Thursday, 10 July 2025
NEWS FEED

ช่วยสังคม!! “เจริญชัย แซ่ชั้น” จากรากหญ้า สู่นักธุรกิจค้าของเก่า ทำบุญแจกข้าวสาร 2,000 กิโล เพื่อช่วยเหลือผู้ยากไร้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ร้าน ส.รุ่งเรือง ค้าของเก่า ต.แพรกษา อ.เมือง จ.สมุทรปราการ นายเจริญชัย แซ่ชั้น นักธุรกิจค้าของเก่า “ส.รุ่งเรือง ค้าของเก่า” พร้อมด้วยครอบครัวแซ่ชั้น ร่วมตอบแทนสังคมด้วยการทำบุญแจกข้าวสาร อาหารแห้ง จำนวน 2,000 กิโล เพื่อช่วยเหลือประชาชนผู้ยากไร้ ผู้ที่พิการ และผู้ด้อยโอกาสในเขตพื้นที่แพรกษาและพื้นที่ใกล้เคียง 

โดย นายเจริญชัย แซ่ชั้น นักธุรกิจค้าของเก่า กล่าวว่า เดิมทีนั้น ตนเองมีรากฐานเป็นคนเบตง จ.ยะลา ฐานะทางครอบครัวไม่ได้ร่ำรวยอะไร ชีวิตเริ่มจากศูนย์จากเด็กต่างจังหวัดเดินทางเข้าเมืองหลวงด้วยการเป็นเด็กเสิร์ฟเงินเดือน 400 บาท อดทนทำงานอย่างหนักใช้ชีวิตหาเช้ากินค่ำด้วยความอดทน ดิ้นรนต่อสู้ชีวิตเปรียบชีวิตยิ่งกว่าละคร กระทั่ง พาครอบครัวมาอยู่จังหวัดสมุทรปราการ จากเด็กที่เคยลำบาก ปัจจุบัน เป็นนักธุรกิจค้าของเก่า ทำธุรกิจด้วยความซื่อสัตย์ ตรงไปตรงมา ทำให้ครอบครัวแซ่ชั้น มีฐานะที่มั่นคงเป็นที่รักที่รู้จักของเพื่อนๆ นักธุรกิจหลายคน ตนเองจึงนึกถึงผู้ยากจน ผู้ด้อยโอกาส เพราะความที่เคยจน เคยลำบากมาก่อน

ฟรุ้ทบอร์ด' หวั่นโควิดระบาดหนักในจีนกระทบการส่งออกผลไม้ไทย แนะผู้ส่งออกเพิ่มการขนส่งทางเรือเป็น 55% พร้อมขยายตลาดบริโภคในประเทศจาก 30% เป็น 40% รับมือกรณีด่านปิด

'ฟรุ้ทบอร์ด' หวั่นโควิดระบาดหนักในจีนกระทบการส่งออกผลไม้ไทย  แนะผู้ส่งออกเพิ่มการขนส่งทางเรือเป็น 55% พร้อมขยายตลาดบริโภคในประเทศจาก 30% เป็น 40% รับมือกรณีด่านปิด

วันนี้ (7 เมษายน 2565) ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์  ประธานคณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการผลไม้ (Fruit Board) ได้มอบหมาย นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดกรผลไม้ ครั้งที่ 2/2565  ผ่านระบบการประชุมทางไกลออนไลน์ zoom cloud meeting พร้อมด้วยคณะกรรมการ และ ผู้แทนกรรมการ อาทิ นายธีระชาติ ปางวิรุฬท์รักษ์ ผู้ช่วยเลขานุการ รมว.พณ. (แทน รมช.พณ.) นายโอภาส ทองยงค์ รอง.ปลัด.กษ. นายขจร เราประเสริฐ ผู้ตรวจราชการ กษ. นายกฤษธนา ทองประเสริฐ รองอธิบดีกรมการค้าภายใน และ นางสาวปทุมวดี อิ่มทั่ว อัครราชทูตที่ปรึกษา (ฝ่ายเกษตร) ประจำกรุงปักกิ่ง นางสาวอาทินนท์ อินทาพิมพ์ กงสุลฝ่ายเกษตร ประจำการกงสุลใหญ่ ณ นครเซี่ยงไฮ้ นายปรัตถกร แท่นมณี กงสุลฝ่ายเกษตร ประจำการกงสุลใหญ่ ณ นครกว่างโจว ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยมี นางมาลินี ยุวนานนท์ ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมและจัดการสินค้าเกษตร กรมส่งเสริมการเกษตร เป็นฝ่ายเลขานุการ 

ที่ประชุมรับทราบ (1) การแต่งตั้งคำสั่งคณะกรรมการผู้แทนเกษตรกร สถาบันเกษตรกร ภาคเอกชน และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิชุดใหม่ (2) ความก้าวหน้า สถานการณ์การผลิตไม้ผล ปี 2565 (3) สรุปผลการประชุมเฉพาะกิจการเตรียมการบริหารจัดการผลไม้ภาคตะวันออก ปี 2565 (4) รายงานความก้าวหน้าของคณะทำงานศึกษาเสถียรภาพกลุ่มสินค้าทุเรียน (5) การรายงานความก้าวหน้าของคณะอนุกรรมการพัฒนาและบริหารการตลาด (6) การรายงานสถานการณ์ด่านการส่งออกผลไม้ไปจีน และสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิดในจีน (7)รายงานแนวทางแก้ไขปัญหาการขนส่งผลไม้ล็อตแรกของไทยไปจีนโดยรถไฟจีน-ลาวให้ใช้เวลาไม่เกิน 3 วันครึ่ง

นอกจากนี้ที่ประชุมได้พิจารณาหารือ และมีมติ เห็นชอบ ดังนี้...
1.) แผนบริหารจัดการผลไม้ภาคตะวันออก (ทุเรียน มังคุด เงาะ ลองกอง) ปี 2565 เป็นแนวทางบริหารจัดการผลไม้ ปี 2565 ตามมติคณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการผลไม้ ครั้งที่ 1/2565 เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2565 ทั้งนี้ จังหวัดได้จัดวางแผนการบริหารจัดการผลไม้ แบบเบ็ดเสร็จได้ด้วยตัวเอง ในเชิงคุณภาพสอดคล้องตามยุทธศาสตร์พัฒนาผลไม้ไทย พ.ศ.2565 - 2570 และในเชิงปริมาณ โดยการจัดการความสมดุลเป็นไปตามหลัก อุปสงค์ – อุปทาน 
(1.1) แผนบริหารจัดการผลไม้ภาคตะวันออก ปี 2565 เพื่อบริหารจัดการผลผลิต
ทุเรียน 729,110 ตัน
มังคุด 221,840 ตัน
เงาะ 216,420 ตัน
ลองกอง 18,994 ตัน
รวมทั้งสิ้น 1,186,364 ตัน
(1.2) เสนอให้คณะกรรมการเพื่อแก้ไขปัญหาอันเนื่องมาจากผลผลิตการเกษตรระดับจังหวัด (คพจ.) โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นประธาน และพาณิชย์จังหวัด เป็นฝ่ายเลขานุการ เป็นกลไกหลัก ในการขับเคลื่อนบริหารจัดการผลไม้ในพื้นที่จังหวัด ประจำปี 2565 ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย
(1.3) กรณีที่การบริหารจัดการผลไม้ในพื้นที่มีปัญหา มอบหมายให้จังหวัดประสานกับฝ่ายเลขานุการคณะทำงานจัดทำแผนการแก้ไขปัญหาผลไม้เศรษฐกิจล่วงหน้าทั้งระบบ และ/หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พิจารณา ใช้มาตรการที่เกี่ยวข้องมาดำเนินการช่วยเหลือเกษตรกรต่อไป

2.) แผนบริหารจัดการผลไม้ภาคเหนือ (ลิ้นจี่) ปี 2565เพื่อให้จังหวัดใช้เป็นแนวทางปฏิบัติในการบริหารจัดการผลไม้ในฤดูการผลิตปี 2565
(2.1) แผนบริหารจัดการผลไม้ภาคเหนือ (ลิ้นจี่) ปี 2565 จำนวน 43,511 ตัน ผ่านกลไกคณะกรรมการเพื่อแก้ไขปัญหาอันเนื่องมาจากผลิตผลการเกษตรระดับจังหวัด (คพจ.)
(2.2) เสนอให้คณะกรรมการเพื่อแก้ไขปัญหาอันเนื่องมาจากผลผลิตการเกษตรระดับจังหวัด (คพจ.) โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นประธาน และพาณิชย์จังหวัด เป็นฝ่ายเลขานุการ เป็นกลไกหลัก ในการขับเคลื่อนบริหารจัดการผลไม้ในพื้นที่จังหวัด ประจำปี 2565 ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย
(2.3) กรณีที่การบริหารจัดการผลไม้ในพื้นที่มีปัญหา มอบหมายให้จังหวัดประสานกับฝ่ายเลขานุการคณะทำงานจัดทำแผนการแก้ไขปัญหาผลไม้เศรษฐกิจล่วงหน้าทั้งระบบ และ/หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พิจารณา ใช้มาตรการที่เกี่ยวข้องมาดำเนินการช่วยเหลือเกษตรกร ต่อไป

นายอลงกรณ์ กล่าวว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิดในจีนระลอกใหม่เป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการส่งออกผลไม้ของไทยที่ประมาทไม่ได้จึงขอให้ผู้ส่งออกเพิ่มการขนส่งทางเรือให้มากที่สุดเป็น 55% และการขนส่งทางรถไฟสายจีน-ลาวในระบบผสม 'ราง-รถ' เป็นทางเลือกเพิ่มเติมเพื่อลดความเสี่ยงของการขนส่งทางรถที่มีความไม่แน่นอนของด่านทางรถที่อาจปิดได้ทุกเมื่อหากเกิดการระบาดของโควิดในพื้นที่ใกล้เคียงแม้ตอนนี้ด่านทุกด่านยกเว้นด่านตงชิงยังเปิดเป็นปกติ รวมทั้งต้องเร่งรณรงค์การบริโภคผลไม้ภายในประเทศให้มากขึ้นจาก 30% เป็น 40% เพื่อช่วยสนับสนุนเกษตรกรผู้ปลูกผลไม้ทั้งในส่วนของภาคตะวันออก ภาคใต้ ภาคเหนือและทุกภาคทั่วประเทศ และขอให้ทุกหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง ปฏิบัติตามมาตรการเชิงรุกล่วงหน้าตามนโยบายของดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์  ในฐานะประธานคณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการผลไม้ (Fruit Board) และนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กำหนด 18 มาตรการบริหารจัดการผลไม้ ปี 2565 และ แผนการแก้ไขปัญหาผลไม้เศรษฐกิจล่วงหน้าทั้งระบบ ปี 2565 กรณีเหตุการณ์ไม่ปกติ จำนวน 5 มาตรการ 21 โครงการ ประกอบไปด้วย มาตรการป้องกันเพื่อเตรียมรองรับเหตุการณ์ไม่ปกติ มาตรการช่วยเหลือในการกระจายสินค้า ควบคุมคุณภาพ และกระตุ้นการบริโภคผลไม้ มาตรการช่วยเหลือสนับสนุนการส่งออกผลไม้ไทย มาตรการแปรรูปสร้างมูลค่าเพิ่มผลไม้ และมาตรการช่วยเหลือเยียวยา และฟื้นฟูเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ไม่ปกติ

เผยอาการล่าสุด ‘น้องอุ้ม’ พยาบาลอุ้มผาง ย้ายออกจากไอซียูแล้ว ‘รู้สึกตัวดี ลืมตาได้เอง’

โรงพยาบาลราชวิถีเผยความคืบหน้าอาการ ‘น้องอุ้ม’ พยาบาลอุ้มผาง ล่าสุดรู้สึกตัวดี ลืมตาได้เอง หายใจเองได้ไม่ต้องใช้ออกซิเจนทางท่อเจาะคอ ย้ายออกจากไอซียูมาพักฟื้นหอผู้ป่วยพิเศษแล้ว

วันนี้ (7 เม.ย.) เพจ ‘โรงพยาบาลราชวิถี’ ได้ออกประกาศเรื่อง รายงานความคืบหน้าอาการ ‘น้องอุ้ม’ พยาบาลโรงพยาบาลอุ้มผาง มารับการรักษาตัว ณ โรงพยาบาลราชวิถี (ฉบับที่ 10) ระบุว่า ความคืบหน้าอาการผู้ป่วยในขณะนี้ พบว่าผู้ป่วยมีอาการคงที่ รู้สึกตัวดี สามารถลืมตาได้เอง แต่ยังไม่ทำตามสั่ง

‘รวย 9999’ ครองแชมป์ จบการประมูลที่ 18.5 ล้าน ‘กรมขนส่ง’ คาดโกยรายได้เข้า กปถ. กว่า 100 ล้าน

เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 7 เมษายน ที่โรงแรมพูลแมน คิง เพาเวอร์ กรุงเทพ (รางน้ำ) นายชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม เป็นประธานในพิธีเปิดประมูลหมายเลขทะเบียนรถที่มีลักษณะพิเศษ สำหรับรถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกินเจ็ดคน ครั้งแรกของประเทศไทย เพื่อให้ผู้ที่สนใจได้ครอบครองป้ายทะเบียนรถลักษณะพิเศษ ที่มีเอกลักษณ์ ไม่เหมือนใคร

นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) เปิดเผยว่า การจัดประมูลครั้งนี้ มีผู้สนใจเข้าร่วมการประมูลจำนวน 273 ราย จำนวน 84 หมายเลข ผ่านทาง 2 ช่องทาง ได้แก่ ประมูลทางวาจาด้วยตนเอง และ ประมูลทางอินเทอร์เน็ตที่ผ่านเว็บไซต์ www.tabienrod.com สำหรับการประมูลครั้งนี้มีหมายเลขที่ไฮไลต์ ได้แก่ “รวย 9999” มีผู้สนใจลงทะเบียน 33 ราย ราคาเสนอเริ่มต้น 1.5 ล้านบาท เสนอราคาไป 424 ครั้ง จบการประมูลไปที่ราคา 18,560,000 บาท ใช้เวลาประมูล 45 นาที โดยผู้ประมูลผ่านทางอินเทอร์เน็ตที่ชื่อ Whatever เป็นผู้ชนะการประมูล

รองลงมาคือ หมายเลข “รวย 8888” มีผู้สนใจลงทะเบียน 14 ราย ราคาเสนอเริ่มต้น 1.5 ล้านบาท เสนอราคาไป 320 ครั้ง จบการประมูลไปที่ราคา 11,100,000 บาท ใช้เวลาประมูล 45 นาที โดยมี น.ส.วาสนา อินทะแสง หรือ เมย์ กรรมการบริษัทรีโว่เมด (ไทยแลนด์) จำกัด อายุ 37 ปี เป็นผู้ชนะการประมูล 

ทั้งนี้ เมื่อเสร็จสิ้นการประมูลแล้วผู้ชนะการประมูลจะต้องชำระค่าหมายเลขทะเบียนที่ประมูลได้ให้ครบถ้วนภายใน 30 วัน

อย่างไรก็ตาม คาดว่าการประมูลในครั้งนี้ จะได้เงินเข้ากองทุนความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน (กปถ.) ประมาณ 100 ล้านบาท เพื่อนำไปใช้ในกิจกรรมเสริมสร้างความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน รวมทั้งสนับสนุนเป็นค่าอุปกรณ์ช่วยเหลือผู้พิการที่ประสบภัยจากการใช้รถใช้ถนน ซึ่งในปัจจุบันมีเงินอยู่ในกองทุนฯ ประมาณ 4,000 ล้านบาท

นายจิรุตม์ กล่าวว่า ที่ผ่านมา ขบ. ได้เริ่มเปิดให้ประมูลป้ายทะเบียนสวย ตั้งแต่ปี 2546-2565 หรือกว่า 19 ปี พบว่าป้ายทะเบียน 3 อันดับ ที่ราคาสูงสุด ได้แก่ อันดับ 1 หมายเลข 8กก 8888 ราคา 28,100,000 บาท รองลงมา 1กก 1111 ราคา 25,000,000 บาท

และ ป้ายทะเบียนพิเศษ รวย 9999 ราคา 18,560,000 บาท และเป็นป้ายที่มีสถิติราคาสูงสุดในการประมูลป้ายทะเบียนพิเศษ

เปิดแผนลดต้นทุนปุ๋ยเคมีช่วยเกษตรกร ลดค่าใช้จ่ายแล้ว 244 ล้านบาท

นางอัญชลี สุวจิตตานนท์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร เปิดเผยว่า ผลการดำเนินการของศูนย์จัดการดินปุ๋ยชุมชน (ศดปช.) ที่ได้เข้าไปช่วยเหลือเกษตรกรในการลดต้นทุนการใช้ปุ๋ยเคมีในการทำการเกษตรสำหรับการปลูกพืชเศรษฐกิจสำคัญ ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก โดยเกษตรกรจำนวน 108,036 ราย จาก 394 ศูนย์ ใน 63 จังหวัด พื้นที่ 1.3 ล้านไร่ ได้รับประโยชน์ ปริมาณการใช้ปุ๋ยลดลง 59,047.37 ตัน คิดเป็น 49% 

ทั้งนี้สามารถลดต้นทุนการใช้ปุ๋ยเคมีเฉลี่ยในพืชเศรษฐกิจต่าง ๆ ไม่น้อยกว่า 36.91% คิดเป็นมูลค่ามากถึง 244 ล้านบาท และเพิ่มผลผลิตได้จริง โดยผลผลิตของเกษตรกรที่ใช้ปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ดินเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 10% ช่วยสร้างรายได้เพิ่มขึ้น และเกิดการจ้างงานในธุรกิจบริการดินและปุ๋ยเพื่อชุมชน ประมาณ 2,600 คน 

เตือน!! ตรวจโควิดด้วย ATK ไม่ระวัง หากสาร Sodium Azide กระเด็นเข้าตา เสี่ยงตาบอด

เตือนตรวจ ATK ไม่ระวังโดนสาร Sodium Azide เข้าที่ดวงตา อาจทำให้ตาบอดได้ เผลอกินเข้าไปอาจอันตรายรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิต

วันที่ 7 เมษายน 2565 แฟนเพจ Anti-Fake News Center Thailand โพสต์ข้อความว่า ตามที่มีการเผยแพร่ข้อความในสื่อออนไลน์ต่างๆ เกี่ยวกับประเด็นตรวจ ATK ไม่ระวังเสี่ยงตาบอดหากโดนสาร Sodium Azide เข้าที่ดวงตา

ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลจริง

จากข้อความทางสื่อออนไลน์ที่กล่าวว่า ประเด็นการใช้ ATK ต้องใช้อย่างระวัง ใน ATK มันมีส่วนผสมของ Sodium Azide เข้าใจว่าอยู่ในหลอดยาที่หยอด Sodium Azide โดนตาตาบอดได้ โดนผิวก็อาจระคายเคือง บางคนก็รุนแรง ถ้ากินเข้าไปอาจจะอันตรายรุนแรงอาจถึงขั้นเสียชีวิต ควรใช้แต่พอดี

โลกระทึก!! ศักราชใหม่แห่งยุคสงครามเย็นระดับเร็วเหนือเสียง เมื่อ 'สหรัฐฯ-อังกฤษ-ออสซี่' จับมือพัฒนาขีปนาวุธ Hypersonic

สมาชิกพันธมิตร 3 อ. หรือ AUKUS อันประกอบด้วย สหรัฐอเมริกา-อังกฤษ-ออสเตรเลีย ได้ร่วมแถลงอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 6 เมษายน 2565 ว่าจะจับมือกันพัฒนาขีปนาวุธ Hypersonic เพื่อติดตั้งในกองทัพเรือดำน้ำราชนาวีของออสเตรเลียภายในอีก 6 เดือนข้างหน้านี้

โดยผู้นำทั้ง 3 ประเทศได้อ้างว่าที่จำเป็นต้องเดินหน้ายกระดับแสนยานุภาพทางทหารของตนในย่านแปซิฟิก เนื่องจากกรณีรัสเซียบุกยูเครน ซึ่งได้เปิดตัวใช้ขีปนาวุธ Hypersonic โจมตียูเครนไปแล้วก่อนหน้านี้ ได้เปลี่ยนโฉมหน้าการใช้เทคโนโลยีด้านการทหารไปสู่อีกขั้นหนึ่ง

เมื่อเป็นเช่นนี้ พันธมิตร AUKUS ที่เป็นกลุ่มระดับมหาอำนาจของโลกคงยอมไม่ได้ จึงจำเป็นต้องมี Hypersonic กับเขาบ้าง เพื่อมาถ่วงดุลกัน

ข้ออ้างในการพัฒนาขีปนาวุธ Hypersonic ของสหรัฐฯ และ อังกฤษ นั้นพอเข้าใจได้ หากยกกรณีข้อพิพาทระหว่างรัสเซีย กับชาติพันธมิตรในตะวันตก

ว่าแต่...ออสเตรเลีย ประเทศในย่าน Down Under มาเกี่ยวอะไรกับเขาด้วย??

แม้ในแถลงการณ์ร่วมของพันธมิตร 3 อ. ไม่ได้กล่าวออกมาตรงๆ แต่ทุกคนก็น่าจะรู้ว่าการที่ออสเตรเลียจำเป็นต้องติดขีปนาวุธ Hypersonic ไว้ลาดตระเวนแถวน่านน้ำแปซิฟิก ที่ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับแถวทะเลบอลติกแม้แต่น้อยนั้น ก็เพื่อข่มแสนยานุภาพ

ของกองทัพจีนในน่านน้ำทะเลจีนใต้!!

เนื่องจากทางจีนเอง ก็เริ่มมีการทดสอบขีปนาวุธ Hypersonic ของตัวเองไปแล้วตั้งแต่ช่วงกลางปี 2021 ที่อ้างว่ามีความเร็วสูงถึง 5 มัค และตอนนี้ประกาศว่าได้พัฒนารุ่นที่ 2 เรียบร้อยแล้ว ซ้ำยังคุยข่มด้วยว่าใช้เทคโนโลยีล้ำหน้ากว่าใครใน 7 ย่านน้ำ แม้แต่กองทัพสหรัฐฯ อาจต้องใช้เวลาถึงปี 2025 ถึงจะตามได้ทัน

ทั้งนี้ฟากฝ่ายความมั่นคงสหรัฐฯ ได้เผยว่า จีนกำลังเพิ่มปริมาณหัวรบนิวเคลียร์ของตัวเองให้ได้ถึง 1,000 ลูกในระยะเวลาไม่เกิน 10 ปีบวกกับเทคโนโลยี Hypersonic เข้าไปด้วย ซึ่งจะทำให้จีนเป็นประเทศมหาอำนาจด้านการทหารเบอร์ 1 ในย่านเอเชีย แม้ปริมาณหัวรบนิวเคลียร์จะน้อยกว่าที่สหรัฐฯ มีถึง 3 เท่า แต่ก็ถือเป็นภัยคุกคามที่สหรัฐฯ จะยอมปล่อยให้ขยายอิทธิพลมากไปกว่านี้ไม่ได้

แต่ใช่ว่าสหรัฐฯ จะไม่รู้ว่า จีน หรือ แม้แต่รัสเซีย ว่ามีความก้าวหน้าในเทคโนโลยีขีปนาวุธระดับไหน ดังจะเห็นได้ว่าทันทีที่มีข่าวรัสเซียยิงขีปนาวุธ Hypersonic รุ่น Kinzhal Missile ใส่คลังแสงของกองทัพยูเครนปุ๊บ ทางรัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐก็ออกมาให้สัมภาษณ์ออกสื่อทันทีว่า ทางสหรัฐฯ ก็มีการทดสอบขีปนาวุธ Hypersonic ไปเมื่อกลางเดือนมีนาคมที่ผ่านมาแล้ว ที่มีความเร็วมากกว่า 5 มัค

แถมยังเกทับอีกว่า ขีปนาวุธรัสเซียนั้น 'กระจอก' เป็นแค่จรวดพิสัยใกล้ ไหนเลยจะเทียบรุ่นกับของเราได้ สเปกแน่น จัดเต็ม ความแม่นยำสูง แค่เราทดสอบเงียบๆ แบบไม่อยากบอกใครเท่านั้นเอง

และอันที่จริงแล้ว ฟากออสเตรเลีย หนึ่งในสมาชิก 5 Eyes ก็มีโครงการพัฒนาเทคโนโลยี Hypersonic ร่วมกับสหรัฐอเมริกามาตั้งนานแล้ว ก่อนจะจับมือตั้งเป็นพันธมิตร AUKUS ร่วมกันเสียอีก โดยใช้ชื่อโครงการว่า SCIFIRE (the Southern Cross Integrated Flight Research Experiment) มีเป้าหมายในการพัฒนาเครื่องยนต์ หัวยิง และขีปนาวุธ Hypersonic ให้ได้ความเร็วตั้งแต่ 5-8 มัค

ซึ่งเรื่องนี้น่าจะมีความเป็นไปได้อย่างมาก ถึงขนาดที่ออสเตรเลียยอมหักหน้า ทิ้งสัญญาเรือดำน้ำของฝรั่งเศสจนเป็นเหตุให้เคืองใจกันอย่างแรงระหว่าง เอมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส กับ สก็อต มอร์ริสัน นายกรัฐมนตรีออสเตรเลียอยู่พักใหญ่

ดังนั้นแผนการยกระดับการครอบครองขีปนาวุธ Hypersonic จึงน่าจะอยู่ในแผนระหว่างสหรัฐฯ กับ ออสเตรเลีย อยู่ก่อนแล้ว แม้จะไม่มีกรณีสงครามรัสเซีย-ยูเครน ก็ตาม เพียงแต่ช่วงนี้ประเด็นรัสเซียกำลังร้อนๆ ออสเตรเลียก็เลยโบ้ยตามน้ำว่าเพราะรัสเซียเป็นเหตุ สังเกตได้ เท่านั้นเลยจริงๆ

‘หมอมนูญ’ เผยเคสน่าสนใจ ‘ผู้ป่วยติดโควิด’ ขณะเดียวกันยังเป็น ‘วัณโรคปอด’ ควบคู่ด้วย

หมอมนูญเผยเคสน่าสนใจผู้ป่วยติดโควิดพร้อมกับเป็นวัณโรค ตรวจพบผลเป็นบวกก่อนจะทราบภายหลังเป็นโรคอื่นด้วย

วันนี้ (7 เม.ย. 65) นพ.มนูญ ลีเชวงวงศ์ หัวหน้าโรคระบบทางเดินหายใจ โรงพยาบาลวิชัยยุทธ โพสต์ข้อความระบุว่า ผู้ป่วยโรคโควิด-19 บางคนติดเชื้อโรคทางเดินหายใจอีก 1 โรคในเวลาเดียวกัน

ผู้ป่วยชายอายุ 75 ปี ปกติแข็งแรงดี ไม่มีโรคประจำตัว ไม่มียาประจำ ได้รับวัคซีนแอสตร้าเซเนก้า 2 เข็มและเข็มกระตุ้นไฟเซอร์ 1 เข็ม

วันที่ 19 มีนาคม 2565 เริ่มมีไข้ต่ำๆ ไอ เสมหะสีขาว ไม่เบื่ออาหาร น้ำหนักไม่ลด ตรวจ ATK ที่บ้านวันที่ 20 มีนาคมให้ผลบวก ไปโรงพยาบาลใกล้บ้านตรวจ RT-PCR ยืนยันติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่นั่นให้ยาฟาวิพิราเวียร์กิน 10 วัน ยังไอต่อเนื่อง และมีเสมหะ โรงพยาบาลใกล้บ้านแนะนำให้หาแพทย์เฉพาะทางด้านระบบทางเดินหายใจ

'จนท.มอสโก' แฉ!! สหรัฐฯ ห้ามพันธมิตรยุโรปซื้อ ‘น้ำมัน’ รัสเซีย แต่นำเข้าเพิ่มเอง 43% พร้อมขายต่อให้ยุโรปในราคาสูง

ในขณะที่สหรัฐฯ กดดันชาติพันธมิตรตะวันตกให้เลิกซื้อน้ำมันจากรัสเซียเพื่อตอบโต้การส่งทหารรุกรานยูเครน มีข้อมูลจากฝั่งมอสโกว่า อเมริกาเองกลับมีการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซียเพิ่มขึ้นถึง 43% ในช่วง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้เกิดเสียงวิจารณ์ขึ้นมาทันทีว่า อเมริกากำลังแสวงหาประโยชน์ใส่ตัวโดยแลกกับความลำบากเดือดร้อนของชาติยุโรปหรือไม่?

หนังสือพิมพ์โกลบอลไทม์สของจีนอ้างข้อมูลจาก มิคาอิล โปปอฟ (Mikhail Popov) รองเลขาธิการสภาความมั่นคงรัสเซีย ซึ่งให้สัมภาษณ์กับสื่อแดนหมีขาวเมื่อวันอาทิตย์ (3 เม.ย.) ว่า สหรัฐฯ นำเข้าน้ำมันดิบจากรัสเซียเพิ่มขึ้น 43% หรือประมาณ 100,000 บาร์เรลต่อวันในช่วง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา โดย โปปอฟ ยังฝากไปถึงชาติยุโรปด้วยว่าพวกเขาอาจได้เห็นสหรัฐฯ ทำสิ่งที่ “น่าประหลาดใจ” เช่นนี้อีก

“ยิ่งไปกว่านั้น วอชิงตันยังอนุญาตให้บริษัทของพวกเขาส่งออกปุ๋ยแร่ (mineral fertilizers) จากรัสเซีย โดยให้เหตุผลว่ามันคือสินค้าจำเป็น” โปปอฟ กล่าว

สหรัฐฯ และพันธมิตรยุโรปพยายามหาวิธีที่จะหยุดนำเข้าน้ำมันจากรัสเซียหลังเกิดสงครามในยูเครน แม้ว่ายุโรปจะต้องพึ่งพาทั้งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติจากรัสเซียอย่างมากก็ตาม

หลายชาติในยุโรปเผชิญแรงกดดันทั้งจากสหรัฐฯ และสหราชอาณาจักรให้ต้องแบนน้ำมันรัสเซีย โดยอังกฤษเองประกาศว่าจะหยุดนำเข้าน้ำมันรัสเซีย 100% ภายในสิ้นปีนี้

ขณะเดียวกัน กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ก็ขีดเส้นตายสำหรับการยุติสัญญาสั่งซื้อน้ำมันและถ่านหินจากรัสเซียไม่เกินวันที่ 22 เม.ย.

ชุย เหิง (Cui Heng) ผู้ช่วยนักวิจัยจากศูนย์เพื่อรัสเซียศึกษาแห่ง East China Normal University ให้ความเห็นกับโกลบอลไทม์สว่า นโยบายที่สหรัฐฯ มีต่อรัสเซียตั้งอยู่บนพื้นฐาน 2 อย่าง ได้แก่ 

1.) การชูแนวคิดเสรีนิยม (liberalism) เพื่อต่อต้านระบอบการเมืองและค่านิยมโดยรวมของรัสเซีย 
และ 2.) ยึดหลักปฏิบัตินิยม (pragmatism) เพื่อผลประโยชน์ของสหรัฐฯ เอง

“ด้วยความจำเป็นที่จะต้องต่อต้านรัสเซียในเชิงค่านิยม สหรัฐฯ จึงพยายามโน้มน้าวชาติพันธมิตรให้คว่ำบาตรรัสเซีย แต่อีกด้านหนึ่งสหรัฐฯ ก็ได้ซื้อพลังงานจากรัสเซียในราคาที่ถูกลง แล้วนำไปขายต่อให้ยุโรปในราคาสูง ซึ่งช่วยให้กลุ่มธุรกิจพลังงานของสหรัฐฯ เองได้ประโยชน์ ท้ายที่สุดเหยื่อตัวจริงก็คือยุโรป ความมั่งคั่งของยุโรปจะไหลไปสู่มือสหรัฐฯ และทำให้เงินดอลลาร์สหรัฐยิ่งได้เปรียบยูโรมากขึ้น” ชุย ให้ความเห็น

กำเนิด ‘ถนนสาธุประดิษฐ์’ ความเจริญจากมือ ‘ชาวสวน’ นาม ‘ต่วน สาธุ’ 

ถนนสาธุประดิษฐ์
สร้างปี พ.ศ. 2468 ริเริ่มโดย ชาวสวนในพื้นที่ ชื่อนายต่วน สาธุ
อันเป็นที่มาของชื่อ ถนนสาธุประดิษฐ์

เปิดพื้นที่สวนผลไม้ตาบอดอันกว้างใหญ่จากริมแม่น้ำเจ้าพระยา
ผ่านตรอกจันทน์ สะพานสี่ สาม สอง หนึ่ง และปากตรอกจันทน์
ออกสู่ถนนเจริญกรุง 

ขณะเดียวกัน ก็เปิดพื้นที่ใหม่ให้คนจีนจากย่านเจริญกรุง เยาวราช ขยับขยาย เข้าสู่ตรอกจันทน์และสาธุประดิษฐ์

ตรอกจันทน์เป็นย่านสวนผลไม้ มีคลองจำนวนมาก เรียกพื้นที่ตามสะพานข้ามคลอง สะพานหนึ่งถึงสะพานห้า

แตกต่างกับพระนครส่วนอื่นที่มีพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นทุ่งนา


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top