Tuesday, 24 June 2025
NEWS FEED

'ผู้พันเบิร์ด' เผยที่มาก่อนการปรับปรุงสนามม้านางเลิ้ง สู่ 'อุทยานเฉลิมพระเกียรติ ร.9' จากแนวพระราชดำริในหลวง

เผยพระราชดำริ 'ในหลวง' ก่อนปรับปรุงสนามม้านางเลิ้งเป็นสวนสาธารณะ-หวังลดปัญหาจากการพนันม้า 'ผู้พันเบิร์ด' มองผู้ใช้เดิมไม่ต่อสัญญา สุ่มเสี่ยงถูกฮุบพื้นที่ ชี้ที่ดินทรัพย์สินฯ อดีต-ปัจจุบัน นำไปเช่าช่วงต่อทำกำไรพร้อม ระบุภายภาคหน้าจะยังได้เห็นหลายสิ่งที่พัฒนาสถาพรต่อไป

(13 ต.ค.65) พันเอกวันชนะ สวัสดี หรือ ผู้พันเบิร์ด จิตอาสา 904 เปิดเผยถึงความเป็นมาในการใช้ที่ดินสนามม้านางเลิ้ง และแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการปรับปรุงพื้นที่เป็นอุทยานเฉลิมพระเกียรติฯ สวนสาธารณะขนาดใหญ่ ปอดแห่งใหม่ใจกลางกรุงเทพฯ และเป็นพื้นที่จอดรถของโรงพยาบาลรามาธิบดี

โดยระบุว่า สนามม้านางเลิ้งถูกสร้างขึ้นตั้งแต่สมัย ร.6 ตอนนั้นบริบทสังคมกับการแข่งม้าถือเป็นเรื่องใหม่ มีพันธุ์ม้าต่างประเทศเข้ามามาก ร.6 สร้างสนามม้านี้เพื่อเป็นการพัฒนาพันธุ์ม้าในประเทศไทยในภาพรวม อันหมายถึง การแข่งขันที่เป็นกีฬา การค้าขายอาหารเพื่อส่งเสริมธุรกิจชุมชน การพักผ่อน และธุรกิจกีฬา เมื่อวันเวลาผ่านไป บริบทสังคมเปลี่ยนวัตถุประสงค์เหล่านี้ก็เปลี่ยนและลดลง มีการพนันเข้ามาเกี่ยวข้อง มีผู้มีอิทธิพลในการแข่งขัน สามารถกำหนดผลแพ้ชนะได้

ที่สำคัญในการปรับปรุงครั้งนี้คือ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯเห็นว่า การพนันมีผลเสียเกิดขึ้นมากในวงกว้าง และตามมาซึ่งปัญหาอาชญากรรม ยาเสพติด สุดท้ายก็กระทบกับครอบครัว ครอบครัวแตกแยก จึงเป็นที่มาและเหตุผลที่ปรับปรุงครั้งนี้

“ผมมาคิดต่อว่า การขอที่ดินคืนครั้งนี้ก็ขอคืนในขณะที่หมดสัญญาเช่าไปก่อนหน้านี้นานแล้ว ค่าเช่าก็ไม่แพง เพียงเดือนละ 10,000 บาท แต่กลับเอาไปหากินกับการพนันมีเงินหมุนเวียนสัปดาห์ละหลายร้อยล้านบาท ขอสังเกตคือ การที่สัญญาหมดไปนานแล้ว แต่ไม่มีการต่อสัญญา แสดงให้เห็นถึงความไม่ชัดเจนของสิทธิครอบครองที่ดิน ก็มีความเป็นไปได้ในเรื่องการฮุบเอาที่ดินทรัพย์สินไปเป็นของกลุ่มคนได้ในอนาคต เรื่องนี้เคยเกิดมาแล้วในช่วง 2475 และปัจจุบัน ก็ยังมีอีกหลายพื้นที่ ที่ไม่ชัดเจน มีกลุ่มคนเข้าใช้ประโยชน์ที่ดินทรัพย์สินหาประโยชน์เข้าตัวเองอยู่ แค่ปล่อยเช่าช่วงต่อก็ได้กำไรหลายแล้ว ส่วนการทำความชัดเจนนี้ก็เพื่อให้มีเจ้าของที่ดินถูกต้องและเสียภาษีถูกต้องไม่คลุมเครือ”

และแน่นอนว่า เมื่อพระองค์ปรับปรุงสนามม้าครั้งนี้ ก็จะมีข่าวบิดเบือนออกมาทันทีว่า พระองค์จะเอาไปสร้างวัง จนมาถึงวันนี้ความจริงปรากฏแล้วว่าไม่จริงพวกที่บิดเบือนก็ไม่ได้ออกมายอมรับ ที่สำคัญคือ บิดเบือนปล่อยข่าวปลอมเป็นประจำจากคนเดิมๆ แต่ก็ยังมีคนเชื่อ และมีคนเอาไปขยายผลต่อ สร้างความเข้าใจที่ผิดต่อสถาบัน แต่ก็ยังมีคนเชื่อและเชียร์อยู่ คนบิดเบือนเหล่านี้หวังผลทางการเมืองและอำนาจเงินทองเข้ามาสู่ตนเองทั้งนั้น

‘ท่าน’ คือ ซูเปอร์ฮีโร่ของผม

“ผมมีความภาคภูมิใจนะที่เวลาไปต่างประเทศ ผมได้ ยกมือไหว้ แล้วพูดว่า สวัสดีครับ ผมมาจากประเทศไทย พูดภาษาไทย กินอาหารไทย ไปตามร้านอาหารเจอคนไทยเขาทัก จาพนม เขารู้จักเราคือมันไม่ได้ไกลจากเรานะ แต่เราไปอยู่ ณ จุดนั้นเราโชคดี ต้องขอบคุณทุกสิ่งทุกอย่าง ขอบคุณแผ่นดินเกิดที่ทำให้เราได้เกิดมาและได้มีความฝัน ขอบคุณโลกของหนังที่เราชอบ โลกมาร์เชียลอาร์ต (ศิลปะการต่อสู้) ที่เป็นแรงบันดาลใจให้ใครหลาย ๆ คน 

“ขอบคุณพระเจ้าอยู่หัว คิงภูมิพล...ท่านคือซูเปอร์ฮีโร่ของผมที่ทำให้ผมภูมิใจและทำให้ผมไม่ย่อท้อ สู้จนมีทุกวันนี้” 

ถ้อยคำจาก ‘จาพนม ยีรัมย์’ หรือ ‘โทนี่จา’ นักแสดงนำฮอลลีวู้ดจากเรื่อง ‘มอนสเตอร์ฮันเตอร์’ เจ้าของวลีเด็ด “ช้างกูอยู่ไหน”


 ที่มา : https://mgronline.com/entertainment/detail/9630000130079

ปรัชญาที่คนไทยควรรู้

จากผู้ใช้เฟซบุ๊ก Apisit Busayarasamee โดย พลตรี อภิสิทธิ์ บุศยารัศมี ได้โพสต์เรื่องราวที่เคยเขียนไว้เมื่อ 6 ปีก่อนเกี่ยวกับความทรงจำต่อในหลวงรัชกาลที่ 9 ความว่า...

เรื่องราวเมื่อ 6 ปีก่อน ที่ผมเขียนไว้

เมื่อ 2 ปีก่อน วันที่ 5 ธันวาคม 2557

ลูกสาวผมถามว่า “พ่อเคยเห็นในหลวงไหม?”

“เคย” ผมตอบลูกสาว

“เป็นโชคดีของพ่อ พ่อเคยเห็นในหลวงจริงๆ 4 ครั้ง ครั้งแรก ตอนพ่อเป็นนักเรียนนายร้อยปี 1 ปีนั้นเป็นปีครบรอบ 101 ปีโรงเรียนนายร้อย จปร. นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณเพราะ ในปีที่โรงเรียนนายร้อย จปร.ครบ 100 ปีพระองค์ก็เสด็จมาแล้ว”

“ครั้งที่สองตอนสวนสนามราชวัลลภ ที่พ่อเป็นนักเรียนนายร้อยปี 2 ที่ลานพระรูปทรงม้า”

“ครั้งที่สามนี่เป็นครั้งสำคัญในชีวิตพ่อ คือพ่อได้รับพระราชทานกระบี่และปริญญาบัตรจากพระองค์ เมื่อปี2536 ครั้งนั้นคุณย่าก็ได้มีโอกาสเข้าเฝ้าด้วย”

“ทำไมพ่อต้องรับกระบี่ด้วย” ลูกสาวผมถาม “แล้วกระบี่นี่แทงคนได้ไหม?”

“กระบี่เป็นเครื่องประกอบเครื่องแต่งกายของนายทหารสัญญาบัตร ไม่ใช่เอาไว้ต่อสู้จริง” ผมเล่าต่อ “การรับพระราชทานกระบี่หมายถึงการที่พระเจ้าแผ่นดินมอบความไว้วางพระราชหฤทัยให้ถืออาวุธเพื่อปกป้องบ้านเมือง”

“ครั้งที่ 4 ก็เมื่อปี 2545 ตอนนั้นหนูยังอยู่ในท้องแม่เลย พระองค์เสด็จมาพระราชทานเข็มเครื่องหมายเสนาธิปัตย์ ที่เป็นเครื่องหมายสำคัญของนายทหาร ว่าจะรับใช้ราชวงศ์ด้วยความซื่อสัตย์จงรักภักดี”

ผมเล่าจบก็นึกถึงเรื่องของทฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียง

ผมได้ฟังอาจารย์ท่านหนึ่งเล่าว่า “เศรษฐกิจพอเพียงไม่ได้หมายถึงการเกษตร ปลูกข้าว เลี้ยงไก่ เลี้ยงหมู หรือมีชีวิตอยู่แบบยากจน แบบที่พวกเราเห็นกัน”

“แต่เศรษฐกิจพอเพียง นำไปใช้ได้ในทุกวงการ ในปี 2540 ที่พระองค์พระราชทานแนวพระราชดำรินั้นเป็นปีที่ประเทศประสบปัญหาวิกฤติ”

“แนวนั้นคือการไม่ทำตามกระแสทุนนิยมหลัก คือเงินซื้อได้ทุกสิ่ง

แต่เป็นการพอประมาณ คือไม่มากไม่น้อยไป เช่น การแต่งตัวของเราให้เหมาะกับกาลเทศะ สมฐานะ ไม่ใช่ตระหนี่

ให้มีเหตุผล มีความเป็นวิทยาศาสตร์ ไม่ใช่เห็นกล้วยออกเครือยาวๆ ก็ไปผูกผ้าสามสี และกราบไหว้ ขอหวย

และมีภูมิคุ้มกันคือไม่ประมาท เผื่ออนาคต เช่นการมีเพื่อน มีหัวหน้า เป็นต้น

ทุกอย่างอยู่ภายใต้การมีความรู้ ความรู้คือการเรียนแล้วนำไปประยุกต์ใช้ ไม่ใช่ปริญญาที่บ่งบอกการมีความรู้

และมีคุณธรรมคือเชื่อว่าทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว”

ทั้งหมดนี้คือปรัชญาที่คนไทยทุกคนควรรู้และนำไปใช้....นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ที่มีต่อพสกนิกร....

‘ทั่วถิ่นทุรกันดาร’

พ่อเดินนำหน้า 
ลูกชายเดินตามหลังพ่อ 
ลูกสาวเดินตามพี่ชายและพ่อ 

ทั้ง 3 พระองค์ทรงไปในถิ่นทุรกันดารที่ไม่เคยมีนักการเมืองคนไหนเดินไปถึง 

ขอน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ อันหาที่สุดมิได้


ที่มา: เอ็ดดี้ อัษฎางค์ ยมนาค

'คปภ. ปลุกพลังนักบิด' จัดโครงการเชิงรุก!! นำร่องส่งเสริมการทำประกันภัย พรบ.

วันที่ 12 ตุลาคม 2565 เวลา 10.00 น. ที่บริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาขน) นิคมอุตสาหกรรมบางปู โรงงาน 5 ต.แพกษา อ.เมือง จ.สมุทรปราการ โดย คณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (สำนักงาน คปภ.) จับมือ คนสมุทรปราการ เพื่อรณรงค์ปลุกพลังนักบิดเพื่อทำประกันภัย พ.ร.บ. โดย ตั้งเป้านำร่องให้นิคมอุตสาหกรรมบางปู และ นักบิดในจังหวัดสมุทรปราการ เข้าสู่การทำประกันภัย พ.ร.บ. 100% 

โดยมี นายชัยยุทธ มังศรี รองเลขาธิการด้านกฎหมาย คดี และคุ้มครองสิทธิประโยชน์ สำนักงาน คปภ. ได้รับมอบหมายจาก ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (เลขาธิการ คปภ.) เป็นประธานในพิธี พร้อมทั้งกล่าวเปิดงานในครั้งนี้  มีนายภูธนะ ชมภูมิ่ง หัวหน้าสำนักงานจังหวัดสมุทรปราการ กล่าวถึงนโยบายในการดำเนินงานเพื่อสอดรับการดำเนินงานโครงการ และมี นางสาวสิริพักตร์ สุวรรณทัต ผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโส ฝ่ายสำนักนายทะเบียนคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ กล่าวรายงาน และวัตถุประสงค์ของการจัดงาน 

โดยมี นายวิชัย ศักดิ์สุริยา รองประธานฝ่ายบริหาร บริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาขน) กล่าวให้การต้อนรับ พร้อมด้วย นายสัญญา จันทร์โท ผู้ช่วยผู้อำนวยการ นิคมอุตสาหกรรมบางปู นายพชร ศศิชาชยามร หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสมุทรปราการ พ.ต.ท. เกียรติวิรุฬห์ จันทร์ดี รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.บางปู นายเกษม สังข์ภิรมย์ ผู้อำนวยการฝ่ายรับประกันภัยและการตลาด บริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด นายเกียรติศักดิ์ สุวรรณพิมล ผู้จัดการภาคกลาง (พระนครศรีอยุธยา) บริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถจำกัด ตลอดจนแขกผู้มีเกียรติ ตัวแทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาสาสมัครประกันภัย และพนักงาน บริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาขน) เข้าร่วมในโครงการครั้งนี้

เนื่องด้วย ทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (สำนักงาน คปภ.) ในฐานะหน่วยงานที่กำกับดูแลและส่งเสริมธุรกิจประกันภัย รวมถึงคุ้มครองและส่งเสริมให้ประชาชนได้รับสิทธิประโยชน์ครบถ้วนจากการประกันภัย โดยฝ่ายสำนักนายทะเบียนคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ ซึ่งเป็นหน่วยงานหนึ่งของสำนักงาน คปภ. มีหน้าที่ในการขับเคลื่อนประกันภัย พ.ร.บ. ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ซึ่งเป็นประกันภัยรถภาคบังคับที่จะช่วยเหลือให้ประชาชนทุกคนได้รับความคุ้มครองความเสียหายต่อชีวิต ร่างกาย หรืออนามัย อันเนื่องมากจากเหตุประสบภัยจากรถ และที่ให้ความคุ้มครองประชาชนที่ประสบอุบัติเหตุจากรถให้ได้รับการชดเชยค่าเสียหายในเบื้องต้นเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนและลดภาระค่าใช้จ่ายที่เกิดจากเหตุประสบภัยจากรถ โดยกฎหมายได้กำหนดให้รถทุกคันต้องทำประกันภัยรถภาคบังคับ (ประกันภัย พ.ร.บ.) กับบริษัทประกันภัยเพื่อว่าเมื่อเกิดอุบัติเหตุจากรถ ผู้ประสบภัยจากรถทุกคนจะได้รับความคุ้มครองจากบริษัทประกันภัยอย่างทันท่วงที 

แห่บุญกฐิน!! พุทธศาสนิกชนจำนวนมาก ร่วมทอดกฐินสามัคคี ถวายวัดบางพลีใหญ่กลาง 

ที่ศาลาการเปรียญ วัดบางพลีใหญ่กลาง ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ วัดบางพลีใหญ่กลาง ร่วมกับ ครอบครัวฟักศิริ ครอบครัวคล้ายนิยมและพุทธศาสนิกชน ร่วมจัดพิธีทอดผ้ากฐินสามัคคีประจำปี 2565 โดย ได้รับความเมตตาจากท่าน พระครูปลัดสุวัฒนศีลคุณ (พระครูแจ้) เจ้าอาวาสวัดบางพลีใหญ่กลาง เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ 

โดยมี คุณพ่อสมาน คุณแม่นิล ฟักศิริ เป็นประธานฝ่ายอุปถัมภ์ พร้อมด้วย นายสมศักดิ์ แก้วเสนา นายอำเภอบางพลี เป็นประธานฝ่ายฆราวาส ตลอดจนครอบครัวคล้ายนิยม คหบดี ผู้ใจบุญตัวแทนสถานประกอบการ บริษัท ห้างร้าน คณะกรรมการ ไวยาวัจกรวัดบางพลีใหญ่กลาง หน่วยงานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอำเภอบางพลี คณะครู นักเรียนโรงเรียนวัดบางพลีใหญ่กลาง คณะศิษยานุศิษย์ และพุทธศาสนิกชนจำนวนมาก รวมทั้ง พี่น้องประชาชนชาวอำเภอบางพลี ร่วมกันถวายผ้ากฐิน ประจำปี 2565

ผบ.ตร. แถลง จับยาบ้ากว่า 12 ล้านเม็ด คีตามีน 50 กก. ยึดทรัพย์ตัดรากถอนโคนขบวนการค้ายาเสพติด 

วันนี้ (12 ต.ค.65) เวลา 14.00 น. ที่ กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด(บช.ปส.) พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.อ.ชินภัทร สารสิน รอง ผบ.ตร./ผอ.ศอ.ปส.ตร., พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ศอ.ปส.ตร., พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ปส. พล.ต.ต.พลัฏฐ์ วิเศษสิงห์ ผบก.สกส. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สกส. ร่วมแถลงข่าวการจับกุมขบวนการค้ายาเสพติดรายใหญ่ 2 คดี พร้อมยาเสพติดของกลางยาบ้า 11,684,000 เม็ด คีตามีน 50 กิโลกรัม, ไอซ์ 2 กิโลกรัม และตรวจยึดทรัพย์สิน มูลค่าประมาณ 1.5 ล้านบาท

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ ฯ เปิดเผยว่า คดีแรก จับกุมนายตนุภัทร อนันต์สิริพิทักษ์ กับ นายสืบศักดิ์ แซ่กือ กลุ่มชาติพันธุ์ม้ง ได้บริเวณริมถนนสาย สิงห์บุรี-ลพบุรี (ทล.311) ขณะกำลังขับรถพยายามหลบหนีด่านตรวจ เพื่อลำเลียงยาเสพติดไปส่งให้กับลูกค้าในจังหวัดสระบุรี ตรวจสอบภายในรถพบ กระสอบจำนวน 33 ใบ ด้านในบรรจุยาบ้า จำนวน 6,500,000 เม็ด ห่อหุ้มด้วยกระดาษสาสีขาว จำนวน 3,250 มัด, กระเป๋า 2 ใบ ด้านในบรรจุเคตามีน น้ำหนัก 50 กก. บรรจุอยู่ในห่อขาสีเขียว จำนวน 50 ห่อ 

นอกจากนี้ยังยึดโทรศัพท์มือถือได้ 3 เครื่อง, เงินสด 51,000 บาท พร้อมรถของกลางที่ร่วมขบวนการ รวม 3 คัน ส่วนผู้ขับขี่รถอีก 2 คันหลบหนีอยู่ระหว่างติดตามตัวมาดำเนินคดี

สอบถาม 2 ผู้ต้องหา รับว่าตนมีอาชีพ “วิ่งผัก” แต่ได้มาร่วมกับ นายเกียรติพันธ์ แซ่ซ้ง ผู้ต้องหาที่หลบหนี รับจ้างลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ภาคเหนือตอนบน เพื่อส่งมอบให้กับลูกค้าในพื้นที่พระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี ได้ค่าจ้าง 2 แสนบาท 

เบื้องต้นแจ้ง 2 ข้อหา “ร่วมกันกับพวกที่หลบหนี จำหน่ายโดยการมีไว้เพื่อจำหน่ายซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า) ฯ และร่วมกันกับพวกที่หลบหนี จำหน่ายโดยการมีไว้เพื่อจำหน่ายซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ประเภท ๒ (คีตามีน) โดยไม่ได้รับอนุญาต”

ทั้งนี้ นายเกียรติพันธ์ ฯ ยังพบว่ามีหมายจับของศาลจังหวัดแม่สอด หมายจับที่ 21/2557 ลง 21 ส.ค.57 ในข้อหา “ฆ่าบุพการี” ด้วย 

อีกคดี ตำรวจ ปส. นำกำลังเข้าจับกุมนายเล่ง แซ่ม้า ได้ที่บริเวณป่าละเมาะ ริมถนน ทล.12 (ตาก-สุโขทัย) ต.ริมน้ำ อ.เมือง จ.ตาก หลังขับรถบรรทุกฝ่าการเรียกตรวจค้นของตำรวจ ปส. เพื่อลำเลียงยาเสพติด จากพื้นที่ อ.เทิง จ.เชียงราย นำไปส่งให้กับลูกค้าในพื้นที่ภาคกลาง ตรวจสอบภายในรถพบ ยาบ้า จำนวน 5,184,000 เม็ด ห่อหุ้มด้วยกระดาษสาสีขาว (ประดับตรา 999) จำนวน 2,592 มัด, ยาไอซ์ 2 กก. บรรจุอยู่ในห่อชาสีเขียวจำนวน 2 ห่อ พร้อมยึดรถบรรทุกที่ร่วมขบวนการ จำนวน 2 คัน โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง เงินสดอีก 8,000 บาท แจ้งข้อหา “ร่วมกันกับพวกที่หลบหนี จำหน่ายโดยการมีไว้เพื่อจำหน่ายซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า) 

ก.แรงงาน ทำบุญตักบาตรถวายพระราชกุศล วันคล้ายวันสวรรคตพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร 13 ตุลาคม 2565 

วันที่ 12 ตุลาคม 2565 เวลา 08.00 น. นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มอบหมายให้ นายสุรชัย ชัยตระกูลทอง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงแรงงาน เป็นประธานในพิธีทำบุญตักบาตรถวายพระราชกุศล เนื่องในวันคล้ายวันสวรรคตพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร 13 ตุลาคม 2565 เพื่อแสดงออกถึงความจงรักภักดี น้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ ที่พระองค์ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจนานัปการ ในการบำบัดทุกข์บำรุงสุขเพื่อให้ประชาชนของพระองค์มีความอยู่ดีกินดี มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น โดยมี นางธิวัลรัตน์ อังกินันทน์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นายสุเทพ ชิตยวงษ์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน พล.ต.ต.นันทชาติ ศุภมงคล นายสุทธิ สุโกศล ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่ประจำกระทรวงแรงงาน นางเธียรรัตน์ นะวะมะวัฒน์ โฆษกกระทรวงแรงงาน (ฝ่ายการเมือง) พร้อมด้วย ผู้บริหารระดับสูง ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่กระทรวงแรงงาน เข้าร่วมด้วย ณ บริเวณโถงชั้นล่าง อาคารกระทรวงแรงงาน

‘อลงกรณ์’ ลุยพัฒนาเกษตรฯยั่งยืนระดับตำบล นำร่องเพชรบุรีจังหวัดแรก ก่อนขยายไปทั่วปท.

'อลงกรณ์' เร่งวางรากฐานการพัฒนาเกษตรกรรม ยกระดับสู่ความยั่งยืน 7,255 ตำบลทั่วประเทศ ลุยเดินหน้าผนึกพลังชุมชนนำร่องเพชรบุรีโมเดลร่วมกับหน่วยราชการศูนย์ AIC และ ภาคเอกชน

นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีเกษตรและสหกรณ์ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนเกษตรกรรมยั่งยืนแห่งชาติเปิดเผยวันนี้ภายหลังเป็นประธานการประชุมเพื่อสร้างการรับรู้นโยบายและแนวทางการขับเคลื่อนคณะกรรมการพัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืนระดับตำบลในจังหวัดเพชรบุรีภายใต้เพชรบุรีโมเดลเป็นจังหวัดแรก ที่ห้องประชุมองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านหม้อและที่ห้องประชุมองค์การบริหารส่วนตำบลหนองโสน อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบุรี โดยมีคณะกรรมการพัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืนระดับตำบล ตัวแทนส่วนราชการสังกัดกระทรวงเกษตร กลุ่มอาสาสมัครเกษตร กลุ่มเกษตรแปลงใหญ่ เกษตรกรรุ่นใหม่ (Young smart farmer) ศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร (ศพก.) วิสาหกิจชุมชน กลุ่มแม่บ้านเกษตร ปราชญ์เกษตร กลุ่มผู้ใช้น้ำ ผู้แทนศูนย์เทคโนโลยีเกษตรและนวัตกรรมหรือศูนย์ AIC เพชรบุรี ผู้แทนคณะทำงานเพชรบุรีโมเดล ผู้แทนคณะกรรมการพัฒนาแบรนด์เพชรบุรี คณะทำงานที่ปรึกษารัฐมนตรีเกษตรและสหกรณ์ และผู้นำชุมชนในตำบลบ้านหม้อ ต้นมะม่วง ตำบลหนองโสน ตำบลธงชัย และตำบลบ้านกุ่ม เข้าร่วมประชุม

นายอลงกรณ์ กล่าวถึงวัตถุประสงค์ในการประชุมว่าต้องการที่จะให้แต่ละตำบลได้มีการพัฒนาระบบเกษตรกรรมในแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนพร้อมกันทั่วประเทศ 7,255 ตำบล ขณะนี้มีการแต่งตั้งเสร็จแล้ว ซึ่งเป็นความร่วมมืออย่างใกล้ชิดระหว่างกระทรวงเกษตร กระทรวงมหาดไทยและทุกภาคีภาคส่วนโดยหวังว่าการพัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืนจะสร้างอาชีพสร้างรายได้เพิ่มให้กับเกษตรกรและชุมชน เป็นเครื่องมือในการแก้ปัญหาหนี้สินและความยากจน โดยมีการส่งเสริมทั้ง3สาขาเกษตรคือพืช ประมงและปศุสัตว์ตามศักยภาพและอัตลักษณ์ของแต่ละตำบลเป็นการปักหลักวางหมุดหมายการพัฒนาแบบยั่งยืนลงไปถึงระดับชุมชนหมู่บ้าน ภายใต้ 5 ยุทธศาสตร์ของ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีเกษตรฯ ได้แก่ ตลาดนำการผลิต เทคโนโลยีเกษตร 4.0 เกษตรปลอดภัย เกษตรยั่งยืน เกษตรมั่นคง การบูรณาการทำงานเชิงรุกทุกภาคส่วน และเกษตรกรรมยั่งยืนตามแนวทางศาสตร์พระราชาเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงในระดับพื้นที่ซึ่งจะเป็นกลไกการพัฒนาหมู่บ้านตำบลแบบบูรณาการทุกภาคส่วน เชื่อว่ากลไกใหม่ที่วางไว้ทุกตำบลทั่วทั้งประเทศ จะเป็นเสาเข็มใหม่ 7,255 ต้นที่จะเป็นฐานที่แข็งแกร่งให้กับชุมชนและประเทศ

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จัดพิธีบำเพ็ญกุศลถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในวันคล้ายวันสวรรคต พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศรฯ เพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ

เนื่องในวันคล้ายวันสวรรคต พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 ในวันพฤหัสบดี ที่ 13 ต.ค. 65 เพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ สำหรับในปี 2565 หน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และพสกนิกรชาวไทย ร่วมกันจัดพิธีบำเพ็ญกุศลถวายเป็นพระราชกุศลพร้อมกันทั่วประเทศ

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กำหนดให้มีการจัดพิธีบำเพ็ญกุศลถวายเป็นพระราชกุศล และพิธีวางพวงมาลา เนื่องในโอกาสวันครบรอบวันสวรรคตพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพล อดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 ในวันพุธ ที่ 12 ต.ค. 65 ทั้งนี้ตั้งแต่เวลา 07.00 น. เป็นต้นไป ณ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์  กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้มอบหมายให้ พล.ต.อ.วิสนุ  ปราสาททองโอสถ จเรตำรวจแห่งชาติ เป็นประธานในพิธีฯ พร้อมด้วยคณะผู้บังคับบัญชาระดับสูงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และข้าราชการตำรวจเข้าร่วมพิธี 

โดยมีกำหนดการ ดังนี้

• เวลา 07.00 น. พิธีบำเพ็ญกุศลทักษิณานุปทาน อุทิศถวายเป็นพระราชกุศล 
ณ ห้องสารสิน ชั้น 2 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
• เวลา 08.45 น. พิธีตักบาตรพระสงฆ์ จำนวน 89 รูป อุทิศถวายเป็นพระราชกุศล
ณ ห้องศรียานนท์ ชั้น 2 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
• เวลา 09.15 น. พิธีวางพวงมาลา ณ ห้องโถง ชั้น 1 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top