Thursday, 10 July 2025
NEWS FEED

รู้จัก ‘ไวยาวัจกร’ ทำหน้าที่อะไร หลังเกิดเหตุยักยอกเงินวัดบวรฯ 190 ล้าน

สรุปปมมือมืดใกล้ชิด “สมเด็จวันรัต” ก่อเหตุฉกทรัพย์ “วัดบวรฯ และวัดสาขา” 190 ล้าน ไล่เลียงจากจุดเริ่มต้นถึงล่าสุด พร้อมไปทำความรู้จักตำแหน่ง “ไวยาวัจกร” มือการเงินดูแลทรัพย์สินของวัดทั่วไทย  

วันที่ 4 เมษายน 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีกระแสข่าวลูกศิษย์ใกล้ชิดสมเด็จพระวันรัต อดีตเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร ที่ถึงแก่มรณภาพไปเมื่อกลางเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ถอนเงินในบัญชีของวัดบวรนิเวศฯ และวัดวชิรธรรมาราม วัดสาขา รวม 190 ล้านบาทไปใช้ส่วนตัว

ต่อมามีการเปิดเผยว่า บุคคลที่กระทำแบบนี้คือ “นายเนย” หรือ “นายอภิรัตน์ ชยางกูร ณ อยุธยา” อดีตเจ้าหน้าที่บริหารโครงการ กองโครงการธุรกิจ 2 ฝ่ายโครงการพิเศษ สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์

เบื้องต้นพนักงานสอบสวนได้แจ้งดำเนินคดี 4 ข้อหา ประกอบด้วย ฉ้อโกง, ลักทรัพย์, ปลอมเอกสารสิทธิและใช้เอกสารสิทธิปลอม และฟอกเงิน และได้ควบคุมตัวนายอภิรัตน์ไว้ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ หลังจากพนักงานสอบสวนคัดค้านการประกันตัวในชั้นศาลของการผัดฟ้องฝากขังครั้งแรก

>> สรุปที่มา-คืบหน้าล่าสุด <<

สำหรับที่มาของคดีนี้มาจากมีรายงานข่าวเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า มีผู้ลักลอบเอาเงินจากบัญชีของสมเด็จพระวันรัต (จุนท์ พฺรหฺมคุตฺโต) อดีตเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศไปประมาณ 200 ล้านบาท ทำให้คนตั้งคำถามถึงวัดและตัวสมเด็จผู้ล่วงลับว่า ทำอะไรมาถึงมีเงินมากมายขนาดนี้?

เนื่องจาก สมเด็จพระวันรัตในช่วงที่ยังมีชีวิตอยู่ นอกจากเป็นเจ้าอาวาสแล้ว ยังมีตำแหน่งเป็นเจ้าคณะใหญ่คณะธรรมยุต ก่อนที่สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ (อัมพร อมฺพโร) จะเข้ามารับตำแหน่งเมื่อครั้นดำรงตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราชเมื่อปี 2560

โดยธรรมเนียมของธรรมยุตจะถือธรรมเนียมปฏิบัติเคร่งครัดกว่าพระมหานิกาย โดยเฉพาะในเรื่องการจับต้องเงินทอง จะเคร่งครัดกว่าพระมหานิกาย ซึ่งจะไม่มีการจับต้องเลย หรืออย่างมากที่สุด จึงใช้ใบปวารณาแทน กระทั่งเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น จึงอาจส่งผลต่อความเชื่อศรัทธาต่อหมู่สงฆ์ได้

ต่อมาคืนวันที่ 2 เมษายน 2565 เพจเฟซบุ๊ก ข่าวสารงานพระพุทธศาสนา ออกมาโพสต์ข้อความแก้ข่าวว่า

#สมเด็จรูปนี้ไม่มีเงินส่วนตัว

เห็นข่าวกรณีไอ้เนย อมเงินวัดไปหลายร้อยล้าน เห็นหลายคนแทนที่จะด่าโจร กลับเสือกมาด่าพระ ผมขอชี้แจงตามความรู้อันน้อยนิดของผมดังนี้นะครับ

1.) สมเด็จฯ ไม่มีเงินส่วนตัวนะครับ ส่วนใหญ่จะเป็นบัญชีวัดที่ท่านปกครองหรือเคยปกครอง ทั้งในนามเจ้าอาวาส (วัดบวรฯ) ในนามรักษาการเจ้าอาวาส (วัดมกุฎ/วัดตรีฯ) ในนามวัดที่ท่านสร้างเองกับมือ (ตราด/บางปะหัน) และในนามมูลนิธิฯ ต่างๆ

2.) บัญชีส่วนตัวเดียวที่มีคือบัญชีปี 43 ในนามพระพรหมมุนี (ยศในขณะนั้น) ซึ่งเป็นบัญชีตาย ไม่เคยถอน ทิ้งไว้เฉยๆ ไม่มีใครทราบยอด

3.) บัญชีเพื่อสาธารณกุศล เช่น สมเด็จพระวันรัตเพื่อกองทุนโรคหัวใจ หรือ สมเด็จพระวันรัตเพื่อพระบาลี เป็นต้น

ดังนั้น การที่คนขับรถธรรมดา จะไปถอนเงินออกจากบัญชีต่างๆ เหล่านี้ได้ เราควรโทษพระที่ตายไปเหรอครับ ทำไมไม่ด่าโจร ด่าระบบคณะสงฆ์ และด่าระบบสถาบันการเงิน ที่เอาเงินออกไปจากระบบ แต่กลายเป็นสังคมทำไมต้องมาก่นด่าพระที่เป็นมะเร็งตาย ทำไมพระถึงต้องถูกด่าโดยที่ไม่รู้เรื่องอะไร

ย้ำนะครับ

คนตายไม่เคยสะสมทรัพย์สินส่วนตัว มีแต่ดูแลทรัพย์สินคณะสงฆ์ส่วนกลาง ทรัพย์สินคณะธรรมยุติ ทรัพย์สินวัด ทรัพย์สินสาธารณกุศล

อย่าไปป้ายสีคนตายว่าเอาเงินไปให้กัน คนตายพูดไม่ได้ แต่เส้นทางทางการเงินที่ตำรวจมีมันชัดนะครับ
ว่า…..

สมเด็จฯ ท่านไม่ได้ให้ แต่โจรมันยักย้ายออกมาเอง
อย่าไปด่าพระ กรุณาด่าโจร
#เข้าใจตรงกันนะครับ

ครั้นล่วงเข้าเช้าวันที่ 3 เมษายน 2565 เพจเฟซบุ๊ก ข่าวสารงานพระพุทธศาสนา โพสต์ข้อความอีก และคราวนี้เป็นแถลงการณ์ของวัดบวรนิเวศวิหาร ใจความว่า

ด้วยสมเด็จพระวันรัต (จุนท์ พฺรหฺมคุตฺโต) อดีตเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร ถึงแก่มรณภาพเมื่อวันที่ 15 มี.ค. 2565 มีการตรวจสอบทรัพย์สินและบัญชีของวัดบวรฯ กับของวัดอื่น ๆ ที่อยู่ในความดูแลของเจ้าประคุณสมเด็จฯ

พบหลักฐานว่ามีบุคคลกระทำการโดยมิชอบนำทรัพย์สินและเงินในบัญชีของวัดไปเป็นของตนเองโดยทุจริตจึงมีการแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษ และเจ้าพนักงานตำรวจกองปราบปรามได้กระทำการจับกุมผู้กระทำความผิดไปเรียบร้อยแล้ว

คดีอยู่ในระหว่างการฝากขังชั้นสอบสวน เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

จึงแถลงมาเพื่อทราบ

จากจุดนี้ จึงนำมาสู่การเปิดโปงพฤติกรรมของลูกศิษย์ใกล้ชิดในที่สุด ซึ่งหากว่ากันตามหน้าที่แล้ว ถือว่าลูกศิษย์คนนี้ปฏิบัติหน้าที่เสมือนหนึ่งเป็น “ไวยาวัจกร” เลยทีเดียว

แต่แน่นอนว่า ด้วยความคลุมเครือและความไม่ชัดเจนของวงการดงขมิ้น หรือวงการสงฆ์เมืองไทย ทำให้หลายครั้งกว่าเรื่องจะแดง ก็ต้องรอให้ความเสียหายเกิดขึ้นหนัก ๆ ระดับร้อยล้านบาทก่อน

สำหรับตำแหน่งคนถือเงินของวัด หรือ “ไวยาวัจกร” คือ เจ้าพนักงานที่มีหน้าที่ช่วยเหลือวัดในการดูแล, รักษา และจัดการทรัพย์สินของวัดตามที่เจ้าอาวาสมอบหมาย โดยเป็นไปตาม พ.ร.บ.คณะสงฆ์ 2505 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) 2535 และกฎมหาเถรสมาคมฉบับที่ 18 (2536)

หน้าที่สำคัญของไวยาวัจกรมี 2 หน้าที่คือ

1.) เบิกจ่ายนิตยภัต (เงินเดือนพระ)

2.) ดูแล, รักษา, จัดการ ทรัพย์สินของวัด

โดยทั้ง 2 หน้าที่ จะต้องได้รับมอบหมายจากเจ้าวัดอาวาสเป็นหนังสือทางการก่อน

‘อนุทิน’ คาด!! โควิดพุ่งแน่หลังสงกรานต์ แต่ยังเดินหน้าโรคประจำถิ่น ตามแพทย์ชง!! 

4 เม.ย. 65 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ถึงการห้ามเล่นสาดน้ำในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ว่า เป็นสิ่งที่เหมาะสมกับสถานการณ์ ช่วงนี้ผ่อนคลายมาตรการออกมาเยอะ แต่ธรรมชาติของการติดเชื้อโควิด-19 คือการสัมผัส การรวมกลุ่มใกล้ชิด และการใช้ภาชนะร่วมกัน ทั้งนี้ การสาดน้ำแบบสมัยก่อนจะมีการนำมือลงไปกวนแป้งดินสอพอง ใช้มือประแป้ง และใช้ขันน้ำร่วมกัน แต่จะไปบอกว่าให้ใส่ถุงมือเล่นน้ำสงกรานต์เป็นไม่ได้อยู่แล้ว จึงขอความร่วมมือให้ทำตามประเพณี และวัฒนธรรมที่ดี จึงสามารถรดน้ำโดยไม่ต้องสาดก็ได้

นายอนุทิน กล่าวว่า ขณะนี้กระทรวงสาธารณสุขมีความเป็นห่วงกลุ่มผู้สูงอายุและเด็กต่ำกว่า 5 ปี จึงจะเร่งเข้าไปฉีดวัคซีนให้กับผู้สูงอายุ โดยใช้วิธีเชิงรุก ไม่ต้องรอให้มาหาที่สถานบริการพยาบาล และขณะนี้ฉีดวัคซีนไปเยอะจนมั่นใจว่าไม่ได้ทำอันตรายต่อร่างกาย จึงไม่ต้องมานั่งสังเกตอาการ แต่สิ่งที่เป็นห่วงคือ เด็กเล็กที่ยังไม่ได้รับวัคซีน ขณะนี้พบว่าติดเชื้อจำนวนมาก จึงอยากฝากให้พ่อแม่และผู้ปกครอง งดพาเด็กเล็กไปโรงพยาบาล เพราะเป็นแหล่งรวมเชื้อโรคหลายอย่าง ส่วนคนทั่วไปยังต้องเฝ้าระวังตัวเองให้ดี จึงขอย้ำให้ฉีดวัคซีนเพราะจะป้องกันการเจ็บป่วยร้ายแรง

ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเดินทางพร้อมคณะตรวจเยี่ยมบำรุงขวัญข้าราชการตำรวจ สภ.บันนังสตา จว.ยะลา

วันนี้( 4 เม.ย.2565) เวลา 11.30 น. พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. พล.ต.ท.นันทเดช ย้อยนวล ผบช.ภ.9 ผบก.ภ.จว.ยะลา ผบก.สส.จชต. ผบก.ศพฐ.10 ผบก.ตชด.ภาค4 พร้อมคณะและเจ้าหน้าที่  ที่เกี่ยวข้องได้เดินทางมาตรวจเยี่ยมบำรุงขวัญข้าราชการตำรวจ สภ.บันนังสตา จว.ยะลา พร้อมติดตามความคืบหน้าการสืบสวนสอบสวนกรณีเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดแสวงเครื่องทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเสียชีวิตและบาดเจ็บ เมื่อวันที่ 30 มี.ค.65 บริเวณถนนสายบาเจาะ-เขื่อนบางลาง ต.บาเจาะ อ.บันนังสตา จว.ยะลา    

ในส่วนของเงินช่วยเหลือกรณีตำรวจเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจากการปฏิบัติหน้าที่ ผบ.ตร. ได้มีนโยบายให้จ่ายแบบกรณีเร่งด่วนเพื่อมอบให้กับครอบครัวหรือทายาทของข้าราชการตำรวจ รวมถึงได้สั่งการให้กองสวัสดิการ สำนักงานกำลังพล ให้เร่งดำเนินการปูนบำเหน็จ และสิทธิต่างๆให้กับทายาทผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจากการปฏิบัติหน้าที่โดยเร็ว โดยในรายของ ส.ต.อ.วิวัฒน์  รักชาติ ได้รับสิทธิประโยชน์เลื่อนเงินเดือนกรณีพิเศษจำนวน 7 ขั้น เลื่อนชั้นยศกรณีพิเศษเป็น พ.ต.ท. ราย ส.ต.ต.ณัชพล  พรหมณี ได้รับสิทธิประโยชน์ เลื่อนเงินเดือนกรณีพิเศษจำนวน 7 ขั้น เลื่อนชั้นยศกรณีพิเศษเป็น พ.ต.ต. อีกทั้งในส่วนของข้าราชการตำรวจรายอื่นที่ได้รับบาดเจ็บก็ให้ดำเนินการดูแลสวัสดิการและสิทธิประโยชน์ต่างๆตามระเบียบอย่างเต็มที่

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จัดโครงการอุปสมบทหมู่เฉลิมพระเกียรติ เนื่องในวันคล้ายวันพระราชสมภพ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี 2 เม.ย.65

พล.ต.ต.ยิ่งยศ  เทพจำนงค์ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จัดโครงการอุปสมบทหมู่ข้าราชการตำรวจเฉลิมพระเกียรติ เพื่อน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันพระราชสมภพฯ ครบ 67  พรรษา 2 เม.ย. 65 ณ วัดเทพศิรินทราวาสราชวรวิหาร 

ในการนี้ มีข้าราชการตำรวจเข้าร่วมโครงการฯ จำนวน 63 นาย และประชาชนทั่วไปที่มีจิตศรัทธา จำนวน 5 คน ซึ่งได้รายงานตัว ปฐมนิเทศ และฝึกซ้อมขานนาคตั้งแต่ วันที่ 28 มี.ค.-1 เม.ย. ที่ผ่านมา และในวันนี้ (2 เม.ย.65) พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. มอบหมายให้ พล.ต.อ.ปรีชา เจริญสหายานนท์ ที่ปรึกษาพิเศษ ตร. เป็นผู้แทนในพิธีถวายราชสักการะและเจริญพระพุทธมนต์สมโภชนาค มอบบาตรและผ้าไตร หลังจากนั้นเป็นพิธีบรรพชาและอุปสมบท โดยมีเจ้าคุณพระเทพโมลี ผู้ช่วยเจ้าอาวาส วัดเทพศิรินทราวาสราชวรวิหาร เป็นพระอุปัชฌาย์  

‘ฝรั่งเศส’ ส่งมอบวัคซีนไฟเซอร์แก่ไทย 3.2 ล้านโดส พร้อมข่าวดี สานต่อความสัมพันธ์ทวิภาคี ‘ไทย-ฝรั่งเศส’

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วยนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข รับมอบวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ของไฟเซอร์ (Pfizer) จากสาธารณรัฐฝรั่งเศส โดยมีนายตีแยรี มาตู (H.E. Mr. Thierry Mathou) เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐฝรั่งเศสประจำประเทศไทย เป็นผู้แทนรัฐบาลสาธารณรัฐฝรั่งเศส 

นายกรัฐมนตรี กล่าวขอบคุณรัฐบาลฝรั่งเศสสำหรับการสนับสนุนวัคซีนไฟเซอร์ จำนวน 3,268,620 โดส แบ่งออกเป็น 2 ส่วน ได้แก่ 1. วัคซีนไฟเซอร์ จำนวน 400,140 โดส และอุปกรณ์การฉีด และ 2. วัคซีนไฟเซอร์ ชนิด Ready to Use (RTU) จำนวน 2,868,480 โดส ทั้งนี้ ไทย-ฝรั่งเศสมีความใกล้ชิดมาอย่างต่อเนื่อง พร้อมยินดีที่ได้ร่วมมือกันในทุกมิติ โดยเฉพาะด้านสาธารณสุข เพื่อร่วมกันก้าวผ่านสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า ไทยจะใช้ประโยชน์จากวัคซีนที่ได้รับ ให้แก่ประชาชนอย่างทั่วถึง เท่าเทียม และจะสนับสนุนการบริจาควัคซีนให้แก่ประเทศต่างๆ เช่นกัน เพื่อให้ทุกประเทศสามารถเข้าถึงวัคซีนได้ โดยไทยได้บริจาควัคซีน แอสตราเซนเนกา (AstraZeneca) ให้แก่ประเทศเพื่อนบ้าน ประเทศในภูมิภาคเอเชียใต้ และภูมิภาคแอฟริกา

'รัสเซีย' โต้!! 'ยูเครน' จัดฉากความเสียหายในเมืองบูชา กระตุ้นเสียงประณามจากประชาคมโลก

ไม่นานมานี้ กระทรวงกลาโหมรัสเซียออกมาปฏิเสธภาพความเสียหายและผู้เสียชีวิตในเมืองบูชา นอกกรุงเคียฟ โดยระบุว่า เป็นการจัดฉากของรัฐบาลยูเครน เพื่อปรักปรำรัสเซีย

โดยทางกระทรวงกลาโหมรัสเซีย ได้ออกแถลงการณ์ปฏิเสธอยู่เบื้องหลังการเสียชีวิตของประชาชนชาวยูเครนในเมืองบูชา ตามที่มีภาพปรากฏเกิดตามสื่อต่าง ๆ 

ทั้งนี้ ภาพความเสียหายหนักในเมืองบูชา ซึ่งตั้งอยู่นอกกรุงเคียฟ ปรากฏออกมาหลังกองทัพยูเครนเข้าควบคุมพื้นที่เมืองบูชาได้อีกครั้ง ภายหลังกองทัพรัสเซียถอนกำลังออกไปในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา

แต่กระทรวงกลาโหมรัสเซียยืนกรานว่า ภาพผู้เสียชีวิตที่ปรากฏไม่ใช่ฝีมือทหารรัสเซีย และเป็นการจัดฉากของรัฐบาลยูเครน และสื่อชาติตะวันตก

ด้านประธานาธิบดียูเครน โวโลดิมีร์ เซเลนสกี กล่าวหารัสเซียว่า “กำลังฆ่าล้างเผ่าพันธุ์” ชาวยูเครน หลังพบหลุมฝังศพหมู่ในเมืองบูชา

ไม่เพียงเท่านั้น นานาประเทศ รวมถึงสหรัฐฯ นาโต ฝรั่งเศส อิตาลี และอีกหลายประเทศ ได้ออกมาประณามรัสเซียต่อภาพที่เกิดขึ้น และเรียกร้องให้ดำเนินคดีรัสเซียต่อศาลโลก

อย่างไรก็ดี รัฐบาลยูเครนได้ยื่นสำนวนต่อศาลโลก หลังรัสเซียเปิดฉากบุกได้ 3 วัน เพื่อดำเนินคดีรัสเซียต่ออาชญากรรมรุนแรงต่อชาวยูเครนไปแล้ว


ที่มา: RT / AFP
https://www.facebook.com/351495409269379/posts/690193752066208/

‘รัฐมนตรีศรีลังกา’ ลาออกจากตำแหน่งทั้งคณะ หลังปชช. ลุกฮือประท้วงวิกฤตข้าวยากหมากแพง

บรรดารัฐมนตรีของศรีลังกา ยกเว้นประธานาธิบดี และนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นพี่ชายของเขา ลาออกจากตำแหน่งทั้งคณะในวันอาทิตย์ (3 เม.ย.) ขณะที่กลุ่มการเมืองฝ่ายรัฐบาลพยายามหาทางคลี่คลายวิกฤตเศรษฐกิจที่กำลังหนักหนาสาหัสมากขึ้นเรื่อยๆ

ประเทศเอเชียใต้แห่งนี้กำลังเผชิญกับภาวะขาดแคลนอาหาร เชื้อเพลิงและข้าวของที่จำเป็นอย่างรุนแรง เงินเฟ้อพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์และถูกตัดไฟ ในภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจครั้งเลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่ได้รับเอกราชจากสหราชอาณาจักรในปี 1948

คณะรัฐมนตรีทั้ง 26 คนในรัฐบาล ยกเว้นประธานาธิบดีโกตาบายา ราชปักษา และพี่ชายของเขา นายกรัฐมนตรีมาฮินดา ราชปักษา ยื่นหนังสือลาออกในที่ประชุมช่วงกลางดึก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเปิดเผยกับพวกผู้สื่อข่าว

ความเคลื่อนไหวครั้งนี้เปิดทางให้ประธานาธิบดีแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ในวันจันทร์ (4 เม.ย.) และบางคนที่ลาออกจากตำแหน่งอาจได้รับการแต่งตั้งกลับมาใหม่

การลาออกของคณะรัฐมนตรี มีขึ้นในขณะที่ประเทศแห่งนี้อยู่ภายใต้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน หลังฝูงชนพยายามบุกบ้านประธานาธิบดีในกรุงโคลอมโบ เมืองหลวงของประเทศ และประกาศเคอร์ฟิวทั่วประเทศมีผลบังคับใช้ไปจนถึงช่วงเช้าวันจันทร์ (4 เม.ย.)

ก่อนหน้านี้ ซามากี จายา บาลาวีกายา พันธมิตรฝ่ายค้ายหลักของศรีลังกา ประณามการตัดสื่อสังคมออนไลน์ ซึ่งมีเป้าหมายสยบการประท้วงของประชาชนที่หนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ และบอกว่าถึงเวลาแล้วที่รัฐบาลต้องลาออก

อิรัน วิกรัมมารัตน์ (Eran Wickramaratne) ส.ส.คนหนึ่ของพรรคซามากี จายา บาลาวีกายา ประณามการประกาศภาวะฉุกเฉินและการสั่งทหารเข้าประจำการบนท้องถนนสายต่างๆ "เราไม่อาจปล่อยให้ทหารเข้ามายึดอำนาจ" เขากล่าว "พวกเขาควรรู้ว่าเรายังคงเป็นประชาธิปไตย"

บรรดาผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตได้รับคำสั่งให้ปิดกั้นการเข้าถึงเฟซบุ๊ก WhatsApp ทวิตเตอร์ และแพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์อื่นๆ แต่มาตรการดังกล่าวไม่สามารถขัดขวางการชุมนุมขนาดเล็กอีกหลายจุดตามเมืองอื่นๆ ในศรีลังกา

ตำรวจต้องยิงแก๊สน้ำตาสลายการชุมนุมของบรรดานักศึกษามหาวิทยาลัยในเมืองเปราดินิยา ทางภาคกลาง แต่การประท้วงในพื้นที่อื่นๆ ของประเทศยุติลงโดยปราศจากเหตุการณ์ใดๆ

สื่อมวลชนรายงานว่า ประธานคณะผู้ควบคุมกฎระเบียบอินเทอร์เน็ตของศรีลังกาตัดสินใจลาออก หลังคำสั่งแบนมีผลบังคับใช้ อย่างไรก็ตาม มาตรการปิดกั้นเข้าถึงสื่อสังคมออนไลน์ถูกยกเลิกในเวลาต่อมา หลังคณะกรรมาธิการด้านสิทธิมนุษยชนของประเทศ ตัดสินว่ากระทรวงกลาโหมไม่มีอำนาจที่จะดำเนินการเช่นนั้น

ท้องถนนสายต่างๆ ของกรุงโคลอมโบ ส่วนใหญ่แล้วยังคงว่างเปล่าในวันอาทิตย์ (3 เม.ย.) นอกเหนือจากการประท้วงของฝ่ายค้านขนาดเล็กๆ และยานยนต์ที่ต่อแถวยาวเหยียดเพื่อรอเติมน้ำมัน

เดิมทีพวกผู้ชุมนุมมีแผนประท้วงใหญ่ในวันอาทิตย์ (3 เม.ย.) ก่อนมาตรการปิดกั้นการเข้าถึงสื่อสังคมออนไลน์มีผลบังคับใช้ แต่แกนนำตัดสินใจเลื่อนการชุมนุม โดยรอให้ประกาศเคอร์ฟิวถูกยกเลิกไปก่อนในวันจันทร์ (4 เม.ย.)

ถนนสายแรกของธนบุรี ‘ถนนสมเด็จพระเจ้าตากสิน’ เชื่อมความเจริญ ‘สะพานพุทธ’ สู่ ‘ดาวคะนอง’

ถนนสมเด็จพระเจ้าตากสิน
ถนนสายที่ 1 ของธนบุรี (สะพานพุทธ-ดาวคะนอง)
โครงการเริ่มปี พ.ศ. 2472
รองรับสะพานพุทธข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา เชื่อมพระนครและธนบุรี

ก่อนหน้านั้น ธนบุรีเป็นเมืองน้ำ 100%
มีเพียงถนนคนเดินเล็กๆ
เค้าเล่าว่า สมัยนั้น หมาฝั่งธน ไม่เคยเห็นรถยนต์ ซึ่งน่าจะจริง 
เพราะฝั่งธนยังไม่มีถนนให้รถวิ่งได้เลย

ช่วงสะพานพุทธ-วงเวียนใหญ่ (รถไฟสายแม่กลอง) ใช้ชื่อถนนประชาธิปก

ช่วงวงเวียนใหญ่ (รถไฟสายแม่กลอง) ถึงดาวคะนองสร้างภายหลัง ในปีพ.ศ. 2482 ใช้ชื่อถนนสมเด็จพระเจ้าตากสิน

อนุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ที่วงเวียนใหญ่ สร้างเสร็จเมื่อปี พ.ศ. 2497 

ทศวรรษ 251X - 252X รถติด สะพานพุทธวิกฤติ
เด็กนักเรียนฝั่งธนฯ เดินจากวงเวียนใหญ่ไปโรงเรียนศึกษานารี หรือเดินข้ามสะพานพุทธไปโรงเรียนสวนกุหลาบเร็วกว่าขึ้นรถเมล์

รัฐบาลยุคนั้น มีแผนทำโครงการรถไฟฟ้าลอยฟ้าลาวาลิน สายสะพานพุทธ-ดาวคะนอง แต่โครงการล่มสลาย เหลือแค่ซากสะพานสร้างค้างไว้ ทิ้งร้างกลางแม่น้ำเจ้าพระยาเป็นเวลา 30 ปี (เพิ่งมีการปรับปรุงเป็น "สวนลอยฟ้าเจ้าพระยา" เปิดใช้งานปี พ.ศ. 2563)

พ.ศ. 2527 เปิดใช้สะพานพระปกเกล้า

กาลครั้งหนึ่ง ‘สาทร’ เคยขึ้นกับจังหวัด ‘พระประแดงบุรีศรีนครเขื่อนขันธ์’

กาลครั้งหนึ่ง นานมาแล้ว...
"สาทร" เคยขึ้นกับจังหวัด “พระประแดงบุรีศรีนครเขื่อนขันธ์"

จากมุมนี้ เห็นได้ว่าบางกระเจ้าที่พระประแดงไม่ไกลจากสาทรสักเท่าไร
มีการโอนสาทรขึ้นกับจังหวัดพระนคร ในปี พ.ศ. 2458

โอนพระโขนง ช่องนนทรี และโพงพางของจังหวัดพระประแดง มาขึ้นกับจังหวัดพระนคร ในปี พ.ศ. 2470


ที่มา : https://www.facebook.com/photo?fbid=529839138499749&set=a.242244413925891

เชื่อมสองเจริญ ‘สะพานกรุงเทพ’ และ ‘สะพานพระราม ๓’ สะพานเชื่อม ‘เจริญกรุง - เจริญนคร’

เจริญกรุง เจริญนคร
ชื่อถนนเลียบแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งกรุงเทพและฝั่งธนบุรี

ถนนเจริญกรุงสร้างในสมัยรัชกาลที่ ๔
ถนนเจริญนครสร้างในสมัยรัชกาลที่ ๘

ภาพนี้มองไม่เห็นถนน
แต่มองเห็นตึกรามบ้านช่องบนถนนเจริญกรุง ถนนเจริญนคร 
และแม่น้ำเจ้าพระยา

มองเห็นสะพานกรุงเทพและสะพานพระราม ๓ 
เชื่อมสองเจริญ

และเป็นสะพานที่ขึ้นทีไร
ก็อดใจที่จะหันเหลียวมอง เจริญกรุง เจริญนคร อันตื่นตาตื่นใจ ไม่ได้


ที่มา : https://www.facebook.com/photo/?fbid=510465683770428&set=a.242244413925891
 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top