Thursday, 3 July 2025
NEWS FEED

กรมวิทย์ฯ เผยพบ ‘โอมิครอน BA.5’ เพิ่มขึ้น คาดเป็นพันธุ์หลักทั่วโลก แต่ยังไม่ชัดรุนแรงขึ้น

กรมวิทย์เผยฐานข้อมูลโลกพบ "โอมิครอน BA.5" เพิ่มขึ้นจาก 16% เป็น 25% คาดเป็นสายพันธุ์หลักต่อไป ส่วน BA.4 แนวโน้มลดลง ในไทยพบเพิ่มขึ้นทั้ง 2 ตัว เจอสัดส่วนในคนเดินทางจากต่างประเทศมากกว่า ชี้ความรุนแรงยังไม่ชัดเจน 

เมื่อวันที่ (24 มิ.ย.) ที่โรงแรมริชมอนด์ แกรนด์ จ.นนทบุรี นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ แถลงการเฝ้าระวังสายพันธุ์โควิด 19 และการกลายพันธุ์ ว่า หลังโควิด 19 ระบาดมา 2 ปีกว่า เรามีสายพันธุ์ที่น่ากังวล (VOC) เหลือสายพันธุ์เดียว คือ โอมิครอน ซึ่งเป็นสายพันธุ์หลักทั่วโลกเกือบ 100% สายพันธุ์อื่นหายไปเกือบหมดแล้ว โดยโอมิครอนยังไม่มีการแตกลูกที่เปลี่ยนแปลงเป็นตัวใหม่ แต่มีการกลายพันธุ์ของลูกหลานเป็น BA. ต่างๆ ซึ่งองค์การอนามัยโลกมีข้อมูลมากขึ้นก็เห็นว่าบางตัวน่าจะจัดชั้นว่าต้องจับตาดู (LUM) ซึ่งขณะนี้มี 6 ตัว ที่เป็น VOC-LUM ได้แก่ BA.4 , BA.5 , BA.2.12.1 , BA.2.9.1 , BA.2.11 และ BA.2.13

ทั้งนี้ การกลายพันธุ์ที่เหมือนกันของ BA.4 และ BA.5 คือ ตำแหน่ง L452R คล้ายกับสายพันธุ์เดลตา ซึ่งมีการวิจัยว่า การกลายพันธุ์ตรงนี้ทำให้เซลล์ปอดเชื่อมกัน ทำให้เกิดปอดอักเสบได้ง่ายขึ้น ทำให้เป็นที่วิตกกังวลว่า โอมิครอนนั้นแพร่เร็ว และหากรุนแรงพอ ๆ กับเดลตาจะเกิดปัญหาขึ้น แต่ข้อมุลนี้ยังเป็นการทดลองในห้องแล็บและการสันนิษฐานจากตำแหน่งทางพันธุกรรม (Genetic) จึงต้องรอเวลาติดตามดูต่อไป ส่วนตำแหน่งที่ต่างกันของ BA.4 และ BA.5 ไม่ได้ส่งผลกระทบเรื่องความรุนแรง

นพ.ศุภกิจกล่าวว่า ขณะนี้ข้อมูลที่ทุกประเทศช่วยกันถอดรหัสพันธุกรรมแล้วส่งเข้ามาในฐานข้อมูลโลก GISAID ในช่วง 2 สัปดาห์สุดท้ายพบว่า BA.5 มีทั้งหมด 31,577 ตัวอย่าง ใน 62 ประเทศ น่าจับตาใกล้ชิดมากกว่า เพราะมีการเพิ่มขึ้นจาก 16% เป็น 25% ส่วน BA.4 พบ 14,655 ตัวอย่าง แนวโน้มลดลงจาก 16% ลดเหลือ 9% ขณะที่ BA.2.12.1 ก็ลดลงเช่นกันจาก 31% เหลือ 17% เป็นธรรมชาติของสายพันธุ์ที่แพร่เร็วกว่าจะเบียดตัวที่แพร่ช้ากว่า ซึ่งอีกไม่นาน BA.5 น่าจะเป็นสายพันธุ์หลักของการระบาดทั่วโลกรวมถึงไทย

ส่วนการเฝ้าระวังของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เรามีการตรวจแบบเร็ว ซึ่งจะยังแยก BA.4 และ BA.5 ไม่ได้ โดยสัปดาห์ที่ผ่านมา วันที่ (18-22 มิ.ย.) ตรวจ 400 กว่าราย พบ BA.4/BA.5 181 ราย โดยกลุ่มผู้เดินทางมาจากต่างประเทศพบสัดส่วนเป็น BA.4/BA.5 มากกว่า 72% ส่วนการตรวจในประเทศสัดส่วน BA.4/BA.5 พบประมาณ 40% สำหรับการตรวจโดยถอดรหัสพันธุกรรมทั้งตัวและส่งข้อมูลไป GISAID แล้ว พบว่า BA.4 และ BA.5 รวม 81 ตัวอย่าง แบ่งเป็น BA.4 จำนวน 32 ตัวอย่าง และ BA.5 จำนวน 49 ตัวอย่าง ถามว่าไทยเรามีเท่าไร น่าจะมีประมาณ 200 กว่าตัวอย่าง เพราะการถอดรหัสพันธุกรรมส่วนหนึ่งดึงมาจากการตรวจแบบเร็ว จึงมีความทับซ้อนกันอยู่จำนวนหนึ่ง

"ในประเทศไทยถือว่า BA.4 และ BA.5 มีสัดส่วนมากขึ้น แต่ที่สัปดาห์นี้เพิ่มขึ้นไปเกือบ 50% จากสัปดาห์ก่อนหน้าที่พบไม่มาก เนื่องจากตัวอย่างเพิ่งส่งมาให้ตรวจ ยังต้องดูอีก 2-3 สัปดาห์ต่อเนื่องว่า แนวโน้มที่จะเกิดในบ้านเราเป็นอย่างไร ซึ่งเราจะเฝ้าระวังในคนอาการหนักเป็นพิเศษ เพราะโจทย์เราคือรุนแรงขึ้นหรือไม่ โดยจะร่วมมือกรมการแพทย์ รพ.ใหญ่ ๆ ในภูมิภาคว่า คนที่ใส่ท่อช่วยหายใจมี BA.4 BA.5 เพิ่มมากขึ้นมากน้อยแค่ไหน ถ้ามีคนไข้หนักขอให้ส่งตัวอย่างมาตรวจสายพันธุ์ด้วย" นพ.ศุภกิจกล่าว

นพ.ศุภกิจกล่าวว่า ทุกครั้งที่กลายพันธุ์จะมีคำถามว่าแพร่เร็วขึ้นหรือไม่ หลบภูมิคุ้มกันหรือไม่ และรุนแรงทำให้อาการหนัก เสียชีวิตมากขึ้นหรือไม่ ทั้งนี้ ย้ำว่าอย่าเพิ่งตื่นตระหนก ข้อมูลในปัจจุบันพบชัดเจนว่ามีการแพร่เร็ว แต่เป็นการรายงานของแล็บ ซึ่งเมื่อเทียบกับ BA.2 พบว่า BA.4 และ BA.5 มีความเร็วกว่า แอนติบอดีที่จะทำลายฤทธิ์ของเชื้อใช้ได้น้อยลง คือ สู้แอนติบอดีได้ดีกว่า และยารักษาสำหรับบางรายที่ไม่มีภูมิคุ้มกันมากพอก็ตอบสนองน้อยลง แต่สรุปว่ารุนแรงหรือไม่ ต้องรอข้อมูลทางคลินิกเพิ่มเติม เพราะยังเป็นข้อสันนิษฐาน ยังไม่มีสำนักไหนฟันธงว่ารุนแรงขึ้นจริง

"ข้อมูลจากประเทศอังกฤษพบว่า BA.4 และ BA.5 เมื่อเทียบกับ BA.2 ก่อนหน้านี้ บางประเทศพบว่าแพร่เร็วกว่าจริง คือ อังกฤษเร็วมากกว่า 1.4-1.5 เท่า สหรัฐอเมริกา เร็วกว่าเกือบ 1.5 เท่า แอฟริกาใต้เร็วกว่า 1 เท่าเศษ ส่วนฝรั่งเศสและเยอรมนีแพร่เร็วไม่ต่างจาก BA.2 ส่วนเนเธอร์แลนด์ เดนมาร์ก โปรตุเกส แพร่เร็วต่ำกว่า BA.2 ซึ่งยังไม่รู้ว่าเกิดจากอะไร จึงยังต้องจับตาดูต่อไป" นพ.ศุภกิจกล่าว

'หมอมนูญ' เผยใครฉีดวัคซีนmRNA 3 เข็ม หลังติดโควิด อาจไม่จำเป็นต้องรับเข็ม 4

นพ.มนูญ ลีเชวงวงศ์ แพทย์เฉพาะทางด้านโรคระบบการหายใจ โรงพยาบาลวิชัยยุทธ โพสต์เฟซบุ๊ก หมอมนูญ ลีเชวงวงศ์ FC ระบุว่า…

เป็นที่ทราบดี ถึงแม้จะฉีดวัคซีน 3 เข็มหรือ 4 เข็มก็ยังอาจติดเชื้อได้ แต่ความรุนแรงของโรคโดยเฉพาะคนที่ได้รับเข็มกระตุ้น mRNA จะน้อยกว่าคนที่ไม่เคยรับ mRNA แม้แต่เข็มเดียว สำหรับคนที่ได้รับวัคซีน mRNA 3 เข็ม หรือวัคซีนแอสตร้าเซเนก้า 2 เข็มตามด้วย mRNA 1 เข็ม หลังติดเชื้อสายพันธุ์โอมิครอน อาจจะไม่จำเป็นต้องไปรับเข็ม 4 เพราะมีภูมิคุ้มกันแข็งแรงมากจากภูมิคุ้มกันที่เกิดจากวัคซีน 3 เข็มบวกกับภูมิคุ้มกันจากการติดเชื้อธรรมชาติ

แต่คนที่ไม่เคยได้วัคซีน mRNA เช่นได้รับซิโนแวค 2 เข็ม ตามด้วยแอสตร้าเซเนก้า 1 เข็ม หรือได้รับแอสตร้าเซเนก้า 2 เข็ม แล้วติดเชื้อสายพันธุ์โอมิครอน ควรรับเข็มกระตุ้นด้วยวัคซีน mRNA อีก 1 เข็ม

แบรนด์แทนที่ ‘แมคโดนัลด์’ ในรัสเซีย ขายเบอร์เกอร์วันเดียวทะลุ 1.2 แสนชิ้น

Vkusno & Tochka อดีตร้าน ‘แมคโดนัลด์’ ซึ่งเป็นชื่อใหม่และโลโก้ใหม่ในรัสเซีย ขายเบอร์เกอร์ได้มากกว่า 120,000 ชิ้นในวันเปิดตัวในกรุงมอสโก ทุบทุกสถิติที่เคยทำเอาไว้ก่อนหน้าที่เครือข่ายฟาสต์ฟู้ดดังสัญชาติสหรัฐฯ จะถอนตัวออกจากประเทศแห่งนี้ ตอบโต้กรณีรุกรานยูเครน

แม้ ‘บิ๊กแมค’ และ ‘แมคเฟลอร์รี’ ถูกถอดออกจากเมนูของสาขาต่าง ๆ ของ Vkusno & Tochka แต่ด้วยยอดขายที่ประสบความสำเร็จอย่างน่าตื่นตะลึงในวันเปิดทำการ ทำให้กลุ่มผู้บริหารของบริษัทต้องวางเป้าหมายการเติบโตที่สูงต่อในทันที

“ปัจจุบันประชาชนแห่เข้าไปยังร้าน Vkusno & Tochka ที่ต้อนรับลูกค้าด้วยโลโก้ใหม่ เฉดสีใหม่และกระดาษห่อใหม่ที่ไม่มีตราสัญลักษณ์แมคโดนัลด์ โดยวันแรก เราสามารถขายเบอร์เกอร์ได้เกือบ 120,000 ชิ้น ซึ่งถือเป็นปรากฏการณ์ที่ไม่เคยพบเห็นจากยอดขายรายวัน ตลอดช่วงเวลาที่แมคโดนัลด์เปิดบริการในรัสเซีย” โอเลค ปาโรเยฟ ผู้จัดการใหญ่ของกิจการใหม่แห่งนี้เปิดเผย

สำหรับ แมคโดนัลด์ส คอร์ป ได้ถอนตัวออกจากรัสเซียโดยสมบูรณ์ พร้อมขายสาขาทั้งหมดที่พวกเขาเป็นเจ้าของแก่ผู้ถือใบอนุญาตท้องถิ่นอย่าง นายอเล็กซานเดอร์ โกเวอร์ (Alexander Gover) นักธุรกิจชาวรัสเซีย ในเดือนพฤษภาคม และเจ้าของกิจการใหม่ได้กลับมาเปิดร้านราว ๆ 50 สาขา ในวันที่ (12 มิ.ย. และ 13 มิ.ย.) ที่ผ่านมา ภายใต้ชื่อภาษารัสเซียว่า Vkusno & Tochka (มีความหมายรวมๆ อร่อยและถูกใจ) ภายใต้สโลแกน ‘ชื่อเปลี่ยนไปแต่หัวใจเหมือนเดิม’ (The name changes, love stays)

ทั้งนี้ โกเวอร์ ยังตั้งเป้าขายสาขาให้ถึงระดับ 1,000 สาขาภายใน 4 ถึง 5 ปีข้างหน้า โดยครั้งอยู่ภายใต้แบรนด์เก่า แมคโดนัลด์มีสาขาอยู่ในรัสเซียราวๆ 850 สาขาเท่านั้น

'ดร.นิว' ขอบคุณ 'สมศักดิ์เจียม' ช่วยฉีกหน้ากาก 'ปรีดี' หัวหอกคณะราษฎร ผู้วางฐานล้มเจ้าฯ อย่างมีระบบ

ดร.ศุภณัฐ อภิญญาณ หรือ “ดร.นิว” นักวิจัยภายใต้สถาบันวิจัย MAST Center และ คณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ University of Arkansas ประเทศสหรัฐอเมริกา โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก มีรายละเอียดดังนี้

ฉีกหน้ากากนายปรีดีหัวหอกคณะราษฎร

นอกจากคณะราษฎรจะเป็นเผด็จการลัทธิรัฐธรรมนูญหลอกลวงประชาชน และคอยขัดขวางการสร้างประชาธิปไตยที่แท้จริงมาตั้งแต่ต้น คณะราษฎรยังมีเป้าหมายในการล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์อีกด้วย

งานนี้ต้องขอบคุณนายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล ที่ได้นำบันทึกของนายปรีดี พนมยงค์ ออกมาตีแผ่ จนทำให้ประชาชนได้หูตาสว่าง และรับรู้รับทราบอย่างกระจ่างชัด คนอย่างนายปรีดีแท้จริงแล้วเป็นคนเช่นใด

จากบันทึกดังกล่าว พบว่านายปรีดีมีเจตนาล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างชัดเจน แถมยังเป็นรากฐานของขบวนการล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ในปัจจุบัน ยืนยันด้วยข้อความสำคัญตอนหนึ่งจากบันทึกของนายปรีดีในหน้าที่ ๑๙ ความว่า...

"แม้ว่ากษัตริย์ยังมีผู้นับถือ แต่กษัตริย์เปนตัวแทน
สำคัญของปฏิกิริยาและจักร. เม เราต้องสู้เพื่อจุดหมายปลางทาง
คือล้มระบบกษัตริย์ แต่วิธีสู้นั้นต้องใช้ให้เหมาะสม
แก่สภาพท้องที่

‘ปูติน’ เผย BRICS จ่อลดอำนาจเงินตะวันตก เตรียมตั้งทุนสำรองระหว่างประเทศขึ้นใหม่

ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย เปิดเผยว่ากลุ่ม BRICS ซึ่งประกอบไปด้วย บราซิล, รัสเซีย, อินเดีย, จีน และแอฟริกาใต้ กำลังดำเนินการจัดตั้งทุนสำรองระหว่างประเทศใหม่บนพื้นฐานระบบตะกร้าเงินของประเทศสมาชิก เพื่อลดการพึ่งพิงระบบการเงินตะวันตก

รายงานจากอาร์ทีนิวส์ เผยว่า ประธานาธิบดีรัสเซีย สมาชิกของ BRICS กำลังอยู่ระหว่างการพัฒนากลไกทางเลือกที่มีความน่าเชื่อถือสำหรับการชำระเงินระหว่างประเทศด้วยเช่นกัน โดยคำพูดของปูติน สอดคล้องกับคำแถลงของกลุ่ม BRICS ก่อนหน้านี้ ที่บอกว่าพวกเขากำลังดำเนินการจัดตั้งเครือข่ายการชำระเงินร่วม เพื่อลดการพึ่งพิงระบบการเงินของตะวันตก ขณะเดียวกัน บรรดาประเทศสมาชิก BRICS กำลังเพิ่มการใช้สกุลเงินท้องถิ่นในการซื้อขายระหว่างกันอย่างเข้มข้นขึ้นด้วย

ด้าน Global Times ก็ได้รายงานด้วยว่า บรรดาผู้ค้าทั้งหลายในกลุ่ม BRICS ต่างมองเห็นความเป็นไปได้ที่จะใช้เงินสกุลท้องถิ่นในกลุ่มประเทศของตนเอง โดยเฉพาะเงินหยวน เป็นอีกหนึ่งสกุลหลักในการเจรจาทำธุรกรรมทางการค้าข้ามพรมแดนระหว่างกัน โดยเป็นส่วนหนึ่งในความพยายามมองหาทางเลือกอื่นนอกจากสกุลเงินดอลลาร์ ที่จะนำมาใช้เป็นตัวกลางชำระหนี้ระหว่างประเทศภายในกลุ่ม BRICS

บรรดาผู้เชี่ยวชาญ ระบุว่า แม้อิทธิพลของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ จะยังคงครอบงำเวทีการค้าโลก แต่ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการค้าที่ใกล้ชิดยิ่งขึ้นในกลุ่มประเทศสมาชิก BRICS บวกกับความร่วมมือเพิ่มเติมด้านต่างๆ ในอนาคต ได้เพิ่มโอกาสความเป็นไปได้ที่จะชำระหนี้ด้วยเงินสกุลเงินท้องถิ่นของแต่ละประเทศมากขึ้น

ชาวเน็ตเสียงแตก!! สาวเข้าห้องน้ำบนเครื่องบิน กลับไป ‘ที่นั่งริมหน้าต่าง’ ของเธอด้วยวิธีนี้

กลายเป็นอีกคลิปเหตุการณ์ที่กำลังถูกแชร์จนเป็นไวรัล เมื่อผู้หญิงคนหนึ่งใช้วิธีปีนและเหยียบไปบน ‘ที่วางแขน’ ของผู้โดยสารคนอื่นเพื่อกลับไปยังที่นั่งริมหน้าต่าง แทนที่จะเอ่ยปากขอให้เพื่อนร่วมทางช่วยลุกออกมาก่อน

เจ้าของบัญชีทวิตเตอร์ @In_Jedi ซึ่งเป็นผู้แชร์คลิปนี้บอกว่า มันเป็น “อาชญากรรมร้ายแรงที่สุดที่ผมเคยเจอบนเครื่องบิน”

จากคลิปจะเห็นได้ว่าผู้หญิงคนดังกล่าวปีนเหยียบไปบนที่วางแขนของผู้โดยสารอีก 3 คนเพื่อกลับเข้าไปยังที่นั่ง ทั้ง ๆ ที่ผู้โดยสารเหล่านั้นไม่ได้หลับ และน่าจะสามารถลุกให้เธอผ่านเข้าไปได้ หากเพียงแต่เธอเอ่ยปากขอ

ในทางตรงกันข้าม เจ้าของคลิปบอกว่าเธอเลือกที่เข้าออกด้วยวิธีนี้ “ตลอดระยะเวลาเดินทาง 7 ชั่วโมง”

หลังจากที่คลิปถูกแชร์ออกไปก็มีชาวเน็ตแห่เข้าไปคอมเมนต์ โดยบางคนเห็นว่าสิ่งที่เธอทำ ‘ยังดีกว่า’ การรบกวนให้ผู้โดยสารด้านนอกต้องลุกจากที่นั่ง ขณะที่หลายคนวิจารณ์ผู้หญิงคนนี้ว่า ‘ไร้มารยาท’

ในหลวง ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้องคมนตรี เชิญสิ่งของพระราชทานมอบผู้ประสบอัคคีภัย

ในหลวง ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้องคมนตรีเชิญสิ่งของพระราชทานมอบแก่ประชาชนผู้ประสบอัคคีภัยชุมชนบ่อนไก่



พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ นายอำพน กิตติอำพน องคมนตรี ร่วมกับมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ เชิญสิ่งของพระราชทานมอบแก่ประชาชนผู้ประสบอัคคีภัย ณ ศูนย์เยาวชนชุมชนบ่อนไก่ เขตปทุมวัน 
 

ผบ.ตร. เปิดอาคารและตรวจเยี่ยมกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว กำชับหน่วยงานในสังกัด เตรียมความพร้อมดูแลนักท่องเที่ยว รองรับนโยบายรัฐบาลผ่อนคลายเดินทางเข้าประเทศไทย เริ่มตั้งแต่ 1 ก.ค.65

วันนี้ (23 มิ.ย.65) เวลา 10.00 น. พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้เดินทางมาเป็นประธานในพิธีเปิดอาคารที่ทำการกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวแห่งใหม่ บริเวณ พื้นที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ และตรวจเยี่ยมบำรุงขวัญให้กำลังใจข้าราชการตำรวจท่องเที่ยวกว่า 2,000 นาย โดยในงานได้มี พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.สุทิน ทรัพย์พ่วง รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.ชยพล ฉัตรชัยเดช ที่ปรึกษาพิเศษ ตร. พล.ต.อ.มนตรี ยิ้มแย้ม ที่ปรึกษาพิเศษ ตร. พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.สุคุณ  พรหมายน ผบช.ทท. พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร ผบช.ภ.1 พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผบช.สตม. มาร่วมในพิธีด้วย 

ต่อมาเวลา 11.30 น. ภายหลัง ผบ.ตร. เดินทางกลับ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ ฯ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ตามนโยบายรัฐบาลโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ให้ความสำคัญกับการผลักดันการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวและให้ผ่อนคลายมาตรการควบคุมป้องกันโรค เพื่อให้ประชาชน ผู้ประกอบการ สามารถดำรงชีวิตและดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจและสังคมได้ใกล้เคียงกับสถานการณ์ปกติ 

นอกจากนี้ยังปรับมาตรการป้องกันโรคสำหรับการเดินทางเข้าประเทศไทย เริ่มตั้งแต่ 1 ก.ค.65 เพื่อให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินเข้าประเทศได้สะดวก ทำให้มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามามากยิ่งขึ้น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย บช.ทท. และ สตม. มีการเตรียมมาตรการรองรับ 3 มาตรการ ดังนี้

1. ด้านความสะดวกและรวดเร็วในการให้บริการ โดยเฉพาะขั้นตอนการเข้า-ออกประเทศ สตม. ได้จัดเตรียมเจ้าหน้าที่ ไว้ประจำสนามบินนานาชาติ ทั้ง 5 แห่ง คือ สุวรรณภูมิ ดอนเมือง ภูเก็ต เชียงใหม่ และหาดใหญ่ กว่า 2,000 นาย มีการเสนอให้ยกเว้นการยื่นรายการของคนต่างด้าวซึ่งเดินทางเข้ามาในหรือออกไปนอกราชอาณาจักร (แบบ ตม.6) เฉพาะกรณีการเดินทางผ่านด่านท่าอากาศยาน อยู่ระหว่างรอผู้มีอำนาจลงนามและประกาศในราชกิจจานุเบกษา คาดว่าจะมีผลบังคับใช้ประมาณปลายเดือน มิ.ย. 2565 

นอกจากนี้ยังได้จัดทำโครงการนำร่อง การขอนุญาตอยู่ต่อในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว ด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือ e-Extension นำระบบเทคโนโลยีสารสนเทศมาปรับใช้ในการให้บริการ เพื่อลดความแออัด ลดขั้นตอน และระยะเวลาการให้บริการ รวมถึงการลดความเสี่ยงในการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 คาดจะสามารถเปิดให้บริการแก่คนต่างด้าวได้ประมาณต้นเดือนสิงหาคม 2565

'สพฐ.ตร.' เตือน ซื้อทองราคาถูกเกินจริง ระวังของปลอม พบมีการส่งตรวจพิสูจน์โลหะทองคำต่อเนื่อง

'ทองคำ' เป็นทรัพย์สินที่มีมูลค่าสูง หลายคนเก็บออมเงินด้วยการซื้อทองคำแท่ง หวังเก็บไว้ให้ลูกหลาน ลงทุนเพื่อเก็งกำไรในอนาคต หรือซื้อเป็นทองรูปพรรณไว้สวมใส่ ปัจจุบันราคาทองคำซื้อขายบาทละกว่า 30,000 บาท ทำให้พบการฉ้อโกงในลักษณะ 'ทองคำยัดไส้' หรือ 'ทองคำปลอม' โดยมิจฉาชีพจะใช้วิธีการ "นำทองคำมาสอดไส้โลหะชนิดอื่นๆ เช่น ทองแดง หรือตะกั่ว แล้วหลอกขายในราคาถูก" มีคนตกเป็นเหยื่อจำนวนมาก เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับตำรวจในแต่ละพื้นที่ทั่วประเทศ

เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2565 ที่สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ต.วาที อัศวุตมางกุร โฆษกสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ เปิดเผยว่า พล.ต.ท.วีระ จิรวีระ ผบช.สพฐ.ตร.มีความห่วงใยประชาชน หลังพบคดีที่เกี่ยวกับการฉ้อโกงเพิ่มมากขึ้น สวนทางกับภาวะเศรษฐกิจที่แย่ลง โดยเฉพาะร้านค้าออนไลน์ ที่มักโฆษณาชวนเชื่อว่าเป็นทองคำแท้ แต่ราคาถูกกว่าท้องตลาดนับพันบาท เป็นสิ่งล่อตาล่อใจให้คนหลงเชื่อ ยอมจ่ายเงินไปหวังจะได้ของแท้ราคาถูก แต่สิ่งที่ได้มากลับเป็นทองคำปลอมที่ไม่สามารถดูออกด้วยตาเปล่า

พล.ต.ต.วาทีฯ ย้ำว่า การเลือกซื้อทองคำแท่งหรือทองรูปพรรณ ควรซื้อกับร้านขายทอง ที่น่าเชื่อถือ ระมัดระวังการซื้อขายผ่านช่องทางออนไลน์ เพราะง่ายต่อการถูกหลอกลวง และไม่ควรใส่ทองคำมูลค่าสูงแล้วเดินในสถานที่เปลี่ยว เพราะเป็นสิ่งล่อตาล่อใจให้มิจฉาชีพก่อเหตุ ได้ง่าย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์  แจ้งยอดสุข ผบ.ตร.มีความห่วงใยมายังพี่น้องประชาชน ขอให้ร่วมกันป้องกันเหตุร้าย เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของทุกคน
  
ด้าน พ.ต.อ.หญิง วิภาวดี  เกษมวรภูมิ นวท. (สบ 4) กคม.พฐก.กล่าวว่า ที่ผ่านมา มีการร้องขอจากพนักงานสอบสวนให้ตรวจพิสูจน์โลหะทองคำของกลาง ที่ร้านค้านำมาแจ้งความดำเนินคดี โดยกลุ่มงานตรวจทางเคมี ฟิสิกส์ กองพิสูจน์หลักฐานกลาง จะนำมาตรวจสอบอย่างละเอียด เพราะการกระทำความผิดเกี่ยวกับทองคำ ส่วนใหญ่ที่พบบ่อยจะมีลักษณะเป็น ทองหุ้ม ทองผสม ทองชุบ พ่นสีทอง และแบบผสมผสาน 

ซึ่งมาตรฐานทองคำเมืองไทยจะอยู่ที่ 96.5% หมายความว่า มีทองคำบริสุทธิ์อยู่จริงๆ 96.5% ส่วนที่เหลืออีก 3.5% คือ ส่วนประกอบอื่นๆ เช่น แร่เงินกับแร่ทองแดงหรือโลหะต่าง ๆ ทั้งนี้ การการตรวจพิสูจน์โลหะทองคำ จะมี 4 วิธีคือ 

1) วิธีทางกายภาพ 
2) วิธีทางเคมี 
3) วิธีการเผา 
และ 4) วิเคราะห์โดยใช้เครื่องมือวิทยาศาสตร์

กรณีที่วัตถุพยานเป็นโลหะทองคำ เมื่อนำไปวิเคราะห์ด้วยวิธีทางกายภาพ โดยการเปิดพื้นผิวด้วยกระดาษทราย เนื้อโลหะชั้นในจะมองเห็นเป็นเนื้อเดียวกัน เมื่อนำไปทดสอบทางเคมีด้วยกรด เช่น กรดไนตริก รวมถึงการทำปฏิกิริยาทางเคมี เพื่อให้ทราบเป็นโลหะชนิดใด                   

หากนำไปทดสอบด้วยการเผาไฟทองคำแท้ จะไม่เกิดการเปลี่ยนแปลง ซึ่งจะแตกต่างจากโลหะผสม ที่เมื่อนำไปเผาไฟจะเกิดการเปลี่ยนแปลงทันที หากนำวัตถุพยานมาวิเคราะห์หาชนิดของธาตุโดยใช้เครื่องมือวิทยาศาสตร์ เช่น เครื่อง x-ray fluorescence spectrometer (XRF) หลังจากนำวัตถุพยานเข้าเครื่อง XRF เพื่อวิเคราะห์หาชนิดของธาตุ พบว่าโลหะทองคำแท้เปอร์เซ็นต์ทองของทั้งบริเวณก่อนและหลังเปิดพื้นผิวจะต่างกันเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ นำทีม ภ.๙ จับกุมคนร้ายคดีฆ่าโหดทุบหัวฝังดิน

จากกรณีเมื่อวันที่ ๑ มิ.ย.๖๕ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ทุ่งลุง ภ.จว.สงขลา รับแจ้งเหตุพบศพนายหมัดดล บินสัน อายุ ๔๐ ปี ถูกฆ่าฝังดินอยู่ที่บริเวณป่าด้านหลังสนามกอล์ฟ หมู่ ๑๑ บ้านคลองปอม ต.บ้านพรุ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา สภาพศพถูกมัดมือไพล่หลัง มัดเท้าด้วยเถาวัลย์ มัดปิดปากด้วยผ้าสีแดง รัดคอด้วยกระเป๋าสะพาย และศีรษะถูกทุบด้วยของแข็ง รวมทั้งพบรถจักรยานยนต์ของผู้เสียชีวิตจมอยู่ในสระน้ำบริเวณใกล้เคียงตามที่ทราบแล้ว นั้น

กรณีดังกล่าว พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. จึงได้สั่งการให้ พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร. ให้ควบคุมการสืบสวนสอบสวนให้รัดกุม และเร่งรัดการติดตามจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุอุกฉกรรจ์ดังกล่าวมาดำเนินคดีตามกฎหมายโดยเร่งด่วน ซึ่งจากการสืบสวนเบื้องต้นคาดว่า ผู้ก่อเหตุน่าจะเป็นบุคคลต่างด้าวซึ่งถูกผู้ตายพบระหว่างการหลบหนีเข้าเมือง จึงได้ฆ่าผู้ตายและนำศพฝังดินเพื่ออำพรางคดีดังกล่าว

ความคืบหน้าล่าสุด เจ้าหน้าที่ตำรวจ ภ.๙ และ สภ.ทุ่งลุง ภ.จว.สงขลา ได้รวบรวมพยานหลักฐานและติดตามจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุในคดีดังกล่าว โดยเริ่มจากเมื่อวันที่ ๒ มิ.ย.๖๕ ที่ผ่านมา สามารถจับกุมกลุ่มบุคคลต่างด้าวสัญชาติเมียนมาซึ่งหลบหนีเข้าเมืองได้จำนวน ๑๐๙ คน ก่อนจะดำเนินการสอบปากคำทั้งหมดเพื่อรวบรวมข้อมูลที่อาจเกี่ยวข้องจนสืบทราบว่า คนร้ายที่เป็นผู้ก่อเหตุฆาตกรรมชายดังกล่าว และนำศพไปฝังเพื่ออำพรางคดีมีจำนวนทั้งสิ้น ๘ ราย ซึ่งขณะนี้มีพยานหลักฐานจนสามารถขออนุมัติศาลจังหวัดสงขลาขอหมายจับผู้ต้องหาจำนวน ๕ ราย และสามารถติดตามจับกุมได้แล้ว ๓ ราย ประกอบด้วย

๑. นายเมียน วิน (Myint Win) อายุ ๓๒ ปี สัญชาติเมียนมาร์ ข้อหา “ร่วมกันฆ่าผู้อื่น , ร่วมกันลอบฝัง ซ่อนเร้น ย้าย หรือทำลายศพ หรือส่วนของศพเพื่อปิดบังการเกิดตาย หรือเหตุแห่งการตาย” (หลบหนี)
๒. นายโก มอง (Ko Maung) อายุ ๒๕ ปี สัญชาติเมียนมาร์ ข้อหา “ร่วมกันฆ่าผู้อื่น , ร่วมกันลอบฝัง ซ่อนเร้น ย้าย หรือทำลายศพ หรือส่วนของศพเพื่อปิดบังการเกิดตาย หรือเหตุแห่งการตาย” (หลบหนี)
๓. นายซาน เอ (San Aye) อายุ ๓๒ ปี สัญชาติเมียนมาร์ ข้อหา “ร่วมกันฆ่าผู้อื่น , ร่วมกันลอบฝัง ซ่อนเร้น ย้าย หรือทำลายศพ หรือส่วนของศพเพื่อปิดบังการเกิดตาย หรือเหตุแห่งการตาย” (จับกุม)
๔. นายเอา กู วิน อายุ ๒๗ ปี สัญชาติเมียนมาร์ ข้อหา “ร่วมกันฆ่าผู้อื่น , ร่วมกันลอบฝัง ซ่อนเร้น ย้าย หรือทำลายศพ หรือส่วนของศพเพื่อปิดบังการเกิดตาย หรือเหตุแห่งการตาย” (จับกุม)
๕. นายชิด โก โก้ (Chit Ko Ko) อายุ ๓๔ ปี สัญชาติเมียนมาร์ ข้อหา “ร่วมกันซ่อน ช่วยเหลือด้วยประการใดๆ แก่บุคคลต่างด้าวที่เข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย” (จับกุม)

ส่วนผู้ต้องหาอีก ๓ ราย อยู่ในระหว่างการสืบสวนติดตามจับกุมและพิสูจน์ทราบตัวบุคคล เพื่อนำตัวมาดำเนินคดีต่อไป

จากการสอบปากคำผู้ต้องหาผู้ก่อเหตุให้การว่า เมื่อวันที่ ๓๑ พ.ค.๖๕ กลุ่มผู้ก่อเหตุพร้อมบุคคลต่างด้าวรวม ๑๐๙ คน ได้หลบหนีเข้าเมืองมา ก่อนที่จะมาพักที่บริเวณป่าละเมาะที่เกิดเหตุดังกล่าว ต่อมาช่วงบ่ายของวันเดียวกัน ผู้ตายได้มาที่บริเวณที่บุคคลต่างด้าวอยู่ พร้อมกับได้นำอาวุธปืนและอาวุธมีด มาข่มขู่กลุ่มบุคคลต่างด้าวดังกล่าวเพื่อเรียกเอาเงิน กลุ่มดังกล่าวก็ได้รวบรวมเงินจำนวนหนึ่งมอบให้กับผู้ตาย แต่เมื่อได้เงินแล้ว ผู้ตายกลับพยายามนำตัวหญิงต่างด้าวคนหนึ่งไปด้วย กลุ่มผู้ก่อเหตุจึงพยายามไปช่วย และเข้าไปจับผู้ตายไว้ พร้อมกับได้รุมทำร้ายด้วยการใช้ไม้ทุบตีผู้ตายและมัดด้วยเถาวัลย์ พร้อมกับได้นำเอาโทรศัพท์ของผู้ตายไปโทรหานายหน้าของพวกตน ซึ่งต่อมานายจ้างได้จัดรถยนต์กระบะ ซึ่งขับโดยนายชิด โก โก้ เพื่อนำพาเอาบุคคลต่างด้าวทั้งหมดไปหลบซ่อนยังบ้านเช่าอีกที่หนึ่ง (ก่อนถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมเมื่อวันที่ ๒ มิ.ย.๖๕) ต่อมาเวลาประมาณ ๒๒.๐๐ น. ของวันดังกล่าว กลุ่มผู้ก่อเหตุได้กลับไปยังบริเวณที่เกิดเหตุ เพื่อไปขุดหลุมและนำศพของผู้ตายไปฝังเพื่ออำพรางคดี รวมทั้งนำเอารถจักรยานยนต์ของผู้ตายเข็นไปทิ้งที่สระน้ำ จากนั้นจึงกลับไปยังบ้านเช่าดังกล่าว

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า เนื่องจากคดีดังกล่าวเป็นคดีอุกฉกรรจ์ เป็นที่สนใจของสื่อมวลชนและประชาชน จึงได้มีการเร่งรัดการสืบสวนติดตามจับกุมคดีดังกล่าวโดยเร่งด่วน ขณะนี้ได้มีการจับกุมผู้ต้องหาได้บางส่วนแล้ว ในส่วนที่ยังหลบหนีอยู่จะมีการเร่งรัดการออกหมายจับและติดตามจับกุมเพื่อนำตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมาย นอกจากนี้ในส่วนของขบวนการลักลอบนำพาบุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองนั้น ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการกวดขับจับกุมขบวนการดังกล่าวได้อย่างต่อเนื่องจะมีการขยายผลไปสู่การจับกุมขบวนการรวมทั้งเจ้าหน้าที่รัฐที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการดังกล่าวเพื่อนำมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top