Monday, 9 June 2025
LITE

3 กรกฎาคม พ.ศ. 2566 ‘รถไฟฟ้าสายสีเหลือง’ เปิดให้บริการอย่างเป็นทางการ ถือเป็นรถไฟฟ้ายกระดับแบบรางเดี่ยว สายแรกของไทย

รถไฟฟ้ามหานคร สายนัคราพิพัฒน์ (ลาดพร้าว-ศรีนครินทร์-สำโรง) หรือ รถไฟฟ้ามหานคร สายสีเหลือง ซึ่งเรียกตามสีที่กำหนดในแผนแม่บทโครงการระบบขนส่งมวลชนทางรางในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล เป็นโครงการระบบขนส่งมวลชนรองในพื้นที่กรุงเทพมหานครฝั่งตะวันออก ตลอดจนถึงพื้นที่ส่วนเหนือของจังหวัดสมุทรปราการ ดำเนินการโดย บริษัท อีสเทิร์น บางกอกโมโนเรล จำกัด โดยได้รับสัญญาสัมปทานจาก การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย ดำเนินการในรูปแบบรถไฟฟ้ายกระดับแบบรางเดี่ยว หรือ โมโนเรล เริ่มก่อสร้างในปี พ.ศ. 2559 ก่อนหยุดการก่อสร้างไประยะหนึ่งเนื่องจากสถานการณ์การระบาดทั่วของโควิด-19 ในประเทศไทย ตั้งแต่ พ.ศ. 2563 - พ.ศ. 2564 จนในที่สุดได้เปิดให้สาธารณชนทดลองใช้งานในวันที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2566 และมีพิธีเปิดทดลองการเดินรถอย่างเป็นทางการในวันที่ 19 มิถุนายน และเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการในวันที่ 3 กรกฎาคมปีเดียวกัน 

โดยคณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติโครงการเมื่อวันที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2559 ในรูปแบบหุ้นส่วนมหาชน-เอกชน (Public Private Partnership: PPP) โดยให้รัฐบาล โดย รฟม. เป็นผู้ลงทุนจัดสรรกรรมสิทธิ์ที่ดิน และการเวนคืนที่ดินเพื่อใช้ในโครงการ และเอกชนเป็นผู้ลงทุนในงานโยธา ระบบรถไฟฟ้า ตลอดจนดำเนินระบบรถไฟฟ้าและกิจการจนครบสัญญา

ทั้งนี้ นาม ‘นัคราพิพัฒน์’ เป็นชื่อที่พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระราชทานเพื่อเป็นชื่ออย่างเป็นทางการของโครงการรถไฟฟ้ามหานคร สายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง มีความหมายว่า ‘ความเจริญแห่งเมือง’ โดยกระทรวงคมนาคมเป็นผู้รับมอบนามเมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2567

เส้นทางสายนี้เกิดขึ้นครั้งแรกใน พ.ศ. 2543 โดยเป็นการรวมเส้นทางระบบขนส่งมวลชนรองช่วงรัชโยธิน-ศรีเอี่ยม และสำโรง-ศรีสำโรง ให้เป็นเส้นทางเดียวกัน แต่ได้ถูกนำออกไปเมื่อครั้งปรับปรุงแผนแม่บทปี พ.ศ. 2547 และนำกลับมาอีกครั้งในการปรับปรุงแผนแม่บท พ.ศ. 2549 โดยพิจารณาแยกเส้นทางออกเป็นสองช่วง คือช่วงแรกให้เป็นรถไฟฟ้ารางเดี่ยวตั้งแต่ รัชดา-ลาดพร้าว จนถึงพัฒนาการแล้วเปลี่ยนเป็นรถไฟฟ้ารางหนักไปจนถึงสถานีสำโรง และใน พ.ศ. 2551 ได้มีการปรับปรุงเส้นทางสายสีเหลืองให้เป็นรถไฟฟ้าวงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร ก่อนปรับปรุงใหม่อีกครั้งใน พ.ศ. 2553 โดยลดเส้นทางเหลือเพียงช่วง ลาดพร้าว–สำโรง และให้ดำเนินการเป็นระบบรถไฟฟ้ารางเดี่ยวทั้งสาย

สื่อเกาหลี ตีข่าว 'LISA-ROCKSTAR' ปังระดับโลก สะกดหัวใจผู้ฟัง ถล่มท็อปชาร์ตในหลายประเทศ

(2 ก.ค. 67) ผ่านมา 4 วันแล้วหลังจาก ลิซ่า ลลิษา มโนบาล ร็อกเยาวราช ปล่อยเพลง ROCKSTAR สนั่นชาร์ตทั่วโลก กวาดสถิติ 4 วันยอดชมแล้ว 67.76 ล้านครั้ง และยังคงติดเพลงมาแรงอันดับหนึ่งในแพลตฟอร์ม YouTube และ ROCKSTAR เป็นผลงานแรกของลิซ่าในฐานะศิลปินเดี่ยว ภายหลังเปิดบริษัท LLOUD ของตัวเอง ซึ่งเป็นพาร์ตเนอร์ร่วมกับ Sony Music และ RCA Records

ล่าสุด เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม Allkpop สื่อบันเทิงเกาหลีใต้ ได้รายงานว่า ลิซ่า แบล็กพิงก์ ‘ROCKSTAR’ ประสบความสำเร็จในระดับโลก กวาดท็อปชาร์ตทั่วโลก

ความว่า ลิซ่า แบล็กพิงก์ สะกดหัวใจผู้ฟังจากทั่วโลกด้วยซิงเกิลใหม่ของเธอ ROCKSTAR ผลงานในนามของศิลปินเดี่ยวเต็มตัว

เริ่มตั้งแต่การปล่อยเพลง ROCKSTAR ด้วยการติดอันดับ 8 ของเพลงฮิตจากทั่วโลก ของ Spotify สหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดในกลุ่มของศิลปินหญิงเดี่ยว เค-ป๊อป ที่ทำได้ โดยซิงเกิลเดียวกันนี้ ยังแซงหน้าผลงานของเธอเองอย่าง LALISA และ MONEY ที่ทำสถิติตอนเปิดตัวไว้ที่อันดับ 15 และ 28 ตามลำดับ

ขณะที่ในประเทศบ้านเกิดของเธออย่าง ‘ประเทศไทย’ ROCKSTAR ครองชาร์ตอันดับ 1 ในทันที โดยมีการสตรีมไปแล้วกว่า 2.57 ล้านครั้ง สร้างสถิติใหม่ยอดสตรีมรายวันสูงสุด สำหรับอัลบั้มที่ปล่อยในไทย

ส่วนมิวสิกวิดีโอ ROCKSTAR ยังสะท้อนให้เห็นถึงความนิยมของลิซ่า จากการกวาดชาร์ตอันดับ 1 ในหลายประเทศ เช่น ออสเตรเลีย อังกฤษ ฝรั่งเศส มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ประเทศไทย เกาหลีใต้ ตุรกี และเม็กซิโก นอกจากนี้ยังติดอันดับชาร์ต YouTube Music Video Trending Worldwide อีกด้วย

อย่างไรก็ตาม Allkpop ยังระบุอีกว่า ROCKSTAR นำเสนอการแร็ปที่มีไดนามิก และเสียงร้องที่มีพลังของเธอ ซิงเกิลที่โดดเด่นและอินเทรนด์นี้ ตอกย้ำถึงปรากฏการณ์ของลิซ่าในฐานะศิลปินเดี่ยว นอกเหนือไปจากวงการเค-ป๊อป

‘นิธิพัฒน์’ ชื่นชม!! ‘ไอยู’ ศิลปินเบอร์หนึ่งเกาหลี ขณะทัวร์คอนที่ไทย ศึกษาภาษาไทยไว้คุยกับแฟนคลับ พร้อมร้องเพลง ‘รักแรก’ แม้ร้องยาก

(2 ก.ค.67) นายนิธิพัฒน์ พันธุ์ธุมจินดา ผู้จำกัดนิยามตนเองว่าเป็น 'คนขายปลา' ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก 'Nithipat Bhandhumachinda' ว่า...

ท่ามกลางกระแสของน้องลิซ่าที่โด่งดังในระดับโลกจากการออกโซโล่เพลงใหม่เพลงแรกในสังกัดของตัวเอง

ก็มีเรื่องน่ารัก ๆ ที่อาจไม่ดังในสังคมไทยในวงกว้าง แต่เป็นที่ชื่นชมกันมาก ๆ ในกลุ่มแฟนานุแฟนของ ‘น้องไอยู’ ศิลปินเกาหลีตัวยืนหนึ่งของเกาหลีที่มาแสดงคอนเสิร์ตที่เมืองไทยในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

การมาเยือนประเทศไทยเป็นส่วนหนึ่งของการเดินทางแสดงคอนเสิร์ตทั่วโลกของไอยูในช่วงปีนี้ โดยนอกจากแสดงในหลาย ๆ ประเทศในเอเชียแล้ว ก็ยังเป็นการเดินทางออกแสดงครั้งแรกของเธอตามเมืองใหญ่ ๆ ในยุโรปและสหรัฐฯด้วย

สิ่งที่น่าชื่นชมมาก ๆ ก็คือ ในการแสดงที่มีคิวยาวเหยียดในหลาย ๆ ประเทศขนาดนี้ น้องเขาก็ยังอุตส่าห์หาเวลามาศึกษาประโยคภาษาไทยหลาย ๆ ประโยคไว้พูดคุยเอาใจแฟนเพลงชาวไทย อีกทั้งยังร้องเพลง ‘รักแรก’ ซึ่งเป็นเพลงไทยที่ร้องค่อนข้างยาก ได้อย่างไพเราะและออกเสียงได้ค่อนข้างชัดเจนอีกด้วย

และที่น่าชื่นชมมากขึ้นไปอีกก็คือ คราวที่เธอมาแสดงที่ประเทศไทยเมื่อห้าปีก่อนนั้น มีแฟนคลับชาวไทยมอบตุ๊กตาน้องช้างตัวหนึ่งให้เป็นของขวัญ ซึ่งเธอก็ตั้งชื่อให้ว่าน้อง ‘แทบัง’ และก็เห็นพาไปไหนมาไหนในเกาหลีด้วยบ่อย ๆ

แล้วเมื่อกลับมาเมืองไทยคราวนี้ ก็ไม่ลืมที่จะอุ้มน้องแทบังนี้กลับมาเยี่ยมบ้านเกิด แถมยังยกเก้าอี้มาตั้งข้างเวทีให้น้องได้ชื่นชมการแสดงร่วมกับผู้ชมคนไทยหลายหมื่นคนอีกด้วย

ที่เล่ามาทั้งหมดนี้ นอกจากจะด้วยชื่นชอบศิลปินคนนี้เป็นพิเศษแล้ว ประเด็นสำคัญก็คือ ศิลปินที่มีคนชื่นชอบชื่นชมมานานหลาย ๆ ปีได้อย่างนี้นั้น เขารู้จักเอาใจใส่และเข้าถึงแฟนานุแฟน อย่างตั้งอกตั้งใจเป็นที่สุด

อย่างน้องลิซ่าเองนั้น แม้อาจจะเคยโดนแกล้งบ้าง หรือมีการปั่นกระแสเกลียดชังในสังคมเกาหลีบางส่วนที่พร้อมจะแสดงความเกลียดให้ได้ในทุกเรื่องอย่างไร

แต่น้องก็จะแสดงออกถึงความเป็นมิตร และแสดงถึงความรักความหวังดีที่น้องมีให้กับแฟนเพลงเกาหลีอย่างสม่ำเสมอไม่ได้น้อยไปกว่าแฟนเพลงชาติไหนใด ๆ เลย

ที่อยากจะเตือนก็คือเห็นเพื่อน ๆ บางท่านนำบทวิจารณ์ที่เขียนโดยคนเกาหลีคนหนึ่งซึ่งเขียนวิจารณ์น้องเขาในทางลบตามอคติส่วนตัว

แล้วก็เกิดกระแสปากต่อปากแสดงความชิงชังสังคมเกาหลี ซึ่งแท้จริงแล้วคนเกาหลีส่วนใหญ่เขาก็ไม่ได้มีอคติอะไรกับน้องลิซ่าและก็ยังมีแฟนคลับของน้องเขาจำนวนมหาศาลทั้งในฐานะศิลปินกลุ่มและศิลปินเดี่ยว

และที่สำคัญน้องเขาก็ยังเป็นสมาชิกวงในสังกัดของบริษัทเกาหลี ไม่ได้ตีจากไปไหน และก็ไม่ได้ต้องการให้ใครมาสร้างกระแสในทางลบระหว่างสองประเทศ

ซึ่งไม่ได้เป็นเรื่องที่ดีใด ๆ สำหรับชีวิตการงานของน้องลิซ่าเลยแม้แต่นิดเดียว

ถ้าจะหวังดีกับน้องเขาแล้ว ก็ให้น้องเขามีชีวิตการงานและอนาคตที่ดีตามแนวทางที่น้องเขาเลือกอย่างตั้งใจที่สุดเถิดนะครับ

ปล. มีเพื่อนหลายท่านถามว่าผมได้ไปดูคอนเสิร์ตน้องไอยูหรือเปล่า ก็ตอบตามตรงว่าอดไป เพราะอ้อนวอนทั้งภรรยาและลูกสาวแล้วก็ไม่มีใครยอมไปด้วย และถ้าจะไปคนเดียวก็เหมือนอีลุงผู้เหว่ว้า หน้าตาพิกลกลางมวลชนคนต่างวัยอย่างแน่นอน

2 กรกฎาคม พ.ศ. 2531 พระราชพิธีรัชมังคลาภิเษก ‘ในหลวง ร.9’ เนื่องในวโรกาสครองราชย์ยาวนานที่สุด

พระราชพิธีรัชมังคลาภิเษก เป็นพระราชพิธีที่จัดขึ้นเนื่องในโอกาสทรงครองราชย์สมบัติยาวนานกว่าพระมหากษัตริย์ไทยทุกพระองค์ เกิดขึ้นเป็นครั้งแรกในปี พ.ศ. 2451 สมัยรัชกาลที่ 5 เมื่อทรงครองราชย์ยาวนานกว่าสมเด็จพระบรมไตรโลกนารถ ซึ่งทรงครองราชย์ถึง 40 ปี นานกว่ากษัตริย์ทุกพระองค์ของกรุงสุโขทัยและกรุงศรีอยุธยา

ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตั้งการพระราชพิธีรัชมังคลาภิเษกขึ้นเฉลิมฉลองเป็นงานใหญ่ในวันที่ 11 ถึงวันที่ 18 เดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2451 และทรงครองราชย์ต่อมาจนเสด็จสวรรคตในวันที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2453 รวมเวลาในรัชสมัยได้ 42 ปี 22 วัน

ต่อมาในวันที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2531 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงครองสิริราชสมบัติ เสมอด้วยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระบรมอัยกาธิราช จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ตั้งการพระราชพิธีรัชมังคลาภิเษกขึ้นเป็นเวลา 3 วัน ตามพระราชประเพณีเมื่อครั้งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว คือ…

ในวันที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2531 ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน อุทิศถวายแด่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ณ พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย และทรงถวายเครื่องสักการะพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร และพระพุทธรูปประจำรัชกาลพระมหากษัตริย์กรุงศรีอยุธยา กรุงธนบุรี ที่หอพระราชกรมานุสร และพระพุทธรูปประจำรัชกาลพระมหากษัตริย์กรุงรัตนโกสินทร์ที่หอพระราชพงศานุสร ในวัดพระศรีรัตนศาสดาราม

วันที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2531 ซึ่งเป็นวันสมโภชสิริราชสมบัติรัชมังคลาภิเษก ทรงบวงสรวงสังเวยพระสยามเทวาธิราช ซึ่งอัญเชิญจากพระวิมานในพระที่นั่งไพศาลทักษิณ ออกประดิษฐาน ณ บุษบกมุขเด็จพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท แล้วโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้พราหมณ์เบิกแว่นเวียนเทียนสมโภชนพปฎลมหาเศวตฉัตร เครื่องราชกกุธภัณฑ์ ดวงพระบรมราชสมภพ พระสุพรรณบัฏพระปรมาภิไธย เป็นการสมโภชสิริราชสมบัติรัชมังคลาภิเษก เพื่อความไพบูลย์แห่งราชอาณาจักร ราชบัลลังก์ และอาณาประชาชนทั้งปวง

วันที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2531 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินโดยรถไฟพระที่นั่งจากสถานีรถไฟสวนจิตรลดา ไปยังจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ทรงประกอบพระราชพิธีบวงสรวงสังเวยพระมหากษัตริย์ของกรุงศรีอยุธยา ณ พลับพลาตรีมุข พระราชวังโบราณ ทรงหลั่งทักษิโณทกพระราชอุทิศพระราชกุศลถวายสมเด็จพระมหากษัตริย์ในอดีต เป็นเสร็จการพระราชพิธี

สำหรับวันประวัติศาสตร์ในปี พ.ศ. 2531 นี้ มีสิ่งที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ระลึกก็คือ สนามราชมังคลากีฬาสถาน สนามกีฬาขนาดใหญ่ที่สุดของประเทศไทย ซึ่งรองรับผู้เข้าชมในอาคารได้ถึง 80,000 คน และบนอัฒจันทร์ได้อีก 49,722 ที่นั่ง เป็นสนามกีฬาขนาดใหญ่อันดับ 55 ของโลก และอันดับที่ 17 ของเอเชีย และรัฐบาลยังได้สร้างโรงเรียนรัชมังคลาภิเษก เป็นโรงเรียนระดับสามัญศึกษา เพื่อเป็นที่ระลึกถึงวันมหามงคลนี้อีกกว่า 30 โรงเรียนด้วย

นึกถึงวันนี้แล้วก็คิดถึง ‘พ่อ’ คงไม่มีใครประเสริฐกว่านี้อีกแล้ว

Navy Time แฟนมิตติ้ง EP.3 จัดเต็มความสุข ณ กรมอู่ทหารเรือ พา 100 เอฟซีรุ่นเล็ก-ใหญ่ แฮปปี้ทริปเปี่ยมสุข-ความรู้แบบจุกๆ

NTF Meeting วนมาอีกครั้ง ใน EP.3 รอบนี้จัดใหญ่ จัดเต็ม อัดแน่นด้วยรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ และสาระความรู้แบบจุก ๆ โดย เสียงจากทหารเรือ ร่วมกับสำนักข่าวออนไลน์ THE STATES TIMES ผู้ผลิตรายการ NAVY TIME เรื่องดี ๆ ประเทศไทยยามเช้า ทาง FM 93 Mhz. จัดกิจกรรมพาเหล่า FC รายการ มากกว่า 100 คน เข้าชมกรมอู่ทหารเรือ (กรุงเทพฯ) เมื่อวันอาทิตย์ที่ 30 มิถุนายน 2567 ที่ผ่านมา ภายใต้การสนับสนุนจากผู้ใหญ่ใจดี ผลิตภัณฑ์น้ำผึ้งไทยฮันนี่ น้ำผึ้งแท้จากดอกไม้ป่า 100% ซึ่งได้รับรองมาตรฐานการส่งออก และ AGO ผู้นำด้านประตูรีโมต ครบวงจร ทันสมัย มั่นใจ ผลงานกว่า 15 ปี

งานนี้ เรียกได้ว่า ถูกใจ FC ทั้งรุ่นเล็ก รุ่นใหญ่ เพราะนอกจากจะได้พบกับ 2 ผู้ดำเนินรายการสุดฮา ไอยรา อัลราวีย์ และ ดีเจศร พ.จ.อ.อดิศร จันทรวัฒน์ แล้ว ยังถือเป็นครั้งแรกที่ได้เปิดตัว 4 ผู้ดำเนินรายการร่วมช่วงขยายเวลาออนไลน์ 08.00-08.30 น. ประกอบด้วย...

- วันอังคาร พาเรียนรู้ เรื่องราว สาระ ครบทุกมิติ ในพื้นที่กองทัพเรือ ย่านฝั่งธนบุรี กับ เต้ พัลลภ ปิยะตระกูล อินฟลูเอนเซอร์และจิตอาสาชุมชน

- วันพุธ ฟังสรุปข่าวหุ้น IP ธุรกิจ เศรษฐกิจ และเรื่องราวน่ารู้เกี่ยวกับการเงิน โดย โอ๋ อรวดี ศิริผดุงธรรม อินฟูเลนเซอร์ สายธุรกิจ

- วันพฤหัสบดี คุยสนุกสุดมัน ในแวดวงกีฬาไทย กับ กุ้ง โสพิศ ทุยเวียง ผู้ประกาศ / ผู้สื่อข่าวกีฬา NBT2HD

- และวันศุกร์ ครบทุกข่าว สาระบันเทิง ฟังไป ยิ้มไป กับพี่น้อย ศตกมล วรกุล อดีตผู้ประกาศข่าว สีสันบันเทิง ช่อง 7HD

นอกจากนี้ เหล่า FC ยังได้ตามรอย ร่วมชม วัดวงศมูลวิหาร วัดร้างที่อยู่ภายใต้การดูแล ของกรมอู่ทหารเรือ ที่พี่เต้ พัลลภ เคยเล่าไว้ในรายการ รวมถึงได้รับเกียรติจาก นาวาโทหญิง รศนา สมพงษ์ ภัณฑารักษ์ พิพิธภัณฑ์อู่เรือหลวงเฉลิมพระเกียรติ ๘๔ พรรษา ที่มาเป็นวิทยากรถ่ายทอดความรู้ให้แบบจัดเต็ม อัดแน่นตลอดเส้นทาง ทั้งนำชมร่องรอยแนวกำแพงวังเดิม, ให้ความรู้ ประวัติความเป็นมา เรื่องราวอู่เรือหลวง แห่งแรกของประเทศไทย พร้อมพาชมอุปกรณ์ เครื่องจักรพลังงานไอน้ำ ซึ่งถือว่าเป็นมรดกทางอุตสาหกรรมของไทย, และที่ขาดไม่ได้ คือ พิพิธภัณฑ์อู่เรือหลวงเฉลิมพระเกียรติ 84 พรรษา จุดหมายหลักของเหล่า FC ตัวน้อย ที่มาร่วมงาน NTF Meeting EP.3

เรียกได้ว่างานจบ ที่ความรู้สึกไม่จบ เพราะเหล่า FC ยังคงโพสต์รูปอวดกันไม่หยุด ทั้งในไลน์กลุ่ม Open Chat ของรายการ และโซเชียลมีเดียส่วนตัว นับเป็นอีกหนึ่งความประทับจากรายการ NAVY TIME เรื่องดี ๆ ประเทศไทยยามเช้า ส่วน Meeting ครั้งต่อไป จะเป็นที่ไหน เมื่อไหร่? รอติดตามกันต่อได้ในรายการ ทุกเช้าวันจันทร์-ศุกร์ ระหว่างเวลา 07.00-08.30 น. ทั้งทาง On air FM 93 และ Online ผ่านทางช่องทางของสำนักข่าวออนไลน์ THE STATES TIMES

✨ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล ✨ประจำวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2567

✨ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล
✨ประจำวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2567

🟢รางวัลที่ 1 รางวัลละ 6,000,000 บาท : 434503

🔴รางวัลข้างเคียงรางวัลที่ 1 จำนวน 2 รางวัล รางวัลละ 100,000 บาท : 434502 / 434504

🔴รางวัลเลขหน้า 3 ตัว รางวัลละ 4,000 บาท : 839  / 975

🔴รางวัลเลขท้าย 3 ตัว รางวัลละ 4,000 บาท : 778 /  647

🔴รางวัลเลขท้าย 2 ตัว รางวัลละ 2,000 บาท : 89

🟢รางวัลที่ 2 รางวัลละ 200,000 บาท : 051210  120284  779915  643628  119336

🟢รางวัลที่ 3 รางวัลละ 80,000 บาท : 344989  082892  068498  489726  112814  
716400  509881  448678  067625  444531  

🟢รางวัลที่ 4 รางวัลละ 40,000 บาท: 526765  226682  615858  236905  540411  
907438  887136  596385  292040  325423  
313471  295958  950641  092610  290322  
271777  380940  160175  052671  372428  
360281  166107  321165  225892  122729  
918486  494578  206721  636886  370603  
548304  966503  464040  858600  210278  
143702  869310  672342  609789  881222  
516632  023956  875779  709328  794387  
611097  986701  945560  167869  677475  

🟢รางวัลที่ 5  รางวัลละ 20,000 บาท: 847443  133567  625761  227532  725339  
435771  904447  252646  211803  182881  
219385  400838  366206  933517  320226  
059228  644008  911483  002506  598387  
191363  438585  752876  848407  277604  
728162  101429  025099  380460  698584  
498104  066635  412016  292399  597933  
302466  184989  831497  477344  636220  
549722  520301  919369  837681  689093  
782393  459375  360627  424410  584045  
717700  901792  426746  762640  127655  
219369  270390  537736  780912  851414  
960387  787950  122718  189048  958051  
526819  307383  574931  470814  598306  
951359  179061  095930  934011  992438  
204930  051521  694430  265925  148817  
532555  237179  042336  513439  846157  
982253  118847  699727  513569  458224  
752372  487090  970030  421736  667377  
927117  794733  894572  929132  808754  
 

1 กรกฎาคม พ.ศ. 2454 ‘ในหลวง ร.6’ ทรงสถาปนากิจการ ‘ลูกเสือไทย’ พร้อมพระราชทานคติพจน์ ‘เสียชีพ อย่าเสียสัตย์’

ภายหลังจากที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ทรงพระราชทานกำเนิดเสือป่าได้ 2 เดือน ซึ่งในระยะเวลานั้นกิจการเสือป่าได้ดำเนินไปอย่างเป็นที่พอพระราชหฤทัยอย่างยิ่ง เห็นได้จากการเพิ่มจำนวนสมาชิกของเสือป่าที่มากขึ้น และกิจการเสือป่าถูกจำแนกออกไปเป็นกองเสือป่าประเภทต่าง ๆ อีกมาก แม้จะทรงพอพระราชหฤทัยเพียงใด พระองค์ก็ไม่เคยที่จะยุติในพระราชดำริที่จะเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ ด้วยพระองค์ทรงเห็นว่ากิจการเสือป่านั้นแม้จะประสบผลสำเร็จเพียงใด แต่สมาชิกนั้นเป็นผู้ใหญ่แต่ฝ่ายเดียว ทั้ง ๆ ที่บ้านเมืองนั้นประกอบด้วยพลเมืองหลายช่วงวัย เด็กผู้ชายทั้งหลายก็เป็นผู้ที่สมควรจะได้รับการฝึกฝน และปลูกฝังอุดมการณ์ความรักชาติไปพร้อม ๆ กับการฝึกฝนให้มีความรู้ และทักษะในทางเสือป่าด้วย เพื่อว่าในอนาคตเมื่อเติบโตขึ้นจะได้ประพฤติตัวให้เป็นประโยชน์แก่บ้านเกิดเมืองนอน

ดังนั้นในวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2454 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงได้ทรงพระราชทานกำเนิดกิจการเสือป่าสำหรับเด็กชาย ที่ทรงพระราชทานชื่อว่า ‘ลูกเสือ’

ในกิจการนี้พระองค์ทรงมีพระราชประสงค์ที่ให้เด็กชายจดจำหลักสำคัญ 3 ประการคือ 

1. ความจงรักภักดีต่อผู้ทรงดำรงรัฐสีมาอาณาจักร โดยต้องตามนิติธรรมประเพณี 
2. ความรักชาติบ้านเมือง และนับถือพระศาสนา 
3. ความสามัคคีในคณะ และไม่ทำลายซึ่งกันและกัน

ทั้งนี้ การก่อตั้งกิจการลูกเสือในครั้งแรกนั้น พระองค์ทรงตั้งกองลูกเสือให้มีในโรงเรียนก่อน และกองลูกเสือกองแรกของสยามประเทศคือ ‘กองลูกเสือโรงเรียนมหาดเล็กหลวง’ หรือ ‘โรงเรียนวชิราวุธ’ ในปัจจุบันและถูกเรียกว่ากองลูกเสือหลวง หรือกองลูกเสือกรุงเทพที่ 1 และลูกเสือในโรงเรียนนี้ก็ถูกเรียกว่าลูกเสือหลวงเช่นกัน ก่อนที่กิจการลูกเสือจะขยายไปสู่โรงเรียนเด็กชายทั่วประเทศในเวลาไม่นาน โดยลูกเสือคนแรก คือ นักเรียนโรงเรียนมหาดเล็กหลวงที่ชื่อ ชัพน์ บุนนาค การเป็นลูกเสือของนายชัพน์ บุนนาค นั้นเกิดจากการที่ได้แต่งเครื่องแบบลูกเสือ และกล่าวคำปฏิญาณของลูกเสือ ซึ่งเป็นการกล่าวต่อหน้าพระพักตร์ ซึ่งครั้งนั้นมีผู้ที่บันทึกเหตุการณ์เอาไว้ว่า…

ร.6 : “อ้ายชัพน์ ดอกหรือ เอ็งกล่าวคำสาบานของลูกเสือได้หรือเปล่า” 
ชัพน์ : “ข้าพระพุทธเจ้าท่องมาแล้วว่า 
        1. ข้าจะมีใจจงรักภักดีต่อพระเจ้าอยู่หัว 
        2. ข้าจะประพฤติตนให้สมควรเป็นลูกผู้ชาย 
        3. ข้าจะประพฤติตนตามข้อบังคับและแบบแผนของลูกเสือ” 
ร.6 : ในหน้าที่ซึ่งข้าได้เป็นผู้ประสิทธิ์ประสาทลูกเสือของชาติขึ้นมา ข้าขอให้เจ้าเป็นลูกเสือคนแรก”

จากนั้นพระองค์ทรงมีพระราชดำรัสเพียงสั้น ๆ ว่า “อ้าย ชัพน์ เอ็งเป็นลูกเสือแล้ว" และแล้วกิจการลูกเสือ ก็ได้ถือกำเนิดขึ้นมาอย่างสมบูรณ์แบบ

ต่อมาพระองค์ก็ทรงพระราชทานคติพจน์ให้กับลูกเสือ ที่ภายหลังลือลั่นไปทั่วทั้งแผ่นดินและเป็นที่กล่าวขาน รำลึก พูดสอนกันอย่างติดปากในสังคม อีกทั้งยังปรากฏอยู่บนเครื่องหมายสำคัญต่าง ๆ ของลูกเสือว่า ‘เสียชีพ อย่าเสียสัตย์’

สำหรับคำว่า ‘ลูกเสือ’ ที่พระองค์ทรงพระราชทานชื่อนั้น มีนัยว่าพระองค์ทรงเล่นล้อคำกับคำว่า ‘เสือป่า’ ที่บางครั้งทรงเรียกว่า ‘พ่อเสือ’ และเมื่อมีกิจการแบบเดียวกันที่มีเหล่าสมาชิกเป็นเด็กชาย พระองค์จึงทรงใช้คำว่าลูกเสือ แต่ภายหลังทรงพระราชนิพนธ์ถึงที่มาของชื่อลูกเสืออย่างเป็นทางการเอาไว้ว่า…

“ลูกเสือ บ่ ใช่สัตว์เสือไพร    เรายืมมาใช้ด้วยใจกล้าหาญปานกัน
ใจกล้ามิใช่กล้าอาธรรม์    เช่นเสืออรัญสัญชาติชนคนพาล
ใจกล้าต้องกล้าอย่างทหาร    กล้ากอปรกิจการแก่ชาติประเทศเขตคน"

เป็นเวลา 6-7 เดือน หลังจากที่ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชทานกำเนิดลูกเสือในสยามประเทศ หากย้อนกลับไปที่ประเทศอังกฤษที่เป็นต้นกำเนิดกิจการลูกเสือโลกขณะนั้น ก็กำลังคึกคักและแพร่ขยายความนิยมไปยังพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วเกาะอังกฤษ เด็ก ๆ รวมไปถึงผู้ใหญ่ต่างให้ความสนใจในกิจการนี้มาก โดยนายซิดนีย์ ริชเชส ซึ่งอดีตเคยเป็นครูสอนศาสนาวันอาทิตย์ เป็นผู้หนึ่งที่สนใจกิจการลูกเสือ และได้เข้ารับตำแหน่งเป็นผู้กำกับกองลูกเสือที่ 8 แห่งลอนดอนตะวันตกเฉียงใต้ ซึ่งครั้งหนึ่งบิดาของเขาได้เคยทำงานอยู่ในสถานกงศุลไทย ซึ่งภายหลังได้เป็นถึงกงศุลใหญ่ประจำสถานทูตไทย ณ กรุงลอนดอนนั้นมีความใกล้ชิดสนิทสนมกับ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อครั้งที่ยังทรงดำรงอิสริยยศเป็นมกุฎราชกุมาร สมัยที่ยังทรงศึกษาอยู่ที่ประเทศอังกฤษ

และเมื่อความเจริญก้าวหน้าของกิจการลูกเสือในอังกฤษนั้น ควบคู่ไปกับการเจริญก้าวหน้าของกิจการลูกเสือแห่งสยามประเทศ ข่าวคราวของกิจการลูกเสือแห่งสยามประเทศ ก็แพร่กระจายเข้าสู่เกาะอังกฤษอย่างรวดเร็ว ซึ่งนายริชเชส เป็นผู้หนึ่งที่ได้รับทราบข่าวนั้น และประกอบกับความสัมพันธ์ของผู้เป็นบิดากับพระเจ้าแผ่นดินแห่งสยามประเทศ เขาจึงได้ทำหนังสือมากราบบังคมทูลอัญเชิญ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ให้ทรงเป็นองค์อุปถัมภ์กองลูกเสือที่เขาเป็นผู้กำกับอยู่ และขอพระบรมราชานุญาตให้ชื่อลูกเสือกองนี้ว่า ‘King of Siam ’s own boy scout group’ ซึ่งแปลว่า กองลูกเสือในพระเจ้ากรุงสยาม หรือ กองลูกเสือแห่งพระบาทสมเด็จพระเจ้ากรุงสยาม หรือ กองลูกเสือรักษาพระองค์พระเจ้าแผ่นดินสยาม โดยมีชื่อย่อว่า K.S.O.

หลังจากที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงพระราชกรุณาโปรดเกล้าให้จัดตั้งกองลูกเสือแห่งชาติขึ้นเพียง 5 เดือนเท่านั้น ก็ปรากฎว่า มีกองลูกเสือทั่วราชอาณาจักรอยู่ถึง 61 กอง

การดำเนินกิจการลูกเสือทั่วทั้งโลกมักมีลักษณะที่เหมือนกันอย่างหนึ่งคือ เริ่มจากกิจการลูกเสือสำหรับเด็กชายก่อนที่จะเริ่มแพร่เข้าไปในหมู่เด็กหญิง และสำหรับกิจการลูกเสือในไทยก็เช่นกัน เมื่อถึงระยะเวลาอันควร พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ก็ทรงมีพระราชดำริที่จะให้สตรีและเด็กหญิงได้มีส่วนร่วมในกิจการลูกเสือ โดยทรงเห็นว่าสามารถที่จะเป็นกำลังให้กับชาติบ้านเมืองได้ แม้จะไม่ใช่กองกำลังหลักก็ตามที ดังนั้นจึงทรงตั้งกลุ่มสตรีขึ้นมากลุ่มหนึ่ง ซึ่งพระองค์เรียกว่าสมาชิกแม่เสือ ส่วนใหญ่เป็นบุตรและภรรยาเสือป่า โดยแม่เสือมีหน้าที่หลักในการจัดหาเสบียงและเวชภัณฑ์ให้กับกองเสือป่า ในขณะเดียวกันก็ทรงจัดตั้งกองลูกเสือสำหรับเด็กหญิง และพระราชทานชื่อว่า ‘เนตรนารี’ ซึ่งเนตรนารี กองแรก คือ กองเนตรนารี โรงเรียนกุลสตรีวังหลัง ต่อมาได้เป็นชื่อ ‘โรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย’

ทั้งนี้ นางสาวหนุ่ย โชติกเสถียร 1 ในเนตรนารีกองแรก ได้เขียนถึงกิจกรรมสำหรับเนตรนารีในสมัยนั้น ไว้ว่า…

“ในปี พ.ศ. 2457 โรงเรียนกุลสตีรวังหลัง จัดตั้งกองเนตรนารีขึ้น และให้เราเป็นกลุ่มแรกที่รับการฝึกหัด ข้าพเจ้ายังจำและรู้สึกถึงความสนุกสนานของเวลานั้นได้จนบัดนี้ เราช่วยกันจัดข้าวของและห้องหลับ ห้องนอน ตลอดจนช่วยครัว ห้าโมงเย็นก็ลงมือรับประทานอาหาร สองทุ่มก็เข้านอนกันหมด เข้าเรียนเวลา สามโมงเช้า และเรียนกันตามใต้ร่มไม้ วิชาที่เรียนคือ…

1. วิชาพฤกษศาสตร์ เป็นวิชาที่พวกเราชอบมาก เพราะได้ลงมือเพาะเมล็ดพืช ผัก ดอกไม้ มันฝรั่งและหัวหอม

2. วิชาปฐมพยาบาล หัดช่วยคนเป็นลม วิธีพันผ้าพันแผล และเข้าเฝือก เราจับเด็กชาวนามาชำระล้างและพันแผลให้

3. วิธีทำกับข้าว หุงข้าว วิชานี้เป็นงานไปในตัว เพราะเราต้องผลัดเวรกันไปตลาดและทำกับข้าว เวลาบ่ายๆ เราต้องเรียนและฝึกซ้อมกฎของเนตรนาร คือพยายามหาความงามในทุกสิ่งทุกอย่างที่ตนประพฤติ โดยมีความสุภาพอ่อนโยน อารีอารอบ ต้องพยายามหาความรู้เพื่อเป็นประโยชน์แก่ส่วนรวม และส่วนตัว อดทนในสิ่งที่เป็นประโยชน์แก่ส่วนรวม เวลาเรียกเข้าประชุมอาจารย์มักจะกู่ว่า โว วิลโล่ (คำที่ใช้เป็นเสียงร้องเรียก แทนการใช้สัญญาณนกหวีด) หลาย ๆ ครั้ง พวกเราก็รีบวิ่งมาทันที”

‘ไฮโซณัย’ เผยภาพวินาทีคุกเข่าขอ ‘แต้ว ณฐพร’ แต่งงาน หวานละมุนหัวใจ!! ‘เพื่อนทั้งใน-นอกวงการ-แฟนคลับ’ ร่วมยินดี

(30 มิ.ย.67) หลังจากพี่ชาย ‘ไฮโซพก ประธานวงศ์ พรประภา’ ออกมาเผยข่าวดี น้องชายสุดหล่อ ‘ไฮโซณัย ประณัย พรประภา’ ทำเซอร์ไพรส์ขอนางเอกสาว ‘แต้ว ณฐพร เตมีรักษ์’ แต่งงานแล้ว พร้อมกับเขียนแคปชั่นต้อนรับว่าที่น้องสะใภ้ ไว้ว่า ‘Welcome to our crazy fam sister!!!! Congrats Pran n Taew’

ล่าสุด ‘ไฮโซณัย ประณัย’ ได้ออกมาโพสต์ภาพเผยโมเมนต์สุดอบอุ่น ขณะทำเซอร์ไพรส์คุกเข่าของแฟนสาว ‘แต้ว ณฐพร’ แต่งงาน พร้อมแคปชั่น ‘She said YES’

งานนี้ก็มีเพื่อนๆ ทั้งในและนอกวงการบันเทิง รวมถึงแฟนคลับแห่เข้ามาร่วมแสดงความยินดีกับทางว่าที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวป้ายแดงกันเป็นจำนวนมาก

‘ปราง กัญญ์ณรัณ’ เผย ทำไมไม่แต่งงาน กับ ‘โต้งทูพี’ ทั้งที่เซย์เยสแล้ว แจง!!  เป็นคนจริงจังในความสัมพันธ์ ‘รักใครรักจริง-ชัดเจน’

(30 มิ.ย.67) ปราง กัญญ์ณรัณ เปิดใจ เป็นคนจริงจังในความสัมพันธ์ พร้อมเล่า ทำไมไม่แต่งงาน กับโต้งทูพี ทั้งที่เซย์เยสแล้ว

เลดี้ปราง หรือ ปราง กัญญ์ณรัณ  ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ย้อนเรื่องราวและมุมมองในเรื่องความรักที่เกือบไปถึงวิวาห์หวานก่อนจบที่แยกทางผ่านรายการ I Love Lesson Live Lesson ที่ดำเนินรายการโดยหนุ่มไบร์ท นรภัทร

ปราง เผยว่า ตนเป็นคนจริงจังในความสัมพันธ์มาก ไม่ได้ตึง รักใครรักจริง และถ้าอยู่ในความสัมพันธ์กับใคร จะอยู่ค่อนข้างยาวนาน ตั้งใจรัก ตั้งใจทุกอย่างเพื่อให้ความสัมพันธ์นั้นไปให้ได้ดีที่สุด

ไบร์ทถามต่อว่า เมื่อเราตั้งใจรักมาก ๆ และอีกฝ่ายไม่เอาจริง เราจะยังเอาจริงต่อไปม้ัย สาวปรางตอบเลยว่า ไม่ เพราะเป็นคนชัดเจนด้วย ฉันรู้ว่าฉันชอบอะไร อะไรใช่หรือไม่ใช่ และรู้ด้วยว่าเราไปกันไม่ได้ จะไม่เอาตัวเองเข้าไปอยู่ในความสัมพันธ์กับคนแบบนี้ บางทีก็เข้าไปแล้ว พอรู้แล้วว่าไม่เวิร์กก็อยู่ในระดับแค่เพื่อน พร้อมทั้งปรางเสริมว่า ไม่ชอบโดนจีบ คนที่เข้ามาจะสร้างสถานการณ์อย่างไรก็ได้ให้รู้จักกันเพราะตนมีความชื่นชอบเรื่องพรหมลิขิต

ต่อมาไบร์ทถามต่อว่า นิสัยที่ปรางเต็มที่กับทุกเรื่องกระทบกับความสัมพันธ์หรือมีปัญหามั้ย ปรางเผยว่า ความตั้งใจไม่ผิด แต่ไปกระทบเรื่องนี้ ถ้าเป็นเมื่อก่อนเราตั้งใจรักมากจนลืมรักตัวเอง เพราะอยากให้ความสัมพันธ์ครั้งนี้ประสบความสำเร็จแบบสุด ๆ จนลืมมองความสุขของตัวเอง

ทำให้คนอื่นมีความสุข แต่ลืมมองว่าตัวเองมีความสุขเพราะอะไร ลืมไปว่าความสุขไม่ได้มาจากตัวเราเอง เหมือนเราเอาใจไปฝากไว้กับเขา ชีวิตของเราขึ้นอยู่กับเขา ลืมเพราะตั้งใจมาก แต่พอผ่านเหตุการณ์ครั้งนั้น เราก็สามารถบาลานซ์กลับมาทำให้ตัวเองและอีกคนมีความสุขด้วย

ในความสัมพันธ์ที่ผ่านมา ปรางเต็มที่กับทุกอย่าง อยากให้มันประสบความสำเร็จมาก ๆ จนลืมไปว่าตัวเองต้องการอะไร ลืมว่าความสุขที่เราต้องมีให้ตัวเองโดยที่ไม่มีเขาคืออะไร พอวันหนึ่งความสัมพันธ์มันไปไม่ได้ ทำให้เรากลับมามีความสุขกับตัวเองมากขึ้น และกลับมาอยู่กับตัวเอง ทำให้รู้ว่าความสุขมันเรียบง่ายมาก ๆ ได้ทำในสิ่งที่ตัวเองชอบบ้าง

เมื่อก่อนทุ่มเทไปกับตรงนั้นและเราทำงานเยอะ เวลาที่เหลือก็ให้กับความสัมพันธ์นั้นหมด โดยที่ลืมมองตัวเอง พอวันหนึ่ง เรามีความสุขได้ด้วยตัวเอง พอจะมีความรักครั้งใหม่ ทำให้เรารู้ว่าเราไม่ต้องเอาชีวิตไปฝากไว้กับคนอื่น อีกคนก็มีความสุขที่ได้เห็นเรามีความสุขนั่นแหละ ซึ่งทุกครั้งที่คบกับใคร เราก็มองเห็นภาพแต่งงาน

ปราง เผยถึงสาเหตุที่ตัดสินใจว่าไม่แต่งงานแล้วคืออะไร โดยตอบว่า เราอยู่ในจุดที่เกือบจะได้แต่งงานใช่ปะ แต่ยังไม่ได้ลองชุดนะ ตอนนั้นเหมือนถูกขอแต่งงาน แต่ก็ไม่ได้จัดงานแต่งงานขึ้น ตอนนั้นเราเซย์เยสไปแล้ว ซึ่งเป็นการเซย์เยสที่รอเวลาอยู่ ยังไม่มีแพลนชัดเจน

จริง ๆ แล้วเราก็ได้ข้อคิดที่ว่า คนเราพอเป็นแฟนกัน ในความสัมพันธ์แบบแฟนนั้น มันก็รูปแบบหนึ่ง แต่พอจะมาเป็นครอบครัวกัน มันก็มีอะไรหลายอย่างที่ต้องปรับจูนอีกเยอะมาก และเราอยู่ในความสัมพันธ์นั้นตั้งแต่เด็ก มันก็ค่อย ๆ พัฒนา ๆ จากวันหนึ่งเป็นแฟนไปเป็นสามีภรรยา แต่ ณ ตอนนั้น ความสัมพันธ์มันพัฒนาไปเป็นครอบครัวไม่ได้จริง ๆ เราเลยรู้สึกว่า ความรักไม่ใช่แค่ความรักอย่างเดียว

ตอนเป็นแฟน ความรักสำคัญที่สุด แต่พอจะเป็นครอบครัว มันมีปัจจัยอื่นเยอะแยะมากมาย ความรักเป็นพื้นฐานที่ดีสำหรับการแต่งงาน แต่สุดท้ายมันมีองค์ประกอบอื่น ๆ ที่เราต้องปรับตัวและปรับจูนซึ่งเราเป็นคนที่ชอบความธรรมชาติ ไม่ชอบให้ใครมาปรับเปลี่ยนตัวเราเอง หรือเราต้องเปลี่ยนคนอื่น ถ้าเราต้องปรับตัวเพื่ออยู่กับใครให้แน่ใจว่าสิ่งที่เราปรับนั้น เราต้องทำให้ได้ตลอดชีวิต มันไม่มีใครไม่ปรับตัว อันนี้เรื่องจริง เพียงแต่ต้องคิดก่อนว่า เราทำได้ตลอดชีวิตหรือเปล่า

ตอนนี้ เรา (ปรางและโต้ง) ก็มานั่งแลกเปลี่ยนกันว่า ถ้าเมื่อมันเป็นไปไม่ได้จริง ๆ ก็คงอย่าข้ามขั้นไปถึงขั้นแต่งงานกันเลย เป็นคนจริงจังเห็นมั้ยล่ะ

30 มิถุนายน พ.ศ. 2548 ‘สเปน’ ผ่านร่างกฎหมายอนุญาต ‘สมรสเพศเดียวกัน’ กลายเป็นประเทศที่ 3 ของโลก หลังเนเธอร์แลนด์-เบลเยียม

ย้อนกลับไปในปี พ.ศ. 2547 รัฐบาลพรรคแรงงานสังคมนิยมสเปน นำโดยนายกรัฐมนตรี นายโฆเซ ลุยส์ โรดริเกซ ซาปาเตโร ได้เริ่มการรณรงค์การรับรองสิทธิในการ ‘สมรสเพศเดียวกัน’ รวมถึงสิทธิในการรับบุตรบุญธรรมโดยคู่ครองเพศเดียวกัน ภายหลังจากการอภิปรายอย่างกว้างขวาง รัฐสภาสเปนได้ผ่านร่างกฎหมายอนุญาตการสมรสเพศเดียวกันเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2548 และประกาศลงในรัฐกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2548 และมีผลใช้บังคับในวันถัดไป ทำให้สเปนกลายเป็นประเทศที่ 3 ของโลก ที่การสมรสเพศเดียวกันชอบด้วยกฎหมาย ภายหลังประเทศเนเธอร์แลนด์และเบลเยียม และก่อนหน้าประเทศแคนาดา 17 วัน

ทั้งนี้ แม้ว่าการรับรองกฎหมายฉบับนี้จะได้รับความสนับสนุนจากประชาชนกว่า 66% ก็ไม่ได้หมายความว่ากฎหมายฉบับดังกล่าวจะปราศจากความขัดแย้งแต่อย่างใด บุคคลผู้มีตำแหน่งในศาสนจักรโรมันคาทอลิกได้คัดค้านอย่างแข็งขัน โดยวิพากษ์วิจารณ์ว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการทำให้ความหมายของการสมรสนั้นเสื่อมลง ส่วนกลุ่มอื่น ๆ ก็ได้แสดงความห่วงใยต่อประเด็นเรื่องการรับบุตรบุญธรรมของคู่ครองเพศเดียวกัน การออกมาชุมนุมเพื่อสนับสนุนและคัดค้านกฎหมายฉบับนี้ ได้มีผู้เข้าร่วมเป็นหลักพันจากทั่วประเทศสเปน และภายหลังจากที่ได้มีการรับรองสิทธิดังกล่าวแล้ว ‘พรรคประชาชน’ ซึ่งเป็นพรรคอนุรักษนิยมฝ่ายขวาของประเทศ ได้นำเรื่องขึ้นสู่ศาลรัฐธรรมนูญสเปนเพื่อวินิจฉัย

โดยในปีแรกของการประกาศใช้กฎหมาย คู่ครองเพศเดียวกันกว่า 4,500 คน ได้ทำการสมรสในประเทศสเปน ไม่นานหลังจากการใช้กฎหมายฉบับดังกล่าว ประเด็นสถานะของการสมรสกับบุคคลต่างชาติ ซึ่งประเทศเจ้าของสัญชาติยังไม่รับรองการสมรสเพศเดียวกันก็ได้เป็นที่กล่าวถึง ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมได้กล่าวว่า กฎหมายรับรองการสมรสเพศเดียวกันของสเปนอนุญาตให้ชาวสเปนสามารถสมรสกับบุคคลต่างชาติ แม้ว่าประเทศเจ้าของสัญชาติจะไม่รับรองความเป็นคู่ครองทางกฎหมายก็ตาม อย่างไรก็ตาม คู่ครองหนึ่งคนนั้นจะต้องมีสัญชาติสเปนจึงจะสามารถสมรสได้ แต่บุคคลต่างชาติสองคนอาจสมรสกันได้หากทั้งคู่มีถิ่นที่อยู่ในประเทศสเปนโดยชอบด้วยกฎหมาย

ในการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2554 พรรคประชาชนได้รับชัยชนะอย่างถล่มทลาย นายมาเรียโน ราฆอย หัวหน้าพรรคดังกล่าวได้คัดค้านการสมรสเพศเดียวกัน แต่การตัดสินใจว่าจะยกเลิกกฎหมายฉบับดังกล่าวหรือไม่นั้นจะกระทำขึ้นได้ภายหลังการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญสเปน และเมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 ศาลรัฐธรรมนูญสเปนได้รับรองกฎหมายฉบับดังกล่าวด้วยคะแนนเสียง 8 ต่อ 3 ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม นายอัลเบร์โต รุยซ์-กัลยาร์ดอนได้ประกาศว่ารัฐบาลจะปฏิบัติตามคำวินิจฉัยและจะไม่ยกเลิกกฎหมายฉบับดังกล่าว

29 มิถุนายน พ.ศ. 2424 วันประสูติ ‘สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ฯ’ พระบิดาแห่งเพลงไทยเดิม ต้นสำเนาตำนาน 'โหมโรง'

จอมพล จอมพลเรือ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต เป็นพระราชโอรสพระองค์ที่ 36 ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 กับสมเด็จพระปิตุจฉาเจ้า สุขุมาลมารศรี พระอัครราชเทวี ทรงประสูติเมื่อวันพุธ ขึ้น 3 ค่ำ เดือน 8 ปีมะเส็ง ตรงกับวันที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2424 โดยพระองค์ทรงมีพระนามลำลองว่า ‘ทูลกระหม่อมชาย’ หรือ ‘ทูลกระหม่อมบริพัตร’ เป็นอดีต​ผู้บัญชาการกรมทหารเรือ อดีตเสนาบดีกระทรวงทหารเรือ อดีตเสนาธิการทหารบก อดีตเสนาบดีกระทรวงกลาโหม อดีตเสนาบดีกระทรวงมหาดไทย อดีตผู้สำเร็จราชการรักษาพระนคร เป็นอดีต​องคมนตรีตั้งแต่รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว จนถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว

นอกจากนี้ พระองค์ยังทรงมีพระปรีชาสามารถในงานดนตรี ทรงได้รับการขนานพระนามเป็น ‘พระบิดาแห่งเพลงไทยเดิม’ ทรงพระนิพนธ์เพลงไทย เพลงฝรั่ง และเพลงไทยเดิมไว้มากมาย อย่างเช่น วอทซ์ปลื้มจิต, วอทซ์ชุมพล, สุดเสนาะ, เพลงมหาฤกษ์, เพลงพญาโศก และพระองค์ยังทรงเป็นต้นสำเนาตำนานของเพลง ‘โหมโรง’ อีกด้วย

อีกทั้ง พระองค์ได้ทรงบุกเบิกและวางรากฐานความเจริญในด้านต่าง ๆ ให้แก่ กองทัพเรือ เป็นอันมาก อาทิ…

- จัดระเบียบราชการในกองทัพเรือให้รัดกุม
- จัดทำข้อบังคับทหารเรือว่าด้วยหน้าที่ราชการในเรือหลวง
- วางรากฐานการจัดระเบียบการเรียนการสอนในโรงเรียนนายเรือใหม่
- ขยายและปรับปรุงอู่หลวง
- วางรากฐานกองดุริยางค์ทหารเรือ
- จัดทำโครงสร้างกำลังทางเรือ
- เสริมสร้างแสนยานุภาพของกองทัพเรือ โดยทรงสั่งซื้อเรือรบจากต่างประเทศเข้าประจำในกองทัพเรือ เป็นจำนวนมาก อาทิ เรือพระที่นั่งมหาจักรี (ลำที่ 2) เรือเสือทะยานชล เรือเสือคำรณสินธุ์
- สนับสนุนการก่อตั้งราชนาวิกสภา
- กำหนดรูปแบบริ้วกระบวนเรือพระราชพิธี ปรับปรุงการเห่เรือและการสร้างเรือพระราชพิธีขึ้นใหม่
- กำหนดระยะเวลาและวิธีรับคนเข้ารับราชการในกรมทหารเรือ
- วางแบบแผนการยิงสลุต
- กำหนดเครื่องแต่งกายทหารเรือ
- จัดให้มีพระธรรมนูญศาลทหารและกรมพระธรรมนูญทหารเรือ
- ปรับปรุงการสหโภชน์ และก่อตั้งโรงเรียนสูทกรรม
- ตั้งคลังแสงทหารเรือ
- ปรับปรุงการแพทย์ทหารเรือ
- ทำการสำรวจและจัดทำแผนที่น่านน้ำสยามขึ้นใหม่ โดยกองแผนที่ทะเลซึ่งต่อมาได้เปลี่ยนเป็นกรมอุทกศาสตร์ ขณะทรงรับราชการในกองทัพเรือ

อย่างไรก็ตาม ในปี พ.ศ. 2567 ได้มีการสร้างแอนิเมชันเรื่อง ๒๔๗๕ รุ่งอรุณแห่งการปฏิวัติ โดยมีตัวละคร สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต พากย์เสียงโดย จิราวัฒน์ วชิรศรัณย์ภัทร อีกด้วย

'เยาวราช' ร้อนแรง!! หลัง 'ลิซ่า' ปล่อย 'ROCKSTAR' สู่สายตาชาวโลก ด้านรัฐบาลช่วยเสริมแรง ปักหมุดร้าน STAR ชวนคนต้องมาลอง

(28 มิ.ย.67) ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศถนนเยาวราช หลัง 'ลิซ่า' ลลิษา มโนบาล ศิลปินระดับโลก ปล่อยคลิปทีเซอร์มิวสิกวิดีโอเพลง 'Rockstar' โดยมีฉากหลังเป็นถนนเยาวราช และมีภาพของลิซ่ายืนโดดเด่นอยู่กลางถนนเยาวราชยามค่ำคืนนั้น ทำให้มีการพูดถึงกันอย่างมากบนสังคมออนไลน์ 

และจะเรียกว่าเป็นซอฟต์พาวเวอร์ก็ไม่ผิด เพราะได้ทำให้ถนนเยาวราชคึกคักยิ่งกว่าเดิมอีกครั้ง โดยบรรยากาศถนนเยาวราชในวันธรรมดา มีคนไทยและชาวต่างชาติแห่มาถ่ายภาพตามรอยลิซ่าจำนวนมาก

สำหรับโลเคชันใน MV ที่มีการถ่ายทำที่ประเทศไทยถึง 90% อาทิ ถนนเยาวราช, โรงหนังออสก้าเก่า เพชรบุรี 39, ห้างนิวเวิลด์ บางลำพู ที่ถูกทิ้งร้างมานานกว่าสิบปี โดยล่าสุดทางสำนักงานเขตพระนคร ได้เข้าปรับปรุงพื้นที่เพื่อพัฒนาเป็นสถานที่ท่องเที่ยว และแลนด์มาร์กแห่งใหม่ในบริเวณเกาะรัตนโกสินทร์

และหลังจาก MV 'Rockstar' ฉบับเต็ม ได้ถูกปล่อยออกมาแล้วเมื่อเช้านี้ (ตามเวลาประเทศไทย) ณ ปัจจุบัน ก็มียอดวิวพุ่งทะยานเข้าสู่หลักสิบล้านไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ขณะที่ฟากรัฐบาลก็ได้เสริมแรง Ignite Tourism Thailand ด้วยการปักหมุดร้านดัง โดยนายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก หลัง 'ลิซ่า' ปล่อย MV TEASER เพลงใหม่ ‘ROCKSTAR’ ผ่านอินสตาแกรมส่วนตัว @lalalalisa_m และทุกช่องทางของค่ายเพลงของตัวเอง ‘LLOUD’ ว่า... “เสริมแรง ignite Tourism Thailand อีกแล้วครับท่าน ททท.เดินหน้าไม่หยุดยั้ง….ท่านนายกฯ คอยตรวจการบ้านอยู่…..”

ทำถึง ทำเกิน! ลิซ่า - ลลิษา มโนบาล ปล่อย MV เพลงใหม่ ROCKSTAR โดยใน MV ได้ปรากฏภาพ “เยาวราช” เป็นหนึ่งในโลเคชันในการถ่ายทำ จนกลายเป็นกระแสให้แฟน ๆ อยากไปตามรอย

งานนี้ขอแนะนำเหล่า ROCKSTAR ถ้าไปเยาวราช ต้องห้ามพลาดกิน ร้าน STAR ร้านอาหารสุดอร่อยการันตีด้วยมิชลินสตาร์ ทั้งร้านอาหารหนึ่งดาวมิชลิน ร้านบิบ กูร์มองด์ ร้านมิชลิน เพลท และร้านที่อยู่ในมิชลินไกด์ จะมีที่ไหนบ้าง ปักหมุดเลย!

✯ โพทง - หนึ่งดาวมิชลิน 📍 maps.app.goo.gl/M8s2JKMmApm5fX

✯ ข้าวผัดปูช้างเผือก (สาขาเวิ้งนครเกษม) หรือ เวิ้งข้าวผัดปู - บิบ กูร์มองด์ 📍maps.app.goo.gl/gMYcQazjdw9PG2

✯ ลิ้มเหล่าโหงว (สาขาเยาวราช) - บิบ กูร์มองด์ 📍maps.app.goo.gl/rj3FHJ5w9wGMov

✯ ก๋วยจั๊บนายเอ็ก - มิชลิน เพลท📍maps.app.goo.gl/unbAmvbAkzBAF3

✯ ปาท่องโก๋เสวย - มิชลิน เพลท📍maps.app.goo.gl/g76987qLzBHomt

✯ ก๋วยจั๊บอ้วนโภชนา - มิชลิน เพลท📍maps.app.goo.gl/7gv1EAqrqDVDSP

✯ นายหมงหอยทอด - ร้านอาหารในมิชลินไกด์📍maps.app.goo.gl/H6ZPDLJvthxEuE

✯ จกโต๊ะเดียว - ร้านอาหารในมิชลินไกด์📍 maps.app.goo.gl/bYmzk3JgGf9o9u

การแสดงภาพสะท้อนความสัมพันธ์มนุษย์กับเทคโนโลยี ผ่านดนตรีและการเต้นร่วมสมัย เปิดม่านครั้งแรก 5 ก.ค. 67

เมื่อวานนี้ (27 มิ.ย. 67) ที่ศูนย์ศิลปะการละครสดใสพันธุมโกมล อาคารมหาจักรีสิรินธร จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้จัดแถลงข่าว ‘IBM 1401’ งานแสดงที่เป็นเหมือนภาพสะท้อนความสัมพันธ์ของมนุษย์ในยุคแรกเริ่มของเทคโนโลยี ผ่านการเต้นร่วมสมัย ออกแบบท่าเต้นและกำกับการแสดงโดย ‘คุณทราย สมบูรณ์’ ศิลปินชาวไทยผู้อาศัยและมีประสบการณ์ด้านการแสดงในนิวยอร์กกว่า 20 ปี ด้วยการเล่าเรื่องราวความสัมพันธ์ผ่านการเคลื่อนไหว การเต้น และการถ่ายทอดทางอารมณ์ของตัวละครอย่างเข้มข้น นำแสดงโดย อานันท์ วงศ์ไพศาล, แพรพลอย โตเหมือน, ธนารัฐ ชมพูวณิชกุล และ ภาวิดา วชิรปัญญาพร ทั้งนี้ ยังมีนักแสดงรองโดย กิตติพัฒน์ ศรีนาราง และ ธนกฤต การะมัด

การแสดงนี้ควบคู่ไปกับสกอร์เพลงจากอัลบั้ม IBM 1401 : A User's Manual โดย โยฮันน์ โยฮันน์สสัน (Johann Jóhannsson) นักประพันธ์ดนตรีชาวไอซ์แลนด์ ผสมผสานเข้ากับเสียงหึ่งอันเป็นเอกลักษณ์ของเครื่อง IBM 1401 บรรเลงดนตรีสดด้วยเครื่องสาย 6 ชิ้น โดยนักดนตรีมืออาชีพจาก วงดุริยางค์ซิมโฟนีกรุงเทพ (The Royal Bangkok Symphony Orchestra), วงดุริยางค์ราชนาวี (the Royal Thai Navy Orchestra) และ วงซิมโฟนีออร์เคสตราแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (Chulalongkorn Symphony Orchestra)

ย้อนกลับไปเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ‘IBM 1401’ ถูกจัดแสดงขึ้นที่ จ.เชียงใหม่ และถูกพัฒนาเรื่อยมาจนกลายเป็นเวอร์ชันใหม่ ซึ่งล่าสุดจะมีการจัดแสดงขึ้นที่กรุงเทพฯ ในเดือนกรกฎาคม 2567 

คุณทราย สมบูรณ์ ผู้ออกแบบท่าเต้นและกำกับการแสดง เปิดเผยว่า “ผมเป็นคนไทยแต่ใช้ชีวิตที่นิวยอร์ก มีประสบการณ์เกี่ยวกับงานแสดงในนิวยอร์กมาหลายปี ซึ่งก็พยายามกลับมาประเทศไทยให้ได้มากที่สุด จึงได้มีโอกาสเจอกับ ‘คุณมาริสา มาร์คีเทลลี่’ ผู้กำกับศิลป์กลุ่มกลมที่ จ.เชียงใหม่ และได้มีโอกาสทำงานร่วมกัน”

“ผมมั่นใจว่าเรื่องนี้จะเป็นโปรเจกต์ที่สวยงามมาก จะเป็นศิลปะการแสดงใหม่ ๆ ในวงการงานแสดง เพราะไม่มีบทพูด และจะมีไลฟ์มิวสิกที่บรรเลงโดยนักดนตรีออร์เคสตรามากฝีมือ ซึ่งผมฟังครั้งแรกก็น้ำตาไหล เป็นอะไรที่มหัศจรรย์จริง ๆ และที่ยอดเยี่ยมเหมือนกันก็คือ คุณโจนัส แดปท์ ผู้กำกับดนตรี ได้สร้างสรรค์ดนตรีเอง ซึ่งเราก็มีความคิดที่จะพัฒนาเรื่องนี้ต่อไปด้วย"

คุณทราย สมบูรณ์ ระบุอีกว่า “IBM 1401 ในเวอร์ชันนี้จะมีความพิเศษกว่าเวอร์ชันเดิม ทั้งการเต้นที่เพิ่มมากขึ้น มีการสร้างสรรค์ดนตรีขึ้นมา โดยทาง คุณโจนัส แดปท์ ได้แรงบันดาลใจมาจากเพลงของ Jóhann Jóhannsson ซึ่งเป็นเพลงที่ฟังแล้วเพราะมาก รวมทั้งในเวอร์ชันนี้ยังเป็นนักแสดงที่กรุงเทพฯ ที่สำคัญคือเราได้จัดการแสดงในโรงละครอันทรงเกียรติ ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย”

"การแสดงครั้งนี้ อยากให้ผู้ชมเข้ามาแล้วตีความในแบบของแต่ละคนเอง แม้เราจะศึกษาข้อมูลของ IBM 1401 ซึ่งเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ในยุคนั้นมามากมาย แต่นี่ไม่ใช่สารคดี แต่เป็นประสบการณ์ที่อยากให้ผู้ชมได้ตีความ นี่คือสิ่งสำคัญที่สุดที่อยากให้ผู้ชมได้เข้าใจจุดนี้"

คุณโจนัส แดปท์ ผู้กำกับดนตรี กล่าวว่า “Jóhann Jóhannsson มีชื่อเสียงในด้านการทำเพลงประกอบภาพยนตร์ เป็นเพลงที่ฟังแล้วเห็นภาพ ในการแสดงครั้งนี้จะมีเพลงให้ฟังกัน 6 เพลง เป็นเพลงของ Jóhann Jóhannsson จำนวน 5 เพลง และเป็นเพลงที่ผมแต่งเองอีก 1 เพลง และความพิเศษคือผู้ชมจะได้ฟังเสียงพูดของเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ผสมกับเครื่องดนตรีอีกด้วย”

คุณมาริสา มาร์คีเทลลี่ ผู้กำกับศิลป์ กล่าวเพิ่มเติมว่า “ความสำคัญของ IBM 1401 เป็นคอมพิวเตอร์เครื่องแรกที่มาประเทศไทย และทั่วโลกยังเป็นคอมพิวเตอร์ที่ผลิต 1 หมื่นชิ้น ซึ่งในยุคนั้นถือว่าเยอะมาก และมีราคาสูงมาก ซึ่งในงานแสดงครั้งนี้ได้มี IBM 1401 แบบจำลองมาให้ชมกัน และในส่วนของฉากก็ได้เพิ่มเข้ามาจากเวอร์ชันเดิมค่อนข้างเยอะ”

คุณนลธวัช มะชัย โปรดิวเซอร์ กล่าวว่า “IBM 1401 เราทราบกันว่าเป็นชื่อของเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องแรกที่ถูกนำเข้ามาทำงานในประเทศไทย โดยคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมกับสำนักงานสถิติแห่งชาติ เมื่อหลายสิบปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่เราได้จัดแสดงที่นี่ และที่ผ่านมาเราได้พยายามตามหาเครื่อง IBM 1401 แต่เหมือนเป็นการเล่นซ่อนแอบ ก่อนหน้านี้เครื่อง IBM 1401 อยู่ที่ท้องฟ้าจำลอง แต่ได้มีการเคลื่อนย้ายในช่วงน้ำท่วม โดยระหว่างนั้นได้สูญหายไป จนปัจจุบันก็ยังไม่พบ”

"การแสดง IBM 1401 ยังเป็นการรำลึกความทรงจำวัยเด็กของใครหลายคน เมื่อดูแล้วจะยิ่งเห็นความเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีที่ค่อย ๆ เข้ามาโดยที่เราไม่รู้ตัว ละครจะพาเรากลับไปให้เห็นพัฒนาการเหล่านี้ จึงอยากให้ทุกคนเข้ามาร่วมสัมผัสในช่วงเวลาเหล่านี้ด้วยกัน"

นอกจากนี้รายได้ส่วนหนึ่งจาก IBM1401 จะถูกบริจาคให้กับโครงการ Glom Dream Wagon ซึ่งเป็นโครงการไม่แสวงผลกำไร เป็นรถโรงละครเคลื่อนที่ที่จะเดินทางไปตามโรงเรียนและสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าในภาคเหนือของประเทศไทย เพื่อนำพาเด็ก ๆ ได้ก้าวสู่โลกของละครและสร้างแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ของพวกเขา โดยทัวร์ต่อไปมีชื่อว่า Akynum 2 โดยจะเดินทางไปยังโรงเรียนตามชนบทในจังหวัดเชียงใหม่และเชียงรายในเดือนธันวาคมนี้ สร้างสรรค์การแสดงโดยกลุ่มละคร Part Time Theatre

รอบจัดการแสดง
วันจัดแสดง : 5-7 กรกฎาคม, 12-14 กรกฎาคม, 19-21 กรกฎาคม 2567
รอบแสดง : ศุกร์/เสาร์ เวลา 14.00 น. และ 20.00 น. (เฉพาะวันอาทิตย์ 14.00 น. และ 18.00 น.)
ราคาบัตร : ผู้ใหญ่ 1,200 บาท นักเรียน/นักศึกษา 500 บาท
สถานที่ : ศูนย์ศิลปะการละครสดใสพันธุมโกมล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กรุงเทพฯ

สำรองที่นั่งได้ที่ https://www.ticketmelon.com/glomtheater/ibm1401

ข้อมูลเพิ่มเติม www.glom.cm/ibm-1401

‘ลิซ่า’ ปล่อย ‘MV Rockstar’ ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงแตะ 1 ล้านวิว พร้อมดึง ‘เสน่ห์เยาวราช’ สู่สายตาชาวโลกอย่างเต็มเหนี่ยว

(28 มิ.ย. 67) ปล่อยออกมาเป็นที่เรียบร้อยแล้วสำหรับมิวสิควิดีโอ Rockstar ของ ‘ลิซ่า ลลิษา มโนบาล’ หรือ ‘ลิซ่า BlackPink’ ที่งานนี้เจ้าตัว ใส่เต็มทำถึงขอลบภาพจำในอดีตถึงประเทศไทย

การกลับมาครั้งนี้ของ ลิซ่า นับเป็นการยืนยันให้ทั่วโลกได้เห็นว่าเธอคือ Rockstar ศิลปินระดับโลก โดย ลิซ่า กลับมาในสไตล์ฮิปฮอปที่เจ้าตัวชื่นชอบ

มีการใช้โลเคชันเยาวราชถ่ายทำเป็นหลัก ตามที่มีรายงานก่อนหน้านี้ว่าปิดถนนถ่ายทำกันถึง 3 คืน เพื่อดึงสีสันยามค่ำคืนที่เป็นเสน่ห์อีกอย่างหนึ่งของเมืองไทย พร้อมใช้เทคนิคพิเศษระดับเดียวกับการถ่ายทำภาพยนตร์ในมิวสิควิดีโอตัวนี้ด้วย 

นอกจากนั้นในส่วนของการเต้นกับแดนเซอร์ชุดขาวอีก 100 ชีวิต มีรายงานว่าทีมแดนเซอร์ถูกฝึกซ้อมให้นับจังหวะกันเองโดยไม่มีดนตรี จนกระทั่ง ลิซ่า ปรากฏตัวจึงมีการซ้อมร่วมกับเพลงและศิลปินและถ่ายทำกันทันที

Rockstar นับเป็นซิงเกิลเดี่ยวครั้งแรกของ ลิซ่า หลังจากที่ออกมาตั้งค่ายของตนเองอย่าง LLOUD ซึ่งตอนนี้กำลังเป็นเทรนด์ขึ้นอันดับหนึ่งในหลายโซเชียลมีเดียทั่วโลก กับแฮชแท็ก #MusicianLISAisBack และ #LLOUD และ Rockstar ยังสามารถแตะทะลุ 1 ล้านวิวภายในไม่ถึงครึ่งชม. อีกด้วย

28 มิถุนายน พ.ศ. 2475 วันเปิดประชุม ‘สภาผู้แทนราษฎร' ชุดแรก-ครั้งแรกของไทย ใต้ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

ภายหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง เมื่อปีพ.ศ. 2475 ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 แห่งบรมราชจักรีวงศ์ ประเทศไทย (สยาม) ได้เปลี่ยนผ่านจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ก้าวเข้าสู่ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขภายใต้รัฐธรรมนูญ นับแต่นั้นมาประเทศไทยก็ขับเคลื่อนไปด้วยกลุ่มบุคคลซึ่งเป็นตัวแทนของประชาชนที่เรียกว่า ‘ผู้แทนราษฎร’ ทำหน้าที่ใช้สิทธิออกเสียงในการบริหารปกครองบ้านเมืองแทนประชาชน

ทั้งนี้ เวลา 14 นาฬิกา ของวันที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2475 สภาผู้แทนราษฎรได้มีการประชุมเป็นครั้งแรก ณ ห้องโถงชั้นบนของพระที่นั่งอนันตสมาคม โดยจัดห้องประชุมเป็นลักษณะครึ่งวงกลมตามระนาบพื้นห้อง การประชุมเริ่มขึ้นเมื่อหลวงประดิษฐ์มนูธรรม (ปรีดี พนมยงค์) อ่านรายนามสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรชั่วคราว ซึ่งมาจากการแต่งตั้ง จำนวน 70 คน และเป็นผู้กล่าวนำสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรปฏิญาณตนในที่ประชุม จากนั้น เจ้าพระยามหิธร เสนาบดีกระทรวงมุรธาธร ได้อัญเชิญพระราชกระแสรับสั่งของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวมาอ่านเปิดประชุม เสร็จแล้วจึงได้ดำเนินการประชุมต่อไป จึงถือว่าวันนั้นเป็นวันก่อกำเนิดของ ‘รัฐสภาไทย’ มาจนถึงทุกวันนี้

ทั้งนี้ การประชุมสภาผู้แทนราษฎรวันนั้น ที่ประชุมมีมติเลือกเจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรี เป็นประธานสภาผู้แทนราษฎรคนแรก และเห็นชอบให้หลวงประดิษฐ์มนูธรรม (ปรีดี พนมยงค์) เป็นเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรคนแรก รวมทั้งมีมติเลือกพระยามโนปกรณ์นิติธาดา เป็นประธานกรรมการราษฎร (นายกรัฐมนตรี) คนแรก จึงถือว่าคณะรัฐมนตรีได้ถือกำเนิดขึ้นในวันเดียวกันด้วย

อย่างไรก็ตาม แม้จะล่วงเลยผ่านตามการเปลี่ยนแปลงของกาลเวลา รัฐสภาชุดต่าง ๆ ยังคงทำหน้าที่ในฐานะองค์กรที่ใช้อำนาจอธิปไตยฝ่ายนิติบัญญัติแทนประชาชน โดยออกกฎหมายมาใช้บังคับในสังคม ควบคุมและตรวจสอบการทำงานของคณะรัฐมนตรีซึ่งเป็นฝ่ายบริหาร และให้ความเห็นชอบในเรื่องสำคัญ ๆ ของประเทศ รวมทั้งแสดงบทบาทในฐานะผู้แทนประชาชนในกิจการต่าง ๆ และเป็นสิทธิเป็นเสียงแทนประชาชนทั้งประเทศต่อเนื่องตลอดมา


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top