Sunday, 8 June 2025
THE STATES TIMES TEAM

3 นางเอกสายเกา...ยิ่งดูยิ่งปัง

ไม่ได้มีแค่สาว ๆ เขาหลงใหลพระเอกสายเกาเท่านั้นะ แต่หนุ่มไทยมากมาย ก็ปลื้มอกปลื้มใจ นางเอกสายเกาหลีเหมือนกัน โดยเฉพาะ 3 คนนี้ ‘คิมโกอึน & คิมดามี & พัคโซดัม’ ทั้งหมดมีความพิเศษคล้าย ๆ กัน ตรงที่หากเพียงเห็นแวบแรก จะรู้สึกเฉย ๆ กับพวกเธอ อารมณ์ประมาณว่า ‘อึ๋ย! หน้าตาธรรมดา ๆ เป็นนางเอกได้ไง?’

แต่! อย่าสบประมาทความน่ารักของพวกเธอ เพราะถ้าหากดูซีรี่ส์ที่เธอเล่นไปเรื่อย ๆ อารมณ์ที่บอกไปทีแรก จะเปลี่ยนไปทันที ‘อึ๋ย! น่ารว้อกอ่ะ!’ 

เพราะใคร ๆ ก็ตกหลุมรักเธอ The States Times Lite ก็เลยตกหลุมรักเธอ ไม่ช่าย! เราก็เลยต้องไปทำความรู้จักกับ 3 นางเอกสายเกา ที่แต่ละคนบอกเลยว่า ผลงานไม่ธรรมดา!


คิมโกอึน

นางเอกสาวผู้โด่งดังจากซีรี่ส์ ‘ก็อบลิน’ (Goblin) เธอประกบคู่กับพระเอกฉายาสามีแห่งเอเชีย ‘กงยู’ แต่ก่อนที่จะดังเปรี้ยงปร้าง คิมโกอึนเคยใช้ชีวิตที่ประเทศจีนมากว่า 10 ปี ก่อนที่จะบินกลับมาที่เกาหลีใต้ และเรียนจบทางด้านการแสดงจาก Korea National University of Arts 

โกอึนเริ่มต้นงานแสดงจากภาพยนตร์ดราม่า-อีโรติกเรื่อง A Muse ก่อนจะตามมาด้วย Memories of the Sword (ค.ศ.2015) และ Coin Locker Girl (ค.ศ.2015) ซึ่งส่วนใหญ่งานของเธอจะเป็นการแสดงภาพยนตร์ และเริ่มเป็นที่รู้จักในวงกว้างจากซีรีส์เรื่อง Cheese in the Trap (ค.ศ.2016) และ Goblin (ค.ศ.2016 - 2017) กระทั่งเมื่อปีที่แล้วก็ได้มาประกบกับพระเอกสุดฮอต ลีมินโฮ ใน The King: The Eternal Monarch 

ใครที่เคยผ่านตาผลงานของโกอึนตั้งแต่เรื่องแรก ๆ จะสัมผัสได้ว่า เธอมีใบหน้าที่เรียบ ๆ เหมือนสาวหมวยเกาหลีทั่วไป แต่ก็เป็นเรื่องน่าแปลกว่า ยิ่งพอดูเธอแสดงไปเรื่อย ๆ กลับมีเสน่ห์ชวนมองมากขึ้น และสุดท้ายเราก็ตกหลุมรักเธอจนได้!

.

คิมดามี

อีกหนึ่งนางเอกหน้ากวน ที่ดูไปดูมา อ้าว น่ารักเฉย ซึ่งใคร ๆ ก็พากันตกหลุมรักเธอ กับบทบาท ‘โซอีซอ’ ในซีรี่ส์สุดฮิต Itaewon Class ตัวจริงของเธอนั้นมีชื่อจริงๆ ว่า คิมดามี ปัจจุบันอายุ 25 ปี เข้าวงการบันเทิงมาตั้งแต่ปี ค.ศ.2017 เธอเริ่มต้นงานแรกด้วยการเป็นนักแสดงสมทบในหนังเรื่อง Romans 8:37 ก่อนจะแจ้งเกิดใน The Witch: Part 1. The Subversion (ค.ศ.2018) ซึ่งดามีเป็น 1 ในนักแสดง 1500 คนที่ได้รับเลือกจากการออดิชั่นหนังเรื่องนี้ แถมพอหนังเข้าฉาย เธอก็กวาดรางวัลเป็นว่าเล่น ไม่ว่าจะเป็นรางวัลนักแสดงหน้าใหม่หญิงยอดเยี่ยม จากงานประกาศรางวัล 39th Blue Dragon Film Awards และรางวัลนักแสดงดาวรุ่ง จากงานประกาศรางวัล 3rd London Asian Film Festival

ลำหรับซีรี่ส์เรื่อง Itaewon Class ถือเป็นงานซีรี่ส์เรื่องแรกของเธอ แต่กลับกลายเป็นซีรี่ส์ที่ส่งให้ชื่อของดามีโด่งดังเป็นพลุแตก ปฏิเสธไม่ได้ว่า ด้วยใบหน้ากวน ๆ (ที่ไม่ได้มาแนวสวยใส) พร้อมวิธีการแสดงออกของเธอ มันทำให้คนดูอย่างเรา ๆ รู้สึกสนุก และพากันให้กำลังใจตัวละคร ‘โซอีซอ’ ที่เดินหน้าจีบพระเอก ‘พัคแซรอย’ อย่างสุดใจ

.

พัคโซดัม

อีกหนึ่งหมวยที่เราต้องหลงรักเธอ! กับผลงานล่าสุด ซีรี่ส์เรื่อง Record of Youth นางเอกสาววัย 29 ปีคนนี้ รับบทเป็นช่างแต่งหน้า แถมยังเป็นติ่งของพระเอกในเรื่อง ที่รับบทโดย พัคโบกอม หากใครได้เห็นเพียงโปสเตอร์ของซีรี่ส์เรื่องนี้ อาจคาดหวังว่าคงได้กรี้ดกับใบหน้าหล่อใสกิ๊งของพัคโบกอม แต่พอดูไปดูมา อ้าว! เราเพลินกับความหน้าเก๋ของพัคโซดัมไปซะอย่างนั้น

หลายคนอาจคุ้นหน้าคุ้นตาเธอมาบ้างแล้ว เพราะก่อนหน้านี้ โซดัมคือหนึ่งในนักแสดงของหนังแห่งปีอย่าง Parasite ที่กวาดมาทุกเวที จากเกาหลีไปยันออสการ์ โซดัมจบการศึกษาด้านการแสดงจากมหาวิทยาลัยศิลปะแห่งชาติเกาหลี (Korea National University of Arts)​ ซึ่งที่ผ่านมา เธอเป็นนักแสดงที่มีผลงานทั้งภาพยนตร์และซีรี่ส์มาพอสมควร ความเก่งของเธอคือการแสดงที่ทำให้คนดูรู้สึกเหมือนว่าเธอไม่ได้แสดง เหมือนอย่างเรื่อง Record of Youth ที่เธอแสดงได้เนียนตาเอามากๆ เผลอรู้ตัวอีกที เราก็ตกหลุมรักเธอไปอีกแล้วเช่นกัน เฮ้อ...

.

เรียกว่าเป็น 3 นางเอกสายเกาที่มาแรงในช่วงเวลานี้จริงๆ และเร็วๆ นี้ พวกเธอก็จะมีผลงานมาให้ได้ชมกันอีกอย่างแน่นอน สาวกซีรี่ส์เกาหลีห้ามพลาดดดด!

 

'ข้าวกล่องแห่งความรัก' ธุรกิจจาก 'หลานชาย' ที่อยากเจอหน้า 'อาม่า' ทุกวัน

คุณค่าของใครบางคน อาจจะดูไร้ค่า จนเหมือนกับต้นไม้แก่ที่แห้งเหือดไปตามกาลเวลา แต่ต้นไม้แก่ที่โรยราย สามารถกลับมามี ‘คุณค่า’ ได้ใหม่ หากมีใครสักคนให้ความสำคัญ รดน้ำ ใส่ปุ๋ย และสักวันหนึ่งต้นไม้ต้นนั้น ก็อาจจะพร้อมกลับมามอบ ‘ร่มเงา’ แก่คนที่ยังเห็นคุณค่าและดูแลมันได้กลับคืน

‘ข้าวกล่องอาม่า’ (ARMABOX) ธุรกิจของคนต่างวัย ที่เริ่มต้นจาก ‘ไบรท์-พิชญุตม์ กุศลสิทธิรัตน์’ หลานชายวัย 26 ปี กับ ‘อาม่า-รัตนา อภิเดชากุล’ ในวัย 75 ปี เป็นสิ่งที่ช่วยอธิบายคุณค่าของไม้ใหญ่ที่กำลังโรยราให้กลับมามีชีวิตชีวาได้เป็นอย่างดี

จุดเริ่มต้นธุรกิจข้าวกล่องอาม่า เกิดขึ้นจากผู้เป็นหลาน ซึ่งมองเห็นคุณค่าของอาม่าจากภาพจำตอนเด็ก เขาจำภาพคนเก่งที่ลุกขึ้นขายข้าวแกงในแต่ละวัน จนสามารถหาเลี้ยงดูครอบครัวมาได้จนถึงปัจจุบัน แต่หลังจากนั้นเมื่อถึงวัยชรา อาม่าก็กลายเป็นคนแก่ที่โดดเดี่ยว เมื่อเลิกขายข้าวแกง ไบรท์ เข้ามาเป็นตัวตั้งตัวตีให้ครอบครัว ลุกขึ้นมาทำธุรกิจข้าวกล่องขาย โดยหนึ่งในเป้าหมายสำคัญของเขา คือ อยากให้ครอบครัวได้อยู่ใกล้ชิดกัน โดยเฉพาะกับ ‘อาม่า-รัตนา’ ที่แม้จะอยู่ในกรุงเทพฯ แต่โอกาสเจอกันก็น้อยมาก

นั่นก็เพราะอาม่าอาศัยอยู่ย่านเจริญกรุง ส่วนตัวเขาอยู่คลองเตย ซึ่งเขาเคยชวนอาม่ามาอยู่ด้วย แต่ท่านก็ไม่ยอม (อาม่ากลัวเป็นภาระ) ตอนที่ไบรท์คิดที่จะทำธุรกิจข้าวกล่อง เขานำเรื่องนี้ไปคุยกับคุณพ่อคุณแม่ รวมถึงตัวอาม่าด้วยนั้น แน่นอนว่าเด็กวัยรุ่นกำลังโตในมุมผู้ใหญ่ที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาเยอะ ย่อมไม่อยากให้ลูกหลานของตนมาลำบากกับอาชีพที่พวกเขาเคยผ่านมาก่อน และมองว่าไปตั้งหลักปักฐานกับบริษัทหรือองค์กรดี ๆ เพื่อกินเงินเดือนจะดีกว่า

ไบรท์รู้อยู่แล้วว่าคำตอบที่จะได้มา คือ No!! แต่เขามองว่าการทำงานในบริษัทยุคนี้ ก็อาจจะไม่ได้มั่นคงเหมือนสมัยก่อน ขณะที่การเริ่มต้นเป็นเถ้าแก่มือใหม่ บนปัจจัยบางอย่างของโลกธุรกิจยุคดิจิทัล อาจจะเหนื่อยแต่น่าท้าทาย ยิ่งไปกว่านั้น เขาเป็นคนที่ผูกพันกับอาม่ามาก และไม่อยากให้อาม่าโดดเดี่ยว เพราะท่านแก่มากแล้ว เขาอยากเจอและอยู่กับอาม่าทุกวัน ฉะนั้นต่อให้ธุรกิจเล็กๆ นี้จะได้เงินไม่เยอะเท่าทำงานในบริษัท แต่ก็อยากลอง และถ้ามันไปไม่รอดค่อยว่ากันอีกที

เมื่ออธิบายถึงความตั้งใจให้รับรู้…ทั้งอาม่า คุณพ่อ และคุณแม่จึงยอม!!

ไบรท์ใช้ทุนเริ่มต้นประมาณ 30,000 บาท จากเงินเก็บที่เคยทำงานประจำก่อนหน้า มาเริ่มต้นทำธุรกิจข้าวกล่องแบบเดลิเวอรี่ในชื่อ ‘ข้าวกล่องอาม่า’ โดยความตั้งใจของเขา คือ อยากให้ทุกเมนู ทุกสูตรในการปรุง และไอเดียด้านอาหารทั้งหมดออกมาจาก ‘อาม่า’ เพราะเขาเชื่อในฝีมือรสชาติอาหารของอาม่าที่เขาเคยทานมาตั้งแต่เด็ก ๆ

ข้าวกล่องอาม่า เริ่มต้นโดยเน้นที่อาหารไทยเป็นหลัก มีการสร้างเมนูขึ้นมามากกว่า 120 เมนู มีราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 49 บาท และรวมถึงยังมีขนมหวานขายอีกด้วย แน่นอนว่า ช่วงแรก ๆ ของการเริ่มต้นธุรกิจ ยังไม่ค่อยมีคนรู้จักข้าวกล่องอาม่ามากนัก แต่เมื่อไบรท์ตั้งใจทำธุรกิจนี้มาก เขาจึงใช้ทุกหนทาง เพื่อให้คนได้รับรู้ ตั้งแต่พิมพ์แผ่นพับแล้วไปเดินแจกตามสำนักงาน และห้างสรรพสินค้าเพื่อหาลูกค้า

แรก ๆ ก็มีออเดอร์เข้ามาประมาณ 100 กล่อง ต่อวัน เฉลี่ยยอดขายอยู่ที่ 5,000-7,000 บาท ต่อวัน ซึ่งยังน้อยอยู่ แถมมีปัญหาเยอะ คนไม่พอ ส่งไม่ทัน จึงเริ่มชักชวนเพื่อนและรุ่นน้องที่เคยทำธุรกิจจำลองสมัยเรียนด้วยกันมาเป็นหุ้นส่วน อย่างไรก็ตาม ด้วยรสชาติจากฝีมืออาม่าที่ไม่เป็นสองรองใคร ทำให้ร้านข้าวกล่องอาม่าเริ่มเป็นที่รู้จัก คนที่สั่งไปก็โทรกลับมาสั่งซ้ำมากขึ้น…

ไม่นาน!! ก็มียอดสั่งซื้อราว 1,000 กล่อง ต่อวัน ทำให้ ไบรท์ เริ่มปรับแนวทางในการทำธุรกิจ โดยการนำระบบซอฟท์แวร์มาช่วยการขายผ่านออนไลน์ (โปรแกรม ERP สำหรับใช้งานในองค์กร) เช่น…

ระบบรับออเดอร์ผ่านเว็บไซต์ ระบบคำนวนออเดอร์ ว่าแต่ละวันต้องผลิตเมนูอะไรบ้าง จำนวนเท่าไรบ้าง มีการใช้เทคโนโลยีในการช่วยจัดการข้อมูลลูกค้า เก็บสถิติเมนูขายดี เพื่อมาเป็นฐานข้อมูลในการออกเมนูหรือโปรโมชั่นใหม่ๆ มี Line Official Account ที่เป็นช่องสื่อสารกับลูกค้า สามารถรับฟังเสียงสะท้อนต่างๆ และข้อมูลการสนทนาก็ไม่หายไปไหนด้วย สามารถกลับมาดูได้ตลอด และยังใช้การตลาดออนไลน์ เช่น การยิงโฆษณาในโซเชี่ยลมีเดียช่วยสร้างการรับรู้ตลอด จึงทำให้กิจการเติบโตได้เร็วขึ้นเรื่อย ๆ

ปัจจุบันร้านข้าวกล่องอาม่าเปิดมาได้ 2 ปีกว่า ๆ จากช่วงแรกที่ยอดขายมีแค่วันละไม่กี่กล่อง แต่ตอนนี้มีออเดอร์เฉลี่ยต่อวันไม่น้อยกว่า 1,500 กล่อง พิสูจน์ให้คุณพ่อคุณแม่ และอาม่าเห็นแล้วว่าเขาทำมันได้

ใครจะคิดว่าจากวันที่เริ่มต้นธุรกิจ เพียงเพราะอยากอยู่ใกล้ชิดกันกับคนในครอบครัว และเริ่มต้นจากคนไม่กี่คน จะกลายเป็นธุรกิจที่มีอนาคตได้อย่างจริงจัง ที่สำคัญ คือ ทุกวันนี้ ไบรท์ บอกว่าสุขภาพของ ‘อาม่า’ แข็งแรงมาก เพราะการกลับมาทำในสิ่งที่ท่านรักอีกครั้ง แถมยังสร้าง ‘คุณค่า’ ให้กับคนรอบข้าง บวกกับได้มีโอกาสพบปะลูกหลานในทุกๆ วัน ได้เพิ่มพลังงานชีวิตที่เต็มเปี่ยมแก่ท่านอย่างมากทีเดียว

เรื่องนี้ทำให้เห็นว่า อย่ามองข้าม ‘ต้นไม้ใหญ่ที่โรยรา’ เพียงเพราะเราคิดว่า ‘กำลังจะตาย’ เพราะสุดท้ายไม้ใหญ่นั้น อาจจะกลับมาเป็นร่มเงาที่มั่นคง ให้เราได้พักพิง ในวันที่ท้อและเหนื่อยล้า ก็เป็นได้…

‘สวัสดี ผมชื่อ Pepper’ ยินดีให้บริการครับ!

เกร๋ ๆ กันไปค่ะ มีรายงานว่า ยุคนี้ร้านอาหารที่ประเทศญี่ปุ่น ได้มีการนำ ‘หุ่นยนต์’ มาเป็นพนักงานในร้านกันมากขึ้น โดยเจ้าหุ่นยนต์ดังกล่าวมีชื่อว่า ‘Pepper’ และ ‘Servi’  ถามว่ามีหน้าที่ทำอะไรบ้าง ก็ไล่ไปตั้งแต่ รับลูกค้า พูดคุยกับลูกค้า รับออเดอร์ และเสิร์ฟอาหารให้ด้วย

โดยเจ้า Pepper ถือเป็นด่านหน้า ที่จะคอยพูดคุยเล็กๆ น้อยๆ กับลูกค้า พร้อมรับออเดอร์ต่างๆ ส่วนเจ้า Servi จะเป็นคน เอ้ย! เป็นหุ่นยนต์คอยบริการเสิร์ฟ แถมยังมีความสามารถในการหลบหลีกสิ่งกีดขวาง นำจานอาหารไปเสิร์ฟถึงโต๊ะลูกค้าได้แน่นอน

หุ่นยนต์แบบ humanoid หรือหุ่นที่ถูกออกแบบมาให้มีรูปร่างคล้ายมนุษย์ ถูกผลิตโดยบริษัท Softbank Mobile ซึ่งเริ่มจำหน่ายมาตั้งแตปีค.ศ.2015 และได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ ในญี่ปุ่น

เหตุที่เป็นเช่นนั้น เนื่องจากปัจจุบัน ประเทศญี่ปุ่นเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างเต็มตัว มีประชากรสูงอายุเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ สวนทางกับอัตราการเกิดที่ลดต่ำลง จนเริ่มส่งผลไปสู่ภาวะการขาดแคลนแรงงานมากขึ้นทุกขณะ โดยเฉพาะกับอุตสาหกรรมอาหาร เป็นที่มาของการนำเจ้า Pepper กับ Servi มาเป็นบริกรในร้านอาหารนั่นเอง

จะว่าไป ก็ถือเป็นสีสันให้กับร้าน แต่ก็อดสะท้อนใจไม่ได้ว่า วันที่เราเคยจินตนาการว่า จะมีเพื่อนเป็นหุ่นยนต์ในอนาคตนั้น มันกำลังจะกลายเป็นความจริง

.

ชมคลิปตัวอย่าง 

.

อ้างอิง: https://www.xinhuathai.com/vdo/154193_20201118, https://www.marketingoops.com/news/digital/pepper-humanoid-robot-happy/

 

‘ ประชามติ ’ ไม่ได้มีที่เดียวในโลก

ภายใต้ระบอบประชาธิปไตย ซึ่งยึดถือเสียงข้างมากเป็นหลักแต่ในขณะเดียวกันก็เคารพในสิทธิและเสียงของข้างที่น้อยกว่า ซึ่งหลักการนี้นำมาใช้เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมเนื่องจากในสังคมมีคนมากมายต่างความคิด ความเห็นกัน ถ้ารัฐตัดสินเพียงฝ่ายเดียวก็จะดูเหมือนการมัดมือชกไปสักหน่อย รัฐจึงต้องมีการเปิดพื้นที่เพื่อให้ประชาชนได้ใช้สิทธิของตน

จึงเกิดรูปแบบที่เรียกว่า ‘ ประชามติ ’ เกิดขึ้นเพื่อให้ประชาชนออกเสียงเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบในกฎหมายหรือนโยบายต่างๆของรัฐซึ่งประชามติ ก็เป็นรูปแบบนึงที่หลายๆประเทศนำมาใช้ไม่ใช่เพียงแต่ประเทศไทยเท่านั้น แต่ยังมีอีกหลายประเทศทั่วโลกที่ใช้รูปแบบของประชามติเพื่อให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมแสดงความเห็นชอบด้านการเมือง วันนี้ The States Times อยากจะพาทุกคนไปดูว่า ‘ ประชามติ ’ ในแต่ละประเทศเป็นยังไงและมีความแตกต่างกันอย่างไร

.

เครดิตภาพ : https-//www.teenvogue.com/story/the-american-flag-was-sewn-in-part-by-a-teenage-black-girl

.

เริ่มที่ประเทศแรกประเทศที่ใครๆต่างก็รู้จัก ‘ ประเทศสหรัฐอเมริกา ’ ที่ใช้ระบบการปกครองแบบ สหพันธรัฐประชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ แต่ประเทศนี้เขาใช้ประชามติแค่ในระดับมลรัฐเท่านั้น โดยใช้ 2 แบบ คือการให้ออกเสียงประชามติที่เริ่มต้นจัดทําโดยฝ่ายนิติบัญญัติและการออกเสียงประชามติที่เสนอโดยประชาชน ซึ่งทั้งสองแบบเรื่องที่เสนอขึ้นมาจะนำไปใช้ได้หรือไม่ได้ก็ต้องผ่านความเห็นชอบของประชาชนก่อนดังนั้นการใช้กระบวนการประชามติในสหรัฐฯจึงถือว่าเป็นกระบวนการที่ทำให้ประชาชนนั้นได้มีส่วนร่วมทางการเมืองอย่างแท้จริงแม้จะในระดับมลรัฐก็ตาม

อย่างในกรณีของการลงประชามติในระดับมลรัฐ ซึ่งมีขึ้นที่รัฐออริกอน ที่มีการลงประชามติให้มีการยกเลิกโทษความผิดทางอาญา สำหรับการครอบครองยาเสพติดร้ายแรง เช่นเฮโรอีน หรือโคเคน สำหรับใช้ส่วนตัวในปริมาณเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

.

เครดิตภาพ : https-//th.investing.com/news/economic-indicators/article-22708

.

ประเทศต่อมาคงหนีไม่พ้นประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ประเทศที่ไม่ได้มีดีแค่ธรรมชาติที่สวยงาม แต่ยังเด่นเรื่องประชาธิปไตยทางตรงของพี่เขาอีกด้วย ซึ่งประเทศสวิสเซอร์แลนด์ปกครองในรูปแบบสมาพันธรัฐ ระบบการเมืองของประเทศสวิสเซอร์แลนด์นั้นเป็นระบบ ‘ ประชาธิปไตยทางตรง ’ อันเป็นกลไกที่ระบุไว้ในรัฐธรรมนูญ และด้วยความกระตือรื้อร้นของพลเมืองจึงทำให้เกิดการใช้ระบบประชาธิปไตยทางตรงบ่อยครั้ง ซึ่งเป็นการให้พื้นที่กับประชาชนในการมีส่วนร่วมทางการเมืองเป็นอย่างมาก การออกเสียงประชามติในประเทศสวิสเซอร์แลนด์ไม่เหมือนประเทศไหน ๆ เพราะคนที่ตัดสินว่าจะลงประชามติในเรื่องไหนบ้างไม่ใช่รัฐบาลแต่เป็นรัฐธรรมนูญที่จะมีการกำหนดเรื่องที่ต้องออกเสียงประชามติไว้อย่างชัดเจน นอกจากนี้การออกเสียงประชามติยังสามารถเกิดขึ้นได้ด้วยวิธีการเรียกร้องจากประชาชนอีกด้วย จะเห็นได้ว่าประเทศสวิตเซอร์แลนด์เองก็ได้นำกระบวนการออกเสียงประชามติมาใช้บ่อยครั้งเพราะด้วยตัวกฎหมายที่ส่งเสริมและประชาชนที่ให้ความสนใจ จึงทำให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมในการเมืองอย่างแท้จริง 

ตัวอย่างในการลงประชามติที่เรียกร้องจากประชาชน ในเรื่องรับแผนประกันเงินเดือนขั้นต่ำของประเทศสวิสเซอร์แลนด์  ถึงแม้ว่าผลของประชามติจะถูกปัดตกไป แต่ก็แสดงให้เห็นว่าประชาชนให้ความสนใจและมีส่วนร่วมในการเมืองอย่างแท้จริง

.

เครดิตภาพ : https://www.posttoday.com/world/584840

.

การออกเสียงประชามติในประเทศฝรั่งเศส ซึ่งปกครองโดยระบอบสาธารณรัฐ ประชาธิปไตย กึ่งประธานาธิบดี ในปัจจุบันเรื่องที่นำมาให้ประชาชนออกเสียงประชามติมีทั้งหมด 4 กรณี ซึ่ง 3 กรณีเป็นเรื่องระดับประเทศ และอีกกรณีคือเรื่องท้องถิ่นทั่วไป แบ่งได้ง่ายๆคือ การออกเสียงประชามติระดับชาติเกี่ยวกับร่างกฎหมาย การออกเสียงประชามติระดับชาติเกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญ การออกเสียงประชามติระดับชาติเกี่ยวกับความเปลี่ยนแปลงในดินแดน และการออกเสียงประชามติระดับท้องถิ่น ซึ่งทั้ง 4 กรณีล้วนผ่านความเห็นชอบจากคนส่วนใหญ่ก่อนจึงจะสามารถนำมาใช้ได้ การออกเสียงประชามติในประเทศฝรั่งเศส จึงเป็นกระบวนการที่มีความสําคัญเป็นอย่างมาก ที่จะเปิดโอกาศให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมด้วยการปรึกษาหารือกับผู้บริหารประเทศ โดยผ่านการตั้งคำถามหรือขอความเห็นในร่างกฎหมายหรือนโยบายที่สำคัญต่าง ๆ 

อย่างเช่นการลงประชามติปกครองตนเองของแอลจีเรียซึ่งนับว่าเป็นการให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการออกเสียงประชามติระดับชาติเกี่ยวกับความเปลี่ยนแปลงในดินแดน

จากประเทศที่ได้ยกตัวอย่างมาให้ดูนี้ จะเห็นได้ว่าทุกประเทศล้วนปกครองในระบอบประชาธิปไตย ซึ่งเป็นระบอบการปกครองที่ให้ความสำคัญกับเสียงส่วนมากและให้อำนาจสูงสุดกับประชาชน ด้วยการให้สิทธิประชาชนในการมีส่วนร่วมกับรัฐเพื่อตัดสินใจในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ซึ่งจะส่งผลกับตัวประชาชนโดยตรง 

.

ดังนั้น ‘ ประชามติ ’ จึงเป็นกระบวนการที่สร้างขึ้นเพื่อพื้นที่ในการมีส่วนร่วมและรับฟังเสียงของผู้ที่มีอำนาจที่สุดนั่นก็คือ   ‘ ประชาชน ’

โม้รึเปล่า อานนท์โม้รึเปล่า

เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563 นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีที่นายอานนท์ นำภา ทนายความด้านสิทธิมนุษยชน ระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม อาจลาออกก่อนวันที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563นี้ ว่า "เรื่องที่นายอานนท์ โพสต์นั้น เราก็ไม่แน่ใจว่าสิ่งที่เขาระบุนั้นต้องการให้กลุ่มผู้ชุมนุมเกิดปฏิกิริยาอะไรหรือไม่อย่างไร

ทั้งนี้ นายกฯ ได้พูดมาตลอดว่า ท่านมีความตั้งใจที่จะแก้ไขปัญหา และมีภารกิจหลายอย่างที่จะต้องทำต่อเนื่อง เช่น เศรษฐกิจ และล่าสุดก็มีการประกาศต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉินอีก 45 วัน ที่จะต้องนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.) อีก

อีกทั้งต้องทำให้สังคมกลับสู่ความสงบสุข เรียบร้อย ซึ่งนายกฯ ก็ได้ออกแถลงการณ์ไปแล้วเมื่อวานนี้ ว่าจากนี้ไปหากผู้ชุมนุมดำเนินการผิดกฎหมาย ก็จะดำเนินการอย่างเคร่งครัด เพื่อให้กลับมาชุมนุมด้วยความสงบ ภายใต้กฎหมายที่มีอยู่ทั้งหมด จะเห็นว่าสิ่งที่นายกฯ ดำเนินการอยู่ทั้งหมดนั้น ก็กำลังดำเนินการอย่างต่อเนื่อง"

วันนี้ PM2.5 เกินค่ามาตรฐานใน 6 พื้นที่ กทม.

ศูนย์แก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ รายงานการติดตามตรวจสอบคุณภาพ​อากาศ​ประจำวันที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ.2563 ณ เวลา 07.00 น.​ พบว่า ภาพรวมปริมาณ PM 2.5 ในประเทศส่วนใหญ่อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน แต่ที่พบว่ามีค่าเกินมาตรฐาน อยู่ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร สมุทรสาคร​ สมุทรปราการ และหนอ​งคาย

.

โดยสถานีตรวจวัดของกรมควบคุมมลพิษร่วมกับกรุงเทพมหานคร ตรวจวัดได้ 21 - 66 มคก./ลบ.ม. ซึ่งเกินเกณฑ์มาตรฐานที่ 50 มคก./ลบ.ม. ส่วนพื้นที่กทม.และปริมณฑลที่มีค่าฝุ่นเกินมาตรฐาน คือ

.

1.) ริมถนนกาญจนาภิเษก เขตบางขุนเทียน

2.) ริมถนนมาเจริญ เพชรเกษม 81 เขตหนองแขม

3.) ริมถนนคลองทวีวัฒนา เขตทวีวัฒนา

4.) ริมถนนพระราม 2 เขตบางขุนเทียน

5.) ตำบลอ้อมน้อย อำเภอกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร

6.) ตำบลปากน้ำ อำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ

.

ทั้งนี้ ประชาชนทั่วไปควรเฝ้าระวังสุขภาพ ลดเวลาการทำกิจกรรมการแจ้ง หรือสวมหน้ากากอนามัยเมื่อต้องออกนอกสถานที่ หากพบว่าร่างกายมีความผิดปกติ ควรไปพบแพทย์เพื่อทำการตรวจรักษา

บัตรในมือมันสั่น!! ดีเดย์ iPhone 12 จอง 20 ขายจริง 27 (พ.ย.63)

หลังจาก Apple พร้อมดีเดย์เปิดตัวจำหน่าย iPhone 12 ทั้ง 4 รุ่นในประเทศไทย ได้แก่ iPhone 12 mini / iPhone 12 / iPhone 12 Pro และ iPhone 12 Pro Max 

วันนี้ (20 พ.ย.) สาวกแอปเปิ้ลแหว่ง เตรียมตัวจองกันได้โลด โดยทุกค่ายมือถือ ไม่ว่าจะเป็น AIS / dtac / TrueMove H และร้านค้าปลีกไอที คอปเปอร์ ไวร์ด ต่างเตรียมทุกรุ่นมาเสิร์ฟไว้ครบ

โดยลูกค้าที่สั่งจองล่วงหน้า ก็เริ่มมาแล้วตั้งแต่เวลา 00.01 น. ของวันที่ 20 และจะเริ่มจำหน่ายอย่างเป็นทางการในวันที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ.2563

แต่ส่วนตัวแอดแอบกระซิบหน่อย ถ้ารอไหว รอล็อตหลังก็ยังไม่สาย เพราะวัฒนธรรมของแอปเปิ้ลแหว่งช่วงส่งมอบล็อตแรก มักเจอปัญหาทางเทคนิคจากตัวเครื่องให้ผู้ซื้อต้องมองบนแล้วเสียเวลาไปเคลมบ่อย ๆ 

แต่ใคร Need Now ก็ Power Pay ไปเล้ย บัตรในมือมันสั่น!!

 

 

20 พฤศจิกายน พ.ศ.2340...223 ปี ‘รามเกียรติ์’ ยังอินเทรนด์

‘โขน’ ไม่ใช่เรื่องไกลตัว แถมยังกลายเป็นความร่วมสมัย โดยเฉพาะกับโขนเรื่องสำคัญที่คนไทยรู้จักกันดี ‘รามเกียรติ์’

ย้อนกลับไป วันนี้เมื่อกว่า 223 ปีก่อน ถือเป็นวันแรกที่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 ทรงเริ่มพระราชนิพนธ์วรรณคดีเรื่องรามเกียรติ์ โดยตั้งแต่ต้นเรื่องไปจนจบเรื่อง ทรงนิพนธ์ลงในสมุดไทยไปถึง 102 เล่ม ซึ่งหากพิมพ์เป็นหนังสือขนาด 8 หน้ายกอย่างในปัจจุบัน จะมีความหนากว่า 2,976 หน้าเลยทีเดียว

รามเกียรติ์ เป็นเรื่องราวการทำศึกสงครามระหว่างฝ่ายพระราม (มนุษย์) กับฝ่ายทศกัณฐ์ (ยักษ์) เนื่องจากทศกัณฐ์ได้ลักพาตัวนางสีดา มเหสีของพระรามไป โดยฝ่ายพระรามมีทหารเอกชื่อ หนุมาน เป็นลิงเผือก พร้อมด้วยพรรคพวกอีกมากมายคอยช่วยเหลือ

โดยสาเหตุที่รัชกาลที่ 1 ทรงนิพนธ์รามเกียรติ์ขึ้นนี้ เนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่บ้านเมืองเพิ่งผ่านศึกสงคราม จึงมีพระราชประสงค์ให้วรรณคดีเรื่องนี้เป็นเครื่องมือในการฟื้นฟูด้านศิลปวัฒนธรรมของบ้านเมืองนั่นเอง

รามเกียรติ์ ถุกเล่าผ่านยุคผ่านสมัยมามากมาย ถึงวันนี้ รามเกียรติ์ยุค 2020 ก็ยังถูกเล่าขานต่อไป แต่มาด้วยภาพลักษณ์อันร่วมสมัย ไม่ว่าจะเป็นภาพลายเส้นการ์ตูน หรือแม้แต่สติกเกอร์ไลน์ เป็นวรรณคดีอมตะที่ยังคงมีลมหายใจ และทรงคุณค่าให้คนรุ่นหลังได้ศึกษาต่อไป

วาไรตี้ที่สีลม...

ไม่ใช่เพราะรถไฟฟ้าบีทีเอสขัดข้อง แต่เราลงเดินเท้า เพราะอยากเก็บภาพย่านธุรกิจที่ว่าราคาสูงท็อปสามของประเทศ อย่างสีลม จากวัดแขก ไปยันพัฒน์พงศ์ ซึ่งเป็นจุดผสมระหว่างวัฒนธรรม ความเชื่อไว้ถึง 3 และยังไม่นับรวม ร้านอาหาร ผับบาร์ พิพิธภัณฑ์18+ ที่ดึงดูดใจ ที่สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำ จากการเป็นฮับด้านการท่องเที่ยวยามค่ำของหนุ่มๆ รุ่นปู่ รุ่นพ่อ รุ่นพี่ มาช้านาน และน้อยคนจะทราบว่า ที่นี่มีแหล่งกบดานซีไอเออยู่ด้วย

การเดินเล่นที่ ‘สีลม’ ในวันนี้ มีความวาไรตี้ ทั้งประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม ปาร์ตี้ ผสานการเรียนรู้วันเก่าใหม่ ไปพร้อมๆ กัน อ้อ! ไม่ลืมแวะอิ่มท้องกับของอร่อย ที่ไม่สามารถสัมผัสได้จากฟู้ดเดลิเวอรี่เจ้าไหน สั่งกลับยังไงก็สู้มานั่งกินร้อนๆ กับเพื่อนรักตรงนี้ไม่ได้ และบางทีอาจชิลยาวไป ถ้ารู้ใจ ไม่ว่าหยิบจับ กินดื่ม อะไร ก็เข้าใจกัน

.

ใครคาดหวัง และต้องการกำลังใจ ซัพพอร์ตเรื่อง ความรัก ความสำเร็จเรื่องเงินและการงาน ต้องมา วัดพระศรีมหาอุมาเทวี หรือ วัดแขกสีลม (ปากถนนปั้นฝั่งสีลม) ซึ่งเป็นโบสถ์พราหมณ์เก่าแก่กลางกรุง เทวสถานนี้มีหลักฐานปรากฏมาตั้งแต่สมัย ร.5 ราว พ.ศ.2453 - 2454 โดยคณะผู้ศรัทธาชาวอินเดียใต้ผู้อาศัยอยู่ย่านตำบลริมคลองสีลม อำเภอบางรัก และตำบลหัวลำโพง อำเภอบางรัก ผู้คนหลากเชื้อชาติ มากราบไหว้ บูชา แต่หากจะถ่ายภาพเก็บความทรงจำ จะทำได้เพียงด้านนอกเท่านั้น เพราะไม่มีใครที่ได้รับอนุญาตให้ถ่ายภาพนิ่งหรือวิดีโอ ภายในได้ ต้องเข้าไปสัมผัสด้วยตัวเองเท่านั้น

.

.

ข้าง ๆ วัดแขก ด้านถนนสีลม นอกจากทิวแถวร้านมาลัยงดงามสำหรับซื้อถวายเทพขอพรแล้ว ร้านเบเกอรี่เก่าแก่อย่าง ดี.เค. เบเกอรี่ แบรนด์ขนมปัง 70 ปี ที่ผ่านมือมาสามรุ่น มีดีที่โฮมเมด นวดและขึ้นรูปก้อนต่อก้อน ไม่ใส่สารกัดบูดอะไรทั้งสิ้น ฮอตฮิตทั้งสังขยาใบเตย และสังขยาไข่ รวมถึง คุ๊กกี้ เอแคลร์ และขนมปังหัวกะโหลก ไม่ว่าจะเศรษฐกิจฟองสบู่แตก หรือ ควิด ก็ดูสิ คนยังมากันเรื่อย ๆ อบขายกันไม่เว้นวัน อย่าเชื่อเรา ให้เชิญลอง

.

.

ฝั่งตรงข้าม ถนนปั้น เป็นซอยสีลม 20 ลึกเข้าไปเพียง 30 - 50 เมตร เป็นที่ตั้งของ มัสยิดมีราซุดดีน ใครเห็นโดมทองจับแสงยามบ่าย ก็อดหยุดภาพไว้ในกล้องไม่ได้แน่นอน ‘มัสยิดมีราซุดดีน’ เป็นมัสยิดประจำชุมชนของแขกยะวา ที่อพยพมาจากเกาะชวาของอินโดนีเชีย เคยอยู่ในซอยประดิษฐ์ อันที่จริงควรมีไก่ทอดและอาหารมุสลิมเลี่ยงชื่อประจำย่านอยู่ตรงนี้ให้ได้แวะชิ แต่วันที่เรามาเดินเตร็ดเตร่เป็นช่วงหยุดของคนขาย แหม เสียดายจัง ใครอ่าน The States time Lite ถึงแคปชั่นภาพนี้ แล้วมาในวันที่ได้กินไก่ทอด ขอร้องให้เอามาอวดได้เลย เราไม่ว่ากัน

.

.

เกรงจะไม่ครบสามโบสถ์ อย่างที่จั่วหัวเรื่องไว้ ขอโดดข้ามไปยังปลายซอยคอนแวนต์ มุมหนึ่งของสีลม ก็มีโบสถ์คริสต์สไตล์อังกฤษ ในอดีตไคร้สตเชิชเป็นคริสตจักรนานาชาติที่มีสมาชิกในที่ประชุมมาจากนานาประเทศ  และมีภูมิหลังความเชื่อจากหลายคณะนิกาย ตัวโบสถ์แห่งนี้ เกิดจากพระบรมราชานุญาตของ รัชกาลที่ 5 พระราชทานที่ดินให้หลังเหล่าคริสตสานิกชนยื่นถวายฎีกา ตรงนี้จึงเป็นทั้งศูนย์รวมความศรัทธา และสถาปัตยกรรมเรียบหรูงดงามกลางสวน

.

ได้ทีเข้าย่านพัฒน์พงศ์แล้ว เห็นแขกใครไปใครมา ชอบพูดกันว่าเป็นฮับสายไนท์ ไลฟ์ แบบดาร์ก ๆ ตั้งแต่รุ่นคุณปู่ คุณพ่อ แต่หลังโควิดนี่ออกจะเงียบเหงาไปผิดจากเรื่องที่ได้ยินมา แต่กลับทำให้เราได้เห็น สตีล ไลฟ์ ชัดเจนกว่าเก่า ทั้งอาคารและการตกแต่งย้อนยุค แต่ก็เฟี้ยวไม่น้อย เพลินกับการแหงนมองดูโครงศิลปะโมเดิร์นผสมผสานประดับประดากับตัวตึกเก่า ที่หาไม่ได้ในอาคารสมัยใหม่

.

.

เหนือจากหมู่ตึก ผับและบาร์ ในย่านนี้ ชั้น 2 ของอาคาร เพิ่งก่อกำเนิด พิพิธภัณฑ์พัฒน์พงศ์ หรือ พัฒน์พงศ์ มิวเซียม ขึ้นเมื่อปลายปีพ.ศ. 2562 รวมเอาประวัติศาสตร์ ความเป็นมาและเป็นไป และเรื่องราวที่คุณอาจรู้ และไม่รู้ เกี่ยวกับย่านนี้ 

.

.

ไมเคิล เมสเนอร์ (Mr.Michael Messner) เติบโตมาในบ้านที่คุณพ่อเป็นศิลปินและเคยดูแลพิพิธภัณฑ์ที่บ้านเกิดออสเตรีย โชคชะตาพาเขามาที่ประเทศไทยและได้แต่งงานกับหญิงสาวชาวไทย และตัดสินใจลงหลักปักฐานที่นี่ เริ่มธุรกิจจากร้านอาหารในย่านพัฒน์พงศ์ เวลาผ่านไปเขาได้สัมผัสประสบการณ์มากมาย จากลูกค้าขาประจำย่านนี้ล้วนมีเรื่องเล่าที่ไม่ธรรมดา และมีจำนวนไม่น้อยที่เคยเป็นทหารผ่านศึกจากช่วงสงครามเวียดนาม บ้างเป็นสายสืบให้กับ CIA บ้างเป็นผู้มีอิทธิพลท้องถิ่นละแวกนี้ เขาจึงมีไอเดียริเริ่มที่จะสะสมร่องรอยประวัติศาสตร์ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กว่า 100 ปี รวมถึงเกร็ดความรู้ ความเป็นมา เบื้องหลังแสงสีและความเย้ายวนใจของถนนพัฒน์พงศ์ อันเป็นย่านบันเทิงยามราตรีเก่าแก่ และมีชื่อเสียง ที่มีความผูกพันในเชิงประวัติศาสตร์ระหว่างชาวไทยกับชาวอเมริกัน 

.

.

ลึกเข้าไปจากโซนประวัติศาสตร์ และความเป็นมาเป็นไป เป็นส่วน 18+ ที่พ่อแม่ที่แวะมากับเด็กๆ ต้องหยุดพวกเข้าไว้แค่ประตูนี้ แต่ถ้าคุณคือ 18+ แล้วก็เชิญ คุณได้ไปต่อ แล้วเจอกับบาร์เก๋ ทั้งแสง สี ดนตรี เครื่องดื่ม และเรื่องเล่าผ่านสื่อโปสเตอร์ และวิดิโอ วิ่งวนจนต้องร้องขอชีวิต Oh my goddd 

.

มาต่อกันที่ ดาร์บี้ คิงส์ (Darby Kings ) คาเฟ่โบราณ มาย่านสีลมต้องมาโดนร้านนี้ ที่นี่มีดีทุกจาน กินมาแล้วตั้งแต่รุ่นคุณปู่ คุณพ่อ คุณอา จนมาถึงเรา เด็ดมาก ข้าวคลุกน้ำพริก ข้าวซอยกุ้ง ปอเปี๊ยะทอด และบรรดาก๋วยเตี๋ยวผัด และก๋วยเตี๋ยวสไตล์จีนต่างๆ นี่อร่อยหมด แวะมาพัฒน์พงศ์ มีหนึ่งร้อยบาท คุณก็กินอร่อยแบบตำนานได้ เชื่อเหอะ

.

.

อีกร้านเด็ดย่านสีลม เดอะ แมดริด คาเฟ่สไตล์ ยุโรป มีดีที่เนื้อ และซอส เพราะเจ้าของมีสามีเป็นเบลเยียม และคลุกคลีอยู่หลังครัวมาหลายสิบปี ร้านนี้สวย เหมาะทั้งกินข้าวแบบแฟน เพื่อน หรือครอบครัว และยังเหมาะนั่งดื่มปาร์ตี้เบาๆ เผาตับกันพอสนุก สไตล์แมดริด นั่งอยู่นี่ เห็นเครื่องตกแต่งร้านแล้วลืมไปเลยจริงๆ ว่า เรานี่อยู่ยุโรปหรือเปล่าเนี่ย อุ้ย หรือเมา...

 

รวมซุป’ ตาร์ฟุตบอลติดโควิด-19

'ระนาว' เป็นคำวิเศษณ์ ใช้กับสิ่งที่มีลักษณะเป็นสาย เป็นแถว เป็นแนว เหตุที่หยิบคำไทย ๆ มาอธิบาย เพราะขณะนี้ เหล่าบรรดานักฟุตบอลระดับโลก พากันติดเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ หรือโควิด-19 แบบ...ระนาวววว!

ไล่ไปตั้งแต่ 'ปอล ป็อกบา' กองกลางทรงผมจี๊ดใจของทีมแมนยูฯ มีอันป่วยด้วยโรคโควิด-19 เมื่อช่วงปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ต่อมาต้นเดือนกันยายน 'คีเลียน เอ็มบัปเป้' กองหน้าสัญชาติฝรั่งเศส เพื่อนร่วมชาติของป็อกบา ก็มาติดโควิด-19 ด้วยอีกคน

ในเวลาไล่เรี่ยกัน ซุป'ตาร์ชาวบราซิล 'เนย์มาร์' เพื่อนร่วมสโมสรของเอ็มบัปเป้ในทีมปารีสแซงต์ - แชร์กแมง ก็มาป่วยด้วยโรคนี้เช่นเดียวกัน ผ่านมาถึงกลางเดือนตุลาคม ก็เกิดข่าวใหญ่เมื่อ 'CR7' หรือ 'คริสเตียโน่ โรนัลโด้' นักเตะคนเหล็กจอมฟิตเบอร์ต้น ๆ ของโลก ก็มากลายเป็นเหยื่อโควิด-19 เข้าอีกราย

และ 2 รายชื่อล่าสุดที่เพิ่งถูกตรวจพบว่า ติดเชื้อโควิด-19 นั่นคือ 'หลุยส์ ซัวเรส' สตาร์ดังจากทีมแอตเลติโก มาดริด รวมทั้ง 'โมฮาเหม็ด ซาลาห์' ขวัญใจชาวหงส์แดง - ลิเวอร์พูล ก็มาป่วยด้วยอีกคน

ไล่เรียงมานี้ มีทั้งที่เป็นแล้วหายเรียบร้อย และที่กำลังเป็นอยู่ อย่างไรก็ขอให้หายป่วยโดยไว ว่าแต่ ไล่รายชื่อมานี้ เป็นระดับซุป’ตาร์โลกฟุตบอลล้วนๆ แต่เหมือนจะขาดใครไป???

อ่า! พี่ 'ลิโอเนล เมสซี่' สตาร์เบอร์ 1 ของโลกนี่เอง เอิ่มม ไม่ได้แช่งนะครับพี่ แต่เพื่อความปลอดภัย โปรดใส่หน้ากากตลอดเว และดูแลสุขภาพแบบจัดๆ เลยนะครับ กินร้อน ช้อนกลาง เตะบอลก็อย่าไปถ่มน้ำลายเรี่ยราด ด้วยความปรารถนาดีจากแฟนบอลต่างดาวววววนะครัช


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top