Thursday, 29 May 2025
NEWS FEED

ทำแบบนี้ไม่น่ารัก!! ‘เอิร์ธ ฟิวเจอร์แบนด์’ ตัดพ้อ ถูกคนดูสาดน้ำใส่หน้า ‘ไมค์ครึ่งแสน’ เปียกโชก!! คนทำยอมรับว่า เมา-พร้อมรับผิดชอบ

เผยคลิป เอิร์ธ ฟิวเจอร์แบนด์ ถูกสาดน้ำระหว่างโชว์ ไมค์ราคาครึ่งแสนชุ่มโชก คนทำโทรเคลียร์แล้ว ยอมรับเมาขาดสติ พร้อมรับผิดชอบหากของพัง

เหตุการณ์นักร้อง นักดนตรี “ถูกคุกคาม” ระหว่างการแสดงเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า หนนี้เกิดขึ้นกับ เอิร์ธ ธัชณรงค์ หรือ เอิร์ธ ฟิวเจอร์แบนด์

“เอิร์ธ” ระบุทางเฟซบุ๊กส่วนตัวถึงเรื่องที่เกิดขึ้น พร้อมแนบคลิปที่เผยให้เห็นผู้ชมด้านล่างเวทีสาดน้ำขึ้นมาด้านบนจน “ไมโครโฟน” ชุ่มโชก ความว่า ผมไม่เคยใจเย็นแบบนี้มาก่อน ผมเก็บและกัดฟันสุดๆ อยากให้คนที่มางาน หรือแขก ถ้าเมาแล้วควรใช้พฤติกรรมดีๆ ต่อพวกผมบ้างครับ พวกผมเป็นคนเอ็นเตอร์เทนงาน เป็นคนให้ความสุขคน ผมมาเจออะไรแบบนี้มันไม่ไหว งานนี้เจ้าภาพดีกับทีมงานและผมมากๆ มีแค่คนคนเดียวที่ทำให้ผมพัง

ตอนนี้ไม่รู้ของผมพังมั้ย แต่เจ้าภาพน่ารักมาก บอกถ้ามีปัญหาให้ติดต่อได้เลย ผมไม่อยากให้สถานการณ์นี้เกิดกับศิลปิน หรือนักร้องท่านใด 

ปล.ถ้าเป็นสมัยก่อน กูถึงตัวแน่นอน และสุดท้ายไมค์ตัวนี้คือ Sennheiser ew500 g4

ด้วยความเคารพ
 

นราธิวาส-เปิดตัว 'มาดูดิ' กระตุ้นเศรษฐกิจ สร้างยอดขายให้พ่อค้าแม่ค้า แค่ปลายนิ้วสัมผัส อิ่มทั้งซอย อร่อยทั้งอำเภอ นราธิวาส

ที่โรงแรมอิมพีเรียล อ.เมือง นราธิวาส ผู้บริหารฟิล์มกรุ๊ปและผู้บริหารบริษัทมาดูดิ ได้ร่วมเปิดตัวแอปพลิเคชัน 'มาดูดิ' แอปส่งอาหาร 'มาดูดิ' ของชาวนราธิวาส โดยมีนายสนั่น พงษ์อักษร ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส เป็นประธานเปิดงานแอปพลิเคชัน "มาดูดิ" แอปฯ ส่งอาหาร สำหรับชาวนราธิวาส ซึ่งเป็นเรื่องน่ายินดีอย่างยิ่งที่ชาวจังหวัดนราธิวาสจะได้มีแอปพลิเคชั่น "มาดูดิ" ส่งอาหารถึงบ้าน สร้างความสะดวกสบาย และรวดเร็วทันสมัย ตลอดจนเป็นการกระตุ้นยอดขาย และรายได้ให้กับกลุ่มพ่อค้าแม่ค้าในพื้นที่

นายสมโชติ เสาร์สีอ่อน ผู้บริหารฟิล์มกรุ๊ปและผู้บริหารบริษัทมาดูดิ กล่าวว่า การเปิดตัวแอปพลิเคชัน “มาดูดิ” ครั้งนี้ว่า ต้องการให้เป็นทางเลือกอีก 1 ทางให้กับชาวนราธิวาส และสนับสนุนการดำเนินงานของคนไทยซึ่ง “มาดูดิ” มีการเขียนโปรแกรมโดยคนไทย อีกทั้งโดยหวังขยายตลาดในภาพรวมของพื้นที่ด้วย ทั้งการกระตุ้นยอดขายของพ่อค้าแม่ค้า สร้างอาชีพให้กับประชาชนในพื้นที่ ซึ่งปัจจุบันมีประชาชนเข้าร่วมเป็นพนักงานแล้วกว่า 10 คน โดยในอนาคตคาดจะมีผู้สนใจเข้าร่วมงานกับ “มาดูดิ” มากขึ้นอย่างแน่นอน

แม่ทัพภาคที่ 2 ตรวจเยี่ยมการฝึกภาคกองพัน ประจำปี 2566 พื้นที่กองกำลังสุรนารี

ที่กองบัญชาการกองกำลังสุรนารี พลโทสวราชย์ แสงผล แม่ทัพภาคที่ 2 เดินทางมาตรวจเยี่ยมการฝึกภาคกองพัน ประจำปี 2566 ในพื้นที่กองกำลังสุรนารี โดยมี พลตรีวีระยุทธ รักศิลป์ ผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี พันเอกปิยวัฒน์ สุประการ รองผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี(2) พันเอกสมภพ ภาระเวช รองผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี(3) พันเอกจิรัฐฏ์ ช่วงฉ่ำ เสนาธิการกองกำลังสุรนารี ผู้บังคับหน่วยในพื้นที่ และฝ่ายเสนาธิการกองกำลังสุรนารี ให้การต้อนรับและร่วมปฏิบัติภารกิจ ในโอกาสนี้ได้รับฟังบรรยายสรุปสถานการณ์การฝึกในภาพรวม ณ ห้องอำนวยการยุทธ์ กองบัญชาการกองกำลังสุรนารี อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ จากนั้นได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมการฝึกฯ ในพื้นที่ชายแดน อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ โดยได้มอบรางวัลให้กับกำลังพลที่ชนะการแข่งขันชุดปฏิบัติการรบในสนามทดสอบกำลังใจ 22 สถานี รับชมการฝึกการส่งกลับสายแพทย์ด้วยอากาศยาน และมอบอุปกรณ์กีฬาให้กับโรงเรียนบ้านน้ำเย็น(กองทัพบกอุปถัมภ์) ต่อมาเดินทางไปตรวจเยี่ยมการฝึกฯ ในพื้นที่ อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ โดยได้มอบสิ่งของบำรุงขวัญให้กับกำลังพล รับชมการฝึกฯ ผ่านจอภาพ เเละรับชมการซักซ้อมแผนบนภูมิประเทศจำลอง ทั้งนี้แม่ทัพภาคที่ 2 ได้ให้โอวาทและเน้นย้ำกำลังพลที่เข้ารับการฝึก ขอให้มุ่งมั่นตั้งใจเข้ารับการฝึกฝนให้เกิดความชำนาญ และให้มีความปลอดภัย รวมทั้งได้ให้แนวทางการใช้กำลังในพื้นที่ให้ปฏิบัติตามแผนได้จริงไม่สับสนหากเกิดเหตุการณ์จริง

ผบก.ปส.3 บช.ปส. แจงการดำเนินคดี เครือข่าย 'ทุน มิน ลัด'

(12 มี.ค.66 ) พล.ต.ต.คมสิทธิ์ รังไสย์ ผบก.ปส.3 บช.ปส. เปิดเผยว่า จากกรณี พ.ต.ท.มานะพงษ์ วงศ์พิวัฒน์ สว.สส.สน.พญาไท ชี้แจงขั้นตอนการดำเนินคดีกับเครือข่าย “ทุน มิน ลัด” ตามปรากฏเป็นข่าวที่เกิดขึ้นนั้น 

ประเด็นการดำเนินคดีกับ เครือข่าย “ทุน มิน ลัด” คดีนี้ เริ่มจาก พ.ต.ท.มานะพงษ์ วงศ์พิวัฒน์ สว.สส.สน.พญาไท เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง สว.กก.2 บก.สส.บช.น. 

สำนวนที่ 1. เป็นคดีระหว่าง พ.ต.ท.มานะพงษ์ วงศ์พิวัฒน์ ผู้กล่าวหา กับ นายทุน มิน หลัด กับพวกรวม 10 คน ผู้กล่าวหามีการดำเนินการยื่นคำร้องขอออกหมายจับผู้ต้องหา รวม 6 ราย ในฐานะเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวน (ชั้นการสืบสวนความผิดก่อนร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน) และต่อมา ผู้กล่าวหาได้มีการจับกุมตัวผู้ต้องหา รวม 4 ราย ส่งให้ บช.ปส.ดำเนินคดี (หลบหนี 2 ราย) และผู้กล่าวหามีการร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีกับ นายอุปกิตฯ เพิ่มเติม 1 ราย รวมเป็น 7 ราย ต่อมา อสส. ได้พิจารณาสำนวนที่ 1 เห็นว่า 

“คดีนี้เป็นความผิดตามกฎหมายไทยที่ได้กระทำลงนอกราชอาณาจักร จึงอยู่ในอำนาจของอัยการสูงสุด” ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 20 และได้มีคำสั่งมอบหมายให้ ผบก.ปส.3 เป็นพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบและมอบหมายให้พนักงานสอบสวน บก.ปส.3 เป็นพนักงานสอบสวนทำการสอบสวนร่วมกับพนักงานอัยการ โดยสำนวนแรกพนักงานสอบสวนและพนักงานอัยการได้มีสอบสวนร่วมกันและมีความเห็นว่าพฤติการณ์ผู้ต้องหาในคดีเข้าข่ายเป็น “องค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ” ตาม พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พ.ศ. 2556 เห็นควรให้แจ้งข้อหาในความผิดตามกฎหมายดังกล่าวที่พบเพิ่มเติมอีกส่วนหนึ่ง จากนั้น คณะพนักงานสอบสวนและ คณะพนักงานอัยการสำนวนที่ 1 ได้มีความเห็นควรสั่งฟ้องผู้ต้องหารวม 9 ราย เนื่องจาก ผู้ต้องหาจำนวน 4 ราย มีการควบคุมตัวผู้ต้องหาใกล้ครบระยะเวลาตามที่กฎหมายกำหนด สำหรับกรณี นายอุปกิตฯ ที่ร้องทุกข์เพิ่มเติมในภายหลังได้มีการแยกดำเนินคดีเป็นอีกสำนวน

สำนวนที่ 2. เป็นการกล่าวหา นายอุปกิตฯ เป็นผู้ต้องหาที่เพิมเติมในภายหลังในชั้นการดำเนินคดีของพนักงานสอบสวนที่ได้มีการแยกดำเนินคดีเป็นอีกสำนวน ซึ่ง อสส. ได้พิจารณาสำนวนที่ 2 เมื่อ 26 ม.ค.66 ยังคงเห็นว่า คดีส่วนนี้เป็นความผิดตามกฎหมายไทยที่ได้กระทำลงนอกราชอาณาจักร เช่นเดียวกันกับสำนวนที่ 1 จึงอยู่ในอำนาจของอัยการสูงสุด ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 20 

จึงมอบหมายให้ ผบก.ปส.3 เป็นพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบ และมอบหมายให้พนักงานสอบสวน บก.ปส.3 เป็นพนักงานสอบสวนทำการสอบสวนร่วมกับพนักงานอัยการสำนักงานสอบสวน รวม 7 ท่าน ซึ่งมี นายวัชรินทร์ ภาณุรัตน์ รองอธิบดีอัยการ สำนักงานการสอบสวน เป็นหัวหน้าคณะพนักงานอัยการเข้าร่วมปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งคณะพนักงานสอบสวนและคณะพนักงานอัยการก็ได้ร่วมกัน สอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องมาโดยตลอด อย่างรวดเร็ว โดยมีประเด็นที่เป็นข้อสงสัยที่ปรากฏในสื่อสาธารณะหลายสื่อมีเนื้อหาระบุว่า “ศาลได้ให้พนักงานสอบสวนไปออกหมายเรียกเนื่องจาก นายอุปกิตฯ เป็น สว. ภายใน 15 วัน แล้วเหตุใดพนักงานสอบสวนไม่ออกหมายเรียกตามที่ศาลสั่งการ” ประเด็นดังกล่าว คณะพนักงานสอบสวนและคณะพนักงานอัยการ ได้พิจารณาร่วมกันตลอด เห็นว่า พยานหลักฐานในสำนวนหลายประการยังไม่มีความสมบูรณ์เนื่องจากมีเอกสารที่ไม่ใช่ภาษาไทย จำนวนมากประมาณกว่า 1,000 แผ่น จะต้องจัดแปลให้เป็นภาษาไทย เพื่อที่จะพิสูจน์ความผิดได้ซึ่งมีรายละเอียดพยานหลักฐานที่สำคัญมาก ประกอบกับอัยการสูงสุด ได้มีคำสั่งการให้สอบสวนเพิ่มเติมในสำนวนที่ 1 ซึ่งมีรายละเอียดพยานหลักฐานเกี่ยวพันกับผู้ต้องหาใน สำนวนที่ 2 ด้วย รวม 4 ประเด็น ซึ่งคณะพนักงานสอบสวนและคณะพนักงานอัยการ ได้ดำเนินการไปแล้วหลายประเด็น คงเหลือ ประเด็นที่สำคัญที่ต้องใช้ระยะเวลาในการดำเนินการ อาทิ การสั่งให้สอบสวนเกี่ยวกับการซื้อแคชเชียร์เช็คสั่งจ่ายค่าไฟฟ้าตั้งแต่ปี 2551 - ปัจจุบัน การตรวจสอบบัญชีเงินฝากและเส้นทางการเงินของบัญชีที่เกี่ยวข้อง ประมาณกว่า 500 บัญชีที่เกี่ยวข้องกับการจ่ายค่าไฟฟ้า และพิจารณาว่า มีบุคคลอื่นเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับขบวนการเครือข่ายยาเสพติดกลุ่มนี้หรือไม่ อย่างไร รวมทั้ง การตรวจสอบกรรมการผู้มีอำนาจซึ่งเป็นผู้แทนนิติบุคคลในต่างประเทศ เพื่อใช้ในการแจ้งข้อเท็จจริงและแจ้งข้อหากับนิติบุคคลต่างประเทศภายในกำหนดอายุความ 

ในชั้นนี้รายละเอียดในสำนวนไม่อาจเปิดเผยได้หมด เนื่องจาก พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พ.ศ. 2556 การเปิดเผยข้อมูลที่เกี่ยวข้องในสำนวนอาจเป็นความผิดตาม มาตรา ๒๖ ได้ จึงขอชี้แจงความคืบหน้าเพื่อให้สื่อสาธารณะทราบว่า

1. อำนาจในการสอบสวนคดีนี้ มาตรา ๒๐ ป.วิอาญา กฎหมายบัญญัติให้พนักงานอัยการมีอำนาจและหน้าที่ในการสอบสวนเช่นเดียวกับพนักงานสอบสวน บรรดาอำนาจและหน้าที่ประการอื่นที่กฎหมายบัญญัติไว้ให้เป็นอำนาจและหน้าที่ของพนักงานอัยการ และให้พนักงานสอบสวนปฏิบัติตามคำสั่งและคำแนะนำของพนักงานอัยการในเรื่องที่เกี่ยวกับการรวบรวมพยานหลักฐาน การดำเนินคดีในที่ประชุมจึงเป็นการดำเนินการโดยการเห็นชอบร่วมกันทั้งสิ้น 

2. การสอบสวนในคดีอาญากฎหมายบัญญัติไว้ใน มาตรา 131 ป.วิอาญา ว่าการสอบสวน ให้พนักงานสอบสวนรวบรวมหลักฐานทุกชนิดเท่าที่สามารถจะทำได้ ประสงค์จะทราบข้อเท็จจริงและพฤติการณ์ต่างๆ อันเกี่ยวกับความผิดที่ถูกกล่าวหา และเพื่อจะรู้ตัวผู้กระทำผิดและพิสูจน์ให้เห็นความผิดหรือความบริสุทธิ์ของผู้ต้องหา โดย มติที่ประชุมเห็นร่วมกันว่า ต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายและต้องพิจารณาพยานหลักฐานในสำนวนทุกอย่างให้เสร็จสิ้นและต้องรวบรวมพยานหลักฐานทุกชนิด โดยจะต้องไม่มีประเด็นสงสัยและต้องชี้แจงต่อสาธารณชนได้ และคดีไม่ถือว่าล่าช้าแต่เป็นการแสวงหาพยานหลักฐานเพิ่มเติมเพื่อเป็นประโยชน์ในการอำนวยความยุติธรรมและพิจารณาสั่งคดีของอัยการสูงสุดเนื่องจากเป็น คดีนอกราชอาณาจักรซึ่งเป็นอำนาจของอัยการสูงสุดแต่ผู้เดียว 

3. ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ในความผิดที่ถูกกล่าวหาตาม มาตรา 8 พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พ.ศ. 2556 ต้องระวางโทษเป็นสองเท่าของโทษที่กำหนดไว้สำหรับความผิด และตามประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ.2564 มาตรา 180 บัญญัติไว้ต้องระวางโทษเป็นสามเท่าของโทษที่กำหนดไว้สำหรับความผิดนั้น ผู้ต้องหาได้ยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมต่ออัยการสูงสุด และ บช.ปส. ซึ่งคณะพนักงานสอบสวนและคณะพนักงานอัยการได้รับทราบแล้ว จึงต้องดำเนินการสอบสวนต่อไปด้วยความรวดเร็ว ต่อเนื่องและเป็นธรรมตามกฎหมาย และต้องรวบรวมพยานหลักฐานทุกชนิดให้แล้วเสร็จโดยเร็วที่สุด 

น้ำลดฮวบ!! ‘แม่น้ำโขง’ น้ำลดจน ‘พระธาตุกลางน้ำ’ โผล่เห็นชัดเจน คนแห่กราบไหว้ขอพร ฝากเตือน!! ขับเรืออย่างระมัดระวัง

(12 มี.ค. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.หนองคาย ว่าระดับน้ำโขงช่วงที่ไหลผ่าน จ.หนองคาย วัดโดยส่วนอุทกวิทยาหนองคาย กรมทรัพยากรน้ำ วัดได้ 0.91 เมตร ระดับน้ำโขงลดลงในช่วงนี้จากสถานการณ์เข้าสู่หน้าแล้ง ระดับน้ำโขงจะลดลงมากส่งผลให้การสัญจรทางเรือข้ามแม่น้ำโขงระหว่างไทย -ลาว ต้องเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น

ทั้งนี้ โดยเฉพาะการล่องเรือสักการะพระธาตุกลางน้ำ บริเวณชุมชนวัดธาตุ เขตเทศบาลเมืองหนองคาย ซึ่งระดับน้ำโขงที่ลดลงทำให้มองเห็นฐานองค์พระธาตุชัดเจนมากขึ้น จึงทำให้พุทธศาสนิกชนนิยมมากราบไหว้ขอพร ทั้งการกราบไหว้บนฝั่ง และแม้กระทั่งการลงเรือไปขอพรที่องค์พระธาตุอย่างใกล้ชิด คนขับเรือเองต้องเพิ่มความระมัดระวัง

น้ำใจคนไทย!! ชื่นชม!! ‘หนุ่มไรเดอร์’ อาสาไปส่ง ยาย-หลาน ฟรี!! เผย!! เห็นเดินตากแดดกลับบ้าน หลังไปยืนยันสิทธิบัตรสวัสดิการฯ

(11 มี.ค. 66) หลังจากสมาชิกเฟซบุ๊ก “วา’ หวั่น’น” ซึ่งเป็นหนุ่มแกร็บไรเดอร์ โพสต์ภาพช่วยเหลือหญิงชราและเด็กเล็กวัยขวบเศษ หลังอุ้มหลานยืนรอตาเป็นชั่วโมงแล้วยังไม่มา เนื่องจากเพิ่งไปยืนยันตัวตนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่ธนาคารมา จึงอาสาพาไปส่งบ้านฟรี

จากนั้นผู้สื่อข่าวจึงลงพื้นที่ตรวจสอบไรเดอร์หนุ่มในโพสต์ดังกล่าว จนกระทั่งทราบว่าชื่อ นายอถพล วงศ์เลิศ อายุ 20 ปี นักศึกษาวิทยาลัยเทคนิคบุรีรัมย์ สาขางานเทคนิคยานยนต์ไฟฟ้า ปวส.2 กำลังขับแกร็บรับส่งอาหารอยู่ในเขตตัวเมืองบุรีรัมย์

นายอถพล เล่าว่า ปกติทุกวันจะพกเสื้อแกร็บใส่ในกระเป๋าหนังสือไปด้วย วันไหนเลิกเรียนไม่ค่ำก็จะสวมเสื้อแกร็บแล้วทำงานทันที วันที่เจอยายเป็นวันที่ 10 มี.ค.เวลาประมาณ 15.00 น.ช่วงนั้นตนกำลังจะกลับบ้าน ช่วงที่มาจอดติดไฟแดงบริเวณสี่แยกแสงรุ้ง เห็นยายอายุประมาณ 65 ปี อุ้มหลานชายอายุขวบเศษ เดินฝ่าแสงแดดจะข้ามถนน ลักษณะเหมือนจะเหน็ดเหนื่อย

จะไม่ทน!! ‘หมอยง’ โพสต์เฟซ โดนนำภาพไปหลอกขายยา  วอน!! ปชช. อย่าหลงเชื่อ งานนี้ไม่ยอมความแน่นอน 

(11 มี.ค. 66) ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทยศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กส่วนตัว "Yong Poovorawan" เตือนภัย หลังพบกลุ่มมิจฉาชีพ แอบอ้างชื่อตนเองไปหลอกขายผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้รับความน่าเชื่อถือ โดย "หมอยง" ได้ระบุข้อความว่า

“ช่วยกันส่งต่อ ขณะนี้มีการเอารูปผมไปแอบอ้างโฆษณาผ่าน Facebook และสื่อออนไลน์มากมาย ผมได้ดำเนินการให้ทางตำรวจจัดการแล้ว แต่การดำเนินการค่อนข้างยุ่งยาก ล่าช้า เพราะส่วนใหญ่จะใช้ Proxy ต่างประเทศ ทำให้หาต้นตอค่อนข้างยาก และการขอความร่วมมือกับสื่อต่างประเทศทำได้ยากมาก

อย่าหลงเชื่อ!! ‘โจรไซเบอร์’ อาละวาด!! ปั่นข่าวปลอมอ้างชื่อสถาบันการเงิน ‘ออมสิน’ เจอศึกหนัก ทั้งหลอกลงทุน-ปล่อยเงินกู้

‘กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม’ เผยตัวเลข‘ข่าวปลอม’สัปดาห์ล่าสุด ประชาชนแห่สนใจเรื่องการลงทุนและการปล่อยกู้วงเงินสูง-ดอกเบี้ยต่ำ หลังมิจฉาชีพปลอมตัวเป็นสถาบันการเงิน โดยเฉพาะ‘ธนาคารออมสิน’ และหน่วยงานด้านการลงทุนอื่นๆ ขณะที่ข่าวปลอม‘กรมการขนส่งทางบก’รับต่ออายุใบขับขี่ และทำใบขับขี่เร่งด่วนผ่านไลน์ ทำก่อนจ่ายทีหลัง ขึ้นแท่นข่าวปลอมที่คนสนใจสูงสุด เตือนประชาชนต้องมีสติ ตรวจสอบข้อมูลให้ครบทุกด้านอย่าหลงเชื่อจนตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ

(12 มี.ค. 66) นางสาวนพวรรณ หัวใจมั่น โฆษกกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ฝ่ายการเมือง (ดีอีเอส) กล่าวว่า สรุปผลการมอนิเตอร์ และรับแจ้งข่าวปลอมของศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมประจำวันที่ 3 - 9 มีนาคม 2566  พบข้อความที่เข้ามาทั้งหมด 3,207,100 ข้อความ โดยมีข้อความที่ต้องดำเนินการตรวจสอบ (Verify) ทั้งสิ้น 210 ข้อความ แบ่งเป็นข้อความที่มาจาก Social listening จำนวน 180 ข้อความ ข้อความที่มาจาก Line Official จำนวน 29 ข้อความ และข้อความที่มาจาก Facebook จำนวน 1 ข้อความ รวมเรื่องที่ต้องดำเนินการตรวจสอบ 127 เรื่อง

ทั้งนี้ ดีอีเอส ได้แบ่งข่าวปลอมที่ได้รับความสนใจ เป็น 4 กลุ่ม ประกอบด้วย
กลุ่มที่ 1 ข่าวปลอมเรื่องนโยบายรัฐบาล ข่าวสารทางราชการ ความสงบเรียบร้อยของสังคม ขัดศีลธรรมอันดีและความมั่นคงภายในประเทศจำนวน 49 เรื่อง

กลุ่มที่ 2 ข่าวปลอมเรื่องผลิตภัณฑ์สุขภาพ วัตถุอันตราย เครื่องสำอาง รวมถึงสินค้าและบริการที่ผิดกฎหมาย จำนวน 44 เรื่อง

กลุ่มที่ 3 ข่าวปลอมเรื่องภัยพิบัติ จำนวน 11 เรื่อง
กลุ่มที่ 4 ข่าวปลอมเศรษฐกิจ จำนวน 23 เรื่อง

สำหรับข่าวปลอมทั้ง 4 กลุ่มมีความเกี่ยวเนื่องกับเรื่องโควิด-19 จำนวน 3 เรื่อง
อย่างไรก็ตาม เมื่อดูข้อมูลเชิงลึก (Insight) ยังพบข้อน่าเป็นห่วงและเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะยังมีการกระจายข่าวปลอมเกี่ยวกับการเงินเป็นส่วนใหญ่ ทั้งเรื่องการปล่อยสินเชื่อ การให้เงินกู้ หรือชักชวนลงทุน โดยอ้างชื่อสถาบันการเงินที่น่าเชื่อถือ ทำให้ได้รับความสนใจจากผู้บริโภคข่าวสารออนไลน์อย่างมาก รวมทั้งการแอบอ้างเป็นหน่วยงานราชการ ทั้งประกันสังคม ส่งข้อความให้ประชาชน ตรวจสอบสิทธิ์เยียวยาโควิด และกรมการขนส่งทางบกรับต่ออายุใบขับขี่ และทำใบขับขี่เร่งด่วนผ่านไลน์ ทำก่อนจ่ายทีหลัง

สำหรับข่าวปลอมที่มีคนสนใจสูงสุด 10 อันดับระหว่างวันที่ 3 - 9 มีนาคม 2566 ดังนี้
อันดับที่ 1 เรื่อง เพจ Asaia money ของธนาคารออมสิน ปล่อยกู้อัตราดอกเบี้ยคงที่
อันดับที่ 2 เรื่อง ออมสินให้เงินทุน เปิดให้กู้สินเชื่อประชาชนสุขใจ ง่าย ๆ ผ่านมือถือ
อันดับที่ 3 เรื่อง เพจเฟซบุ๊กชื่อ “สินเชื่อ ออมสินประกันสังคม” เปิดให้กู้สินเชื่อสวัสดิการ ไม่ต้องมีคนค้ำ วงเงินสูงอันดับที่ 4 เรื่อง เพจเฟซบุ๊กรับต่ออายุใบขับขี่ ผ่านการรับรองโดยกรมการขนส่งทางบก

อุทาหรณ์คนอยากสวย ‘ยิปซี’ เล่าประสบการณ์ ออกกำลังกายผิดนับปี  เพิ่งมารู้ตัวกระดูกสันหลังคด แนะ!! อย่าโหมหนัก

2 สาว ยิปซี คีรติ และ ยิปโซ อริย์กันตา มาแชร์ประสบการณ์อาการป่วยที่เกิดจากการออกกำลังกายในช่องยูทูบของตัวเองในรายการ ยิปย่อย EP94: อุทาหรณ์คนอยากสวย part1 ออกกำลังกายผิดจนกระดูกคด! ให้ฟังว่า

โดยยิปซีได้เล่าว่าเป็นคนชอบออกกำลังกายมาก มีทั้งต่อยมวย ยกเวทแบบหนัก เต้นซุมบ้าแบบรุนแรง ว่ายน้ำ โยคะร้อน และ พีราทีส ทุกอย่างเป็นกีฬาที่ใช้แรงกระแทกเยอะ สิ่งที่เกิดขึ้นและไม่คาดคิดมาก่อนคือออกกำลังกายผิดวิธีโดยไม่รู้ตัวมาเป็นเวลาหลายปี เริ่มต้นจากตอนอายุ 25 เป็นคนป่วย เกิดจากการกินที่แย่มาก่อน เป็นคนไม่ชอบกินอาหาร กินแต่ขนมผงชูรส ก็เข้าโรงพยาบาล และการป่วยครั้งนั้นก็กระทบกับชีวิตการทำงาน ก็เลยปฏิวัติตัวเอง เลยหักดิบมาสายเฮลตี้ อยากให้ร่างกายแข็งแรงจากภายใน ก็หักดิบ

เริ่มออกกำลังกายเป็นประจำ แล้วรู้สึกว่าร่างกายเปลี่ยน ดีขึ้นจากภายใน คนก็ชื่นชมในรูปร่างของเรา แล้วเราได้รับพลังทำให้เราอยากทำต่อ และมันดีกับงาน อีกอย่างก็ทำให้ตัวเองรู้สึกดี สดชื่น มีพลังในการทำงาน ก็เลยทำให้เราเสพติดการออกกำลังกาย แล้วก็ดีกับงาน และรู้สึกดีจริงๆ หลังออกกำลังกายเสร็จ

มาค้นพบว่าตัวเองกระดูกสันหลังคดมาไม่ถึงปีมานี้ คือช่วงที่ออกกำลังกายหนัก ยกเวทหนักๆ เกือบ 5 ปีที่แล้ว ตอนนั้นมีอาการเจ็บอยู่ตลอด แต่เลือกที่จะหมางเมินมัน เจ็บก็คิดว่าปกติเพราะกล้ามเนื้อกำลังทำงาน กำลังซ่อมแซมมันแต่เราเจ็บแบบเรื้อรังแม้จะบางวันไม่ได้ออกกำลังกาย มีความจี๊ดแปล๊บ วิธีการแก้ที่เราทำมาก่อนและไม่ได้บอกว่าถูกก็คือไปหาหมอนวดแผนไทยให้แก้อาการ พอดีขึ้นก็กลับไปยกใหม่ แล้วก็ทำเป็นรูทีน แต่พอคลายไม่ออกก็หาหมอใหม่ ไปฝังเข็ม ตอนแรกลองไปโรงพยาบาลเลยแบบใช้ไฟฟ้า แต่ไม่รู้สึกดีขึ้นเลย และอีกศาสตร์ไปลองครอบแก้วตอนทำรู้สึกสบายมากแต่อยู่ได้แป๊บเดียว และหลังม่วงเป็นรอยอยู่นาน แล้วเป็นช่วงที่เราทำงานเลยรู้สึกว่าไม่ได้

รวมถึงไปลองจัดกระดูก ตอนนั้นไม่ใช่แค่ปวดเมื่อย จากสะบักติด ปวดคอร้าวขึ้นหัว เป็นไมเกรน และมีอาการที่เพิ่มขึ้นมาคือ บางทีสะบักเหมือนถูกขมวดเข้าหากันแล้วกดทับอะไรสักอย่าง และคิดไปเองว่าน่าจะทับเส้นประสาทเพราะว่าแขนซ้ายชา และจั๊กจี้ที่มือ ก็เลยกินยาคลายกล้ามเนื้อแล้วหลับไปทุกคืน

บัญชีม้า! ตำรวจสืบนครบาลตามรวบหนุ่มรับจ้างเปิดบัญชีให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ สร้างความความเสียหาย กว่า 2 ล้าน

ันที่ 12 มีนาคม พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. / หัวหน้าชุด PCT ชุดปฏิบัติการ 5 แถลงผลชุดวิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.บช.น. นำทีม พ.ต.ท.พิทักษ์ ศรีกะแจะ สว.กก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.บช.น. พร้อมเจ้าหน้าที่  จับกุม นายนิพนธ์ บุญแสง อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 37 ซอยรามอินทรา 65 แยก 2-14 แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน กรุงเทพ  ตามหมายจับ  2 หมายจับ ศาลจังหวัดปทุมธานี ที่ 245/2565    
ลงวันที่ 7 ธันวาคม 2565 ความผิดฉ้อโกงทรัพย์และโดยทุจริตนำเข้าข้อมูลทางคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นและศาลแขวงสุรินทร์ ที่ จ96/2565 ลงวันที่ 19 ตุลาคม 2565             ความผิด ร่วมกันฉ้อโกง จับตัวได้ที่หน้าบ้านเลขที่ 37 ซอยรามอินทรา 65 แยก 2-14 แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร กรุงเทพ        

คดีนี้มีผู้เสียหายจังหวัดปทุมธานี ร้องเรียนมายังเพจ สืบสวนนครบาลIDMB ถูกแก๊งคอลเซนเตอร์หลอกให้โอนเงินไปตรวจสอบ เนื่องจากมีส่วนเกี่ยวข้องในการฟอกเงิน หากตรวจสอบแล้วไม่พบความผิด จะโอนเงินกลับคืนให้ ผู้เสียหายหลงเชื่อ ได้โอนเงินไปให้ตรวจสอบ ที่หมายเลขบัญชีชื่อนายนิพนธ์ (ขอสงวนนามสกุล) รวมเป็นเงินจำนวน 340,000 บาท จากนั้นผู้เสียหายไม่ได้รับโอนเงินกลับคืนและไม่สามารถติดต่อกับผู้รับโอนได้ เชื่อว่าถูกหลอกจนเกิดความเสียหาย จึงร้องทุกข์ไว้ และอีกรายมีผู้เสียหายจังหวัดสุรินทร์ แจ้งว่าถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ให้โอนเงินไปตรวจสอบในลักษณะเดียวกัน ผู้เสียหายหลงเชื่อ ได้โอนเงินไปให้ที่หมายเลขบัญชีเดียวกัน รวมเป็นเงินจำนวน 1,170,000 บาท จึงได้แจ้งความร้องทุกข์


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top