Tuesday, 22 April 2025
TODAY SPECIAL

วันนี้เป็นวันสำคัญของโรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย เนื่องจากเป็นวันครบรอบการก่อตั้ง 147 ปีของโรงเรียน ถือเป็นโรงเรียนที่มีความเก่าแก่ และเป็นโรงเรียนสตรีประจำแห่งแรกของประเทศไทย

โรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย เดิมมีชื่อเรียกว่า โรงเรียนกุลสตรีวังหลัง ตั้งอยู่บริเวณพระราชวังหลัง ขณะนั้นเป็นส่วนหนึ่งของโรงพยาบาลศิริราช โดยเป็นโรงเรียนสตรีประจำและโรงเรียนอนุบาลแห่งแรกของประเทศไทย มีมิสซิสแฮเรียต เอ็ม เฮาส์ เป็นครูใหญ่คนแรก 

เจตนารมย์ในการก่อตั้งโรงเรียนแห่งนี้ มีจุดมุ่งหมายในการจัดการเรียนการสอน ด้านการอ่านเขียน การศึกษาคริสตจริยธรรม และวิชาเย็บปักถักร้อย ซึ่งเป็นวิชาสำหรับกุลสตรีสมัยนั้น นอกจากจะมีบุตรหลานของประชาชนทั่วไปมาเรียนแล้ว ยังมีบุตรหลานของเจ้านายและเหล่าข้าราชบริพาร ที่ต่างรู้จักและไว้วางใจมิสซิสแฮเรียต เอ็ม เฮาส์ มาเรียนด้วยเช่นกัน

ในเวลาต่อมา กิจการของโรงเรียนวังหลังเจริญรุ่งเรืองเติบโต มีนักเรียนเพิ่มมากขึ้น จนทำให้ต้องขยับขยายต่อเติมโรงเรียน แต่เนื่องจากมิสซิสโคล หรือครูใหญ่โรงเรียนในขณะนั้น เห็นว่าไม่สามารถซื้อที่ดินเพิ่มเติมบริเวณวังหลังได้แล้ว จึงได้มองหาที่ดินแห่งใหม่ โดยในปี พ.ศ.2459 มิสซิสโคลได้ซื้อที่ดินที่ทุ่งบางกะปิ (ชื่อเรียกตามสมัยนั้น) เพื่อก่อสร้างอาคารเรียน พร้อมกับเปลี่ยนชื่อเป็น ‘โรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย’ และใช้ชื่อนี้มาจนถึงปัจจุบัน

ปัจจุบัน โรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย เป็นโรงเรียนภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน เปิดสอนระดับปฐมวัยถึงระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน รับนักเรียนไป -กลับ ในระดับปฐมวัยถึงระดับประถมศึกษาปีที่ 6 และนักเรียนประจำในระดับมัธยมศึกษาปีที่ 1-6 ถือเป็นโรงเรียนสตรีประจำที่มีชื่อเสียง และมีอายุเก่าแก่ที่สุดของประเทศ


ที่มา: https://www.wattana.ac.th/wattana
https://th.wikipedia.org/wiki/โรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย
https://www.silpa-mag.com/history/article_19680
 

‘ท่านพุทธทาสภิกขุ’ คือหนึ่งในภิกษุที่พุทธศาสนิกชนชาวไทยให้ความเคารพนับถือ แม้ปัจจุบันท่านจะละสังขารไปกว่า 28 ปี แต่ยังมีสถานที่ปฏิบัติธรรมที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นประโยชน์ นั่นคือ ‘สวนโมกขพลาราม’ วันนี้ถือเป็นวันครบรอบ 89 ปี ของการก่อตั้งสถานที่แห่งนี้

สวนโมกขพลาราม ถูกสร้างขึ้นเมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ.2475 แต่เดิม ณ สถานที่แรก สร้างขึ้นที่วัดร้างตระพังจิก อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี ในครั้งนั้น ท่านพุทธทาสภิกขุ พร้อมด้วยโยมน้องชาย และคณะธรรมทานอีก 4-5 คน ได้ออกเสาะหาสถานที่ที่มีความวิเวก และเหมาะสมที่จะเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม

กระทั่งได้มาเจอกับวัดร้างแห่งนี้ บนเนื้อที่กว่า 60 ไร่ จึงได้จัดทำเพิงที่พักแบบเรียบง่าย พร้อมกับเข้าอยู่เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ.2475 ซึ่งตรงกับวันวิสาขบูชาในปีนั้นพอดี โดยที่มาของชื่อ ‘สวนโมกขพลาราม’ เนื่องมาจากบริเวณวัดดังกล่าวมีต้นโมก และต้นพลาขึ้นอยู่ทั่วไป นอกจากนี้ยังมีความหมายโดยนัยว่า ‘เป็นสวนป่าอันมีกำลังแห่งความหลุดพ้นจากทุกข์’

ต่อมาในปี พ.ศ.2486 สวนโมกข์ได้ย้ายมาอยู่ที่ ‘วัดธารน้ำไหล’ บริเวณเขาพุทธทอง ริมทางหลวงหมายเลข 41 อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี โดยท่านพุทธทาสมีความปรารถนาให้สวนโมกข์เป็นสถานที่แสวงหาความสงบและศึกษาธรรม ภายในวัดจึงมีโรงมหรสพทางวิญญาณ ซึ่งเป็นอาคารที่รวบรวมภาพศิลปะ คำสอนในศาสนานิกายต่าง ๆ รวมทั้งมีภาพพุทธประวัติมากมาย

นอกจากนี้รอบบริเวณวัดยังเป็นสวนป่าร่มรื่น ที่เต็มไปด้วยปริศนาธรรม โดยปราศจากโบสถ์และศาลาอย่างวัดทั่วไป ต่อมาภายหลังจากท่านพุทธทาสมรณภาพในปี พ.ศ.2536 สวนโมกข์แห่งนี้ก็ยังคงมีพระภิกษุและพุทธศาสนิกชน เดินทางมาตักบาตร ฟังธรรม และปฏิบัติธรรมที่สวนโมกข์อยู่เรื่อยมา นับถึงวันนี้ ผ่านมาแล้วกว่า 89 ปี สถานที่แห่งนี้ก็ยังคงทำหน้าที่ช่วยฝึกจิต ชำระใจ และนำทางผู้คนให้ค้นพบกับความสงบ เหมือนดังเช่นที่เป็นมานับจากวันแรก


ที่มา: https://th.wikipedia.org/wiki/สวนโมกขพลาราม

 

เอ่ยชื่อ ‘สรยุทธ สุทัศนะจินดา’ ผู้ชมรายการข่าวเมืองไทย คงคุ้นเคยเป็นอย่างดี พิธีกรข่าวคนนี้ได้รับฉายาว่า ‘กรรมกรข่าว’ มีชื่อเสียงอยู่ในวงการสื่อสารมวลชนเมืองไทยมามากกว่า 20 ปี และในวันนี้เป็นวันเกิดของเขา มีอายุครบ 55 ปี

สรยุทธ สุทัศนะจินดา เกิดเมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ.2509 เป็นชาวกรุงเทพมหานคร จบการศึกษาชั้นมัธยมจากโรงเรียนอำนวยศิลป์ และปริญญาตรีจากคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ 

ก้าวแรกในเส้นทางการทำงานข่าว สรยุทธเริ่มต้นจากการเป็นนักข่าวของหนังสือพิมพ์ เดอะ เนชั่น ต่อมาในปี พ.ศ.2535 ได้เลื่อนตำแหน่งเป็นผู้ช่วยหัวหน้าข่าวการเมือง ก่อนที่ในปี พ.ศ.2540 จะได้มาเป็นบรรณาธิการข่าว และจัดรายการวิเคราะห์ข่าวให้กับเนชั่น ชันแนล ตามมาด้วยช่อง 9 โมเดิร์นไนน์ ที่มีรายการโด่งดังมาก ๆ อย่างรายการคุยคุ้ยข่าว และถึงลูกถึงคน จากนั้นจึงย้ายมาบริหารงานข่าวให้กับสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ในช่วงปี พ.ศ.2546 พร้อมกับเปิดตัวรายการใหม่ เรื่องเล่าเช้านี้ และเรื่องเล่าเสาร์-อาทิตย์ ตามลำดับ

สรยุทธถูกดำเนินคดียักยอกเงินค่าโฆษณาเกินเวลาในรายการ ‘คุยคุ้ยข่าว’ ทางช่องโมเดิร์นไนน์ ทำให้ บมจ.อสมท. ได้รับความเสียหายจากค่าโฆษณาเป็นเงินกว่า 138 ล้านบาท เป็นเหตุให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ส่งเรื่องให้อัยการดำเนินการ 

ในเวลาต่อมา ศาลชั้นต้นตัดสินจำคุกสรยุทธเป็นเวลา 13 ปี 4 เดือน ก่อนที่เจ้าตัวจะยื่นอุทธรณ์ กระทั่งเมื่อวันที่ 20 มกราคม พ.ศ.2563 ศาลฎีกาพิพากษาจำคุกนายสรยุทธเป็นเวลา 6 ปี 24 เดือน แต่หลังจากที่เข้าสู่เรือนจำ เจ้าตัวได้เลื่อนชั้นเป็นผู้ต้องขังชั้นเยี่ยม เนื่องจากทำงานช่วยเหลือกรมราชทัณฑ์มาโดยตลอด ต่อมาจึงได้ลดวันต้องโทษ ตามพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ 2 ครั้ง กระทั่งได้รับการพักโทษเป็นกรณีพิเศษ ถูกปล่อยตัวจากเรือนจำเมื่อวันที่ 14 มีนาคม พ.ศ.2564
.
ล่าสุด เจ้าตัวกลับมาทำงานเป็นพิธีกรเล่าข่าวอีกครั้ง ช่วยสร้างสันและความคึกคักให้กับวงการข่าวสารเมืองไทยอีกครั้ง และในวันนี้เป็นวันครบรอบวันเกิดอายุ 55 ปีของกรรมกรข่าวคนนี้ ขอให้สร้างสรรค์ผลงาน และผลิตข่าวสารที่มีคุณภาพออกสู่สังคมไทยต่อไป


ที่มา: https://th.wikipedia.org/wiki/สรยุทธ_สุทัศนะจินดา

 

วันนี้เมื่อ 37 ปีก่อน ถือเป็นอีกหนึ่งวันที่ต้องถูกบันทึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์ โดยเป็นวันที่ สมเด็จพระสันตะปาปา จอห์น ปอล ที่ 2 หรือ ‘ประมุขแห่งวาติกัน’ ได้เสด็จมาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ เป็นครั้งแรก

โดยเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ.2527 เครื่องบินพระที่นั่งของสมเด็จพระสันตะปาปา จอห์น ปอล ที่ 2 และคณะผู้ติดตาม ได้ลงจอด ณ ท่าอากาศยานทหาร กองบัญชาการกองทัพอากาศ ดอนเมือง  พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณฯ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว (ขณะดำรงพระอิสริยยศ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร) เป็นผู้แทนพระองค์ในการต้อนรับสมเด็จพระสันตะปาปาที่ท่าอากาศยาน

ต่อมา สมเด็จพระสันตะปาปา จอห์น ปอล ที่ 2 ได้เสด็จมายังพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง เพื่อเข้าเฝ้า พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 

การเสด็จเยือนประเทศไทยครั้งนั้น สมเด็จพระสันตะปาปา จอห์น ปอล ที่ 2 ทรงมีภารกิจสำคัญมากมาย อาทิ การเสด็จไปยังศูนย์อพยพผู้ลี้ภัยชาวอินโดจีน ณ อำเภอพนัสนิคม จังหวัดชลบุรี รวมถึงทรงเป็นประธานในพิธีบวชพระสงฆ์ใหม่จำนวน 23 องค์ พร้อมกับทรงปิดปีศักดิ์สิทธิ์สำหรับประเทศไทย ณ สามเณราลัยนักบุญยอแซฟ อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม นอกจากนี้ยังเสด็จไปในงานสโมสรสันนิบาต ที่รัฐบาลจัดถวายพระเกียรติ ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล

กล่าวถึง สมเด็จพระสันตะปาปา จอห์น ปอล ที่ 2 ทรงขึ้นเป็นประมุขแห่งคริสตจักรโรมันคาทอลิก เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม ค.ศ.1978 โดยพระองค์ถือเป็นพระสันตะปาปาที่มีความสำคัญองค์หนึ่งในประวัติศาสตร์สมัยปัจจุบัน สาเหตุส่วนหนึ่งเกิดจากการเสด็จไปรอบโลกเพื่อเยี่ยมเยียนคริสตชน ซึ่งเป็นกิจที่ทำมากกว่าพระสันตะปาปาองค์ใด ๆ ที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังทรงต่อต้านการกดขี่ทางการเมือง ปกป้องวิถีทางของศาสนจักรในเรื่องเพศของมนุษย์ และเรื่องอื่น ๆ อีกมากมาย

สมเด็จพระสันตะปาปาจอห์น ปอลที่ 2 สิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 2 เมษายน พ.ศ.2548 มีพระชนมายุ 84 พรรษา รวมระยะเวลาในการทรงปกครองศาสนจักรทั้งสิ้น 26 ปี 15 วัน ยาวนานที่สุดเป็นอันดับที่ 3 ตามประวัติศาสตร์ของศาสนจักรโรมันคาทอลิก


ที่มา: https://www.komchadluek.net/news/today-in-history/371104

https://th.wikipedia.org/wiki/สมเด็จพระสันตปะปายอร์น_ปอลที่_2

เมืองไทยมีแชมป์มวยโลกมาหลายคน แต่ที่มีความพิเศษไปกว่าคนอื่น ต้องยกให้ ‘เขาทราย & เขาค้อ แกแล็คซี่’ ซึ่งวันนี้เมื่อ 33 ปีก่อน ทั้งคู่ถูกยกให้เป็น ‘แชมป์มวยคู่แฝดคู่แรกของโลก’

เขาทราย แกแล็คซี่ แฝดผู้น้อง ก้าวขึ้นเป็นแชมป์โลกก่อน โดยเป็นแชมป์โลกของสมาคมมวยโลก (WBA) ในรุ่นจูเนียร์แบนตั้มเวท จากนั้นเมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ.2531 เขาค้อ แกแล็คซี่ นักชกแฝดผู้พี่ ก็ขึ้นชิงแชมป์โลกกับ วิลเฟรโด บัซเกซ นักมวยชาวเปอร์โตริโก้ ก่อนที่จะเอาชนะคะแนนไปได้ ก้าวสู่การเป็นแชมป์มวยโลก รุ่นแบนตั้มเวท ของสมาคมมวยโลก (WBA) พร้อมทั้งสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของวงการมวยโลก ด้วยการเป็นคู่แฝดคู่แรกที่ครองแชมป์โลกในเวลาเดียวกัน

เขาทราย แกแล็คซี่ มีชื่อจริงว่า สุระ แสนคำ ส่วน เขาค้อ แกแล็คซี่ แฝดผู้พี่ มีชื่อจริงว่า วิโรจน์ แสนคำ ทั้งคู่เกิดเมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ.2502 ที่จังหวัดเพชรบูรณ์ ในวัยเด็กชอบกีฬาชกมวยด้วยกันทั้งคู่ โดยเขาค้อ ขึ้นชกมวยไทยมาก่อนเขาทราย แถมทั้งคู่ยังเคยขึ้นชกแทนกันมาแล้ว ต่อมาทั้งสองคนก็ได้พบกับ ‘แชแม้’ หรือนายนิวัฒน์ เหล่าสุวรรณวัฒน์ โปรโมเตอร์มวยชื่อดัง จึงได้รับการส่งเสริมจนก้าวสู่การเป็นนักมวยสากลอาชีพในที่สุด

เขาทราย แกแล็คซี่ ได้ฉายาว่า ซ้ายทะลวงไส้ เนื่องจากมีหมัดซ้ายที่หนักหน่วง และมีสถิติป้องกันแชมป์โลกติดต่อกันกว่า 19 ครั้ง โดยเป็นการชนะน็อคถึง 16 ครั้ง ชนะคะแนน 3 ครั้ง ก่อนจะแขวนนวมด้วยการเป็นแชมป์โลกที่ไม่เคยแพ้ใคร

ด้านเขาค้อ แกแล็คซี่ ก้าวขึ้นเป็นแชมป์มวยโลกคนที่ 12 ของประเทศไทย แม้ว่าภายหลังจากการเป็นแชมป์โลกแล้ว เขาค้อจะไม่สามารถป้องกันตำแหน่งไว้ได้แม้แต่ครั้งเดียว แต่เจ้าตัวก็สามารถแก้ตัวคว้าเข็มขัดแชมป์โลกกลับคืนมาได้ในตอนเสียแชมป์หนแรก แต่เมื่อต้องป้องกันแชมป์อีกครั้ง ปรากฎว่า เขาค้อเกิดล้มลงบนเวทีเสียเฉย ๆ ทั้ง ๆ ที่ยังไม่ถูกคู่ต่อสู้ต่อยแม้แต่หมัดเดียว เป็นเหตุให้ต้องแพ้แบบ TKO ไปในครั้งนั้น สร้างความงุนงงให้กับผู้ชมเป็นอย่างมาก ต่อมามีการเรียกอาการของเขาค้อในวันนั้นว่า ‘โรควูบ’

ทั้งเขาทราย และเขาค้อ ถือเป็นนักมวยที่คนไทยชื่นชอบและจดจำได้เป็นอย่างดีในอดีต เมื่อไรที่มีการถ่ายทอดสดการขึ้นชกป้องกันแชมป์โลกของเขาทราย แกแล็คซี่ ถนนเมืองไทยจะโล่งไปถนัดตา เพราะผู้คนพากันไปรวมตัวอยู่ที่หน้าจอโทรทัศน์นั่นเอง

ผ่านมาถึงวันนี้ แม้ทั้งคู่จะเลิกราในเส้นทางอาชีพหมัดมวยไปแล้ว แต่ความเป็นตำนานนักมวยแชมป์โลก ก็ยังได้รับการยกย่องและกล่าวขวัญถึงอยู่เสมอ


ที่มา:

https://th.wikipedia.org/wiki/เขาทราย_แกแล็คซี่

https://th.wikipedia.org/wiki/เขาค้อ_แกแคซี่

วันนี้เมื่อ 147 ปีมาแล้ว ถือเป็นวันสำคัญอีกหนึ่งวัน เนื่องจากพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้มี ‘สภาที่ปรึกษาราชการแผ่นดิน’ ขึ้นเป็นครั้งแรก

โดยการแต่งตั้ง ‘สภาที่ปรึกษาราชการแผ่นดิน’ (Council of State) ขึ้นในครั้งนี้ เพื่อสนับสนุนพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์ และการสร้างความเจริญก้าวหน้าให้กับประเทศตามแบบตะวันตก

สภาที่ปรึกษาราชการแผ่นดิน ประกอบไปด้วย สมาชิกผู้มีบรรดาศักดิ์ชั้นพระยาจำนวน 12 คน มีหน้าที่ถวายคำปรึกษาและความคิดเห็นต่าง ๆ ในด้านนิติบัญญัติ และเมื่อข้อราชการใดที่ประชุมสภาที่ปรึกษาราชการแผ่นดินมีมติเห็นชอบ ก็ให้ออกเป็นกฎหมายบังคับใช้ต่อไป

ทั้งนี้ผู้ที่จะดำรงตำแหน่ง ต้องทำพิธีสัตยานุสัตย์ สาบานต่อหน้าพระพักตร์และถือน้ำพิพัฒน์สัตยา เพื่อให้มีความตั้งใจปฏิบัติหน้าที่จนเต็มกำลังความสามารถโดยไม่ลำเอียง ไม่เห็นแก่อามิสสินจ้าง และรักษาความลับ เพื่อให้การปฏิรูปการเมืองการปกครองบรรลุตามวัตถุประสงค์

การประชุมของสภาที่ปรึกษาราชการแผ่นดิน จะต้องมีสมาชิกมาประชุมร่วมกันตั้งแต่ 7 นายขึ้นไป จึงจะนับว่าครบองค์ประชุม ผลการประชุมทุกครั้งต้องกราบทูลให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงทราบ เมื่อทรงเห็นชอบด้วย ผลของการประชุมหรือมติของสภาจึงจะมีผลบังคับใช้ต่อไป

ผ่านมาถึงวันนี้ สภาที่ปรึกษาราชการแผ่นดิน ถือเป็นก้าวแรกของการปฏิรูปการเมืองการปกครองของประเทศไทย เปรียบเสมือน ‘คณะรัฐมนตรี’ ที่ดำเนินการด้านกฎหมาย และให้คำปรึกษาในการบริหารราชการแผ่นดิน อันเป็นพื้นฐานการปกครองสืบเนื่องมาจนถึงทุกวันนี้


ที่มา:

https://www.facebook.com/340609796616268/posts/530988617578384/

https://sites.google.com/site/prawaturachkalthi5/kar-ptirup-kar-pkkhrxng-kae

 

ประชาชนคนไทยรู้จัก ‘พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท’ กันเป็นอย่างดี ซึ่งในวันนี้เมื่อ 145 ปีก่อน พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้มีพระราชพิธีวางศิลาฤกษ์ พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท ขึ้นอย่างเป็นทางการ

พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท เป็นพระที่นั่งในหมู่พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท ภายในพระบรมมหาราชวัง โดยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเป็นท้องพระโรง การณ์นี้ได้มีการว่าจ้าง นายยอน คลูนิช ชาวอังกฤษ เป็นนายช่างหลวงออกแบบพระที่นั่งฯ 

ทั้งนี้เป็นการออกแบบที่ผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมไทย กับสถาปัตยกรรมยุโรป โดยตัวอาคารพระที่นั่งมีรูปแบบสถาปัตยกรรมยุโรป แต่หลังคาพระที่นั่งเป็นรูปแบบสถาปัตยกรรมไทย จนเป็นที่มาของชื่อ ‘ฝรั่งสวมชฎา’ 

นอกจากนี้ พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท ยังเป็นสถานที่แห่งแรกในประเทศไทย ที่มีการใช้ไฟฟ้าเป็นครั้งแรกอีกด้วย ด้วยที่มาจากการที่ กรมพระยาเทวะวงศ์วโรปการ เสนาบดีกระทรวงการต่างประเทศ ณ ขณะนั้น ได้มีโอกาสทอดพระเนตรเห็นแสงไฟฟ้าจากประเทศทางตะวันตก จึงมีพระราชประสงค์ให้นำมาใช้ในประเทศไทย จนเป็นที่มาของการติดตั้งไฟฟ้าในพระที่นั่งจักรีมหาปราสาทในเวลาต่อมา

แต่เดิมหมู่พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท มีพระที่นั่งต่าง ๆ เรียงต่อเนื่องกันรวม 11 องค์ ปัจจุบันเหลืออยู่เพียง 3 องค์ คือ พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท พระที่นั่งมูลสถานบรมอาสน์ และพระที่นั่งสมมติเทวราชอุปบัติ 

เวลาผ่านมาแล้วกว่า 145 ปี ปัจจุบันพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท ยังคงตั้งตระหง่านอย่างงดาม และกลายเป็นหนึ่งในจุดดึงดูดสำคัญของพระบรมมหาราชวัง ที่นักท่องเที่ยวต่างเดินทางเข้ามาชื่นชมความงามของโบราณสถานสำคัญของชาติแห่งนี้อยู่เสมอ


ที่มา: https://th.wikipedia.org/wiki/พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท
 

สำหรับคอการเมืองแล้ว ชื่อ ‘พลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ’ ถือเป็นอีกหนึ่งชื่อที่มีบทบาทสำคัญในแวดวงการเมืองไทย และวันนี้เมื่อกว่า 23 ปีก่อน ถูกบันทึกไว้ว่า เป็นวันถึงแก่อสัญกรรม ของอดีตนายกรัฐมนตรีคนนี้

พลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ เกิดเมื่อวันที่ 5 เมษายน พ.ศ.2463 โดยเข้ารับราชการครั้งแรก เมื่อปี พ.ศ.2483 ในตำแหน่งผู้บังคับหมวด กองพันทหารม้าที่ 1 รักษาพระองค์ กระทั่งต่อมา ได้ย้ายไปดำรงตำแหน่งทูตทางการทหารในหลายประเทศ อาทิ อาร์เจนตินา, ออสเตรีย, ตุรกี และเอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรประจำองค์การสหประชาชาติ ณ นครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์

ต่อมาเมื่อปี พ.ศ.2515 พลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ ได้รับแต่งตั้งให้เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงต่างประเทศ ซึ่งถือเป็นการเริ่มต้นเข้าสู่เส้นทางการเมืองเป็นครั้งแรก ในเวลาต่อมา ได้รับเลือกตั้งเป็น ส.ส. อยู่หลายสมัย รวมทั้งขึ้นดำรงตำแหน่งทางการเมืองอีกหลายครั้งด้วยกัน

กระทั่งในปี พ.ศ.2517 พลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ ได้ร่วมกับพลตรีประมาณ อดิเรกสาร และพลตรีศิริ สิริโยธิน ก่อตั้งพรรคชาติไทย จนในปี พ.ศ.2529 ก็ได้ขึ้นดำรงตำแหน่งเป็นหัวหน้าพรรคคนที่ 2 และสามารถนำพรรคชาติไทย ชนะการเลือกตั้งได้คะแนนเสียงเป็นอันดับหนึ่งในปี พ.ศ.2531 ก่อนจะเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 17 ของประเทศไทย เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม พ.ศ.2531

ตลอดระยะเวลาในการบริหารประเทศ พลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ ในฐานะนายกรัฐมนตรี มีความโดดเด่นในเรื่องนโยบายการต่างประเทศ ซึ่งมีประโยคทองที่ผู้คนในยุคนั้นต่างคุ้นหู นั่นคือ ‘เปลี่ยนสนามรบให้เป็นสนามการค้า’ นอกจากนี้ยังมีความโดดเด่นด้านนโยบายเศรษฐกิจ กระทั่งมีการคาดหมายประเทศไทยในเวลานั้น จะกลายเป็น ‘เสือตัวที่ 5 ‘ ของเอเชีย ต่อจากประเทศเกาหลีใต้ ฮ่องกง สิงคโปร์ และไต้หวัน

คณะรัฐบาลของพลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ บริหารประเทศเป็นเวลากว่า 2 ปีครึ่ง จนเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2534 จึงถูกคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ หรือ รสช. เข้ายึดอำนาจ ก่อนจะนำไปสู่เหตุการณ์ความรุนแรง ‘พฤษภาทมิฬ’ ในปี พ.ศ.2535

ในช่วงปลายเส้นทางการเมือง พลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ ยังมีส่วนร่วมในการก่อตั้งพรรคชาติพัฒนา ก่อนที่ต่อมา จะค่อย ๆ วางมือจากการเมือง กระทั่งเมื่อวันที่ 7 เมษายน พ.ศ.2541 เจ้าตัวได้เดินทางไปรับการผ่าตัดมะเร็งตับ ณ โรงพยาบาลครอมเวลล์ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ และรักษาตัวอยู่ประมาณ 1 เดือน ก่อนจะถึงแก่อสัญกรรมอย่างสงบเมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ.2541 ด้วยวัย 78 ปี

ถึงวันนี้ หลายคนก็ยังจดจำชื่อเสียง และความสามารถของอดีตนายกฯ คนนี้ได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะกับคำพูดติดปากที่กลายเป็นอีกหนึ่งภาพจำของอดีตผู้นำคนนี้ นั่นคือ ‘No Problem’


ที่มา: https://th.wikipedia.org/wiki/ชาติชาย_ชุณหะวัณ

วันนี้เป็นวันคล้ายวันประสูติ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณ ทรงมีพระชันษา 37 ปี

พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณ ประสูติเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ.2527 เป็นพระธิดาพระองค์เล็กในสมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี กับนาวาเอกวีระยุทธ ดิษยะศริน 

เมื่อครั้งทรงพระเยาว์ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณ ทรงเข้ารับการศึกษาระดับอนุบาลที่โรงเรียนจิตลดา ในเวลาต่อมา ทรงเข้าศึกษาที่สถาบันศิลปะวอชิงตัน (The Art Institute of Washington) ประเทศสหรัฐอเมริกา จากนั้นทรงศึกษาต่อด้านแฟชั่นดีไซน์ในสถาบันศิลปะแคลิฟอร์เนีย (The Art Institute of California) ประเทศสหรัฐอเมริกา ต่อมาทรงโอนหน่วยกิตจากสถาบันเดิม เพื่อเข้าศึกษาในหลักสูตรศิลปศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาออกแบบนิเทศศิลป์ วิทยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยมหิดล และทรงสำเร็จการศึกษาในปีการศึกษา พ.ศ.2553

พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณ ทรงมีพระปรีชาสามารถด้านกราฟิกดีไซน์และแอนิเมชั่น และทรงนำมาประกอบใช้ในพระกรณียกิจมากมาย อาทิ ในปี พ.ศ.2555 ทรงออกแบบเสื้อฝีพระหัตถ์ ‘ทุ่งภูเขาทอง’ เพื่อสมทบทุนบูรณะอุโบสถวัดภูเขาทอง และในปี พ.ศ.2556 ทรงร่วมกับ อาจารย์ถวัลย์ ดัชนี ศิลปินชื่อดังของประเทศ ออกแบบลายสำหรับเสื้อและถุงผ้า ‘ช้างนพสุบรรณ’ เพื่อนำทุนไปบูรณะวัดวัง อำเภอนครหลวง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ที่เสียหายจากอุทกภัยเมื่อปี พ.ศ.2554

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณ ทรงประกอบพระกรณียกิจด้านศิลปะ และพระพุทธศาสนา ตลอดจนทรงมีโครงการเกษตรตัวอย่างในพระดำริที่จังหวัดสุรินทร์ โดยทรงน้อมนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิต มาปรับใช้ในโครงการเกษตรส่วนพระองค์

เนื่องด้วยวันนี้เป็นวันคล้ายวันประสูติ ประชาชนชาวไทยจึงขอน้อมถวายพระพร ขอทรงมีพลานามัยแข็งแรงยิ่งยืนนาน ทรงพระเจริญ


ที่มา: https://th.wikipedia.org/wiki/พระเจ้าวรวงศ์เธอ_พระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณ

วันนี้ถือเป็นวันสำคัญของชาติ โดยถูกกำหนดให้เป็น ‘วันฉัตรมงคล’ โดยเป็นวันที่รำลึกถึงพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ของพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10

โดยภายหลังจากเสด็จขึ้นเถลิงถวัลยราชสมบัติ ต่อจากพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2559 และดำรงพระอิสริยยศเป็น ‘พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว’ 

รัฐบาลไทยและพสกนิกร จึงได้น้อมเกล้าน้อมกระหม่อม จัดงานพระราชพิธีฉลองพระเศวตฉัตร หรือพระราชพิธีฉัตรมงคล ซึ่งกระทำในวันบรมราชาภิเษก ถวายเมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ.2562 ทั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้มีพระปฐมบรมราชโองการในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกว่า “เราจะสืบสาน รักษา และต่อยอด และครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งอาณาราษฎรตลอดไป”

โดยตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา พสกนิกรชาวไทยจึงได้ถือเอาวันที่ 4 พฤษภาคม ของทุกปี เป็นวันฉัตรมงคล เพื่อน้อมรำลึกถึงวันสำคัญนี้

กล่าวถึงพระราชพิธีฉัตรมงคล ถูกจัดขึ้นเป็นครั้งแรกในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จขึ้นครองราชย์ เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ.2393 โดยได้มีการเฉลิมฉลองด้วยการนิมนต์พระสงฆ์มาสวดเจริญพุทธมนต์ และมีการถวายภัตตาหารแด่พระสงฆ์ที่พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทและพระที่นั่งไพศาลทักษิณ

กาลเวลาผ่านมา จวบจนรัชกาลปัจจุบัน ยังคงราชประเพณีดั้งเดิมเอาไว้ไม่เปลี่ยนแปลง โดยกิจกรรมในวันฉัตรมงคลนี้ พสกนิกรจะประดับธงชาติไว้ตามอาคารบ้านเรือน และสถานที่ราชการ รวมทั้งร่วมกันทำบุญตักบาตร ถวายเป็นพระราชกุศล พร้อมกันนี้ ยังน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายพระพรชัย ให้ทรงพระเกษมสำราญ ทรงเจริญพระชนพรรษายิ่งยืนนาน เป็นมหามิ่งขวัญแก่พสกนิกรสืบไป


ที่มา: https://th.wikipedia.org/wiki/วันฉัตรมงคล, http://chaisri-nites.hi-supervisory5.net/theskal/chatr-mngkh
 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top