Friday, 20 June 2025
THE STATES TIMES TEAM

สงขลา - แม่ทัพภาค 4 ตั้ง เกจิดังภาคใต้และพระอีก 5 รูปเป็นที่ปรึกษา ด้านศาสนา การศึกษา และวัฒนธรรม พบมีผลงานมากทั้งการพหุสังคม มอบทุนการศึกษา ทนุบำรุงศาสนาพุทธ และเปิดศูนย์เรียนรู้

พลโทเกรียงไกร ศรีรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 4 / ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ได้มีหนังสือแต่งตั้งพระครูสุวัฒนาภรณ์ เจ้าอาวาสวัดนาทวี / รองเจ้าคณะจังหวัดสงขลา และเกจิดังภาคใต้ ให้เป็นที่ปรึกษา ด้านศาสนา ,การศึกษา และ วัฒนธรรม เนื่องจากพระครูสุวัฒนาภรณ์ มีความสามารถและได้มีผลงานปรากฏมากมาย เช่น การพหุสังคม โดยใช้หลักศาสนาในการความเชื่อที่ถูกต้องเพราะทุกศาสนามีแต่เมตตา อภัย ให้โอกาสและเน้นถึงความจงรักภักดีต่อสถาบันชาติศาสนาพระมหากษัตริย์ พร้อมทั้งให้ชาวไทย และชาวไทยมุสลิมทำกิจกรรมเพื่อเป็นประโยชน์ร่วมกัน สร้างความรักความสามัคคีทั้งมุสลิมและไทยให้อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข

ด้านการศึกษา ก็ได้มีการมอบทุนการศึกษาให้โรงเรียนต่าง ๆ ภายในอำเภอนาทวี และอำเภอใกล้เคียง มีการส่งเสริมวันสำคัญ ๆ ทางพุทธศาสนา จัดให้มีการเวียนเทียน และปฏิบัติธรรม นำศีล 5 ข้อ สอนให้ประชาชนนำไปปฏิบัติ ชีวิตจะมีแต่ความสุขความเจริญ พระครูสุวัฒนาภรณ์ ยังเป็นนักพัฒนาวัดที่สามารถพัฒนาวัดนาทวี จนทำให้ประชาชนหันหน้าเข้าวัดทำบุญ และร่วมทำโครงการต่าง ๆ ด้วยความเต็มใจ ที่สำคัญพระครูสุวัฒนาภรณ์ ยังเคยเกลี้ยกล่อมผู้หลงผิดให้กลับใจเข้ามามอบตัวกับเจ้าหน้าที่รัฐ จนเป็นข่าวดังเมื่อลายปีก่อน และยังมีความคิดสร้างสรรค์ และมองถึงอนาคตว่าจะต้องพัฒนาอย่างไร

วันนี้ จึงทำให้พระครูสุวัฒนาภรณ์ ได้รับการแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษาของแม่ทัพภาคที่ 4 ในครั้งนี้พร้อมกับพระภิกษุอีก 5 รูป ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้และ 4 อำเภอของจังหวัดสงขลา


ภาพ/ข่าว  นายปรีชา สถิตเรืองศักดิ์ / หาดใหญ่ จ.สงขลา

ผวา เจอแก๊งเงินกู้ขู่ทวงดอกเบี้ยโหด ล่าสุดรถซาเล้งเครื่องมือทำกินหาย สงสัยถูกตามมายึด หวันไม่ปลอดภัย โร่แจ้งความ ตร.

โควิด-19 เชื้อโรคร้ายทำลายเศรษฐกิจ พ่นพิษหนักทุกหย่อมหญ้า แม่ค้ากาแฟได้รับผลกระทบ หันหน้ากู้เงินด่วนนอกระบบ จากนายทุนหลายเจ้า ด้วยอัตราดอกเบี้ยสุดหฤโหด ก้มหน้าชงกาแฟหาเงินใช้หนี้ไม่พอชำระ เจอตามทวงไม่กล้าออกทำมาหากิน สุดท้ายซาเล้ง เครื่องมือหาเลี้ยงชีพหาย สงสัยเจ้าหนี้ยกพวกยึด รีบแจ้งความเป็นหลักฐาน หวังได้ซาเล้งขายกาแฟคืน

เมื่อเวลา 01.30 น.วันที่ 24 พฤษภาคม 2564 นางกาญจน์ธิดา รชตพงศ์วิทย์ อายุ 43 ปี แม่ค้ากาแฟ ได้เดินทางเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับ ร.ต.ท.รัชพล แสงสี รองสว.สอบสวน สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี หลังรถจักรยานยนต์ซาเล้งสูญหายไป จากบ้านเช่า ภายในซอยวัดบุญกัญจนาราม ม.11 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ซึ่งตนเองสงสัยว่าจะเป็นการกระทำของเจ้าหนี้เงินกู้นอกระบบ ที่เอารถซาเล้งที่ใช้ทำมาหากินเลี้ยงชีพของตนเองไป

นางกาญจน์ธิดา ได้เปิดเผยว่าก่อนหน้านี้ตนเอง ได้รับผลกระทบจากปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้เมืองพัทยาซึ่งเป็นแหล่งทำมาหากิน ไม่มีนักท่องเที่ยว เศรษฐกิจจึงอยู่ในสภาวะวิกฤต เมื่อรายได้ไม่พอจุลเจือครอบครัว จึงได้ตัดสินใจกู้เงินจากแก๊งเงินกู้นอกระบบ ซึ่งตนเองตกลงกู้เงินนอกระบบไปหลายเจ้า เมื่อประสบปัญหาหนัก รายได้ที่ขายของแต่ละวันไม่เพียงพอที่จะส่งดอกให้กับเหล่าเจ้าของเงินทั้งหลาย จึงทำให้ตนเองต้องคอยหลบซ่อนตัวจากแก๊งทวงเงิน เพราะเกรงว่าจะได้รับอันตราย

ซึ่งก่อนหน้านี้ตนเองก็ได้เจรจาขอลดค่าดอกเบี้ย จนเหลือวันละ 100 บาท แต่มีบางเจ้าที่ไม่ยินยอมตามคำขอ ทั้งยังทวงและด่าทออย่างรุนแรง พร้อมยื่นคำขาดจะต้องส่งวันละ 500 เท่านั้น หากไม่ส่งก็จะต้องตามมายึดทรัพย์สิน แต่ตนเองก็ไม่สามารถหาเงินมาส่งดอกเบี้ยสุดหฤโหดได้ตามที่ตกลง จึงต้องหนีไปหลบซ่อนตัวอยู่ที่อื่น ไม่กล้าออกไปขายของตามปกติ และจะต้องรอให้สามีมารับถึงจะกล้ากลับเข้าห้องพัก

กระทั่งช่วงดึกที่ผ่านมาเมื่อกลับถึงห้องพัก ได้ตรวจสอบก็พบว่ารถซาเล้งขายกาแฟ เป็นรถจยย.ยี่ห้อเวฟ 125 ไอ สีขาว หมายเลขทะเบียน 1 กญ 362 ชลบุรี  ได้สูญหายไป จึงพากันมาแจ้งความร้องทุกข์ โดยตั้งขอสงสัยว่าต้องเป็นฝีมือของแก๊งเงินกู้อย่างแน่นอน เพราะแก๊งเงินกู้ได้ส่งไลน์ มาข่มขู่ไว้ก่อนหน้านี้ ตนเองไม่รู้จะไปพึ่งใคร จึงต้องรีบพากันมาแจ้งความ หวังว่าจะได้ซาเล้งขายกาแฟเลี้ยงชีพคืน นอกจากนี้ยังสร้างหวาดกลัว เพราะเกรงว่าจะได้รับอันตรายหากเจอกับแก๊งเงินกู้ จึงต้องเดินทางมาแจ้งความร้องทุกข์ไว้เป็นหลักฐานดังกล่าว


ภาพ/ข่าว  นิราช / นันทพล ทิพย์ศรี ก012 ชลบุรี

สุโขทัย - ผู้ว่าฯ สุโขทัย เยี่ยม Young Smart Farmer (เกษตรกรรุ่นใหม่) ทำเกษตรในพื้นที่จำกัดมีรายได้ทั้งปี

Young Smart Farmer (YSF) อำเภอเมืองสุโขทัย นำแนวคิดจากการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ระหว่างเครือข่าย YSF สุโขทัย ปรับพื้นที่ 2 ไร่ กว่าๆ ทำเกษตรแบบผสมผสาน ใช้พื้นที่น้อย มีผลผลิตทั้งปี แถมมีรายได้อย่างต่อเนื่อง

นายวิรุฬ พรรณเทวี ผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย พร้อมด้วย นายเนตร สมบัติ เกษตรจังหวัดสุโขทัย และคณะลงพื้นที่อำเภอเมืองสุโขทัย เยี่ยมแปลงเกษตรผสมผสานของ นางสาวชรินทร สัพลักษณ์ รองประธาน Young Smart Farmer (เกษตรกรรุ่นใหม่) ของจังหวัดสุโขทัย ณ หมู่ที่ 6 ตำบลบ้านหลุม อำเภอเมืองสุโขทัย จังหวัดสุโขทัย ซึ่งเป็นจุดเรียนรู้ด้านเกษตรผสมผสาน ปลูกพืชหลากชนิด ทั้งพืชผัก ไม้ผล พืชหลักทีทำรายได้ คือ ผักหวานอินทรีย์ ขายทั้งยอดผักหวาน และเพาะเมล็ดขาย  แปลงผักกุ่ยช่าย ผลิตทั้งกุ่ยช่ายเขียว และกุ่ยช่ายขาว ทำแบบประณีต เพิ่มมูลค่าด้วยการบรรจุหีบห่อ เพื่อให้การขนส่งจากแหล่งผู้ผลิตไปให้ยังแหล่งผู้บริโภค หรือแหล่งที่ใช้ประโยชน์ คงสภาพตลอด ให้ปลอดภัย และรักษาคุณภาพให้ได้มากที่สุด ซึ่งกุ่ยช่ายขาว มีราคาขายที่สูงกว่า กุ่ยช่ายเขียวถึงหนึ่งเท่าตัว นอกจากนี้ยังมี ไม้ผล เช่น มะม่วง ส้มโอ มะละกอ ลิ้นจี่ เป็นต้น

นางสาวชรินทร สัพลักษณ์ เล่าว่ามีความสุขที่ได้เห็นผลผลิตในแปลงที่ตนเองได้ลงมือทำเอง  เริ่มต้นจากแนวคิดว่ามีที่ทำกินน้อยจะทำอย่างไรจึงจะพึ่งพาตนเองได้ และมีสุขภาพดี ครอบครัว มีความสุข จึงเริ่มจากปลูกในสิ่งที่ชอบ วางแผนการปลูกพืชให้มีกินตลอดทั้งปี โดยทำแบบพอเพียงก่อน ทำน้อยได้มาก ปลอดจากสารพิษ ( ไม่ใช้สารเคมี ) ปลูกพืชที่เป็นอาหารประจำวัน ถ้ามีเหลือกินจึงเอาไปขาย สิ่งสำคัญของการทำเกษตร คือ เรียนรู้จากธรรมชาติ ใช้ทรัพยากร ดิน น้ำ พืช อย่างมีคุณค่า โดยจะมีการปรับปรุง บำรุงดิน ฟื้นฟูและเสริมธาตุอาหารให้กับดิน  ใช้โซล่าเซลล์เป็นแหล่งพลังงานสะอาดในเรื่องน้ำให้พืชผัก การพักต้นพืชหลังจากให้ผลผลิตเต็มที่แล้ว คืนความอุดมสมบูรณ์ให้กับต้นพืช  เป็นการทำเกษตรแบบประณีต แบบพึ่งพิงธรรมชาติและคืนความสมบูรณ์กลับสู่ธรรมชาติ ให้ความสำคัญกับความใส่ใจใทรัพยากรธรรมชาติเป็นหลัก


ภาพ/ข่าว  พงศ์เทพ สาคร สุโขทัย

กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดเชียงราย จัดตั้งกองบังคับการสกัดกั้นแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองผิดกฎหมาย ที่อาคารออกหนังสือผ่านแดน อ.แม่สาย จังหวัดเชียงราย

เมื่อ 22 พ.ค.64 นายประจญ ปรัชญ์สกุล ผวจ.ชร./ผอ.รมน.จังหวัดเชียงราย เดินทางมาตรวจเยี่ยมกองบังคับการสกัดกั้นแรงงานต่างด้าวฯ พร้อมทั้งได้จัดประชุมเพื่อมอบนโยบาย ให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการสกัดกั้นการข้ามแดนโดยผิดกฎหมาย ณ ห้องประชุมที่ว่าการอำเภอแม่สาย โดยมี พ.อ.กิตติพล ไพรหิรัญ รอง ผอ.รมน.จังหวัด ช.ร.(ท.), พ.อ.พักตร์พงษ์ เงสันเที๊ยะ หน.กลุ่มงานนโยบายแผนและการข่าวฯ/หัวหน้าชุดประสานงานฯ , นายประสงค์ หล้าอ่อน นอ.แม่สาย, ท้องถิ่น/ท้องที่ ให้การต้อนรับและมีผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมการประชุมประกอบด้วย

1) ที่ทำการปกครองจังหวัดเชียงราย

2) กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดเชียงราย

3) สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงราย

4) สำนักงานจัดหางานจังหวัดเชียงราย

5) หน่วยข่าวกรองทางทหาร กองกำลังผาเมือง

​​6) หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารม้าที่ 3 กองกำลังผาเมือง

​​​7) ด่านศุลกากรแม่สาย

​​​8) สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองแม่สาย

​​​9) ที่ทำการปกครองอำเภอแม่สาย

​​​10) สำนักงานสาธารณสุขอำเภอแม่สาย

​​​11) ตำรวจภูธรจังหวัดเชียงราย

​​​12) สถานีตำรวจภูธรแม่สาย

​​​13) กองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 327 อำเภอแม่จัน

​​​14) หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง เขตเชียงราย

15) หน่วยประสานงานชายแดนไทย-เมียนมา เขตพื้นที่ 1

หลังจากนั้นได้เยี่ยมหน่วย ณ ที่ตั้ง บก.สกัดกั้นแรงงานต่างด้าวฯ ภายในอาคารออกหนังสือผ่านแดน อ.แม่สาย จว.ช.ร. พร้อมรับฟังบรรยายสรุป จาก กอ.รมน.จังหวัด ช.ร.

อินเตอร์ลิงค์ ลุยเจาะตลาดภาคใต้ จัดสัมมนาออนไลน์ อัปเดตโซลูชั่น สายสัญญาณและอุปกรณ์เชื่อมต่อ

คุณสมบัติ อนันตรัมพร ประธาน กลุ่ม อินเตอร์ลิ้งค์ฯ จัดสัมมนา Total Cabling & Networking Solution ให้กับกลุ่มลูกค้าจากภาคใต้กว่า 140 คน พร้อมนำทีมวิทยากรชั้นนำมา Update Solution สายสัญญาณและอุปกรณ์การเชื่อมต่อ ที่จะเข้ามาช่วยต่อยอดธุรกิจแก่กลุ่มลูกค้าภาคใต้โดยเฉพาะ Live จากสนง.ใหญ่ อินเตอร์ลิ้งค์ กรุงเทพฯ

คืบหน้า หมูไทยไปไม่ถึงเวียตนาม เรือเกิดจมหมูตายเกลื่อน แรงงานกัมพูชาเก็บไปทำอาหารหลังเรือจม

คืบหน้ากรณีเรือขนสุกรส่งประเทศเวียตนาม เกิดล่มชายฝั่ง สุกรตายลอยเกลื่อนทะเล ต.หาดเล็ก อ.คลองใหญ่ จ.ตราด ตามข่าวที่เสนอไปแล้วนั้น บ่ายวันนี้ทั้งไต๋เรือ คนงาน ช่วยกันเก็บซากสุกรขึ้นเรือ เพื่อนำกลับไปประเทศกัมพูชา แต่จะส่งไปขายประเทศเวียตนามได้หรือไม่ ก็ต้องตรวจซากสุกรทั้งหมดอีกครั้ง โดยมีอาสาสมัครสมาคมสว่างบุญช่วยเหลือธรรมสถานตราดเขตอำเภอคลองใหญ่ นำโดยนายอาทิตย์ หนองแพ รองประธานเขตอาสาสมัครสมาคมสว่างบุญช่วยเหลือธรรมสถานตราดเขตคลองใหญ่พร้อมด้วยอาสาสมัครได้นําเรือตรวจการณ์มาช่วยอำนวยความสะดวกการเก็บซากสุกรดังกล่าวด้วย

ซึ่งการเก็บซากสุกร ไม่มีเจ้าหน้าที่ราชการมาตรวจสอบแต่อย่างไร มีเรือประมงขนาดเล็กของชาวบ้านนำเรือไปช่วยขนลำเลียงซากสุกรขึ้นฝั่ง เพื่อรอขนถ่ายลงเรือชาวกัมพูชา นำกลับไปประเทศกัมพูชา ซึ่งไต๋เรือขนสุกร ไม่เปิดเผยตัว โดยแหล่งข่าวรายหนึ่งเล่าให้ฟังว่า เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 20 ที่ผ่านมา เรือบรรทุกสุกรของพ่อค้ากัมพูชา มาจอดเทียบท่าเรือ เพื่อรอสุกรฝั่งไทย เพื่อนำลงเรือข้ามไปยังฝั่งกัมพูชา หลังนำสุกรลงเรือเรียบร้อย เรือก็ออกจากท่าไปได้ไม่ไกล เรือเกิดล่ม ทำให้สุกรจำนวน 200 ตัว ที่อยูใต้ท้องเรือ และถูกขังอยู่ในกรงเหล็ก จมน้ำตายเกลื่อนทะเล โดยแหล่งข่าวเปิดเผยว่าเรือที่จมน่าจะเกิดจากการบรรทุกสุกรเกินน้ำหนัก โดยเรือที่บรรทุกมีความยาวประมาณ 5 วา กว่า ซึ่งอาจจะเป็นสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุในครั้งนี้ สำหรับสุกรทั้งหมดอยู่ระหว่างนำส่งลูกค้าที่ประเทศเวียตนาม เรือเกิดพลิกตะแคง น้ำเข้าเรือจนและสุกรตายเกือบหมด เหลือที่รอดตายเพียง 1 ตัวเท่านั้น

ผู้ดูแลการขนส่งสุกรชาวกัมพูชา บอกว่าสุกรทั้งหมด จะต้องนำไปไว้ที่กัมพูชาเสียก่อน ต้องตรวจสอบอีกครั้งว่าจะนำส่งไปประเทศเวียตนามได้ไหมจะยังใช้บริโภคได้ไหม อาจจะต้องนำไปทิ้งหรือนำไปทำอย่างอื่นในกัมพูชา เพราะจ่ายเงินไปเรียบร้อยแล้ว สำหรับเรือที่จมอยู่ ต้องรอทีมงานกู้เรือ มาทำการกู้เรืออีกครั้ง ขณะเดียวกันชาวบ้านใกล้ที่เกิดเหตุเล่าว่าช่วงค่ำที่ผ่านมา แรงงานกัมพูชาหลายคนที่มาทำงานอยู่บ้านคลองสน พากันไปเก็บซากสุกรที่จมน้ำ ไปทำอาหารกินกัน ล่าสุดพบสุกรตายทั้งหมด 199 ตัว ซึ่งผู้ดูแลบอกว่าไม่เอาเรื่องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ที่เหลือจะนำกลับไปประเทศกัมพูชาต่อไป


ภาพ/ข่าว วิเชียร ม่วงสี ผู้สื่อข่าว จ.ตราด

นายพรเทพ เขม้นเขตวิทย์ รายงานจากศูนย์ข่าวภาคตะวันออก

ตม.จว.ชุมพร จับกุมขบวนการขนแรงงานต่างด้าวสัญชาติเมียนมาหลบหนีเข้าเมือง โดยใช้รถนำ

ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เรื่องการควบคุมกำกับดูแลชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักอาศัยหรือเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. มอบหมายให้ สตม. ดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ หรือกลุ่มคนร้ายข้ามชาติที่เข้ามาแฝงตัวอยู่ก่อเหตุกับคนไทยหรือชาวต่างชาติ โดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด

สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดย พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. พร้อมด้วย พล.ต.ต.สิทธิชัย โล่กันภัย รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.สุเมธ เมฆขจร ผบก.ตม.6 พ.ต.อ.สัญชัย โชคขยายกิจ, พ.ต.อ.ไพรัช พุกเจริญ, พ.ต.อ.ศุภชัชจ์ เปี่ยมมนัส, พ.ต.อ.ภาณุภาคยณ์ จิตต์ประยูรตี รอง ผบก.ตม.6 และ พ.ต.ท.ชนกฤดิ พงษ์ศิริ สวญ.ตม.จว.ชุมพร พร้อมด้วย พ.ต.ต.สันติ มณีรัตน์ สว.ตม.จว.ชุมพร ร่วมแถลงข่าวการจับกุมคดีที่น่าสนใจ ดังนี้

พ.ต.ท.ชนกฤดิ พงษ์ศิริ สวญ.ตม.จว.ชุมพร พร้อมด้วย พ.ต.ต.สันติ มณีรัตน์ สว.ตม.จว.ชุมพร นำกำลังเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ตม.จว.ชุมพร สนธิกำลัง สภ.ปะทิว และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ร่วมกันจับกุม นายสุธะ อายุ 51 ปี สัญชาติไทย ในความผิดฐาน “ร่วมกันช่วยเหลือ ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใด ๆ ให้คนต่างด้าวที่เข้าเมืองโดยผิดกฎหมายพ้นจากการจับกุม” และนายอาซะ อายุ 44 ปี สัญชาติเมียนมา พร้อมพวกรวม 11 คน ในความผิดฐาน “เป็นบุคคลต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต” “ความผิดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ และ พ.ร.บ.โรคติดต่อฯ กรณีแรงงานต่างด้าวข้ามเขตจังหวัดโดยไม่ได้รับอนุญาต” โดยสามารถจับกุมได้ที่ บริเวณวัดถ้ำเขาพลู หมู่ที่ 3 ต.ชุมโค อ.ปะทิว จว.ชุมพร

พฤติการณ์ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ปะทิว ภ.จว.ชุมพร ได้รับแจ้งว่า มีรถนำบุคคลต่างด้าวมาปล่อยทิ้งไว้ที่ศาลาหลังเมรุ ภายในวัดถ้ำเขาพลู อ.ปะทิว จว.ชุมพร จึงพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง และเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ตม.จว.ชุมพร ร่วมตรวจสอบ พบเป็นคนต่างด้าวสัญชาติเมียนมา จำนวน 11 คน ไม่มีหนังสือเดินทางหรือเอกสารประจำตัวบุคคลต่างด้าวที่ถูกกฎหมายมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ จากนั้นเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ตม.จว.ชุมพร จึงได้ออกติดตามรถที่ขนแรงงานต่างด้าวมาปล่อยทิ้งไว้ จนกระทั่งสามารถสกัดจับรถขนกระเป๋าสัมภาระได้ 1 คัน บริเวณถนนสายปากคลอง-บางสะพานน้อย (รอยต่อระหว่างจว.ชุมพร - จว.ประจวบคีรีขันธ์)

โดยร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บ้านมาบอำมฤต ภ.จว.ชุมพร จากการตรวจสอบพบว่า เป็นรถกระบะสีน้ำตาล มีหลังคาปิดหลังกระบะทะเบียนเลย โดยมีนายสุธะ อายุ 51 ปี เป็นผู้ขับขี่ และพบกระเป๋าสัมภาระ 11 ใบ จึงได้ทำการตรวจยึดไว้และนำมาตรวจสอบพบว่าเป็นกระเป๋าของคนต่างด้าวที่ถูกนำมาปล่อยทิ้งไว้ทั้ง 11 คน สอบถามนายสุธะ ผู้ต้องหา ให้การรับว่ารับจ้างขนกระเป๋าสัมภาระของแรงงานต่างด้าวทั้ง 11 คน โดยรับมาจากบริเวณป่าริมถนนแถว ต.ควนมีด อ.จะนะ จว.สงขลา ได้ออกมาจาก จ.สงขลา โดยใช้เส้นทางถนนสายหลัก เอเชีย 41 และถนนเพชรเกษมมุ่งหน้า จว.ประจวบคีรีขันธ์ เมื่อมาถึงบริเวณ อ.ท่าแซะ จว.ชุมพร ได้เลี้ยวขวาเข้ามาทาง อ.ปะทิว จว.ชุมพร เพื่อจะวิ่งบนถนนสายรอง ไปยัง จว.ประจวบคีรีขันธ์ และเมื่อไปถึงบริเวณ ต.ปากคลอง อ.ปะทิว จว.ชุมพร ได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเรียกตรวจสอบและจับกุมไว้ได้

การขยายผล จากการสอบสวนเบื้องต้นพบว่าบุคคลต่างด้าวสัญชาติเมียนมาทั้ง 11 คน ได้เดินทางมาจากประเทศมาเลเซีย เพื่อต้องการจะกลับประเทศเมียนมาทางชายแดน อ.แม่สอด จว.ตาก โดยเสียค่าเดินทางให้กับนายหน้าจากประเทศมาเลเซีย เป็นจำนวนคนละประมาณ 3,200 - 3,500 ริงกิต จากนั้นจะมีรถรับพวกตนมาเป็นทอด ๆ โดยการลักลอบหลบหนีเข้ามาทางช่องทางธรรมชาติ ไม่ทราบแน่ชัดว่าเป็นบริเวณใด แต่ได้มีการนั่งเรือหางยาวข้าม ลำน้ำใช้เวลาประมาณ 1 นาที จากนั้นก็มีรถยนต์กระบะมารับพวกตนเป็นทอด ๆ โดยครั้งสุดท้ายก่อนถูกจับกุมได้ขึ้นรถกระบะชนิดตอนครึ่งและนั่งเบียดเสียดกันมาอยู่ด้านหน้ารถทั้งหมด และมีรถกระบะอีกคันทำหน้าที่ขนกระเป๋าสัมภาระ จนกระทั่งถูกนำมาปล่อยทิ้งไว้ ณ ที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่จึงได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณใกล้เคียงทราบว่า รถกระบะคันที่ขนแรงงาน เป็นรถกระบะสีขาวทะเบียนนครราชสีมา นายสุธะ ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมได้ ให้การรับว่ารถทั้ง 2 คัน ได้แวะเติมน้ำมันที่ปั๊มน้ำมันบางจาก ริมถนนสายเอเชีย 41 (ขาขึ้น) อ.ละแม จว.ชุมพร ก่อนที่จะถูกตรวจค้นและจับกุม

จากการสืบสวนและตรวจสอบกล้องวงจรปิดตลอดเส้นทางก่อนมาถึงที่เกิดเหตุพบรถกระบะที่นายสุธะ ผู้ต้องหา ขับนำหน้ารถกระบะที่ขนแรงงานต่างด้าวทั้ง 11 คน เพื่อดูเส้นทางตลอดระยะทางกว่า 100 กม. เมื่อเข้าเขต จว.ชุมพร นั้น เชื่อได้ว่า นายสุธะ ผู้ต้องหาที่จับกุมได้ มีพฤติการณ์ร่วมกันกับผู้ต้องหาอีกคนให้การช่วยเหลือ ซ่อนเร้น แก่แรงงานต่างด้าวที่หลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายเพื่อให้พ้นจากการจับกุม โดยการนำพาคนต่างด้าวจากจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อจะนำไปส่งยังจุดหมายตามที่ได้รับการว่าจ้าง ซึ่งจากกการซักถามปากคำนายสุธะ ผู้ต้องหา ยังพบข้อมูลการติดต่อทางโทรศัพท์และการโอนเงินทางบัญชีของนายสุธะ ซึ่งจะได้ทำการสืบสวนขยายผลหาตัวผู้ร่วมกระทำผิดต่อไป ในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนผู้ต้องหายังให้การปฏิเสธ

สตม. ขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิดในด้านต่าง ๆ รวมทั้งดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศชาติ หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง

สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เลขที่ 507 ซ.สวนพลู แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร 10120 หรือที่หมายเลขโทรศัพท์ 1178 หรือที่ www.immigration.go.th จะขอบพระคุณอย่างยิ่ง

ชลบุรี - สงขลา - ด่วน เรือเฟอร์รี่ ชลบุรี-สงขลา เที่ยวแรกเทียบท่าแล้วไร้ปัญหา เตรียมเปิดให้บริการ 21 พ.ค.นี้

ทดสอบเที่ยวแรก เรือเฟอร์รี่เส้นทางชลบุรี-สงขลา ล่าสุดเข้าเทียบท่าที่ จ.สงขลา แล้ววันนี้ เผยใช้เวลาวิ่งแค่ 18-20 ชม. และไร้ปัญหา ตั้งเป้าเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการเที่ยวแรก 21 พ.ค.นี้

“เรือเฟอร์รี่ ดิ บลู ดอลฟิน” ของบริษัท ซี ฮอร์ส เฟอร์รี่ จำกัด ซึ่งเป็นเรือที่จะเปิดให้บริการขนส่งทางทะเล เส้นทาง ชลบุรี-สงขลา ซึ่งเป็นเส้นทางใหม่ ได้เข้าจอดเทียบท่าที่บริเวณท่าเทียบเรือประทีปซีแลนด์ คอนสตรัคชั่น ถนนแหล่งพระราม เขตเทศบาลนครสงขลาแล้ว โดยเป็นการทดลองเดินทางครั้งแรกของเรือลำนี้ เส้นทางชลบุรี-สงขลา เพื่อเช็คเส้นทางเดินเรือ ทดสอบการเดินเรือ และการเข้าจอดเทียบท่า เพื่อให้มีความพร้อมที่สุด และแก้ไขปัญหาต่าง ๆ โดยตามแผนจะเปิดให้บริการในวันที่ 21 พ.ค.นี้ จาก จ.ชลบุรี มายัง จ.สงขลา

นายพิพัฒน์ชัย จันทร์เรือง หัวหน้าฝ่ายการตลาด บริษัท ซี ฮอร์ส เฟอร์รี่ จำกัด กล่าวว่า ในวันนี้เป็นการทดสอบการเดินเรือ วิ่งจากสัตหีบมาที่ จ.สงขลา หากเป็นไปตามแผนที่วางไว้ก็จะเริ่มเปิดให้บริการได้ ตั้งแต่วันที่ 21 พ.ค.นี้ เส้นทางชลบุรี-สงขลา ซึ่งจะตรวจสอบความพร้อมทุกอย่าง รวมถึงผู้ประกอบการ และจะประกาศให้ทราบอีกครั้ง ทางเว็บไซต์ของบริษัทฯ

โดยเรือลำนี้ สามารถบรรทุกรถ 10 ล้อได้ 60 คัน และรถเก๋งอีก 20 คัน ผู้โดยสาร 586 คน และในเรือก็จะมีทั้งห้องอาหาร และที่พัก ซึ่งเรือลำนี้จะมาช่วยทั้งด้านเศรษฐกิจ และการท่องเที่ยวของ จ.สงขลา และ จ.ชลบุรี โดยเฉพาะในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ส่วนค่าโดยสารกำลังอยู่ระหว่างการขออนุญาตจากกรมเจ้าท่า และจะประกาศผ่านทางเว็บไซต์ให้ทราบรายละเอียดอีกครั้ง โดยเรือลำนี้สามารถโต้คลื่นได้ขนาด 5-10 เมตรได้อย่างสบาย จึงมั่นใจในความปลอดภัยในการเดินทาง

สำหรับรายละเอียดของ “เรือเฟอร์รี่ ดิ บลู ดอลฟิน” ของบริษัท ซี ฮอร์ส เฟอร์รี่ จำกัด มีขนาด 7,003 ตันกรอส ความยาว 136.6 เมตร ความเร็ว 17 น็อต หรือ 31.48 กิโลเมตรต่อชั่วโมง รองรับรถบรรทุกได้ประมาณ 60 คัน รถยนต์ส่วนตัว 20 คัน ผู้โดยสารประมาณ 586 คน จะใช้เวลาในการเดินทางจากท่าเรือจุกเสม็ด หรือท่าเรือพาณิชย์สัตหีบ จ.ชลบุรี ถึง จ.สงขลา ระยะเวลาเพียง 18-20 ชั่วโมง ซึ่งเร็วกว่าทางรถยนต์ที่ใช้เวลาเดินทางประมาณ 23-24 ชั่วโมง ทั้งยังรองรับการขนส่งในอนาคตด้วย

โดย “เรือเฟอร์รี่ ดิ บลู ดอลฟิน” มีสิ่งอำนวยความสะดวก ทั้งห้องพัก โซนอาหารและเครื่องดื่ม เหมือนเรือท่องเที่ยวกึ่งเรือสำราญ ซึ่งได้รับการตรวจรับรองความปลอดภัยจากกรมเจ้าท่าแล้ว เมื่อวันที่ 12 มี.ค.ที่ผ่านมา และคนประจำเรือได้รับการฝึกอบรมตามข้อกำหนด มีความพร้อมในการปฏิบัติงาน การคมนาคมขนส่งทางน้ำ ในเส้นทางนี้ จะเป็นประโยชน์ในการเชื่อมโยงระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC เข้ากับระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ หรือ SEC ช่วยเพิ่มศักยภาพของการขนส่งทางน้ำ ลดต้นทุน และอุบัติเหตุจากการขนส่งทางบก และลดปัญหามลพิษฝุ่นละออง PM2.5


ภาพ/ข่าว  นิราช / นันทพล ทิพย์ศรี รายงาน

เชียงใหม่ - ผู้ช่วย ผบ.ตร. เป็นผู้แทน ตร. เดินทางมาประชุมเพื่อรับทราบสถานการณ์ และแผนการสกัดกั้นคนต่างด้าวลักลอบหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย และการบริหารจัดการวัคซีนให้แก่ข้าราชการตำรวจในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่

วันที่ 21 พ.ค.64  เวลา 10.30 น. ด้วย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. มีความห่วงใยข้าราชการตำรวจที่ต้องปฏิบัติหน้าที่เสี่ยงต่อการต่อเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 จึงได้สั่งการให้ พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ ที่ปรึกษาพิเศษ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ /ประธานคณะทำงานการจัดหาและฉีดวัคซีนฯ พิจารณาจัดสรรวัคซีนเป็นพิเศษ เพิ่มเติมจากที่ได้รับการจัดสรรจากสาธารณสุขจังหวัด ให้แก่ข้าราชการตำรวจในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่  ซึ่งเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดนั้น

พล.ต.ท.ชินภัทร สารสิน ผู้ช่วย ผบ.ตร. เป็นผู้แทน ตร.เดินทางมาประชุมเพื่อรับทราบสถานการณ์และแผนการสกัดกั้นคนต่างด้าวลักลอบหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย และการบริหารจัดการวัคซีนให้แก่ข้าราชการตำรวจในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่  พร้อมทั้งเป็นตัวแทน ตร. มอบวัคซีนจำนวน 3,200 โดส เพื่อฉีดให้แก่ข้าราชการตำรวจทุกหน่วยในจังหวัดเชียงใหม่ โดยมอบหมายให้โรงพยาบาลดารารัศมี เป็นผู้รับผิดชอบในการดำเนินการฉีดให้ข้าราชการตำรวจในโอกาสต่อไป

โดยมี พล.ต.ต.บัณฑิต ตุงคะเศรณี รอง ผบช.ภ.5 รรท. ผบช.ภ.5, พล.ต.ต.พิเชษฐ  จีระนันตะสิน ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ , พล.ต.ต.หญิง พิมพรรณ ทรัพย์ขำ ผบก.รพ.ดร. และข้าราชการตำรวจในสังกัด ภ.จว.เชียงใหม่ ร่วมประชุมและรับมอบวัคซีน ณ ห้องประชุม 4 ตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่

ตราด - ผู้นำชุมชนบ้านบางเบ้า ร่วมมือหลายภาคส่วน รื้อถอนเศษซากเสาปูนที่ตั้งโด่เด่ในทะเล

วันที่ 21 พ.ค.64 นายเติมศักดิ์ เสริฐศรี ผู้ใหญ่บ้านบางเบ้า หมู่ 1 ต.เกาะช้างใต้ อ.เกาะช้าง จ.ตราด เปิดเผยว่า ปัจจุบันตนเองพร้อมด้วย ทีมงานผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน,สารวัตรกำนัน,ผู้นำชุมชน, เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะช้าง,ผู้ประกอบการเรือนำเที่ยว,เจ้าของธุรกิจต่างๆในชุมชนบ้านบางเบ้า,เจ้าของธุรกิจเรือนำเที่ยวเพิ่มพูลทรัพย์ ได้ให้การสนับสนุนเรือจำนวน 3 ลำ พร้อมพนักงาน และชาวบ้านบางเบ้าอีกจำนวนหลายคน ได้ร่วมมือกันทำการรื้อถอนเสาคอนกรีต (เสาปูน) ที่ตั้งโด่เด่!จำนวนมากอยู่ในทะเลใกล้ๆกับสะพานชุมชนบ้านบางเบ้า พร้อมกับนำเรือนำเที่ยวขนาดใหญ่ดำเนินการชักลากเสาปูนและเศษซากสิ่งก่อสร้างของตัวอาคาร (อดีตโรงแรม เกาะช้างซีฮัท) โดยทางอุทยานฯเกาะช้างได้ทำการรื้อถอนตัวอาคารออกไป เมื่อช่วงปลายปี 2553 ที่ผ่านมา เนื่องจากคดีได้ถึงที่สุดตามคำพิพากษาของศาล จ.ตราด ให้มีการรื้อถอน ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เมื่อไปยืนที่สะพานบ้านบางเบ้า จะได้เห็นมีเศษซากของเสาปูน-ส่วนประกอบฐานล่างของห้องน้ำ ตั้งเรียงรายอยู่ในทะเลจำนวนมาก  

นายเติมศักดิ์ เสริฐศรี ผู้ใหญ่บ้านบางเบ้า หมู่ 1 ต.เกาะช้างใต้ กล่าวว่า การดำเนินการรื้อถอนเศษซากเสาปูนและส่วนประกอบฐานล่างของห้องน้ำ ที่ตั้งโด่เด่อยู่ในทะเลใกล้ ๆ สะพานบ้านบางเบ้าในครั้งนี้ เพื่อปรับทัศนียภาพ สิ่งแวดล้อมโดยรอบชุมชนในทะเลบ้านบางเบ้า ให้ดูสะอาดตาและสวยงามในสายตานักท่องเที่ยวและคนทั่วไป อีกทั้งยังส่งผลดีให้เรือของชาวบ้านในชุมชน สามารถวิ่งเข้า-ออกบริเวณดังกล่าวได้อย่างสะดวกสบาย เตรียมพร้อมต้อนรับเปิดฤดูกาลท่องเที่ยว หลังจากผ่านพ้นวิกฤตการระบาดของโควิด-19 โดยจะมีการใช้เรือทำการลากจูงเศษซากเสาปูนที่รื้อถอนออกทั้งหมดนำไปทำเป็นแนวปะการังเทียม แหล่งอาศัยของสัตว์น้ำ เกิดประโยชน์กับเรือประมงพื้นบ้านหรือเรือขนาดเล็กแนวชายฝั่ง พร้อมกับมีการทำค่าพิกัด GPS เพื่อเสนอต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป สำหรับการดำเนินการรื้อถอนเศษซากเสาปูนในทะเลดังกล่าว คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในระยะเวลา 2-3 วัน  


ภาพ/ข่าว วรโชติ เกาะช้าง-วิเชียร ม่วงสี ทีมข่าวภูมิภาค /รายงาน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top