Monday, 23 June 2025
NEWS FEED

ผู้ช่วย ผบ.ตร. เร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ พร้อมสร้างเครือข่ายการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน เผยผลการปฏิบัติในปีงบประมาณ พ.ศ.2565 เร่งรัดแก้ไขปัญหาให้ประชาชนเสร็จสิ้นแล้ว 14,470 เรื่อง

พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร. เปิดเผยว่า ตามยุทธศาสตร์ชาติ และนโยบายขับเคลื่อนไทยไปด้วยกัน (Stronger Together) ของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรี ว่าการกระทรวงกลาโหม และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่มุ่งการบูรณาการความร่วมมือ ของส่วนราชการ ภาคเอกชน และประชาชนทุกภาคส่วน รวมพลังกันเพื่อทำนุบำรุงสถาบันหลักของชาติ ได้แก่ ชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ตอบสนองความต้องการและแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในทุกมิติ 

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ภายใต้การนำของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. รับผิดชอบงานป้องกันปราบปรามอาชญากรรม ได้นำนโยบายรัฐบาลมาสู่การปฏิบัติ โดยดำเนินโครงการ “สร้างเครือข่ายการมีส่วนร่วมของประชาชนในการป้องกันอาชญากรรมระดับตำบล เพื่อสนับสนุนการป้องกันอาชญากรรม ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตามนโยบายขับเคลื่อนไทยไปด้วยกัน (Stronger Together)” โดยมีเป้าหมาย “เพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการเสนอและแก้ไขปัญหาชุมชน สังคมมีความสงบเรียบร้อย ประชาชนมีอาชีพ มีรายได้ ส่งเสริมวัฒนธรรมและการท่องเที่ยว เพื่อความผาสุกของประชาชนอย่างยั่งยืน” โดยมอบหมายให้พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร. ขับเคลื่อนโครงการ โดยในปัจจุบันมีเครือข่ายประชาชนแล้ว จำนวนทั้งสิ้น 371,063 คน   

พล.ต.ท.ประจวบฯ กล่าวว่า ผลการปฏิบัติในปีงบประมาณ พ.ศ.2565 ตั้งแต่เริ่มดำเนินการโครงการ ตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค.65 ถึง 30 ก.ย.65 ได้รับรายงานปัญหาที่ประชาชนเดือนร้อน จำนวน 14,616 เรื่อง และได้ติดตามขับเคลื่อนและเร่งรัดให้หน่วยดำเนินการแก้ไขปัญหาเสร็จสิ้นแล้ว 14,470 เรื่อง ได้แก่ 

1.ปัญหาด้านสังคม เช่น ยาเสพติด การแข่งรถในทาง การลักลอบเข้าเมือง กลุ่มผู้มีอิทธิพล แหล่งอบายมุขและสถานบริการ หนี้นอกระบบ อาวุธปืน อาชญากรรมที่เกี่ยวกับทรัพย์และเทคโนโลยี ฯลฯ จำนวน 10,818 เรื่อง 

2.ปัญหาด้านเศรษฐกิจ เช่น ราคาพืชผลทางการเกษตรตกต่ำ ค่าครองชีพสูง การว่างงาน ความยากจนปัญหาหนี้สิน การขาดแคลนที่ทำกิน ฯลฯ จำนวน 529 เรื่อง 

3.ปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม เช่น การขาดแคลนแหล่งน้ำ มลภาวะทางอากาศ ฝุ่นควันโรงงานอุตสาหกรรม แหล่งเสื่อมโทรมในชุมชน ภัยแล้งและอุทกภัย ฯลฯ จำนวน 2,161 เรื่อง 

4.ปัญหาด้านความขัดแย้ง เช่น ความเห็นต่างทางการเมือง ศาสนาและเชื้อชาติ ข้อพิพาทเรื่องที่ดินทำกินทับซ้อน การสร้างความเดือดร้อนรำคาญในรูปแบบต่าง ๆ ฯลฯ จำนวน 962 เรื่อง และมีปัญหาที่อยู่ระหว่างหน่วยดำเนินการแก้ไข โดยได้สั่งการเร่งรัดและคาดว่าจะสามารถแก้ไขได้ จำนวน 146 เรื่อง ได้แก่ ปัญหาด้านสังคม 97 เรื่อง ปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม 30 เรื่อง ปัญหาด้านเศรษฐกิจ 17 เรื่อง และปัญหาด้านความขัดแย้ง 2 เรื่อง ตามลำดับ

โดยสามารถจำแนกผลการดำเนินการของหน่วยที่สามารถแก้ไขปัญหาได้ ดังนี้ บช.น. จำนวน 1,218 เรื่อง (100%), ภ.1 จำนวน 1,230 เรื่อง (99.43%), ภ.2 จำนวน 1,179 เรื่อง (100%), ภ.3 จำนวน 1,826 เรื่อง (98.33%), ภ.4 จำนวน 3,184 เรื่อง (99.41%), ภ.5 จำนวน 1,441 เรื่อง (99.65%), ภ.6 จำนวน 1,662 เรื่อง (99.94%), ภ.7 จำนวน 767 เรื่อง (99.22%), ภ.8 จำนวน 1,035 เรื่อง (98.76%) และ ภ.9 จำนวน 928 เรื่อง (93.55%) รวมทุกหน่วยสามารถแก้ไขปัญหาได้ 14,470 เรื่อง (99%)

สาวไทย มึน!! โดนโขกค่าชุดตักบาตรกว่า 600 บาท หลังเจอมนุษย์ป้าสปป.ลาวสวมรอยแทนของรร.

สาวนักท่องเที่ยวชาวไทย โพสต์เตือนภัยตักบาตรที่หลวงพระบาง สปป.ลาว หลังเจอมนุษย์ป้าสวมรอยวางชุดตักบาตรแทนของโรงแรม ตักบาตรเสร็จโดนโขกเงินไปกว่า 600 บาท

กำลังเป็นประเด็นร้อนในโซเชียล เมื่อนักท่องเที่ยวไทยเดินทางไปเที่ยวที่ สปป. ลาว และตั้งใจจะตักบาตรข้าวเหนียวที่หลวงพระบาง จึงให้ทางที่พักช่วยเตรียมของไว้ให้ ก่อนจะโดนมนุษย์ป้ามาสวมรอยวางชุดตักบาตรให้หน้าที่พัก สุดท้ายเหมือนโดนปล้นหมดเงินกับค่าชุดตักบาตร 2 ชุดไปกว่า 600 บาทไทย!

เรื่องราวดังกล่าวถูกโพสต์ในเฟซบุ๊กกลุ่ม 'เที่ยวลาว' โดยสมาชิกกลุ่มชื่อบัญชี Phinyada Sirisakorn ที่ได้มาแชร์ประสบการณ์ 'การตักบาตรข้าวเหนียว' ที่หลวงพระบาง สปป.ลาว โดยได้โพสต์เรื่องราวสรุปใจความว่า

เธอได้ไปเที่ยวและพักที่หลวงพระบาง และได้ตกลงให้ทางที่พักเตรียมชุดตักบาตรข้าวเหนียวให้ 1 ชุด เป็นเงิน 60,000 กีบ (ประมาณ 140 บาท) แต่ถึงเวลาตอนเช้าเธอเตรียมจะใส่บาตร และเห็นว่ามีการเตรียมของวางไว้ให้แล้วที่หน้าที่พักแล้ว แต่มีด้วยกัน 2 ชุด เธอจึงไม่ได้คิดอะไรและทำการตักบาตรจนพระหมด

เมื่อเสร็จเรียบร้อยได้มีชาวบ้านเข้ามาเรียกเก็บเงินค่าของตักบาตรทั้งข้าวเหนียว ข้าวหลาม ขนมห่อ ๆ รวมแล้วเกือบ 300,000 กีบ ซึ่งตีเป็นเงินไทยได้ถึง 600 บาทเลยทีเดียว!

โดยเธอได้ออกมาแชร์ประสบการณ์เตือนภัยพร้อมกับบอกว่าทางพนักงานโรงแรมรู้สึกเสียใจที่เกิดเหตุการณ์ขึ้น และได้บอกว่าชาวบ้านมาสวมรอยวางของเช่นนี้ทำให้เสียชื่อที่พักเช่นกัน และพนักงานจะพาเธอไปแจ้งความไว้ แต่ตัวเธอไม่ติดใจและคิดว่าเป็นการทำบุญไปแทน

สำหรับข้อความจากโพสต์ต้นทาง ระบุว่า 

ขออนุญาตเตือนภัยได้ไหม??
ในฐานะนักท่องเที่ยวคนหนึ่ง

ขอตั้งชื่อเรื่องว่า “การตักบาตรที่แสนเจ็บปวด” 😭
เป็นทริปเที่ยว สปป ลาว ของครอบครัวเราครั้งแรก

เริ่มจากเรามาจากเวียงจันทร์ วังเวียง
ละมาจบด้วยหลวงหลวงพระบาง

ตลอดทั้งทริปเจอผู้คนน่ารัก ช่วยเหลือแนะนำทุกอย่าง
อาจมีบางคน ที่เกินไปบ้าง แต่ในราคาที่เราพอรับได้
ก็ปล่อยผ่าน ไม่ได้อะไร…

เรื่องบันเทิงได้เริ่มขึ้น เมื่อวานเราเข้าพัก ที่หลวงพระบาง
ที่พักของเราสามารถเดินลงมาตักบาตรข้าวเหนียวตอนเช้าได้เลย
เราได้ถามน้องพนักงานว่า ว่าชุดตักบาตรตักบาตร
ซื้อที่ไหนได้ ตอนเช้ามีขายไหม??
น้องก็แจ้งว่าที่พักมีขายชุดละ 60,000 กีบ
มีข้าวเหนียวและขนม 3 อย่าง
เราก็โอเค รับ 1 ชุด น้องบอกเดี๋ยวเตรียมไว้หน้าโรงแรม
ตี 5.30 น. พี่ลงมาใส่บาตรได้เลย มีพระเดินผ่านตรงนี้

เช้าวันนี้ เราก็ลงมาใส่บาตร
พนักงานโรงแรมไม่มี ณ เวลานั้น ประตูที่พักก็ปิดอยู่
แฟนเราก็เปิดกลอนที่ลอคที่พักไว้!!
เห็นมีชุดใส่บาตรตั้งไว้
เราก็คิดว่า เป็นของที่โรงแรมที่เราสั่งไว้ 1 ชุด
แต่มีตั้งไว้ 2 ชุด แฟนเราก็แบบ คนละชุดก็ได้
ก็คง 120,000 กีบ แหละ แต่มีชาวบ้านหิ้ว โน่นนี่
มาตั้งเราก็บอกไม่เอา เค้าก็ยัดเยียดสุดฤทธิ์ สุดเดช
มีวางไว้ตรงข้างหน้าเราด้วยนะ แต่เราไม่ได้เอาของเค้านะ
เรากับแฟนก็ใส่บาตร จนพระหมด
ในส่วนที่เราคิดว่า รร. เตรียมไว้ให้!!!!

พอพระหมดแล้ว โห!! นึกว่าโดนโจรปล้นนน บ้าบอมาก 😵
เจ๊คนนึง บอกค่าข้าวหลาม 1 ชุด
มีประมาณ 6-7 กระบอก 100,000 กีบ
ป้าอีกคนบอก ค่าข้าวเหนียวห่อ ๆ 200.-
มีไม่ถึง 10 ห่อ 🙄🙄🙄
แฟนเราก็เอออ ควักจ่าย
คิดว่ารวมค่าข้าวเหนียวกระติ๊บ หมดแล้ว!!
ไม่จ้าาา ป้าบอกค่าข้าวเหนียว 3 กระติ๊บ 80,000 กีบ
เราก็บอก เราใส่ไปแค่ 2 นางบอกเอา 60,000 ก็ได้
เหตุการณ์เกิดขึ้น ไวและงงมากกก เออคิดว่าหมดละจริงๆ

กำลังจะเดินขึ้นห้องพัก ป้าอีกคนบอก
ยังไม่จ่ายค่าขนมห่อป้า😵😵😵
มีฟันโอ อยู่ 10 ซอง 2 ถาดได้ ป้าคิด 80,000 กีบ
อ่ะหือ ซื้อบ้านเราอันละ 2.- 20 อัน แค่ 40.- ป้าคิดมา 160
จะบ้าตายรายวันมากกก 😵‍💫🤢🤢
ตักบาตรราคาแพงมว๊ากก 🙄🙄🙄
เจอแบบนี้ คือ หมดอารมณ์เที่ยวต่อ

ศธ.เตรียมเสนอยูเนสโก ยกย่อง 'ในหลวง ร.9' เป็นบุคคลที่ทรงคุณค่าของโลก

น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ เปิดเผยว่า ขณะนี้ตนได้มอบหมายให้กองการต่างประเทศสำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) วางแผนเตรียมการเสนอพระนามพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในหลวงรัชกาลที่ 9 ให้องค์การเพื่อการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือ ยูเนสโก ประกาศยกย่องเป็นบุคคลที่ทรงคุณค่าของโลก เนื่องจากพระองค์ทรงประกอบพระราชกรณียกิจนานัปการด้วยพระปณิธานแน่วแน่ที่จะทำประโยชน์เพื่อประชาชนชาวไทย และสังคมโลก โดยเฉพาะหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงที่เป็นแนวพระราชดำริของพระองค์ท่านและทั่วโลกให้การยอมรับ เพราะในวันที่ 5 ธันวาคม 2570 จะเป็นวาระครบรอบ 100ปี วันประสูติของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ดังนั้นศธ.จึงต้องวางแผนเตรียมข้อมูลด้านต่างๆเอาไว้  

ด้าน ดร.อรรถพล สังขวาสี ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวว่า สำหรับการดำเนินการดังกล่าวสืบเนื่องจากที่ประชุมสมัชชาใหญ่ขององค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือยูเนสโก ที่ประเทศฝรั่งเศสจะพิจารณาบุคคลสำคัญและผู้ทรงคุณค่าจากทุกประเทศทั่วโลกเป็นประจำทุกปี โดยในส่วนของประเทศไทยในปีที่ผ่านมาศธ.ได้เสนอพระนามสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ และพระยาศรีสุนทรโวหาร (น้อย อาจารยางกูร) ให้ที่ประชุมยูเนสโกประกาศยกย่องเป็นบุคคลที่ทรงคุณค่าโลกมาแล้ว ดังนั้น ในแผนงานต่อไปเรามีแนวคิดนำเสนอให้ที่ประชุมใหญ่ของยูเนสโกพิจารณาเช่นเดียวกัน แต่ในระหว่างนี้จึงได้เตรียมจัดทำข้อมูลเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณา เพื่อที่ครม.เสนอเรื่องไปยังสำนักพระราชวัง เพื่อกราบบังคมทูลขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการเสนอพระนามพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เป็นบุคคลผู้ทรงคุณค่าของโลก และจากนั้นจะมีการแต่งตั้งคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องตามขั้นตอนของยูเนสโกต่อไป

ปปง. ออกกฎ 'ต้องยืนยันตัวตน' ก่อนใช้ตู้ CDM ป้องกันการฟอกเงินจากการค้ายา - การพนันผิดกฎหมาย

เมื่อไม่นานมานี้ ธนาคารกรุงไทยได้เผยแพร่เอกสาร ระบุว่าต้องเปลี่ยนแนวทางการให้บริการตู้ฝากเงินสด (CDM) โดยมีการยืนยันตัวตนก่อนฝากเงิน ตามกฎเกณฑ์ของ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ภายใต้โครงการ CDM AMLO 

ผู้ฝากเงินสามารถใช้บัตรเดบิตหรือบัตรเครดิตเพื่อยืนยันตัวตนของธนาคารใดก็ได้ 11 ธนาคาร ได้แก่ ธนาคารกรุงไทย (ยกเว้นบัตร KTC ตามข้อมูลปัจจุบัน) ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ธนาคารทหารไทยธนชาต ธนาคารยูโอบี ธนาคารเกียรตินาคินภัทร ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย ธนาคารออมสิน และธนาคารอาคารสงเคราะห์ โดยผู้ฝากจะไม่เสียค่าบริการยืนยันตัวตน ส่วนค่าธรรมเนียมในการฝากเงินไปยังบัญชีปลายทางต่างธนาคารขึ้นอยู่กับข้อกำหนดของแต่ละธนาคาร

สืบนครบาลบุกช่วย 3 อดีตพยาบาล กับเด็ก 2 คน ก่อนขยายผลรวบตัวสาวสองคนไทยอ้างเป็นเกาหลีสร้างลัทธิล้างสมองสูบเงินเหยื่อแถมอุปโลกน์หนี้ 140 ล้านหลอกใช้เหยื่อหากขัดขืนสาดน้ำร้อนลวก 

สืบเนื่องจาก “ชุดลาดตระเวนออนไลน์” ของ บก.สส.บช.น. ได้รับแจ้งเบาะแสจากผู้เสียหายรายหนึ่ง ผ่านทาง Facebook เพจ “สืบสวนนครบาล IDMB” ว่า ญาติของตนเองซึ่งเป็นผู้หญิง พร้อมบุตรชายและบุตรสาว และเพื่อนอีก 2 คน รวมทั้งหมด 5 คน ถูกบังคับทำงานอยู่ในห้องพัก ภายในคอนโดหรูแห่งหนึ่ง ถ.อรุณอมรินทร์ แขวงบางยี่ขัน เขตบางพลัด กรุงเทพฯ โดยผู้ถูกกักขังได้แอบส่งข้อความมาให้กับชุดลาดตระเวนออนไลน์ สืบนครบาล โดยส่งรูปภาพมีสภาพร่างกาย ถูกโกนผมสั้น และมีบาดแผลถูกน้ำร้อนลวก ซ้ำร้ายยังให้ข้อมูลว่ามิจฉาชีพบังคับให้ตบหน้าบุตรชายและบุตรสาวของตนเอง หลายครั้ง ถ้าไม่ทำจะสาดน้ำร้อนใส่เด็กๆ หลังได้รับแจ้ง พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ บก.สส.บช.น. ลงพื้นที่ตรวจสอบจนทราบถึงสถานที่ที่ถูกกักขัง จึงได้ขออนุมัติศาลอาญาธนบุรี ออกหมายค้นห้องพัก เลขที่ ดังกล่าว ตามหมายค้น ที่ ค.273/2565 ลงวันที่ 16 ต.ค. 65 รายงานให้พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. รับทราบและได้สั่งการให้ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น.  เร่งรัดดำเนินการโดยเร็ว

พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น., พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. พล.ต.ต.จักรภพ สุคนธราช ผบก.น.7 พ.ต.อ.เกียรติศักดิ์ สระทองออย  พ.ต.อ.นิวัฒน์ พึ่งอุทัยศรี พ.ต.อ.สราวุธ คนใหญ่ รอง ผบก.สส.บช.น. , พ.ต.อ.ธนากร อ่อนทองคำ ผกก.สส.4 บก.สส.บช.น., พ.ต.ท.รัฐนันท์ สมวงศ์ รอง ผกก.สส.4 บก.สส.บช.น. , พ.ต.ต.ธนากร จอมเกาะ สว.กก.สส.4 บก.สส.บช.น., ร.ต.อ.อภิชัย ชัชวาลปรีชา, ร.ต.อ.ศิวัช ยังอุ่น รอง สว.กก.สส.4 บก.สส.บช.น. เข้าตรวจค้นห้องพักดังกล่าว

ต่อมาวันที่ 16 ต.ค. 65 เวลา 10.00 น. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ บก.สส.บช.น. เข้าตรวจสอบ ห้องพักเลขที่ 95 ตึก A คอนโดศุภาลัยซิตี้รีสอร์ท พระราม8 ถ.อรุณอมรินทร์ แขวงบางยี่ขัน เขตบางพลัด จ.กรุงเทพฯ ผลการตรวจค้นพบ
1. น.ส.ไพริน (นามสมมุติ) อายุ 46 ปี
2. น.ส.พลอย (นามสมมุติ) อายุ 34 ปี
3. น.ส.ไข่มุก (นามสมมุติ) อายุ 48 ปี
4. ด.ญ.ยา (นามสมมุติ) อายุ 10 ปี บุตรของ น.ส.ไพริน
5. ด.ช.เช่ (นามสมมุติ) อายุ 6 ปี บุตรของ น.ส.ไพริน

โดยสภาพทั้ง 5 คน อยู่ด้วยกันภายในห้องอย่างแออัด และจากการตรวจสอบสภาพร่างกายเบื้องต้นพบว่า น.ส.ไพริน มีบาดแผลการถูกน้ำร้อนลวกทั่วบริเวณไหล่ซ้าย, น.ส.ไข่มุก มีบาดแผลการถูกน้ำร้อนลวกทั่วบริเวณหน้าอก, ด.ญ.ยา มีบาดแผลฟกช้ำบริเวณเบ้าตา และ ด.ช.เช่ มีบาดแผลฟกช้ำบริเวณเบ้าตาและลูกตามีรอยแดง ซึ่งเมื่อสอบถาม น.ส.ไพริน, น.ส.พลอย และ น.ส.ไข่มุก มีอาการหวาดกลัว เสมือนคนเกิดภาวะผิดปกติทางจิต และได้ให้ข้อมูลว่าได้ถูกบังคับให้ทำงานหาเงินใช้หนี้ให้กับ “นายทุน” โดยมีลูกน้อง 1 คน เป็นคนคอยมาควบคุม ซึ่งทั้งนายทุนและลูกน้องคนดังกล่าวพักอยู่ภายในตึกเดียวกัน ต่อเนื่องในวันเดียวกัน เจ้าหน้าที่ บก.สส.บช.น. จึงได้นำกำลังเข้าตรวจค้น ห้อง 192 ชั้น 10 ตึก A คอนโดศุภาลัยซิตี้รีสอร์ท พระราม8 ถ.อรุณอมรินทร์ แขวงบางยี่ขัน เขตบางพลัด จ.กรุงเทพฯ ผลการตรวจค้นพบ นายตรีเพชรรัตน ณพชร หรือ เพชร หรือ พีท อายุ 20 ปี อยู่บ้านเลขที่ 24 ซ.รามอินทรา 58 แยก 3-2 แขวงรามอินทรา เขตคันนายาว จ.กรุงเทพ อยู่ภายในห้องพัก โดย นายตรีเพชรรัตนฯ ยอมรับว่าเป็นผู้ลงมือทำร้าย น.ส.ไพริน และเป็นคนสั่งให้ น.ส.ไพริน ตบหน้า ด.ญ.ยา และ ด.ช.เช่ เป็นจำนวนหลายครั้ง เพราะ น.ส.ไพริน หาเงินให้นายทุนไม่ได้

จากสภาพความเป็นอยู่และสภาพจิตใจของ น.ส.ไพริน , น.ส.พลอย , น.ส.ไข่มุก , ด.ญ.ยา และ ด.ช.เช มีความผิดปกติ ประกอบกับเรื่องราวที่สลับซับซ้อนที่เกิดขึ้นภายในคอนโดดังกล่าว พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. , พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. จึงได้เดินทางมาซักถามปากคำโดยละเอียดด้วยตนเองทีละคนเกี่ยวกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมด และสืบสวนขยายผล ทำให้ทราบข้อเท็จจริงที่ “สุดพิสดาร” โดย น.ส.ไพริน , น.ส.พลอย และ น.ส.ไข่มุก ซึ่งเป็นอดีตพยาบาลในโรงพยาบาลชื่อดังแห่งหนึ่ง แต่กลับต้องลาออกและมาทำธุรกิจร่วมกับ นายทุนผู้คลั่งลัทธิคนนี้ โดยนายทุนผู้นี้จะใช้อุบายหลอกลวงทั้ง 3 โดยแรกเริ่มจะทำทีร่วมธุรกิจด้วยกันแต่จะให้รวมเงินไว้ที่ตนเองและเมื่อเริ่มขับเคลื่อนธุรกิจ นายทุนผู้นี้จะใช้ทุนดำเนินการต่างๆโดยที่ทั้ง 3 ไม่ทราบแต่อย่างใด และจะใช้ “ความกลัว” เข้ากดขี่ เช่น หลอกว่างานไม่สำเร็จมีค่าปรับ , ลูกค้าเรียกเงินคืน , ฝากบุตรเข้าโรงเรียนดัง ฯลฯ จากนั้นนายทุนผู้นี้ก็จะอุปโลกน์ “หนี้” ยัดเยียดให้กับทั้ง 3 และใช้การหลอกว่ารู้จักกับตำรวจ จะดำเนินคดีกับทั้ง 3 คน ทำให้เกิดความกลัวและยอมตกเป็นเบี้ยล่างทำงานใช้หนี้ทิพย์นี้เรื่อยมากว่า 3 ปี โดยล่าสุดทั้ง 3 เข้าใจว่าตนเองตกเป็นหนี้นายทุนผู้นี้ถึง จำนวน 140 ล้านบาท ทั้งที่แท้จริงทั้ง 3 ได้ถูกนายทุนผู้เสียหลอกลวงทรัพย์สิ้นไป รวมเป็นความเสียหายไม่ต่ำกว่า 5,000,000 บาท

ผบ.ตร.มอบโล่ประกาศเกียรติคุณ ออกเยี่ยมตำรวจบาดเจ็บในวันตำรวจ 2565 พร้อมส่งสาร ให้ตำรวจเร่งทำงานเชิงรุก แก้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน 

วันนี้ (17 ต.ค.2565) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.พร้อมด้วย จตช. รอง ผบ.ตร. ผู้ช่วย ผบ.ตร. และข้าราชการตำรวจร่วมงาน “วันตำรวจ ประจำปี 2565” ในช่วงเช้าวันตำรวจ ผบ.ตร. นำข้าราชการตำรวจ สักการะสิ่งศักดิ์ภายในบริเวณ ตร. ประกอบพิธีสงฆ์บำเพ็ญกุศลทักษิณานุปทานและเจริญพุทธมนต์

ต่อมาเวลา 09.30 น. ผบ.ตร. เป็นประธานพิธีมอบประกาศเกียรติคุณให้แก่ตำรวจหน่วยต่างๆ และตำรวจที่ปฏิบัติงานดีเด่นในสายงานจราจร, ปราบปราม, สืบสวน สอบสวน, ปราบปรามยาเสพติด, โครงการชุมชนยั่งยืนเพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติดแบบครบวงจรตามยุทธศาสตร์ชาติ, ผู้ทำคุณประโยชน์ให้กับ ตร. และ พลเมืองดี ณ ห้องศรียานนท์ จำนวนทั้งสิ้น 191 ราย 

ก่อนเดินทางพร้อมคณะไปเยี่ยมข้าราชการตำรวจที่บาดเจ็บจากการปฏิบัติหน้าที่ ณ โรงพยาบาลตำรวจพร้อมเปิดตัวแอปพลิเคชั่น Police Plus  ซึ่งเป็นแอปฯ ที่ช่วยให้ตำรวจและประชาชนสามารถเข้าถึงการบริการของโรงพยาบาลตำรวจได้อย่างรวดเร็ว สามารถนัดหมาย ตรวจสอบคิว ตรวจรักษาออนไลน์และรับยาทางไปรษณีย์ได้

หลังจากนั้น เวลา 15.00 น. ผบ.ตร. มีกำหนดการเดินทางไปร่วมพิธีสดุดีข้าราชการตำรวจที่เสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ราชการ และพิธีสวนสนามกล่าวคำสัตย์ปฏิญาณตนของข้าราชการตำรวจและนักเรียนนายร้อยตำรวจ ณ โรงเรียนนายร้อยตำรวจ อ.สามพราน จ.นครปฐม

ตร. สั่งปรับหนุ่มแคนาดา เล่นโรลเลอร์สเก็ตบนถนน เจ้าตัวอ้างรู้เท่าไม่ถึงการณ์ สัญญาจะไม่ทำอีก

ตร.ลุมพินี ดำเนินคดีหนุ่มแคนาดาทำหวาดเสียว เล่นโรลเลอร์สเก็ตสุดชิล บนถนนสุขุมวิท หลังคลิปถูกแชร์ว่อนโซเชียล เปรียบเทียบปรับ 1 พันบาท เจ้าตัวอ้างรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ไม่คิดว่าเป็นความผิด รับปากจะไม่ทำอีก

จากกรณีผู้ใช้ TikTok โพสต์คลิปชายชาวต่างชาติที่กำลังเล่นโรลเลอร์สเก็ตส่ายไปมาท่ามกลางถนนที่มีรถสัญจรไปมา อย่างน่าหวดเสียว พร้อมระบุข้อความว่า “ของดีออกฤทธิ์เจอตั้งแต่นานา-อ่อนนุช ทีหลังไม้ขายให้แล้วนะ#ตัวตึงนานา” เผยแพร่เมื่อวันที่ 14 ต.ค.ที่ผ่านมา

วันนี้ (16 ต.ค.) ที่ สน.ลุมพินี พ.ต.อ.นิมิตร นูโพนทอง ผกก.สน.ลุมพินี สั่งการให้ฝ่ายสืบสวนเร่งรัดติดตาม จนทราบว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 14 ต.ค. เวลาประมาณ 15.45 น. จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิด จนสามารถพิสูจน์ตัวชายคนในคลิป ทราบชื่อต่อมาคือ นายจอร์แดน โจเซฟ ไมเวอร์ (Mr.Jordan Joseph Mciver) อายุ 37 ปี สัญชาติแคนาเดียน พักอาศัยอยู่ที่คอนโด ดิแอดเดรส ซอยสมคิด แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ ต่อมาฝ่ายสืบสวน สน.ลุมพินี จึงได้เดินทางไปตรวจสอบและเชิญตัว นายจอร์แดน เข้ามาสอบสวนที่ สน.ลุมพินี

อุตตมเผยการรวมพรรคกับไทยสร้างไทยยังพูดคุยกันเป็นระยะ

อุตตมเผย การรวมพรรคระหว่างสร้างอนาคตไทยกับไทยสร้างไทย ยังมีการพูดคุยกันเป็นระยะ ชี้การร่วมเป็นพันธมิตรระหว่างพรรคการเมือง ถือเป็นเรื่องปกติในภาวะที่การเมืองไม่มีความแน่นอนสูง ยึดหลักหากรวมพรรคต้องส่งผลให้การทำงานเพื่อประชาชนมีประสิทธิภาพมากขึ้น

นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคสร้างอนาคไทย เปิดเผยถึงกระแสข่าวการรวมพรรคว่า การหารือระหว่างพรรคการเมืองเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นได้ โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่การเมืองมีความไม่แน่นอนสูง ที่ผ่านมาพรรคสร้างอนาคตไทยก็มีการพูดคุยกับพรรคการเมืองอื่นด้วย ส่วนที่เป็นข่าวเกี่ยวข้องกับพรรคไทยสร้างไทยนั้น พรรคสร้างอนาคตไทยก็มีการพูดคุยกับพรรคไทยสร้างไทยเป็นระยะๆเช่นกัน ซึ่งนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ประธานพรรคสร้างอนาคตไทย กับคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย ต่างมีความคุ้นเคยรู้จักกันอย่างดี เพราะผ่านเวทีการเมืองมาด้วยกันตั้งแต่อดีต

รมว.ยุติธรรม ร่วมเป็นสักขีพยาน ในพิธีลงนาม MOU ระหว่าง อบจ.สุโขทัย และศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษเขตพื้นที่ 6 กรมสอบสวนคดีพิเศษ

วันที่ 16 ตุลาคม 2565 นายมนู พุกประเสริฐ นายก อบจ.สุโขทัย ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในการปฏิบัติงาน ป้องกัน และปราบปราบการกระทำผิดเกี่ยวกับคดีที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ระหว่าง อบจ.สุโขทัย และศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษเขตพื้นที่ 6 กรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อประสานความร่วมมือในการติดตาม สอดส่อง พร้อมให้ความรู้ในการป้องกันและปราบปรามการกระทำผิดในคดีที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดในพื้นที่ จ.สุโขทัย พร้อมจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการฯ สนับสนุนเครือข่ายการป้องกันปัญหาจากยาเสพติดทุกรูปแบบ โดยมี นายพงษธร อินอำนวย ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษเขตพื้นที่ 6 ร่วมลงนามฯ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top