Friday, 13 June 2025
THE STATES TIMES TEAM

ด่วน! ตำรวจเข้าสลาย #หมู่บ้านทะลุฟ้า หน้าทำเนียบฯ หลังปักหลักต่อเนื่องหลายสัปดาห์

วันนี้ (28 มี.ค.) เมื่อเวลาประมาณ 06.00 น. มีรายงานว่าตำรวจควบคุมฝูงชนได้เข้าสลายการชุมนุม #หมู่บ้านทะลุฟ้า หน้าทำเนียบรัฐบาล หลังปักหลักมาตั้งแต่วันที่ 13 มี.ค.ที่ผ่านมา พร้อมข้อเรียกร้อง 4 ข้อ คือ ปล่อยผู้ต้องหาคดีการเมือง ยกเลิก ม.112 เขียน รธน.ใหม่ และ นายกรัฐมนตรีต้องลาออก

โดยเพจ UNME โพสต์ภาพพร้อมข้อความ “เราโดนสลายแล้ว” ซึ่งปรากฎภาพเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชนเข้าปิดล้อมพื้นที่ และมีการควบคุมตัวกลุ่มผู้ชุมนุมขึ้นรถผู้ต้องขัง โดยยังไม่ทราบว่าจะนำตัวไปที่ใด สั่งให้กลุ่มผู้ชุมนุมปิดการไลฟ์ และให้เวลาเก็บของ ซึ่งเจ้าหน้าที่แจ้งว่าเป็นการปฏิบัติตามกฎหมาย โดยอ้างถึงพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ และมาตรการควบคุม โควิด-19

ช่วงหนึ่งในช่วงการไลฟ์ จนท.ระบุจะพาผู้ชุมนุมที่ถูกจับกุม ไปควบคุมตัวที่ สน.นางเลิ้ง แต่รถกลับขึ้นทางด่วน คาดว่าจะพาไปควบคุมตัวที่ ตชด.ภาค 1 คลอง 5 จ.ปทุมธานี

บุรีรัมย์มาราธอน 2021 เปิดประวัติศาสตร์ใหม่ ! วิ่งไนท์รัน-วิถีใหม่ “สัญชัย” ครองถ้วยพระราชทานอีกสมัย

บุรีรัมย์สว่างไสวไปทั้งเมือง นักวิ่งกว่า 2.1 หมื่นคน ร่วมวิ่งไนท์รัน-นิวนอร์มอลครั้งแรกอย่างยิ่งใหญ่  “สัญชัย นามเขต” ดีกรีเหรียญเงินซีเกมส์ ครั้งที่ 30 ที่ฟิลิปปินส์ รักษาแชมป์คนไทยพร้อมคว้าถ้วยพระราชทานไปครอง แม้จะพ่าย คู่แข่งเซอร์เก ซีรียานอฟ จากรัสเซีย ในการวิ่งมาราธอนแบบเฉียดฉิวใน 1 กม.สุดท้าย

การแข่งขันวิ่ง “บุรีรัมย์ มาราธอน พรีเซนเต็ด บาย เครื่องดื่มตราช้าง ประจำปี 2564 ภายใต้แนวคิด “YOUR ULTIMATE DESTINATION-สวรรค์ของนักวิ่ง” ปีที่ 5 เป็นการแข่งขันวิ่งไนท์รันครั้งแรก ในรูปแบบนิวนอร์มอล ซึ่งออกสตาร์ท ที่ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ และเข้าเส้นชัย ที่สนามช้าง อารีน่า จ.บุรีรัมย์ โดยมี นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานในพิธีเปิดการแข่งขัน ร่วมด้วย นายธัชกร หัตถาธยากูล ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์, ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย, นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ผู้บริหารจากภาครัฐและผู้ให้การสนับสนุนมากมาย โดยมีนักวิ่ง เข้าแข่งกว่า 21,000 คน

สำหรับ ผลการแข่งขัน ระยะมาราธอน 42.195 กิโลเมตร ผู้ที่เข้าเส้นชัยคนแรก ฝ่ายชาย ได้แก่ เซอร์เก ซีรียานอฟ ปอดเหล็กจากรัสเซีย ทำเวลาได้ 2.35.01 ชม.ที่ 2 สัญชัย นามเขต ดีกรีเหรียญเงินซีเกมส์ ครั้งที่ 30 ที่ฟิลิปปินส์ ทำเวลาได้ 2.36.32 ชม.ได้รับถ้วยพระราชทาน สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา ส่วนที่ 3 ธนาทิพย์ ดีฉิม ทำเวลาได้ 2.47.47 ชม.

ฝ่ายหญิง แชมป์ ระเบียง รังเพีย ทำเวลาได้ 3.14.57 ชม. ที่ 2 พิณทุอร วีระสมเกียรติ ทำเวลาได้ 3.15.19 ชม. ที่ 3 ลินดา จันทะชิด ทำเวลาได้ 3.26.02 ชม.

ระยะฮาล์ฟมาราธอน 21.1 กิโลเมตร ที่ 1 “บิ๊ก” ณัฐวุฒิ อินนุ่ม คู่แฝดทีมชาติชุดซีเกมส์ ทำเวลาได้ 1.11.48 ชม.ที่ 2 “เฟรม” ชยพล บุญอุปละ 1.12.17 ชม. ที่ 3 ส.ต.ต.ปฏิการ เพชรศรีชา ทีมชาติ 1.18.26 ชม. ฝ่ายหญิง แชมป์ “ฝน” ณัฐธยาน์ ธนรณวัฒน์ อดีตทีมชาติไทย ทำเวลาได้ 1.26.55 ชม. ที่ 2 อรอนงค์ วงศ์ศร ทำเวลาได้ 1.27.38 ชม. ที่ 3 อรนุช เอี่ยมเทศ 1.30.11 ชม.

ระยะมินิมาราธอน 10 กิโลเมตร ฝ่ายชาย ที่ 1 “เบล” ณัฐวัฒน์ อินนุ่ม แฝดผู้น้อง ทำเวลาได้ 32.02 น. ที่ 2  จาตุรนต์ เขื่อนแก้ว ทำเวลาได้  33.07 น. ที่ 3 จูเลียส มูไต ทำเวลาได้ 33.38 น. ฝ่ายหญิง ที่ 1 ศรัญญา บัวไพร 38.00 น. ที่ 2 ปารียา สนเส็ม 38.38 น. ที่ 3 อริสรา 38.52 น.

สัญชัย นามเขต เปิดเผยว่า “สำหรับวิ่งบุรีรัมย์ มาราธอน ปีนี้ลงแข่งรายการนี้ รูปแบบไนท์รันครั้งแรก ทำสถิติไม่ดี โดยสถิติวิ่งล่าสุด เคยทำได้ 2.12 ชม. ส่วนการจัดงานรูปแบบไนท์รันเป็นมิติใหม่ แสงสีเสียง เรื่องอากาศร้อน ทางคนจัดการแข่งขันดูแลดีมาก มีการฉีดน้ำ แต่ทุกอย่างเป็นเรื่องสภาพอากาศ ที่บังคับไม่ได้

สำหรับโปรแกรมทีมชาติช่วงนี้ ยังไม่มีโปรแกรมแข่งขัน เพราะการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 มีเพียงรอแข่งซีเกมส์ปลายปีนี้ ถ้าการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 สงบ อาจจะไปแข่งวิ่งที่ บอสตันและเบอร์ลิน

ด้าน นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า ถือว่า เป็นความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของวิ่งบุรีรัมย์มาราธอน ในการแข่งขันทุกๆ ปี จะวิ่งตอนเช้า แต่ปีนี้เนื่องจากเลื่อนการแข่งขันมาเป็นเดือนมี.ค. ทำให้ปีนี้ จัดวิ่งตอนค่ำ ถือเป็นมิติหนึ่งของวงการมาราธอน เป็นตัวอย่าง สำหรับรายการอื่นๆ ของการแข่งขันวิ่งมาราธอน

 “รายการนี้ประชาชนบุรีรัมย์ให้การร่วมมือ ในการจัดการแข่งขันมาราธอนอย่างดี และให้กำลังใจนักกีฬาที่วิ่งในการแข่งขันตามจุดต่างๆ แม้ว่าจะไม่มีนักกีฬาต่างชาติ จะมีแต่นักกีฬาต่างชาติที่อยู่เมืองไทย ความสวยงามของแสง สีเสียง และมีชาวบุรีรัมย์มาเชียร์นักวิ่ง เป็นต้นแบบของการวิ่งมาราธอนแบบนิว นอร์มอล มีการเว้นระยะห่างตอนออกสตาร์ท ชุดละ 2 นาที ของแต่ละรุ่น ทุกอย่างเป็นไปอย่างเรียบร้อย จัดการแข่งขันอย่างยิ่งใหญ่ในระดับซิลเวอร์ ถ้าในปีต่อไปมีนักกีฬาต่างชาติ มั่นใจว่าบุรีรัมย์จะไปถึงในระดับโกลด์แน่นอน

“รายการนี้ ช่วยให้เศรษฐกิจสะพัด จากนักวิ่งกว่า 21,000 คน ส่วนใหญ่ขับรถพาครอบครัวมาเที่ยว ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ นำร่องเป็นตัวอย่างการจัดการแข่งขันสำหรับจังหวัดอื่น ว่าจะสามารถจัดการแข่งขันแบบนี้ได้หรือไม่ ถ้าจัดในกทม ต้องปิดถนน ทำให้ไม่สะดวก แต่ถ้าแข่งแบบไนท์รัน จะปิดถนนตอนกลางคืน ทำให้สะดวกกว่า จริงๆ ถ้านักวิ่งฉีดวัคซีน เราจะมีนักวิ่งอีลิทมาแข่ง ได้ในการวิ่งรายการต่างๆ พร้อมประกาศให้ชาวโลกรู้ว่าไทยสามารถจัดการแข่งขันได้ ประมาณปลายปี นี้ จะมีนักวิ่งต่างชาติเดินทางมาแข่งขันได้แน่นอน”

ฉก.นราธิวาส ช่วยชาวบ้านตอหลังเก็บเกี่ยวข้าว สืบสานวัฒนธรรมและประเพณีประจำท้องถิ่น ส่งเสริมเพื่อพัฒนาที่ดินเปรี้ยว

พลตรีไพศาล หนูสังข์ ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 15  ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส เป็นประธาน เปิดกิจกรรมพหุวัฒนธรรมการเก็บเกี่ยวข้าว เพื่อสืบสานวัฒนธรรม ประเพณีประจำท้องถิ่น สนับสนุน ส่งเสริม เพื่อพัฒนาที่ดินเปรี้ยว ณ บ้านตอหลัง ตำบลไพรวัน อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส โดยมี นายสังคม เกิดก่อ นายอำเภอตากใบ ,พันโททวีรัตน์ เบญจาทิกุล ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส 30 , ผู้นำท้องที่ และประชาชนชาวไทยพุทธ ไทยมุสลิม ในพื้นที่ร่วมกิจกรรมเป็นจำนวนมาก

สำหรับกิจกรรมการเก็บเกี่ยวข้าวครั้งนี้จัดขึ้น โดยมีจุดประสงค์ คือ ที่ผ่านมารัฐบาลได้แก้ไขปัญหาในเรื่องดินเปรี้ยว ทำให้พี่น้องประชาชนในพื้นที่ทำการเพาะปลูกได้ ทางหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส จึงร่วมกับทุกภาคส่วน มาส่งเสริมการปลูกข้าว โดยใช้พันธุ์ข้าวพื้นเมือง คือ พันธุ์ซีบูกันตัง และพันธุ์หอมกระดังงา ซึ่งเป็นข้าวพันธุ์พื้นเมืองที่มีชื่อเสียง มีคุณค่าทางอาหาร ประการต่อมาการใช้พื้นที่มาเพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย  จะช่วยให้รอดพ้นวิกฤตอาหารในสถานการณ์ต่าง ๆ อาทิ สถานการณ์โควิด-19  ด้วยการหุงข้าวกินเอง ปลูกผักรอบบ้าน ดำเนินชีวิตตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ที่สำคัญประชาชนในพื้นที่มีพี่น้องไทยพุทธ พี่น้องมุสลิม อยู่ร่วมกันภายใต้สังคมพหุวัฒนธรรมที่เข้มแข็งมาอย่างยาวนาน ก็ได้มารักษาต่อยอด ได้ร่วมกันดำนาตามวิถีชีวิตดั้งเดิม และสืบสานภูมิปัญญาอีกด้วย

ทั้งนี้ พลตรีไพศาล หนูสังข์ กล่าวว่า การจัดกิจกรรมในครั้งนี้ เพื่อเป็นการพัฒนาเสริมสร้างความสัมพันธ์ ระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐ และ ประชาชนในพื้นที่ภายใต้สังคมพหุวัฒนธรรม และส่งเสริม ฟื้นฟูวัฒนธรรม และประเพณีอันดีงาม ที่มีมาตั้งแต่ในอดีต ขับเคลื่อนให้ชุมชน 2 วิถี เรียนรู้ และ ยอมรับการอยู่ร่วมกัน แต่สิ่งที่สำคัญที่สุด คือการรักษาคุณภาพดินเพื่อให้มีความอุดมสมบูรณ์ ใช้เพาะปลูกพืชได้อย่างยั่งยืน และ เพื่อเป็นการสร้างความสามัคคี สร้างอาชีพ เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ของประชาชนในพื้นที่ ให้สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติสุข

ภาพ/ข่าว  กรียา  (นราธิวาส)

พ่อเมืองสุโขทัย ชวนเที่ยวงาน “เมษาหรรษา @สุโขทัย”ซึ่งคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวสนใจเดินทางเที่ยวชมงาน และสร้างรายได้หมุนเวียนให้กับจังหวัดอย่างคึกคัก

จังหวัดสุโขทัย ร่วมกับ สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสุโขทัย แถลงข่าว “เมษาหรรษา @สุโขทัย” ตามโครงการส่งเสริมประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวในจังหวัดสุโขทัย ซึ่งเป็นแนวคิดการเดินทางท่องเที่ยวตลอดเดือนเมษายน ในพื้นที่จังหวัดสุโขทัย ซึ่งจะมีการจัดกิจกรรมและงานประเพณีสำคัญที่จะเกิดขึ้น ตลอดเดือนเมษายน นี้ โดยเฉพาะเทศกาลสงกรานต์ ที่จะมีขึ้นในหลายพื้นที่ของจังหวัดสุโขทัย

นายวิรุฬ  พรรณเทวี ผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย กล่าวว่า จังหวัดสุโขทัย ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการเป็นเมืองท่องเที่ยว และต้องการให้จังหวัดสุโขทัย เป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวทั้งในและนอกจังหวัด อันจะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนในจังหวัด เกิดการสร้างองค์ความรู้ การพัฒนาผลิตภัณฑ์หัตถกรรม ของฝาก การขยายตลาดของสินค้า การท่องเที่ยว สร้างงาน สร้างอาชีพ และก่อให้เกิดรายได้กับประชาชน จังหวัดสุโขทัย จึงได้กำหนดให้เดือนเมษายน เป็นเดือนแห่งการท่องเที่ยวภายใต้ชื่อกิจกรรม “เมษาหรรษา @สุโขทัย” เนื่องจากในเดือนนี้ มีงานประเพณีวัฒนธรรมไทยที่สำคัญ แสดงออกถึงอัตลักษณ์ของจังหวัดสุโขทัย ที่จะทำให้นักท่องเที่ยว สามารถเข้ามาท่องเที่ยวในจังหวัดสุโขทัย  ได้ตลอดทั้งเดือนเมษายน        

ซึ่งจังหวัดสุโขทัย มีกิจกรรมเด่นและประเพณีสำคัญๆที่จะเกิดขึ้นตลอดเดือนเมษายน มีดังนี้  ตักบาตรสะพานบุญ ณ วัดตระพังทอง ตำบลเมืองเก่า อำเภอเมืองสุโขทัย ซึ่งจัดให้นักท่องเที่ยวได้ใส่บาตรกันทุกวัน  งาน Amazing Sukhothai Light Up Night ณ อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 26 – 28 มีนาคม ณ.วัดมหาธาตุ อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย  งานสักการะพระแม่ย่าจังหวัดสุโขทัย ณ ศาลพระแม่ย่าสุโขทัย วันที่ 30 มีนาคม ถึง 8 เมษายน  งาน Mini Light & Sound เรื่องเมืองสุโขทัย ณ วัดสระศรี อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย  วันที่ 3 และ 17 เมษายนงานประเพณีแห่ช้างบวชนาค ชาวไทยพวนบ้านหาดเสี้ยว  ณ วัดหาดเสี้ยว  วันที่ 6 – 7 เมษายน  งานประเพณีสรงน้ำโอยทานสงกรานต์ศรีสัชนาลัย ณ อนุสาวรีย์พระยาลิไท วันที่ 8 -11 เมษายน  งานประเพณีสรงน้ำโอยทานสงกรานต์ศรีสัชนาลัย ณ ศาลหลักเมืองศรีสัชนาลัย วันที่ 11 เมษายน  งานกิจกรรมส่งเสริมเมืองสร้างสรรค์ Crafts and Folk Art “งานบ้านบ้านสุโขทัย” ณ สวนน้ำเปรมสุข วันที่ 10-14 เมษายน   งานย้อนมหาสงกรานต์กรุงสุโขทัย ณ อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย วันที่ 13 เมษายน งานประเพณีสงกรานต์เมืองสุโขทัย วันที่ 13 ถึง 15 เมษายน  งานประเพณีแห่น้ำขึ้นโฮง สรงน้ำเจ้าหมื่นด้ง ณ อนุสาวรีย์เจ้าพ่อหมื่นด้ง ตำบลบ้านตึก วันที่ 18-20 เมษายน

 

นายวิรุฬ  พรรณเทวี ผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย กล่าวเพิ่มเติมว่า จังหวัดสุโขทัย ซึ่งมีอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย และศรีสัชนาลัย ที่ได้รับการประกาศขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกภายใต้ชื่อ เมืองประวัติศาสตร์สุโขทัยและเมืองบริวาร ซึ่งถือว่าเป็นจังหวัดที่เป็นเมืองแห่งมรดกโลก ที่มีเป็นต้นกำเนิดด้านประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม ประเพณี อีกทั้งผู้คนในท้องถิ่นยังคงรักษาขนบธรรมเนียม และประเพณีดั้งเดิมอันงดงามไว้ได้อย่างเข้มแข็งตลอดทั้งปี มีการจัดงานเทศกาลเฉลิมฉลองและงานประเพณีที่สำคัญมากมาย จึงขอเชิญชวนนักท่องเที่ยวมาร่วมเยี่ยมชมงานประเพณีวัฒนธรรม และกิจกรรมต่างๆที่กำลังจะเกิดขึ้นในเดือนเมษายนนี้ อีกทั้งจังหวัดสุโขทัยยังมีสถานที่ท่องเที่ยวโบราณสถานที่งดงาม มีเอกลักษณ์โดดเด่นหลากหลายไว้ต้อนรับนักท่องเที่ยวทุกท่าน มีอาหารอร่อยมากมายให้ลิ้มลอง มีสินค้าและของที่ระลึกเป็นเอกลักษณ์พื้นถิ่น ของดีของเด่นทั้ง 9 อำเภอ ที่สำคัญ เราพร้อมที่จะต้อนรับนักท่องเที่ยวไม่ว่าจะเป็นโรงแรม ที่พัก การเดินที่ทางสะดวก ปลอดภัย และสามารถเที่ยวได้ทุกวัน เที่ยวได้ตลอดเดือนเมษายนนี้ ภายใต้ชีวิตวิถีใหม่นิวนอร์มอน ซึ่งคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวสนใจเดินทางเที่ยวชมงาน และจะสามารถสร้างรายได้หมุนเวียนให้กับจังหวัดอย่างคึกคัก เกิดการขยายตัวของระบบเศรษฐกิจภายในจังหวัดสุโขทัย

ภาพ/ข่าว  พงศ์เทพ สาคร (สุโขทัย)

จับกุมบุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง และขยายผลจับกุมเครือข่าย สืบตม.6 และ ตม.จว.นราธิวาส บูรณาการร่วมกับหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่

ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี  เรื่อง การควบคุมกำกับดูแลชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักอาศัยหรือเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์  แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. มอบหมายให้ สตม.ดำเนินการตรวจสอบชาวต่างชาติที่มีหมายจับตำรวจสากล หรือมีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน หรือเป็นลักษณะการกระทำผิดเข้าข่ายอาชญากรรมข้ามชาติ ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ

สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดย พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม., พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง   รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.สุเมธ เมฆขจร ผบก.ตม.6, พล.ต.ต.รุ่งโรจน์ ฐากูรปุณยสิริ ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.ศุภชัชจ์ เปี่ยมมนัส รอง ผบก.ตม.6, พ.ต.อ.ภาณุภาคยณ์ จิตต์ประยูรตี รอง ผบก.ตม.6 ได้สั่งการกำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการตามนโยบาย ผบ.ตร. โดยเคร่งครัด นำไปสู่ผลสัมฤทธิ์ในการป้องกันปราบปรามการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย และร่วมแถลงข่าวจับกุมคดีที่น่าสนใจ ดังนี้

จนท.ชุดสืบสวน กก.สส.บก.ตม.6 และ จนท. ชุดสืบสวน ตม.จว.นราธิวาส ได้บูรณาการร่วมกับเจ้าหน้าที่ความมั่นคงในพื้นที่ ตั้งจุดตรวจจุดสกัด บริเวณด่านตรวจถาวรโคกมะเฟือง  ม.1 ต.ศาลาใหม่ อ.ตากใบ จว.นราธิวาส เพื่อสกัดกั้นการก่อเหตุลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ตามนโยบายของผู้บังคับบัญชา

ได้มีรถยนต์เก๋งยี่ห้อ ฮอนด้า รุ่นแอคคอร์ด สีน้ำตาล หมายเลขทะเบียนกรุงเทพมหานคร ขับมายังบริเวณที่ด่านตรวจฝั่งขาออกจาก อ.ตากใบ ไป อ.เมืองนราธิวาส เจ้าหน้าที่ได้สังเกตเห็นบริเวณที่นั่งตอนหลังของรถยนต์คันดังกล่าว  มีชายผิวดำลักษณะรูปพรรณคล้ายคนอินเดียนั่งอยู่ จึงได้เรียกให้หยุดรถเพื่อขอตรวจสอบ จากการตรวจสอบภายในรถ พบนายอัมรี อายุ 27 ปี  สัญชาติไทย เป็นผู้ขับขี่ นายอาบีดี อายุ 34 ปี สัญชาติไทย นั่งข้างคนขับด้านหน้า และพบบุคคลต่างด้าว จำนวน 4 คน นั่งอยู่ที่นั่งตอนหลังของรถ ทั้งหมดเป็นบุคคลสัญชาติมาเลเซีย ถือหนังสือเดินทางประเทศมาเลเซีย เมื่อตรวจสอบหนังสือเดินทางไม่พบข้อมูลการเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรแต่อย่างใด ทั้งหมดให้การรับสารภาพว่าได้ลักลอบเข้ามาประเทศไทยทางช่องทางธรรมชาติ ข้ามแม่น้ำสุไหงโก-ลก (ไม่ทราบสถานที่แน่ชัด) และได้มาพักรอที่บ้านหลังหนึ่งในพื้นที่ อ.ตากใบ จว.นราธิวาส สอบถามนายอัมรี และนายอาบีดี ให้การว่า  ได้รับการว่าจ้างจากนายวงค์สถิต หรือนายโจ ซึ่งอาศัยอยู่ในพื้นที่ จว.ประจวบคีรีขันธ์ ทางโทรศัพท์ ให้ไปรับคนต่างด้าวจากนางซีตีมารือแย หรือ ก๊ะยัง ที่ อ.ตากใบ แล้วให้ไปส่งต่อพื้นที่ อ.หาดใหญ่  จว.สงขลา โดยตกลงค่าจ้างเป็นเงิน 6,000 บาท จึงได้ทำการจับกุมผู้ต้องหาทั้งหมดพร้อมด้วยรถยนต์ของกลางนำส่ง พงส.สภ.ตากใบ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย จากการสืบสวน ขยายผลทราบว่าบ้านพักที่คนต่างด้าวสัญชาติมาเลเซีย ได้มาพักรอระหว่างเดินทาง ที่ อ.ตากใบ คือบ้านพักต้องสงสัย  ใน ต.เจ๊ะเห อ.ตากใบ จว.นราธิวาส ซึ่งเป็นบ้านของนางซีตีมารือแย

ต่อมา จนท.ชุดสืบสวน กก.สส.บก.ตม.6 และ จนท.ชุดสืบสวน ตม.จว.นราธิวาส ได้บูรณาการกับหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ โดยอาศัยอำนาจตามกฎอัยการศึก พ.ศ. 2547 เข้าทำการปิดล้อมตรวจค้นบ้านพักต้องสงสัยดังกล่าว พบ นายมะยารี  อายุ 46 ปี แสดงตัวเป็นเจ้าบ้านหลังดังกล่าวและเป็นผู้นำตรวจค้น ส่วนนางซีตีมารือแย ได้ออกไปทำธุระนอกบ้านก่อนที่เจ้าหน้าที่จะเดินทางมาถึง จากการตรวจค้นภายในบ้านพบบุคคลต่างด้าวสัญชาติเมียนมา จำนวน 2 คน ไม่มีหนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทางแต่อย่างใด รับสารภาพว่าได้ลักลอบเข้ามาในประเทศไทยทางช่องทางธรรมชาติ ข้ามแม่น้ำสุไหงโก-ลก (ไม่ทราบสถานที่แน่ชัด) สอบถามนายมะยารี ให้การว่าภรรยาของตน คือ นางซีตีมารือแย  เป็นผู้พาคนต่างด้าวชาวเมียนมาทั้งสองคนเข้ามาพักที่บ้านเพื่อรอเดินทางกลับประเทศเมียนมา จึงได้ทำการจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 3 คน นำส่ง พงส.สภ.ตากใบ ดำเนินคดีตามกฎหมาย ในเวลาต่อมาเจ้าหน้าที่ทหาร ฉก.นราธิวาส 30 ได้เชิญตัวนางซีตีมารือแย ไปที่ศูนย์ซักถามกรมทหารพรานที่ 46  ต.กะลุวอเหนือ อ.เมือง จว.นราธิวาส และ จนท.ชุดจับกุมได้ทำการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้ที่เกี่ยวข้องกับเครือข่าย

ต่อมา จนท.กก.สส.บก.ตม.6, จนท.ตม.จว.นราธิวาส ร่วมกับ จนท.ตร.สภ.ตากใบ ทำการจับกุมนางซีตีมารือแย หรือก๊ะยัง อายุ 42 ปี สัญชาติไทย ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดนราธิวาส ที่ จ 104/2564 ลง 17 มี.ค.64 ในฐานความผิด “ร่วมกันซ่อนเร้นหรือช่วยเหลือด้วยประการใดๆ แก่บุคคลต่างด้าวที่เข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย เพื่อให้คนต่างด้าวนั้นพ้นการจับกุม” ได้ที่บริเวณหน้าบ้านเลขที่ 48 ม.7 ต.เจ๊ะเห อ.ตากใบ จว.นราธิวาส ส่ง พงส.สภ.ตากใบ ดำเนินคดีตามกฎหมาย

จนท.ตร.สภ.บางสะพานน้อย จว.ประจวบคีรีขันธ์ ได้เข้าทำการจับกุมนายวงค์สถิต หรือนายโจ อายุ 36 ปี สัญชาติไทย ตามหมายจับของศาลจังหวัดนราธิวาสที่ จ 105/2564 ลง 17 มี.ค.64 ในฐานความผิด “ร่วมกันซ่อนเร้น หรือช่วยเหลือด้วยประการใดๆ แก่บุคคลต่างด้าวที่เข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย เพื่อให้คนต่างด้าวนั้นพ้นการจับกุม” จับกุมได้ที่บริเวณหน้าบ้านเลขที่ 168/1 ม.1 ต.ไชยราช อ.บางสะพานน้อย จว.ประจวบคีรีขันธ์ ควบคุมตัว ส่ง พงส.สภ.ตากใบ ดำเนินคดีตามกฎหมาย

สรุป การดำเนินการเกี่ยวกับเครือข่ายนี้

    1. จับกุมผู้ต้องหาที่เป็นบุคคลต่างด้าว ในข้อหาหลบหนีเข้าเมือง จำนวน 6 ราย

แยกเป็น สัญชาติมาเลเซีย 4 ราย สัญชาติเมียนมา จำนวน 2 ราย

   2. จับกุมผู้ต้องหาคนไทย จำนวน 5 ราย ในข้อหาช่วยเหลือฯ

สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง มีนโยบายในการป้องกันปราบปรามการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย

ในทุกรูปแบบ เพื่อสนองนโยบายของของรัฐบาลและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการป้องกันปราบปรามขบวนการลักลอบนำพาแรงงานต่างด้าวลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย และฝากประชาสัมพันธ์ไปยังประชาชนคนไทย ห้ามเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการเหล่านี้ เพราะอาจถูกจับกุมดำเนินคดี และรับโทษตามกฎหมาย หากพบหรือทราบข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลคนต่างด้าวที่ลักลอบเข้าเมือง หรือผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด สามารถแจ้งเบาะแสได้ที่ สายด่วนสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โทร.1178 หรือที่ www.immigration.go.th

หมู่เรือฝึกนักเรียนนายเรือ ดำน้ำเก็บขยะใต้ทะเลหาดทรายขาว หลังผ่านฝึกอบรมหลักสูตรการดำน้ำ

เมื่อวันที่ 24 มี.ค.64 พลเรือตรี ประวุฒิ รอดมณี เสนาธิการโรงเรียนนายเรือ ปฏิบัติหน้าที่ผู้บังคับหมู่เรือฝึกนักเรียนนายเรือ (มฝ.นนร.) ได้นำข้าราชการ และนักเรียนนายเรือ ซึ่งได้ผ่านการฝึกอบรมหลักสูตร การดำน้ำเพื่อการอนุรักษ์ปะการังและสิ่งมีชีวิตใต้ทะเลไทย ภายใต้มูลนิธิอนุรักษ์แนวปะการังและสิ่งมีชีวิตใต้ทะเลไทย ในสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ทำกิจกรรมจิตอาสาเก็บขยะใต้ทะเล และชายฝั่ง บริเวณหาดทรายขาว เพื่อเป็นการรักษาสิ่งแวดล้อมทางทะเล ในโอกาสที่หมู่เรือฝึกนักเรียนนายเรือ แวะจอดเรือบริเวณเกาะช้าง อำเภอเกาะช้าง จังหวัดตราด 

ภาพ/ข่าว  สมนึก เชื้อสนุก

ฮือฮาชาวเน็ทแห่แชร์ภาพสาหร่ายก้อน หรือมารีโมะ นำโชคยอดฮิตในกลุ่มวัยรุ่นญี่ปุ่นและไทย ถูกคลื่นซัดเกยชายหาดทะเลบางแสนจำนวนมาก ด้านผู้ประกอบการห่วงยางเผยหาดูยาก 1 ปีมีครั้งเดียว

จากกรณีที่มีเฟสบุ๊คชื่อว่า ชอบจัง บางแสน ได้โพสต์ข้อความว่า “สาหร่ายก้อนกลมเต็มหาดเลย ใช่ มารีโม๊ะ ไหมนะ ใครมาวันนี้จะเจอสาหร่ายกลม ๆ นุ่มนิ่มกลิ้งไปมา

แบบนี้ทั้งหาด มา ๆ มาถ่ายรูปกันได้นะ ” พร้อมรูปภาพของสาหร่ายที่เกยหากบางแสนเต็มพื้นเขียวอร่ามเป็นแนวยาวมีลักษณะกลมสวยเป็นที่แปลกตาจนมีชาวเน็ทแห่แชร์และคอมเม้นเป็นจำนวนมาก โดยเมื่อ 25 มี.ค.64 ผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังบริเวณริมชายหาดทะเลบางแสนก็ได้พบกับสาหร่ายที่กองเกยหาดจำนวนมากมีนักท่องเที่ยวต่างมาดูและมาถ่ายรูปโพสค์ลงโชเชียลถามถึงความแปลกและมีความคล้ายคลึงกับสาหร่าย มารีโมะ หรือ “ มาริโมะ (Marimo) まりも เป็นสาหร่ายน้ำจืดสีเขียวที่มีรูปลักษณ์แตกต่างจากสาหร่ายน้ำจืดชนิดเดียวกันที่มีอยู่ในทะเลสาบแห่งอื่นของโลก ที่คนส่วนมากรุ้จักจากการเป็นของฝากขึ้นชื่อจากฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น “มาริ” นั้นมีความหมายว่า “บอล” ส่วน “โมะ”มีความหมายว่า “ พืชจำพวกสาหร่ายหรือมอสส์ ”  ส่วนชื่อในภาษอังกฤษ คือ “Moss ball ” ที่มีลักษณะกลมซึ่งทางกลุ่มคนญี่ปุ่นถือว่าเป็นสาหร่ายนำโชค ด้านความรัก และสุขภาพนำมาเลี้ยงในโหลน้ำใสเพื่อให้มีการเจริญเติบโตอีกทั้งยังเป็นที่ชื่นชอบของกลุ่มวัยรุ่นในประเทศไทยที่ชื่นชอบและเลี้ยงเพาะขายอีกด้วย

ล่าสุดวันนี้ 26 มีนาคม เวลา 08.30 น.ผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังหาดทะเลบางแสนก็พบว่ามีน้ำทะเลขึ้นสูงริมทรายหาดทำให้ไม่พบกับสาหร่ายเพราะน้ำได้พัดลงทะเลไปแล้ว จากการสอบถามนายปราโมทย์ ผิวขำ อายุ 38 ปีเจ้าของกิจการเรือกล้วยเล่าว่า จากปรากฎการดังกล่าวสำหรับตนถือว่าปกติที่สาหร่ายมาเกยที่หาดเพราะ 1 ปีจะมี1ครั้งและจะมีเดือน มีนาคม และเมษายน แค่นี้ หลังจากนี้จะไม่มีแล้วเพราะสาหร่ายจะมากับลมคลื่นที่พัดแรงพอน้ำลดจะเห็นสาหร่ายตามภาพแต่วันนี้น้ำขึ้นสูงทำให้พัดสาหร่ายลงทะเลถ้าจะเห็นอีกทีต้องหลังน้ำลด ส่วนสาหร่ายนี้ตนเห็นวันนี้เป็นวันที่ 3 แล้วเพราะถ้าหากฝนตกหนักทำให้น้ำจืดหนุนสูงแล้วไหลลงทะเลสาหร่ายก้อนจะเป็นสาหร่ายน้ำจืดแต่ก็หาได้ดูยากมากบางปีก็ไม่เป็นก้อนกลมสวยแบบนี้บ่อย ตนเห็นก็ดูว่าแปลกดีพอหยิบมากดูพบว่าเป็นใย ๆ เหมือนกำมะหยี่พอแกะดูบางก้อนจะมีปูเฉฉวนน่ารักมากที่อยู่ข้างในส่วนความเชื่อของชาวญี่ปุ่นที่ว่าหากนำไปเลี้ยงจะทำให้ ความรักยั่งยืนและมีสุขภาพอแข็งเเรงหลังจากนี้ตนก็คงจะเก็บเอาไปเลี้ยงบ้าง

ภาพ/ข่าว  นิราช / นันทพล ทิพย์ศรี

เกษตรอำเภอคลองใหญ่ จัดงาน “วันถ่ายทอดเทคโนโลยี (Field Day) เพื่อเริ่มต้นฤดูกาลผลิตใหม่” ศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง

ตําบลคลองใหญ่ จัดการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตรในทุกอําเภอทั่วประเทศ อําเภอละ 1 จุด พร้อมทั้งให้มีการจัดตั้งศูนย์เครือข่าย ศูนย์ละ 10 จุด ที่หมู่ที่ 9 ตำบลคลองใหญ่  อำเภอคลองใหญ่ จังหวัดตราด ซึ่งเป็นของ นายฐิติชัย ผลาเกษ เป็นสถานที่เรียนรู้มากมาย

นายผจงศักดิ์ วงษ์สง่า ประมงจังหวัดตราด เป็นประธานเปิดการจัดงาน “วันถ่ายทอดเทคโนโลยี (Field Day) เพื่อเริ่มต้นฤดูกาลผลิตใหม่” ตามนโยบายของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ให้ทุกหน่วยงานในสังกัด เตรียมความพร้อมเกษตรกรเข้าสู่ฤดูกาลผลิต เพื่อกระตุ้นให้เกษตรกรเริ่มต้นการผลิต โดยใช้เทคโนโลยีและภูมิปัญญาที่เหมาะสมกับพื้นที่ในการวางแผนการผลิต การเข้าถึงปัจจัยการผลิตที่มีคุณภาพ การลดความเสี่ยงของผลผลิต การเชื่อมโยงเครือข่าย การบริหารจัดการระบบการผลิตตามแนวทางการส่งเสริมการเกษตรแบบแปลงใหญ่ เพื่อให้เกษตรกรเข้มแข็ง พึ่งพาตนเองได้ โดยมีนายวีระศักดิ์ คงเปี้ยว ปลัดอําเภอคลองใหญ่ กล่าวให้การต้อนรับผู้เข้าร่วม พร้อมด้วยนายภูวพงศ์ ระวังชื่อ เกษตรอําเภอคลองใหญ่ กล่าวรายงาน

โดยมีวัตถุประสงค์

1. เพื่อกระตุ้นให้เกษตรกรเริ่มต้นการผลิตในปีการเพาะปลูกใหม่ โดยใช้เทคโนโลยีและภูมิปัญญา ที่มีความเหมาะสมกับพื้นที่

2. เพื่อให้เกิดการน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และองค์ความรู้จากศูนย์ศึกษาการพัฒนาและโครงการพระราชดำริต่าง ๆ ให้เข้าถึงเกษตรกรและนำไปประยุกต์ใช้ได้กว้างขวางยิ่งขึ้น

3. เพื่อให้บริการและช่วยเหลือแก้ไขปัญหาการผลิตของเกษตรกร

4. เพื่อเผยแพร่ให้เกษตรกรรู้จักและใช้ประโยชน์จากศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตรที่มีอยู่ในพื้นที่ ซึ่งกลุ่มเป้าหมายที่มาร่วมงานในวันนี้ ได้แก่ เกษตรกรจากอำเภอจังหวัดตราด และอําเภอคลองใหญ่จำนวน 10 กว่าราย

ดังนั้นในการจัดงาน “วันถ่ายทอดเทคโนโลยีเพื่อเริ่มต้นฤดูกาลผลิตใหม่ (Field Day)” ในปี 2564 จึงเป็นอีกแนวทางหนึ่งที่จะทำให้เกษตรกรได้มาเรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ๆ ด้านการเกษตร เพื่อให้เกษตรกรได้ตัดสินใจนำเอาองค์ความรู้และเทคโนโลยีที่เหมาะสมในแต่ละพื้นที่ไปประยุกต์ใช้ในพื้นที่การเกษตรของตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ

สำหรับการถ่ายทอดความรู้และเทคโนโลยีการเกษตรในวันนี้ ได้กำหนดให้มีฐานเรียนรู้ไว้ จำนวนกลายฐานเรียนรู้ ได้แก่ ฐานเรียนรู้เทคโนโลยีการเพิ่มผลผลิต โดยได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานต่าง ๆ ในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในการให้ความรู้  โดยจัดกิจกรรมในครั้งนี้ประกอบด้วยฐานต่าง ๆ เช่น การผลิตผักปลอดภัย การใช้ธาตุอาหารเสริม เชื้อรามหัศจรรย์ป้องกันโรคพืช สนับสนุนพันธ์ปลา การเลี้ยงชันโรงและแปรรูปผลิตภัณฑ์ชันโรง การผสมปุ๋ยใช้เองตามค่าวิเคราะห์ดิน การเลี้ยงกบ การทําบัญชีฟาร์ม และการตรวจสารเคมีในเลือดเป็นต้น จากหน่วยงาน ส่วนราชการต่าง ๆ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น บริษัทเอกชน ที่ได้สนับสนุนในการร่วมจัดนิทรรศการ และเจ้าหน้าที่ของส่วนราชการต่าง ๆ ในเขตอำเภอคลองใหญ่และจังหวัดตราดที่นำเกษตรกรเข้ารับการถ่ายทอดเทคโนโลยี ตามเป้าหมายของวัตถุประสงค์ที่วางไว้

ภาพ/ข่าว วิเชียร ม่วงสี (ผู้สื่อข่าวภูมิภาค จ.ตราด)

เมืองพัทยา ร่วมภาคเอกชน ปลุกกระแสท่องเที่ยวช่วงเทศกาลสงกรานต์ จัดงานเทศกาลว่าวริมชายหาด ที่ยาวที่สุดในประเทศไทย ระหว่าง 9 - 19 เม.ย.นี้

ที่ศาลาว่าการเมืองพัทยา นายรณกิจ เอกะสิงห์ รองนายกเมืองพัทยาเป็นประธานประชุมจัดงาน Pattaya Kite on the Beach 2021 พร้อมด้วย นายบุญอนันต์ พัฒนสิน นายกสมาคมนักธุรกิจและการท่องเที่ยวเมืองพัทยา นายพิสูจน์ แซ่คู นายกสมาคมโรงแรมไทยภาคตะวันออก นายขจรเดช อภิชาติตรากู ผอ.ททท.สำนักงานพัทยา ราชการ ผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชนเข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง

ทั้งนี้ในที่ประชุมได้มีการเตรียมความพร้อมและมอบหมายงานให้กับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทั้งด้านสถานที่ การจราจร การอำนวยความสะดวกและรักษาความปลอดภัยให้กับผู้ที่เข้าร่วมงานตลอดการจัดงาน สำหรับจัดงาน Pattaya Kite on the Beach 2021 เป็นความร่วมมือระหว่างเมืองพัทยาร่วมกับสมาคมนักธุรกิจและการท่องเที่ยวเมืองพัทยา  โดยจะจัดขึ้นตั้งแต่บริเวณชายหาดด้านหน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัลพัทยาบีชไปจนถึงบริเวณชายหาดแยกพัทยากลาง รวมระยะทางกว่า 300 เมตร ระหว่างวันที่ 9 - 19 เมษายน 2564

ทั้งนี้เพื่อสร้างกิจกรรมดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติให้เข้ามาท่องเที่ยวเมืองพัทยา อีกทั้งเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจสร้างรายได้หมุนเวียนให้กับเมืองพัทยาและจังหวัดชลบุรีในภาพรวม

โดยภายในงานผู้เข้าร่วมงานจะได้พบกับว่าว Bowl Kite ขนาดใหญ่ที่สุดที่ได้รับการรับรองจาก World Records ว่าว รูปปลาวาฬแม่ ขนาด 35 เมตร ใหญ่ที่สุดในประเทศ มาพร้อมกับว่าว ปลาหมึก LED ครั้งแรกในประเทศกับว่าวสะท้อนแสงไฟ LED ว่าวรูปทุเรียน หมี มังกร และว่าวขนาดใหญ่อีกกว่า 30 ตัว นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมอื่น ๆ อาทิ การจำหน่ายว่าวที่สวยงามหลากหลายรูปแบบ พร้อมทั้งสอนเทคนิคการเล่น และประดิษฐ์ว่าวให้สวยงามตามใจชอบ ตลอด 9 วันของการจัดงาน

ภาพ/ข่าว  อนันต์ สุขวัฒนะ / เอกชัย สุขวัฒนะ (ผู้สื่อข่าวภูมิภาค พัทยา จ.ชลบุรี)

ผู้ว่าฯ นราธิวาส เปิดประตูระบายน้ำ สูบน้ำจากคลองน้ำดำ ป้องกันไฟไหม้ป่า บรรเทาภัยแล้ง และเพิ่มความชุ่มชื้นแก่พื้นที่พรุบาเจาะ

วันนี้ (25 มี.ค. 64) นายเจษฎา จิตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ลงพื้นที่เพื่อเปิดประตูระบายน้ำสูบน้ำจาก “คลองน้ำดำ” ป้องกันไฟไหม้ป่าและบรรเทาภัยแล้ง โดยผันน้ำเข้าสู่ “คลองระบายน้ำพรุบาเจาะสายที่ 4”  โครงการพรุบาเจาะ - ไม้แก่น อันเนื่องมาจากพระราชดำริ โดยมีนายเฉลิมชัย ตรีนรินทร์ ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 17 นายอภิวัฒน์ ชนะสงคราม ผู้อำนวยการโครงการชลประทานนราธิวาส ปลัดอำเภอยี่งอ ร่วมให้ข้อมูลการดำเนินงาน ณ สถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้าคลองยะกัง อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตำบลละหาร อำเภอยี่งอ จังหวัดนราธิวาส

ทั้งนี้ สถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้าคลองยะกังพร้อมอาคารประกอบ โครงการพรุบาเจาะ - ไม้แก่น อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ก่อสร้างเมื่อปี พ.ศ. 2555 อัตราค่าไฟฟ้าชั่วโมงละ 260 บาท ต่อชั่วโมงต่อเครื่อง สามารถสูบน้ำได้ 1.0 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที จำนวน 3 เครื่อง

สถิติการสูบน้ำปี พ.ศ. 2563 ผันน้ำเข้าพรุบาเจาะ เป็นเวลา 1,977 ชั่วโมง ปริมาณน้ำ 7,117,200 ลูกบาศก์เมตร โดยมีการบริหารจัดการช่วงภัยแล้ง คือ การเปิดเครื่องสูบน้ำสถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้าคลองยะกัง โครงการพรุบาเจาะ - ไม้แก่น อันเนื่องมาจากพระราชดำริ เพื่อเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนให้กับพื้นที่โครงการพรุบาเจาะ - ไม้แก่น ช่วยบรรเทาปัญหาการขาดแคลนน้ำในพื้นที่เกษตร และเพิ่มความชุ่มชื้นในพื้นที่พรุบาเจาะ ตามมาตรการป้องกันไฟไหม้ป่าพรุบาเจาะ โดยการสูบน้ำจากคลองยะกังเพิ่มไปยังคลองระบายน้ำพรุบาเจาะสายที่ 2 และคลองระบายน้ำพรุเจาะสายที่ 4 ซึ่งโครงการพรุบาเจาะ - ไม้แก่น มีเนื้อที่ 96,400 ไร่

จากนั้นผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาสพร้อมคณะ ได้เดินทางไปยังพื้นที่อนุรักษ์พรุบาเจาะ ซึ่งเป็นพื้นที่ป่าไม้ส่วนกลาง ร้อยละ 20 นิคมสหกรณ์บาเจาะ จังหวัดนราธิวาส เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เนื่องในโอกาสพระชนมายุ 60 พรรษา ครอบคลุมพื้นที่ตำบลลุโบะบือซา ตำบลตะปอเยาะ ตำบลละหาร อำเภอยี่งอ จังหวัดนราธิวาส / ตำบลบาเระใต้ อำเภอบาเจาะ จังหวัดนราธิวาส / ตำบลโคกเคียน อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส ที่มีความยาวคันเก็บกักน้ำ 15,750 เมตร พื้นที่ประมาณ 5,500 ไร่

ภาพ/ข่าว  ปทิตตา หนดกระโทก (ผู้สื่อข่าวนราธิวาสรายงาน)


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top