Tuesday, 3 June 2025
NEWS FEED

วิษณุ -พิพัฒน์ เปิดงาน 'มหัศจรรย์แห่งวิถีลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา สู่การเป็นพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน' ประกาศพื้นที่พิเศษฯ เป้า 5 ปี ยกระดับ 142 ท้องถิ่นพัฒนากิจกรรมท่องเที่ยว สู่การกระจายและเพิ่มรายได้ให้แก่ท้องถิ่น

ช่วงเย็นวันนี้ ( 17 มี.ค.66 ) ที่บริเวณท่าเรือ บริษัท เซ้าท์เธิร์นโลจิสติกส์ (2009) จำกัด อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา ศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เดินทางมาเป็นประธานเปิดงาน “มหัศจรรย์แห่งวิถีลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา สู่การเป็นพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน” โดยมี นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นายอารัญ บุญชัย ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นายเจษฎา จิตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา นาวาอากาศเอก อธิคุณ คงมี ผู้อำนวยการองค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน) พร้อมด้วยผู้แทนผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง ผู้แทนผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หัวหน้าส่วนราชการ ผู้แทนหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน นักวิชาการ ชุมชนและประชาชนในพื้นที่ใกล้เคียงเข้าร่วม

สำหรับงานมหัศจรรย์แห่งวิถีลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา สู่การเป็นพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน จัดขึ้นระหว่างวันที่ 17 - 19 มีนาคม 2566 ณ พื้นที่ย่านเมืองเก่าสงขลา โดยกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน) หรือ อพท. เพื่อยกระดับและเพิ่มมูลค่ากิจกรรมการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ที่มีคุณภาพมาตรฐาน โดยใช้แผนยุทธศาสตร์การพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน เป็นกลไกในการขับเคลื่อนและนำไปสู่เป้าหมายที่กำหนดไว้ร่วมกัน โดยพื้นที่พิเศษฯ ลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา ที่ได้รับการประกาศเป็นพื้นที่พิเศษ ครอบคลุมพื้นที่ใน 15 อำเภอ ของ 3 จังหวัด ประกอบด้วย จังหวัดสงขลา รวม 8 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองสงขลา ระโนด สทิงพระ กระแสสินธุ์ สิงหนคร หาดใหญ่ ควนเนียง บางกล่ำ จังหวัดพัทลุง รวม 5 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองพัทลุง ปากพะยูน บางแก้ว เขาชัยสน ควนขนุน รวมทั้งจังหวัดนครศรีธรรมราช รวม 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอชะอวด และหัวไทร ทั้งนี้มีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่รวม 142 แห่ง และจะได้รับการพัฒนาและจะมีกิจกรรมการ ท่องเที่ยวโดยชุมชน อย่างน้อยท้องถิ่นละ 1 กิจกรรม หรือ 1 เส้นทาง ภายในระยะ 5 ปี ของแผนยุทธศาสตร์ฯ รวมถึงการผลักดันพื้นที่เมืองเก่าสงขลา เพื่อเสนอต่อยูเนสโกประกาศให้เป็นเมืองมรดกโลก

กรมสมเด็จพระเทพฯ เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ ไปพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ ‘คุณหญิงวรรณา สิริวัฒนภักดี’

(วันนี้ ( 17 มี.ค.) เมื่อเวลา 17.23 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา เจ้าฟ้ามหาจักรีสิรินธร มหาวชิราลงกรณวรราชภักดี สิริกิจการิณีพีรยพัฒน รัฐสีมาคุณากรปิยชาติ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ ไปพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ คุณหญิงวรรณา สิริวัฒนภักดี
ม.ป.ช.,ม.ว.ม.,ป.ภ.,ท.จ.,ว.ป.ร.๔ และทรงวางพวงมาลาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พวงมาลาของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง พวงมาลาของสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี และพวงมาลาส่วนพระองค์ ที่หน้าโกศศพ ณ ศาลากวีนิรมิต วัดเทพศิรินทราวาส เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพมหานคร

‘ศธ.’ เสนอ ‘ยูเนสโก’ ดัน ‘ครูบาศรีวิชัย’ บุคคลสำคัญของโลก ด้าน ‘การศึกษา-ศาสนา-วัฒนธรรม-สันติภาพ’

วันนี้ (17 มี.ค.66) ที่วัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร อ.เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวภายหลังการร่วมคณะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ร่วมรับฟังข้อเสนอการสนับสนุนแผนแม่บทโครงการเสนอชื่อครูบาเจ้าศรีวิชัย เป็นบุคคลสำคัญของโลก และติดตามการดำเนินงานในจังหวัดเชียงใหม่ว่า ศธ.มีบทบาทหลักในการสนับสนุนการดำเนินงานขับเคลื่อนการเสนอชื่อ ครูบาเจ้าศรีวิชัย (อินท์เฟือน สีวิเชยฺย) ให้ได้รับการยกย่องเป็นบุคคลสำคัญของโลก ด้านการศึกษา ศาสนา วัฒนธรรม และสันติภาพ ในวาระครบรอบ 150 ปี ชาตกาล ครูบาเจ้าศรีวิชัย ในปี พ.ศ. 2571 ต่อองค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือ ยูเนสโก

สำหรับ ‘ครูบาศรีวิชัย’ หรือ ‘พระสีวิไชย’ เป็นพระเถระชาวจังหวัดลำพูน ผู้มีบทบาทสำคัญในการสร้างและบูรณะพุทธศาสนสถานหลายแห่งทั่วภาคเหนือของประเทศไทย จนได้รับการขนานนามว่า ‘ตนบุญแห่งล้านนา’

ครูบาศรีวิชัยเกิดเมื่อวันอังคารที่ 11 มิถุนายน 2421 ปีขาล เวลาพลบค่ำ ขณะนั้นมีพายุฟ้าร้องรุนแรง จึงตั้งชื่อว่า อินตาเฟือน หรือ อ้ายฟ้าร้อง บิดาชื่อควาย ส่วนมารดาชื่ออุสา นายควายบิดาเป็นบุตรของนายอ้าย กับนางน้อยธิดาของหมื่นผาบ (มาต่า) หมอคล้องช้างชาวกะเหรี่ยงแดงจากเมืองกันตรวดีที่เจ้าดาราดิเรกรัตนไพโรจน์ชวนมาอยู่ลำพูนด้วยกัน ส่วนนางอุสามารดาของท่าน บางแห่งว่าเป็นชาวเมืองเชียงใหม่ บ้างว่าเป็นธิดาหนานไจยา ชาวเมืองลี้ เพ็ญสุภา สุขคตะสรุปว่าครูบาศรีวิชัยมีเชื้อสายกะเหรี่ยงแดงจากฝั่งบิดา และอาจมีเชื้อสายกะเหรี่ยงขาวและยองจากฝั่งมารดา

เมื่ออายุได้ 18 ปี ท่านคิดว่าชาตินี้เกิดมายากจนเพราะในอดีตไม่ได้ทำบุญไว้เพียงพอ จึงควรออกบวชรักษาศีลปฏิบัติธรรมไว้เพื่อประโยชน์สุขในภายหน้า และจะได้ตอบแทนพระคุณมารดาบิดาทางหนึ่งด้วย ท่านจึงลาบิดามารดาไปอยู่วัดบ้านปาง ศึกษาเล่าเรียนและบวชเป็นสามเณรกับพระอาจารย์ขัติยะ (หรือครูบาแข้งแขะ เพราะท่านเดินขากะเผลก) จนอายุได้ 21 ปีจึงได้อุปสมบทในอุโบสถวัดบ้านโฮ่งหลวง อำเภอบ้านโฮ่ง จังหวัดลำพูน โดยมีครูบาสมณะ วัดบ้านโฮ่งหลวง เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้รับฉายาในการอุปสมบทว่า ‘สีวิเชยฺย’ มีนามบัญญัติว่า พระศรีวิชัย

หลังจากอุปสมบท ท่านได้ศึกษาไสยศาสตร์กับครูบาขัตติยะและครูบาอุปปละ แล้วมาศึกษากรรมฐานกับพระอุปัชฌาย์ที่วัดบ้านโฮ่งหลวง เมื่อกลับมาอยู่วัดบ้านปาง ท่านมักเจริญภาวนาในป่า ฉันภัตตาหารมื้อเดียว ฉันมังสวิรัติ ไม่ฉันของเสพติด เช่น หมาก พลู บุหรี่ เมี่ยง ทำให้ประชาชนเลื่อมใสท่านมาก เมื่อท่านทราบว่าที่ใดยังขาดเสนาสนะที่จำเป็นหรือกำลังชำรุดทรุดโทรม ท่านจะเป็นผู้นำชาวบ้านไปก่อสร้างจนสำเร็จ ผลงานที่สร้างชื่อเสียงมากที่สุดคือการถนนขึ้นวัดพระธาตุดอยสุเทพ ที่มีระยะทางทั้งหมด 11.530 กิโลเมตร โดยเริ่มก่อสร้างเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2477 แล้วเสร็จในวันที่ 30 เมษายน 2478

ชื่อเสียงของครูบาเจ้าศรีวิชัย ทำให้พระสังฆาธิการในจังหวัดลำพูนบางรูปนำโดยเจ้าคณะจังหวัดลำพูนตั้งอธิกรณ์กล่าวหาว่าท่าน 8 ข้อ เช่น ทำตัวเป็น “ผีบุญ” อวดอิทธิฤทธิ์ ซ่องสุมกำลังผู้คน คิดขบถต่อบ้านเมือง และนำท่านไปจำไว้ที่ลำพูนและวัดศรีดอนไชย เชียงใหม่ จากนั้นจึงได้ส่งตัวท่านไปไต่สวนที่กรุงเทพฯ สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส จึงทรงตั้งคณะกรรมการพิจารณาเรื่องพระศรีวิชัย ประกอบด้วย พระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหมื่นชินวรสิริวัฒน์ พระญาณวราภรณ์ (ม.ร.ว.ชื่น สุจิตฺโต) และพระธรรมไตรโลกาจารย์ (เจริญ ญาณวโร) ได้ถวายรายงานมีความเห็นว่า ข้อ 1-5 ซึ่งเกี่ยวกับการไม่ให้ความร่วมมือกับฝ่ายปกครอง พระศรีวิชัยรับสารภาพและได้รับโทษแล้ว ข้อที่เหลือซึ่งเกี่ยวกับการอ้างคุณวิเศษ พระศรีวิชัยไม่มีความผิด เพราะประชาชนเล่าลือไปเอง และเจ้าคณะลงโทษเกินไป ควรปล่อยพระศรีวิชัยกลับภูมิลำเนา สมเด็จกรมพระยาวชิรญาณโรรสทรงเห็นชอบ

ครูบาเจ้าศรีวิชัยมรณภาพเมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2481 (เมื่อก่อนนับศักราชใหม่ในวันสงกรานต์ ถ้าเทียบปัจจุบันจะเป็นต้นปี พ.ศ.2482) ที่วัดบ้านปาง อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน สิริอายุได้ 60 ปี ตั้งศพไว้ที่วัดบ้านปาง เป็นเวลา 1 ปี จึงได้เคลื่อนศพมาตั้งไว้ ณ วัดจามเทวี อำเภอเมืองลำพูน จังหวัดลำพูน จนกระทั่งวันที่ 21 มีนาคม 2489 จึงได้รับพระราชทานเพลิงศพ โดยมีประชาชนมาร่วมในพิธีพระราชทานเพลิงศพจำนวนมาก และประชาชนเหล่านั้นได้เข้าแย่งชิงอัฏฐิธาตุของครูบาศรีวิชัย ตั้งแต่ไฟยังไม่มอดสนิท แม้แต่แผ่นดินตรงที่ถวายพระเพลิง ก็ยังมีผู้ขุดเอาไปสักการบูชา อัฏฐิธาตุของท่านที่เจ้าหน้าที่สามารถรวบรวมได้ได้ถูกแบ่งออกเป็น 7 ส่วน แบ่งไปบรรจุตามสถานที่ต่าง ๆ ทั่วแผ่นดินล้านนาดังนี้

‘หนุ่ม’ แชร์อุทาหรณ์ ซด ‘น้ำกระท่อม’ แทนน้ำเปล่า เผยลำไส้อุดตันเฉียดตาย 14 วัน น้ำหนักหายฮวบ 12 กก.

หนุ่มเตือนเลิกได้เลิก ซดแต่น้ำกระท่อม ลำไส้อุดตันเฉียดตาย เผย 14 วันน้ำหนักฮวบ 12 กิโลกรัม

(17 มี.ค.66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าผู้ใช้เฟซบุ๊กคนหนึ่งออกมาแชร์ประสบการณ์เพื่อเป็นอุทาหรณ์ หลังต้องเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลเนื่องจากซดน้ำกระท่อมแทนน้ำเปล่ามาเป็นเวลานาน โดยโพสต์ภาพขณะนอนอยู่บนเตียงในโรงพยาบาล

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ บินด่วนเกาะหลีเป๊ะ หารือความคืบหน้าการบังคับใช้กฎหมายทั้งเรื่องที่ดินพิพาทและเรือประมงพาณิชย์

วันนี้ (17 มี.ค.66) เวลาประมาณ 14.00 น. ณ ห้องประชุม ภ.จว.สตูล พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ในฐานะ ประธานกรรมการตรวจสอบข้อมูลและข้อเท็จจริงกรณีปัญหาข้อพิพาทในที่ดินที่เกี่ยวข้องกับชุมชนชาวเล เกาะหลีเป๊ะ จ.สตูล ได้ลงพื้นที่ประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งผู้แทนเอกชน และชาวบ้านในพื้นที่ ร่วมหาข้อยุติในการแก้ไขปัญหากรณีเอกชนปิดทางเข้าออกโรงเรียน กระทบความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่และนักท่องเที่ยว รวมทั้งปัญหาการทำประมงพื้นบ้านที่มีปัญหาเกี่ยวกับพื้นที่เขตอุทยานแห่งชาติซึ่งห้ามทำประมงโดยเด็ดขาด

ความคืบหน้าล่าสุด ในส่วนของการดำเนินคดีกับโรงแรมซึ่งมีการบุกรุกที่ดิน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ได้สั่งการให้ ผบก.ภ.จว.สตูล ดำเนินคดีกับรีสอร์ทและสถานที่ที่มีการบุกรุกที่ดินราชพัสดุของกรมธนารักษ์ จำนวน 8 คดี มีผู้ต้องหาจำนวน 13 ราย รวมทั้งได้มีการแจ้งข้อกล่าวหากับ นายก อบต. ในกรณีที่มีการตรวจพบความผิดดังกล่าว แต่กลับเพิกเฉยไม่มีการบังคับใช้กฎหมาย นอกจากนี้ยังได้ประสานให้นายอำเภอผู้รับผิดชอบดำเนินการทำข้อมูลโรงแรมและรีสอร์ทในพื้นที่ทั้งหมดที่ไม่มีใบอนุญาต เพื่อดำเนินการบังคับใช้กฎหมายต่อไป

นอกจากนี้ในส่วนของคดีการทำประมงในพื้นที่อุทยานแห่งชาติเกาะตะรุเตา วันนี้ได้มีการพูดคุยทำความเข้าใจกับชาวประมงพื้นบ้านในพื้นที่เกาะหลีเป๊ะ เพื่อแสดงความชัดเจนในการบังคับใช้กฎหมายในการดำเนินคดีกับเรือประมงพาณิชย์ทั้ง 27 ลำ ที่ตรวจพบการทำประมงในพื้นที่อุทยานดังกล่าว นอกจากนี้ยังได้ประชุมร่วมกับกรมประมง กรมอุทยานฯ และชาวประมงพื้นบ้าน เพื่อหาแนวทางในการกำหนดพื้นที่สำหรับทำประมงให้กับชาวประมงพื้นบ้านให้สามารถทำประมงเพื่อยังชีพได้ เนื่องจากส่วนใหญ่เป็นเรือประมงขนาดเล็ก ไม่สามารถออกไปทำประมงในระยะไกลได้ ดังนั้นจึงได้หาทางออกร่วมกันเพื่อให้สามารถคงวิถีชีวิตการทำประมงพื้นบ้าน และสามารถรักษาทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลไว้ได้ต่อไป

รองแม่ทัพภาคที่ 2 ให้การต้อนรับ คณะผู้เข้าร่วมการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค(RBC) กัมพูชา–ไทย ครั้งที่ 24

วันที่ 16 มีนาคม 2556 พลตรีบุญสิน พาดกลาง รองแม่ทัพภาคที่ 2 เป็นผู้แทนแม่ทัพภาคที่ 2 ให้การต้อนรับ พลเอกโปว เฮง รองผู้บัญชาการทหารบก และผู้บัญชาการภูมิภาคทหารที่ 4 ประเทศกัมพูชา เเละคณะ ณ จุดผ่านแดนถาวรช่องจอม ตำบลด่าน อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ ในโอกาสเดินทางเข้าร่วมการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค(RBC) กัมพูชา – ไทย ซึ่งดำเนินการภายใต้กรอบความร่วมมือของคณะกรรมการชายแดนทั่วไป(GBC) ไทย - กัมพูชา

บก.สส.สตม. รวบหนุ่มแดนมังกรหนีคดีเลี่ยงภาษีศุลกากรเสียหายกว่า 100 ล้านบาท 

บก.สส.สตม. จับกุมนายลู่ (นามสมมติ) อายุ 52 ปี สัญชาติจีน ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับของสาธารณรัฐประชาชนจีน ในข้อหา ลักลอบนำเข้าสินค้า (เม็ดพลาสติก) โดยหลีกเลี่ยงภาษีศุลกากร มูลค่าความเสียหายกว่า 100 ล้านบาท โดยจับกุมตัวในข้อหา เป็นคนต่างด้าวเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต นำส่งพนักงานสอบสวน กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.สตม. ดำเนินคดีตามกฎหมาย สถานที่จับกุม หน้าร้านอาหารแห่งหนึ่ง ในย่าน ต.บางพลี อ.บางพลี จว.สมุทรปราการ สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจสาธารณรัฐประชาชนจีน หน่วยปราบปรามอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ

ประสานงานผ่านสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำประเทศไทย แจ้งข้อมูลผู้ต้องหาตามหมายจับของสาธารณรัฐประชาชนจีน ราย นายลู่ (นามสมมติ) สัญชาติจีน อายุ 52 ปี ซึ่งมีหมายจับของสาธารณรัฐประชาชนจีน ในข้อหา ลักลอบนำเข้าสินค้า (เม็ดพลาสติก) โดยหลีกเลี่ยงภาษีศุลกากร มูลค่ารวม 20 ล้านหยวน (ประมาณ 100 ล้านบาท) ผบก.สส.สตม. จึงได้สั่งการให้ ชุดปฏิบัติการ บก.สส.สตม. ทำการสืบสวนติดตามจับกุม นายลู่ สัญชาติจีน ซึ่งต่อมาสืบทราบว่า ได้หลบหนีเข้ามาในประเทศไทยมาเป็นระยะเวลากว่า 10 ปี  ปัจจุบันพักอาศัยอยู่คอนโดแห่งหนึ่งย่านบางพลี จว.สมุทรปราการ

รวบหนุ่มใหญ่ชาวจีนมอมเหล้าสาวเพื่อนร่วมชาติ ก่อนลากไปขืนใจคาโรงแรมกลางเมืองกรุง

บก.สส.สตม. ได้จับกุมตัว นายหยาง (นามสมมติ) สัญชาติ จีน อายุ 47 ปี สืบเนื่องมาจาก กก.2     บก.สส.สตม. ได้รับการประสานจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ประเวศ ให้ช่วยติดตามจับกุมตัว นายหยางฯ สัญชาติจีน ผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลอาญาพระโขนง ที่ จ.118/2566 ลงวันที่ 2 มี.ค.2566 ความผิดฐาน “ข่มขืนกระทำชำเรา โดยขู่เข็ญด้วยประการใด ๆ โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยผู้อื่นนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ หรือโดยทำให้ผู้อื่นนั้นเข้าใจผิดว่าตนเป็นบุคคลอื่น” โดยพฤติการณ์ กล่าวคือ เมื่อเดือน ธ.ค.2565 นายหยางฯ ได้ชักชวนหญิงผู้เสียหายชาวจีนไปรับประทานอาหารที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งย่านสุขุมวิท กรุงเทพฯ โดยระหว่างนั้นได้มีการดื่มแอลกอฮอล์จนกระทั่งผู้เสียหายเมาไม่ได้สติ นายหยางฯ จึงฉวยโอกาสพาผู้เสียหายไปเปิดห้องพักที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ภายในซอยศรีนครินทร์ 59 และได้ทำการข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายในขณะที่ยังเมาไม่ได้สติจนสำเร็จความใคร่ เมื่อผู้เสียหายรู้สึกตัว จึงได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สน.ประเวศ ให้ดำเนินคดีกับผู้ต้องหาจนกกว่าคดีจะถึงที่สุด ต่อมาพนักงานสอบสวนได้ขออนุมัติศาลออกหมายจับนายหยางฯ ตามหมายจับข้างต้น

‘ชายพิการ’ ขาขาดสองข้าง จากเหตุรอบวางระเบิด ลุยสร้างแรงบันดาลใจให้สังคม-คนพิการ ฮึดสู้ต่อ

ตัวอย่างนักสู้ชายพิการขาขาดทั้งสองข้างจากเหตุลอบวางระเบิดใช้ชีวิตได้เหมือนคนปกติทั้งขับรถเองโดยต่อเหล็กกับคันเร่งและเบรคบังคับด้วยมือ สร้างแรงบันดาลให้กับคนพิการและคนที่ท้อ

(17 มี.ค.66) ที่ จ.สงขลา มีตัวอย่างของชายพิการขาขาดจากเหตุลอบวางระเบิดจนขาขาดทั้งสองข้าง แต่ก็ยังไม่ท้อกับโชคชะตาแม้จะขาขาดทั้งสองข้าง แต่ก็ยังคงสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติทั้งขับรถยนต์เดินทางไปไหนมาไหนเอง และยังช่วยเหลือสังคมสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้พิการด้วยกัน

นายดนรอหิม สันโยก อายุ 54 ปี ชาว อ.เทพา จ.สงขลา ปัจจุบันเป็นรองนายกสมาคมคนพิการ จ.สงขลา โดยพิการขาขาดทั้งสองข้างเกือบถึงโคนขาจากเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดที่ร้านน้ำชาว ในพื้นที่บ้านลำไพล อ.เทพา จ.สงขลา เมื่อวันที่ 20 ต.ค.ปี49 ซึ่งเหตุการณ์นั้นมีผู้เสียชีวิต4คน

โดยปัจจุบัน นายดนรอหิม จะขับรถเก๋งเดินทางไปไหนมาไหนด้วยตัวเองแม้ขาจะขาดทั้งสองข้าง โดยใช้วิธีต่อเหล็กจากคันเร่งและเบรคขึ้นมาและบังคับด้วยมือขวาและขาขวา ซึ่งเป็นวิธีที่คิดขึ้นมาเอง ขับได้เหมือนกับคนปกติและมีความชำนาญในการบังคับรถ และทุกครั้งที่เดินทางก็จะพาวีลแชร์ขึ้นรถไปด้วยโดยวางไว้ท้ายรถ เวลาขึ้นลงจากรถก็จะเปิดประตูหลังขึ้นลงและยกวีลแชร์ขึ้นลงด้วยตัวเองอย่างคล่องคล่องแคล่ว

‘ดาว TikTok เขมร’ ด่า ‘คนไทย’ ปมดรามาซีเกมส์ สุดท้ายทัวร์ลงหนัก จนต้องตั้งไพรเวตหนี

จากกรณีความขัดแย้งระหว่างชาวไทย และชาวกัมพูชา เริ่มจากประเด็นดรามา ‘มวยไทย’ กับ ‘กุนขแมร์’ ในมหกรรมกีฬาซีเกมส์ 2023 ที่ประเทศกัมพูชา จนทำให้มีการตอบโต้กันในโลกออนไลน์อย่างเผ็ดร้อนของสองชาติ

โดยมีดาว TikTok ชาวเขมรเจ้าของบัญชี kissman5t6 ที่ออกมาด่ากราดคนไทย ทั้งเรื่องประเด็นไม่ส่งแข่ง ‘กุนขแมร์’ รวมทั้งเรื่องค่าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดซีเกมส์ ที่มีการขายให้ไทย แพงกว่าชาติอื่น ๆ และยังระบุว่า หากไทยไม่ต้องการแข่งขันก็ไม่ต้องมาร่วม จนโดนทัวร์ลงอย่างหนัก


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top