Wednesday, 9 July 2025
NEWS FEED

"โฆษก สพฐ." ชี้ กองทะเบียนประวัติฯ ยุคใหม่ ใส่ใจประชาชน นำเทคโนโลยี มาให้บริการอำนวยความสะดวก และลดค่าใช้จ่าย

(25 เม.ย.65) ที่ สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ (สพฐ.) พล.ต.ต.วาที อัศวุตมางกุร โฆษกสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ กล่าวว่า พล.ต.ท.วีระ จิรวีระ ผู้บัญชาการสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ (ผบช.สพฐ.ตร.) ได้นำนโยบายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มาเป็นแนวทางการทำงานของ สพฐ.ตร. ปัจจุบันกองทะเบียนประวัติอาชญากร นำโดย พล.ต.ต.ฐากูร นิ่มสมบุญ ผบก.ทว. ได้ปรับปรุงการให้บริการประชาชน ในการตรวจสอบประวัติ ด้วย ชื่อ-ชื่อสกุล ผ่านระบบออนไลน์ แต่เดิมนั้นต้องเดินทางเข้ามาเพื่อขอตรวจสอบประวัติที่ศูนย์บริการตรวจสอบประวัติบุคคล (walk in) ที่กองทะเบียนประวัติอาชญากร กรุงเทพฯ เพียงแห่งเดียวเท่านั้น ทำให้ต้องเสียค่าเดินทาง พบเจอคนจำนวนมากเสี่ยงต่อการติดเชื้อโควิด19 ปัจจุบันจึงยกเลิกการ Walk in                

โดยทุกคนสามารถยื่นคำร้องขอตรวจสอบประวัติด้วยตนเอง เพียงกรอกข้อมูลผ่านเว็บไซต์ www.crd-check.com หลังจากนั้น 1 – 2 วัน หากอนุมัติแล้ว ก็สามารถติดต่อขอรับผลการตรวจสอบ พร้อมชำระเงินตามสถานที่ที่ระบุ ตอนกรอกข้อมูล ซึ่งขั้นตอนทั้งหมดใช้เวลาไม่เกิน 15 นาที ทั้งนี้ สามารถเลือกรับผล ได้ที่ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 1-10, พิสูจน์หลักฐานจังหวัดทั่วประเทศ หรือที่กองทะเบียนประวัติอาชญากร กรุงเทพฯ


                
กองทะเบียนประวัติอาชญากรได้เริ่มเปิดใช้บริการ เว็บไซต์ตรวจสอบประวัติ ด้วยชื่อ- ชื่อสกุลออนไลน์ ตั้งแต่วันที่ 7 ธันวาคม 2564 ที่ผ่านมา ปัจจุบันมีผู้ใช้บริการแล้วทั้งสิ้นกว่า 70,000 ราย สถิติผู้มาใช้บริการในเดือน ธ.ค. 64 - มี.ค. 65 กรุงเทพฯ เฉลี่ยวันละ 400 ราย  สำหรับต่างจังหวัดมีผู้ใช้บริการเฉลี่ยวันละ 350 ราย จังหวัดที่มีผู้ใช้บริการมากที่สุดคือ จังหวัดเชียงใหม่

นอกจากนี้ กรณีประชาชนที่เคยมีประวัติการต้องหาคดีอาญา เมื่อคดีสิ้นสุดแล้ว หากประสงค์จะคัดแยกประวัติ สามารถตรวจสอบหลักเกณฑ์การคัดแยกประวัติในเว็บไซต์www.criminal.police.go.th และติดต่อสถานีตำรวจเจ้าของคดี เพื่อให้ส่งรายงานผลคดีถึงที่สุดมายังกองทะเบียนประวัติอาชญากร และเข้าสู่กระบวนการ คัดแยกประวัติต่อไป ที่สำคัญอย่าหลงเชื่อบุคคลภายนอกที่อ้างว่าสามารถลบประวัติให้ท่านได้อย่างเด็ดขาด

รถไฟฟ้าสายแรก ‘บังกลาเทศ’ คืบ 92% พร้อมเปิดหวูด 16 ธ.ค.นี้ ตรงฉลองวันชาติ

เมื่อวันที่ 21 เม.ย. 65 บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) หน่วยงานก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้า Dhaka Metro Rail Project CP03 & CP04 ณ กรุงธากา ได้ต้อนรับ ฯพณฯ เอกอัครราชทูตไทยประจำสาธารณรัฐประชาชนบังกลาเทศ นางมาฆวดี สุมิตรเหมาะ พร้อมเจ้าหน้าที่สถานทูต รวมจำนวน 5 ท่าน ที่มาเยี่ยมชมโครงการ โดยมีเจ้าของงาน (DMTCL) และที่ปรึกษาโครงการ (NKDM) ร่วมต้อนรับ โดยได้เยี่ยมชมโครงการและถือโอกาสพบปะเยี่ยมเยียนพี่น้องคนไทยที่ทำงานในโครงการ รวมทั้งเพื่อสานความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทย-บังกลาเทศ ในโอกาสครบรอบ 50 ปี

“โฆษกกห.” ชี้ บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม เอาจริง ปราบปรามค่ามนุษย์ วอน หยุดพาดพิง ทหารเข้าไปเกี่ยวข้องค้ามนุษย์ ร้องขอความยุติธรรมกับกำลังทหารและกองทัพ ยกคดี “พล.ท.มนัส” หากช่วยกัน คงได้ประกันออกมาแล้ว 

พล.อ.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม  เปิดเผยถึงกรณีมีการเผยแพร่บทสัมภาษณ์ของ พล.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์ จากสำนักข่าวอัลจาซีลา ที่ผ่านมา โดยมีการกล่าวพาดพิงว่า  ทหารเข้าไปเกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์นั้น  ดูจะไม่ให้ความยุติธรรมกับกำลังทหารและกองทัพในภาพรวม  ซึ่งที่ผ่านมา กองทัพได้เข้าสนับสนุนการทำงานของรัฐบาลอย่างแข็งขัน ในการแก้ปัญหาสำคัญๆที่เป็นวาระแห่งชาติ โดยเฉพาะ การแก้ปัญหาการค้ามนุษย์ ซึ่งเป็นปัญหาที่สั่งสมมาต่อเนื่องยาวนานในหลายรัฐบาลที่ผ่านมา 

“ขอยืนยันว่ากระทรวงกลาโหม สนับสนุนรัฐบาลในการแก้ปัญหาการค้ามนุษย์อย่างแข็งขัน และมีนโยบายชัดเจนห้ามกำลังพลเข้าไปเกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ หรือ สิ่งผิดกฎหมายอย่างเด็ดขาด  ซึ่งผู้บังคับบัญชาทุกระดับชั้นต้องกำกับดูแลกำลังพล หากปรากฏพบการกระทำผิดของกำลังพล ถือเป็นเรื่องส่วนบุคคล ที่ต้องสอบสวนเอาผิดทั้งทางวินัยและอาญาให้ถึงที่สุด โดยให้สืบเชื่อมโยงกับผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด ไม่มีการปกป้องหรือยกเว้นเป็นเด็ดขาด  และกระทรวงกลาโหม จะไม่เก็บคนเหล่านี้ไว้ในกองทัพ ให้เกิดความเสื่อมเสียกับองค์กรและประเทศชาติ”พล.อ.คงชีพ กล่าว

โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวอีกว่า สำหรับคดีการจับกุม พล.ท.มนัส ในข้อหาค้ามนุษย์ที่ผ่านมา เป็นการยืนยันถึงความจริงใจในการบังคับใช้กฎหมายแก้ปัญหาการค้ามนุษย์ในสมัยยุครัฐบาล คสช.  โดยมีการทำงานร่วมกับภาคประชาสังคมและองค์การระหว่างประเทศ ซึ่งหากมีการช่วยเหลือ แทรกแซงกระบวนการยุติธรรมและปกป้องกันจริง พล.ท.มนัส คงไม่ติดคุกและได้รับการประกันตัว  ซึ่งขณะนี้ความคืบหน้าคดีมีการสืบสวนออกหมายจับแล้ว 153 หมาย มีผู้ต้องหาถูกจับกุมแล้วกว่า 120 ราย  โดยเฉพาะการกล่าว หาเชื่อมโยงพาดพิง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ  รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นแกนหลักระดับนโยบายของรัฐบาล ในการนำและขับเคลื่อนการแก้ปัญหาการค้ามนุษย์อย่างจริงจังที่ผ่านมา จนสถานภาพและปัญหาการค้ามนุษย์ของประเทศไทยดีขึ้นตามลำดับ  

โดยการกล่าวหาที่ไม่มีข้อมูลและหลักฐานเชิงประจักษ์ จะเป็นการสร้างความสับสนกับสังคมและต่างประเทศ ซึ่งไม่เป็นผลดีกับการประเมินสถานภาพการจัดอันดับการค้ามนุษย์ของประเทศไทยที่จะมีขึ้น และจะกระทบต่อผลประโยชน์ของประเทศชาติในภาพรวม

“บิ๊กบี้” ย้ำหน่วยทหารทั่วปท. บูรณาการความร่วมมือ ด้านความมั่นคงกับปท.เพื่อนบ้าน เข้มสกัดยาเสพติด สิ่งผิดกฎหมาย ลักลอบเข้าเมืองเข้าไทย

ที่กองบํญชาดารกองทัพบก (บก.ทบ.) พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เป็นประธานการประชุมผ่านระบบออนไลน์กับหน่วยทหารทั่วประเทศ โดยได้สั่งการเกี่ยวกับการปฏิบัติภารกิจของกองกำลังป้องกันชายแดนกองทัพบก เน้นย้ำการบูรณาการประสานความร่วมมือในทุกมิติงานด้านความมั่นคงกับประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะการสกัดกั้นยาเสพติด สิ่งผิดกฎหมาย ลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ให้ทุกหน่วยบริหารจัดการสร้างพื้นที่ให้มีความปลอดภัยลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับประเทศและประชาชนในพื้นที่ชายแดนภายใต้กรอบนโยบายของรัฐบาล

โดยผู้บัญชาการทหารบก ได้กล่าวถึงการตรวจเลือกทหารกองประจำการที่เสร็จสิ้นลงอย่างเรียบร้อย ได้รับความร่วมมือจากส่วนราชการและชายไทยเป็นอย่างดี ประกอบกับมีผู้สมัครเป็นทหารกองประจำการตามที่กองทัพได้เชิญชวน ทั้งนี้ในเรื่องการดูแลและการจัดการฝึกทหารใหม่ กองทัพบกยังคงให้ความสำคัญกับการป้องกันโควิด-19 ด้วยมาตรการที่สอดคล้องกับสถานการณ์โรค การตรวจคัดกรองหาเชื้ออย่างสม่ำเสมอ การฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น และการดูแลพื้นฐานทั้งปวงที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันโควิด-19 สำหรับการฝึกทหารใหม่ จะมุ่งเน้นการสร้างและพัฒนาศักยภาพของทหารใหม่ให้เป็นผู้ที่มีวินัย มีความรักสามัคคี เสียสละ ทำประโยชน์เพื่อประเทศ รวมทั้งการคัดเลือกทหารใหม่ให้ได้ทำงานในตำแหน่งหน้าที่ตามความถนัดและมีโอกาสพัฒนาตนเองได้มากที่สุด

สาธารณะสุขไทย เจ๋ง WHO ยกเป็นต้นแบบประเทศที่ 3 มีความพร้อมรับมือภาวะฉุกเฉินโควิด

25 เม.ย. 65 ที่ โรงแรม รอยัล ออคิด เชอราตัน โฮเต็ล แอนด์ ทาวเวอร์ส กรุงเทพมหานคร นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ร่วมกิจกรรมการทบทวนการเตรียมความพร้อมกรณีภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขและสุขภาพถ้วนหน้า (นำร่อง) หรือ Universal Health and Preparedness Review (UHPR) Pilot โดยมี ดร.สมิลา อัสมา (Dr. Samira Asma) ผู้ช่วยผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก นพ.จอส ฟอนเดลาร์ (Dr.Jos Vandelaer) ผู้แทนองค์การอนามัยโลกประจำประเทศไทย นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค คณะผู้เชี่ยวชาญจากองค์การอนามัยโลก ผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข บุคลากรจากหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน รวม 200 คน ร่วมงาน

นายอนุทิน กล่าวว่า ประเทศไทยเป็นประเทศหนึ่งที่มีการบริหารจัดการและรับมือกับสถานการณ์โควิด-19 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยได้รับการจัดอันดับให้เป็นประเทศที่มีความมั่นคงด้านสุขภาพเป็นอันดับที่ 5 จากทั้งหมด 195 ประเทศ เป็นประเทศกำลังพัฒนาประเทศเดียวที่อยู่ใน 10 อันดับแรกของโลก และเป็นอันดับที่ 1 ของเอเชีย ที่มีความพร้อมในการรับมือการระบาดของโรคมากที่สุด เป็นผลจากการบูรณาการทำงานร่วมกัน มีการตอบโต้ภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขที่เกิดขึ้นทุกภาคส่วนของภาครัฐ และทุกภาคส่วนของสังคม (Whole-government and whole society response) ได้แก่ เครือข่ายภาคประชาชน อสม. ที่กระจายอยู่ทั่วประเทศ หน่วยงานด้านสาธารณสุข ภาคเอกชน และภาคธุรกิจอื่นๆ ผ่าน ศบค. ภายใต้ พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ. 2558 ซึ่งเป็นกลไกสำคัญของระบบป้องกันควบคุมโรคในประเทศไทยในการขับเคลื่อนกฎหมายการดำเนินงานตอบโต้ภาวะฉุกเฉินอย่างมีประสิทธิภาพ จนทำให้ประเทศไทยก้าวผ่านช่วงวิกฤติมาได้

ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก ดร.ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส (Dr.Tedros Adhanom Ghebreyesus) จึงเชิญให้ประเทศไทยเป็นประเทศต้นแบบประเทศที่ 3 นำร่องจัดกิจกรรมการทบทวนการเตรียมความพร้อมกรณีภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขและสุขภาพถ้วนหน้า ในการรับมือการระบาดใหญ่ของโรคโควิด-19 เพื่อเป็นเวทีแลกเปลี่ยนประสบการณ์ แนวปฏิบัติที่ดี (Best Practice) ข้อเสนอแนะระหว่างประเทศสมาชิกขององค์การอนามัยโลก และไทยเป็นประเทศนำร่องที่จะได้เผยแพร่ประสบการณ์สู่สาธารณะในการประชุมสมัชชาอนามัยโลก 2565 เพื่อเป็นประโยชน์แก่ประเทศสมาชิก และเกิดการพัฒนาเครื่องมือและกลไกใหม่ รองรับวิกฤติด้านสาธารณสุขสำหรับใช้งานทั่วโลกในอนาคต

ด้าน นพ.โอภาส กล่าวว่า การทบทวนการเตรียมความพร้อมกรณีภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขและสุขภาพถ้วนหน้า เป็นการทบทวนอย่างครอบคลุมรอบด้าน ทั้งด้านสาธารณสุขและด้านอื่นๆ ซึ่งต้องใช้การตอบโต้จากทุกภาคส่วนทั้งรัฐ เอกชน และภาคประชาชน โดยมีกิจกรรมสำคัญ ได้แก่ การฝึกซ้อมสถานการณ์สมมติ (Simulation Exercise) การสัมภาษณ์และประชุมกลุ่มย่อย, การพบผู้บริหารหน่วยงานระดับประเทศ และการตรวจเยี่ยมหน่วยงานระดับปฏิบัติ เพื่อให้เกิดความเข้าใจจุดแข็ง จุดอ่อน และความท้าทายของประเทศไทยในการรับมือการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในระยะที่ผ่านมา

รมว.คลัง ดับฝัน คนละครึ่ง เฟส 5 ยังไม่ออกตอนนี้

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงโครงการคนละครึ่งเฟส 5 ว่า กระทรวงการคลัง ขอประเมินภาวะเศรษฐกิจ และฐานะทางการคลังอีกระยะหนึ่ง โดยเมื่อโครงการคนละครึ่ง เฟส 4  ครบกำหนดสิ้นเดือนเม.ย.นี้ไปแล้ว จะยังไม่มีมาตรการต่อเนื่องในทันที 

ทั้งนี้เห็นว่า ปัจจุบันเศรษฐกิจเริ่มดีขึ้น ประชาชนออกเดินทางไปใช้จ่าย ออกไปท่องเที่ยว โรงแรม รีสอร์ท ร้านอาหาร เริ่มจำหน่ายดีขึ้นบ้าง โรงงานเริ่มรับคนกลับเข้ามาทำงาน เพิ่มกำลังการผลิต และเอกชนบางรายอาจเริ่มจ่ายโบนัสในปีนี้  เมื่อเศรษฐกิจเริ่มดีขึ้น ความจำเป็นในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ จึงมีความจำเป็นน้อยลง 

สื่อโซโลมอน จวกมะกัน ปมบีบยกเลิกข้อตกลงกับจีน ซัด! ตลอด 30 ปี ไม่เคยเหลียวแล ตั้งแต่หลังสงครามโลก

เพจ “ลึกชัดกับผิงผิง” สื่อที่นำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับประเทศจีน โพสต์ข้อความกรณีตัวแทนทำเนียบขาวเดินทางเยือนโซโลมอน ว่า ...

สื่อโซโลมอนชี้ สหรัฐฯ ลืมพวกเรานานแล้ว พอรู้สึกตัวก็มาบังคับให้เรายกเลิกข้อตกลงระหว่างโซโลมอนกับจีน

วันที่ 20 เมษายน 2022 นายมานัสเซห์ โซกาวาเร (Manasseh Sogavare) นายกรัฐมนตรีโซโลมอนยืนยันว่าได้ลงนามข้อตกลงความร่วมมือด้านความมั่นคงกับจีนแล้ว และกล่าวว่า “นี่สอดคล้องกับผลประโยชน์สำคัญที่สุดของโซโลมอน ส่งเสริมการพัฒนาแห่งชาติ ฟื้นฟูความมั่นใจของนักธุรกิจและนักลงทุนท้องถิ่น”

เรื่องดังกล่าวทำให้โซโลมอนกลายเป็น “ศูนย์กลางพายุ” ของมหาสมุทรแปซิฟิก 

วันที่ 22 เมษายน นายแคมป์เบลล์ ผู้ประสานงานกิจการอินโด-แปซิฟิก คณะมนตรีความมั่นคงแห่งทำเนียบขาว ได้นำคณะผู้แทนไปเยือนโซโลมอนและจัดประชุมหารือกับนายกรัฐมนตรีโซโลมอน หลังจากรัฐบาลสหรัฐฯ ปิดสถานทูตประจำโซโลมอนเป็นเวลานานถึง 30 ปี และไม่เคยจัดคณะผู้แทนไปเยือนโซโลมอนในช่วง 80 ปีที่ผ่านมา 

วันที่ 23 เมษายน โซโลมอนสตาร์ (solomon star) ที่เป็นสื่อสำคัญของโซโลมอนที่ติดตามรายงานข่าวเกี่ยวกับการเยือนของคณะผู้แทนสหรัฐฯ ครั้งนี้และชี้ชัดว่า “หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 วอชิงตันก็ลืมโซโลมอนโดยสิ้นเชิง พอตื่นขึ้นมาตอนนี้ก็มาบังคับให้นายกรัฐมนตรีโซกาวาเรยกเลิกข้อตกลงกับจีน”

รายงานข่าวของโซโลมอนสตาร์ระบุว่า หลังการประชุมสหรัฐฯ ได้ประกาศแถลงการณ์เชิงข่มขู่แสดงความห่วงใยต่อมาตรการการสร้างฐานทัพถาวรในโซโลมอน และจะมีปฏิกิริยาตอบโต้

‘บิ๊กตู่’ ปลื้ม Thailand Pavilion โดนใจต่างชาติ ครองอันดับ 4 คนนิยมมากสุด ใน World Expo

เมื่อวันที่ 25 เม.ย. นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ยินดีกับความสำเร็จการจัดอาคารแสดงประเทศไทย (Thailand Pavilion) ในงาน “World Expo 2020 Dubai” ที่นครดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับ 4 จากชาติที่ร่วมจัดแสดงทั้งหมด 192 ประเทศ โดยอาคารดังกล่าวจัดขึ้นภายใต้แนวคิด ‘การขับเคลื่อนสู่อนาคต’ มีกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม โดยสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) เป็นหน่วยงานหลักที่รับผิดชอบ 

ตลอดการจัดงาน ระหว่างวันที่ 1 ต.ค. 64 - 31 มี.ค. 65 มีผู้เข้าชมกว่า 2.35 ล้านคน หรือร้อยละ 9.8 จากจํานวนผู้เข้าชมงานทั้งหมด เกินกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ร้อยละ 7 ได้รับรางวัลความนิยมรองจากประเทศซาอุดีอาระเบีย ปากีสถาน และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ จากการเก็บข้อมูลสถิติของ Google Public Review 

สั่งจำคุก ‘ส.ต.ต.นรวิชญ์’ 1 ปี 15 วัน ไม่รอลงอาญา คดีซิ่งบิ๊กไบค์ชน ‘หมอกระต่าย’ ดับคาทางม้าลาย

วันที่ 25 เมษายน 2565 เมื่อเวลา 09.00 น. ห้องพิจารณา 907 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดอ่านคำพิพากษา คดีหมายเลขดำ อ. 399/2565 ที่ พนักงานอัยการคดีอาญา 3 เป็นโจทก์ฟ้อง ส.ต.ต.นรวิชญ์ บัวดก อายุ 21 ปี ผบ.หมู่ กองร้อยที่ 2 กองกำกับการ 1 กองบังคับการอารักขาและควบคุมฝูงชน (กก.1 บก.อคฝ.)

เป็นจำเลยในความผิด ฐานขับรถโดยประมาทหรือน่าหวาดเสียว อันอาจเกิดอันตรายต่อบุคคลหรือทรัพย์สิน และกระทำการโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และข้อหาอื่น ๆ รวม 9 ข้อหา

กรณีที่เมื่อวันที่ 21 ม.ค. 2565 เวลากลางวัน ส.ต.ต.นรวิชญ์ จำเลย ขี่จักรยานยนต์บิ๊กไบค์ ยี่ห้อดูคาติ รุ่นมอนสเตอร์ทะเบียน 1 กผ 9942 เชียงราย ชน พญ.วราลัคน์ สุภวัตรจริยากุล หรือ หมอกระต่าย จักษุแพทย์ รพ.ราชวิถี ขณะกำลังเดินข้ามทางม้าลาย บริเวณหน้า รพ.สถาบันไตภูมิราชนครินทร์ ถนนพญาไท แขวง-เขตราชเทวี กรุงเทพฯซึ่งเป็นเขตชุมชนด้วยความเร็ว 108-128 กม. ซึ่งเกินกว่ากฎหมายกำหนดที่ 80 กม.ต่อชั่วโมง จนพญ.วราลัคน์ ถึงแก่ความตาย

ต่อมาวันที่ 22 ก.พ. 65 พนักงานอัยการ โจทก์ได้นำตัว ส.ต.ต.นรวิชญ์ ยื่นฟ้องเป็นจำเลยต่อศาลอาญา รวม 9 ข้อหา ได้แก่ 1.) นำรถที่มิได้ติดแผ่นป้ายทะเบียนมาใช้ในทางเดินรถ 2.) ฝ่าฝืนใช้รถที่ไม่ได้เสียภาษีประจำปี 3.) ใช้รถที่ไม่ได้จัดให้มีการประกันความเสียหายสำหรับผู้ประสบภัย 4.) นำรถไม่สมบูรณ์มาขับและไม่ติดกระจกมองข้าง 5.) ขับรถไม่ชิดขอบทางด้านซ้าย 6.) ขับรถจักรยานยนต์เร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด

7.) ขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยหรือความเดือดร้อนของผู้อื่น 8.) ขับรถโดยไม่ปฏิบัติตามเครื่องหมายบนพื้นทาง 9.) ขับรถโดยประมาทหรือน่าหวาดเสียว อันอาจเกิดอันตรายต่อบุคคลหรือทรัพย์สิน และกระทำการโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย

ท้ายคำฟ้องพนักงานอัยการ ยังขอให้ศาลมีคำสั่งริบรถจักรยานยนต์ที่ พนักงานสอบสวนยึดไว้เป็นของกลาง และมีคำขอให้ศาลเพิกถอน หรือพักใช้ใบอนุญาตขับขี่ของผู้ต้องหาด้วย โดยการริบหรือพักใช้ใบอนุญาตขับขี่ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของศาลว่าจะให้พักใช้เป็นระยะเวลากี่ปี

ส.ต.ต.นรวิชญ์ แถลงให้การรับสารภาพ ไม่ต่อสู้คดี ศาลจึงมีคำสั่งให้พนักงานคุมประพฤติ สืบเสาะ และพินิจ ประวัติการศึกษา สถานะทางครอบครัว และอื่น ๆ ของ ส.ต.ต.นรวิชญ์ แล้วรายงานให้ศาลทราบ เพื่อใช้ประกอบการพิจารณาพิพากษา

กองทัพไทย จัดพิธีวางพวงมาลาน้อมรำลึกวันคล้ายวันสวรรคตสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ประจำปี 2565

พล.อ.นเรนทร์  สิริภูบาล รองผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นประธานในพิธีวางพวงมาลาเนื่องในวันคล้ายวันสวรรคตสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ประจำปี 2565​  ที่กองบัญชาการกองทัพไทย

ทั้งนี้เพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของ สมเด็จพระนเรศวรมหาราชที่ทรงมีต่อปวงชนชาวไทยอย่างหาที่สุดมิได้ โดยมีพิธีบวงสรวงพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช พิธีวางพวงมาลาถวายราชสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช และ พิธีบำเพ็ญกุศลทักษิณานุปทาน

สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทรงเป็นพระราชโอรส ในสมเด็จพระมหาธรรมราชากับพระวิสุทธิกษัตรีย์ เสด็จพระราชสมภพเมื่อปี พ.ศ.2098  ณ พระราชวังจันทน์ เมืองพิษณุโลก เมื่อพระชนมายุได้ 9 พรรษา ต้องเสด็จไปประทับที่ กรุงหงสาวดี และได้เสด็จกลับสู่กรุงศรีอยุธยาเมื่อพระชนมายุได้ 15 พรรษา 

จากการกระทำศึกหลายครั้งทรงแสดงให้ประจักษ์ในความเด็ดเดี่ยวกล้าหาญ และเปี่ยมด้วยพระวิริยะอุตสาหะ​ จนเป็นที่เกรงขามของข้าศึกศัตรู เมื่อพระชนมายุได้ 35 พรรษา เสด็จขึ้นครองราชสมบัติ และมีการศึกที่สำคัญคือทรงกระทำยุทธหัตถีมีชัยชนะเหนือพระมหาอุปราช แห่งกรุงหงสาวดี กรุงศรีอยุธยาจึงมีความมั่นคงปราศจากการรุกราน

ในปี พ.ศ.2148 สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทรงยกทัพไปตีเมืองอังวะ ระหว่างการเดินทัพทรงพระประชวรและเสด็จสวรรคต ณ เมืองหาง ขณะพระชนมายุได้ 50 พรรษา


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top