Saturday, 14 June 2025
THE STATES TIMES TEAM

ยะลา - เช็งเม้งเบตงคึกคัก ประชาชนเดินทางกลับมาไหว้บรรพบุรุษเนืองแน่น มั่นใจเบตงไร้โควิด-19

ยะลา - เทศกาลเช็งเม้งสุสานบ้านจะเราะปะไต กม.4 ในพื้นที่ อ.เบตง จ.ยะลา เป็นไปอย่างคึกคัก หลังประชาชนเดินทางกลับมาไหว้บรรพบุรุษเนืองแน่น มั่นใจในพื้นที่ อ.เบตง จ.ยะลาไร้การระบาดไวรัสโควิด-19 อีกทั้งยังได้หนีความแออัดและหมอกควันPM 0.5 ในกรุงเทพฯ กลับมาสัมผัสธรรมชาติไร้หมอกควันพิษ PM.0.5

วันนี้ (3 เม.ย.) บรรยากาศในช่วงเทศกาลเช็งเม้ง ที่สุสานบ้านจะเราะปะไต บ้าน กม.4 อ.เบตง จ.ยะลา เป็นไปอย่างคึกคัก มีประชาชนชาวไทยเชื้อสายจีนในพื้นที่ อ.เบตง จ.ยะลา และที่เดินทางไปทำงานยังต่างจังหวัด ได้เดินทางกลับบ้านมาร่วมไหว้บรรพบุรุษในช่วงเทศกาลเช็งเม้ง พร้อมกับครอบครัว บุตรหลาน และญาติพี่น้อง จำนวนมากเดินทางกลับมาไหว้บรรพบุรุษเนืองแน่น  มั่นใจในพื้นที่ อ.เบตง จ.ยะลาไร้การระบาดไวรัสโควิด-19 อีกทั้งยังได้หนีความแออัดและหมอกควันPM 0.5 ในกรุงเทพฯ กลับมาสัมผัสธรรมชาติไร้หมอกควันพิษ

โดยแต่ละคนก็จะนำอาหารคาวหวาน ขนม ผลไม้ เครื่องเซ่นไหว้ต่าง ๆ มาด้วย พร้อมกับทำความสะอาดที่บริเวณหลุมฝังศพญาติพี่น้องของตนเอง ก่อนจะตั้งเครื่องเซ่นไหว้ กราบไหว้บรรพบุรุษ และเผากระดาษเงิน กระดาษทอง เสื้อผ้ากระดาษ สิ่งของเครื่องใช้ ส่งไปให้เพื่อแสดงความกตัญญูต่อบรรพบุรุษ

ซึ่งจะมีผู้คนไปไหว้หลุมศพบรรพบุรุษ ไปจนถึงวันศุกร์ ที่  4  เมษายน 2564 ซึ่งบรรยากาศปีนี้คึกคักกว่าปีที่ผ่าน ๆ มา เนื่องจากสถานการณ์ความรุนแรงในพื้นที่ลดน้อยลง และในพื้นที่ไม่มีการระบาดไวรัสโควิด-19 ทำให้ประชาชนที่เดินทางกลับภูมิลำเนามีความมั่นใจ

ทั้งนี้ วันเช็งเม้ง ถือว่าเป็นประเพณีที่สำคัญมากที่สุดของของชาวจีน เนื่องจากเป็นประเพณีไหว้บรรพบุรุษที่สุสาน เพื่อแสดงความกตัญญูต่อบรรพบุรุษที่จากไป อีกทั้ง ยังเป็นการสร้างตระหนักรู้แก่ ลูกหลานรุ่นหลังให้เห็นประวัติและคุณงามความดีของบรรพบุรุษที่ทำให้ลูกหลานมีชีวิตที่ดีเช่นทุกวันนี้

วันเช็งเม้ง ในปี 2564 ตรงกับวันอาทิตย์ที่ 4 เมษายน  วันเช็งเม้ง หรือ เทศกาลเช็งเม้ง เป็นการทำพิธีเซ่นไหว้และปัดกวาดหลุมศพบรรพบุรุษ โดยถือว่าเป็นประเพณีที่มีความเกี่ยวเนื่องกับพิธีกรรมการฌาปนกิจ เนื่องจากตามบันทึกทางประวัติศาสตร์เคยกล่าวไว้ว่า "สร้างหลุมศพไม่ต้องสร้างเนินสุสาน" ดังนั้น จึงไม่เคยมีบันทึกถึงการทำความสะอาดเนินสุสานมาก่อน   แต่ในเวลาต่อมา เมื่อเริ่มมีความนิยมสร้างหลุมศพโดยสร้างเนินสุสานด้วยในภายหลัง จึงทำให้ประเพณีการเซ่นไหว้ที่สุสานเกิดขึ้น จนกลายเป็นประเพณีที่ละเว้นไม่ได้มาจนถึงปัจจุบันนี้ และในวันเช็งเม้ง 2564 ตรงกับวันที่ 4 เมษายน ทุกปี


ภาพ/ข่าว  ธานินทร์  โพธิทัพพะ

ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงยุติธรรม ‘สามารถ เจนชัยจิตรวนิช’ เย้ย ‘ปิยะบุตร’ เปรียบดัง ‘มวยไม่มีราคา ม้าไม่มีชั้น’ ไม่ให้ราคา ปมล่า 1 ล้านรายชื่อ รื้อระบอบประยุทธ์ ชี้สุดสงสาร ยิ่งนานวันคนติดตามยิ่งน้อยลง

นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงยุติธรรม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวชื่อ “สามารถ เจนชัยจิตรวนิช” ว่า ตนได้รับข้อมูลจากพ่อแม่พี่น้องประชาชนที่ส่งมาให้กรณี นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ต้องการที่จะล่ารายชื่อ 1 ล้านรายชื่อ เพื่อ "ขอคนละชื่อรื้อระบอบประยุทธ์" ในวันที่ 6 เม.ย.64 โดยตนคิดว่าคนอย่าง นายปิยบุตร เป็นคนไม่มีราคา ไม่มีค่าพอที่จะให้ความสำคัญ และคงไม่มีใครบ้าจี้ไปลงชื่อเพราะกลัวว่าในอนาคตอาจจะต้องเดือดร้อนหรือติดคุกตามไปด้วย

“ทั้งนี้ ผมก็อยากตั้งโต๊ะล่ารายชื่อเพราะมั่นใจว่าจะได้รับเสียงจากประชาชนเพราะทุกวันนี้ก็มีชาวบ้านเสนอมาว่าให้ช่วยบอก นายปิยบุตร ออกนอกประเทศไปเสียที หากมีการตั้งโต๊ะล่ารายชื่อนายปิยบุตรจริง คาดว่าคงมีคนเกือบทั้งประเทศที่จะออกมาลงชื่อขับไล่ นายปิยบุตร ออกนอกประเทศ แต่จริงแล้วไม่มีกฎหมายใดให้อำนาจที่จะขับไล่ใครคนใดออกนอกประเทศจริง มีแต่คนที่ไม่อยากอยู่บ้านไหนก็สามารถเดินทางไปบ้านอื่นได้ ตัวอย่างในต่างประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา หากไม่พอใจกฎหมายรัฐหรือเมืองไหนก็สามารถย้ายถิ่นฐานไปอยู่รัฐอื่นได้”

นายสามารถ เผยอีกว่า นายปิยบุตรก็เช่นเดียวกัน ถ้าไม่พอใจกฎหมายในประเทศไทย ไม่พอใจระบบสถาบันพระมหากษัตริย์อันเป็นที่รักยิ่งของประชาชนทั้งประเทศ นายปิยบุตรก็ควรเดินทางออกไปนอกประเทศ ไปอยู่ประเทศที่อยากจะอยู่แต่ไม่รู้ว่าประเทศนั้นๆ เขาอยากจะให้ นายปิยบุตร อยู่หรือไม่เพราะกลัวว่าอาจจะไปเผาบ้านเมืองเขาอีก โดยตนขอยกคำโบราณว่า "เกิดเป็นคนต้องรู้จักสำนึกบุญคุณ ชีวิตไม่มีทางมืดมน มีแต่จะรุ่งโรจน์เฟื่องฟู" ที่ยกขึ้นมาก็เพื่อเตือนสติ นายปิยบุตร อีกทั้ง ทุกวันนี้ตนรู้สึกสงสาร นายปิยบุตร เพราะยิ่งนานวัน คนที่เดินตามยิ่งน้อยลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเลือกตั้งเทศบาลหรือท้องถิ่นที่ผ่านมา ทีมของคณะก้าวหน้าก็ได้แค่ 10 เทศบาลเท่านั้นจากทั้งหมด 2,472 แห่ง คิดเป็นเปอร์เซ็นต์ไม่ถึง 1 เปอร์เซ็นต์เสียด้วยซ้ำ

นายสามารถ เผยต่อว่า การที่ นายปิยบุตร จะมาขอรายชื่อไล่ระบอบประยุทธ์นั้น ขอยืนยันว่าประเทศไทยไม่มี “ระบอบประยุทธ์” ประเทศไทยมีแต่ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ซึ่งคนไทยเทิดทูนไว้เหนือเกล้า เพราะคนไทยรักสถาบันพระมหากษัตริย์ และวันที่ 6 เม.ย. ตรงกับวันจักรี ซึ่งพ่อแม่พี่น้องประชาชนจะรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณพระมหากษัตริย์ทุกพระองค์ และในวันที่1 เม.ย. คือตรงกับวันเลิกทาส สมัยรัชกาลที่ 5 อย่างไรก็ตาม ชาวบ้านรู้ทัน นายปิยบุตร กันหมดฝากบอกมาว่า “มวยไม่มีราคา ม้าไม่มีชั้น” เหตุจากผลการเลือกตั้งล่าสุดคงจะชัดเจนแล้ว

พังงา - เริ่มแล้ว...งาน “เมืองแห่งความสุขและงานกาชาดจังหวัดพังงา” ประจำปี 2564

เมื่อคืนวันที่ 1 เมษายน 2564  ที่สนามหน้าศาลากลางจังหวัดพังงาหลังเก่า อ.เมืองพังงา นายจำเริญ ทิพญพงศ์ธาดา ผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา กล่าวเปิดงาน “เมืองแห่งความสุขและงานกาชาดจังหวัดพังงา” ประจำปี 2564 เพื่อหารายได้ช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ผู้ประสบภัยพิบัติ ผู้ด้อยโอกาส และผู้ยากไร้ รวมทั้งกิจกรรมสาธารณกุศลอื่น ๆ โดยมี นายบุญเติม เรณุมาศ รองผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา นายธรรมนูญ ศรีวรรธนะ รองผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ส่วนราชการต่าง ๆ และภาคเอกชน ร่วมในพิธีเปิดครั้งนี้

นางวิภาดา ทิพญพงศ์ธาดา นายกเหล่ากาชาดจังหวัดพังงา กล่าวว่า งาน “เมืองแห่งความสุขและงานกาชาดจังหวัดพังงา” จัดในระหว่างวันที่ 1-10 เมษายน 2564 เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ทางจังหวัดพังงาจึงจำเป็นต้องลดความแออัดของผู้คนที่มาเที่ยวชมงานลง ดังนั้นในปีนี้จึงมีการตรวจวัดตามมาตรการก่อนเข้างาน ไม่มีการออกร้านมัจฉากาชาดเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการเบียดเสียดกันขึ้น แต่ยังคงมีกิจกรรมต่าง ๆ ทุกคืนตลอดงาน เช่น การประกวดผลผลิตทางการเกษตร การแสดงของเด็กนักเรียนจากโรงเรียนต่าง ๆ การประกวดร้องเพลงของกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน สารวัตรกำนัน แพทย์ประจำตำบล การเดินแฟชั่นโชว์ผ้าบาติก การจำหน่ายสลากการกุศล การเปิดรับบริจาคเงินเพื่อใช้ในกิจการของเหล่ากาชาด การแข่งขันกีฬา การประกวดผลผลิตทางการเกษต

นอกจากนั้นยังมีการจัดแสดงนิทรรศการจากหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน การจำหน่ายสินค้าโอทอปของดีเมืองพังงา สินค้าพื้นเมืองพื้นบ้าน สินค้าอุปโภคบริโภค สินค้าเบ็ดเตล็ด ส่วนเวทีกลางจะมีการแสดงของศิลปินนักร้องชื่อดังทุกค่ำคืน ทั้งนี้ก็เพื่อนำรายได้ทั้งหมดไปใช้ในกิจการสาธารณกุศลช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ที่เดือดร้อนจากภัยต่าง ๆ เช่นช่วยเหลือผู้ยากไร้ ผู้ด้อยโอกาส ผู้พิการ ผู้ป่วยในพระราชานุเคราะห์ มอบทุนเด็กนักเรียนยากจน เป็นต้น  สำหรับผู้ที่บริจาคเงินสามารถนำใบเสร็จไปลดหย่อนภาษีได้เป็น 2 เท่าของยอดที่บริจาคผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Donation) ของกรมสรรพากร ส่วนสลากการกุศลจำหน่ายในราคาใบละ 100 บาท ลุ้นเป็นเจ้าของรถยนต์กระบะ Mitsubishi รุ่น Triton สร้อยคอทองคำ รถจักรยานยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า และรางวัลอื่น ๆ อีกมากมาย รวม 300 รางวัล


ภาพ/ข่าว  อโนทัย  งานดี  

อุทัยธานี - แก้ปัญหาภัยแล้ง ด้วยเทคโนโลยีขั้นสูงเพื่อส่งเสริมการเกษตร อำเภอทัพทัน

ผู้ช่วยศาสตราจารย์พิเศษ ดร. อลงกต วรกี รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุทัยธานี  จังหวัดอุทัยธานี พร้อมหน่วยข้าราชการและผู้อำนวยการ  ศูนย์อำนวยการ จิตอาสาพระราชทาน จังหวัดอุทัยธานี ดำเนินการร่วมตรวจประเมินผลการแก้ไขปัญหาภัยแล้ง ประจำปี 2564 ร่วมกับ พันโท ผดุงศักดิ์ ปิ่นเกตุ หัวหน้าชุดประเมินผลภัยแล้งที่ 9​ และคณะ สถานที่ ณ โครงการพัฒนาน้ำบาดาลเพื่อการเกษตร  บ้านสวนขวัญ ด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง เพื่อส่งเสริมการเกษตรแบบแปลงใหญ่ บ้านสวนขวัญ หมู่ที่ 13 ตำบลตลุกดู่  อำเภอทัพทัน จังหวัดอุทัยธานี 

ทั้งนี้นาง ปรียารัตน์ ลานพลอย ท้องถิ่นอำเภอทัพทัน  นาย สุรศักดิ์ ภักดี ปลัดองค์การบริหารส่วนตำบลหนองกระทุ่ม  และจิตอาสาพระราชทานจังหวัดอุทัยธานี​ รวมทั้งสิ้น 78 คน ดำเนินการร่วมตรวจประเมินผลการแก้ไขปัญหาภัยแล้ง เพื่อส่งเสริมการเกษตรแบบแปลงใหญ่ และพัฒนาน้ำบาดาลเพื่อการเกษตรด้วยเครื่องสูบน้ำไฟฟ้าแบบจุ่มใต้น้ำ พร้อมการพัฒนาน้ำบาดาลเพื่อการเกษตรด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ ตำบลตลุกดู่  อำเภอทัพทัน จังหวัดอุทัยธานี 


ภาพ/ข่าว  ภาวิณี  ศรีอนันต์

บึงกาฬ - ยกระดับอาหารพื้นถิ่นเสริมทัพรับท่องเที่ยวเทศกาลสงกรานต์

เมื่อเวลา 10.30 น.วันที่ 1 เม.ย.ที่พิพิธภัณฑ์ชุมชนมีชีวิต บ้านขี้เหล็กใหญ่ ตำบลหนองพันทา อำเภอโซ่พิสัย  จังหวัดบึงกาฬ นายวิสูตร ดวงสิมา วัฒนธรรมจังหวัดบึงกาฬ ได้เปิดโครงการยกระดับอาหารพื้นถิ่นเสริมทัพรับท่องเที่ยวภายใต้ โครงการพัฒนาและบริหารจัดการองค์ความรู้สนับสนุนการท่องเที่ยว  กิจกรรมส่งเสริม สนับสนุน อนุรักษ์ฟื้นฟู วัฒนธรรมประเพณีวัฒนธรรมท้องถิ่นของจังหวัดบึงกาฬ  มีผู้เข้าร่วมการอบรม เป็นกลุ่มชาติพันธุ์ในจังหวัดบึงกาฬ จำนวน 42 คน วิทยากรอบรมให้ความรู้โดยนายสุทธิพงษ์  สุริยะ ฟู้ดสไตลิสต์ชั้นนำในวงการศิลปะและอาหารระดับโลก

นายวิสูตร ดวงสิมา วัฒนธรรมจังหวัดบึงกาฬ กล่าวว่าการฝึกอบรมครั้งนี้เป็นการดำเนินโครงการตามแผนปฏิบัติราชการประจำปีของจังหวัด ประจำปีงบประมาณ 2564 ภายใต้โครงการพัฒนาและบริหารจัดการองค์ความรู้สนับสนุนการท่องเที่ยว กิจกรรม ส่งเสริม สนับสนุน อนุรักษ์ฟื้นฟู วัฒนธรรมประเพณีวัฒนธรรมท้องถิ่นของจังหวัดบึงกาฬ ในการจัดอบรมครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาทักษะการประกอบอาหารพื้นบ้าน การจัดประดับตกแต่งสำรับอาหารพื้นบ้าน ให้กับกลุ่มชาติพันธุ์ในจังหวัดบึงกาฬ สามารถเสริมสร้างมูลค่าจากทุนทางวัฒนธรรมด้านอาหาร ยกระดับอาหารพื้นถิ่นเพื่อการต้อนรับนักท่องเที่ยวที่มาเยือนในโอกาสเทศกาลวันสงกรานต์ใกล้จะมาถึงนี้ และในโอกาสต่าง ๆ ที่นักท่องเที่ยวเข้ามาเยี่ยมเยือนในพื้นจะได้ลิ้มรสความอร่อย ถูกปาก สวยงาม เกิดความประทับใจและกลับมาเที่ยวอีกครั้ง สามารถสร้างรายได้ให้กับกลุ่มชาติพันธุ์ที่อยู่ในแหล่งท่องเที่ยวของจังหวัดบึงกาฬ

ด้านนายธนวณิช ชัยชนะ นายกสภาอุตสาหกรรมจังหวัดบึงกาฬ กล่าวว่า ทางสภาอุตสาหกรรมจังหวัดบึงกาฬมีนโยบายที่จะเข้าไปมีส่วนร่วมกับอุตสาหกรรมอาหารของกลุ่มชาติพันธุ์ที่อาศัยอยู่ในจังหวัดบึงกาฬ ถ้าหากมีสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่จะช่วยสนับสนุน ไม่ว่าจะเป็น แพ็คเกจจิ้งก็ดี การผลิตก็ดี หรือการใช้เทคโนโลยีเข้ามาพัฒนาคุณภาพ ทัดเทียมต่างชาติ หรือการถนอมอาหารให้สามรถเก็บไว้ได้นาน เพื่อเป็นของฝากให้นักท่องเที่ยวนำกลับไปได้อีกด้วย


ภาพ/ข่าว  เกรียงไกร  พรมจันทร์

อยุธยา – นาย ‘ศักดิ์สยาม ชิดชอบ’ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดการใช้ความเร็วรถยนต์สูงสุด 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง บนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 32 ช่วงบางปะอิน - ต่างระดับอ่างทอง

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานในพิธีเริ่มต้นใช้ความเร็ว 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง บนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 32 ช่วงหมวดทางหลวงบางปะอิน - ทางต่างระดับอ่างทอง โดยมี นายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม นายวิรัช พิมพะนิตย์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงฯ นางสุขสมรวย วันทนียกุล เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงฯ นายเชวงศักดิ์ เร่งไพบูลย์วงษ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงฯ นายทรงศักดิ์ ส่งเสริมอุดมชัย ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงฯ นายชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงฯ นายพิศักดิ์ จิตวิริยะวศิน รองปลัดกระทรวงฯ นายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง นายปฐม เฉลยวาเรศ อธิบดีกรมทางหลวงชนบท นายภานุ แย้มศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ผู้บริหารกระทรวงฯ องค์กรปกครองท้องถิ่น และสื่อมวลชนร่วมในพิธี ในวันที่ 1 เมษายน 2564

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ กล่าวว่า ตั้งแต่เข้ามารับตำแหน่งในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้มอบนโยบายการปรับเพิ่มอัตราความเร็วของรถยนต์จากความเร็วไม่เกิน 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เป็นความเร็วไม่เกิน 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เฉพาะถนนที่ได้มาตรฐานตามที่กฎกระทรวงกำหนด มีช่องจราจรตั้งแต่ 4 ช่องขึ้นไป ไม่มีจุดกลับรถระดับราบ มีเกาะกลางถนนแบบกำแพงกั้น และมีความปลอดภัยด้านวิศวกรรมสูง โดยที่ผ่านมากระทรวงฯ ได้เตรียมการนโยบายดังกล่าวมาอย่างต่อเนื่องจนเป็นผลสำเร็จเพื่อให้ผู้ขับขี่ได้ใช้อัตราความเร็วตามที่กฎหมายกำหนดได้อย่างสะดวกรวดเร็ว ที่สำคัญคือ มีความปลอดภัยสูง และได้ประกาศกฎกระทรวงกำหนดอัตราความเร็วฉบับใหม่ในราชกิจจานุเบกษา

เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2564 สำหรับเส้นทางแรกที่ถือเป็นจุดเริ่มต้นในการใช้ความเร็ว 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คือ ทางหลวงหมายเลข 32 หรือถนนสายเอเชีย ช่วงหมวดทางหลวงบางปะอิน - ทางต่างระดับอ่างทอง โดยกระทรวงฯ ได้สั่งการและเน้นย้ำให้กรมทางหลวงปรับปรุงเพิ่มมาตรฐานทางกายภาพให้เกิดความสะดวกและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ได้แก่ เสริมการก่อสร้างอุปกรณ์ป้องกันด้านข้างทาง (Concrete Barrier) เพื่อช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดอุบัติเหตุรุนแรงเนื่องจากการเสียหลักตกเกาะกลาง ปรับปรุงจุดกลับรถระดับราบ เพื่อลดการตัดกันของกระแสจราจร ติดตั้งป้ายจราจรและป้ายเปลี่ยนข้อความได้เพื่อสื่อสารการใช้ความเร็วที่เหมาะสมในแต่ละช่องจราจร รวมทั้งติดตั้งแถบเตือน หรือ Rumble Strips เพื่อแจ้งจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุดการเข้าเขตควบคุมความเร็ว

โดยเส้นทางนี้ถือเป็นต้นแบบของทางหลวงแผ่นดินและทางหลวงชนบท นอกจากนี้ กรมทางหลวงมีแผนจะประกาศใช้สายทางในระยะที่ 2 ภายในเดือนสิงหาคม 2564 ครอบคลุมเส้นทางในภาคกลาง ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้ ระยะทางประมาณ  260 กิโลเมตร เช่น ทางหลวงหมายเลข 32 ช่วงอ่างทอง - สิงห์บุรี ทางหลวงหมายเลข 1 ช่วงหางน้ำหนองแขม - นครสวรรค์ ทางหลวงหมายเลข 2 ตอนบ่อทาง - มอจะบก และทางหลวงหมายเลข 4 ช่วงเขาวัง - สระพระ เป็นต้น พร้อมทั้งดำเนินการต่อเนื่องเพิ่มเติมบนทางหลวงสายหลัก เช่น ทางหลวงหมายเลข 1 พหลโยธิน ทางหลวงหมายเลข 2 มิตรภาพ ทางหลวงหมายเลข 24 สีคิ้ว - อุบลราชธานี ทางหลวงหมายเลข 340 บางบัวทอง - สุพรรณบุรี และทางหลวงหมายเลข 44 กระบี่ - ขนอม อีกประมาณ 1,760 กิโลเมตร ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2564 เป็นต้นไป

 


ภาพ/ข่าว  เดชา  อุ่นขาว

ไทยพบผู้ติดเชื้อ 58 ราย มี 1 ราย เชื่อมโยงสถานบันเทิง กลุ่มสัมผัสเพียบ ศบค.ผวาซ้ำรอยห่วง สงกรานต์นี้ ให้ทุกคนดูแลตัวเอง - ครอบครัว ย้ำ สถานบันเทิง เป็นเรื่อง น่ากังวลใจ 

ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงสถานการณ์ประจำวัน ว่า มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 58 ราย เป็นการติดเชื้อในประเทศ 45 ราย มาจากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ 42 ราย มาจากค้นหาเชิงรุก 3 ราย นอกจากนี้ เป็นผู้ที่เดินทางมาต่างประเทศ 13 ราย ทำให้มียอดผู้ติดเชื้อสะสม 28,947 ราย หายป่วยสะสม 27,606 ราย อยู่ระหว่างรักษา 1,247 ราย ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตเพิ่มเติม ยอดสะสมคงที่ 94 ราย ขณะที่สถานการณ์โลก มีผู้ติดเชื้อสะสม 130,157,191 ราย เสียชีวิตสะสม 2,839,987 ราย

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า สำหรับผู้ติดเชื้อวันนี้ มี 1 ราย อยู่ใน กทม. เป็นนักศึกษา อายุ 19 ปี วันที่ 20 – 24 มีนาคม พักอยู่ที่หอพักย่านศาลายา อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม โดยวันที่ 23 มีนาคม ไปเที่ยวสถานบันเทิงย่านพุทธมณฑลกับเพื่อน 11 คน จากวันที่ 25 – 29 มีนาคม เดินทางโดยเครื่องบินไปเที่ยว จ.ภูเก็ตกับเพื่อน 9 คน และเข้าพักที่รีสอร์ท เช่ารถขับ ต่อมาวันที่ 29 มีนาคม เดินทางโดยเครื่องบินกลับ กทม. ซึ่งมารดาขับรถส่วนตัวมารับที่สนามบิน วันที่ 30 มี.ค. ไปตีแบดมินตันกับเพื่อนที่ศาลายา 8 คน วันที่ 31 มีนาคม ไปเรียนที่มหาวิทยาลัย มีเพื่อนในห้องเรียน 50 คน 

มีการรับประทานอาหารที่โรงอาหารมหาวิทยาลัย มีการเดินทางโดยรถส่วนตัวกับเพื่อน 1 คนไป กทม. โดยวันเดียวกันทราบว่ามีพนักงานในสถานบันเทิงย่านศาลายาติดโควิด-19 จึงไปตรวจที่โรงพยาบาลรามาธิบดีแล้วพบว่าติดเชื้อโควิด-19 นอกจากนี้ มีผู้ติดเชื้อ 1 ราย ที่ อ.วังสะพุง จ.เลย มีประวัติเชื่อมโยงกับสถานบันเทิงแห่งหนึ่งใน กทม. อย่างไรก็ตาม ขณะนี้เรากำลังเข้าสู่เทศกาลสงกรานต์ที่มีการหยุดยาว ซึ่ง ศบค.ได้ผ่อนคลายให้ แต่เรากังวลใจว่าจากการระบาดในตลาดและกำลังไปสู่สถานบันเทิง ปีที่แล้วเราเคยเผชิญสถานการณ์แบบนี้ ต้องใช้เวลาถึงช่วงหนึ่งกว่าจะควบคุมได้ 

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า สำหรับการกระจายวัคซีนตั้งแต่วันที่ 28 กุมภาพันธ์ – 1 เมษายน มีการจัดสรรวัคซีนซิโนแวค 322,040 โดส แอสตราเซเนกา 85,880 โดส มีจำนวนผู้ได้รับวัคซีนเข็มที่หนึ่ง 166,243 ราย เข็มที่สอง 37,407 ราย อย่างไรก็ตาม ที่มีข่าวเกี่ยวกับผู้ได้รับผลกระทบจากการฉีดวัคซีนที่ระบุว่าบางคนถึงกับเสียชีวิต อย่างกรณีหมอในต่างประเทศฉีดแล้วมีเส้นเลือดแตกในช่องท้องนั้นไม่ใช่ ส่วนกรณีผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศ์มรณภาพหลังฉีดวัคซีนได้วันเดียวอยู่ระหว่างการหาสาเหตุที่แท้จริง ส่วนผู้ที่ฉีดแล้วมีอาการไม่พึงประสงค์ เช่น แพ้ ผื่นขึ้น หายใจติดขัด ขณะนี้มีอยู่ 4 ราย ซึ่งหายเป็นปกติแล้ว 

นพ.ทวีศิลป์ ตอบข้อซักถามถึงการลดจำนวนวันกักตัวของผู้ที่จะเดินทางเข้าประเทศไทย ว่า ราชกิจจานุเบกษาได้ประกาศรายละเอียดข้อกำหนดแล้วกว่า 30 หน้า ซึ่งผู้ที่จะเดินทางเข้าประเทศไทยต้องศึกษาและทำความเข้าใจ ทั้งนี้มีวัคซีนเข้ามาแล้วบรรยากาศของการผ่อนคลายจึงต้องมีเพื่อลดระยะเวลาการกักตัว

1.) คนที่ได้รับวัคซีนครบสองเข็ม แล้วนับจากวันที่ได้รับวัคซีนไปอีก 14 วันก่อนสามารถเดินทางเข้าประเทศไทยได้ และได้รับการกักตัว 7 วัน โดยต้องนับจากเข็มที่สองไปครบ 14 วันก่อน เพื่อให้มีภูมิคุ้มกันเกิดขึ้นในร่างกายอย่างเต็มที่ คือ 14 วันหลังเข็มสอง 

2.) ผู้ที่ได้รับวรรคสี่แต่ยังไม่ครบสองเข็มจะต้องได้รับการกับตัว 10 วัน เนื่องจากมีเปอร์เซ็นต์ในการติดเชื้อไม่มากนักสามารถรอรับความเสี่ยงได้ กักตัว 10 วันก็พอ จะได้เป็นการลดค่าใช้จ่ายของรัฐ 

3.) ผู้ที่มาจากประเทศที่สงสัยว่ามีการติดเชื้อของไวรัส โควิด-19 กลายพันธุ์ เช่น จากประเทศ แอฟริกา แทนซาเนีย โมซัมบิก ต้องได้รับการกักตัว 14 วัน อย่างไรก็ตามในรายละเอียดในเรื่องของ การตรวจหาเชื้อ ตามกำหนดซึ่งแต่ละกลุ่มจะต้องแตกต่างกันไป แต่ที่สำคัญทั้งสามกลุ่มจะต้องมีระบบการติดตามตัวซึ่ง ศบค. ได้หารือกันว่าจะต้องมีระบบไทยแลนด์พลัส ซึ่งเป็นแอพพลิเคชั่นที่ชาวต่างชาติคุ้นเคย เพื่อติดตามตัวในการควบคุมโรคโควิด-19

และในขณะที่เราเน้นย้ำผู้ที่กำลังจะเข้ามาในประเทศไทยเราก็ต้องเน้นย้ำโรงแรมในประเทศ ที่เป็นสถานที่กักตัว ที่เข้าร่วมโครงการกับ ศบค. ขอให้ประสานไปยังกรมสนับสนุนบริการสุขภาพเพื่อที่จะปรับช่วงเวลา และการดูแล รวมถึงวัน และระบบการรายงานต่าง ๆ เพื่อให้ทางกรมฯติดต่อและจัดทำเทเลคอนเฟอร์เรน ขอให้โรงแรมทุกแห่งให้ความสนใจในการปรับมาตรการนี้ไปพร้อมกันด้วย เพื่อปรับมาตรการไปพร้อมกันและเพื่อประโยชน์ของคนไทยและคนต่างชาติที่จะเข้ามาในประเทศไทย

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีการมรณภาพของผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศ์ นพ. ทวีศิลป์ กล่าวว่า จากที่เป็นข่าวคือผู้ช่วยเจ้าอาวาสซึ่งมีโรคประจำตัวเป็นเบาหวาน ความดันสูง ฉีดวัคซีนไปตั้งแต่เวลาประมาณ 11.00 น. ของวันที่ 31 มีนาคม หลังสังเกตุอาการก็ไม่มีสิ่งผิดปกติ เมื่อกลับวัดและพบครั้งสุดท้ายเมื่อเวลาประมาณ 16.00 น. ของวันที่ 1 เมษายน หลังจากนั้นข้ามคืนไปท่านไม่ได้ออกจากกุฎิ เมื่อมีคนไปเคาะประตูไม่มีเสียงตอบรับจึงได้เข้าดูพบว่ามรณภาพแล้ว ซึ่งต้องขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัวและทางวัดด้วย ขณะนี้ยังต้องดำเนินการชันสูตรศพ โดยโรงพยาบาลตำรวจ แต่จะมีผลออกมาอย่างไรต้องให้โรงพยาบาลดูแลก่อน 

ยืนยัน ว่าอาการที่ไม่พึงประสงค์ ที่มีความรุนแรง เช่น มีผื่นขึ้น หายใจติดขัด หายใจลำบาก เมื่อได้รับการฉีดยาแก้แพ้ก็หายเป็นปกติ ตามที่ได้รับรายงานล่าสุดจนถึงปัจจุบันนี้ยังคงตัวเลขอยู่ที่ 4 คนเท่านั้น และขณะนี้หายเป็นปกติแล้ว ดังนั้นผู้ที่เสียชีวิตไม่ได้โยงกับ4รายดังกล่าว เพราะเป็นการเสียชีวิตจากโรคอื่นๆซึ่งเป็นโรคประจำตัว ส่วนผู้ช่วยเจ้าอาวาสรายนี้ขอให้รอผลชันสูตรก่อน ยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจน ทั้งนี้การฉีดวัคซีนยังเดินหน้าต่อ ตนเองก็ฉีดแล้ว อาการปกติดี

ในช่วงท้ายนี้ขอฝากว่าเทศกาลสงกรานต์เป็นช่วงที่สำคัญของประชาชนที่จะต้องใช้ชีวิตวิถีใหม่ ซึ่งจากการรายงานพบว่าวัคซีนคือทางออกแต่พบว่าในเวลานี้ยังไม่ได้เป็นคำตอบถึงที่สุดเนื่องจากวัคซีนจะต้องได้รับการฉีดถึง 60% จึงจะมีภูมิคุ้มกันของประเทศซึ่งตอนนี้วัคซีนกำลังทยอยเข้ามา และในต่างประเทศก็ทยอยฉีด และเราจะพบประสบการณ์ที่เป็นอุทาหรณ์แล้วว่าหากมีความย่อหย่อนในเรื่องการสวมหน้ากากอนามัย การ์ดตก จึงยังมีความจำเป็น และในช่วงเทศกาลสงกรานต์นี้ขอฝากให้ทุกคนดูแลตัวเองและครอบครัว และขอย้ำว่าสถานบันเทิงยังเป็นเรื่องที่น่ากังวลใจในขณะนี้

โรงเรียนใน จ.กาฬสินธุ์ ประกาศรับสมัครครูอัตราจ้าง สอนภาษาอังกฤษและคอมพิวเตอร์ ให้ค่าตอบแทน เงินเดือน 5,000 บาท ชาวเน็ตเผยเหตุผลครูอัตราจ้างไม่ได้กำหนดเรตเงินเดือนจากกระทรวง ใช้เงินบำรุงของโรงเรียนจ้างกันเอง

ในโลกออนไลน์มีการแชร์ประกาศของโรงเรียนน้อยดอนข่าประชาสามัคคี อำเภอฆ้องชัย จังหวัดกาฬสินธุ์ ที่แจ้งการเปิดรับสมัครบุคคลเพื่อเลือกสรรเป็นลูกจ้างชั่วคราว โดยมีอัตราค่าตอบแทนเงินเดือน 5,000 บาท ทำชาวเน็ตแห่วิจารณ์มองสมัครงานพาร์ทไทม์ยังได้เงินเดือนเยอะกว่านี้

ทั้งนี้ สำหรับรายละเอียดของประกาศโรงเรียนน้อยดอนข่าประชาสามัคคี เรื่อง รับสมัครบุคคลเพื่อเลือกสรรเป็นลูกจ้างชั่วคราว นั้น ทางโรงเรียนได้เปิดรับสมัคร 2 ตำแหน่ง ได้แก่ 1.) ครูอัตราจ้าง กลุ่มวิชาคอมพิวเตอร์ จำนวน 1 อัตรา และ 2.) ครูอัตราจ้าง กลุ่มวิชาภาษาอังกฤษ จำนวน 1 อัตราโดยมีอัตราค่าตอบแทน เงินเดือน 5,000 บาท

หากผู้ประสงค์จะสมัครขอและยื่นใบสมัครด้วยตนเองได้ที่ โรงเรียนน้อยดอนข่าประชาสามัคคี อำเภอฆ้องชัย จังหวัดกาฬสินธุ์ ตั้งแต่วันที่ 1 - 7 เมษายน 2564 เวลา 09.00 - 16.00 น. (ไม่เว้นวันหยุดราชการ)

หลังจากประกาศดังกล่าวได้เผยแพร่ออกไปนั้น เกิดเสียงวิจารณ์ในโลกออนไลน์อย่างมาก ทั้งมองว่า ไม่คุ้มค่ากับการเรียนจบมา เพราะถึงแม้หักเสาร์อาทิตย์หารแล้ว จะได้รายได้วันละ 250 ขณะที่ การทำงานพาร์ทไทม์ไม่ใช้วุฒิยังได้อย่างต่ำก็ 450 บาท

นอกจากนี้ ชาวเน็ตรายหนึ่งได้เข้ามาอธิบายเพิ่มเติมถึงอัตราเงินเดือนดังกล่าว โดยระบุว่า "พวก รร.ไกลๆจะมีแบบนี้ ต่ำสุดที่เคยทราบ 3,000 บาท ครูอัตราจ้างไม่ได้กำหนดเรตเงินเดือนจากกระทรวง ให้ใช้เงินบำรุงของโรงเรียนจ้างกันเอง เงินเดือนครูอัตราจ้างบางที่ เป็นงบส่วนตัวที่ผอ.หรือครู ในรร.ลงขันกันมาจ้างครูให้ครบวิชา ครบชั้น หวังให้คนบ้านใกล้มาสมัคร"

ขณะที่อีกรายแสดงความเห็นไปในแนวทางเดียวกันว่า "เรื่องจริงโรงเรียนต่างจังหวัดของสพฐ. ครูอัตราจ้างของโรงเรียนประมาณ 4,000 ขึ้นไป แต่ทำงานหนักมาก"

อย่างไรก็ตาม สำหรับข้อมูลของโรงเรียนน้อยดอนข่าประชาสามัคคี ปีการศึกษา 2563 มีนักเรียน 65 คน จึงอาจเป็นส่วนที่ทำให้เงินอุดหนุนในการจ้างครูอัตราจ้างมีน้อย


ที่มา: http://https://www.tnnthailand.com/news/socialtalk/75907/?fbclid=IwAR3kj9dVSDdjMrOPn6bV2dhesJp2U2IFfgnhHhsjDKPJs9_NPDVD530hIT8

ชลบุรี – สง่างาม ผบ.กร.เปิดซุ้มประตูนักรบ "ซีล" นสร.กร. อย่างเป็นทางการ

วันที่ 1 เม.ย.64 พล.ร.อ.สุทธินันท์  สมานรักษ์ ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ (ผบ.กร.) เป็นประธานในพิธีเปิดซุ้มประตู หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ กองเรือยุทธการ (นสร.กร.) ณ หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือฯ ต.แสมสาร อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี

สืบเนื่องจาก เส้นทางเข้า-ออกเดิมของ นสร.กร. ตัดผ่านสนามฝึกกองทัพเรือ หมายเลข 15 หาดยาว ที่มีการฝึกอย่างต่อเนื่อง  และในบางครั้งมีการปิดเส้นทางเข้า-ออกส่งผลให้ข้าราชการของหน่วยต้องเลี่ยงไปใช้เส้นทางผ่านหมู่บ้านช่องแสมสารที่มีความแออัด และมีระยะทางไกลกว่าเดิม ตลอดจนหน่วยได้รับการขยายอัตราเพิ่มอีก 1 กรมรบพิเศษ ข้าราชการของหน่วยเพิ่มขึ้น การผ่านเข้า-ออกเส้นทางเดิมที่เป็นลักษณะทางลงเนินโค้ง ทำให้มีความไม่ปลอดภัย หน่วยจึงได้พิจารณาสร้างเส้นทางเข้า-ออกใหม่ ให้มีความปลอดภัย และสง่างาม

การออกแบบซุ้มประตูใหม่ที่มีความโดดเด่นเป็นลักษณะคล้ายเรือล่องหน ที่มีขีดความสามารถในการเล็ดลอดการตรวจพบ ตรวจจับจากข้าศึก และสามารถทำการแทรกซึมเข้าไปในพื้นที่ปฏิบัติการ อันเป็นคุณลักษณะสำคัญในการปฏิบัติการสงครามพิเศษทางเรือ โดยด้านบนของซุ้มประกอบด้วย ชื่อหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ เหนือชื่อประดับเครื่องหมายความสามารถนักทำลายใต้น้ำจู่โจม ด้านซ้ายมีธงเครื่องหมายยศ พลเรือตรี ซึ่งเป็นยศของผู้บัญชาการหน่วย และได้พิจารณาสร้างซุ้มประตูอยู่ในบริเวณที่มีเส้นทางเข้า-ออกหน่วยกว้างขวางกว่าเดิม เป็นไปตามแนวความคิดในการออกแบบของ พล.ร.อ.ลือชัย  รุดดิษฐ์ อดีตผู้บัญชาการทหารเรือที่ได้กรุณามอบให้แก่หน่วย

จากลักษณะซุ้มประตูที่โดดเด่น  สง่างาม และทันสมัย สะท้อนความเป็นหน่วยปฏิบัตการพิเศษของกองเรือยุทธการได้เป็นอย่างดี ตลอดจนเป็นภาพลักษณ์ที่ดีต่อหน่วยอีกด้วย


ภาพ/ข่าว นิราช / นันทพล ทิพย์ศรี รายงาน

กลุ่มกะเหรี่ยงในไทย KTG เปิดรับบริจาค สิ่งของช่วยเหลือผู้หนีภัยสงครามเมียนมา

ระบุ ผู้หนีภัยสงครามส่วนใหญ่ไม่กล้ากลับเข้าบ้าน อาศัยหลบซ่อนในป่า ขาดแคลนเสบียง  ขณะที่สถานการณ์ชายแดนวันนี้ยังเงียบสงบไม่มีผู้อพยพข้ามมาแต่อย่างใด

ณ บ้านคะปวง ต.แม่ยวม อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน  น้องฟ้า ซึ่งเป็นผู้ดูแลรับสิ่งของบริจาคศูนย์ KTG ในพื้นที่ อ.แม่สะเรียง  ตัวแทน กลุ่มกระเหรี่ยงในประเทศไทย หรือ KTG  (Karen Thai Group) กำลังทำการรวบรวมสิ่งของบริจาคที่ได้จากพี่น้องกะเหรี่ยง และ ประชาชนไทย ในประเทศไทย ซี่งส่วนใหญ่เป็นข้าวสาร อาหารแห้ง บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป น้ำดื่ม เสื้อผ้า และ  ผ้าใบสีฟ้า  ของใช้ยามหน้าฝน เช่น ผ้าใบกันฝน ซึ่งถ้าสถานการณ์ยึดเยื้อ พี่น้องที่หลบหนีกลางป่าจะได้มีที่พักพิงหลบฝนได้  โดยสิ่งของบริจาคได้ทยอยส่งมาอย่างต่อเนื่อง  ในวันนี้มีสิ่งของบริจาค ส่งมาจาก อ.แม่สอด จ.ตาก และ กลุ่มสตรีชาติพันธ์แม่สวด รวมกันส่งสิ่งของมากับรถโดยสาร จำนวน 5 คัน  ซึ่งเจ้าหน้าที่ KTG ระบุว่า พี่น้องชาวกะเหรี่ยงที่ได้รับผลกระทบจากภัยสู้รบเมียนมา ยังต้องการของบริจาคอีกเป็นจำนวนมาก เนื่องจากผู้หนีภัยสงครามส่วนใหญ่ไม่ได้กลับไปอยู่บ้านเรือนที่อยู่อาศัย แต่ยังคงอาศัยหลับนอนตามป่า ตามเขา เนื่องจากยังหวาดกลัวภัยสงคราม

โดยสิ่งของรับบริจาคส่วนใหญ่ ประกอบไปด้วย ข้าวสาร อาหารแห้ง บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป น้ำดื่ม ยารักษาโรค และของใช้ยามหน้าฝน เช่น ผ้าใบกันฝน ซึ่งถ้าสถานการณ์ยึดเยื้อ พี่น้องที่หลบหนีกลางป่าจะได้มีที่พักพิงหลบฝนได้

ทั้งนี้  จากเหตุการณ์สู้รบที่เกิดขึ้นในฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน ส่งผลให้ประชาชน  เด็ก  ผู้หญิงและคนชราต้องทิ้งบ้านเรือนหนีภัยสงคราม แม้ต้องเดินทางกลับภูมิลำเนา แต่บางส่วนไม่กล้ากลับเข้าไปอยู่ตามบ้านเรือนที่อยู่อาศัยเดิม ยังคงหลบหนีซ่อนตัวอยู่ตามป่า และ เริ่มไม่มีเสบียง ทั้งนี้กลุ่มเครือข่ายกะเหรี่ยงในประเทศไทยจะดำเนินการขออนุญาตทางหน่วยงานรัฐในการดำเนินการส่งของออกไปช่วยเหลือพี่น้องชาวกะเหรี่ยงอย่างถูกต้องตามกฎหมาย หากยังไม่สามารถดำเนินการส่งของไปช่วยเหลือได้ ก็จะรวบรวมไว้ก่อนจนกว่าสถานการณ์จะปกติ หรือ จนกว่า ทางการไทยอนุญาตให้ส่งออกได้เท่านั้น


ภาพ/ข่าว  สุกัลยา  / ถาวร (อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน) 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top