Sunday, 29 June 2025
NEWS FEED

กรมประมงฯ ยันนำเข้ากุ้งจาก 'อินเดีย-เอกวาดอร์' เป็นมติร่วมกันของบอร์ดกุ้งภายใต้แผนพัฒนาอุตสาหกรรมกุ้งไทย

กรมประมง สมาคมเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งและภาคเอกชนร่วมแถลงยืนยันการนำเข้ากุ้งจากอินเดียและเอกวาดอร์เป็นมติร่วมกันของบอร์ดกุ้งภายใต้แผนพัฒนาอุตสาหกรรมกุ้งไทย มั่นใจไม่กระทบผลผลิตและราคาเพราะมีระบบประกันราคากุ้งโดยภาคเอกชนเป็นโมเดลแรกของประเทศ

(8 ส.ค.65) นายเฉลิมชัย สุวรรณรักษ์ อธิบดีกรมประมงแถลงวันนี้ ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารจัดการห่วงโซ่การผลิตกุ้งทะเลและผลิตภัณฑ์ (Shrimp Board) ว่า จากการที่เกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงกุ้งทะเลและผู้ประกอบการแปรรูปและธุรกิจเกี่ยวเนื่อง ได้จับมือร่วมกันเพื่อผลักดันให้อุตสาหกรรมกุ้งไทยมีศักยภาพในการแข่งขันในตลาดโลก โดยตั้งเป้าหมายให้ได้ผลผลิต 400,000 ตัน ในปี 2566 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้แต่งตั้งคณะกรรมการบริหารจัดการห่วงโซ่การผลิตกุ้งทะเลและผลิตภัณฑ์ หรือ Shrimp board ซึ่งประกอบด้วย ภาครัฐ ได้แก่ กรมประมง และกรมการค้าภายใน ผู้แทนผู้ประกอบการแปรรูปและธุรกิจเกี่ยวเนื่อง รวมถึงผู้แทนเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งทะเล รวม 21 ท่าน ร่วมกันวางแผนเพื่อบริหารจัดการผลผลิตกุ้งทะเลตลอดห่วงโซ่การผลิต ให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด และให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ ทั้งนี้ การดำเนินงานต้องสร้างความมั่งคงด้านการตลาดตามนโยบายการตลาดนำการผลิตของรัฐบาล ซึ่งภายใต้ข้อตกลงร่วมกันของ Shrimp Board ได้มีการดำเนินการรักษาเสถียรภาพราคาของกุ้งขาวแวนนาไม โดยมีระยะเวลาการดำเนินการตั้งแต่วันที่ 15 ตุลาคม 2564 ถึง 31 ธันวาคม 2565 ทำให้ราคาจำหน่ายกุ้งขาวฯ เพิ่มขึ้นตั้งแต่ปลายปี 2564 เป็นต้นมา

พันธกิจที่สำคัญ คือ กรมประมงจัดทำแผนการฟื้นฟูผลผลิตกุ้งทะเล โดยในปี 2565 มีเป้าหมาย 320,000 ตัน และ ปี 2566 มีเป้าหมาย 400,000 ตัน ภายใต้แนวทางการฟื้นฟูผลผลิตกุ้งทะเลของประเทศไทย 11 แนวทาง โดยมีแนวทางหลัก ดังนี้  การบริหารเชิงพื้นที่แบบบูรณาการ ผ่านกลไกคณะทำงานแก้ไขปัญหาการเลี้ยงกุ้งทะเล ระดับพื้นที่ ๓๕ จังหวัด การแก้ไขปัญหาด้านโรคกุ้งทะเล ซึ่งเป็นปัญหาหลักและเป็นต้นทุนแฝงของการเลี้ยงกุ้ง มีการจัดคลินิกเคลื่อนที่ (Mobile clinic) และสายด่วนปรึกษาปัญหาโรคสัตว์น้ำ เพื่อแก้ไขปัญหาให้กับเกษตรกรได้อย่างทันท่วงที  การจัดการการเลี้ยง มีการถอดบทเรียนและถ่ายทอดองค์ความรู้ให้แก่เกษตรกร ส่งเสริมให้มีปราชญ์เลี้ยงกุ้งหรือฟาร์มเลี้ยงกุ้งต้นแบบในแต่ละพื้นที่ มีการสนับสนุนการใช้จุลินทรีย์และส่งเสริมให้ชมรมหรือกลุ่มเกษตรกรผลิตจุลินทรีย์ ปม.๒ การปรับปรุงพันธุ์กุ้งทะเล กรมประมงได้พัฒนาพันธุ์กุ้งขาวฯ สายพันธุ์สิชล 1 ผลิตและจำหน่ายเพื่อเป็นทางเลือกให้แก่เกษตรกร  การจัดหาแหล่งทุน โดยการจัดทำโครงการเสริมสภาพคล่องเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งทะเล ปี 2565 ระยะที่ 1 เพื่อเป็นแหล่งสินเชื่อปลอดดอกเบี้ยให้กับเกษตรกร ทั้งนี้ เพื่อให้การดำเนินงานข้างต้นมีประสิทธิภาพและบรรลุเป้าหมาย กรมประมงจึงกำหนดให้มีการติดตามความก้าวหน้าการดำเนินงานตามแผนฟื้นฟูผลผลิตกุ้งทะเลเป็นประจำทุกเดือน  

ทั้งนี้ จากผลการดำเนินงานตั้งแต่เดือนมกราคม - กรกฎาคม 2565 ประเทศไทยมีผลผลิตกุ้งทะเลจากการเพาะเลี้ยงรวมทั้งสิ้น 138,733.18 ตัน จำแนกเป็นกุ้งขาวแวนนาไม 129,100.44 ตัน (ร้อยละ 93.06) และกุ้งกุลาดำ 9,632.74 ตัน (ร้อยละ 6.94) โดยเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา (ม.ค. - ก.ค. 64) ผลผลิตลดลงร้อยละ 3.09 ซึ่งถึงแม้ว่ากรมประมงจะมีนโยบายในการฟื้นฟูผลผลิตกุ้งทะเล และลงพื้นที่ดูแลพี่น้องเกษตรกรอย่างใกล้ชิด แต่การขาดความเชื่อมั่นด้านราคาเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกษตรกรไม่ปล่อยกุ้งลงเลี้ยงอย่างเต็มศักยภาพ ทำให้ผลผลิตกุ้งทะเลในภาพรวมลดลง ดังนั้น เพื่อรักษาตลาดและผู้ประกอบการส่งออกสามารถแข่งขันกับประเทศคู่แข่งได้ Shrimp Board จึงมีข้อตกลงร่วมกันในการนำเข้าวัตถุดิบกุ้งทะเลจากต่างประเทศเฉพาะช่วงเวลาและปริมาณผลผลิตภายในประเทศมีปริมาณน้อย ภายใต้เงื่อนไขที่ห้องเย็นและโรงงานแปรรูปจะรับซื้อผลผลิตกุ้งทะเลจากเกษตรกรโดยประกันราคาซื้อ - ขายขั้นต่ำ เพื่อรักษาเสถียรภาพราคาของกุ้งทะเลภายในประเทศไว้ โดยเริ่มดำเนินการรับซื้อผลผลิตจากเกษตรกร ตั้งแต่วันที่ 15 ตุลาคม 2564 จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2565 ส่งผลให้ราคากุ้งทะเลภายในประเทศเพิ่มสูงขึ้น ตั้งแต่ปลายปี 2564 เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน ผลการดำเนินโครงการดังกล่าวทำให้เกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งทะเลไม่ประสบปัญหาราคากุ้งตกต่ำเหมือนในอดีตที่ผ่านมา

โดยในปี 2565 Shrimp Board กำหนดแผนการนำเข้าวัตถุดิบกุ้งทะเลจากสาธารณรัฐเอกวาดอร์และสาธารณรัฐอินเดีย ปริมาณรวม 10,501 ตัน ทั้งนี้ ตั้งแต่มีการอนุญาตให้นำเข้าฯ เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2565 จนถึงเดือนกรกฎาคม 2565 มีการนำเข้ากุ้งขาวฯ จากสาธารณรัฐเอกวาดอร์ในเดือนมิถุนายน 2565 จำนวน 41.95 ตัน คิดเป็นมูลค่า 10.24 ล้านบาท แต่ยังไม่พบการนำเข้ากุ้งขาวฯ จากสาธารณรัฐอินเดีย

ถึงแม้ว่ากรมประมงจะมีการอนุญาตให้นำเข้ากุ้งจากสาธารณรัฐเอกวาดอร์และสาธารณรัฐอินเดีย แต่กรมประมงให้ความสำคัญกับการควบคุมโรค โดยดำเนินการอย่างรัดกุมก่อนการอนุญาตให้นำเข้ากุ้งทะเลจากสาธารณรัฐเอกวาดอร์และสาธารณรัฐอินเดีย โดยได้ประเมินระบบการควบคุมโรคของทั้ง 2 ประเทศ ซึ่งมีข้อกำหนดในการพิจารณาหลายมิติครอบคลุมทั้งห่วงโซ่การผลิตกุ้งทะเลแช่แข็งสำหรับการส่งออกมายังประเทศไทย เพื่อให้มั่นใจได้ว่าจะไม่มีโอกาสเกิดการแพร่กระจายเชื้อก่อโรคข้ามพรมแดนผ่านการนำเข้ากุ้งทะเลแช่แข็งอย่างเด็ดขาด ซึ่งประเทศต้นทางที่ไทยจะนำเข้าสินค้ากุ้งทะเลนั้นจะต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กรมประมงกำหนดอย่างเข้มงวด และและเมื่อสินค้ามาถึงประเทศไทย จะต้องถูกดำเนินการควบคุมโรคภายใต้พระราชบัญญัติโรคระบาดสัตว์ พ.ศ. 2558 โดยสินค้าจะต้องเข้าสู่ระบบการกักกันเพื่อให้เจ้าหน้าที่กรมประมงดำเนินการสุ่มตรวจเชื้อก่อโรคกุ้งทะเลที่สำคัญ ได้แก่ โรคไอเอ็มเอ็น (IMN) โรคตัวแดงดวงขาว (WSD) โรคหัวเหลือง (YHD) โรคทีเอส (TS) โรคไอเอชเอชเอ็น (IHHN) โรคเอ็นเอชพี (NHP) และโรคดีไอวี วัน (DIV 1) ตามบัญชีรายชื่อของ OIE รวมทั้งมีการสุ่มตรวจสารตกค้าง เช่น Chloramphenicol Nitrofurans และ Malachite green ภายใต้พระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ. 2522 โดยการสุ่มตัวอย่างทั้งหมดสอดคล้องตามหลักการสากลตามที่ OIE และ CODEX กำหนดไว้ และหากมีการตรวจพบเชื้อก่อโรคและ/หรือตรวจพบสารตกค้างเกินเกณฑ์มาตรฐาน สินค้าเหล่านั้นจะถูกทำลายหรือตีกลับประเทศต้นทางทันที จึงมั่นใจได้ว่าสินค้ากุ้งทะเลที่ได้รับอนุญาตให้นำเข้ามาในประเทศไทยนั้น ได้รับการตรวจสอบอย่างเข้มงวดทั้งจากต้นทางและเมื่อถึงประเทศไทย อีกทั้งสินค้าเหล่านั้นจะถูกนำไปแปรรูปเพื่อการส่งออกเท่านั้น

นายครรชิต เหมะรักษ์ นายกสมาคมเครือข่ายผู้เลี้ยงกุ้งไทย กล่าวถึง ความร่วมมือของเกษตรกรและผู้แปรรูปผ่านกลไก Shrimp Board ว่า เกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งทะเลประสบปัญหาทั้งด้านราคาตกต่ำและต้นทุนการผลิตที่สูง ส่งผลให้ประสบปัญหาภาวะขาดทุน แรงจูงใจที่สำคัญของเกษตรกรในการประกอบอาชีพการเลี้ยงกุ้งทะเล คือ ปัจจัยด้านราคา ซึ่งในอดีตที่ผ่านมา เกษตรกรต้องแก้ไขปัญหาด้านราคาตกต่ำด้วยวิธีการของตนเอง ผ่านกลไกการร้องขอจากรัฐบาล ซึ่งการจัดตั้ง Shrimp Board ในครั้งนี้ เป็นการจับมือของเกษตรกรและผู้แปรรูปเป็นครั้งแรกในรอบ 30 ปี ของอุตสาหกรรมกุ้งทะเลไทย

การผลักดันให้อุตสาหกรรมกุ้งไทยมีศักยภาพในการแข่งขันในตลาดโลก ปัจจัยที่สำคัญอย่างหนึ่ง คือ ผลผลิตต้องเพียงพอเพื่อสามารถต่อรองในตลาดโลกได้ จากการหารือร่วมกันใน Shrimp Board การนำเข้ากุ้งขาวฯ เพื่อมาทดแทนในช่วงที่ผลผลิตภายในประเทศมีปริมาณลดน้อยลงเพื่อรักษาตลาดมีความจำเป็น และขณะเดียวกันทำอย่างไรเกษตรกรภายในประเทศต้องไม่ได้รับผลกระทบจากการนำเข้า Shrimp Board จึงตกลงร่วมกันให้มีการรักษาเสถียรภาพราคา เพื่อไม่ให้เกษตรกรภายในประเทศประสบปัญหาราคาตกต่ำเหมือนในอดีตที่ผ่านมา และยังเป็นแรงจูงใจที่สำคัญในการเลี้ยงกุ้งทะเลต่อไป ซึ่งถือว่าเป็นการตอบโจทย์ที่แท้จริง เพื่อผลักดันให้อุตสาหกรรมกุ้งไทยมีศักยภาพในการแข่งขันในตลาดโลก

นายบรรจง นิสภวาณิชย์ ประธานสมาพันธ์การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำไทย กล่าวถึงการพัฒนาศักยภาพการผลิตกุ้งทะเลของเกษตรกรไทย ว่า ปัจจุบันผลผลิตกุ้งทะเลของไทยอยู่ในปริมาณ 250,000 ถึง 350,000 ตัน เท่านั้น ผลผลิตที่ได้ไม่แน่นอน ซึ่งในแต่ละพื้นที่มีความพร้อมของเกษตรกรไม่เท่ากัน และมีสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกันทั้งภูมิประเทศและภูมิอากาศ ซึ่งจากข้อมูลของกรมประมงพบว่า มีเกษตรกรผู้ประกอบกิจการการเลี้ยงกุ้งทะเลประมาณ 30,000 กว่าราย โดยมีพื้นที่ประมาณ 600,000 กว่าไร่ ซึ่ง Shrimp Board ร่วมกันคิดเพื่อให้แนวทางการฟื้นฟูผลผลิตกุ้งทะเลให้ได้ 400,000 ตัน ในปี 2566 บรรลุเป้าหมาย โดยหลักการที่สำคัญ คือ เกษตรกรสามารถเลี้ยงกุ้งได้ตามศักยภาพของตัวเองในแต่ละพื้นที่ ผ่านกลไกการสร้างปราชญ์ชาวบ้านหรือผู้รู้ในพื้นที่ โดยสรรหาผู้ที่สามารถเลี้ยงกุ้งได้ในภาวะวิกฤตหรือในภาวะที่เกษตรกรรายอื่นเลี้ยงกุ้งไม่ได้

‘ชัยวุฒิ’ เตือน ระวัง มิจฉาชีพ TikTok ย้ำ อย่าเชื่อชวนลงทุนผลตอบแทนสูงเกินจริง

นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจเเละสังคม (ดีอีเอส) กล่าวถึงปัญหามิจฉาชีพส่งข้อความ SMS ชวนทำงานผ่านแอปพลิเคชัน ติ๊กต๊อก (TikTok) ว่า ฝากเตือนพี่น้องประชาชนช่วงนี้มีมิจฉาชีพใช้ช่องทางโซเชียลมีเดีย รวมถึง SMS ต่าง ๆ เข้ามาหลอกลวงพี่น้องประชาชน ล่าสุดมิจฉาชีพใช้ผ่านช่องทาง TikTok เพื่อให้พี่น้องประชาชนเข้าไปลงทุน อ้างว่ามีผลตอบแทนสูงเกินจริง สุดท้ายก็หลอกลวงนำเงินประชาชนไป จึงอยากเตือนให้ระมัดระวัง ผู้ที่มาหลอกลวงมักเป็นคนที่เราไม่รู้จัก การจะลงทุนผ่านโซเชียลมีเดียควรตรวจสอบว่าบุคคลนั้นมีความน่าเชื่อถือหรือไม่ ถ้าอ้างถึงหน่วยงานหรือองค์กรต้องตรวจสอบข้อมูลจากหน่วยงานหรือองค์กรนั้น ถ้าท่านเอาเงินไปให้กับคนที่ท่านไม่รู้จักผ่านโซเชียลมีเดียโอกาสได้คืนน้อยมาก ส่วนใหญ่เป็นการหลอกลวงยิ่งถ้ามีผลตอบแทนที่สูงเกินจริงหลายเท่าตัว ขณะเดียวกันก็เตือนประชาชน ให้ระวังการสเเกนผ่านมือถือ ควรตรวจสอบให้ถูกต้อง ศึกษารายละเอียดให้ดีก่อนกรอกข้อมูล 

ทั้งนี้ ใครที่มีปัญหาการถูกหลอกลวงผ่านแอปพลิเคชัน TikTok หรือโซเชียลมีเดียอื่น ๆ สามารถร้องเรียนมาได้ที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ผ่านสายด่วน 1212 เราจะพยายามแก้ปัญหาให้ทุกท่านให้ดีที่สุดนำผู้กระทำความผิดมาลงโทษ

'พล.ต.ต. วาที' เผย พฐก.-ศพฐ. 2 ร่วม ตรวจหาสาเหตุเพลิงไหม้เมาน์เท่น บี ครั้งที่ 2 เตรียมประชุมสรุปผลหาสาเหตุแน่ชัด

เมื่อวันที่ 8 ส.ค. 2565 ที่สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ(สพฐ.) สำนังานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) พล.ต.ต.วาที อัศวุตมางกุร โฆษก สพฐ.ตร. กล่าวว่า จากเหตุการณ์เพลิงไหม้เมาน์เทน บี จ.ชลบุรี เมื่อวันที่ 5 สิงหาคมที่ผ่านมา ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 15 รายมีผู้ได้รับบาดเจ็บ จำนวน 38 คน รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล จำนวน 31 คน และสามารถกลับบ้านได้แล้ว 7 คน จากเหตุการณ์ดังกล่าว พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร.สั่งการให้ พล.ต.ท.วีระ จิรวีระ ผู้บัญชาการสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ (ผบช.สพฐ.ตร.)นำเจ้าหน้าที่ตำรวจจากกองพิสูจน์หลักฐานกลาง (พฐก.) พร้อมศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 2 (ศพฐ.2) ลงพื้นที่ตรวจหาพยานหลักฐานและหาสาเหตุที่แน่ชัด

พล.ต.ต.วาทีฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ ผู้บัญชาการสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ มีความห่วงใยและรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นพร้อมกำชับให้ตำรวจพิสูจน์หลักฐานเก็บพยานหลักฐานในพื้นที่อย่างละเอียด เร่งหาสาเหตุที่แท้จริงของเหตุเพลิงไหม้ครั้งนี้ เพื่อส่งให้พนักงานสอบสวนประกอบสำนวนในการดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

'อีสานโพล' เผย!! ชาวอีสานชื่นชอบ 'ชัชชาติ' ยกให้เป็น 'นักการเมืองแห่งปี'

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ (8 ส.ค. 65) รศ.ดร.สุทิน เวียนวิวัฒน์ หัวหน้าโครงการสำรวจอีสานโพล ศูนย์วิจัยธุรกิจและเศรษฐกิจอีสาน คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแกน หรือ มข. ได้เปิดเผยผลสำรวจเรื่อง 'เก็บคะแนนครึ่งปีแรกรางวัลแห่งปีของคนอีสาน ปี 2565' ซึ่งอีสานโพลได้ทำการสำรวจความคิดเห็นของคนอีสานเกี่ยวกับบุคคล องค์กร และผลงานที่มีความโดดเด่นที่สุดแห่งปี ในสาขาต่างๆ 12 รางวัล โดยทำการสำรวจระหว่างวันที่ (28 ก.ค. - 2 ส.ค. 65) จากกลุ่มตัวอย่างอายุ 18 ปีขึ้นไป จำนวน 1,109 ราย ในเขตพื้นที่ภาคอีสาน 20 จังหวัด

รศ.ดร.สุทิน เวียนวิวัฒน์ หัวหน้าโครงการสำรวจอีสานโพล กล่าวว่า การสำรวจนี้ จะให้ชาวอีสานเสนอชื่อ บุคคลหรือองค์กรหรือผลงานที่สมควรได้รับรางวัลแห่งปีในสาขาต่าง ๆ 12 รางวัลแบบปลายเปิดไม่มีตัวเลือกให้ และจะมีการเก็บข้อมูลอีกครั้งช่วงปลายปีเพื่อสรุปคะแนนภาพรวมทั้งปี ซึ่งจากการประมวลผล พบว่า คะแนนสูงสุด 3 อันดับแรก แต่ละรางวัล ประกอบด้วย 

รางวัลนักการเมืองแห่งปี อันดับที่ 1 คือ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ คะแนนร้อยละ 20.2 รองลงมาคือ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย คะแนนร้อยละ 16.2 และนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล คะแนนร้อยละ 12.6 

รางวัลบริษัทฯ/หน่วยงาน/รัฐวิสาหกิจเพื่อสังคมแห่งปี อันดับที่ 1 คือเครือเจริญโภคภัณฑ์ หรือ ซีพี คะแนนร้อยละ 10.8 รองลงมาคือ ปตท. คะแนนร้อยละ 10.6 และมูลนิธิกระจกเงา คะแนนร้อยละ 5.9

รางวัลนักเคลื่อนไหวเพื่อสังคมแห่งปี อันดับที่ 1 คือคุณบุ๋ม ปนัดดา วงษ์ผู้ดี คะแนนร้อยละ 7.4 รองลงมาคือ พิมรี่พาย คะแนนร้อยละ 5.1 และเพนกวิน พริษฐ์ ชีวารักษ์ คะแนนร้อยละ 4.8 

รางวัลสถานีโทรทัศน์แห่งปี ครึ่งปีแรก อับดับที่ 1 คือช่อง 3HD คะแนนร้อยละ 23.5 รองลงมาคือ ช่อง 7HD คะแนนร้อยละ 17.6 และช่อง ONE 31 คะแนนร้อยละ 13.1 

รางวัลหนังสือพิมพ์/เว็บไซต์ข่าวแห่งปี อันดับที่ 1 เป็นของไทยรัฐ คะแนนร้อยละ 19.5 รองลงมาคือ เดลินิวส์ คะแนนร้อยละ 11.8 และมติชน คะแนนร้อยละ 8.6 

รางวัลพระเอกแห่งปี อันดับ 1 เป็นของณเดชน์ คูกิมิยะ คะแนนร้อยละ 11.3 รองลงมาคือ โป๊บ ธนวรรธน์ คะแนนร้อยละ 8.4 

รางวัลนางเอกแห่งปี อันดับ 1 เป็นของเบลล่า ราณี คะแนนร้อยละ 15.9 รองลงมา คือญาญ่า อุรัสยา คะแนนร้อยละ 8.9 และใบเฟิร์น พิมพ์ชนก คะแนนร้อยละ 9.3

‘บิ๊กป้อม’ ลงใต้แก้ปัญหาน้ำท่วม – ภัยแล้ง สั่งเร่งระบายน้ำตรัง รับมือก่อนเข้าฤดูฝน

‘บิ๊กป้อม’ ล่องใต้ ลุย ตรัง-พัทลุง ติดตามการแก้ปัญหาน้ำท่วม-ภัยแล้ง ก่อนเข้าช่วงมรสุม หวังสร้างความอยู่ดี กินดี ของประชาชนในพื้นที่

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะลงพื้นที่ จ.ตรัง และพัทลุง ติดตามสถานการณ์น้ำ และความพร้อมรับมือฤดูฝนภาคใต้ รวมถึงปัญหาพื้นที่ภัยแล้ง 

โดยรับฟังสรุปภาพรวม สถานการณ์น้ำภาคใต้ในจ.ตรัง มีลำน้ำย่อย 5 สาย มีปัญหาพื้นที่น้ำท่วมซ้ำซาก 4 จุดสำคัญ คือ พื้นที่วัดท่าจีน อ.เมือง พื้นที่ตลาดนาโยง อ.นาโยง พื้นที่อนุสาวรีย์ฯ อ.เมือง และ พื้นที่ตลาดย่านตาขาว อ.ย่านตาขาว จากปัญหาแม่น้ำตรัง รับปริมาณน้ำสูงจากฝนตกในพื้นที่ รวมทั้งจากเทือกเขาบรรทัด และ อ.ทุ่งสง โดยอยู่ระหว่างดำเนินโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำในแม่น้ำตรัง 

พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า แสดงความขอบคุณ และเป็นกำลังใจกับเจ้าหน้าที่ทุกคนในการทำงาน พร้อมทั้งย้ำว่า แม่น้ำตรัง มีความสำคัญกับการระบายน้ำและการเกษตรในพื้นที่ภาคใต้ จึงต้องให้ความสำคัญในการบริหารจัดการน้ำอย่างเป็นระบบ ไม่ให้เกิดภาวะน้ำท่วมและน้ำแล้ง โดยเฉพาะพื้นที่น้ำท่วมซ้ำซาก เน้นการป้องกันเชิงรุก พร้อมทั้งสั่งการให้กรมชลประทาน เร่งรัดก่อสร้างโครงการระบายน้ำแม่น้ำตรังให้แล้วเสร็จภายใน ก.ย.65 เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำในฤดูฝนที่จะมาถึง และให้เร่งเตรียมความพร้อมโครงการประตูระบายน้ำแม่น้ำตรัง รวมถึงช่องลัด และคันกั้นน้ำ เพื่อให้สามารถสร้างได้ในปี 67 โดยให้ สทนช.ยกระดับเป็นโครงการสำคัญ เพื่อให้สามารถบรรเทาอุทกภัยในพื้นที่ครอบคลุม 7 ตำบลใน 4 อำเภอ 

ตร. เตือน เล่นเฟซบุ๊กเจอโพสต์ชิงโชค พอได้รางวัลให้แอดไลน์คุยหลังไมค์ สุดท้ายเสียทรัพย์

วันที่ 8 ส.ค. 2565 พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ตามที่ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ได้มีนโยบายให้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แจ้งเตือนและประชาสัมพันธ์ให้พี่น้องประชาชนรู้เท่าทันถึงอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการสืบสวนจับกุมผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอดนั้น

ปัจจุบัน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พบว่านอกจากการฉ้อโกงผ่านทาง SMS หรือการสุ่มโทรผ่านหมายเลขโทรศัพท์มือถือแล้ว ยังพบว่ากลุ่มคนร้ายได้ใช้วิธีการโพสต์ในสื่อสังคมออนไลน์ (เฟซบุ๊ก) อ้างว่าให้มาร่วมสนุกด้วยการตอบคำถามชิงรางวัล จากนั้นเมื่อเหยื่อหลงเชื่อร่วมกิจกรรมและตอบคำถามถูกต้อง คนร้ายจะส่งข้อความมาคุยหลังไมค์กับเหยื่อหรือให้เหยื่อแอดไลน์มาคุยกับคนร้าย จากนั้นคนร้ายก็จะใช้วิธีการต่าง ๆ ในการหลอกล่อให้เหยื่อส่งมอบเงิน หรือข้อมูลส่วนบุคคลต่าง ๆ ให้กับคนร้าย โดยวิธีการต่อไปนี้
1. อ้างว่าเหยื่อต้องโอนเงินจ่ายภาษีหรือค่าธรรมเนียมในการรับของรางวัลก่อน เพราะเป็นขั้นตอนตามกฎหมาย หรือขั้นตอนของบริษัทฯ จึงจะสามารถส่งของรางวัลให้กับเหยื่อได้ เมื่อเหยื่อโอนเงินแล้วจะบล็อก ไม่สามารถติดต่อคนร้ายได้
2. อ้างว่าเหยื่อต้องส่งข้อมูลส่วนบุคคล เช่น ข้อมูลบัตรประชาชน วันเดือนปีเกิด เลขหลังบัตรประชาชน หมายเลขโทรศัพท์ และข้อมูลบัญชีธนาคาร ให้กับคนร้าย เพื่อดำเนินการตรวจสอบก่อนมอบรางวัล ซึ่งอาจเกิดความเสียหายกับเจ้าของข้อมูลได้

สื่อมะกัน แฉ อาวุธที่ตะวันตกมอบให้ยูเครน พบถึงแนวหน้าแค่ 30% ที่เหลือลือถูกขายต่อตลาดมืด

แม้สหรัฐ อเมริกา และพันธมิตรให้สัญญามอบแรงสนับสนุนด้านการทหารแก่ยูเครนแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน แต่รายงานข่าวของสำนักข่าวซีบีเอสนิวส์เมื่อเร็ว ๆ นี้ บ่งชี้ว่าในบรรดาอาวุธที่ตะวันตกจัดหาให้นั้น มีเพียงแค่ราว ๆ 30% ที่ถูกส่งถึงมือแนวหน้า ท่ามกลางข่าวลือเกี่ยวกับการถูกทิ้งไว้โดยเปล่าประโยชน์ คอร์รัปชันและนำไปขายต่อทำกำไรในตลาดมืด

สหรัฐฯ อนุมัติความช่วยเหลือทางเศรษฐกิจและทางทหารแก่ยูเครนไปแล้วมากกว่า 54,000 ล้านดอลลาร์นับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ส่วนสหราชอาณาจักรสัญญามอบความช่วยเหลือด้านการทหารเกือบ ๆ 3,000 ล้านดอลลาร์ และอียูส่งมอบอาวุธแก่ยูเครนอีก 2,500 ล้านดอลลาร์ โดยอาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ ไล่ตั้งแต่ปืนไรเฟิล ระเบิด ขีปนาวุธต่อต้านรถถัง ไปจนถึงระบบจรวดหลายลำกล้อง ถูกลำเลียงออกจากคลังแสงของตะวันตกมุ่งหน้าสู่ยูเครน เกือบทั้งหมดผ่านทางโปแลนด์

อย่างไรก็ตาม มีน้อยครั้งมากที่การส่งมอบจะเป็นไปอย่างราบรื่น รายงานของซีบีเอสนิวส์เปิดเผยเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว "ทั้งหมดถูกลำเลียงข้ามชายแดน และจากนั้นมีบางอย่างเกิดขึ้น มีแค่ราว ๆ 30% ไปที่ถึงจุดหมายปลายทาง" โจนาส โอห์มาน ผู้ก่อตั้งองค์กรจัดหาเสบียงแก่ทหารยูเครน ที่มีฐานบัญชาการในลิทัวเนีย กล่าวกับซีบีเอสนิวส์ พร้อมระบุว่าการนำพาอาวุธไปมอบเหล่าทหารนั้น พัวพันกับเครือข่ายอันซับซ้อนของบรรดาผู้ทรงอิทธิพล ผู้มีอำนาจและผู้มีบทบาททางการเมือง

"ไม่มีข้อมูลจริง ๆ ว่าอาวุธกำลังถูกส่งไปที่ไหน" โดนาเคลลา โรเวรา ที่ปรึกษาอาวุโสขององค์การนิรโทษกรรมสากลบอกกับซีบีเอสนิวส์ "มีความกังวลอย่างแท้จริงในบางประเทศ ว่าการส่งมอบอาวุธไม่เป็นไปอย่างที่คิด และพวกเขามีหน้าที่รับผิดชอบต้องกำหนดกลไกกำกับดูแลที่แข็งขันอย่างยิ่งขึ้นมา"

ยูเครน ยืนกรานว่าพวกเขาติดตามอาวุธแต่ละชิ้นและทุกชิ้นที่ข้ามเข้าสู่ชายแดนของพวกเขา โดย ยูริ ซัค ที่ปรึกษาของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม บอกกับหนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียลไทม์สเมื่อเดือนที่แล้ว ว่า รายงานข่าวต่าง ๆ ที่ขัดแย้งกัน "อาจเป็นส่วนหนึ่งของสงครามข้อมูลข่าวสารของรัสเซีย เพื่อทำให้พันธมิตรนานาชาติท้อใจ ไม่อยากมอบอาวุธแก่ยูเครน"

อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่บางส่วนในตะวันตกยังคงส่งเสียงแสดงความกังวล โดยแหล่งข่าวด้านข่าวกรองของสหรัฐฯ เปิดเผยกับซีเอ็นเอ็นในเดือนเมษายน ว่า วอชิงตันแทบไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นกับอาวุธเหล่านั้น และให้คำจำกัดความการส่งมอบอาวุธว่าเป็น "การหย่อนลงสู่หลุมดำขนาดใหญ่" ครั้งที่อาวุธเหล่านี้ถูกส่งเข้าไปในยูเครน ส่วนแหล่งข่าวแคนาดาก็ระบุเช่นกันเมื่อเดือนที่แล้ว ว่า พวกเขาไม่รู้ว่าอาวุธที่ส่งมอบไปนั้น แท้จริงแล้วไปจบลงที่ไหน

สำนักงานตำรวจสหภาพยุโรป (ยูโรโพล) อ้างว่าอาวุธบางส่วนไปจบลงในมือขององค์การอาชญากรรมกลุ่มต่าง ๆ ในอียู ส่วนรัฐบาลรัสเซียเตือนว่าพวกมันกำลังไปโผล่ที่ตะวันออกกลาง ทั้งนี้จากการตรวจสอบของสำนักข่าวอาร์ทีนิวส์เมื่อเดือนมิถุนายน พบตลาดออนไลน์หลายแห่งที่มีการนำยุทโธปกรณ์ล้ำสมัยของตะวันตก อย่างเช่นจรวดเจฟลิน และระบบต่อต้านรถถัง NLAW รวมถึงโดรนสวิตช์เบลด ออกวางจำหน่ายในราคาดอลลาร์

ยูเครนติดอันดับชาติที่มีการคอร์รัปชันมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลกต่อเนื่องมาหลายปี มีคะแนน 122 เต็ม 180 ใน "ดัชนีการรับรู้การทุจริต (Corruption Perceptions Index : CPI)" ประจำปี 2021 ขององค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ โดย 180 เป็นตัวแทนของการคอร์รัปชันมากที่สุดและ 0 เป็นตัวแทนของการคอร์รัปชันน้อยที่สุด

'หมอปลาย' แสดงความเสียใจต่อเหตุไฟไหม้ ชาวเน็ตแชร์!! เป็นไปตามคำทำนายก่อนออกบวช

พระภิกษุณี สุทัสสนา หรือหมอปลาย พรายกระซิบ ส่งคลิปแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ไฟไหม้มีผู้เสียชีวิต แสดงความเสียใจ และเตือนสติ จงอยู่ด้วยความไม่ประมาท ทำตามกฏระเบียบ

จากกรณี ที่หมอปลายพรายกระซิบ ได้เคยทำนายก่อนจะไปบวชเป็นพระภิกษุณีที่ประเทศศรีลังกา ว่า ครึ่งปีนี้จะเกิดไฟไหม้กลุ่มควันจำนวนมาก และมีการสูญเสีย และก็เป็นไปตามคำทำนายไว้ จนเป็นกระแสข่าวดังกล่าว

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ (7 ส.ค. 65) พระภิกษุณีสุทัสสนา หรือหมอปลายพรายกระซิบ ได้อัดคลิปส่งต่อมายังผู้สื่อข่าว โดยได้เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์ไฟไหม้ ทางตนเพิ่งได้ทราบเรื่องจากโยมทางเมืองไทยส่งเหตุการณ์มาให้ดูว่า มีคลิปที่พระเคยทำนายเอาไว้ตั้งแต่สมัยเป็นโยม และเหตุการณ์นี้ได้มีการสูญเสียค่อนข้างเยอะ และประเทศของเราก็มีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องไฟก็หลายครั้งอยู่พอสมควร อย่างไรก็ตาม ภิกษุณีก็ขอแสดงความเสียใจและขออุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้กับบุคคลที่เสียชีวิต และบุคคลที่ได้รับบาดเจ็บที่โน้น ก็ขอให้ร่างกายหายเร็วๆ ฟื้นฟูเร็วๆ ไม่อยากให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก เป็นอุบัติเหตุที่ต่างฝ่ายต่างไม่รู้ อย่าไปโทษสิ่งที่มองไม่เห็นแล้วกัน

'ทิพานัน' แจ้งนายจ้างเร่งยื่น Name List เผยนายกให้ความสำคัญ ลดปัญหาขาดแรงงาน

'ทิพานัน' เตือนนายจ้าง-สถานประกอบการเร่งยื่น Name List จ้างแรงงานต่างด้าว 4 สัญชาติ ภายใน (15 ส.ค.) เผยนายกฯ เห็นความสำคัญแรงงานต่างด้าวถูกกฎหมาย ลดปัญหาขาดแคลนแรงงาน คุ้มครองสิทธิ-สวัสดิการ ชี้เป็นกลไกฟื้นฟูเศรษฐกิจ-ประเทศชาติ

ทิพานัน ศิริชนะ ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จากกรณีที่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ (5 กรกฎาคม 2565) ที่ผ่านมา มีมติเห็นชอบ เรื่อง การบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม เพื่อรองรับการฟื้นฟูประเทศภายหลังการผ่อนคลายมาตรการป้องกันและควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 จึงขอให้นายจ้างและสถานประกอบการ ดำเนินการยื่นรายชื่อแจ้งความต้องการจ้างแรงงาน 4 สัญชาติ ถึงวันที่ 15 สิงหาคม 2565 นี้ ซึ่งเหลือเวลาอีกเพียง 7 วันเท่านั้น เพื่อให้แรงงานต่างด้าวสามารถอยู่และทำงานต่อในไทยได้อีกจนถึงวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2566 

น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า โดยเมื่อนายจ้างยื่นบัญชีรายชื่อแจ้งความต้องการจ้างแรงงานต่างด้าว หรือ Name list ต่อกรมการจัดหางานผ่านระบบอนุญาตทำงานคนต่างด้าวทางอิเล็กทรอนิกส์เว็บไซต์ e-workpermit.doe.go.th แล้ว ต้องยื่นคำขออนุญาตทำงานแทนคนต่างด้าวภายใน 60 วัน หลังยื่น Name List และชำระค่าธรรมเนียมค่ายื่นคำขอฉบับละ 100 บาท และค่าธรรมเนียมใบอนุญาตทำงานฉบับละ 900 บาท ให้คนต่างด้าวใช้ใบรับคำขอดังกล่าวคู่กับใบเสร็จรับเงิน เพื่อเป็นหลักฐานแสดงว่าคนต่างด้าวได้รับการผ่อนผันให้ทำงานได้จนกว่าจะได้รับใบอนุญาตทำงานตามกฎหมายว่าด้วยการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว ซึ่งหลังดำเนินการตามขั้นตอนเสร็จสิ้นจะทำงานและอยู่ได้ถึง 13 กุมภาพันธ์ 2566 หากต้องการทำงานต่อไปให้ยื่นขอต่อใบอนุญาตทำงานและดำเนินการตามขั้นตอนที่กำหนด ก่อนใบอนุญาตเดิมสิ้นอายุ โดยนายทะเบียนจะอนุญาตให้ทำงานคราวละ 1 ปี รวม 2 ครั้ง ถึงวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2568 เช่นเดียวกัน
.

สอท. บุกบางกอกน้อย – บางพลัด ชูนโยบายท่องเที่ยวเชิงศิลปวัฒนธรรม พร้อมสร้างงาน สร้างรายได้แบบยั่งยืน

นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ รองหัวหน้าพรรคสร้างอนาคตไทย ในฐานะประธานภาคกรุงเทพฯ ร่วมกับนายสุวัฒน์ ม่วงศิริ อดีต ส.ส. กทม. เปิดศูนย์ประสานงานพรรค เขตบางกอกน้อย-บางพลัด โดยมีนายพัลลภ ปิยะตระกูล เป็นผู้ประสานงานพรรคในพื้นที่ 

พรรคสร้างอนาคตไทย ได้มีข้อเสนอในการพัฒนาเขตบางกอกน้อย-บางพลัด ให้เป็นชุมชนแห่งการท่องเที่ยวเชิงศิลปวัฒนธรรมต่อผู้นำชุมชนในพื้นที่อีกด้วย  เนื่องจากเขตบางกอกน้อย - บางพลัด มีศิลปวัฒนธรรมที่แฝงอยู่ในชุมชนมากมาย โดยเฉพาะนาฏศิลป์โขน ซึ่งเป็นการแสดงนาฏศิลป์ชั้นสูงของไทย และหาชมได้ยากในปัจจุบัน จึงอยากจะช่วยกันส่งเสริมสนับสนุนให้เด็กและเยาวชนคนรุ่นหลังมีความสนใจที่จะเรียนรู้และร่วมกันสืบสานอนุรักษ์ให้คงอยู่สืบไป  ทั้งนี้ต้องได้รับความร่วมมือจากชุมชน เพราะหากเราสามารถนำภูมิปัญญาที่เรามีมาเป็นจุดขายให้กับพื้นที่  ก็จะสามารถเพิ่มรายได้และอาชีพให้กับชุมชนอย่างยั่งยืนอีกด้วย  

นอกจากนี้ นายพัลลภ ยังเคยเป็นผู้ผลักดันนโยบายค่าตอบแทนแก่ผู้นำชุมชน เนื่องจากเห็นว่าผู้นำชุมชนและคณะกรรมการทำงานดูแลชุมชนด้วยจิตอาสามาตลอด แต่ไม่เคยมีค่าตอบแทน ซึ่งผู้นำชุมชนที่มาร่วมงานในวันนี้ก็ให้การสนับสนุนและอยากให้มีการผลักดันในเรื่องค่าตอบแทนแก่คณะทำงานของชุมชนตามความเหมาะสม

นายสุรนันทน์  กล่าวว่า จะนำข้อเสนอต่างๆ เข้าหารือกับคณะทำงาน เพื่อผลักดันให้เป็นนโยบายที่เป็นรูปธรรม ทั้งการท่องเที่ยวเชิงศิลปวัฒนธรรม, สวัสดิการด้านการศึกษา และ เศรษฐกิจชุมชน โดยจะหาแนวทางที่เหมาะสมร่วมกันต่อไป


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top