Wednesday, 25 June 2025
ECONBIZ NEWS

'อนุทิน' ยัน 'ภท.' หนุนเต็มที่ดิจิทัลวอลเล็ต ชี้!! ผ่านขั้นครม. มาแล้ว ต้องสนับสนุน

(3 พ.ย. 66) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ให้สัมภาษณ์กรณีนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตถูกโจมตี ในฐานะพรรคร่วมรัฐบาลจะสนับสนุนโครงการดังกล่าวหรือไม่ ว่า พรรคร่วมรัฐบาลต้องปฏิบัติตามนโยบายของรัฐบาล ไม่อย่างนั้นจะเป็นพรรคร่วมได้อย่างไร 

อย่างกรณีนี้ถือเป็นนโยบายของพรรคแกนนำ ที่ต้องมีการหารือถึงนโยบาย งบประมาณ และวิธีการ กว่าจะมาถึงคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต้องผ่านกระบวนการทั้งหลายมาแล้ว เรามีหน้าที่ต้องให้การสนับสนุน

‘พีระพันธุ์’ ยัน!! เร่งปรับปรุงกฎหมาย-โครงสร้างราคาน้ำมัน ชี้!! ต้องคุมให้ราคาน้ำมันนิ่ง-ไม่หวั่นต่อปัจจัยนอกประเทศ

(3 พ.ย. 66) นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ให้สัมภาษณ์ถึง การใช้เงินกองทุนน้ำมันมาสนับสนุนภาษีสรรพสามิต แก๊สโซฮอล์ลง 2.50 บาทต่อลิตร ว่า ไม่มีผลกระทบ ถ้ามีผลกระทบคงทำไม่ได้ แต่ถ้าสถานการณ์โลกทำให้ราคาน้ำมันปรับขึ้น ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งตนเคยพูดไปแล้วว่ามาตรการต่าง ๆ เหล่านี้ เป็นมาตรการระยะสั้น ตนคิดว่า ต้องศึกษาปรับโครงสร้างแบบใหม่ ไม่เช่นนั้นจะเกิดปัญหาว่าเวลาราคาน้ำมันโลกลดลง หรือเกิดสถานการณ์ต่าง ๆ เราต้องเต้นตามกระแส เราควรหาทางทำให้ราคาพลังงานในประเทศนิ่งให้ได้ และทำให้ได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกลดลง ฉะนั้นการจะทำตรงนี้ได้ ต้องปรับปรุงกฎหมาย และรูปแบบการทำงาน หรือการกำหนดวิธีการดูแลระดับราคาพลังงานให้เป็นรูปแบบใหม่ ไม่ใช่แบบที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน

รมว.พลังงงาน กล่าวถึงการสู้รบในประเทศอิสราเอลว่า ถ้ามีปัญหาแบบนี้ก็กระทบทั่วโลกอยู่แล้ว แต่คิดว่าทุกประเทศก็ต้องคิดเหมือนกันว่าเมื่อเจอปัญหาแบบนี้ จะดูแลและป้องกันคนของตัวเองอย่างไร ซึ่งประเทศไทยก็หนีไม่พ้น เราต้องมานั่งคิดว่าควรทำอย่างไร เมื่อเกิดเหตุต่าง ๆ เพื่อกำกับดูแลราคาพลังงานให้อยู่ในหลักที่ประชาชนไม่เดือดร้อน ไม่ใช่ปล่อยนิ่งให้อยู่แบบที่เป็นมา ไม่เช่นนั้นเราจะเจอผลกระทบอีกแบบหนึ่ง

“ขณะนี้ผมกำลังศึกษารูปแบบต่าง ๆ เพื่อจะเร่งดำเนินการปรับปรุงอยู่ ส่วนจะเป็นแนวทางใดยังพูดไม่ได้ ยังไม่สรุปว่า จะเป็นแบบไหน หากพูดไปก่อนอาจทำให้ข้อมูลสับสน เอาเป็นว่าตอนนี้กำลังหาวิธีการใหม่ในการรักษาระดับราคาพลังงาน ไม่ให้กระทบปัจจัยภายนอก” รมว.พลังงานกล่าว

'สถาบันคุ้มครองเงินฝาก' เผย เงินฝาก ‘คนไทย’ เริ่มหดตัวตั้งแต่ปี 65 น่ากังวล!! ส่วนใหญ่มีแค่ 'เศษเงินติดบัญชี' มีเงินฝากไม่ถึง 5,000 บาท

(3 พ.ย. 66) นายทรงพล ชีวะปัญญาโรจน์ ผู้อำนวยการสถาบันคุ้มครองเงินฝาก (สคฝ.) กล่าวว่า สิ้นเดือน ส.ค. 2566 มีจำนวนผู้ฝากเงินที่ได้รับความคุ้มครอง อยู่ที่ 93.46 ล้านราย เพิ่มขึ้นจากปี 2565 จำนวน 0.05 ล้านราย คิดเป็นการเติบโต 3.37% โดยปัจจุบันวงเงินคุ้มครองเงินฝากตามที่กฎหมายกำหนดที่ 1 ล้านบาท ยังคงสามารถคุ้มครองผู้ฝากเงินได้เต็มจำนวน ครอบคลุมผู้ฝากเงินรายย่อยส่วนใหญ่ของประเทศ คิดเป็นสัดส่วน 98.08% ของผู้ฝากเงินที่ได้รับความคุ้มครองทั้งระบบ

ขณะที่จำนวนเงินฝากที่ได้รับความคุ้มครอง อยู่ที่ 15.96 ล้านล้านบาท ลดลง 1.32% ซึ่งเกิดจากปัจจัยความผันผวนทางเศรษฐกิจ

โดยในรายละเอียด พบว่า จำนวนผู้ฝากเงินที่มีเงินฝากไม่เกิน 50,000 บาท หรือส่วนมากไม่เกิน 5,000 บาท ในเดือน ส.ค. 2566 อยู่ที่ 81 ล้านราย จากทั้งหมด 93.46 ล้านราย เติบโต 4.45% ซึ่งในกลุ่มนี้ส่วนใหญ่มีเงินฝากไม่ถึง 5,000 บาท แต่จำนวนเงินฝากกลับเริ่มมีการหดตัวตั้งแต่ปี 2565 ที่ ติดลบ 0.63% และในเดือน ส.ค. 2566 ติดลบ 3.61%

ทั้งนี้ ผู้มีเงินฝากมากกว่า 50,000 บาท แต่ไม่เกิน 1,000,000 บาท มีการปรับตัวลดลง ทั้งจำนวนเงินฝากและจำนวนผู้ฝากตลอดช่วงเวลา 5 ปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องจากค่าครองชีพที่สูงขึ้น ส่งผลกระทบต่อผู้ฝากที่มีเงินฝากไม่มากนักจึงต้องนำเงินออมมาใช้จ่าย จนอาจทำให้สุขภาวะที่ดีทางการเงินอ่อนแอลงได้

เช่นเดียวกับผู้มีเงินฝากตั้งแต่ 1,000,000-5,000,000 บาท ก็เริ่มมีตัวเลขเงินฝากลดลงในปีนี้ด้วยเช่นกัน ซึ่งเกิดจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก แรงกดดันจากภาวะสงคราม ราคาพลังงานปรับตัวสูงขึ้น และการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางต่าง ๆ ของโลก ต่างกำหนดนโยบายการเงินที่เข้มงวด เพื่อรักษาระดับอัตราดอกเบี้ยให้อยู่ในระดับสูง ส่งผลโดยตรงต่อการบริโภคและการลงทุน

'นายกฯ' ชี้!! 15 ธันวา ขยายตี 4 ไม่ได้เอื้อเปิดสถานบันเทิงอย่างเดียว แต่หวังกระตุ้นใช้จ่ายเงินในร้านอาหารใต้กรอบระยะเวลาที่กว้างขึ้น

(3 พ.ย. 66) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง พร้อมด้วย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย และนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร

โดย นายกฯ กล่าวว่า วันนี้ได้มีการประชุม 2 เรื่อง ซึ่งเรื่องแรก ได้ประชุมร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) และกระทรวงมหาดไทย (มท.) เรื่องการแก้ไขหนี้สินของประชาชน โดยสิ้นเดือนนี้จะมีการแถลงข่าวใหญ่ เกี่ยวกับวิธีการแก้ไขปัญหาหนี้สินของประชาชน ที่เกี่ยวข้องกับหนี้นอกระบบ นอกจากนี้ ยังมีการประชุมเรื่องการขยายเวลาเปิดสถานบริการถึงตี 4 โดยมี กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และกระทรวงมหาดไทย รวมถึงสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เข้าร่วมด้วย เพื่อดูความเหมาะสม จะเป็นตรงไหนอย่างไร

นายกฯ กล่าวว่า นอกจากนี้ ยังมีผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่, ชลบุรี, ภูเก็ต ซึ่งเป็นจังหวัดหลัก ที่จะให้มีการเปิดสถานบริการถึงตี 4 ตรงไหนที่สามารถทำได้ก็ทำก่อน ส่วนจะมีการเปิดเป็นโซนนิ่งหรือไม่ในอนาคต ค่อยว่ากันทีหลัง ทั้งนี้ ตนได้เน้นย้ำที่ทำเรื่องนี้เพื่อต้องการจะกระตุ้นเศรษฐกิจ กระตุ้นการท่องเที่ยว ซึ่งไม่ใช่เฉพาะนักท่องเที่ยวต่างชาติอย่างเดียว ซึ่งสามารถเปิดระยะเวลาได้ยาวขึ้น ขณะที่ประชาชนที่ทำการค้าขาย เกี่ยวกับการท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร หรือสถานบริการอย่างอื่น สามารถเปิดบริการได้มากยิ่งขึ้น ซึ่งตรงนี้มีนัยยะสำคัญหลาย ๆ นัย เช่น นักท่องเที่ยวที่มาจากต่างประเทศ เขาไม่ได้ทานข้าวเร็วเหมือนเรา บางคนทานข้าวตั้งแต่ 3 - 4 ทุ่ม ก็มี หากสถานบริการปิดเที่ยงคืน หรือตี 2 เขาก็ต้องมาเร่งเพื่อกินข้าวให้เสร็จเร็ว จำนวนอาหารที่จะสั่งก็จะน้อยลง เราไม่ได้เน้นเปิดสถานบริการแก้ไขสุราอย่างเดียว เพราะถ้าระยะเวลาน้อยการใช้จ่ายเงินก็น้อยลงไป ก็เป็นเรื่องการขยายระยะเวลา

นายกฯ กล่าวต่อว่า ในส่วนของกระทรวงมหาดไทยจะดูในเรื่องของโซนนิ่ง ใบอนุญาตต่างๆ ที่จะทยอยตามมา เดทไลน์ที่เราวางไว้ เป็นวันที่ 15 ธันวาคม 2566 ส่วนเรื่องอื่นๆ ที่จะตามมา ได้สั่งการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการดูแลประชาชน ซึ่งต้องทำความเข้าใจกับนโยบายนี้ ในเรื่องที่อาจจะมีเสียงรบกวน เรื่องการเมาไม่ขับหรือเรื่องของการเมาไม่ขับ ตรงนี้ตนได้เน้นย้ำไป และให้ติดกล้อง CCTV ให้มากขึ้น ทั้งนี้ การที่เอาเอกชนเข้ามามีส่วนร่วม ช่วยเหลือ ให้บริการ ให้บริการเรื่องเมาไม่ขับ

ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้มีการกำชับเรื่องปัญหายาเสพติดด้วยหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า เรื่องนี้จะต้องมีการตรวจค้นอย่างเข้มข้นต่อไป สำหรับระยะเวลาในการเปิด วางไว้ถึงตี 4 ซึ่งแล้วแต่เขตพื้นที่ และต้องเป็นไปตามกฎหมายด้วย ทั้งนี้ การเปิดตีถึงตี 4 เบื้องต้นจะให้เป็นชั่วคราวก่อน เพราะอาจจะมีการเปลี่ยนโซนนิ่ง และการปรับเปลี่ยนกฎหมายอะไรหลาย ๆ อย่าง ยืนยันว่าเป็นการจัดโซน ไม่ใช่ทั่วประเทศ ซึ่งการดำเนินการก็ต้องเป็นไปตามกฎหมาย และทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก็ให้ความมั่นใจว่าจะเป็นนโยบายของรัฐบาล กำลังพลของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง จะสามารถบริหารจัดการได้ นายกฯ กล่าวด้วยว่า สำหรับการเปิดบริการถึงตี 4 ยังไม่มีการคำนวณจำนวนเม็ดเงินที่จะเข้ามาว่าจะได้เท่าไหร่ 

‘ปลัดอุตฯ’ ยัน!! เดินหน้า ‘ศูนย์ทดสอบยานยนต์’ เฟส 2 ต่อเนื่อง ดัน ‘ไทย’ สู่ฮับทดสอบมาตรฐานอันดับ 1 ในอาเซียน-อันดับ 11 ของโลก

เมื่อวันที่ 2 พ.ย. 66 นายณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยความคืบหน้าการก่อสร้างโครงการศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อแห่งชาติ โดยสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) กระทรวงอุตสาหกรรม เป็นผู้ดำเนินโครงการ โดย นายณัฐพล ยืนยันว่า พร้อมเดินหน้าโครงการในเฟส 2 ต่อเนื่อง ซึ่งขณะนี้เตรียมประกาศรายชื่อบริษัทผู้ชนะการประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ โครงการก่อสร้างสนามทดสอบความเร็วและสมรรถนะ และการป้องกันดินสไลด์สู่สนามทดสอบยางล้อ ตามมาตรฐาน UN R117 ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบเอกสารและข้อมูล โดยคาดว่า 1-2 เดือนนี้ จะสามารถประกาศชื่อผู้ชนะได้แน่นอน

ขณะที่มีรายงานว่า บริษัทผู้ชนะการประกวดราคา โครงการก่อสร้างสนามทดสอบความเร็วและสมรรถนะ และการป้องกันดินสไลด์สู่สนามทดสอบยางล้อ ตามมาตรฐาน UN R117 นั้น พบมีข้อมูลอยู่ในระบบอี-บิดดิ้ง ว่า มีผู้แข่งขัน 2 ราย และมีผู้รับการคัดเลือกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งบริษัทผู้รับคัดเลือกมีราคาต่ำสุด อยู่ที่ 844,230,000 บาท

ส่วนงบประมาณที่ได้รับอนุมัติมาในปี 2566 อีก 1,667.69 ล้านบาทนั้น จะใช้สำหรับการก่อสร้าง ได้แก่

1.) สนามทดสอบสมรรถนะและความเร็ว และการป้องกันดินสไลด์สู่สนามทดสอบยางล้อตามมาตรฐาน UN R117
2.) สถานีสำหรับเตรียมสภาพรถ (Work Shop)
3.) ทางวิ่ง (Run-In) ส่วนต่อขยายจากสนามทดสอบยางล้อเพื่อการทดสอบมาตรฐาน UN R117
4.) LAB ทดสอบการชน

ทั้งนี้ หาก สมอ.มีการประกาศรายชื่อบริษัทที่ชนะการประกวดราคาฯ ก็จะสามารถเดินหน้าก่อสร้างโครงการดังกล่าวได้ในทันที เพื่อให้ดำเนินโครงการในแต่ละระยะแล้วเสร็จตามกรอบเวลาของโครงการทั้งหมด เปิดใช้บริการได้ในปี 2569

สำหรับโครงการศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อแห่งชาติ ใช้พื้นที่ 1,235 ไร่ บริเวณเขตสวนป่าลาดกระทิง ต.ลาดกระทิง อ.สนามชัยเขต จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งอยู่ในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) โดยเป็นการลงทุนของภาครัฐทั้งหมด ภายใต้กรอบวงเงิน 3,705.7 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันได้ดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จไปกว่า 55% ใช้งบประมาณไปแล้ว 2,038 ล้านบาท คงเหลือการดำเนินงานอีก 45% ในวงเงินประมาณ 1,667.69 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2569 หากแล้วเสร็จสมบูรณ์ ศูนย์ทดสอบแห่งนี้จะกลายเป็นฮับการทดสอบมาตรฐานอันดับ 1 ในอาเซียน และอันดับที่ 11 ของโลก

การก่อสร้างศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อแห่งชาติ (ATTRIC) เป็นส่วนหนึ่งของการส่งเสริมและยกระดับคุณภาพผลิตภัณฑ์ยานยนต์ ชิ้นส่วนยานยนต์ และยางล้อของไทย ไปสู่การเป็นซุปเปอร์คลัสเตอร์ (Super Cluster) อุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ และเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญของรัฐบาล ที่ต้องการผลักดันให้ประเทศไทย เปลี่ยนผ่านจากการเป็นฐานการผลิตยานยนต์สันดาปภายใน เป็นยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่สำคัญในภูมิภาคอาเซียน มีบุคลากรที่มีความรู้และความสามารถในด้านผลิตภัณฑ์ยานยนต์ ชิ้นส่วนยานยนต์ และยางล้อ สามารถทดสอบและรับรองได้เองในประเทศ เป็นการอำนวยความสะดวกให้กับผู้ประกอบการในประเทศ ที่ไม่ต้องส่งผลิตภัณฑ์ไปทดสอบที่ต่างประเทศ

'รทสช.' ยัน!! สนับสนุนโครงการดิจิทัล วอลเล็ต 10,000 บาท แต่ต้องไม่กระทบเศรษฐกิจตามที่ประชาชนและภาคธุรกิจกังวล

(3 พ.ย.66) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในฐานะ หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ให้สัมภาษณ์ ถึงท่าทีของพรรคร่วมรัฐบาลกับโครงการดิจิทัล วอลเล็ต 10,000 บาท ว่า ในฐานะที่เป็นรัฐบาลให้การสนับสนุนอยู่แล้ว แต่ต้องดูแลไม่ให้เกิดผลกระทบต่อสภาพเศรษฐกิจอย่างที่ประชาชนและภาคธุรกิจเป็นห่วง ซึ่งส่วนตัวมั่นใจว่านายกรัฐมนตรีไม่ต้องการให้เกิดปัญหาอยู่แล้ว

เมื่อถามย้ำว่าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) จะสนับสนุนโครงการดังกล่าวใช่หรือไม่  นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า ไม่ใช่เรียกว่าสนับสนุนหรือไม่สนับสนุน แต่เป็นนโยบาย เมื่อรับนโยบายนี้แล้วโดยมารยาทก็ต้องปฏิบัติตามเพียงแต่จะทำอย่างไรให้นโยบายนี้ไม่กระทบตามที่ประชาชนและภาคเศรษฐกิจเป็นห่วง ซึ่งหากสามารถดำเนินการไม่ให้เกิดผลกระทบ หรือให้มีผลกระทบน้อยที่สุดแก้ไขให้สิ่งที่ไม่ดีออกไป เหลือแต่ส่วนที่ดีไว้ก็จะสามารถเดินหน้าต่อไปได้ ซึ่งเท่าที่ตนเองทราบขณะนี้ทุกฝ่ายพยายามดำเนินการปรับลด ปรับปรุง ปรับเปลี่ยน และปรับแต่งอยู่

‘พีระพันธุ์’ รับทราบข้อร้องเรียนกลุ่มผู้ใช้แก๊ส NGV  เล็งตั้งคณะทำงานแก้ปัญหาอย่างครบถ้วน-รวดเร็ว-เป็นระบบ

(2 พ.ย. 66) นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวภายหลังกลุ่มรถผู้ประกอบการรถตู้ รถเมล์สาธารณะ ร่วม บขส. และรถบรรทุก มายื่นเรื่องร้องเรียนขอให้ลดราคาเอ็นจีวีว่า ได้รับรายงานจาก น.ส.อรพินทร์ เพชรทัต ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานแล้ว และเมื่อเร็ว ๆ นี้ สมาคมรถบรรทุกมาได้ขอให้ดูแลราคาเอ็นจีวีเช่นกัน

นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มผู้ขับแท็กซี่ได้ยื่นหนังสือร้องเรียนเรื่องการที่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ปิดปั๊มแก๊สลงจำนวนมากทำให้กระทบต่อการประกอบอาชีพเป็นอย่างยิ่งด้วย ดังนั้นจะตั้งคณะทำงานของหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องมาตรวจสอบปัญหาและแก้ไขปัญหาทั้งหมดพร้อมกันทันที คาดว่าปัญหานี้น่าจะผ่อนคลายลง โดยจะให้กระทรวงพลังงานแจ้งความคืบหน้าการทำงานเรื่องนี้ให้ผู้เดือดร้อนทราบเป็นระยะต่อไป

“ผมได้รับเรื่องร้องเรียนมาแล้ว แต่ละกลุ่มมีปัญหาความเดือดร้อนลักษณะใกล้เคียงกัน เพื่อให้การแก้ไขปัญหาเป็นไปอย่างครบถ้วน รวดเร็ว และเป็นระบบ ผมจะตั้งคณะทำงานขึ้นมาทันทีเพื่อตรวจสอบปัญหาและแก้ไขไปพร้อมกันเลยทีเดียว ไม่ต้องรวมกลุ่มมาก็กำลังจะทำอยู่แล้ว เพราะรับทราบปัญหามาก่อน” นายพีระพันธุ์กล่าว

‘รมว.พิพัฒน์’ ถก ‘สมาคมจัดหางานฯ’ รุกขยายตลาดส่งออกแรงงานใหม่ พร้อมเสริมความปลอดภัย-ดูแลหนี้สินให้แรงงานไทยที่ไปทำงาน ตปท.

(2 ต.ค. 66) นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ให้การต้อนรับ นายชินวัฒน์ ใจกุศลสูงยิ่ง นายกสมาคมการจัดหางานไทยไปต่างประเทศ และคณะ ในโอกาสเข้าพบเพื่อแสดงความยินดีเนื่องในโอกาสเข้ารับตำแหน่ง รวมทั้งหารือข้อราชการเกี่ยวกับการจัดส่งแรงงานไทยไปทำงานต่างประเทศ โดยมี นายภุชงค์ วรศรี ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่ประจำกระทรวงแรงงาน นายวรรณรัตน์ ศรีสุขใส รองปลัดกระทรวงแรงงาน พร้อมด้วย ผู้บริหารระดับสูงกระทรวงแรงงาน เข้าร่วม ณ ห้องจัตุมงคล ชั้น 6 อาคารกระทรวงแรงงาน

นายพิพัฒน์ กล่าวว่า “ในวันนี้ผมขอขอบคุณท่านนายกสมาคมการจัดหางานไทยไปต่างประเทศ ที่ได้นำคณะผู้บริหารสมาคมฯ มาเข้าพบผมเพื่อแสดงความยินดีเนื่องในโอกาสการเข้ารับตำแหน่ง พร้อมทั้งหารือเกี่ยวกับการจัดส่งแรงงานไทยไปทำงานต่างประเทศ ซึ่งกระทรวงแรงงานขอขอบคุณสมาคมฯ ที่ได้หารือในประเด็นต่างๆ ทั้งในเรื่องการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายเพื่อช่วยอำนวยความสะดวกให้การจัดส่งแรงงานทำได้ง่ายขึ้น ซึ่งในเรื่องนี้ต้องใช้ระยะเวลา

ในส่วนของการจัดส่งแรงงานไทยไปทำงานต่างประเทศนั้น ในปี 2566 ผมมีนโยบายที่จะเพิ่มโควตาการจัดส่งอีก 100,000 อัตรา ซึ่งขณะนี้เราเตรียมที่จะส่งออกแรงงานไทยไปหลายประเทศ อาทิ เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น รวมทั้งส่งแรงงานฝีมือในสาขาช่างเชื่อมไปประเทศซาอุดีอาระเบีย เป็นการสานต่อนโยบายเดิมที่ดีอยู่แล้วให้ไปเกิดผลมากขึ้น

รวมทั้งการป้องกันการถูกหลอกลวงไปทำงานในต่างประเทศ โดยเฉพาะสื่อสังคมออนไลน์ที่เข้าถึงได้ง่าย ในเรื่องนี้ต้องรณรงค์ให้ความรู้เกี่ยวกับการไปทำงานต่างประเทศอย่างถูกต้อง นอกจากนี้ ผมขอฝากให้สมาคมฯ ซึ่งมีความถนัดในการส่งแรงงานไทยไปทำงานในต่างประเทศ ให้ช่วยดูแลเรื่องภาระหนี้สินและคำนึงถึงความปลอดภัยของแรงงาน ที่ไปทำงานในแต่ละประเทศเป็นสำคัญ”

ด้าน นายชินวัฒน์ ใจกุศลสูงยิ่ง นายกสมาคมการจัดหางานไทยไปต่างประเทศ กล่าวว่า ในนามผู้บริหารสมาคมการจัดหางานไทยไปต่างประเทศ ขอขอบคุณท่านรัฐมนตรีพิพัฒน์ฯ เป็นอย่างยิ่งที่เปิดโอกาสให้เข้าพบเพื่อแสดงความยินดีเนื่องในโอกาสเข้ารับตำแหน่ง และรับทราบนโยบายการจัดส่งแรงงานไทยไปทำงานต่างประเทศในวันนี้

ในส่วนของสมาคมฯ ต้องการให้มีการปรับปรุงแก้ไข พ.ร.บ.จัดหางานและคุ้มครองคนงานหางาน ที่ปัจจุบันยังเป็นอุปสรรคต่อการจัดส่งแรงงานให้สามารถอำนวยความสะดวกขึ้น ร่วมมือกับสมาคมฯ ในการขยายตลาดแรงงานเก่าและตลาดแรงงานใหม่ในประเทศต่างๆ ให้มีเป้าหมายชัดเจนและเป็นรูปธรรม ยกระดับทักษะภาษาและฝืมือแรงงาน โดยให้ศูนย์ทดสอบมาตรฐานฝีมือยกระดับช่างไทยให้มีฝีมือ เพื่อให้สามารถไปทำงานในต่างประเทศได้มากขึ้น ให้เข้มงวดตรวจสอบกลุ่มมิจฉาชีพเพื่อป้องกันหลอกลวงคนหางานทางสื่อออนไลน์รูปแบบต่างๆ

รวมทั้งเร่งเจรจาขยายตลาดกับท้องถิ่นเมืองต่างๆ ในเกาหลีใต้ที่ประสงค์จะจ้างแรงงานไทยไปทำงานภาคเกษตร เพื่อรองรับให้ความช่วยเหลือแรงงานไทยที่กลับจากประเทศอิสราเอลได้ เนื่องจากอัตราค่าจ้างใกล้เคียงกัน ซึ่งผลจากการหารือทั้งหมดนี้จะนำไปสู่การยกระดับความร่วมมือระหว่างกันอย่างใกล้ชิดต่อไป

'ส่งออกผลไม้ไทย' ช็อก!! 'สับปะรดภูแล' โดนจีนแบนเป็นครั้งแรก กุมขมับ!! ยังไม่รู้สาเหตุชัด หวั่น!! อาจกระทบอาชีพปอกสับปะรด

(2 พ.ย.66) นายสัญชัย ปุรณะชัยคีรี นายกสมาคมผู้ค้าและส่งออกผลไม้ไทย เผยว่า ขณะนี้สับปะรดภูแล ที่ตัดแต่งส่งออกไม่ได้ โดนจีนแบน กำลังเช็กกันอยู่ว่าเกิดจากสาเหตุอะไร แต่มีการสันนิษฐานเบื้องต้นในหมู่วงการว่าจะเกิดจากสุขอนามัยหรือไม่ หรือเกิดจากสาเหตุอะไรกันแน่ ตอนนี้เกษตรกรจังหวัดเชียงรายเริ่มเดือดร้อนกันแล้ว เพราะส่งออกไม่ได้ แต่โชคดีสับปะรดผลผลิตเริ่มจะออก คาดว่าผลผลิตจะออกมามากในเดือนธันวาคม ไปจนถึงกุมภาพันธ์ ปี 67 จะเป็นช่วงที่ผลผลิตจะออกมามาก พอถึงตรงนั้นจะกลายเป็นปัญหาใหญ่

“ปกติประเทศไทยมีการส่งออกสับปะรดทุกวัน แล้วพอเกิดปัญหาทำให้ส่งออกไม่ได้ สับปะรดต้องทะลักเข้าในประเทศ และจะกระทบกับคนที่มีอาชีพปอกสับปะรดในกลุ่มนี้หลายพันคนในอำเภอภูแล จังหวัดเชียงรายตกงาน เพราะจะเหลือคนที่ผลิตแค่ในประเทศเท่านั้น ก็มีปัญหาเพราะคนกินน้อยกว่าส่งออก”

นายสัญชัย กล่าวว่า การแก้ไขก็จะต้องรีบหามาตรการ และให้ค้นหาความจริงว่าจีนแบนด้วยเหตุผลอะไร และเร่งให้มีการเจรจา ต้องทำอย่างไร เพราะก่อนหน้านี้ทุเรียนแกะเนื้อผลสด ก็มีการแบนไปแล้ว เพราะถือว่าอยู่ในรูปอาหาร จึงทำให้สันนิษฐานที่ทำให้โดนแบน คือ 1.) อยู่ในหมวดอาหารหรือไม่ ต้องเปลี่ยนพิกัดอาหาร พอเข้าอาหาร ก็ต้องเข้าในเรื่องสุขอนามัย ซึ่งถ้าเป็นเรื่องอาหาร ไทยก็ยังไม่ได้รับการรับรองจากจีน และ 2.) ตรวจเจอเชื้อแบคทีเรีย หรือสุขอนามัยของตัวพืชเองอาจจะไม่ได้ จึงคิดว่าจะมาจาก 2 ประเด็นนี้หรือไม่

"แต่ยังไม่ได้บทสรุปชัดเจนว่าเกิดจากสาเหตุอะไร ซึ่งได้สอบถามไปยังทูตเกษตร แต่ยังไม่ได้คำตอบเลย เมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้สงสัยว่ามีใครออกมาพูดกันบ้างหรือยังว่าจะหาแนวทางแก้ไขอย่างไร เพราะถ้ารอปล่อยเวลาไปแล้วสุดท้ายพ่อค้าก็จะตกเป็นจำเลยอีกเช่นเคยเวลามีปัญหา ไม่อยากให้เกิดซ้ำรอยเดิม" นายสัญชัย กล่าวทิ้งท้าย

‘GISTDA’ จับมือ ‘ยูเครน’ ลงนาม MOU ด้านเทคโนโลยีอวกาศ หนุนเพิ่มขีดความสามารถในการพัฒนานวัตกรรมในอนาคต

(2 พ.ย.66) กระทรวง อว. โดย GISTDA และหน่วยงานอวกาศแห่งยูเครน หรือ SSAU ลงนามบันทึกความเข้าใจ (MoU) เพื่อร่วมมือกันในด้านเทคโนโลยีอวกาศ เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2566 โดยมี ดร.ปกรณ์ อาภาพันธุ์ ผู้อำนวยการ GISTDA และนายโวโลดีมีร์ เบน รักษาการหัวหน้า SSAU, นายปาฟโล โอเรล อุปทูต A.I. ของสถานเอกอัครราชทูตยูเครนประจำประเทศไทย เข้าร่วมเป็นสักขีพยาน

วัตถุประสงค์หลักของบันทึกความเข้าใจนี้ เพื่อส่งเสริมความร่วมมือในด้านการใช้ประโยชน์จากอวกาศในทางสันติ กระทรวง อว. โดย GISTDA และ SSAU จะทำงานร่วมกันในด้านต่างๆ อาทิ การพัฒนาเครื่องยิงจรวด การพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและดาวเทียม ตลอดจนการศึกษาวิจัยและเสริมสร้างขีดความสามารถทางด้านเทคโนโลยีอวกาศ

ทั้งนี้ SSAU เป็นหนึ่งในหน่วยงานด้านอวกาศที่มียุทธศาสตร์ในการดำเนินงานที่ได้รับการยอมรับจากนานาชาติ และมีส่วนสำคัญที่ทำให้ประเทศยูเครนประสบความสำเร็จในด้านอวกาศ ด้วยเหตุนี้ MoU จึงเป็นก้าวสำคัญที่จะส่งเสริมความร่วมมือและนวัตกรรมที่จะเกิดขึ้นจากการร่วมกันพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศของทั้งสองประเทศต่อไป


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top