Friday, 20 June 2025
NEWS FEED

เริ่มแล้ว!งานเกษตรภาคเหนือ ครั้งที่ 10 'นวัตกรรมเกษตรอัจฉริยะ เพื่อเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน'

เริ่มแล้ว งานเกษตรภาคเหนือ ครั้งที่ 10 'นวัตกรรมเกษตรอัจฉริยะเพื่อเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน' ชูนวัตกรรมเกษตรอัจฉริยะ กระตุ้นเศรษฐกิจของจังหวัดเชียงใหม่ ระหว่างวันที่ 1-12 ธันวาคม 2565

เมื่อวันที่1 ธันวาคม 2565 ที่ ศูนย์วิจัย สาธิตและฝึกอบรมการเกษตรแม่เหียะ คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ดร.จรัลธาดา กรรณสูต องคมนตรี ในฐานะประธานกรรมการมูลนิธิโครงการหลวง ประธานในพิธีเปิดงานเกษตรภาคเหนือ ครั้งที่ 10 'นวัตกรรมเกษตรอัจฉริยะเพื่อเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน' ระหว่างวันที่ 1-12 ธันวาคม 2565 เนื่องในโอกาสเฉลิมฉลองวันสถาปนาครบรอบ 55 ปี ของคณะเกษตรศาสตร์ และเผยแพร่ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้านการเกษตรของในหลวงรัชกาลที่ 9 และการสืบสาน รักษา ต่อยอด แนวทางเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวงรัชกาลที่ 10 พร้อมทั้งเผยแพร่องค์ความรู้ ผลงานวิจัย และนวัตกรรมด้านเกษตรอัจฉริยะของคณะเกษตรศาสตร์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โดยมีศาสตราจารย์ ดร.นายแพทย์พงษ์รักษ์ ศรีบัณฑิตมงคล อธิการบดีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวต้อนรับ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. ดรุณี นาพรหม คณบดีคณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวรายงาน พร้อมด้วย นายวรวิทย์ ชัยสวัสดิ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ผู้บริหาร หัวหน้าส่วนราชการ หน่วยงานเอกชน และประชาชนชาวเชียงใหม่ เข้าร่วมพิธีฯ

โอกาสนี้ ดร.จรัลธาดา กรรณสูต องคมนตรี ในฐานะประธานกรรมการมูลนิธิโครงการหลวง  กล่าวชื่นชมยินดีกับพันธกิจที่คณะเกษตรศาสตร์ได้ดำเนินการ ทั้งในด้านการผลิตบัณฑิตที่มุ่งเน้นการเป็นวิทยาศาสตร์เกษตร การวิจัยค้นคว้าเพื่อสร้างนวัตกรรมสมัยใหม่ และแก้ไขปัญหาให้กับเกษตรกร การบริการวิชาการเพื่อเผยแพร่องค์ความรู้ไปสู่ชุมชน เกษตรกรและหน่วยงานต่าง ๆ รวมทั้งการสร้างเครือข่ายความร่วมมือด้านการเกษตรกับองค์กรและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน 

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ นำทีมขยายผลปิด 2 คดีเกี่ยวกับเพศ ค้าประเวณีผ่านทวิตเตอร์ และแก๊งจีนไลฟ์สดมีเพศสัมพันธ์

ในห้วงเวลาที่ผ่านมา ศพดส.ตร. ได้ดำเนินการปราบปรามการค้ามนุษย์ และการแสวงหาผลประโยชน์ทางเพศหลากหลายรูปแบบมาอย่างต่อเนื่อง ตามที่สื่อมวลชนและโซเชียลมีเดียได้มีการนำเสนอข่าวแล้วนั้น ในห้วงเดือนที่ผ่านมา พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ในฐานะ ผอ.ศพดส.ตร. ได้สั่งการให้มีการตรวจสอบขยายผลจับกุมคดีเกี่ยวกับการแสวงหาผลประโยชน์ทางเพศในพื้นที่ ภ.5 จำนวน 2 คดี ประกอบด้วย

กรณีที่ 1 นายหน้าค้าประเวณีผ่านทวิตเตอร์
เมื่อประมาณเดือน ก.ค.65 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการ TICAC ภ.5 ร่วมกับ บก.สอท.4 และ พม.จว.เชียงใหม่ พร้อมด้วยมูลนิธิ OUR ได้บูรณาการร่วมกันตรวจสอบกรณีพบการสร้างบัญชีทวิตเตอร์ และได้มีการโพสต์เสนอขายบริการทางเพศในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยจะจัดหาหญิงสัญชาติเมียนมามาบริการทางเพศ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้สืบสวนและตรวจสอบบัญชีดังกล่าวจนทราบตัวผู้ใช้บัญชีดังกล่าว จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานออกหมายจับผู้ต้องหาจำนวน 1 ราย ได้แก่...

นาง นานเกี๋ยงคำ อายุ 35 ปี สัญชาติเมียนมา
โดยจะดำเนินคดีในความผิดฐาน “เพื่อสนองความใคร่ของผู้อื่น เป็นธุระจัดหา ล่อไปหรือพาไปเพื่อการอนาจารซึ่งหญิง แม้ผู้นั้นจะยินยอมก็ตาม และเป็นธุระจัดหา ล่อไป หรือชักพาไปซึ่งบุคคลใดเพื่อให้บุคคลนั้นกระทำการค้าประเวณี แม้บุคคลนั้นจะยินยอมก็ตาม” 

ต่อมาเมื่อวันที่ 21 พ.ย.65 ที่ผ่านมา ชุดปฏิบัติการ TICAC สามารถติดตามจับกุมผู้ต้องหาได้ที่หอพักไม่มีชื่อ หมู่ 5 ต.แม่แรม อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ พร้อมเข้าช่วยเหลือหญิงที่ถูกพามาให้บริการทางเพศชาวเมียนมาได้ จำนวน 5 คน ได้แก่...

1.เอลู่ หรือน้องพลอย สัญชาติเมียนมา(ไทใหญ่) อายุ 21 ปี
2.มน หรือน้องฝน สัญชาติเมียนมา(ไทใหญ่)  อายุ 19 ปี
3.นาน คาน ลู หรือน้องดาว สัญชาติเมียนมา(ไทใหญ่) อายุ 26 ปี
4.แสงนวล หรือน้องฟ้า สัญชาติเมียนมา(ไทใหญ่) อายุ 20 ปี
5.จาม จาม ลุงส่างอ่อง หรือน้องเมย์ สัญชาติเมียนมา(ไทใหญ่) อายุ 20 ปี 

โดยตัวผู้ต้องหามีพฤติการณ์ในการเป็นนายหน้าในการขายบริการทางเพศผ่านทางโซเซียลมีเดีย คิดค่าบริการ 1,000 บาท นายหน้าได้ 200 บาท และตัวหญิงที่ให้บริการจะได้ 800 บาท

กรณีที่ 2 แก๊งคนจีนไลฟ์สดมีเพศสัมพันธ์
หลังจากที่เมื่อวันที่ 26 พ.ค.65 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ TICAC ได้มีการเข้าตรวจค้นรีสอร์ท 2 แห่ง ในพื้นที่ จ.เชียงราย ตรวจพบแก๊งคนจีนเช่าสถานที่ดังกล่าวในการไลฟ์สดมีเพศสัมพันธ์ผ่านแอพจีน โดยสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้จำนวน 14 คน รวมทั้งบุคคลต่างด้าวสัญชาติลาวอีก 30 คน ตามที่สื่อมวลชนและโซเชียลมีเดียเคยนำเสนอข่าวไปแล้วนั้น

ต่อมาเมื่อวันที่ 19 ต.ค.65 เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ TICAC ได้ทำการขยายผลจากกรณีดังกล่าว จนสืบทราบว่า ยังมีแก๊งคนจีนที่กระทำความผิดในลักษณะเดียวกันอีก โดยมีคนจีน 2 คนเป็นหัวหน้าแก๊งดังกล่าวคือ นางลีน่า และ นางโมโม่ สัญชาติจีน โดยมีการเช่าสถานที่ในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ และ จ.ชลบุรี ในการถ่ายทอดสดการมีเพศสัมพันธ์ และใช้นักแสดงเป็นคนไทย เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินคดีกับผู้ต้องหา

ต่อมา เจ้าหน้าที่สืบสวนได้สืบทราบว่า น.ส.ลีน่า และ น.ส.โมโม่ ได้แยกกันทำงานและเช่าสถานที่ถ่ายทำแบ่งเป็น 2 จุด จึงเดินเข้าตรวจค้นและจับกุมทั้ง 2 จุดดังกล่าว ประกอบด้วย 

1. บ้านต้นเกว่น ต.หนองควาย อ.หางดง จ.เชียงใหม่
จากการเข้าตรวจค้น พบผู้ต้องหา จำนวน 2 คน ได้แก่
1) นางเหวิน ลีน่า สัญชาติจีน เป็นหัวหน้าแก๊ง ทำหน้าที่คอยจัดการการถ่ายทอดสด จ่ายเงินให้นักแสดง และพากย์เสียงภาษาจีน 
2) นายปิยะพงษ์ หรือเอ้ วงษ์สุวรรณ ทำหน้าที่เป็นล่าม 

จึงได้จับกุมผู้ต้องหาทั้งสองรายดังกล่าวดำเนินคดีในข้อหา “ร่วมกันเพื่อความประสงค์แห่งการค้า หรือโดยการค้า หรือยังให้ส่งออกไปนอกราชอาณาจักร หรือทำให้แพร่หลายโดยประการใดๆ ซึ่งสื่อลามกอนาจารเด็ก, ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดๆ ที่มีลักษณะอันลามกและข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้, ร่วมกันกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์ โดยเป็นธุระจัดหา จัดให้อยู่อาศัย หรือรับไว้ซึ่งเด็ก เพื่อผลิตหรือเผยแพร่สื่อลามก” นอกจากนี้ยังตรวจพบนักแสดง จำนวน 10 ราย โดยพบว่าเป็นเยาวชนอายุต่ำกว่า 18 ปี ซึ่งเป็นเหยื่อจากการค้ามนุษย์ จำนวน 5 ราย 
2. บ้านเลขที่ 72/17 หมู่ 4 ต.ป่าแดด อ.เมือง จ.เชียงใหม่
จากการเข้าตรวจค้น พบ ผู้ต้องหาจำนวน 3 คน ได้แก่...


1) นางซิง เอ้อ หง หรือโมโม่ สัญชาติจีน เป็นหัวหน้าแก๊ง ทำหน้าที่คอยจัดการการถ่ายทอดสด จ่ายเงินให้นักแสดง และพากย์เสียงภาษาจีน 
2) นายสุวรรณ หรือไบรท์  เป็นผู้ช่วย
3) น.ส.สรัลชนา หรือฉิง  เป็นล่าม
จึงได้จับกุมผู้ต้องหาทั้ง 3 รายดังกล่าวดำเนินคดีในข้อหา “ร่วมกันเพื่อความประสงค์แห่งการค้า หรือโดยการค้า หรือยังให้ส่งออกไปนอกราชอาณาจักร หรือทำให้แพร่หลายโดยประการใดๆ ซึ่งสื่อลามกอนาจารเด็ก, ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดๆ ที่มีลักษณะอันลามกและข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้, ร่วมกันกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์ โดยเป็นธุระจัดหา จัดให้อยู่อาศัย หรือรับไว้ซึ่งเด็ก เพื่อผลิตหรือเผยแพร่สื่อลามก” นอกจากนี้ยังตรวจพบนักแสดง จำนวน 9 ราย โดยพบว่าเป็นเยาวชนอายุต่ำกว่า 18 ปี ซึ่งเป็นเหยื่อจากการค้ามนุษย์ จำนวน 5 ราย 

‘ชัชชาติ’ ระบุ BTS ปรับขึ้นราคาตามกรอบสัญญา ชี้ กทม.ทำได้แค่เจรจา หลังชะลอมาก่อนหน้า

(1 ธ.ค. 65) นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวภายหลังการประชุมหัวหน้าหน่วยงานของกรุงเทพมหานคร ถึงกรณีการประกาศปรับอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้า BTS ที่จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 มกราคม 2566 ว่า เป็นไปตามกฎสัมปทานอยู่แล้ว เพราะมีโอกาสปรับขึ้นตามอัตราเงินเฟ้อ ซึ่งเป็นสัญญาที่มีมาตั้งนาน โดยมีการเจรจาให้ชะลอมา 2 เดือนก่อนหน้านี้ โดยเป็นการปรับพร้อมสายสีน้ำเงิน

ทั้งนี้ กรุงเทพมหานครได้มีการพยายามเจรจาชะลอให้มากที่สุดแล้ว แต่ต้องบอกว่านี่เป็นสัญญาที่มีโอกาสปรับขึ้นตามกรอบที่ทำสัญญาไว้ล่วงหน้า ถือเป็นสิทธิของ BTS โดยการเจรจาทำได้เพียงแค่ชะลอให้เลื่อนออกมาเพียงแค่ 2 เดือน จนมาถึงการประกาศปรับขึ้นอัตราค่าโดยสารในครั้งนี้และถือเป็นข้อผูกพัน โดยตามรูปแบบสัมปทาน อย่างมากทำได้เพียงแค่ขอความร่วมมือ แต่หาก BTS ไม่ตกลง กรุงเทพมหานครก็ไม่สามารถมีอำนาจสั่งให้ BTS ชะลอการปรับอัตราค่าโดยสารไปมากกว่านี้ได้

ส่วนกรณีที่มีหลายฝ่ายแสดงความคิดเห็นว่าการปรับอัตราค่าโดยสารของ BTS ในครั้งนี้จะใช้เป็นเครื่องมือต่อรองในการทวงหนี้ส่วนต่อขยายที่ 2 หรือไม่นั้น เท่าที่ทราบรายได้ของ BTS ขึ้นอยู่กับจำนวนของผู้โดยสาร โดยส่วนต่อขยายที่ 2 มีผู้โดยสารใช้บริการเป็นจำนวนมาก ซึ่งได้ค่าแรกเข้าเป็นหลัก 1,000 ล้านบาท หากนำผู้โดยสารเข้าระบบ 100,000 คน คิด 10 บาทต่อคน วันหนึ่งก็เป็นจำนวนเงินหลายล้านบาท แต่ทั้งนี้คงต้องมีการเจรจาเรื่องการชำระหนี้ เพราะการชำระหนี้นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ถ้าง่ายคงจ่ายไปตั้งแต่ 3-4 ปีแล้ว เพราะเป็นเรื่องทางด้านเทคนิค การเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร จะเอาเงินของกรุงเทพมหานครมาจ่ายเลยก็เป็นไปได้ยาก ต้องผ่านระบบงบประมาณ ผ่านการอนุมัติของสภากรุงเทพมหานคร

‘หมอของขวัญ’ ขอโทษ ปมสะกิด ‘แจ็กสัน’ กรอกเหล้า ยัน!! ไม่รู้ธรรมเนียม ‘ไม่แตะตัวผู้หญิง’ ของศิลปินชาย

‘หมอของขวัญ’ แพทย์ผิวหนังคนดัง ออกมาชี้แจงคลิปดรามาสะกิด ‘แจ็กสัน’ กรอกเหล้า ก่อนโดนวิจารณ์พฤติกรรมไม่เหมาะสม ยันไม่รู้เกี่ยวกับธรรมเนียมศิลปินชายเกาหลี ยอมรับทำพลาดไป

จากกรณี ‘หมอของขวัญ’ หรือ พญ.ของขวัญ ฟูจิตนิรันดร์ เจอดรามาหลังไปร่วมงาน Private Party กับศิลปินดัง ‘แจ็กสัน หวัง’ แล้วมีคลิปสะกิดแจ็กสันให้เอาเหล้ากรอกปากตนอยู่หลายครั้งแต่ก็ไม่สำเร็จ โดยเจ้าตัวได้โพสต์ข้อความว่า "ยิ่งเจอใกล้ๆ ยิ่งหล่อ มือสั่นถ่ายรูปไม่ได้เลย เมื่อวานงาน Private Party พี่แจ็กเป็นสุภาพบุรุษมาก เล่นเกมกรอกเหล้า 3 วิ พอมาถึงเราพี่แจ็กข้ามไม่กรอกผู้หญิง น่ารักที่สุด ส่วนทางนี้คือกรอกมาเลยพี่แจ็ก กรอกฉันเถอะ" จนกลายเป็นประเด็นดรามาในโลกโซเชียล เนื่องจากแฟนคลับมองว่าเป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม พร้อมเผยธรรมเนียมศิลปินเกาหลีจะไม่แตะต้องหรือกรอกเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ใส่ปากหญิงสาวเพื่อเป็นการให้เกียรติ (ชมคลิป https://www.tiktok.com/@_got7stillalive/video/7171251739855818011)

ล่าสุดเมื่อวันที่ 30 พ.ย. ‘หมอของขวัญ’ ออกมาชี้แจงต่อเหตุการณ์ดังกล่าว ยันไม่รู้ธรรมเนียมของศิลปินเกาหลี ยอมรับว่าพลาดไปจริงๆ ทั้งนี้ เจ้าตัวได้ระบุข้อความว่า…

รถชนพังยับ 3 คนในรถ รอดตายปาฏิหาริย์ เชื่อบารมี ผ้ายันต์ท้าวพญายม ช่วยคุ้มครอง

รอดปาฏิหาริย์.!! รถยนต์ชนรถหกล้อพังยับ แต่ 3 คนในรถรอดราวปาฏิหาริย์ เชื่อเป็นเพราะบารมี ‘ผ้ายันต์ท้าวพญายม’ วัดไผ่เหลือง นนทบุรี ช่วยคุ้มครองรอดพ้นความตาย 

พระครูสมุห์สิทธิโชค อภินนฺโท เจ้าอาวาสวัดไผ่เหลือง ต.บางม่วง อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี เปิดเผยว่า ทางวัดไผ่เหลืองได้จัดทำผ้ายันต์ท้าวพญายมราช ปัจจุบันเป็นรุ่นที่ 3 คือ รุ่นรวยตลอดและปลอดภัย “มึงขอกูได้ มึงไหว้กูรับ” ด้วยมีความเชื่อในเรื่องต่างๆ ที่มีคนจำนวนไม่น้อยมาขอพรแล้วกลับนำของมาไหว้ด้วยความสำเร็จ ทั้งเรื่องสุขภาพ โชคลาภ และการปัดเป่าสิ่งที่ไม่ดีให้ไปจากตัวเรา เป็นสิ่งที่ใช้ยึดเหนียวจิตใจ ให้ “คิดดี ทำดี ปฏิบัติดี มอบสิ่งดีๆให้กัน”

พระครูสมุห์สิทธิโชค บอกว่า ท้าวพญายมราช หรือ พระยม ในเทวตำนานยุคต้น ท้าวจตุโลกบาลแห่งทิศทักษิณ กล่าวไว้คือพระยม เป็นองค์เดียวกัน มีลักษณะใบหน้าดุดัน พระวรกายสีแดงทรงเครื่องอย่างกษัตริย์ พระหัตถ์ขวาถือบ่วงยมบาศก์(บ่วงบาศก์ที่ใช้จับมัดวิญญาณทั้งหลาย) พระหัตถ์ซ้ายทรงไม้ท้าวยมทัณฑ์ ทรงกระบือเป็นพาหนะ มีอิทธิฤทธิ์มากทำหน้าที่พิพากษาและปกครองดวงวิญญาณทั้งหลายในนรกภูมิ มีบริวารคือ ยมทูต หรือ นายนิรยบาล มีหน้าที่นำวิญญาณทั้งหลายไปยังสำนักพญายม และลงโทษแก่ดวงวิญญาณในนรก

ศอ.บต. รับรางวัลประกาศเกียรติคุณด้านการจัดซื้อจัดจ้าง ระดับดี ในพิธีมอบรางวัลองค์กรที่มีความเป็นเลิศในการบริหารจัดการด้านการเงินการคลัง ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564

วันนี้ (1 ธันวาคม 2565) ที่ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานในพิธีมอบรางวัลองค์กรที่มีความเป็นเลิศในการบริหารจัดการด้านการเงินการคลัง ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 ให้แก่หน่วยงานที่ผ่านการประเมินผลการปฏิบัติงานของหน่วยงานตามขั้นตอนการบริหารด้านการเงินการคลัง 5 มิติ ได้แก่ มิติด้านการจัดซื้อจัดจ้าง มิติด้านการเบิกจ่าย มิติด้านการบัญชีภาครัฐ มิติด้านการตรวจสอบภายในภาครัฐและมิติด้านปลอดความรับผิดทางละเมิด จัดโดย กรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง เพื่อส่งเสริมการปฏิบัติงานด้านการเงินการคลังในภาพรวมของส่วนราชการให้มีประสิทธิภาพ และมีความโปร่งใส ซึ่งเป็นการส่งเสริมการปฏิบัติงานด้านการเงิน การคลังในภาพรวมของประเทศ ให้สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ “กำกับดูแลและบริหารการใช้จ่ายเงินของแผ่นดิน ให้เกิดประโยชน์สูงสุด” รวมทั้งเป็นขวัญกำลังใจให้กับหน่วยปฏิบัติงานด้านการเงินการคลังให้เป็นที่ยอมรับและได้รับการยกย่อง ในการนี้ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ นำโดย พลเรือตรี สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ได้เข้าร่วมรับรางวัลสำหรับ ส่วนราชการ มหาวิทยาลัย และหน่วยงานอื่นของรัฐ ประเภทรางวัลประกาศเกียรติคุณ ด้านการจัดซื้อจัดจ้าง รางวัลระดับ 'ดี' ในครั้งนี้ด้วย

โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีมอบรางวัลองค์กรที่มีความเป็นเลิศในการบริหารจัดการด้านการเงินการคลัง ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 ซึ่งมีหน่วยงานที่ได้รับรางวัล จำนวน 44 หน่วยงาน และ 7 จังหวัด รวมทั้งสิ้น 103 รางวัล ประกอบด้วย 11 ประเภทรางวัล ได้แก่ 1. รางวัลประกาศเกียรติคุณด้านการจัดซื้อจัดจ้าง 2. รางวัลประกาศเกียรติคุณด้านการเบิกจ่าย 3. รางวัลประกาศเกียรติคุณด้านการบัญชีภาครัฐ 4. รางวัลประกาศเกียรติคุณด้านการตรวจสอบภายในภาครัฐ 5. รางวัลประกาศเกียรติคุณด้านปลอดความรับผิดทางละเมิด 6. รางวัลบุคคล/ทีมงานที่มีความเป็นเลิศในการบริหารจัดการด้านการเงินการคลัง 7. รางวัลองค์กรที่มีความเป็นเลิศรายด้าน  8.รางวัลประกาศเกียรติคุณหน่วยงานที่มีการพัฒนาการปฏิบัติงานด้านการเงินการคลัง 9. รางวัลประกาศเกียรติคุณส่งเสริมความเป็นเลิศในการบริหารจัดการด้านการเงินการคลัง 10. รางวัลองค์กรที่มีความเป็นเลิศในด้านบริหารจัดการด้านการเงินการคลัง (ถ้วยรวม) และ11. ใบประกาศการผ่านเกณฑ์การประเมินมาตรฐานรางวัลองค์กรที่มีความเป็นเลิศในการบริหารจัดการด้านการเงินการคลัง 

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยเหลือผู้พิการด้อยโอกาสในส่วนภูมิภาค จัดทีมลงพื้นที่จังหวัดพัทลุงและจังหวัดเลย มอบรถเข็นวีลแชร์พร้อมค่าพาหนะ รวมมูลค่ากว่า 5 แสนบาท

วันนี้ (วันที่ 1 ธันวาคม 2565) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นายนิพนธ์ โชคภิรมย์วงศา กรรมการปฏิคม พร้อมด้วย นายชาญกิจ วิทยาวรากรณ์ กรรมการ นายอรัณย์ โตทวด ผู้จัดการใหญ่ และ นางศิริพร กระจ่างหล้า ผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ นำทีมลงพื้นที่จังหวัดเลย มอบรถเข็นวีลแชร์ ในโครงการ 'ป่อเต็กตึ๊ง สงเคราะห์สังคม' รวม 79 คัน พร้อมมอบค่าพาหนะแก่ผู้พิการคนละ 500 บาท คิดเป็นมูลค่า 248,850 บาท (สองแสนสี่หมื่นแปดพันแปดร้อยแปดร้อยห้าสิบบาทถ้วน) โดยมี นายณรงค์ จีนอ่ำ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเลย รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดเลย เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย คณะมูลนิธิสว่างคีรีธรรม จังหวัดเลย เป็นผู้ประสานงานและร่วมในพิธี ณ ที่ทำการมูลนิธิสว่างคีรีธรรม จังหวัดเลย

โดยเมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 65 ที่ผ่านมา มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง โดย นายรัชพร ประสงค์ทรัพย์ จัดทีมลงพื้นที่จังหวัดพัทลุง มอบรถเข็นวีลแชร์พร้อมค่าพาหนะแก่ผู้พิการ จำนวน 100 คัน โดยมี นายฉัตรชัย อุสาหะ รองผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วยคณะพัทลุงการกุศลมูลนิธิ เป็นผู้ประสานงานและร่วมในพิธี ณ ที่ทำการพัทลุงการกุศลมูลนิธิ 

สำหรับ 'โครงการ ป่อเต็กตึ๊ง สงเคราะห์สังคม' มอบรถเข็นวีลแชร์ให้กับผู้พิการด้อยโอกาส ในปีพ.ศ.2565 มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ดำเนินการในพื้นที่จังหวัดพัทลุงและจังหวัดเลย รวม 2 จังหวัด รวมงบประมาณดำเนินการทั้งสิ้น 563,850 บาท (ห้าแสนหกหมื่นสามพันแปดร้อยห้าสิบบาทถ้วน)

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมการขนส่งทางบก ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) และ บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) แถลงข่าวระบบบันทึกคะแนนความประพฤติในการขับรถ

วันที่ 1 ธันวาคม 2565 เวลา 10.00 น. ณ ห้องศรียานนท์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก  นายพงษ์สิทธิ์ ชัยฉัตรพรสุข รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงาน สายงานกำกับกฎเกณฑ์และกฎหมาย ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) และพันเอก สรรพชัยย์ หุวะนันทน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วย  พล.ต.ท.ธนา ชูวงศ์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.วีระ จิรวีระ รอง จตช. และผู้บริหารของทั้ง 4 หน่วยงาน ได้ร่วมกันแถลงข่าวประชาสัมพันธ์ระบบบันทึกคะแนนความประพฤติในการขับรถ หรือระบบตัดแต้ม และความร่วมมือระหว่างหน่วยงานเพื่อสร้างระบบดังกล่าว ให้ดำเนินการอย่างมีประสิทธิภาพและเป็นมาตรฐานสากล ระบบบันทึกคะแนนความประพฤติ กำหนดไว้ใน “ระเบียบว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเกี่ยวกับระบบการบันทึกคะแนนความประพฤติในการขับรถของผู้ได้รับใบอนุญาตขับขี่ พ.ศ.2565” ซึ่งออกตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ. 2522 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 142/1 โดยจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 9 มกราคม 2566 ซึ่งจะเป็นมาตรการเสริมในการสร้างวินัยการขับขี่เพิ่มเติมจากการออกใบสั่งเพื่อบังคับใช้กฎหมายตามปกติ ภายใต้สโลแกน 'มุ่งเน้นการสร้างวินัยการขับขี่ปลอดภัย ให้โอกาสแก้ไขไม่กระทำผิดซ้ำ สร้างความเท่าเทียมกันภายใต้กฎหมาย และเป็นมาตรฐานสากล'

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์  กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. กล่าวว่า สาระสำคัญของระบบนี้ คือ กำหนดให้ผู้ที่มีใบอนุญาตขับขี่แต่ละราย จะมีคะแนนความประพฤติคนละ 12 คะแนน (ไม่ว่าผู้นั้นจะได้รับใบอนุญาตขับขี่กี่ชนิดก็ตาม) หากทำผิดตามกฎจราจรในข้อหาที่ระบุไว้ จะถูกตัดคะแนนตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กำหนด ดังนี้ 
การตัดคะแนน 
1) กลุ่มความผิดหลักที่เป็นปัจจัยในการเกิดอุบัติเหตุ (20 ฐานความผิด) จะถูกตัดคะแนนเมื่อทำผิดทันที โดยความผิดในกลุ่มนี้แบ่งเป็น 4 ระดับ ได้แก่
 - ตัด 1 คะแนน เช่น ขับรถเร็วเกินกำหนด ไม่สวมหมวกนิรภัย ไม่รัดเข็มขัดนิรภัย ไม่หยุดให้คนข้ามทางม้าลาย ใช้โทรศัพท์ขณะขับรถ  
 - ตัด 2 คะแนน เช่น ฝ่าฝืนสัญญาณไฟจราจร (ฝ่าไฟแดง)  
 - ตัด 3 คะแนน เช่น ขับรถชนแล้วหนี 
 - ตัด 4 คะแนน เช่น เมาแล้วขับ ขับรถในขณะเสพยาเสพติด 
2) กลุ่มความผิดอื่นๆ ตามกฎหมายว่าด้วยจราจรทางบก และกฎหมายที่เกี่ยวกับรถหรือการใช้ทาง จำนวน 42 ฐานความผิด ตามบัญชีท้ายระเบียบ ความผิดกลุ่มนี้จะถูกตัดคะแนนเฉพาะกรณีไม่ชำระค่าปรับตามใบสั่งในเวลาที่กำหนดเท่านั้น เช่น ฝ่าฝืนเครื่องหมายจราจรในทาง จอดในที่ห้ามจอด ไม่แสดงใบอนุญาตขับขี่ขณะขับรถ เป็นต้น 
 วิธีการตัดคะแนนนั้น จะดำเนินการโดยระบบอิเล็กทรอนิกส์ โดยใช้ระบบฐานข้อมูลใบสั่ง PTM ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติในการบันทึกการทำผิดกฎจราจรและตัดคะแนนในแต่ละครั้ง การสั่งพักใช้ใบอนุญาตขับขี่
 - หากผู้ขับขี่ถูกตัดคะแนนจนเหลือ 0 คะแนน จะถูกสั่งพักใช้ใบอนุญาตขับขี่ หรือห้ามขับรถ (ทุกประเภท) เป็นเวลา 90 วัน โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเป็นผู้มีหนังสือแจ้งคำสั่งดังกล่าว และหากฝ่าฝืนไปขับรถในขณะถูกสั่งพักใช้ใบอนุญาตขับขี่ จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน ปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามมาตรา 156  
- หากถูกสั่งพักใช้ใบอนุญาตขับขี่เป็นครั้งที่ 3 ภายใน 3 ปี อาจจะถูกสั่งพักใช้มากกว่า 90 วัน  และหากยังถูกสั่งพักใช้ใบอนุญาตขับขี่อีกเป็นครั้งที่ 4 อาจถูกพิจารณาเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่ 

การคืนคะแนน แบ่งเป็นการคืนคะแนนโดยอัตโนมัติ และการคืนคะแนนเมื่อผ่านการอบรมจากกรมการขนส่งทางบก ดังนี้   
1) การคืนคะแนนอัตโนมัตินั้น คะแนนที่ถูกตัดไปในแต่ะครั้ง จะได้รับคืนเมื่อครบกำหนด 1 ปี นับแต่วันกระทำผิดครั้งนั้นๆ เว้นแต่เป็นกรณีที่ถูกตัดเหลือ 0 คะแนน จะได้รับคืนเมื่อพ้นกำหนดเวลาการสั่งพักใช้ใบอนุญาตขับขี่ โดยได้รับคืนเพียง 8 คะแนน
2) การคืนคะแนนโดยวิธีการเข้ารับการอบรมกับกรมการขนส่งทางบกอีกส่วนหนึ่ง ซึ่งมี 2 กรณี 
- กรณีที่คะแนนเหลือน้อยกว่า 6 คะแนน สามารถขอเข้ารับการอบรมจากกรมการขนส่งทางบกได้ แต่อบรมได้เพียงปีละ 2 ครั้ง 
- กรณีที่ถูกตัดคะแนนจนเหลือ 0 คะแนน  และต้องการคะแนนกลับคืนมาทั้งหมด 12 คะแนน  สามารถขอเข้ารับการอบรมจากกรมการขนส่งทางบกได้ เมื่อผ่านการอบรมตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของกรมการขนส่งทางบก ก็จะได้รับคืนคะแนนตามที่กำหนด

สุดปลื้ม!! กรมทะเลและชายฝั่ง พบไข่เต่าทะเลรังที่ 2 คาดเป็นแม่เต่ามะเฟืองตัวเดิม 

วันที่ 30 พฤศจิกายน 2565 นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กล่าวว่า ภายหลังจากที่พบการขึ้นมาวางไข่ของเต่ามะเฟือง บริเวณหาดบางขวัญ หมู่ที่ 8 ตำบลโคกกลอย อำเภอตะกั่วทุ่ง จังหวัดพังงา เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2565 ที่ผ่านมา ล่าสุดได้รับรายงานจากสำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 6 ว่าพบร่องรอยการขึ้นวางไข่ของเต่าทะเล ขณะเดินลาดตระเวน จึงประสานเจ้าหน้าที่ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนบนฝั่งตะวันออก และศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรป่าชายเลนที่ 10 ลงพื้นที่ร่วมกันเพื่อตรวจสอบวัดขนาดพายได้ 220 ซม. อก 110 ซม. และดำเนินการขุดค้นหาไข่เต่าทะเล ซึ่งห่างจากรังฟักไข่เต่ามะเฟืองรังที่ 1 ไปทางทิศใต้ประมาณ 500 เมตร พบไข่เต่าทะเลที่ระดับความลึก 60 ซม. ขนาดไข่ 5.5 ซม. นับได้ทั้งสิ้น 141 ฟอง มีไข่ดี 118 เป็นไข่ลม 23 ฟอง

สันนิษฐานว่าไข่เต่าทะเลที่พบน่าจะเป็นของแม่เต่ามะเฟืองตัวเดิม ซึ่งเจ้าหน้าที่จะย้ายไข่เต่าทะเลไปพักไว้รวมกันกับรังแรกบริเวณคอกเพื่อป้องกันสัตว์มากินไข่ พร้อมทั้งสั่งการให้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ประจำศูนย์เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์เต่ามะเฟืองจังหวัดพังงา เพื่อลาดตระเวนและเฝ้าระวังติดตามการขึ้นมาวางไข่เต่าทะเลตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งนี้ นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กำชับให้ทุกฝ่ายดูแลไข่เต่าทะเลอย่างใกล้ชิด พร้อมเผยความรู้สึกยินดีอย่างยิ่งในการกลับมาของแม่เต่าทะเลครั้งนี้ ซึ่งสะท้อนให้ถึงความสมบูรณ์ของธรรมชาติและความสำเร็จของการทำงานด้านการอนุรักษ์สัตว์ทะเลหายาก เมื่อสภาพแวดล้อมดีและพื้นที่ปลอดภัย ลูกเต่าฟักออกจากไข่ก็จะมีแหล่งอาหารที่สมบูรณ์และสามารถรอดปลอดภัยกลับคืนสู่ธรรมชาติได้ต่อไป

นายอรรถพล กล่าวเพิ่มเติมว่า การขึ้นมาวางไข่ของแม่เต่าทะเลบริเวณจังหวัดพังงารอบนี้นับเป็นหลุมที่ 2 ของปีนี้ที่แม่เต่าทะเลกลับขึ้นมาวางไข่ซ้ำที่เดิม ถือว่าเป็นความสำเร็จที่ทุกภาคส่วนต่างร่วมมือกันฟื้นฟูแหล่งวางไข่เต่าทะเลให้สมบูรณ์ เตรียมพร้อมรับมือกับการกลับมาวางไข่ของแม่เต่าทะเล ซึ่งปัจจัยสำคัญของการอนุรักษ์ คือชุมชนชายฝั่งและอาสาสมัครพิทักษ์ทะเล ซึ่งเป็นกำลังหลักในการมีส่วนร่วมอนุรักษ์และพื้นฟูทรัพยากรทางทะเลให้คงความสมบูรณ์ดังเดิม ทั้งนี้ กรม ทช. จะดำเนินการประชาสัมพันธ์สร้างความรู้ความเข้าใจด้านการอนุรักษ์ระบบนิเวศธรรมชาติทางทะเล รวมถึงข้อมูลด้านสัตว์ทะเลหายากแก่ผู้ที่เยี่ยมชม ตลอดจนติดตั้งกล้องวงจรปิดเฝ้าระวังติดตามการพัฒนาของตัวอ่อน เมื่อลูกเต่าทะเลฟักเป็นตัว ประชาชนสามารถเข้าร่วมรับชมการถ่ายทอดสดผ่านแอฟพลิเคชั่น CamHipro โดยนำ QR Code มาแสกนเพื่อรับชมบรรยกาศอย่างใกล้ชิด

พม. จับมือสโมสรซอนต้า กรุงเทพ 1 จัดงาน Stop Violence Against Women and Girls รณรงค์ยุติความรุนแรงต่อเด็กและสตรี

วันที่ 30 พ.ย. 65 เวลา 11.00 น. 'นายจุติ ไกรฤกษ์' รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) เป็นประธานเปิดงานรณรงค์ยุติความรุนแรงต่อเด็กและสตรี ภายใต้ชื่อ 'Stop Violence Against Women and Girls' โดยความร่วมมือระหว่างกระทรวง พม. และสโมสรซอนต้าประเทศไทย โดยสโมสรซอนต้า กรุงเทพ 1 ซึ่งมี 'นางจินตนา จันทร์บำรุง' อธิบดีกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว ดร.อุษณีย์ มหากิจศิริ ลีโอณีโอ นายกสโมสรซอนต้า กรุงเทพ 1 พร้อมคณะกรรมการ และสมาชิก ดร.ลาลีวรรณ กาญจนอารี Past Nominating Committee Member (At Large), Past International Director Zonta International นายธีรภัทร์ สัจจกุล (ตุ้ย) นักร้อง นักแสดงชื่อดัง แขกผู้มีเกียรติ และสื่อมวลชน เข้าร่วมงาน ณ บริเวณชั้น G ศูนย์การค้าสามย่านมิตรทาวน์ กรุงเทพฯ 

นายจุติ กล่าวว่า ด้วยคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2542 เห็นชอบให้เดือนพฤศจิกายนของทุกปี เป็น 'เดือนรณรงค์ยุติความรุนแรงต่อเด็กและสตรี' โดยกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เป็นหน่วยงานหลักของภาครัฐประสานการดำเนินงานดังกล่าวโดยบูรณาการความร่วมมือกับภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วนในการประชาสัมพันธ์และจัดกิจกรรมรณรงค์ทั้งในส่วนกลางและภูมิภาค เพื่อสร้างความตระหนักถึงความสำคัญของปัญหาความรุนแรงต่อเด็ก สตรี และบุคคลในครอบครัว ที่ส่งกระทบต่อสังคมในวงกว้าง และกระตุ้นให้ภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วนได้เข้ามามีส่วนร่วมในการรณรงค์ยุติความรุนแรงดังกล่าว ตลอดจนให้เห็นถึงความสำคัญของพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัว พ.ศ. 2550 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top