Thursday, 19 June 2025
NEWS FEED

ราชภัฏฉะเชิงเทรา ทำพิธีลงนาม MOU ร่วมมือกับภาคีเครือข่ายโครงการ 'การพัฒนาตัวแบบเชิงธุรกิจปูทะเล' อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา

เวลา 09.00 น. วันที่ 15 ธันวาคม 2565 ที่ห้องโชคอนันต์ อาคารเรียนรวมและอำนวยการ มหาวิทยาลัยราชภัฎราชนครินทร์ ได้จัดพิธีลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการวิจัยระหว่างมหาวิทยาลัยราชภัฎราชนครินทร์ กับ ภาคีเครือข่ายโครงการ "การพัฒนาตัวแบบเชิงธุรกิจปูทะเล อำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา เพื่อสร้างเศรษฐกิจฐานรากอย่างยั่งยืนรองรับการเปลี่ยนแปลงและวิกฤติด้านเศรษฐกิจ" โดยมีนายณัฐพงษ์ สงวนจิตร รองผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นประธานในพิธีลงนาม ร่วมด้วย รองศาสตราจารย์ ดร. ดวงพร ภู่ผะกา รักษาราชการอธิการบดี ม.ราชภัฏราชนครินทร์ /ภาคีเครือข่ายโครงการ / ผู้บริหาร หัวหน้าส่วน และสื่อมวลชน เข้าร่วมในพิธี

สำหรับพิธีลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการวิจัยระหว่างมหาวิทยาลัยราชภัฎราชนครินทร์ กับ ภาคีเครือข่าย โครงการ "การพัฒนาตัวแบบเชิงธุรกิจปูทะเล อำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา เพื่อสร้างเศรษฐกิจฐานรากอย่างยั่งยืนรองรับการเปลี่ยนแปลงและวิกฤติด้านเศรษฐกิจ" ในวันนี้เกิดขึ้น เนื่องจากมหาวิทยาลัยราชภัฎราชนครินทร์ ได้รับทุนการดำเนินโครงการวิจัย จากสำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (สอวช.) โดย หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ ภายใต้แผนงานการพัฒนาพื้นที่ด้วยองค์ความรู้จากมหาวิทยาลัย โปรแกรมที่ 17 การแก้ปัญหาวิกฤติของประเทศ แพลตฟอร์ม 4 การวิจัยและสร้างนวัตกรรม เพื่อการพัฒนาเชิงพื้นที่และลดความเหลื่อมล้ำ โครงการวิจัย "การพัฒนาตัวแบบเชิงธุรกิจปูทะเล อำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา เพื่อสร้างเศรษฐกิจฐานรากอย่างยั่งยืนรองรับการเปลี่ยนแปลงและวิกฤตด้านเศรษฐกิจ" มีวัตถุประสงค์ เพื่อพัฒนาตัวแบบเชิงธุรกิจปูทะเล อำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทราโดยการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้เสีย / เพื่อยกระดับประสิทธิภาพและรายได้จากการเพาะเลี้ยงปูทะเลในพื้นที่อำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา / เพื่อบูรณาการการมีส่วนร่วมของภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ในการพัฒนาตัวแบบเชิงธุรกิจปูทะเล และเพื่อส่งเสริมปูทะเลให้เป็นสินค้าเศรษฐกิจใหม่ของจังหวัดฉะเชิงเทราสนับสนุนการสร้างเศรษฐกิจฐานรากอย่างยั่งยืน

นายกฯ ไทย - ฮังการี พร้อมสานต่อความร่วมมือรอบด้าน ส่งเสริมการค้าการลงทุน พัฒนาธุรกิจด้านการเกษตร การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ

เมื่อเวลา 17.45 น. วันที่ 14 ธ.ค.(เวลาท้องถิ่นกรุงบรัสเซลส์ซึ่งช้ากว่าเวลาที่กรุงเทพฯ 6 ชั่วโมง) ที่อาคาร Europa กรุงบรัสเซลส์ ราชอาณาจักรเบลเยี่ยม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม หารือทวิภาคีกับนายวิคเตอร์ ออร์บาน (H.E. Mr. Viktor Orbán) นายกรัฐมนตรีฮังการี ในโอกาสเดินทางไปเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน - สหภาพยุโรป สมัยพิเศษ เพื่อฉลองวาระครบรอบ 45 ปี ความสัมพันธ์อาเซียน - สหภาพยุโรป

นายกรัฐมนตรี กล่าวยินดีที่ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับฮังการีราบรื่นมาโดยตลอด และจะครบรอบ 50 ปี ในปี 2566 โดยขอบคุณรัฐบาลฮังการีที่ให้การสนับสนุนประเทศไทยในกรอบสหภาพยุโรปมาโดยตลอด โดยเฉพาะการเจรจาความตกลง PCA ระหว่างไทยกับ EU จนทำให้สามารถลงนามได้ ซึ่งไทยพร้อมที่จะสนับสนุนฮังการีในเวทีระหว่างประเทศในประเด็นที่ฮังการีให้ความสำคัญ โดยเฉพาะค่านิยมการยึดครอบครัวเป็นศูนย์กลาง พร้อมกันนี้ พร้อมร่วมมือกับฮังการีในสาขาที่ทั้งสองฝ่ายมีศักยภาพ เช่น ด้านการสาธารณสุข การพัฒนาประเทศในยุคหลังโควิด-19 การค้าการลงทุน การศึกษา

ด้านนายกรัฐมนตรีฮังการี กล่าวยินดีที่ได้พบหารือกับนายกรัฐมนตรีไทย ชื่นชมความสัมพันธ์ไทย-ฮังการี ที่เป็นไปอย่างแน่นแฟ้น และเชื่อมั่นว่าไทยและฮังการีจะสามารถต่อยอดความร่วมมือในสาขาที่ทั้งสองฝ่ายมีศักยภาพได้อีกมาก ชื่นชมพัฒนาการของไทย ตลอดจนบทบาทของไทยในเวทีระหว่างประเทศในช่วงเวลาที่ผ่านมา ที่เป็นไปอย่างกระตือรือร้น และสร้างสรรค์

โอกาสนี้ ทั้งสองฝ่ายได้หารือถึงประเด็นต่าง ๆ ที่สำคัญ อาทิ ด้านความสัมพันธ์ทวิภาคี ทั้งสองฝ่ายยินดีที่ความร่วมมือครอบคลุมสาขาที่เป็นประโยชน์ร่วมกัน โดยมีกลไกขับเคลื่อนที่สำคัญ ได้แก่ คณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยการบริหารจัดการน้ำ คณะทำงานร่วมด้านเกษตร คณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจ ซึ่งนายกรัฐมนตรีเชื่อว่า กลไกดังกล่าวจะช่วยขับเคลื่อนประเทศสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนและการเจริญเติบโตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยไทยยินดีที่จะเรียนรู้และแลกเปลี่ยนความเชี่ยวชาญกับฮังการีในบริบทดังกล่าว

รองนายกรัฐมนตรี ตรวจติดตามโครงการขุดลอกแหล่งน้ำหนองแวง จังหวัดร้อยเอ็ด

เมื่อข่วงหัวค่ำวานนี้ ( 14 ธันวาคม 2565 )เวลา 17.00 น. พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ตรวจติดตามโครงการขุดลอกแหล่งน้ำหนองแวง ตำบลสะอาดสมบูรณ์ อำเภอเมือง จังหวัดร้อยเอ็ด โดยมี นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ,นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ,นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง และคณะ พร้อมด้วย นายทรงพล ใจกริ่ม ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และพี่น้องประชาชน ร่วมต้อนรับอย่างอบอุ่น 

ด้วยการปรับปรุงโครงการขุดลอกแหล่งน้ำหนองแวง ได้สั่งการให้ หน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 54 และกรมทรัพยากรน้ำ เป็นหน่วยดำเนินการขุดลอก ซึ่งมีงบประมาณ 3,064,100 บาท ซึ่งโครงการอนุรักษ์ฟื้นฟูแหล่งน้ำหนองแวง มีขนาดพื้นที่ประมาณ 76 ไร่ เป็นแหล่งน้ำสำคัญที่ราษฎร ในพื้นที่ใช้ในการอุปโภค - บริโภค และด้านการเกษตร ซึ่งก่อนดำเนินการขุดลอกมีสภาพตื้นเขิน ไม่สามารถกักเก็บน้ำไว้ใช้ในฤดูแล้งได้ จึงมีความจำเป็นต้องทำการขุดลอก เพื่อฟื้นฟูให้สามารถใช้ประโยชน์ และแก้ปัญหาความเดือดร้อนด้านน้ำของราษฎรในพื้นที่ ซึ่งประชาชนที่ได้รับจากการขุดลอกแหล่งน้ำหนองแวง จะจำนวน 441 ครัวเรือน ประชากร 1,576 คน พื้นที่การเกษตรซึ่งส่วนใหญ่เป็นนาข้าว ประมาณ 1,000 ไร่ อีกทั้งยังเป็นแหล่งน้ำสำรองในการผลิตน้ำประหมู่บ้านต่อไป

สุดประทับใจ!!! ครอบครัวและญาติผู้ป่วยวิกฤติสมองตาย ยินยอมบริจาคอวัยวะหัวใจ ตับ ไต ดวงตา ให้สภากาชาดไทยนำไปใช้ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์

เมื่อวันที่ 14 ธ.ค. เพจเฟซบุ๊ก โรงพยาบาลประจวบคีรีขันธ์ เผยแพร่เรื่องราวสุดประทับใจแห่งปี 2565 หนึ่งชีวิตต่อลมหายใจ สร้างกุศลที่ยิ่งใหญ่ มอบอวัยวะให้กับอีก 6 ชีวิตให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น บริจาคอวัยวะประกอบด้วย หัวใจ, ตับ ,ไต 2 ข้าง ตับอ่อน และดวงตา 2 ข้าง เป็นกรณีตัวอย่าง ผู้ป่วยชายอายุ 28 ปี ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ได้รับบาดเจ็บทางสมองอย่างรุนแรง ถูกส่งตัวเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลประจวบคีรีขันธ์ ทีมศัลยแพทย์ระบบประสาทและสมอง ได้พยายามดูแลผู้ป่วยอย่างเต็มที่ รักษาโดยการผ่าตัดสมอง ดูแลในหอผู้ป่วยวิกฤติ แต่ไม่อาจรักษาให้สมองกลับฟื้นคืนมาได้ อยู่ในภาวะสมองตาย แต่สมรรถภาพของหัวใจ และอวัยวะอื่นๆ ดีมาก ทีมพยาบาลที่ดูแลผู้ป่วยได้ปรึกษาหารือกับบิดา มารดา และญาติผู้ป่วยอย่างใกล้ชิด ถึงแนวทางการรักษา และโอกาสที่สมองจะกลับฟื้นคืนมามีน้อยมาก จึงได้ขอรับบริจาคอวัยวะให้กับศูนย์รับบริจาคอวัยวะ สภากาชาดไทย เพื่อนำไปช่วยเหลือผู้ป่วยที่รอคอยการปลูกถ่ายอวัยวะ

กรมการแพทย์แผนไทยฯ จับมือ อบจ. เร่งพัฒนาระบบบริการการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ระดับปฐมภูมิ เน้นใช้สมุนไพร กัญชา กัญชง ทางการแพทย์แบบบูรณาการ ปี 66 เดินหน้า รพ.สต.กว่า 2,000 แห่ง ทั่วประเทศ

กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข จับมือ องค์การบริหารส่วนจังหวัด พัฒนาระบบบริการการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ระดับปฐมภูมิ เพื่อให้โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบล หรือ รพ.สต. ทั่วประเทศกว่า 2,000 แห่ง ใช้สมุนไพร กัญชา และกัญชง เพื่อเป็นทางเลือกในการดูแลผู้ป่วย และ ประชาชน ในชุมชนให้มีสุขภาพดี ตามนโยบายการแพทย์แบบบูรณาการ ปี 2566

วันนี้ 14 ธันวาคม 2565 ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น กรุงเทพมหานคร นายแพทย์ประพนธ์ ตั้งศรีเกียรติกุล ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดโครงการฝึกอบรมและพัฒนาศักยภาพองค์การบริหารส่วนจังหวัด ด้านการแพทย์แผนไทยการแพทย์ทางเลือกและการใช้สมุนไพรทางการแพทย์แบบบูรณาการ โดยมี นายแพทย์ธงชัย เลิศวิไลรัตนพงศ์ อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก นายบุญชู จันทร์สุวรรณ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุพรรณบุรี และ นายกสมาคมองค์การบริหารส่วนจังหวัดแห่งประเทศไทย พร้อมด้วย ผู้บริหาร บุคลากรกระทรวงสาธารณสุข และบุคลากรองค์การบริหารส่วนจังหวัดทั่วประเทศ ได้ร่วมจัดงานในครั้งนี้ เพื่อให้ผู้บริหาร บุคลากรด้านสาธารณสุขและผู้ที่เกี่ยวข้องที่ปฏิบัติงานในองค์การบริหารส่วนจังหวัด มีความรู้ ความเข้าใจ ในด้านการแพทย์แผนไทย การแพทย์ทางเลือก และสามารถใช้กัญชาทางการแพทย์แบบบูรณาการ ในการดูแลผู้ป่วยได้อย่างมีประสิทธิภาพ สำหรับผู้เข้าร่วมสัมมนาวิชาการในครั้งนี้ ประกอบด้วย ผู้บริหาร บุคลากร โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) 49 จังหวัด ที่ได้รับการถ่ายโอนไปสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัด และบุคลากรจากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด 76 จังหวัด จำนวน 500 คน โดยงานจัดขึ้นระหว่างวันที่ 14 – 15 ธันวาคม 2565 ณ โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น กรุงเทพมหานคร

นายแพทย์ประพนธ์ ตั้งศรีเกียรติกุล ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลมีนโยบาย มุ่งกระจายอำนาจให้ท้องถิ่น ได้ออกประกาศคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เรื่องหลักเกณฑ์และขั้นตอนการถ่ายโอนภารกิจสถานีอนามัยเฉลิมพระเกียรติ 60 พรรษา นวมินทราชินี และโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ให้แก่องค์การบริหารส่วนจังหวัด เพื่อเพิ่มการมีส่วนร่วมของประชาชน และให้สถานีอนามัยเฉลิมพระเกียรติฯและ รพ.สต. สามารถตอบสนอง ความต้องการทางด้านสุขภาพของประชาชนในท้องถิ่นได้อย่างแท้จริง ซึ่งข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า ตั้งแต่ปี 2551จนถึงปัจจุบัน สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ได้ดำเนินการถ่ายโอนภารกิจสถานีอนามัยเฉลิมพระเกียรติฯ และ รพ.สต. รวมแล้ว 3,263 แห่ง จากจำนวนทั้งสิ้น 9,787 แห่งทั่วประเทศ รัฐบาลให้ความสำคัญกับการเร่งรัดการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น เพื่อส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนในการกำหนดทิศทางการให้บริการภายใต้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สร้างหลักประกันความต่อเนื่องของบริการ รวมถึงพัฒนาคุณภาพของการบริการสุขภาพในระดับปฐมภูมิที่สอดคล้องกับบริบทของแต่ละพื้นที่อย่างแท้จริง กระทรวงสาธารณสุข โดยกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก เร่งเดินหน้าขับเคลื่อนการดำเนินงาน ปีงบประมาณ พ.ศ.2566 นี้ 3 ประเด็นหลัก คือ ประชาชนเชื่อมั่น เน้นให้ประชาชนดูแลตนเองเมื่อเจ็บป่วยด้วยยาสมุนไพรเพิ่มขึ้นร้อยละ 2 บริการเป็นเลิศ ประชาชนสามารถเลือกใช้บริการแพทย์แผนไทย แพทย์ทางเลือก เมื่อเจ็บป่วยเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 5 และ ภูมิปัญญาสร้างคุณค่า คือ มูลค่าการบริโภคสมุนไพรในประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 50,000 ล้านบาท

‘กรุงเทพธนาคม’ วอน BTS หยุดทวงหนี้ค่าจ้างเดินรถผ่านสื่อ ชี้!! กระบวนการยังอยู่ในขั้นตอนศาลพิจารณา

‘กรุงเทพธนาคม’ แจงปมหนี้เดินรถไฟฟ้าสายสีเขียว ขอ BTS หยุดทวงหนี้ค่าจ้างเดินรถผ่านสื่อ ชี้กระบวนการอยู่ในขั้นตอนศาลพิจารณา พร้อมตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ เร่งแก้ปัญหาหาข้อสรุปโดยเร็ว

(14 ธ.ค. 65) ผู้ช่วยศาสตราจารย์ประแสง มงคลศิริ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด เปิดเผยถึงกรณีคดีค่าจ้างเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียว (ส่วนต่อขยาย) ว่า กรณีผู้รับจ้างเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียว ได้ประกาศทวงหนี้ตามสัญญาค่าจ้างเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียว ผ่านสื่อต่างๆ หลายครั้งและหลายรูปแบบ

ข้อเท็จจริง คือ ผู้รับจ้างเดินรถได้ใช้สิทธิฟ้อง กทม.และบริษัท ต่อศาลปกครองมาตั้งแต่ปี 2564 เมื่อผู้บริหารชุดปัจจุบันเข้ามาทำหน้าที่ ได้รีบยื่นคำร้องต่อศาลขอขยายระยะเวลาส่งเอกสารหลักฐานเพิ่มเติมเพื่อต่อสู้คดีในหลายประเด็นอย่างเต็มที่ แต่ศาลยืนยันว่าสิ้นสุดระยะเวลาส่งเอกสารหลักฐานแล้ว จึงปฏิเสธไม่รับเอกสารหลักฐานเข้าสู่สำนวนเพิ่มเติม ทั้งนี้ศาลชั้นต้นก็กรุณามีคำแนะนำให้คู่ความ 2 ฝ่ายเจรจาไกล่เกลี่ยกัน แต่ผู้รับจ้างเดินรถยืนยันต่อศาลว่าจะไม่เจรจาไกล่เกลี่ย ซึ่งก็เป็นสิทธิโดยชอบ

ต่อมาศาลได้นัดฟังคำพิพากษาเมื่อวันที่ 7 ก.ย 2565 โดยมีคำตัดสินให้บริษัทแพ้คดีในศาลชั้นต้น บริษัทจึงต้องรีบยื่นอุทธรณ์ภายในกำหนด 30 วันพร้อมกับส่งเอกสารหลักฐานใหม่ในวันที่ 5 ต.ค.2565 และชำระค่าธรรมเนียมตามระเบียบอุทธรณ์คดี คดีพิพาทนี้จึงอยู่ระหว่างการพิจารณาอุทธรณ์ในศาลสูงสุด

การที่บริษัทอุทธรณ์ต่อสู้คดีไปสู่ชั้นศาลสูงสุดนั้น ถือว่าได้ใช้สิทธิโดยชอบเสมอกัน มีผลให้ทั้ง 2 ฝ่ายต้องรอฟังคำสั่งของศาลสูงสุดที่จะให้ความยุติธรรม บริษัทจึงไม่เคยคิดจะนำเนื้อหาคดีไปจัดทำสื่อเผยแพร่สร้างกระแสต่อสังคมหวังกดดันผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย บริษัทไม่เคยนำประเด็นคดีไปจัดอีเวนต์บรรยายฟ้องศาลท้าวมหาพรหมตามความเชื่อส่วนบุคคลให้เป็นกระแสข่าว ทั้งนี้เพราะบริษัทมีความเชื่อมั่นกระบวนการศาลที่ผู้รับจ้างเดินรถเป็นผู้เลือกดำเนินการมาตั้งแต่ต้น

ย้อนอดีตสตาร์อาภัพ ผู้พลาดแชมป์บอลโลก ฤๅ ‘เมสซี’ จะก้าวผ่านหรือเจ็บซ้ำรอยอีกหน

(14 ธ.ค. 65) หลังฟุตบอลโลก 2022 ผ่านพ้นมาจนถึงโค้งสุดท้ายแล้ว ก็คงได้เห็นหน้าตาทีมชาติที่ผ่านเข้ารอบมาแบบไม่มีข้อกังขาใดๆ ยิ่งเมื่อคืน (13 ธ.ค. 65) กับอีกคู่คำสำคัญในการโคจรมาเจอกันระหว่างทีมชาติอาร์เจนตินา ที่มีดาวเด่นอย่าง ลิโอเนล เมสซี กับทีมชาติโครเอเชีย ที่ทัวร์นาเมนต์นี้ทำผลงานเข้าตาแถมนายประตูก็เหนียวราวกับตุ๊กแก แต่สุดท้ายผลการแข่งขันก็เป็นทีมอาร์เจนตินาที่เป็นฝ่ายคว้าชัย เข้ารอบรอลุ้นในรอบตัดเชือก (ไม่รู้ว่าจะได้เจอฝรั่งเศสหรือโมร็อกโก) 

แต่ก่อนที่จะไปลุ้นว่าใครจะได้แชมป์ฟุตบอลโลกในหนนี้ ก็อยากชวนย้อนอดีตถึงเหล่าดาวเด่นที่เคยมีโอกาสคว้า ‘เวิลด์คัพ โทรฟี่’ แต่สุดท้ายก็คว้าได้เพียงความฝัน

เกี่ยวกับเรื่องนี้ ดร.สุริยะใส กตะศิลา คณบดีวิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต ผู้เชี่ยวชาญด้านสังคมนักวิชาการ นักเคลื่อนไหวทางสังคม และอาจารย์ ได้แสดงความคิดเห็นไว้ในคลิปวิดีโอ ที่เผยแพร่ทางช่องยูทูบ ‘Suriyasai Channel’ ชื่อว่า ‘เหลียวหลังแลหน้าซุปตาร์ผู้ผิดหวัง ในมหกรรมบอลโลก’ ความว่า…

ย้อนกลับไปเกือบ ๆ 50 ปีที่แล้ว ในปี 1974 ตอนนั้นไม่มีใครไม่รู้จัก ‘โยฮัน ไกรฟฟ์’ เจ้าของฉายานักเตะเทวดา เป็นศูนย์หน้าของเนเธอแลนด์ แต่เขาไม่สามารถพาทีมชาติเนเธอร์แลนด์คว้าแชมป์ในฟุตบอลโลกในปี 1974 ได้ ทั้งๆ ที่เป็นซูเปอร์สตาร์ที่ทุกคนยอมรับในฝีมือ โดยพ่ายแพ้ให้เยอรมัน และได้เป็นเพียงแค่รองแชมป์เท่านั้น เรียกว่าไปไม่ถึงฝัน

แต่ตำนานนักเตะของเนเธอร์แลนด์ไม่ได้มีแค่ ‘โยฮัน ไกรฟฟ์’ เท่านั้น เพราะหลังจากนั้นก็มีนักเตะดาวรุ่นอีก 3 คน หรือเรียกว่า 3 ทหารเสือ ประกอบด้วย มาร์โก แวน บาสเท่น, แฟร้งค์ ไรจ์การ์ด และรุด กุลลิท ยุคนั้นเรียกว่ายุคอัศวินสีส้ม และเป็นยุคที่สามารถวิ่งสลับตำแหน่งกันได้ แต่ก็ไม่สามารถคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกมาไว้ได้ 

ต่อมาคือ ‘โรแบร์โต บัจโจ’ เป็นกำลังหลักของทีมอิตาลี แต่มาไกลสุดได้แค่รองแชมป์ฟุตบอลโลก เพราะในรอบชิงพ่ายแพ้ให้แก่ทีมชาติบราซิล ซึ่งผลงานที่แฟนบอลจำไม่ลืมคือการยิงจุดโทษข้ามคาน ทำให้ ‘โรแบร์โต บัจโจ’ และทีมชาติอิตาลีไปไม่ถึงฝัน

คนถัดมา คนนี้พิเศษกว่าคนอื่น ๆ เพราะเขามีตำแหน่งเป็นนายทวารและเป็นกัปตันทีมของเยอรมัน ‘โอลิเวอร์ คาห์น’ เตะบอลในนามทีมชาติราว ๆ 15 ปี แต่ไม่เคยเข้าถึงแชมป์ฟุตบอลโลกได้สักครั้ง เพราะในปีที่เกาหลีใต้และญี่ปุ่นเป็นเจ้าภาพ เขาพ่ายแพ้ให้กับทีมชาติบราซิลไปอย่างน่าเสียดาย แต่ถึงอย่างไร ฝีมือและผลงานก็จัดอยู่ในขั้นซูเปอร์สตาร์ของโลกฟุตบอล

'บิ๊กป้อม' นำทัพลุย 'กาฬสินธุ์-ร้อยเอ็ด' เร่งแก้ปัญหาน้ำพื้นที่เสี่ยง-มอบสิทธิ์ที่ดินทำกิน

'บิ๊กป้อม' ลุย 'กาฬสินธุ์-ร้อยเอ็ด' เร่งแก้ปัญหาน้ำพื้นที่เสี่ยง-มอบสิทธิ์ที่ดินทำกิน ลั่น ต้องช่วยแก้ปัญหาจำนองขายฝากที่ดิน อย่าให้หลุดมือเกษตรกร

(14 ธ.ค. 65) ที่ศาลากลางจ.กาฬสินธุ์ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี พร้อมนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัล เพื่อเศรษฐกิจและสังคม, น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ, นายสันติ พร้อมพัฒน์ และคณะ ลงพื้นที่จ.กาฬสินธุ์ และร้อยเอ็ด เพื่อตรวจติดตามการบริหารจัดการแก้ปัญหาที่ดินทำกินและการฟื้นฟูแหล่งน้ำ และรับฟังปัญหาจากประชาชนในพื้นที่ มีตัวแทนหน่วยงานเกี่ยวข้องรอต้อนรับ

โดยรับฟังการบรรยายสรุปภาพรวม พบปัญหาขาดแคลนแหล่งน้ำต้นทุนการเกษตร การบริโภคจากการขยายตัวของชุมชนเมือง โดยเฉพาะนอกเขตชลประทาน ซึ่งในปี 61-64 มีแผนงานพัฒนาพื้นที่แล้ว 1,152 โครงการ วงเงินกว่า 3,100 ล้านบาท พื้นที่รับประโยชน์ 107,582 ไร่ ประชาชนได้ประโยชน์กว่า 48,000 ครอบครัว และอยู่ระหว่างดำเนินการ 165 โครงการ โดยงบกลางกว่า 280 ล้าน ทั้งการพัฒนาแหล่งกักเก็บน้ำ ระบบกระจายน้ำและระบบป้องกันน้ำท่วม สำหรับปี 66-67 มี 3 โครงการ ได้รับการจัดสรรงบประมาณ 912 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้ประชาชนได้ประโยชน์อีก 3,100 ครอบครัว พื้นที่กว่า 5,800 ไร่

อว. จับมือ มช.มุ่งผลักดัน โครงการ U2T สร้างเครือข่ายความร่วมมือกับสื่อมวลชน ตอกย้ำความสำเร็จการทำงานบูรณาการ

อว. มุ่งผลักดัน โครงการยกระดับเศรษฐกิจและสังคมรายตำบลแบบบูรณาการ(มหาวิทยาลัยสู่ตำบล สร้างรากแก้วให้ประเทศ) (U2T) U2T x RSP @ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ผนึกกำลังอุทยานวิทยาศาสตร์ ตอกย้ำความสำเร็จการทำงานบูรณาการ มุ่งเน้นพัฒนาคน ดึงเทคโนโลยีเข้าช่วยสู่การพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน

ยืนหยัดเพื่อส่งเสริมและพัฒนาชุมชน พร้อมยกระดับเศรษฐกิจให้เกิดความยั่งยืน สำหรับ โครงการยกระดับเศรษฐกิจและสังคมรายตำบลแบบบูรณาการ (มหาวิทยาลัยสู่ตำบล สร้างรากแก้วให้ประเทศ) หรือ โครงการ U2T โดย กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ล่าสุดขึ้นเหนือเยือน จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อสร้างการรับรู้สำหรับโครงการ U2T ให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง จากการปรับบทบาทมหาวิทยาลัยเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ สังคม และชุมชนในพื้นที่ บูรณาการแก้ไขปัญหาในมิติต่างๆ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการพัฒนาสินค้าให้แก่คนในพื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน โดยมีการผสานความร่วมมือกับอุทยานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ซึ่งเป็นหน่วยงานภายใต้ อว. ที่ดำเนินงานมาเป็นระยะเวลา 10 ปี ในการทำงานแบบบูรณาการ เพื่อเกิดการทำงานที่เป็นรูปธรรม และต่อยอดโครงการ U2T ให้เกิดความยั่งยืนมากยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ ดร. ดนุช  ตันเทอดทิตย์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)  เป็นประธานในงานแถลงข่าว “โครงการ U2T x RSP @ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ สนับสนุนการขับเคลื่อนโครงการ ยกระดับเศรษฐกิจและสังคมรายตำบลแบบบูรณาการ (มหาวิทยาลัยสู่ตำบล สร้างรากแก้วให้ประเทศ) กิจกรรมที่ 2 U2T สร้างเครือข่ายความร่วมมือกับสื่อมวลชน” โดยมี ศาสตราจารย์ ดร.นพ.พงษ์รักษ์ ศรีบัณฑิตมงคล อธิการบดีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ให้การต้อนรับคณะ

โครงการ U2T ที่จัดขึ้นที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ในครั้งนี้ เพื่อตอกย้ำความสำเร็จและนวัตกรรมต่างๆ ที่เกิดขึ้นภายใต้การดำเนินงานโครงการ U2T ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ พร้อมเสริมศักยภาพในการจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์ อีกทั้งมุ่งมั่นเสริมความรู้ให้กับประชาชนในเรื่อง BCG หรือ เศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน เศรษฐกิจสีเขียว อันเป็นโมเดลในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทย เพื่อให้เกิดความเข้าใจและปรับตัวในการผลิตสินค้าให้สอดคล้องกับ BCG ได้ โดยผสานความร่วมมือกับอุทยานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เพื่อช่วยในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ U2T ให้สามารถเข้าถึงเทคโนโลยี และนวัตกรรมต่าง ๆ ได้อย่างเต็มที่ ถือเป็นการโชว์สินค้า แชร์เทคโนโลยี และนำไปต่อยอดต่อไปได้

ดร. ดนุช  ตันเทอดทิตย์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กล่าวถึงการดำเนินโครงการ U2T ในตลอดปี 2565 ว่า “ โครงการ U2T ได้มีการพัฒนาคนในชุมชนครอบคลุมทั้งสิ้น 7,435 ตำบล โดยตลอดการดำเนินงานได้มีผลิตภัณฑ์ออกมาจำหน่ายมากมายและสร้างรายได้ให้กับคนในชุมชน พร้อมเกิดองค์ความรู้ใหม่ๆ ในการต่อยอดผลิตภัณฑ์ โดยเป็นผลสำเร็จจากการปรับบทบาทมหาวิทยาลัยเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ สังคม และชุมชน นำศักยภาพที่มีทั้งความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ งานวิจัย เทคโนโลยีและนวัตกรรม ในการแก้ไขปัญหาและความต้องการของชุมชนที่แตกต่างกัน โดยมุ่งสร้างและบ่มเพาะผู้ประกอบการให้สามารถนำความรู้และเทคโนโลยีไปปรับใช้ให้เกิดประโยชน์

อีกหนึ่งสิ่งสำคัญต้องมีความรู้เรื่อง BCG หรือ เศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน เศรษฐกิจสีเขียว อันเป็นโมเดลพัฒนาเศรษฐกิจเพื่อความยั่งยืนของประเทศไทย เพื่อให้ประชาชนสามารถนำความรู้ที่ได้รับไปปรับปรุง แปรรูปและต่อยอดผลิตภัณฑ์ต่างๆ ให้เกิดความน่าสนใจได้ ซึ่งโครงการ U2T ได้เสริมองค์ความรู้ให้กับคนในชุมชน พร้อมสนับสนุนในทุกมิติเพื่อให้ผลิตภัณฑ์ต่างๆ อันโดดเด่นด้วยเอกลักษณ์จากของในท้องถิ่นได้รับการการันตีในคุณภาพ เสริมสร้างความมั่นใจในอีกระดับ รวมถึงการเสริมทักษะในด้านการตลาดและบริหารจัดการ โดยมีการนำเทคโนโลยีเข้ามาปรับใช้ให้เกิดประโยชน์ จากความร่วมมือของอุทยานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ซึ่งตั้งอยู่ใน 44 มหาวิทยาลัย ครอบคลุมทุกภาคทั่วไทย เป็นการเพิ่มศักยภาพของอุทยานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในมิติของการทำงานร่วมกับโครงการ U2T อีกด้วย”

ดร. ดนุช  ตันเทอดทิตย์ กล่าวเสริมอีกว่า “ในการส่งเสริมศักยภาพของประชาชนจากโครงการ U2T มุ่งหวังให้เกิดการต่อยอด เพื่อสามารถจำหน่ายผลิตภัณฑ์ได้ผ่านช่องทางออนไลน์ และสามารถผลักดันให้มีการจำหน่ายในห้างสรรพสินค้าซึ่งเป็นพื้นที่ที่สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าและเป็นที่รู้จักในวงกว้าง พร้อมหวังให้ส่งออกนอกประเทศได้อีกด้วย เพื่อสร้างรายได้ที่ยั่งยืนให้กับผู้ประกอบการ”
 
 ขณะที่ ศาสตราจารย์ ดร.นพ.พงษ์รักษ์ ศรีบัณฑิตมงคล อธิการบดี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวว่าถึงวัตถุประสงค์ในการจัดงานครั้งนี้ว่า “การดำเนินโครงการ U2T เป็นความสำเร็จจากการทำงานแบบบูรณาการ ของหน่วยงานต่างๆ ใน อว. ที่พร้อมพัฒนาคนในชุมชนให้เกิดความรู้และเพิ่มขีดความสามารถในการทำงาน พิสูจน์ได้อย่างเป็นรูปธรรมในความสำเร็จจากผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่เป็นของขึ้นชื่อในท้องถิ่นแต่ได้มีการต่อยอด สร้างมูลค่าเพิ่ม พร้อมนำเทคโนโลยีเข้ามาเป็นส่วนช่วยเสริมทำให้เกิดผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ และสร้างความแตกต่าง เมื่อได้รับความร่วมมือจากอุทยานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เข้าช่วยในการพัฒนาให้สามารถเข้าถึงเทคโนโลยีและนวัตกรรมต่าง ๆ ได้มากขึ้น นับเป็นผลดีกับคนในชุมชนที่ได้รับผลประโยชน์อย่างเต็มที่”

‘เป๊ก-สัณณ์ชัย’ รับอดีตทำตัวเฮีย แม้มีเมียดี ลั่น!! ต่อจากนี้ขอหยุดอยู่กับ ‘ธัญญ่า-ลูก’

‘เป๊ก สัณณ์ชัย’ ควง ‘ธัญญ่า ธัญญาเรศ’ เปิดชีวิตคู่ที่ไม่น่ารอด แต่ก็รอด บอกไลฟ์สไตล์ไม่เหมือนกันเลย ขอโทษที่ผ่านมา ทำตัวเฮียจริง ๆ รู้ตัวว่ามีเมียที่ดี สุดยอดที่สุด รับผ่านมาเยอะกว่าผู้ชายทั่วไป ตอนนี้เบื่อแล้ว ไม่เอาแล้ว เคยบนดอกไม้หมื่นดอกขอให้กลับมาดีกัน เผย เคยง้อมากที่สุด เงิน 8 หลัก รถจากัวร์ซื้อสด 1 คัน ลั่น! เขียนพินัยกรรมสมบัติ-ที่ดินทั้งหมด ยกให้ ‘ลียา’ ไม่เอาเงินลูกมาใช้แม้แต่บาทเดียว บั้นปลายชีวิตอยู่กับธัญญ่าไปอย่างนี้ คู่เวรคู่กรรม

นาน ๆ จะเห็นออกมาเปิดอกเคลียร์ใจสารพัดข่าวด้วยกัน สำหรับคู่สามีภรรยา 'เป๊ก สัณณ์ชัย เองตระกูล' กับ 'ธัญญ่า ธัญญาเรศ เองตระกูล' ล่าสุดทั้งคู่เปิดใจผ่านช่องยูทิวบ์ หม่อมถนัดแดก หรือ 'เสก สหัสวรรษ ชอบชิงชัย' งานนี้เรียกว่าเปิดใจหมดเปลือก ถึงขั้นเป๊กเผยว่าเมียตนสุดยอดที่สุด

จุดเริ่มต้นจีบ
เป๊ก : ผมเจอเขามาตลอด เขาเรียนโรงเรียนมาแตร์เหมือนน้องสาว ไปรับน้องก็ได้เห็นเขา สมัยนั้นเขาดัง เพิ่งเริ่ม
ธัญญ่า : สมัยเป็นนางเอกหนัง ตั้งแต่อายุ 15-16 พี่เป๊กไปรับน้องสาวเพื่อส่องสาว (หัวเราะ)
เป๊ก : ใช่ ยอมรับ (หัวเราะ)
ธัญญ่า : เจอเขาจริง ๆ คือ 27
เป๊ก : เป็นแฟนกันหรือเปล่าตอนนั้น
ธัญญ่า : เหมือนเจอกันเกือบแก่แล้วเนอะ เกือบ 30 แล้ว
โทร.มาหาตอนตี 3 เจอด่าเปิง
ธัญญ่า : ครั้งแรกคือด่า ตอนนั้นถ่ายหนังกับพี่เจ (เจตริน วรรธนะสิน) เขาบอกมีเพื่อนอยากคุยด้วย เราก็ได้ แต่พอถึงเวลา เราก็ไม่ได้รับสาย หรืออะไรสักอย่าง มีอยู่วันนึงโทร.มาตอนตี 3 ตอนนั้นไม่ปกติ แล้วพูดจาสไตล์เขา อวด ๆ เราก็เฮ้ย โทร.มาอะไรตีสาม มีมารยาทบ้างหรือเปล่า ด่า ๆ แล้วก็วางไป นั่นคือครั้งแรก แล้วหายไปประมาณปีนึง
เป๊ก : มันเขิน อาย ทุเรศ โทร.ไปตีสาม รู้สึกผิดด้วย ไม่น่าเลย ฉิบหายแล้ว รวบรวมกำลังใจใหม่
ธัญญ่า : ตอนนั้นก็จำไม่ได้ด้วยว่าคือใคร ประมาณเกือบปีจะเปลี่ยนรถ พี่เจบอกว่าเดี๋ยวแนะนำเพื่อน เราก็ลืมไปแล้วว่าคนนี้ มันก็มีเรื่องให้คุยกันเรื่อง
เป๊ก : ไม่เคยพูดที่ไหนนะ จริง ๆ ธัญญ่าเป็นผู้หญิงที่ผมหมายมั่นปั้นมือมาตั้งแต่เด็ก ไม่ได้เล็ง ต้องเอาให้ได้
ธัญญ่า : แล้วปล่อยไว้ทำไมตั้งแต่วัยรุ่นจนแก่ ๆ แล้ว
เป๊ก : ตอนนั้นไปใช้ชีวิตอยู่ (หัวเราะ)
ธัญญ่า : (หัวเราะ) พี่เป๊กก็มีแฟนเป็นตัวเป็นตนตอนนั้น จะแต่งด้วยมั้ง เขาคบใครเขาคบจริงจัง
เป๊ก : เขาเป็นดารา ที่สมัยนั้นเขาก็เป็นหนึ่งในผู้หญิงที่เด็ก ๆ รุ่นเรา รู้อยู่แล้ว ธัญญ่ามีใคร ก็ชอบ
ธัญญ่า : สวย ดูดี (หัวเราะ) นิสัยดี
เป๊ก : เราก็พยายามหน่อย แต่ด้วยชีวิตเราเองมีทางเดินอยู่ ไม่ได้ไปเจอเขาเท่าไหร่ พอวันนึงเริ่มได้ไปรับน้องสาวที่โรงเรียนมาแตร์ ก็ได้เจอเขา
ธัญญ่า : ตอนนั้นไม่ได้รู้จัก มารู้หลังคบกันแล้ว ว่าจีบเพื่อนธัญญ่า จีบหลายคนมาก ผู้หญิงทุกคนที่เข้ามาคุยกับพี่เป๊ก จีบเขาไปหมดเลย จีบเยอะมาก โห
เผยประทับใจ ที่อีกฝ่ายใส่ใจคนรอบตัว ทั้งที่ไลฟ์สไตล์ไม่เหมือนกันเลย ชีวิตคู่จริง ๆ ไม่น่ารอด แต่ก็รอด
ธัญญ่า : ตอนนั้นไม่ได้ใส่ใจ ไม่ได้มองว่าเป็นคนเจ้าชู้ เราน่าจะไม่รู้ และไม่ได้คิด เรื่องมาแดงตอนหลัง ตอนนั้นพี่เป๊กเขาก็เป็นคนใส่ใจเพื่อน พ่อแม่ พี่น้อง ประทับใจที่เขาใส่ใจ แต่ไลฟ์สไตล์เราไม่เหมือนกันเลย
เป๊ก : เขาไม่ชอบหาเรื่องใคร ไม่ชอบนักเลง ตรงข้ามหมดเลย เป็นคนเรียบร้อย
ธัญญ่า : ไป ๆ มา ๆ ก็แต่งงานมีลูก
เป๊ก : ระหว่างคบก็ 3 ปีนะ
ธัญญ่า : 2 ปี
เป๊ก : อ้าวเหรอ (หัวเราะ)
ธัญญ่า : อยู่กันดี ๆ จริง ๆ ไม่นาน (หัวเราะ) แต่อยู่จนเนี่ยแหละ 17 ปี มันไม่น่ารอดเลย ไม่ได้เลย
เป๊ก : เคมีเข้าไม่เข้าผ่านไปแล้วไง แต่ช่วงแต่งงานมาแล้วจนถึงวันนี้ แม่xไม่น่ารอด
ธัญญ่า : ดูหนังพระเอกนางเอกแต่งงานกัน คือจบ แฮปปี้เอนดิ้ง แต่ชีวิตจริงมันคือจุดเริ่มต้น เขาเปลี่ยนหลังมีลูก
รู้ตัวว่ามีเมียที่ดี ตอนที่ทำอะไรเฮีย ๆ เสียเขาไปแล้ว โชคดีเมียให้โอกาส
เป๊ก : จริง ๆ คนน่าจะรู้เรื่องนี้เมื่อสายแล้ว เมื่อเราไม่มีเขาแล้ว เสียเขาไปแล้ว เพิ่งมารู้ว่าฉิบหายกูมีเมียที่ดี ทำอะไรเหี้x ๆ เลว ๆ มันแก้ไขไม่ได้แล้ว เพราะมันสายไปแล้ว แต่โชคดีที่ธัญญ่าเป็นคนให้โอกาส
ธัญญ่า : เวลาโกรธจะจริงจัง แต่เวลาผ่านไปแล้วลืม ซึ่งไม่นานมาก
เป๊ก : อย่าให้จี๊ด จะกลับมาหมดเลย ตั้งแต่เริ่ม 20 ปียังเอามาด่าอยู่เลย (หัวเราะ)
ธัญญ่า : (หัวเราะถูกใจ) ถ้าสะกิดอีกไล่มาเลย จะจำได้นะ ก่อนแต่งงาน เหมือนเขาไปแอบคุยกับเด็กสักอย่าง แล้วบอกเป็นพนักงานตัวเองคุย โอ้โห นั่นครั้งแรกเลย อยู่อเมริกากับพ่อแม่ ตอนนั้นนั่งกินมาม่ามั้ง มาม่าคว่ำใส่หัวต่อหน้าพ่อแม่เลย (หัวเราะ)


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top