Thursday, 26 June 2025
NEWS FEED

'ตำรวจท่องเที่ยว' เตือน 'แท็กซี่' ไม่รับ ผดส. มีความผิด หากพบเจอ 'ถ่ายรูปรถ-ทะเบียนรถ' แจ้ง 1155 ได้ทันที

เมื่อวานนี้ (17 ก.ย. 65) ที่ บช.ทท.พล.ต.ท. สุคุณ พรหมายน ผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยวมอบหมายให้ พล.ต.ต.อภิชาติ สุริบุญญา โฆษกกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว แจ้งผ่านสื่อมวลชนว่า กรณีมีนักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวนไม่น้อยร้องเรียนผ่านสายด่วนช่วยเหลือนักท่องเที่ยว 1155 เข้ามาถึงพฤติกรรมแท็กซี่ที่ปฏิเสธการรับและบริการผู้โดยสารในบริเวณแหล่งและสถานที่ท่องเที่ยว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในช่วงเวลาฝนตกหนัก ซึ่งสร้างความเสียหายต่อภาพลักษณ์การท่องเที่ยวไทยเป็นอย่างยิ่งนั้น 

กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวได้พิจารณาพฤติกรรมดังกล่าวของแท็กซี่แล้วเห็นว่า เป็นพฤติกรรมที่ไม่มีความเป็นมืออาชีพ สร้างความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของคนไทย และบั่นทอนความสามารถในการแข่งขันด้านการท่องเที่ยวไทยเป็นอย่างมาก ช่วงนี้เป็นช่วงเวลาของการแข่งขันด้านอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของหลายๆ ประเทศ ซึ่งแน่นอนรวมทั้งประเทศไทยเราด้วย 

กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวจึงขอถือโอกาสนี้ ขอแสดงความห่วงใยและฝากเตือนไปยังผู้ให้บริการรถรับจ้างสาธารณะทุกประเภทว่า ขอความกรุณาอย่าแสดงพฤติกรรมอันไม่มีความเป็นมืออาชีพกับนักท่องเที่ยวเลย เพราะจะส่งผลเสียหายต่อประเทศชาติอย่างมาก 

ขอเรียนว่า จนถึงปัจจุบันนี้ การท่องเที่ยวของไทยเรามาได้ดีแล้ว หลายสถาบันระหว่างประเทศที่ทำสำรวจความเห็นนักท่องเที่ยวก็มักบอกเสมอว่า ประเทศไทยเป็นที่หมายต้นๆ ของโลกด้านการท่องเที่ยว ดังนั้น การกระทำที่ไม่มีความเป็นมืออาชีพเพียงคิดง่ายๆ ไม่คำนึงถึงภาพรวมของประเทศ จะส่งผลให้ภาพรวมของประเทศเสียหายเป็นอย่างมาก

นักศึกษาหลักสูตรการเสริมสร้างสังคมสันติสุข รุ่นที่ 12 กลุ่มภาคใต้จัดงานเสวนาสร้างโอกาสสู่สันติชายแดนใต้

เมื่อวันที่ 16 กันยายน 2565 รศ.ดร.นัฐโชติ รักไทยเจริญชีพ รองอธิการบดีฝ่ายวิชาการและพัฒนาคณาจารย์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (มทร.) พระนคร และประธานกลุ่มรายงานวิชาการการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้กล่าวรายงาน มีนายศุภณัฐ เพิ่มพูนวิวัฒน์ ผู้อำนวยการสำนักสันติวิธีและธรรมาภิบาล สถาบันพระปกเกล้า เป็นประธานเปิด งานเสวนา "ขับเคลื่อนกลไกการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนใต้ เพื่อนำไปสู่กระบวนการหนุนเสริมการเจรจาสันติภาพเพื่อสันติสุขอย่างยั่งยืน” จัดโดยนักศึกษาหลักสูตรการเสริมสร้างสังคมสันติสุข รุ่นที่ 12 เพื่อสร้างสันติสุขในสังคมในมิติของการป้องกันความขัดแย้งรุนแรงที่อาจขยายเป็นวิกฤตสังคมในอนาคต และแก้ไขความขัดแย้ง รวมถึงการเปลี่ยนความขัดแย้งที่เกิดขึ้นให้กลายเป็นพลังสร้างสรรค์ และการเยียวยาสร้างความสมานฉันท์ให้กลับคืนสู่สังคม ภายหลังความขัดแย้งสิ้นสุดลง 

อีกทั้งยังมีการนำเสนอผลการศึกษาของนักศึกษาหลักสูตรการเสริมสร้างสังคมสันติสุข รุ่นที่ 12 โดยนำองค์ความรู้ ทักษะ และเทคนิควิธีการจัดการความขัดแย้ง และการสร้างสันติภาพ นำมาประยุกต์ใช้ในการศึกษา ซึ่งผลการศึกษาของกลุ่มฯ พบปัจจัยที่ส่งผลต่อการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ประกอบด้วย 5 ปัจจัยหลัก ได้แก่ การศึกษา เศรษฐกิจ ความเหลื่อมล้ำ ความยุติธรรมและหลักสิทธิมนุษยชน 

ผอ. PCT เตือนภัยมิจฉาชีพหลอกให้เปิดบัญชี สมัครงานออนไลน์ งานไม่ได้ เงินไม่มี กลายเป็นผู้ต้องหาถูกดำเนินคดี

วันนี้ (18 ก.ย. 65) เวลา 09.30 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) PCT เปิดเผยกรณีมิจฉาชีพจากเพจรับสมัครงานออนไลน์หลอกเด็กนักเรียน ม.6 ให้เปิดบัญชีม้าให้ 

กรณีเด็กผู้หญิงรายดังกล่าว อายุ เพียงแค่ 18 ปี กำลังศึกษาอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนแห่งหนึ่งในอำเภอบ้านหมอ จ.สระบุรี อยากมีรายได้เพื่อแบ่งเบาภาระพ่อแม่ เป็นค่าใช้จ่ายในการเรียน จึงได้หางานจากสื่อออนไลน์ จนพบ เพจเฟซบุ๊ก 'ประกาศรับสมัครงาน' รับสมัครแอดมินเพจ ทำหน้าที่ขายสินค้าทางออนไลน์ โดยจะได้รับค่าตอบแทนวันละ 300 บาท แต่จะต้องเปิดบัญชีธนาคารผ่านทางโทรศัพท์มือถือ ส่งหลักฐาน ข้อมูลส่วนตัวให้ทางเพจ เช่น รหัสบัตรประจำตัวประชาชน ภาพถ่ายบัตรประชาชน เลข OTP จากนั้นเพจดังกล่าวก็ไม่สามารถติดต่อได้

ต่อมาตนได้รับข้อความว่า 'ทำไมไม่ส่งสินค้าไปให้ทั้งที่โอนเงินไปแล้ว' นอกจากนั้นยังได้รับหมายเรียกจาก สภ.เมืองเชียงใหม่  2 หมาย และสภ.บ้านบึง จว.ชลบุรี อีก 1 หมาย ในข้อหา 'ฉ้อโกง' จึงได้มั่นใจว่าถูกมิจฉาชีพหลอก 

รอง ผบ.ตร. กล่าวอีกว่ากรณีนี้ เป็นกลอุบายที่คนร้ายหลอกขโมยบัญชีจากการรับสมัครงานออนไลน์ เพื่อใช้เป็นบัญชีม้ารับโอนเงินที่ได้จากการหลอกลวงคนอื่น ซึ่งเจ้าของบัญชีธนาคาร(บัญชีม้า) อาจถูกดำเนินคดีฐานเป็นตัวการร่วม หรือผู้สนับสนุนในความผิดฐาน ฉ้อโกงได้

วิธีป้องกันตนเองต่อภัยโจรออนไลน์ในหลากหลายรูปแบบ ในกรณีนี้ สามารถป้องกันได้โดย

1. อย่าเชื่อคนง่ายและอย่าเปิดเผยข้อมูลส่วนตัว เลขบัตรประจำตัวประชาชน  เลขบัญชีธนาคาร อย่าเผยแพร่ให้ผู้อื่นทราบโดยเฉพาะบุคคลที่รู้จักผ่านโลกออนไลน์  อาจถูกคนร้ายนำไปใช้ในการหลอกลวงผู้อื่นในโลกออนไลน์ต่อได้

2. ห้ามนำบัญชีธนาคารของตนให้ผู้อื่นใช้โดยเด็ดขาด ไม่ว่าจะอ้างว่าเป็นส่วนหนึ่งของการทำงานตามประกาศชักชวนทำงานใดๆ หากสงสัยว่าบัญชีของตนถูกนำไปใช้โดยไม่ได้รับความยินยอม ให้รีบติดต่อธนาคารเพื่อดำเนินการอายัดบัญชีของตนทันที

3. หากมีข้อความรหัสตัวเลข หรือ รหัส OTP ส่งเข้ามาในเครื่องโทรศัพท์ของตนโดยไม่ทราบที่มาที่ไป ห้ามเผยแพร่หรือส่งต่อให้ผู้อื่นทราบ เพราะท่านอาจกำลังถูกขโมยบัญชีธนาคาร หรือกำลังถูกใช้โปรแกรมควบคุมอุปกรณ์สื่อสารระยะไกลขโมยเงินจากบัญชีธนาคาร

4. การสมัครงานออนไลน์ควรที่จะตรวจสอบบริษัท จากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า https://www.dbd.go.th เพื่อให้ทราบว่าบริษัทได้จดทะเบียนจริง มีตัวตน ยังประกอบธุรกิจอยู่หรือไม่ จากนั้นให้ตรวจสอบไปยังบริษัทโดยตรงว่ามีประกาศรับสมัครงานหรือไม่

ผอ.PCT  กล่าวอีกว่าพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รักษาการนายกรัฐมนตรี มีความห่วงใยปัญหาอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยเฉพาะเรื่องบัญชีม้า ซึ่งหากไม่ศึกษาให้ดีก็อาจตกเป็นเหยื่อได้ ปัจจุบันศูนย์ PCT มีการเตือนภัยรูปแบบกลโกงรวม 18 วิธี 

หากสงสัยเกรงจะตกเป็นเหยื่อสามารถปรึกษาได้ที่ สายด่วน บช.สอท. 1441 หรือ ศูนย์ PCT 081-8663000 แจ้งความผ่านระบบออนไลน์ได้ที่เว็บไซต์ www.thaipoliceonline.com และติดตามรูปแบบกลโกงได้ที่ pctpr.police.go.th

'บิ๊กป้อม' ส่งกระเช้าเยี่ยมให้กำลังใจ 'น้องบาส' พร้อมฝากคำชื่นชมและมอบเงินทุนเพื่อการศึกษา

น.ส.ทิพานัน ศิริชนะรองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี รักษาราชการนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ได้มอบหมายให้ นายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี นำกระเช้าดอกไม้และสิ่งของเข้าเยี่ยมให้กำลังใจ 'น้องบาส' หรือนายอรรถชัย อาจอุดม นักศึกษาวิทยาลัยเทคนิคฮีโร่ที่ช่วยเด็กนักเรียน โรงเรียนอุดรพิทยานุกูลถูกไฟดูด พร้อมนำกระเช้าดอกไม้และสิ่งของเยี่ยมเด็กนักเรียนที่ถูกไฟดูดทั้ง 5 คนนั้น

พล.อ.ประวิตรได้มอบหมายให้ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานีนำความห่วงใยและให้กำลังใจ 'น้องบาส' พร้อมสอบถามความคืบหน้าอาการบาดเจ็บของ 'น้องบาส' ด้วยความเป็นห่วง โดยพล.อ.ประวิตรขอให้มีการตรวจเช็กอาการอย่างละเอียดรอบคอบ

นอกจากนี้ยังได้กำชับให้ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี ให้ตรวจสอบหาสาเหตุของอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นเพื่อหามาตรการป้องกันได้ตรงจุด และเป็นแนวทางในการป้องกันปัญหาในกรณีอื่น

'อลงกรณ์' เผย 'กรมชลประทาน' เร่งช่วยกรุงเทพมหานครระดมเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่ 220 เครื่องสูบน้ำลงแม่น้ำ 'เจ้าพระยา-บางปะกง-นครนายก' และอ่าวไทย 525 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที

'อลงกรณ์' เผย 'กรมชลประทาน' เร่งช่วยกรุงเทพมหานครระดมเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่ 220 เครื่องสูบน้ำลงแม่น้ำ 'เจ้าพระยา-บางปะกง-นครนายก' และอ่าวไทย 525 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที หรือวันละ 45 ล้านลูกบาศก์เมตร รวมปริมาณสูบน้ำ 2 เดือนเกือบ 2 พันล้านลูกบาศก์เมตรมากกว่าความจุเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ 2 เท่า

นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เปิดเผยภายหลังการลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมและติดตามการบริหารจัดการน้ำของสถานีสูบน้ำตามแนวคลองชายทะเล ที่สถานีสูบน้ำชลหารพิจิตร 3 (คลองด่าน) และสถานีสูบน้ำเจริญราษฎร์วันนี้ (17 ก.ย.) ว่า กรมชลประทานเร่งช่วยแก้ไขปัญหาน้ำท่วมกรุงเทพมหานครและสมุทรปราการตามข้อสั่งการของ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อบรรเทาความเดือนร้อนของประชาชนให้ได้มากที่สุดและเร็วที่สุดด้วยการระดมเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่ 220 เครื่องที่ติดตั้งตามสถานีสูบน้ำและประตูระบายน้ำโดยสูบน้ำลงแม่น้ำเจ้าพระยาทางฝั่งตะวันตก สูบน้ำลงแม่น้ำนครนายกและแม่น้ำบางปะกงทางฝั่งตะวันออกและสูบลงอ่าวไทยทางทิศใต้วันละ 45 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือ 525 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ณ วันที่ 16 กันยายนและกำลังติดตั้งเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่เพิ่มเติมอีก ซึ่งหากรวมปริมาตรน้ำที่กรมชลประทานผันน้ำตั้งแต่วันที่ 11 กรกฎาคมถึงวันนี้มีจำนวนถึง 1,893 ล้านลูกบาศก์เมตรเปรียบเทียบเท่ากับปริมาณน้ำกว่า 2 เท่าครึ่งของความจุเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ถือเป็นระบบระบายน้ำหลักของกรมชลประทานในการช่วยสนับสนุนการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมของกรุงเทพมหานครและ สมุทรปราการ

'ชัยวุฒิ' ลงพื้นที่เขตบางเขน แจกถุงยังชีพช่วยเหลือประชาชน

นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พร้อม ภญ.นพวรรณ หัวใจมั่น ว่าที่ผู้สมัคร เขตบางเขน พรรคพลังประชารัฐ ลงพื้นที่ซอยกาญจนา 5/1  แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน เพื่อมอบถุงยังชีพช่วยเหลือชาวบ้านที่ประสบปัญหาน้ำท่วมขังมานาน เนื่องจากชุมชนแห่งนี้อยู่ติดคลองพระยาสุเรนทร์

โดยนายชัยวุฒิ กล่าวถึงสถานการณ์น้ำท่วมว่า ในส่วนของรัฐบาล ก็เร่งเข้าไปช่วยเหลือดูแลประชาชน ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งศึกษาพื้นที่ลุ่มต่ำเพื่อหาแนวทางแก้ปัญหา เช่น การยกพื้นที่ให้สูงขึ้น หรือทำคันกั้นน้ำ และทำทางด่วนระบายน้ำให้ดีขึ้น ไม่ให้เกิดปัญหาน้ำท่วมซ้ำซากต่อไป ซึ่งขณะนี้ผู้ว่าฯ กทม. และรัฐบาลได้หารือกันเพื่อหาแนวทางที่ดีที่สุดในการแก้ไขปัญหา ที่สำคัญต้องคุยกันเรื่องอนาคตว่าจะหาวิธีระบายน้ำอย่างไร ในระยะยาว

ซึ่งจากการลงพื้นที่ ชาวบ้าน ต้องการให้เข้ามาเยียวยาซ่อมแซมบ้าน และเยียวยาพื้นที่การเกษตร และเยียวยารายได้ที่หายไป

'แบรนด์เสื้อผ้า-ยาสีฟัน' ยอดขายพุ่งกระฉูด อิทธิพล 'ลิซ่า' ถือ-จับ-ใส่ อะไรก็เป็นเงินเป็นทอง

ต้องยอมรับตรงๆ เลยว่า ลิซ่า BLACKPINK หรือ ลลิษา มโนบาล เป็นหนึ่งในบุคคลที่มีอิทธิพลต่อการตลาด แฟชั่น ความบันเทิง หรือแม้แต่เรื่องอาหารอย่างมาก เพราะตั้งแต่เริ่มเดบิวต์มาจนถึงปัจจุบันนี้ ไม่ว่าลิซ่าจะหยิบจะจับอะไรก็ดูเหมือนว่าจะกลายเป็นกระแสที่ถูกพูดถึงตลอด และนำมาซึ่งการขายดีเทน้ำเท่ท่า หากใครนึกไม่ออก ให้นึกถึงกระแส 'ลูกชิ้นยืนกิน' ที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วก็ได้

ความฮิตและฮอตของลิซ่า ส่งผลให้แบรนด์สินค้าหลายแบรนด์ต่างหมายตาดึงตัวไปเป็นพรีเซ็นเตอร์หรือแบรนด์แอมบาสเดอร์กันทั้งนั้น ซึ่งรวมถึงแบรนด์ยาสีฟันชื่อดังอย่าง 'เดนทิสเต้' ด้วย

โดยเมื่อไม่นานมานี้ เภสัชกร ดร.แสงสุข พิทยานุกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามเฮลท์กรุ๊ป จำกัด ผู้นำเข้าและผู้จำหน่ายผลิตภัณฑ์ดูแลช่องปากระดับพรีเมียม เดนทิสเต้ (DENTISTE’) ได้เปิดเผยว่า นับตั้งแต่การเกิดขึ้นของโควิด-19 ตลาดยาสีฟันในประเทศไทยมีการแข่งขันกันสูงมาก ในแง่ของแบรนด์ที่อยู่ในสนาม โดยจากเดิมที่เคยมีไม่ถึง 10 แบรนด์ แต่ตอนนี้น่าจะมีแตะ 50 แบรนด์ที่ลงมาชิงส่วนแบ่งตลาดกลุ่มนี้ ขณะที่มูลค่าตลาดพบว่าอยู่ที่ประมาณ 10,000 ล้านบาท และการเติบโตในปี 2565 จะอยู่ที่ประมาณ 5-6%

สำหรับ 'เดนทิสเต้' แล้ว ถือเป็นแบรนด์ที่วางขายยาสีฟันในประเทศไทยมานานกว่า 16 ปี และหากนับภาพใหญ่อย่างตลาดผลิตภัณฑ์ดูแลช่องปาก (Oral Care) ก็รวมแล้ว 18 ปี โดยปัจจุบันแบรนด์มีส่วนแบ่งตลาดยาสีฟันในไทย ภาพรวมอยู่ที่ 7% เนื่องจากเป็นแบรนด์ยาสีฟันที่จัดอยู่ในกลุ่มไฮเอนด์ ซึ่งหากนับเฉพาะในกลุ่มนี้จะมีส่วนแบ่งเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 85%

แต่ปรากฏการณ์หลังจากที่เดนทิสเต้ได้ 'ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล' หรือ 'ลิซ่า BLACKPINK' มาเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ ซึ่งก็ได้มีการต่อสัญญาอยู่กันต่อไปเรียบร้อยนั้น พบว่าตั้งแต่เปิดตัวก็มีห้างสรรพสินค้าติดต่อให้นำผลิตภัณฑ์มาวางขายกันหนาแน่น ตลอดจนมีคลินิกทันตกรรมติดต่อเข้ามากันกว่า 6,000 สาขา อย่างง่ายดาย โดยที่แบรนด์ไม่ต้องเข้าไปทำการเจรจากันก่อนด้วยซ้ำ และทำให้ยอดขายผลิตภัณฑ์ของ เดนทิสเต้ เติบโตราว 15% แม้อยู่ในช่วงสถานการณ์การระบาดอย่างหนักของโควิด-19 ก็ตาม

นอกจากนี้ เภสัชกร ดร.แสงสุข พิทยานุกุล ยังได้เล่าความน่าสนใจของยอดขายเดนทิสเต้ในต่างประเทศด้วยว่า แบรนด์มียอดขายในเกาหลีใต้มากกว่าที่เมืองไทยถึง 2 เท่า และวางขายผลิตภัณฑ์ในแดนกิมจิแห่งนี้มาแล้วถึง 13 ปี มีส่วนแบ่งตลาดยาสีฟันในประเทศนี้มากถึง 13%

ไม่น่าแปลกใจเลยที่ เดนทิสเต้ จะกลายมาเป็นแบรนด์ยาสีฟันที่ ลิซ่า BLACKPINK เลือกใช้มาตลอดอยู่แล้ว และส่งผลให้เป็น 1 ใน 10 แบรนด์ที่เธอเลือกรับเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ด้วย

'บิ๊กป้อม' ชื่นชม 'น้องบาส' ช่วยผู้ถูกไฟดูดจากน้ำท่วม กำชับ 'การไฟฟ้า' เข้าตรวจสอบ เพื่อความปลอดภัยของปชช.

เมื่อวันที่ 17 ก.ย. 65 น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจําสํานักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลโดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี แสดงความชื่นชมน้องบาส หรือ นายอรรถชัย อาจอุดม อายุ 19 ปี นักศึกษาวิทยาลัยเทคนิคอุดรธานี จ.อุดรธานี เข้าช่วยเหลือนักเรียนชายบริเวณหลังโรงเรียนสตรีราชินูทิศ จ.อุดรธานี จากเหตุการณ์ไฟฟ้าดูดเนื่องจากฝนตกน้ำท่วม โดยทั้งคู่ปลอดภัย และขณะนี้พักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล รองนายกรัฐมนตรี ได้ชื่นชมในความกล้าหาญ มีสติ โดยใช้ร่มดึงตัวผู้ประสบเหตุ ไม่ใช้มือสัมผัสซึ่งมีความเสี่ยงที่จะถูกไฟฟ้าดูดร่วม ถือเป็นแบบอย่างที่ดีในการช่วยเหลือผู้ประสบเหตุไฟฟ้าดูอย่างถูกต้อง

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า รองนายกรัฐมนตรี ยังกำชับให้การไฟฟ้านครหลวง และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ได้ติดตามสถานการณ์ระดับน้ำอย่างต่อเนื่อง และเฝ้าระวังตรวจสอบเครื่องวัดหน่วยไฟฟ้าที่ติดตั้งบนเสาไฟฟ้าให้อยู่ในระดับที่ปลอดภัย รวมถึงพร้อมให้ความช่วยเหลือด้านระบบไฟฟ้าแก่ประชาชนตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมกันนี้ ยังขอให้เพิ่มการประชาสัมพันธ์ ย้ำเตือนประชาชน ให้ระมัดระวังอันตรายจากไฟฟ้ารั่วในสถานการณ์อุทกภัย ซึ่งพบเจออยู่บ่อยครั้ง 

'โฆษกรัฐฯ' เผย Dog Park สวนป่าเบญจกิติ คึกคัก ย้ำ!! รัฐพร้อมพัฒนาสวนสาธารณะ เพื่อประโยชน์ปชช.

เมื่อวันที่ 17 ก.ย. นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงความคืบหน้าการปรับปรุงภูมิทัศน์สวนป่าเบญจกิติ ระยะที่ 2 - 3 ตามที่รัฐบาลได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการปรับปรุงภูมิทัศน์สวนป่าเบญจกิติ โดยให้คำนึงถึงความหลากหลายในการใช้ประโยชน์พื้นที่สวนป่า ตามข้อสั่งการของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เมื่อครั้งการประชุมคณะกรรมการบริหารโครงการเชื่อมสวนสาธารณะ 'เบญจกิติ' กับสวนลุมพินี ครั้งที่ 1/2565 ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องครั้งล่าสุด เมื่อวันที่ 4 ก.ค. 2565 ที่ผ่านมา ที่ทำเนียบรัฐบาล 

ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ ได้ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุมในขณะนั้น และได้ติดตามความก้าวหน้าการดำเนินการอย่างต่อเนื่องใกล้ชิด และได้ให้ข้อเสนอแนะต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์ในการพัฒนาปรับปรุงสวนสาธารณะ และการเชื่อมสวนสาธารณะ 'เบญจกิติ' กับสวนลุมพินี โดยคำนึงถึงความหลากหลายในการใช้ประโยชน์พื้นที่สวนป่า พร้อมเสนอแนะให้มีการปรับแต่งภูมิทัศน์เพิ่มเติมให้สวยงาม อาทิ การปลูกบัวฉลองขวัญ การปลูกพันธุ์ไม้และต้นไม้ที่เหมาะสมกับสภาพพื้นที่ เช่น การปลูกไม้ไม่ผลัดใบแซมกับต้นไม้อื่น ๆ เพื่อให้สวนสาธารณะยังเป็นพื้นที่สีเขียวสวยงามอยู่เสมอ และปลูกพันธุ์ไม้ที่เป็นอาหารสำหรับนกต่าง ๆ ได้ด้วย  

นายอนุชา กล่าวว่า นอกจากนี้ยังให้ความสำคัญกับการเตรียมพื้นที่จอดรถให้เพียงพอสำหรับประชาชน การจัดระเบียบร้านค้าต่าง ๆ ภายในสวนสาธารณะให้เป็นระเบียบสวยงาม สะอาด ไว้รองรับประชาชนทุกกลุ่ม และที่สำคัญคือได้มีข้อสั่งการให้มีการจัดพื้นที่เฉพาะสำหรับสุนัข โดยย้ำให้พิจารณาในส่วนใดที่สามารถทำได้ก็ให้ทยอยดำเนินการไปก่อน

นายอนุชา กล่าวว่า มาถึงวันนี้ รัฐบาลยินดีที่จะแจ้งความคืบหน้านโยบายการนำสุนัขเข้าสวนสาธารณะ (Dog Park) ซึ่งเป็นนโยบายสำคัญที่รัฐบาลสนับสนุนให้กรุงเทพมหานครดำเนินการ จัดพื้นที่ในสวนป่าเบญจกิติ ให้ประชาชนนำสุนัขมาเดินเล่น ออกกำลังกาย โดยทางกรุงเทพมหานครได้เริ่มเปิดให้บริการแล้วตั้งแต่วันที่ 15 กันยายน 2565 ที่ผ่านมา พบว่ามีประชาชนทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่พักอยู่ในประเทศไทย ให้ความสนใจ นำสุนัขเข้ามาในสวนป่าเบญจกิติเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้ สุนัขต้องคล้องสายจูง และฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า ส่วนการเก็บอุจจาระ เจ้าของจะเก็บอุจจาระเอง ซึ่งทางสวนจะมีห้องน้ำสุนัขเป็นคอกสี่เหลี่ยม เททรายบนพื้น มีถุงเก็บอุจจาระและถังขยะให้อยู่จุดเดียวกัน

'เฉลิมชัย' รัฐมนตรีเกษตรฯ ลุยช่วยกรุงเทพต่อเนื่องสั่งชลประทานเร่งระบายน้ำในพื้นที่ กทม.ฝั่งตะวันออกลงแม่น้ำบางปะกง

นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และคณะ ลงพื้นที่ติดตามการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาฝั่งตะวันออกตอนล่าง บริเวณประตูระบายน้ำและสถานีสูบน้ำท่าถั่ว จ.ฉะเชิงเทรา โดยมี นายธนา ชีรวินิจเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายสมเกียรติ กอไพศาล ประธานคณะทำงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายประยูร อินสกุล รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทานและผู้บริหารกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เข้าร่วมรับฟังการรายงานสรุปสถานการณ์น้ำและการบริหารจัดการน้ำ

ทั้งนี้ นายเฉลิมชัยกล่าวว่า กรมชลประทานได้บริหารจัดการน้ำในพื้นที่ฝั่งตะวันออกของลุ่มน้ำเจ้าพระยา มีการระบายน้ำออกทางคลองแนวขวางทั้งฝั่งตะวันออกและตะวันตก ผ่านสถานีสูบน้ำริมแม่น้ำเจ้าพระยาแม่น้ำนครนายก และแม่น้ำบางปะกง ประกอบด้วย คลองรังสิตประยูรศักดิ์ ระบายน้ำลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยา ผ่านสถานีสูบน้ำกึ่งถาวรปากคลองรังสิต และระบายน้ำลงสู่แม่น้ำนครนายก ผ่านสถานีสูบน้ำเสาวภาผ่องศรี, คลองหกวาสายล่าง ระบายน้ำลงสู่แม่น้ำบางปะกง ผ่านสถานีสูบน้ำสมบูรณ์, คลองบางขนากระบายน้ำลงสู่แม่น้ำบางปะกง ผ่านสถานีสูบน้ำบางขนาก, คลองนครเนื่องเขต ระบายน้ำลงสู่แม่น้ำบางปะกง ผ่านสถานีสูบน้ำท่าไข่, คลองประเวศน์บุรีรมย์ ระบายน้ำลงสู่แม่น้ำบางปะกง ผ่านสถานีสูบน้ำท่าถั่ว และคลองสำโรง ระบายน้ำลงสู่แม่น้ำบางปะกง ผ่านสถานีสูบน้ำท่าปากตะคลอง และยังได้ติดตั้งเครื่องสูบน้ำเพิ่มเติม เสริมศักยภาพการระบายน้ำซึ่งปัจจุบันสามารถระบายน้ำได้รวมกันประมาณวันละ 63 ล้านลบ.ม.

สำหรับการบริหารจัดการน้ำในคลองประเวศบุรีรมย์ ซึ่งเป็นคลองหลักที่ใช้ระบายน้ำท่วมขังในพื้นที่กรุงเทพมหานครกรมชลประทานได้สูบระบายน้ำในคลองประเวศฯ ออกทางสถานีสูบน้ำประเวศบุรีรมย์ ลงสู่คลองพระองค์เจ้าไชยานุชิตก่อนจะสูบระบายออกทางแม่น้ำบางปะกง ผ่านทางสถานีสูบน้ำท่าถั่ว และได้มีการติดตั้งเครื่องสูบน้ำเพิ่มเติม เพื่อเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่โดยเร็ว พร้อมใช้คลองแนวตั้งฝั่งตะวันออกของลุ่มน้ำเจ้าพระยา เพื่อแบ่งรับน้ำจากทางตอนบนของกรุงเทพมหานคร ระบายน้ำผ่านคลองพระองค์ไชยานุชิต ก่อนจะใช้สถานีสูบน้ำที่ตั้งอยู่ริมคลองชายทะเล ได้แก่ สถานีสูบน้ำตำหรุ สถานีสูบน้ำบางปลาร้า สถานีสูบน้ำบางปลา สถานีสูบน้ำสุวรรณภูมิ สถานีสูบน้ำเจริญราษฎร์ สถานีสูบน้ำคลองด่าน 2 สถานีสูบน้ำชลหารพิจิตร 1, 2, 3 สถานีสูบน้ำนางหงษ์ สถานีสูบน้ำพระยาวิสูตร และสถานีสูบน้ำเทพรังสรรค์ เร่งระบายน้ำลงสู่ทะเลอ่าวไทยต่อไป

นอกจากนี้ กรมชลประทานยังได้มีการขุดลอกตะกอนดินบริเวณด้านเหนือของสถานีสูบน้ำท่าถั่วให้กว้างและลึกขึ้นกว่าเดิม เพื่อให้สามารถรองรับปริมาณน้ำได้มากขึ้น พร้อมกับติดตั้งบาน Bulkhead Gate ที่ประตูน้ำ เพื่อเสริมความแข็งแรงอีกชั้นหนึ่ง เตรียมรองรับปริมาณน้ำที่จะไหลลงมาสมทบอีกในระยะต่อไป ทั้งนี้ การเร่งระบายน้ำดังกล่าว จะทำให้ระดับน้ำในคลองประเวศฯ บริเวณที่ไหลผ่านเขตลาดกระบังลดต่ำลง ซึ่งจะทำให้น้ำที่ท่วมขังอยู่ในพื้นที่ลุ่มต่ำเขตลาดกระบังและพื้นที่ใกล้เคียง ไหลลงสู่คลองประเวศฯได้สะดวกมากขึ้น ช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้กับพี่น้องชาว กทม.ฝั่งตะวันออก ที่กำลังประสบกับปัญหาน้ำท่วมขังอยู่ในขณะนี้  ส่วนในระยะยาวกรมชลประทาน ได้วางแผนดำเนินโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำสถานีสูบน้ำท่าถั่ว ปัจจุบันอยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้าง หากแล้วเสร็จ จะช่วยเพิ่มศักยภาพการระบายน้ำจากพื้นที่ออกสู่แม่น้ำบางปะกงให้เร็วขึ้นอีกด้วย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top