกับฝ่ายความมั่นคง” 

สำหรับการช่วยเหลือเยียวยาดูแลสิทธิประโยชน์ พ.ต.ต.ประสาน คงประสิทธิ์ สว.สส.สภ.บันนังสตา ที่เสียชีวิต ผบ.ตร.ได้สั่งการให้เสนอปูนบำเหน็จความดีความชอบตอบแทนเป็นกรณีพิเศษ โดยขอเลื่อนเงินเดือนให้ 7 ขั้น ขอพระราชทานยศเป็น พล.ต.อ.และเครื่องราชอิสริยาภรณ์สูงขึ้นไม่เกิน 2 ชั้นตรา การช่วยเหลือบรรจุทายาท รวมทั้งมีการให้เงินช่วยเหลือดูแลในส่วนของสิทธิประโยชน์อื่นๆ ทั้งของผู้เสียชีวิตและครอบครัว เช่น เงินกองทุนสวัสดิการ ตร. 500,000 บาท แยกให้ทายาทแต่ละคน เงินฌาปกิจสงเคราะห์ ตร 670,000 บาท และเงินช่วยเหลือในส่วนอื่นๆอีก รวมเป็นเงินทั้งสิ้น จำนวน 4,188,378 บาท 

ด้าน ส.ต.อ.ภาสกร คำดี ผบ.หมู่สส.สภ.บันนังสตา ที่บาดเจ็บสาหัส จะได้รับเงินช่วยเหลือ สิทธิประโยชน์อื่นๆ จำนวน 317,000 บาท

ส่วนตำรวจอีก 3 รายที่ได้รับบาดเจ็บ จ.ส.ต.สุวิทย์ ธนะวงศ์ ส.ต.อ.สุทัศน์ มูลเงิน และ ส.ต.อ.ไกรสีห์ โรจโนดม ผบ.หมู่ สส.สภ.บันนังสตา จะได้รับเงินช่วยเหลือ สิทธิประโยชน์อื่นๆ รายละ 80,000 บาท 

ทั้งนี้ ผบ.ตร.ได้มอบเงิน ช่วยเหลือเพิ่มเติม ผู้เสียชีวิต 50,000 บาท ผู้ได้รับบาดเจ็บ 4 รายฯ ละ 5,000 บาท จำนวน 4 ราย สมาคม แม่บ้านตำรวจ มอบเงินช่วยเหลือ ผู้เสียชีวิต 10,000 บาท ผู้ได้รับบาดเจ็บ รายละ 5,000 บาท

กาฬสินธุ์เปิดงานมหกรรมโปงลาง แพรวา และงานกาชาดโชว์ร่ำรวยวัฒนธรรม

เริ่มแล้วงานมหกรรมโปงลาง แพรวา และงานกาชาดจังหวัดกาฬสินธุ์ ประจำปี 2566 ขณะที่ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ ตีโปงลาง เป็นสัญญาณเปิด ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 17-26 กุมภาพันธ์ 2566 ที่สนามหน้าศาลากลางจังหวัดกาฬสินธุ์ ศูนย์ราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ โดยมีการบรรเลงโปงลางจากต้นกล้าโปงลางเมืองน้ำดำ และการแสดงแสงสีเสียง 'โปงลางล้ำค่า แพรวาแสนสวย ร่ำรวยวัฒนธรรม'

ที่สนามหน้าศาลากลาง จ.กาฬสินธุ์ ศูนย์ราชการ จ.กาฬสินธุ์ นายศุภศิษย์ กอเจริญยศ ผู้ว่าราชการ จ.กาฬสินธุ์ เป็นประธานเปิดงานมหกรรมโปงลาง แพรวา และงานกาชาด จ.กาฬสินธุ์ ประจำปี 2566 โดยตีโปงลางเป็นสัญญาณเริ่มงาน ซึ่งทุกภาคส่วนร่วมกันจัดขึ้นระหว่างวันที่ 17 - 26 กุมภาพันธ์ 2566 รวม 10 วัน 10 คืน เพื่อเผยแพร่ ฟื้นฟู อนุรักษ์ ศิลปวัฒนธรรมของจังหวัด โดยเฉพาะการแสดงดนตรีโปงลางให้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย เผยแพร่ผลิตภัณฑ์ผ้าไหมแพรวาและสินค้า OTOP รวมทั้งเพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจในท้องถิ่น สร้างรายได้สู่ชุมชน  

โดยมีนายธวัชชัย รอดงาม รองผู้ว่าราชการ จ.กาฬสินธุ์ นายสำเริง ม่วงสังข์ รอง ผู้ว่าราชการ จ.กาฬสินธุ์ ผู้ช่วยศาสตราจารย์จุรีรัตน์ กอเจริญยศ นายกเหล่ากาชาด จ.กาฬสินธุ์ พล.ต.ต.มนตรี จรัลพงศ์ ที่ปรึกษาผู้ว่าราชการ จ.กาฬสินธุ์ นายธนภัทร ณ ระนอง ปลัด จ.กาฬสินธุ์ นางเฉลิมขวัญ หล่อตระกูล นายกอบจ.กาฬสินธุ์ นายจารุวัฒน์ บุญเพิ่ม นายกเทศมนตรีเมืองกาฬสินธุ์ พร้อมด้วยนายอำเภอทั้ง 18 อำเภอ คณะกรรมการเหล่ากาชาด หัวหน้าส่วนราชการ ประชาชน และนักท่องเที่ยวร่วมงานจำนวนมาก

ทั้งนี้การแสดงพิธีเปิดงานได้นำความ 'ร่ำรวยวัฒนธรรม' มาโชว์ การบรรเลงโปงลางของต้นกล้าโปงลางเมืองน้ำดำ ซึ่งสำนักงานวัฒนธรรม จ.กาฬสินธุ์จัดอบรม จำนวน 200 คน พร้อมศิลปิน มอส กาฬสินธุ์ และการแสดง แสง สี เสียง จากวิทยาลัยนาฏศิลปกาฬสินธุ์ ชุด 'โปงลางล้ำค่า แพรวาแสนสวย ร่ำรวยวัฒนธรรม' ที่สร้างความสวยงาม ประทับใจ

จากนั้นนายศุภศิษย์ กอเจริญยศ ผู้ว่าราชการ จ.กาฬสินธุ์ รับมอบเงินสนับสนุนการจัดงานมหกรรมโปงลาง แพรวา และงานกาชาด จ.กาฬสินธุ์ ประจำปี 2566 จากนางเฉลิมขวัญ หล่อตระกูล นายกอบจ.กาฬสินธุ์ จำนวน 500,000 บาท และนายจารุวัฒน์ บุญเพิ่ม นายกเทศมนตรีเมืองกาฬสินธุ์อีก จำนวน 100,000 บาท พร้อมกับเปิดศาลาวิจิตรแพรวา ของสำนักงานพัฒนาชุมชน จ.กาฬสินธุ์ 

สำหรับกิจกรรมภายในงาน ประกอบด้วย การประกวดวงดนตรีโปงลาง ชิงถ้วยพระราชทาน สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี การเดินแบบผ้าไหมแพรวาของชมรมแม่บ้านมหาดไทย กิจกรรมล้วงไหแม่บ้านมหาดไทย ชิงรางวัล เยี่ยมชมศาลาวิจิตรแพรวา ของสำนักงานพัฒนาชุมชน จ.กาฬสินธุ์ เลือกซื้อ ผ้าไหมแพรวา สินค้า OTOP ของ จ.กาฬสินธุ์


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top