Monday, 16 June 2025
LITE

'เบลล่า' งานรุม!! คิวพรีเซ็นเตอร์แน่นเกิน 30 ตัว เปรย!! อยากมีคนข้างกาย แฟนคลับแซว 'โป๊ป' มีลุ้นไหม?

เมื่อวานนี้ (26 ต.ค. 66) เบลล่า ได้ให้สัมภาษณ์ในงาน 'เปิดประตูสู่พรหมลิขิต' ณ สุราลัย ฮอลล์ ชั้น 7 ไอคอนสยาม พร้อมเผยถึงเรื่องที่งานพรีเซ็นเตอร์รุมแน่นเกิน 30 ตัว แต่ยังรับได้อีก

ล่าสุดมีแฟนละครนับว่าช่วงพักเบรกมีโฆษณาเบลเกิน 10 ตัว?
“อ๋อ…แม่เบลก็นับค่ะ ต้องขอบคุณลูกค้าด้วยค่ะ (หลังบุพเพสันนิวาสมีพรีเซ็นเตอร์เยอะมาก พอพรหมลิขิตมีคนติดต่อเข้ามาเยอะไหม?) มีเพิ่มค่ะ ต้องรอดูค่ะ (ดีลล่วงหน้าไว้เลย?) ใช่ค่ะ (ผลพลอยได้กลับมาเยอะ?) ก็ด้วยค่ะ เราต้องขอบคุณลูกค้าทุกๆ คนที่เชื่อใจและให้โอกาสเบลด้วย”

รวมๆ แล้วถึง 50 ตัวไหม?
“บ้าเหรอ(ยิ้ม) น่าจะเกิน 30 แต่เบลยังทำงานอย่างอื่นอยู่ค่ะทุกคน ไม่ได้รับพรีเซ็นเตอร์อย่างเดียว ถามว่ายังมีส่วนไหนในร่างกายเหลืออีกบ้าง อันนี้ต้องให้ผู้จัดการจัดแจงว่าอะไรที่ไม่ซ้ำ แต่ว่าเบลก็ดูนะ ไม่ได้แบบรับทุกตัว ตัวไหนที่มีความทับซ้อน คือไม่ใช่แบบเป็นตัวเดียวกันแต่ว่าไลน์ใกล้ๆ กันเบลก็จะปฏิเสธไป (จากพรหมลิขิตเพิ่มมาอีกกี่ตัว?) ตอนนี้ 2 มี 2 ที่ ที่ตกลงไปแล้วค่ะ”

ตั้งเป้าจะโกยไว้เท่าไหร่?
“ไม่ตั้งเป้าอะไรทั้งสิ้นค่ะ แล้วแต่โอกาสที่เข้ามาแหละ ก็อย่างที่บอกว่าเบลโชคดีที่ทุกคนเชื่อใจเบล”

ลักกี้อินเกมแล้ว ลักกี้อินเลิฟด้วยไหม?
“ยังไม่อินอะไรทั้งสิ้นค่ะ (เชื่อได้ไหมที่บอกว่าลักกี้อินเกมแล้วจะไม่ลักกี้อินเลิฟ?) มันต้องเชื่อแล้วมั้ย(ยิ้ม) เบลไม่รู้นะ แต่ว่าเบลชิลๆ อ่ะ ถามว่าตอนนี้มีความสุขมั้ย ก็มีความสุขดี ถามว่าอยากมีมั้ยก็อยากมีถ้าไม่ได้กระทบกับงาน (ตอนนี้มีเงินโอเคกว่ามีผู้ชายถูกไหม?) อย่าใช้คำนั้นเลยดีกว่า(หัวเราะ)”
แม่ว่ายังไงบ้าง?
.
“คุณแม่ชิลๆ เลยค่ะ แล้วแต่เรา แต่ว่าอาจจะชิลได้ไม่นานแล้วแหละดูทรงแล้วอายุอานาม (แม่เร่งไหม?) แม่เบลไม่เร่งหรอก แต่อายุเท่านี้แล้วก็คงไม่นาน”

เห็นช่วงนี้รับขวัญหลานเยอะมาก ไม่รู้สึกว่าอยากมีบ้างเหรอ?
“(หัวเราะ)จริง คือเพื่อนมีลูกจนรู้สึกแบบเลี้ยงหลานเก่งมาก แต่เอาจริงเบลเห็นเพื่อนมีลูกก็เหนื่อยกันมากๆ จนเบลเห็นก็ลังเล หรือว่าเป็นแบบนี้ดีแล้ว”

ทำไมอยู่ดีๆ มีความคิดลังเลว่าจะมีหรือไม่มี?
“ตอนเด็กๆ ก็มีความฝันมาตลอดแหละ อยากจะสร้างครอบครัวอะไรต่างๆ โดยที่เราไม่รู้รายละเอียดเลยว่าการที่จะเลี้ยงคนคนนึงมามันขนาดไหน แต่อันนี้มันข้ามสเต็ปไปเนาะ ขอมีคนข้างกายก่อนค่ะ”

แสดงว่าไปทำบุญไม่เคยขอเรื่องความรักเลย?
“เริ่มขอแล้ว (I told พระแม่ลักษมีแล้วหรือยัง?) ขอแล้ว(หัวเราะ) (เอารูปใครไปอ้างอิง?) ไม่มี ไม่รู้ไง คือตอนนั้นก็ไปไหว้ คือขอรวมๆ ความรักความเมตตา คือถ้าจะมีใครก็อยากมีคนที่โอเค เบลไม่ได้บอกกำหนดระยะเวลาเลย อาจจะ 10 ปีข้างหน้า (หัวเราะ) ล้อเล่นค่ะ”

จริงๆ อาจจะมีคนเข้ามา แต่เรามีความกังวลกับการมีความรักอีกครั้ง?
“เบลว่าคนอื่นกังวลในจุดนี้มากกว่าเบลอีก (คนคาดหวังคนที่มาคู่กับเราจะเป็นยังไง?) ใช่ค่ะ ซึ่งเบลไม่ได้ตั้งอะไรขนาดนั้นเลยนะ ขอแค่จิตใจดีเป็นเพื่อนคู่คิดได้ (เพื่อนแนะนำไหม?) เพื่อนเลิกแนะนำไปแล้ว เรามันเล่นตัวเยอะไปหน่อย ไม่เสียดายหรอกช่วงนั้นมันก็ไม่มีเวลาจริงๆ”

หลายคนเชียร์กับพี่โป๊ปอีกแล้ว พอจะมีโอกาสลุ้นไหม?
“ไม่รู้…แต่ว่าในละครได้แน่ๆ (เคยคุยเรื่องนี้ไหม?) ก็ขำๆ ดีค่ะ ช่วงหนึ่งเป็นแก๊ง 4 คน หมื่นเรือง แม่จันทร์วาดด้วย แล้วเราก็มองหน้ากันว่าแก๊งเรามันมีอาถรรพ์หรือเปล่า (แต่ตอนนี้หมื่นเรืองไม่โสดแล้ว?) ใช่ค่ะ ให้นำไปก่อน”

27 ตุลาคม พ.ศ. 2447 ไทยประกาศเลิกใช้ เงินพดด้วงทุกชนิด เหตุมีลักษณะปลอมแปลงได้ง่าย

วันนี้ เมื่อ 119 ปีก่อน ประเทศไทย ได้ประกาศเลิกใช้ ‘เงินพดด้วง’ ทุกชนิด เหตุมีลักษณะปลอมแปลงได้ง่าย

ในหลวง รัชกาลที่ 5 จึงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เสนาบดีกระทรวงพระคลังมหาสมบัติ ออกประกาศลงวันที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2447 มีความสำคัญว่า ได้โปรดให้สั่งว่า เงินพดด้วงซึ่งได้จำหน่ายออกจากพระคลังฯ ใช้กันแพร่หลายอยู่ในพระราชอาณาจักรเวลานี้ มีลักษณะปลอมแปลงได้ง่าย สมควรให้เลิกใช้เงินพดด้วงเสีย โดยตั้งแต่วันที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2447 เป็นต้นไป ให้เลิกใช้เงินพดด้วงทุกชนิด ยกเป็นเงินตราที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย 

สำหรับ ‘เงินพดด้วง’ ทางราชอาณาจักรสุโขทัย ล้านนา กรุงศรีอยุธยา ได้ผลิตคิดค้นเงินตราขึ้นใช้ในระบบเศรษฐกิจ พร้อมกันนั้นก็ยอมรับเงินตราของต่างชาติด้วย เงินตราที่ใช้ในอาณาจักรล้านนา ได้แก่ เงินไซซี เงินกำไล เงินเจียง เงินท้อก เงินดอกไม้ ส่วนราชอาณาจักรสุโขทัยและอยุธยาได้ผลิตเงินพดด้วง ซึ่งมีลักษณะเฉพาะของตนเองขึ้นใช้ และใช้เบี้ยหอยแทนเงินปลีกย่อย บางครั้งเบี้ยหอยขาดแคลนก็ได้ผลิตเบี้ยโลหะและประกับดินเผาขึ้นใช้ร่วมด้วย

ภายหลังราชอาณาจักรกรุงศรีอยุธยาสลายลง กรุงธนบุรีและรัตนโกสินทร์ถือกำเนิดขึ้นตามลำดับ ก็ยังคงใช้เงินพดด้วงเช่นครั้งกรุงศรีอยุธยา จนกระทั่งถึงรัชกาลที่ 4 การเปิดประเทศสยามสู่อารยประเทศ มีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบเงินตราให้เป็นสากล นำไปสู่การผลิตเงินตราในลักษณะเหรียญกลมแบนออกใช้เป็นครั้งแรก ต่อมารัชกาลที่ 5 จึงทรงประกาศยกเลิกการใช้เงินพดด้วง นับตั้งแต่นั้นเงินตราไทยจึงคงเป็นลักษณะเป็นเหรียญกลมแบนต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน

‘นักบิด MotoGP’ ควงตะหลิวจับกระทะ แข่งทำ ‘ผัดไทย’ ชู ‘สตรีตฟู้ด’ ซอฟต์พาวเวอร์ไทย สู่แฟน MotoGP ทั่วโลก

เมื่อวานนี้ (25 ต.ค. 66) ฟรังโก้ มอร์บิเดลลี่ นักบิดโมโตจีพีชื่อดังจากยามาฮ่า และ ก๊องส์ ธัชกร บัวศรี นักแข่งดาวรุ่งชาวไทยจากทีมฮอนด้า ครองเจ้าสมรภูมิกระทะเดือด คว้าถ้วย ‘ผัดไทยจีพี’ ไปครอง ในกิจกรรม Pre-Event สุดน่ารักที่จัดต้อนรับนักบิดและเป็นส่วนหนึ่งของการถ่ายทำวิดีโอโปรโมตประเทศไทยของทีมดอร์น่า สปอร์ต ที่ปักหลักถ่ายทำ สถานที่สวยงามรอบเกาะรัตนโกสินทร์และแลนด์มาร์คสำคัญของกรุงเทพ ตื่นตาแฟนโมโตจีพีทั่วโลก ในการนำเหล่าเทพนักบิดชื่อดังระดับโลก ‘กวาร์ตาราโร-มอร์บิเดลลี่-เมียร์’ ปะทะ 3 นักบิดไทย ‘ก้อง-ก๊องส์-ไอเดีย’ แข่งขันทำสุดยอดเมนูสตรีตฟู้ดแสนอร่อยที่สร้างชื่อและภาพจำให้กับประเทศไทยตลอดกาล สูตรเด็ดจากเชฟ ‘กระติ๊บ’ ชวัลกร วรรธนพิสิฐกุล ดีกรีนางเอกดัง เตรียมถ่ายทอดภาพความสวยงามและเรื่องราวต่าง ๆ ในช่วงการแข่งขัน 27-29 ต.ค.นี้ สู่แฟนมอเตอร์สปอร์ตกว่า 207 ประเทศ 800 ล้านคนทั่วโลก

ความเคลื่อนไหวกิจกรรม Pre Event ต้อนรับนักแข่ง โมโตจีพี สนามประเทศไทย รายการ ‘OR Thailand Grand Prix 2023’ ที่จัดขึ้นในวันพุธที่ 25 ตุลาคม 2566 ที่ห้องราชพฤกษ์บอลรูม ชั้น 2 อาคารสปอร์ตคลับเฮ้าส์ ราชพฤกษ์คลับ นอร์ธปาร์ค ถ.วิภาวดีรังสิต กรุงเทพฯ นักบิดโมโตจีพีชื่อดัง ได้แก่ ฟาบิโอ กวาร์ตาราโร และฟรังโก้ มอร์บิเดลลี่ นักบิดชื่อดังจากยามาฮ่า, โจอัน เมียร์ จากฮอนด้า รวมทั้งนักบิดไทยที่ลงแข่งขันในศึกโมโตจีพี สนามประเทศไทย 3 คน ได้แก่ ก้อง สมเกียรติ จันทรา จากฮอนด้า ในรุ่น Moto2, รุ่น Moto3 ไอเดีย กฤตภัทร เขื่อนคำ จากยามาฮ่า และ ก๊องส์ ธัชกร บัวศรี จากทีมฮอนด้า พร้อมด้วยเหล่าแฟนคลับและกองทัพสื่อมวลชน ร่วมชมการถ่ายทำวิดีโอประชาสัมพันธ์ประเทศไทย โดยทีมงานดอร์น่า สปอร์ต เจ้าของลิขสิทธิ์การแข่งขัน

ซีนสำคัญของการถ่ายทำวิดีโอโปรโมตประเทศไทย เป็นการเดินเรื่องที่ นักบิดต่างชาติได้พบกับ รถเข็นขาย ‘ผัดไทย’ จึงชักชวนกันไปฝึกหัดและแข่งขันกันทำผัดไทย สู่ซอฟต์พาวเวอร์สตรีตฟู้ดอาหารไทยที่เลื่องชื่อไปทั่วโลก ส่งผ่านวัฒนธรรมอาหารผ่านกิจกรรม Pre-Event ที่ฝ่ายจัดฯ โมโตจีพี เตรียมไว้ต้อนรับในนักแข่งในชื่อ ‘ผัดไทยจีพี’ หรือ ‘PadThai GP Contest’

บรรยากาศภายในงานเริ่มจากขบวนกลองยาว การฟ้อนรำต้อนรับ โดยมีคณะผู้บริหารจากภาครัฐ-เอกชน ที่เป็นหัวเรือใหญ่ในการผลักดันให้เกิดงานโมโตจีพี สนามประเทศไทย นายสุรศักดิ์ เกิดจันทึก รองผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย ฝ่ายยุทธศาสตร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ เป็นประธาน พร้อมด้วย นาย นิธี  สีแพรรองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย, นายสุชาติ ระมาศ ผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ โออาร์ นายอารักษ์ พรประภา ประธาน บริษัท ไทยฮอนด้า จำกัด, นายวีรพงษ์ ธนากิจจานนท์ ผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายกีฬายานยนต์ บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด, นายสุรเชษฐ คล้ายแจ้ง ผู้อำนวยการสำนักมาตรฐานงานทะเบียนและภาษีรถ กรมการขนส่งทางบก และตนัยศิริ ชาญวิทยารณ์ กรรมการผู้อำนวยการ สนามช้างอินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิต ร่วมให้การต้อนรับ มอบพวงมาลัย และมอบผ้ากันเปื้อนผัดไทยจีพีให้กับเหล่านักบิด

การแข่งขันได้เชฟฝีมือดี ดีกรีนางเอกชื่อดัง กระติ๊บ ชวัลกร วรรธนพิสิฐกุล นำสูตรเด็ด เคล็ดลับการทำผัดไทยให้อร่อย มาสอนให้เหล่านักบิดได้ลงมือทำในแบบต้นตำรับ เมนูสตรีตฟู้ดแสนอร่อยของคนไทยที่กลายเป็นจานโปรดของคนทั่วโลก ซึ่งเมื่อได้ทาน ชวนให้นึกถึงประเทศไทย โดย อ็อกซ์ฟอร์ด ดิกชันนารี บรรจุชื่อ ‘pad thai’ (ผัดไทย) ให้เป็นคำศัพท์สากล เนื่องจากเป็นเมนูที่โด่งดังเป็นที่รู้จักของคนทั่วโลก

การตัดสินการแข่งขันครั้งนี้ โดยเหล่าคณะกรรมการจากภาครัฐเอกชนและแฟนคลับโมโตจีพี ร่วมชิมและโหวตให้กับ ฟรังโก้ มอร์บิเดลลี่ นักบิดโมโตจีพีชื่อดังจากยามาฮ่า และ ก๊องส์ ธัชกร บัวศรี นักแข่งดาวรุ่งชาวไทยจากทีมฮอนด้า ครองเจ้าสมรภูมิกระทะเดือด คว้าถ้วยผัดไทยจีพีไปครอง โพเดี้ยมอันดับ 2 ได้แก่ โจอัน เมียร์ จากฮอนด้า และ ไอเดีย กฤตภัทร เขื่อนคำ จากยามาฮ่า โพเดี้ยมอันดับ 3 ฟาบิโอ กวาร์ตาราโร จากยามาฮ่า และ ก้อง สมเกียรติ จันทรา จากฮอนด้า บรรยากาศเต็มไปด้วยความสนุกสนาน ประทับใจ 

ทั้งนี้ การแข่งขันรถจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลก หรือโมโตจีพี ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ ภายใต้ชื่อรายการ ‘โออาร์ ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์ 2023’ (OR Thailand Grand Prix 2023) ศึกสองล้อที่เร็วที่สุดและยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก มีกำหนดแข่งขันระหว่าง 27- 29 ตุลาคม 2566 ที่ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์   

แฟนความเร็วซื้อบัตรชมการแข่งขันได้ที่ Counter Service All Ticket ในร้าน 7-Eleven  ทุกสาขาทั่วประเทศ ส่วนบัตรแอดมิชชัน(ADMISSION) เข้าร่วมชมงานในลานกิจกรรม บูธจำหน่ายสินค้า คอนเสิร์ตและมวย ซื้อบัตรได้ที่บูธ Allticket หน้างาน วันที่ 27-29 ต.ค. เท่านั้น ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ แฟนเพจ Chang Circuit Buriram

น่ารัก น่าภูมิใจ!! ‘วีระศักดิ์’ ชมหนัง ‘สัปเหร่อ’ เล่าเรื่องราวธรรมดาๆ ผ่านมุมมองที่เรียบง่าย แต่แฝงแง่คิด-คติธรรมเพียบ!!

(26 ต.ค. 66) นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ สมาชิกวุฒิสภา ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว กล่าวถึง หนัง ‘สัปเหร่อ’ พร้อมชื่นชมในแง่มุมการนำเสนอเรื่องราวของทีมผู้สร้าง โดยระบุว่า…

“พาครอบครัวไปดูหนัง ‘สัปเหร่อ’ มาแล้ว
คนเต็มโรง มีเสียงคิกคักขบขันกันตลอดเรื่อง

ในฐานะลูกอีสาน คุณพ่อเป็นชาวอุบล คุณแม่จากศรีสะเกษ ผมแอบอมยิ้มกับความเรียบง่ายสไตล์ผู้บ่าวไทบ้านของทีมผู้สร้าง ที่หยิบจับความเป็นไปอย่างปกติของชาวบ้านในย่านนี้ออกมาเผยผ่านประสบการณ์อาชีพสัปเหร่อ ที่ย่อมมีในทุกคุ้มวัด ทุกตำบล แต่ถูกมองข้ามมานาน

มุกกลัวผี มุกเพื่อนฝูงแซวกัน มุกผู้เฒ่าผู้แก่ที่ให้ความเมตตา แต่ก็มีสถานะสำคัญที่ชุมชนยกย่องให้บทบาท มีมุก LGBTQ มุกเด็กแว้นท้องถิ่น มุกเจ้าหน้าที่ในงานบริการในชนบท

แต่ในขณะเดียวกันก็แฝงคติธรรม ระหว่างแดนของผีกับคน คนปล่อยวางได้กับคนที่ยึดติด คนที่เห็นค่าของผู้อื่นและเห็นค่าในตนเอง

หนังสร้างด้วยฉากง่ายๆ แต่ให้อะไรเกินกว่าที่คิด ไม่ประดิษฐ์ ไม่ประดับมากไป ใช้ภาษาอีสานตลอดเรื่อง แต่มีซับไทย และซับอังกฤษวิ่งใต้ภาพตลอด

น่ารัก และน่าภูมิใจครับ”

วีระศักดิ์ โควสุรัตน์

26 ตุลาคม พ.ศ. 2560  พระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ  พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร 

วันนี้ เมื่อ 6 ปีก่อน มีพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ซึ่งเป็นพระราชพิธีที่รัฐบาลไทยจัดขึ้น เพื่อแสดงความอาลัยเป็นครั้งสุดท้าย ภายหลังการเสด็จสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร จัดขึ้น ณ พระเมรุมาศ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง ระหว่างวันที่ 25 - 29 ตุลาคม พ.ศ. 2560 

วันที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2560 เป็นวันถวายพระเพลิง คณะรัฐมนตรีจึงกำหนดให้เป็นวันหยุดราชการเป็นกรณีพิเศษ

สำหรับการดำเนินการพระราชพิธีฯ นั้น คณะทำงานทุกฝ่ายได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง มีการสร้างพระเมรุมาศและอาคารประกอบ เช่น พระที่นั่งทรงธรรม ศาลาลูกขุน เป็นต้น ส่วนการบูรณปฏิสังขรณ์ราชรถ ราชยาน และเครื่องประกอบพระราชพิธีนั้น ได้มีการซ่อมแซมพระมหาพิชัยราชรถ พระยานมาศสามลำคาน ราชรถน้อย และพระที่นั่งราเชนทรยาน เพื่อให้พร้อมใช้ในพิธีจริง

นอกจากนี้ยังมีการจัดสร้างราชรถ ราชยานขึ้นมาใหม่ คือ ราชรถปืนใหญ่และพระที่นั่งราเชนทรยานน้อย รวมทั้งประติมากรรมประกอบพระเมรุมาศในพระราชพิธีครั้งนี้ได้มีการปรับปรุงให้มีความร่วมสมัย โดยมีสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (พระนามาภิไธยในขณะนั้น) ทรงเป็นองค์วินิจฉัยในการจัดสร้างพระเมรุมาศ
 

'ศาลฯ' ลงดาบ!! หนุ่มคะนองแชร์คลิปตัดต่ออนาจาร 'ศรีริต้า' คุก 12 เดือน ปรับ 6 หมื่น ชดใช้ค่าเสียหายอีก 1 แสน

(25 ต.ค. 66) ศาลอาญาอ่านคำพิพากษา คดีที่ น.ส.ศรีริต้า เจนเซ่น ณรงค์เดช ดาราสาวชื่อดัง เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง หนุ่มแชร์คลิปตัดต่ออนาจารในสื่อออนไลน์ เป็นเหตุให้เสื่อมเสียชื่อเสียงและได้รับความเสียหาย เหตุเกิดเมื่อวันที่ 7 ก.ค. 2564

โดยวันนี้ น.ส.ศรีริต้า โจทก์ เดินทางมาฟังคำพิพากษาพร้อมด้วยนายกรณ์ ณรงค์เดช สามี และน.ส.ศรันยา หวังสุขเจริญ หรือ ทนายนิด้า

น.ส.ศรันยา หรือ ทนายนิด้า กล่าวว่า ศาลพิพากษาว่า จำเลยมีความผิด ตามพ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14(4)(5) ลงโทษจำคุก 1 ปี และปรับ 20,000 บาท, ความผิดหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 328 ลงโทษจำคุก 1 ปี ปรับ 100,000 บาท และ ทำให้ได้รับความอับอายความ ผิดลหุโทษ มาตรา 397 ลงโทษปรับ 1,000 บาท รวมโทษจำคุก 2 ปี ปรับ 121,000 บาท

จำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษกึ่งหนึ่ง คงจำคุก 12 เดือน ปรับ 60,500 บาท โทษจำคุกให้รอลงอาญาไว้ 2 ปี เนื่องจากจำเลยไม่เคยกระทำความผิด และได้วางเงินชดใช้ค่าเสียหายก่อนที่ศาลจะมีคำพิพากษา โดยให้รายงานตัวพนักงานคุมประพฤติ 4 ครั้งใน 1 ปี ทำงานบริการสังคม 24 ชั่วโมง และให้จำเลยลบ ทำลาย ข้อความอันเป็นการหมิ่นประมาทโจทก์ ให้โฆษณาคำพิพากษาในหนังสือพิมพ์ 15 วัน และโพสต์คำขออภัยลงในเฟซบุ๊กเป็นเวลา 30 วัน พร้อมกับให้จำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทน 100,000 บาทพร้อมดอกเบี้ย

น.ส.ศรันยา หรือทนายนิด้า กล่าวต่อว่า จำเลยส่งต่อข้อมูลลามกอนาจาร ซึ่งไม่ได้เป็นคนตัดต่อคลิปขึ้นมาเอง หากใครติดตามจะทราบว่าคุณศรีริต้าถูกกล่าวหาว่าไปปรากฏอยู่ในคลิปลามกอนาจาร ทั้ง ๆ ที่ปฏิเสธมาตลอดว่าเป็นคลิปตัดต่อไม่ใช่คุณศรีริต้า แต่จำเลยยังส่งต่อคลิปถือว่ามีความผิดเช่นเดียวกัน

"จากการพูดคุย อ้างว่าไม่ได้ตั้งใจ ทำไปด้วยความคึกคะนอง เมื่อได้รับหมายศาลก็สลดกันทุกคน ตนเองอยากให้ คนที่ทำแบบนี้ตระหนักได้แล้ว อย่างคุณริต้าเองวันนี้ที่ต้องมาศาลก็ต้องเสียทั้งเวลาทั้งเงิน แต่ก็เป็นสิ่งที่จำเป็นต้องทำ"

ด้าน น.ส.ศรีริต้า เจนเซ่น กล่าวว่า ขอบคุณผู้พิพากษา และทนายนิดาที่ทำให้ตนเองได้รับความเป็นธรรม ยอมรับว่าตนเองลำบากใจเพราะไม่อยากทำให้ใครเดือดร้อน ไม่ได้ทำด้วยความโกรธแค้น แต่ตนเองไม่สามารถเพิกเฉยได้จึงตัดสินใจดำเนินคดี เพื่อปกป้องชื่อเสียงศักดิ์ศรีของตัวเอง ครอบครัว โดยเฉพาะลูก ตนเองไม่อยากให้ใครเข้าใจผิดในสิ่งที่ไม่เป็นความจริงที่เข้ามาบั่นทอนชีวิตของตนเองและชื่อเสียง อยากให้เรื่องนี้เป็นกรณีตัวอย่าง เป็นบทเรียนว่าการกระทำแบบนี้สามารถเข้าไปทำลายชีวิตคนอื่นได้จริง ๆ อยากให้คิดก่อนทำ ไม่ว่าจะด้วยความตั้งใจหรือไม่ตั้งใจหรือด้วยความคึกคะนองอะไรก็ตาม อยากให้ฉุกคิดว่ามันจะไปสร้างผลกระทบต่อชีวิตคนอื่น และทำลายชีวิตใครหลาย ๆ คนตามที่เราเห็นข่าวทุกวันนี้จากอาชญากรรมไซเบอร์ อยากให้สังคมรู้ว่าบ้านเมืองมีกฎหมายมีศาล จึงยิ่งทำให้ตนเองไม่สามารถเพิกเฉยกับเรื่องดังกล่าวได้จริง ๆ ถึงแม้จะไม่รู้ว่าใครเป็นคนตัดต่อ แต่วันนี้รู้ว่าใครเป็นคนแชร์คลิป ทั้งที่ปฏิเสธแล้วว่าไม่ใช่ตนเองแต่ก็ยังแชร์คลิปอยู่

ขณะที่นายกรณ์ ณรงค์เดช สามีดาราสาว กล่าวว่า วันนี้ดีใจกับภรรยาและขอบคุณกระบวนการยุติธรรม เพราะเป็นสิ่งที่ภรรยาทุกข์ใจหนักใจมาโดยตลอด หากหลายคนจำได้ตอนที่เกิดเรื่อง ภรรยากำลังตั้งท้อง กระทบจิตใจอย่างรุนแรง และตลอดระยะเวลาที่อยู่ในวงการวางตัวดีมาตลอดไม่เคยมีข่าวเสื่อมเสียใด ๆ วันนี้จะได้เคลียร์ให้ชัดว่าผู้หญิงที่อยู่ในคลิปเป็นการตัดต่อไม่ใช่ภรรยา และถือว่าได้เคลียร์ชื่อเสียง 100% เปอร์เซ็นต์

สื่อเกาหลีชม 'ลิซ่า' รวยล้นฟ้า แต่ยังนั่งเครื่องบินชั้นประหยัด แถมชอบใช้ชีวิต 'ธรรมดา-ติดดิน' แม้จะเป็นคนดังระดับโลก

แม้จะเป็นป็อปสตาร์ตัวท็อปที่โด่งดังระดับโลก แต่ ‘ลิซ่า ลลิษา มโนบาล’ หรือ ‘ลิซ่า BlackPink’ ก็ยังเลือกที่จะใช้ชีวิตธรรมดาติดดิน เหมือนคนทั่วไป เมื่อล่าสุดสื่อเกาหลีชื่นชมที่เจ้าตัวยังโดยสารเครื่องบินในชั้นประหยัดแม้ว่าจะมีเงินมหาศาลก็ตาม

ตามรายงานจากสื่อเกาหลีชื่อดัง ได้รายงานถึงเรื่องราวดังกล่าวเมื่อวันที่ 23 ต.ค. ที่ผ่านมาว่า ลิซ่า ได้เดินทางแบบไปเช้าเย็นกลับกับเพื่อน ๆ และเนื่องจากเป็นการเดินทางระยะสั้น เธอจึงแต่งตัวสบาย ๆ แต่เพราะความดังและความโดดเด่นของลิซ่า จึงทำให้เธอเป็นที่สนใจจากบุคคลโดยรอบ

การเดินทางจากเวียดนามกลับไทยครั้งนี้ ลิซ่าเลือกที่จะโดยสารเครื่องบินในชั้นประหยัดร่วมกับเพื่อน ๆ และยังยืนต่อแถวรอเช็กอินเหมือนคนอื่น ๆ พร้อมกับเอร็ดอร่อยกับอาหารว่างที่ซื้อมากินระหว่างรอขึ้นเครื่องบิน

ซึ่งแม้จะรวยมีเงินมหาศาล แต่ความถ่อมตน และ ติดดินของลิซ่า ก็ได้ใจแฟน ๆ ไปไม่น้อย ซึ่งส่วนมากเข้ามาแสดงความคิดเห็นว่า “ลิซ่าเจ๋งสุดๆ”, “สุดยอดเลย ลิซ่า”, “ลิซ่า วิเศษที่สุด”, “แม้ว่าเธอจะโด่งดัง แต่มิตรภาพระหว่างเธอกับเพื่อนยังแน่นแฟ้น”, “ขนาดใส่ชุดธรรมดา แต่ลิซ่าก็ยังดูเด่นมาก” ฯลฯ

แม้ว่าบนเวทีคอนเสิร์ต ลิซ่าจะดูสวยสง่าและดูเข้าไม่ถึง แต่เมื่ออยู่ร่วมกับเพื่อน ๆ ลิซ่า มักจะทำตัวธรรมดา และชื่นชอบที่จะออกไปลองอาหารที่ขายตามข้างทาง ชนิดที่หลงใหลอาหารไทยแบบสุด ๆ จนกลายเป็นซอฟต์พาวเวอร์ที่ทำให้อาหารไทยฟีเวอร์ไปทั่วบ้านทั่วเมืองอีกด้วย

ยอมใจ!! 'สาวจีน' ปั่นจักรยาน 4,000 กิโลเมตร เพื่อมาเรียนมวยไทย กับ 'บัวขาว บัญชาเมฆ'

(25 ต.ค.66) นับว่าเป็นเรื่องราวดี ๆ ของวงการมวยไทย หลังจากเพจเฟซบุ๊ก Banchamek Gym (Buakaw Banchamek, บัวขาว บัญชาเมฆ) ได้เผยว่า มี ผู้หญิงชาวจีน ลงทุนลงแรงปั่นจักรยาน 4,000 กิโลเมตร มาเรียนมวยไทยกับ บัวขาว บัญชาเมฆ ที่ค่ายในจังหวัดเชียงใหม่ นับเป็น ซอฟต์พาวเวอร์ชั้นดี จนกลายเป็นที่ฮือฮาในประเทศจีนอย่างมาก

เพจของบัวขาว ระบุว่า “นี่ก็อีกราย Soft power อีกราย คนนี้จากประเทศจีน ตอนนี้ติดชาร์ตอันดับที่ 3 ของเวยป๋อละ กับการที่ หลี่ เจิน เซียง สาวจีน จากเมืองเหมียนหยาง มณฑลเสฉวน ได้ตัดสินใจขี่จักรยาน เป็นระยะทางกว่า 4,000 กิโลเมตร มายังประเทศไทยเพื่อทำความฝันให้สำเร็จในการมาฝึกซ้อมมวยไทยที่ค่ายพี่บัวขาวที่เชียงใหม่ละขึ้นชก ในประเทศต้นตำรับของมวยไทย พวกเรามาเอาใจช่วยกันครับ เผื่อใครในนี้เจอเขา ก็ทักยิ้มให้บ้างช่วยกันแสดงความเป็นเจ้าบ้านที่ดี และต้อนรับเขาในฐานะที่ชื่นชอบมวยไทยเหมือนกัน เราควรภาคภูมิใจที่ชาวต่างชาติต่างหลงใหลในมวยไทยที่เป็นศิลปะการต่อสู้ประจำชาติของเรา”

25 ตุลาคม พ.ศ. 2473 พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชทานปริญญาบัตรครั้งแรกแห่งกรุงสยาม

วันนี้ เมื่อ 93 ปีก่อน พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 เสด็จพระราชดำเนินพระราชทานปริญญาบัตรแก่บัณฑิต ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นับเป็นพิธีพระราชทานปริญญาบัตรครั้งแรกแห่งกรุงสยาม

วันที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2473 พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี เสด็จฯ พระราชทานปริญญาบัตรเวชศาตรบัณฑิต (ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็นแพทยศาสตรบัณฑิต) ณ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งนับเป็นครั้งแรกของไทยที่มีการพระราชทานปริญญาบัตร ณ ห้องประชุมตึกบัญชาการ (ตึก 1 คณะอักษรศาสตร์ปัจจุบัน) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระบรมราชินีเสด็จพระราชดำเนินเข้าสู่ห้องประชุม พระวรวงศ์เธอ กรมหมื่นพิทยลาภพฤฒิยากร-เสนาบดีกระทรวงธรรมการ ทูลเกล้าฯ ถวายฉลองพระองค์ครุยบัณฑิตพิเศษแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จากนั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานครุยกิตติมศักดิ์แก่ข้าราชการของมหาวิทยาลัย 2 ท่าน คือ

1.บัณฑิตชั้นโท (มหาบัณฑิตในปัจจุบัน) ทางวิทยาศาสตร์แก่พระยาภะรตราชา (หม่อมหลวงทศทิศ อิศรเสนา) ผู้บัญชาการ (อธิการบดีในขณะนั้น)

2.บัณฑิตชั้นเอก (ดุษฎีบัณฑิตในปัจจุบัน) แก่ศาสตราจารย์ น.พ. A.G.Ellis คณบดีคณะแพทยศาสตร์ (ต่อมาเป็นอธิการบดีของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ระหว่าง พ.ศ. 2478-2479)

จากนั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานประกาศนียบัตร (ปริญญาบัตรในปัจจุบัน) แก่เวชบัณฑิตชั้นตรี จำนวน 29 คน ประกอบด้วยผู้สอบได้บัณฑิตชั้นตรีในปี 2471 จำนวน 18 คน และปี 2472 จำนวน 16 คน

โดยในครั้งนั้นพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทานพระบรมราโชวาท ตอนหนึ่งความว่า "ข้าพเจ้ามีความยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้มีโอกาสมาให้ปริญญาแก่นักเรียนมหาวิทยาลัยเป็นครั้งแรกในวันนี้ นับว่า เป็นวันสำคัญสำหรับประวัติการของมหาวิทยาลัย และโดยเหตุนั้น นับว่าเป็นวันสำคัญในประวัติการของประเทศสยามด้วย เพราะว่า ไม่ว่าประเทศใด ๆ ความเจริญของประเทศนั้นย่อมวัดด้วยความเจริญของการศึกษานั้นอย่างหนึ่ง ในประเทศสยามนี้ ต้องนับว่า การมหาวิทยาลัยยังล้าหลังอยู่มาก ที่เป็นเช่นนั้นก็ด้วยเหตุผลหลายประการคือ การที่จะตั้งมหาวิทยาลัยให้ใหญ่โตนั้น ถ้าเอาเงินถมลงไปก็อาจทำได้ แต่ถ้าวิชาที่สอนนั้นประชาชนยังไม่ต้องการ หรือสอนไปไม่เป็นประโยชน์ในทางอาชีพของเราแล้ว การที่จะตั้งเช่นนั้นก็หาเป็นประโยชน์"

‘YG’ คอนเฟิร์ม ‘จีซู BlackPink-อันโบฮยอน’ เลิกกันแล้ว หลังทั้งคู่เพิ่งประกาศคบกันได้เพียง 2 เดือนเท่านั้น

(24 ต.ค.66) คนในวงการบันเทิงเกาหลีใต้ ได้เปิดเผยกับสื่อท้องถิ่นของที่นั่นว่า “ความสัมพันธ์ของจีซูและอันโบฮยอน เริ่มจะห่าง ๆ กันไปเอง เพราะทั้งคู่ยุ่งกับงานมาก และล่าสุดทั้งสองก็เพิ่งจะเลิกกันไปแล้ว"

ขณะเดียวกัน YG Entertainment ต้นสังกัดของ BLACKPINK ก็ได้ออกมายืนยันข่าวอย่างทางเป็นทางการว่า “เป็นเรื่องจริงที่จีซูและอันโบฮยอนเลิกกัน”

โดยก่อนหน้านี้มีการเปิดเผยว่า ‘จีซู’ และ ‘อันโบฮยอน’ กำลังออกเดตกันเมื่อเดือนสิงหาคม โดย จีซู ในวัย 28 ปี เป็นสมาชิกของเกิร์ลกรุ๊ปที่ดังที่สุดในเกาหลี ส่วนฝ่ายชาย ในวัย 35 ปี เป็นทั้งนายแบบและนักแสดง โดยเริ่มมีผลงานการแสดงเมื่อปี 2014 และเริ่มมีชื่อเสียงจากการเล่นซีรีส์ Itaewon Class (2020) รวมถึงได้รับรางวัล Excellence Award สาขานักแสดงนำชายจากบทบาทของเขาใน Yumi's Cells และ My Name ในงาน APAN Star Awards

'อนุทิน' ชื่นชมหนัง 'สัปเหร่อ' ยกของดีที่ควรต้องโชว์  ตัวอย่างความสำเร็จซอฟต์พาวเวอร์ผ่านวิถีชาวบ้าน

(24 ต.ค.66) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกระแสภาพยนตร์เรื่อง ‘สัปเหร่อ’ ว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ คือตัวอย่างความสำเร็จจากการนำเสนอสิ่งที่เป็นวิถีของชาวบ้าน หลายสิ่งหลายอย่างเราเคยสงสัย หนังเรื่องนี้ เฉลยไว้หมดแล้ว แล้วยังให้แง่คิดเรื่องชีวิต ครอบครัว ความรัก ไว้ด้วย หนังทำให้เราเห็นว่า วิถีไทย ไทยสไตล์ ไม่ว่าจะรูปแบบไหน ก็ต่างมีเสน่ห์ทั้งนั้น ไม่ต้องไปทำตามแบบใครเลย ภูมิใจในความเป็นเรานี่เอง ดีที่สุด ต้องชื่นชมคนนำเสนอที่ภูมิใจในวิถีของตัวเอง กล้านำเสนอ อย่างตรงไปตรงมา กินใจผู้ชม ของอะไรก็ตาม มันมีดี ให้โชว์ทั้งนั้น ขอแค่ภูมิใจ แล้วกล้าโชว์ อย่าไปมองว่า เราด้อยกว่าเขา เราอ่อนกว่าเขาเด็ดขาด กับของไทยๆ สินค้าไทย กับฝีมือคนไทย มั่นใจว่าไม่แพ้ใครในโลก“อย่าง OTOP สำหรับผม ผมว่าหลายอย่างงดงามระดับโลกเลยนะ ผ้าไทย ผมใส่โชว์เลย ก็มันสวย แล้วผมก็เป็นคนที่ภาคภูมิใจในการใช้ของไทยอยู่แล้ว ถ้า

เรากล้าอวดซะอย่าง ของที่เราอวดมันก็มีคุณค่าขึ้นมาแล้ว เหมือนหนังเรื่องไทบ้าน ก่อนที่จะมีสัปเหร่อ คนทำเขากล้า หนังมันก็ได้ฉาย อย่างน้อยที่สุด สมมติ ถ้าไม่ได้กำไร ขาดทุน แต่เรื่องราววิถีไทบ้านที่เขาอยากนำเสนอมันก็ไปถึงคนอื่นๆ แล้ว ใครอยากจะปั้น Soft Power ไทยต้องกล้าทำ กล้าโชว์ก่อน ถ้ามานั่งกล้าๆ กลัวๆ ที่แย่กว่าคือด้อยค่ากันเอง แบบนั้นไปไม่รอด ถ้วยกาแฟใบโปรดของผมก็ซื้อจากงาน OTOP สวยงามมาก ผมยังโพสต์อวดอยู่เลย” นายอนุทิน กล่าว

24 ตุลาคม พ.ศ. 2488 องค์การสหประชาชาติ ได้รับการสถาปนาอย่างเป็นทางการ

วันนี้ เมื่อ 78 ปีก่อน องค์การสหประชาชาติ หรือ ‘ยูเอ็น’ (United Nation: UN) ได้รับการสถาปนาอย่างเป็นทางการ จึงถือเอาวันที่ 24 ตุลาคม ของทุกปีเป็น ‘วันสหประชาชาติ’

24 ตุลาคม พ.ศ. 2488 องค์การสหประชาชาติ หรือ ‘ยูเอ็น’ (United Nation: UN) ได้รับการสถาปนาอย่างเป็นทางการ หลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 สงบลง โดยมีประเทศสมาชิกผู้เริ่มก่อตั้ง 51 ประเทศ นำโดยประเทศมหาอำนาจของโลกอย่าง สหรัฐอเมริกา อังกฤษ ฝรั่งเศส สหภาพโซเวียต และจีน ลงนามให้สัตยาบันรับรอง ‘กฎบัตรสหประชาชาติ’ (United Nations Charter) ซึ่งเป็นธรรมนูญของสหประชาชาติมีผลบังคับใช้ 

ยูเอ็นเป็นองค์การระหว่างประเทศ ก่อตั้งขึ้นโดยมีจุดประสงค์เพื่อสนับสนุนให้ทั่วโลกเกิดสันติภาพและความยุติธรรม มีความมั่นคงระหว่างประเทศ พัฒนาสัมพันธ์ไมตรีระหว่างประเทศ แก้ปัญหาเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม มนุษยธรรม สิทธิมนุษยชน และเป็นศูนย์กลางความร่วมมือและประสานงานของชาติต่าง ๆ ปัจจุบันมีสมาชิกทั้งหมด 192 ประเทศ (เกือบทุกประเทศในโลก) สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่กรุงนิวยอร์ก และถือเอาวันที่ 24 ตุลาคม ของทุกปีเป็น ‘วันสหประชาชาติ’

‘วันเดอร์เฟรม’ ระบายทั้งน้ำตา หลังโดนบูลลี่รูปร่างจนเสียความมั่นใจ วอน ขอให้โฟกัสที่ผลงาน-หยุดบูลลี่คนอื่น เพราะคนที่โดนจำไม่เคยลืม

(23 ต.ค. 66) ทำเอานักร้องสาวมากความสามารถ อย่าง ‘เฟรม-ศุภัคชญา สุขใบเย็น’ หรือ ‘วันเดอร์เฟรม’ วัย 29 ปี ออกมาระบายความรู้สึก เมื่อถูกคอมเมนต์วิจารณ์รูปร่าง หลังจากขึ้นโชว์คอนเสิร์ตหนึ่ง แล้วมีการเผยแพร่คลิป โดยมีบางคอมเมนต์บางส่วนโฟกัสไปที่หุ่นแทน ในทำนองว่า “วันเดอร์เฟรมตอนแรกผอมนะ พอมาตอนนี้ระยะอวบเลย”

เมื่อล่าสุด วันเดอร์เฟรม ได้อัดคลิประบายความในใจทั้งน้ำตา เกี่ยวกับคำวิจารณ์ดังกล่าว พร้อมกับระบุแคปชัน “เราโดนล้อเรื่องน้ำหนักมาตั้งแต่จำความได้ ผ่านมา 29 ปี สังคมแห่งการบูลลี่นี้ไม่มีอะไรพัฒนาเลย คนพิมพ์แป๊ปเดียวก็ลืม แต่คนที่โดนอะไม่เคยลืมเลย”

โดยเนื้อหาในคลิปนี้ วันเดอร์เฟรม ได้พูดเอาไว้ว่า “คือเราอ่ะ ตอนแรกเราผอมกว่านี้เยอะ แต่ว่าเราขาหัก เราก็เลยไม่ได้ขยับร่างกาย เพราะว่าเราเดินไม่ได้อยู่ 2 เดือน น้ำหนักเราก็เลยขึ้นมา และนั่นก็คือเป็นคอนเสิร์ตแรกหลังจากที่... (ร้องไห้) เป็นคอนเสิร์ตแรกหลังจากที่เราเดินได้ และกลับมาเต้นได้

ซึ่งเราก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงต้องมาบูลลี่เราขนาดนี้ น้ำหนักเราขึ้นอ่ะ มันก็ขึ้นที่ตัวเราเอง ไม่ได้ไปขึ้นกับพวกคุณสักหน่อย ทำไม... จริงๆ เรารู้สึกดีกับร่างกายตัวเองนะ แต่เราก็ไม่เข้าใจว่าทุกครั้งที่เราเห็นคอมเมนต์พวกนี้ มันทำให้เราแบบ... มันทำให้เรา รู้สึกมั่นใจในตัวเองน้อยลงอ่ะ ซึ่งจริงๆ มันไม่ควรเป็นแบบนั้นเลย”

วันปิยมหาราช ๒๓ ตุลาคม วันคล้ายวันสวรรคต พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว

วันที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2453 นับเป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์ที่สร้างความเศร้าโศกให้กับประเทศไทยครั้งใหญ่หลวง เมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทรงเสด็จสวรรคต ณ พระที่นั่งอัมพรสถานพระราชวังดุสิต

พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระนามเดิมว่า สมเด็จเจ้าฟ้าจุฬาลงกรณ์ พระราชสมภพเมื่อวันที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2396 เป็นพระราชโอรสองค์ที่ 4 ในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระนางเจ้าฟ้ารำเพยภมราภิรมย์ (สมเด็จพระเทพศิรินทรา พระบรมราชินี) เมื่อพระชนมายุได้ 9 พรรษา ทรงได้รับสถาปนาขึ้นเป็น ‘กรมหมื่นพิฆเนศวรสุรลังกาศ’ ต่อมาเมื่อพระชนมายุได้ 13 พรรษา ทรงได้รับสถาปนาขึ้นเป็น ‘กรมขุนพินิตประชานาถ’ บรมราชาภิเษกครั้งแรกเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2411 ทรงพระนามว่า ‘พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว’

เนื่องจากขณะนั้นมีพระชันษาเพียง 16 ปี ยังไม่ทรงบรรลุนิติภาวะ สมเด็จพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) จึงเป็นผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน และสถาปนากรมหมื่นบวรวิชัยชาญ พระโอรสองค์ใหญ่ของพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นกรมพระราชวังบวรวิชัยชาญพระมหาอุปราช

ระหว่างที่สมเด็จพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ เป็นผู้สำเร็จราชการอยู่นั้น สมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯ ก็ทรงใช้เวลาศึกษาเล่าเรียนศิลปวิทยาเป็นอันมาก เช่น โบราณราชประเพณี รัฐประศาสน์ โบราณคดี ภาษาบาลี ภาษาอังกฤษ วิชาปืนไฟ วิชามวยปล้ำ วิชากระบี่กระบอง และวิชาวิศวกรรม

ในตอนนี้ยังได้เสด็จประพาสสิงคโปร์และชวา 2 ครั้ง เสด็จประพาสอินเดีย 1 ครั้ง การเสด็จประพาสนี้มิใช่เพื่อสำราญพระราชหฤทัย แต่เพื่อทอดพระเนตรแบบแผนการปกครองที่ชาวยุโรปนำมาใช้ปกครองเมืองขึ้นของตน เพื่อจะได้นำมาแก้ไขการปกครองของไทยให้เหมาะสมแก่สมัยยิ่งขึ้น ตลอดจนการแต่งตัว การตัดผม การเข้าเฝ้าในพระราชฐานก็ใช้ยืน และนั่งตามโอกาสสมควร ไม่จำเป็นต้องหมอบคลานเหมือนแต่ก่อน

เมื่อพระชนมายุบรรลุพระราชนิติภาวะ ได้ทรงผนวชเป็นเวลา 2 สัปดาห์ แล้วจึงประกอบพระราชพิธีบรมราชาภิเษกเป็นครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2416 และนับจากนั้นมาก็ทรงพระราชอำนาจเด็ดขาดในการบริหารราชการแผ่นดิน

ตลอดระยะเวลาที่ทรงครองสิริราชสมบัติ ทรงปกครองทำนุบำรุงพระราชอาณาจักรให้มั่งคั่งสมบูรณ์ ด้วยรัฐสมบัติ พิทักษ์พสกนิกรให้อยู่เย็นเป็นสุข บำบัดภัยอันตรายทั้งภายในภายนอกประเทศ ทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจต่าง ๆ อันก่อให้เกิดคุณประโยชน์แก่ประเทศชาติ ให้รอดพ้นจากวิกฤตการณ์ และสามารถธำรงเอกราชไว้ตราบจนทุกวันนี้

พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวสวรรคตเมื่อวันที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2453 รวมพระชนมายุได้ 58 พรรษา ครองราชสมบัติมานานถึง 42 ปี

ในรัชสมัยของพระองค์ สยามประเทศได้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่สร้างความวัฒนาให้กับชาติเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็น การไฟฟ้า การไปรษณีย์ โทรเลข โทรศัพท์ ฯลฯ ด้วยพระราชกรณียกิจที่ยังความผาสุกให้เกิดแก่ประชาชน ทวยราษฎร์ทั้งปวงจึงน้อมใจแสดงความจงรักภักดี ด้วยการถวายพระนามว่า ‘พระปิยมหาราช’ หรือพระพุทธเจ้าหลวง และกำหนดให้ทุกวันที่ 23 ตุลาคม เป็น ‘วันปิยมหาราช’

‘สัปเหร่อ’ ตัวอย่าง ‘วิถีไทย’ ความจริงใจที่ไม่ปรุงแต่ง ฝ่าแรงบูลลี่ ‘วิถีเชย’ ด้วย ‘ความซื่อ’ ที่น่าอวด

(22 ต.ค.66) จากเฟซบุ๊ก ‘KUL’ โดย ‘นายกุลวิชญ์ สำแดงเดช’ ผู้ดำเนินรายการ Ringside การเมือง ได้โพสต์ข้อความถึงหนังไทยกระแสแรงอย่าง ‘สัปเหร่อ’ ที่กำลังไล่ล่าความสำเร็จและรายได้อย่างมากมาย ไว้ว่า…

“จริงใจ ไม่ปรุงแต่ง
10/10 #อวดดี

เราอาจจะเคยได้ยินพวกที่ป่าวประกาศว่ารักหนังไทย รักวัฒนธรรมไทย แต่กลับบูลลี่เหยียดหยันความเป็นวิถีไทย ว่า ‘เชย, ล้าหลัง’ ฯลฯ

อย่างไรก็ตาม หนังเรื่องนี้ มองมุมต่าง ซึ่งจริงๆ หนังในจักรวาลไทยบ้านทุกเรื่อง คือ การเอาสิ่งที่บางคนกังขา มานำเสนออย่างตรงไปตรงมา

ความเป็นไทยบ้าน ที่ซื่อ ทื่อ ดิบ มันอาจจะไม่ศิวิไลซ์ แต่วัฒนธรรมแบบนี้ ก็สร้างคนให้เติบโตมาเป็นล้านๆ คน

ผมว่า คนนำเสนอ เขาภูมิใจในสิ่งที่เขาเป็นนะ และบางที การเป็นตัวเองนี่แหละคือดีที่สุด

มันไม่ต้องไปพยายามเป็นคนอื่นหรอก

นี่คือตัวอย่างของคำว่า วิถีไทย มันไม่น่าอาย มันโชว์ได้

มัน #อวดดีได้”


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top