Friday, 20 June 2025
THE STATES TIMES TEAM

กาฬสินธุ์ – น้องโวลต์มอบเงินบริจาค 1.2 ล้าน เข้ากองทุนช่วยรุ่นน้องเรียนดีแต่ยากจน

ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์รับมอบเงินบริจาคจากน้องโวลต์จำนวน 1.2 ล้านบาท เพื่อจัดตั้งเป็นกองทุนช่วยรุ่นน้องเรียนดีแต่ยากจนจังหวัดกาฬสินธุ์ ส่งเสริมการศึกษาให้กับเด็กนักเรียนมีความประพฤติดี เรียนเก่ง แต่ฐานะทางบ้านยากจน พร้อมกระจายทุนจำนวน 50,000 บาทต่อคนให้ครอบคลุมทั้งจังหวัด 18 อำเภอ

จากกรณีนางสาวณัฐวดี เหล่าบุบผา หรือน้องโวลต์ สอบติดคณะแพทย์ศาสตร์มหาวิทยาลัยมหาสารคามแต่ฐานะทางบ้านยากจน จึงทำการเปิดรับบริจาค เพื่อเป็นทุนการศึกษาเรียน และมีผู้ใจบุญบริจาครวมเป็น 3.7 ล้านบาท และได้ปิดบัญชี แต่กลับมีกระแสข่าวดราม่าในสื่อออนไลน์และโลกโซเซียลว่า “จนทิพย์” ซึ่งน้องโวลต์ได้ชี้แจงว่าได้ทำงานเก็บเงินตั้งแต่ ม.3 ซื้อมาด้วยตัวเอง เพราะจำเป็นต้องใช้และสิ่งของบางอย่างไม่ได้มีราคาแพง ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบก็พบว่ายากจน ก่อนที่จะมีการตั้งคณะกรรมการเข้ามากำกับดูแลเงินที่ได้รับการบริจาค และมติจัดสรรเป็นเงินในการศึกษาและน้องโวลต์ต้องการที่จะบริจาคเงินเข้ากองทุนเพื่อการศึกษาให้กับทางจังหวัดกาฬสินธุ์เป็นเงิน 1.2 ล้านบาทตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ล่าสุดเมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2564 ที่ห้องประชุมโปงลาง ชั้น 2 ศาลากลาง จ.กาฬสินธุ์ นายทรงพล ใจกริ่ม ผู้ว่าราชการ จ.กาฬสินธุ์ นายพิชัย ส่งสุขเลิศสันติ ปลัด จ.กาฬสินธุ์ ดร.เพิ่มพูล พงษ์พวงเพชร ศึกษาธิการ จ.กาฬสินธุ์ นายสมเจตน์ เต็งมงคล นายอำเภอเมืองกาฬสินธุ์ นายเทอดเกียรติ ขันธ์พิมูล ผู้อำนวยการโรงเรียนกาฬสินธุ์พิทยาสรรพ์ พร้อมด้วยคณะกรรมการที่เกี่ยวข้อง และนางสาวณัฐวดี เหล่าบุบผา หรือ น้องโวลต์ ประชุมร่วมกัน โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์เป็นประธาน มีนายอำเภอเมืองกาฬสินธุ์กล่าวรายงานแจงรายละเอียดสรุปมติจากการประชุมของคณะกรรมการที่จัดตั้งขึ้นมาเพื่อกำกับดูแลเงินบริจาคจากผู้ใจบุญที่โอนผ่านบัญชีน้องโวลต์

โดยคณะกรรมการมีมติจัดสรรดังนี้ 1. เป็นค่าใช้จ่ายในการศึกษาตลอดหลักสูตรการเรียน 6 ปี จำนวน 1.7 ล้านบาท 2. ค่าใช้จ่ายในการศึกษาระดับที่สูงขึ้น และค่าใช้จ่ายอันอาจเกิดขึ้นระหว่างการศึกษา จำนวน  8 แสนบาท ซึ่งเพียงพอแล้วกับการเรียน และ 3.มอบให้กับทางจังหวัดกาฬสินธุ์ เพื่อเป็นทุนการศึกษาให้กับผู้ขาดแคลนทุนทรัพย์ จำนวน 1.2 ล้านบาท ตามความตั้งใจของน้องโวลต์

จากนั้นนายทรงพล ใจกริ่ม ผู้ว่าราชการ จ.กาฬสินธุ์ เป็นตัวแทนรับมอบเงินจำนวน 1.2 ล้านบาทจากน้องโวลต์ พร้อมมอบนโยบายและกล่าวขอบคุณผู้ใจบุญที่บริจาคเงิน และขอบคุณในกุศลเจตนาที่ดีของน้องโวลต์ที่มีความประสงค์มอบเงินจำนวน 1.2 ล้านบาท เพื่อเข้าเป็นส่วนหนึ่งของกองทุน เพื่อการศึกษาให้กับผู้ที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ ช่วยรุ่นน้องเรียนดีแต่ยากจน ซึ่งทางจังหวัดกาฬสินธุ์ มีนโยบายที่จะจัดต้องกองทุนเพื่อการศึกษามุ่งหวังให้กับนักเรียนที่เรียนดีประพฤติดีแต่ฐานะทางบ้านยากจนให้คลอบคุมทั้ง 18 อำเภอ จำนวนทุนละ 50,000 บาท ต่อคน ต่อปี ตามหลักสูตรที่ผู้ได้รับทุนเข้าเรียนโดยไม่จำกัดสาขาวิชาที่เรียน แต่ต้องมีความประพฤติที่ดี มีผลการศึกษาต่อเทอมที่ดี เพื่อพิจารณามอบทุนอย่างต่อเนื่องต่อไป

นายทรงพล ใจกริ่ม ผู้ว่าราชการ จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า ต่อไปได้ให้แต่ละอำเภอจัดตั้งกองทุนเป็นการศึกษาให้กับเด็กนักเรียน โดยเฉพาะชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ที่จะได้เข้าเรียนในระดับอุดมศึกษาอย่างน้อยๆ 18 ทุน ตามความสามารถศักยภาพของแต่ละอำเภอ ผู้ที่ได้รับการพิจารณาทุนการศึกษานั้นต้องเป็นเด็กที่เรียนดี แต่ฐานะทางบ้านยากจนตามสาขานั้นๆตามหลักสูตรที่ได้เข้าเรียนส่งทุนการศึกษาให้ต่อเนื่องตลอดหลักสูตร หลักสูตรละ 50,000 ต่อคน ต่อปี ในแต่ละอำเภอต่างๆสามรถระดมทุน ทำเป็นผ้าป่าสามัคคีเพื่อระดมเข้ากองทุนเพื่อการศึกษา

นายทรงพล กล่าวอีกว่า สำหรับในกรณีของโวลต์ จำนวนเงินที่ได้รับบริจาคเกินกว่าความต้องการนั้น น้องโวลต์ก็มีความประสงค์ที่จะบริจาคเงินจำนวน 1.2 ล้านบาท ให้กับจังหวัดกาฬสินธุ์ เพื่อจัดตั้งเป็นกองทุนการศึกษาให้กระจายไปในแต่ละอำเภอ ขึ้นอยู่กับความพร้อมความสามารถของผู้ได้รับทุนจะเรียนสาขาวิชาใดๆก็แล้วแต่ โดยจะมีคณะกรรมการไปเป็นผู้พิจารณาคัดเลือกมอบให้กับผู้ที่ศึกษาในระดับปริญญาตรี และจะเตรียมเงินส่วนหนึ่งไว้ เพื่อเป็นทุนการศึกษาให้เรียนต่อในสาขาวิชาเฉพาะทางและให้แต่ละอำเภอเป็นผู้ติดตามผลของการศึกษาในรูปของคณะกรรมการต่อไป อย่างไรก็ตามขอขอบคุณคณะกรรมการที่กำกับดูแลในส่วนทุนการศึกษาของน้องโวลต์ทุกท่านที่ทำให้เกิดผลดีอันเป็นแนวทางที่ดีที่สุดในขณะนี้ต่อไป

ด้านนางสาวณัฐวดี เหล่าบุบผา หรือน้องโวลต์ กล่าวว่า ขอขอบพระคุณทุกท่านที่บริจาคเงินเพื่อเป็นทุนการศึกษาในคณะแพทย์ ตนจะใช้เงินที่บริจาคมาให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของผู้บริจาค และตามที่คณะกรรมการเป็นผู้กำหนดเห็นชอบและทุกการใช้จ่ายจะผ่านคณะกรรมการทั้งหมด และจะแบ่งเงินส่วนหนึ่งเพื่อมอบให้ทางจังหวัดกาฬสินธุ์ ส่งต่อไปยังน้องๆเพื่อนๆที่ประพฤติดีเรียนดี แต่มีฐานะยากจนที่ลำบากเหมือนกับตน ส่งต่อความสุขด้วยการมอบเงินเพื่อเข้ากองทุนเพื่อการศึกษา ทั้งนี้ตนยืนยันว่าจะตั้งใจเรียนให้จบตามวัตถุประสงค์ของผู้ที่บริจาคเงินมาและกลับมาพัฒนาบ้านเกิดจังหวัดกาฬสินธุ์ต่อไป

กรุงเทพฯ - มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ส่งต่อน้ำใจไทยอีกกว่า 5.6 ล้าน มอบอุปกรณ์และเครื่องมือทางการแพทย์เสริมทัพบุคลากรทางการแพทย์ สู้ภัยโควิด-19

วันนี้ (วันจันทร์ที่ 24 พฤษภาคม 2564) นายวิเชียร เตชะไพบูลย์ ประธานกรรมการมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นายสัก กอแสงเรือง รองประธานกรรมการ นางศิริกุล โอภาสวงศ์ กรรมการและเลขาธิการ พร้อมด้วย คณะกรรมการมูลนิธิฯ มอบอุปกรณ์และเครื่องมือทางการแพทย์ ในโครงการ “ส่งต่อน้ำใจไทย สู้ภัยโควิด-19” แก่โรงพยาบาล/โรงพยาบาลสนาม สังกัดสำนักการแพทย์ กรุงเทพมหานคร 20 แห่ง และกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข 3 แห่ง รวม 23 แห่ง รวมมูลค่ากว่า 5.6 ล้านบาท เพื่อใช้ในการรักษาผู้ป่วยจากการติดเชื้อไวรัสโคโรนา (โควิด-19) โดยมี นายแพทย์สุขสันต์ กิตติศุภกร ผู้อำนวยการสำนักการแพทย์ พร้อมคณะเป็นผู้รับมอบในส่วนสังกัดสำนักการแพทย์ ณ ลานสำนักงาน มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง พลับพลาไชย กรุงเทพฯ และ ผศ.พิเศษ นายแพทย์ธนินทร์ เวชชาภินันท์ ผู้อำนวยการสถาบันประสาทวิทยา พร้อมคณะ เป็นผู้รับมอบผ่านระบบออนไลน์ พร้อมกำหนดนัดหมายมอบให้กับรพ.สังกัดกรมการแพทย์อื่น ๆ เพื่อรับมอบต่อไป

อุปกรณ์และเครื่องมือทางการแพทย์ ประกอบด้วย เครื่องช่วยหายใจ จำนวน 4 เครื่อง ชุด PPE (EN 14126) หน้ากาก N95 (ยี่ห้อ 3M / 8210) หน้ากากอนามัย เจลแอลกอฮอล์ และชุดของใช้ประจำวันหรือชุดแรกรับ มอบให้กับโรงพยาบาล/โรงพยาบาลสนาม สังกัดสำนักการแพทย์ 20 แห่ง และกรมการแพทย์ 3 แห่ง รวม 23 แห่ง ประกอบด้วย รพ.กลาง รพ.สิรินธร รพ.นพรัตนราชธานี รพ.สมุทรปราการ รพ.ตากสิน รพ.เจริญกรุงประชารักษ์ รพ.หลวงพ่อทวีศักดิ์ รพ.ราชพิพัฒน์ เขตบางแค รพ.ผู้สูงอายุบางขุนเทียน รพ.เวชการุณย์รัศมิ์ รพ.ลาดกระบัง รพ.คลองสามวา รพ.บางนา ศูนย์บริการการแพทย์ฉุกเฉิน (ศูนย์เอราวัณ) รพ.สนาม เอราวัณ 1 บางบอน รพ.สนาม เอราวัณ 2 หนองจอก รพ.สนาม เอราวัณ 3 ทุ่งครุ รพ.สนาม (รพ.บางขุนเทียน) รพ.สนาม (รพ.ราชพิพัฒน์) เขตทวีวัฒนา รพ.สนาม (รพ.กลาง) Hospital โรงพยาบาลสิรินธร ( โรงแรม Elegant Airport Hotel) เขตประเวศ Hospital โรงพยาบาลตากสิน (โรงแรม บ้านไทย บูทีค) เขตบางกะปิ พร้อมกันนี้ยังได้มีการมอบเครื่องเอกซเรย์เคลื่อนที่ระบบดิจิทัลแก่สถาบันประสาทวิทยาผ่านระบบออนไลน์

สำหรับการมอบอุปกรณ์และเครื่องมือทางการแพทย์ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊งได้ริเริ่มดำเนินการมามอบมาแล้วตั้งแต่ปี พ.ศ. 2563 เป็นต้นมา โดยในครั้งแรก มูลนิธิฯ ทุ่มงบ 110 ล้านบาท มอบอุปกรณ์และเครื่องมือทางการแพทย์ที่จำเป็นแก่โรงพยาบาลที่ขาดแคลนทั้งในกรุงเทพฯ และถิ่นทุรกันดารในต่างจังหวัด รวม 37 แห่ง ทั่วประเทศ ซึ่งอุปกรณ์และเครื่องมือต่าง ๆ มูลนิธิฯ ได้ประสานโรงพยาบาลต่าง ๆ ให้แสดงความประสงค์สิ่งที่ขาดแคลน และเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องใช้อย่างเร่งด่วน หลังจากนั้นภายหลังจากเกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา (โควิด-19) มูลนิธิฯ พร้อมทั้งจัดตั้งกองทุน “ธารน้ำใจ สู้ภัยโควิด-19” มอบอุปกรณ์และเครื่องมือทางการแพทย์มอบให้กับโรงพยาบาลที่ขาดแคลนต่อเนื่อง

และในสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา (โควิด-19) ระลอกใหม่นี้ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊งได้ปรับแผนการดำเนินงานการช่วยเหลือประชาชนทั้งด้านบรรเทาสาธารณภัย สังคมสงเคราะห์ และหน่วยแพทย์สงเคราะห์ชุมชน พร้อมประสานงานเพื่อให้ความช่วยเหลือเชิงรุกทั้งในส่วนของประชาชน ชุมชน และบุคลากรทางการแพทย์อย่างต่อเนื่อง รวมถึงจัดตั้งโรงครัวประกอบอาหารปรุงสุกเพื่อช่วยเหลือประชาชนในขณะนี้ รวมงบประมาณดำเนินการออกช่วยเหลือประชาชนในสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 นับตั้งแต่ปี 2563 จนถึงปัจจุบันเป็นเงินไม่ต่ำกว่า 32.9 ล้านบาท

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ขอเชิญชวนผู้มีจิตศรัทธาทุกท่านร่วมบริจาคสมทบทุนช่วยเหลือในสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา (โควิด-19) กับมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ติดต่อสอบถาม รวมถึงติดตามข่าวสารกิจกรรมการช่วยเหลือผู้ประสบเหตุ – ผู้ประสบภัยต่าง ๆ ของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ที่เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung

สุรินทร์ - โรงพยาบาลค่ายวีรวัฒน์โยธิน ให้บริการทางการแพทย์ตรวจรักษาดูแลสุขภาพ ให้กับกำลังพลที่ปฏิบัติภารกิจป้องกันชายแดน

พร้อมเดินเคาะประตูบ้าน รณรงค์วัคซีนโควิด รับมือปูพรมฉีดประชาชน 1 มิถุนายนนี้ ในพื้นที่ชายแดน

วันที่  24 พฤษภาคม 2564 พันเอกสงคราม โชคชัย ผู้อำนวยการโรงพยาบาลค่ายวีรวัฒน์โยธิน อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์  จัดชุดแพทย์เคลื่อนที่ ให้บริการทางการแพทย์ เช่น การตรวจรักษาดูแลสุขภาพ การแจกจ่ายยา การให้ความรู้การลงทะเบียนและขั้นตอนการเตรียมความพร้อมในการฉีดวัคซีนโควิด -19 และการคัดกรองสุขภาวะทางจิต ให้กับกำลังพลที่ปฏิบัติงานป้องกันชายแดนรักษาอธิปไตยของชาติ ณ กองพันทหารปืนใหญ่สนามที่ 62 ทหารปืนใหญ่กองกำลังสุรนารี จำนวน 300 นาย  เพื่อเป็นการสร้างขวัญกำลังใจให้กับกำลังพลในการปฏิบัติหน้าที่ป้องกันประเทศ

จากนั้นพันเอกสงคราม โชคชัย ผู้อำนวยการโรงพยาบาลค่ายวีรวัฒน์โยธิน อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ พร้อมชุดแพทย์เคลื่อนที่ ได้เดินเท้ารณรงค์ประชาสัมพันธ์เคลื่อนที่ รณรงค์ให้ข้อมูลการลงทะเบียนผ่านแอพพลิเคชั่น “หมอพร้อม” เพื่อรับวัคซีนป้องกันโควิด-19 แบบเคาะประตูบ้าน ร้านค้าชุมชนในหมู่บ้าน

โดยนำหน้ากากอนามัย และเจลแอลกอฮอล์ล้างมือ ไปแจกจ่ายแก่ประชาชนแนวชายแดน ที่บ้านหนองแวง หมู่ที่ 15 ตำบลบักได อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ เพื่อสร้างความเข้าใจให้กับประชาชน ผู้สูงอายุ และผู้มีโรคประจำตัว การดูแลตนเองกับครอบครัวให้ปลอดภัย และ เรื่องการฉีดวัคซีนโควิด-19 โดยการพูดคุยแบบตัวต่อตัว ทำให้คนในชุมชนเข้าใจและคลายกังวลว่า การฉีดวัคซีนไม่เป็นอันตรายอย่างที่คิดไว้ 

นายอุดม จันทนันท์ ชาวบ้านหนองแวง กล่าวว่า หลังจากได้ฟังคำอธิบายจากเจ้าหน้าที่แล้วรู้สึกคลายกังวล และพร้อมที่จะลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิวัคซีนเพื่อร่วมภูมิคุ้มกันหมู่ให้แก่คนในพื้นที่ด้วย


ภาพ/ข่าว  ปุรุศักดิ์ แสนกล้า   

ชลบุรี - ตลาดใหม่ชลบุรีปิด แม่ค้าบ่นอุบ พริกแพง 3 เท่าตัว ตลาดข้างเคียงวอนให้มาซื้อสินค้า

เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม ซึ่งถือว่าเป็นวันแรกที่ตลาดใหม่ชลบุรี อ.เมือง จ.ชลบุรี ปิดการค้าขายไปจนถึงวันที่ 30 พฤษภาคม เนื่องจากมีการตรวจพบคัสเตอร์การแพร่กระจายของไวรัสโควิด-19 ซึ่ง 2 วันที่ผ่านมาพบไปแล้วทั้งหมด 18 ราย จึงได้ทำการปิดตลาดเพื่อฉีดน้ำยาฆ่าเชื้อ รวมทั้งทำความสะอาดไปด้วย ส่งผลให้บริเวณตลาดเงียบเหงาเพราะถือว่าเป็นตลาดค้าปลีกที่ใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออก นอกจากนี้ยังได้ส่งผลกระทบกับตลาดข้างเคียง อาทิ ตลาดใหม่พงษ์ศักดิ์ ตลาดนิยมสุข ส่งผลให้ตลาดเงียบเหงาไปด้วย เนื่องจากประชาชนเริ่มมีความหวาดกลัวเกรงว่าจะเกิดคัสเตอร์แห่งใหม่ บรรดาพ่อค้าแม่ค้าวิงวอนให้มาซื้อสินค้า เพราะยังเปิดขายตามปกติ

จากการสอบถาม น.ส.อทิสดา กาฬสินธุ์ แม่ค้าขายอาหารตามสั่งในพื้นที่ อ.เมืองชลบุรี กล่าวว่า มาซื้อเครื่องประกอบอาหารตามสั่ง จากการที่ปิดตลาดใหม่ชลบุรี ทำให้เกิดผลกระทบเหมือนกัน เพราะต้องซื้อเครื่องประกอบอาหารแพงขึ้น โดยเฉพาะพริก จากการที่ซื้อในราคากิโลกรัมละ 20 บาท พุ่งขึ้นไปถึงกิโลกรัมละ 70 บาท สูงถึง 3 เท่าตัว ปกติไม่มีเงินเก็บ ซื้อ-ขายวันต่อวัน แต่หยุดไปถึง 7 วัน เดือดร้อนมาก เพราะหาแหล่งซื้อสินค้าราคาขายส่งไม่ได้


ภาพ/ข่าว  นิราช / นันทพล ทิพย์ศรี ก012 ชลบุรี

ชลบุรี - กองทัพเรือโดย ทัพเรือภาคที่ 1 จัดกิจกรรมบริจาคโลหิต เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี

วันที่ 24 พฤษภาคม 2564 ระหว่างเวลา 09.00 – 12.00 น. พลเรือโท โกวิท  อินทร์พรหม ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 จัดกำลังพลจิตอาสากองทัพเรือ ในสังกัดกองบัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 รวมทั้งเรือในหมวดเรือเฉพาะกิจทัพเรือภาคที่ 1 และเรือในหมวดเรือลาดตระเวนชายแดน ร่วมบริจาคโลหิตในโครงการ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และแก้ปัญหาการขาดแคลนโลหิตเนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ให้กับสภากาชาดไทย โดยมีเจ้าหน้าที่จากภาคบริการโลหิตแห่งชาติที่ 3 จว.ชลบุรี เดินทางมาให้บริการรับบริจาคโลหิต ณ อาคารอเนกประสงค์ ทัพเรือภาคที่ 1

ในกิจกรรมนี้ มีกำลังพลจิตอาสากองทัพเรือ ที่มาร่วมกิจกรรมบริจาคโลหิต รวมทั้งสิ้น 58 นาย รวมจำนวนโลหิตที่บริจาค 26,100 มิลลิลิตร สนับสนุนให้แก่สภากาชาดไทย ทั้งนี้ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 ยังคงให้ความสำคัญกับกิจกรรมสาธารณประโยชน์ รวมไปถึงกิจกรรมการบริจาคโลหิตเพื่อช่วยแก้วิกฤตของชาติ เช่นนี้เสมอ


ภาพ/ข่าว  กองกิจการพลเรือนทัพเรือภาคที่ 1

นิราช / นันทพล ทิพย์ศรี ก012 ชลบุรี

สงขลา - รัฐบาลสั่ง ผลักดันนโยบายการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ เพื่อขับเคลื่อนยกระดับรายได้และคุณภาพชีวิตประชาชน ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ จ.สงขลา จะมีทั้งเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ และ เมืองต้นแบบที่ 4

พลเรือตรี สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) กล่าวว่า ได้ร่วมประชุมคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ วีดีโอคอนเฟอเรนซ์ โดยมี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุม และมีคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาเศรษฐกิจเข้าร่วมประชุม เพื่อหารือขับเคลื่อนการพัฒนาเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษกำหนดพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษและกรอบแนวทางการให้สิทธิประโยชน์ และกลไกขับเคลื่อนการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ

สืบเนื่องจากรัฐบาลมีนโยบายดำเนินงานขับเคลื่อนพัฒนาเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษใน 10 พื้นที่ชายแดน ได้แก่ ตาก สระแก้ว มุกดาหาร ตราด สงขลา หนองคาย นครพนม กาญจนบุรี นราธิวาส และ เชียงราย เมื่อปี 2558 เพื่อกระจายความเจริญสู่ภูมิภาค ยกระดับรายได้และคุณภาพชีวิตของประชาชน จัดระเบียบความมั่นคงชายแดน พร้อมเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน โดยใช้ประโยชน์จากการค้าชายแดนและการเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน

สำหรับ ศอ.บต. ซึ่งเป็นหน่วยงานประสานการพัฒนาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ครอบคลุม 5 จังหวัด ประกอบด้วย สตูล สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาสนั้น ได้ดำเนินการขับเคลื่อนโครงการเมืองต้นแบบ เพื่อสนองนโยบายในการพัฒนาเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษของรัฐบาล ขับเคลื่อนให้ อ.สุไหงโกลก จ.นราธิวาส เป็นเมืองการค้าชายแดน อ.เบตง จ.ยะลา เป็นเมืองท่องเที่ยวและพึ่งพาตนเอง อ.หนองจิก จ.ปัตตานี เป็นเมืองเกษตรอุตสาหกรรมก้าวหน้าผสมผสาน และ อ.จะนะ จ.สงขลา ซึ่งตั้งเป้าหมายไว้เป็นเมืองต้นแบบอุตสาหกรรมก้าวหน้าแห่งอนาคต

โดยหนึ่งในวาระพิจารณาในที่ประชุมวันนี้ มีการหารืออนุญาตให้เทศบาลตำบลสำนักขาม ใช้ที่ราชพัสดุในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษสงขลา ดำเนินการก่อสร้างถนนเชื่อมโยงโครงการนิคมอุตสาหกรรมสงขลากับด่านศุลกากรสะเดาแห่งที่ 2 และขอเปลี่ยนแปลงเนื้อที่ราชพัสดุของการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยด้วย

สำหรับความคืบหน้าของเมืองต้นแบบที่ 4 อ.จะนะ หรือ “เมืองอุตสาหกรรมแห่งอนาคต” ซึ่งเป็นหนึ่งความหวังของคนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่จะเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ในการแก้ปัญหาการว่างงานของคนในพื้นที่และเป็นแหล่งงานของผู้จบการศึกษาใหม่ นั้น แหล่งข่าวได้เปิดเผยว่า ขณะนี้หน่วยงานที่รับผิดชอบอยู่ระหว่างทำข้อตกลงให้มหาวิทยาลัยในพื้นที่ในการทำการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่ว่าต้องการที่จะให้ เมืองต้นแบบที่ 4 มี อุตสาหกรรมชนิดไหนบ้าง และไม่ต้องการอุตสาหกรรมชนิดไหน เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของประชาชนเพราะอุตสาหกรรมที่เอกชนผู้ลงทุนเสนอมาในแผนเป็นอุตสาหกรรมที่ไม่ก่อให้เกิดมลภาวะกับสิ่งแวดล้อม รวมทั้งมติ ครม. มีความชัดเจนว่า อุตสาหกรรมที่จะเกิดขึ้นในเมืองต้นแบบที่ 4 หรือ เมืองอุตสาหกรรมแห่งอนาคต จะไม่มีอุตสาหกรรมหนักที่เป็น ปิโตรเคมี  ซึ่งน่าจะใช้เวลาประมาณ 8 เดือน ก็จะได้คำตอบจากประชาชนในพื้นที่ เพื่อที่หน่วยงานที่รับผิดชอบจะได้ผลสรุปที่ชัดเจนเพื่อการเดินหน้าในการขับเลื่อนโครงการดังกล่าว ตามมติ ครม. และการสั่งการของ นายกรัฐมนตรี

แต่อย่างไรก็ตามแหล่งข่าวได้กล่าวว่า ในส่วนของผู้ลงทุนเองก็ได้ส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่เพื่อทำความเข้าใจกับชุมชนทั้ง 3 ตำบลมาโดยตลอด รวมทั้งได้ทำโครงการต่างสร้างสังคมในชุมชนตามที่คนในชุมชนต้องการ และในส่วนของผู้บริหารระดับสูงของ บริษัท ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์ จำกัด ( มหาชน ) ก็ได้มีการลงนาม เอ็มโอยู กับกลุ่มทุนในต่างประเทศ และในประเทศ ที่สนใจในการที่จะมาลงทุนในอุตสาหกรรม พลังงาน และอุตสาหกรรมอื่น ๆ


ภาพ/ข่าว  นายปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์ / หาดใหญ่ จ.สงขลา

อยุธยา - บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) มอบเครื่องช่วยหายใจให้กับโรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยา

วันที่ 24 พฤษภาคม 2564 คุณอัมพร สุดสงวน ผู้จัดการฝ่ายแผนกลยุทธ์และบริหารนวัตกรรม สถาบันนวัตกรรม ,ว่าที่ร.ต.รุจ ศรีจักรโคตร ผู้จัดการส่วนปฏิบัติการระบบท่อเขต 2 , นายวงศ์พันธ์ ทัศนางกูร ผู้จัดการส่วนปฏิบัติการระบบท่อเขต 11 เป็นตัวแทน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) มอบอุปกรณ์ทางการแพทย์ในโครงการ “ลมหายใจเดียวกัน”

โดยได้มอบเครื่องช่วยหายใจชนิดควบคุมด้วยปริมาตรและความดัน พร้อมอุปกรณ์ รุ่น VELA Plus จำนวน 1 เครื่อง เครื่องให้อากาศผสมออกซิเจนอัตราการไหลสูง (Humidifier with integrated flow generator) รุ่น Airvo 2 (สำหรับผู้ใหญ่) จำนวน 5 เครื่อง พร้อมทั้งมอบเงินบริจาคสำหรับซื้อออกซิเจนเหลว (liquid oxygen) จำนวนเงิน 100,000 บาท รวมมูลค่าทั้งสิ้น 1,550,000 บาท ให้กับโรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยา

โดยมีนายโชคชัย ลีโทชวลิต ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยา พร้อมแพทย์หญิงเสาวลักษณ์ ชาวโพนทอง ผู้ช่วยผู้อำนวยการด้านลูกค้าสัมพันธ์ เป็นผู้รับมอบ เพื่อนำไปใช้รองรับสถานการณ์ COVID-19 และเป็นประโยชน์ด้านการรักษาผู้ป่วยวิกฤติ (ICU Ventilator) และผู้ป่วยของจังหวัดพระนครศรีอยุธยาต่อไป


ภาพ/ข่าว  เดชา อุ่นขาว รายงานจากอยุธา

สตูล ปปส.ภาค 9 ร่วมตำรวจสตูล เข้ายึดทรัพย์ บ้าน ที่ดิน โยงในเครือข่ายยาเสพติดรายใหญ่ รวมมูลค่าร่วม 5 ล้านบาท จากกรณีโดนจับคดีค้ายาบ้า 600,000 เม็ด

วันนี้ 24  พ.ค. 2564 พ.ต.อ. เสกสรรค์ ชูรังสฤษฎิ์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสตูล พร้อมด้วย นายมนตรี ศรีสมัย ผู้อำนวยการการบังคับใช้กฎหมายสำนักงานปปส.ภาค 9 และผอ.สุวิมล ช้างสาร  ผอ.ส่วนตรวจสอบทรัพย์สิน ได้ลงพื้นที่บ้านเลขที่ 9/69 ตำบลพิมาน อำเภอเมือง จังหวัดสตูล โดยบ้านหลังดังกล่าวนั้นเป็นบ้านเดียวที่ปลูกเสร็จแล้ว โดยบ้านถูกพบว่าเป็นระบบการฟอกเงินที่ได้จากการค้ายาเสพติด เจ้าหน้าที่จึงได้ติดป้ายของ ปปส.ภาค9  ยุทธ์การ พิทักษ์ไทย ยึดทรัพย์ ตัดวงจรยาเสพติด ภายใต้คำสั่งศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดแห่งชาติ ที่ 5/2563 นอกจากนี้ยังเดินทางไปยึดทรัพย์ในส่วนของที่ดินว่างเปล่ารกร้างและมีโฉนดที่ดินด้วยจำนวน 2 ห้อง โดยได้ป้ายและเอกสารยึดทรัพย์ไปชี้แจ้งต่อญาติเจ้าของที่ดินที่ถูกจับในคดียาเสพติด

สำหรับการยึดทรัพย์นี้ เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 28 มกราคม 2564 เจ้าหน้าที่ตำรวจ ชปส.ภ.จว.ปัตตานี/กก.สส.ภ.จว.ปัตตานี ได้ร่วมกัน จับกุมผู้ต้องหา จำนวน 2 คน คือ 1. นายชัยนาท หรือหีม ภัยช านาญ อายุ 39 ปี ที่อยู่ 95 ม.6 ต.ควนขัน อ.เมืองสตูล จังหวัดสตูล  และคนที่ 2. นางสาววาสนา หรือต้อย ยิ้มเย็น อายุ 36 ปี  ที่อยู่ 35/9 ม.1 ตาสานักขาม อ.สะเดา จังหวัดสงขลา พร้อมของกลาง 1.ยาบ้า จำนวน 600,000 เม็ดและในวันนี้หลังจากขยายคดีความโดยวันนี้ 24 พฤษภาคม 2564 เจ้าหน้าที่ตำรวจร่วมกับเจ้าหน้าที่  ปปส.ภาค 9 ได้สืบสวนและ ตรวจสอบทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่องกับการกระทำผิดเกี่ยวข้องกับยาเสพติด จำนวน 2 รายการ ดังนี้ 1.บ้านพร้อมที่ดิน ตั้งอยู่ในพื้นที่ ตำบลพิมาน อ.เมืองสตูล จังหวัดสตูล ราคาประมาณ 3,000,000 บาท และจุดที่ 2.ที่ดินตั้งอยู่ในพื้นที่ ต.คลองขุด อ.เมืองสตูล จังหวัดสตูล ราคาประมาณ 1,000,000 บาท รวมทั้ง 4 ล้านบาท เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการยึดทรัพย์ตามพระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามยาเสพติดฯ เพื่อดำเนินคดี ในส่วนทรัพย์บ้านหรือที่ดินห้ามทำการโยกย้าย และปรับเปลี่ยนแปลงสภาพ ยังคงให้เหมือนเดิม ส่วนคนอาศัยยังคงอยู่ได้จนกว่าคดีความเสร็จเสร็จสิ้นและยังได้ยึดก่อนหน้านี้มี สร้อยคอทองคำ แหวน  และยนต์ส่วนบุคคลเช่นกัน ซึ่งในวันนี้จะมีการยึดทรัพย์สิน 2 จังหวัด ได้แก่จังหวัดสตูล และ จังหวัดนราธิวาส รวม 2 คดี มูลค่าร่วม 11 ล้านบาท ตามนโยบาย ยุทธศาตร์ พิทักษ์ไทย ตัดวงจรยาเสพติด


ภาพ/ข่าว  นิตยา แสงมณี / ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดสตูล

ชลบุรี - วัดช่องแสมสารไม่ทอดทิ้งประชาชน ยามเดือดร้อนต้องช่วยเหลือกัน

วันนี้ 24 พ.ค.64 วัดช่องแสมสาร อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ได้แจกสิ่งของช่วยเหลือประชาชนอันเนื่องมาจากโครงการบรรพชาสามเณรภาคฤดูร้อน เพื่อเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เนื่องในโอกาสวันราชสมภพ 2 เมษายน ประจำปี 2564 โดยได้จัดกิจกรรมบรรพชาสมเณรภาคฤดูร้อน เมื่อ 6-16 เมษายน 2564 กิจกรรมช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 และร่วมกับผู้นำท้องถิ่นช่วยเหลือประชาชน ณ วัดช่องแสมสาร ต.แสมสาร อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี

วัดช่องแสมสาร โดยพระครูวิสารทสุตากร เจ้าคณะตำบลพลูตาหลวง เจ้าอาวาสวัดช่องแสมสาร เล็งเห็นความเดือนของชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบการการแพร่ระบาดของโรคติดต่อเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (COVID-19) ที่ระบาดมาในระลอกที่ 3 และมีความรุนแรงกว่า 2 ครั้งที่ผ่านมา รวมถึงชาวบ้านที่ยากจน ยากไร้ และผู้ป่วยติดเตียงรวมถึงผู้สูงอายุ ที่ไม่มีรายได้ในตำบลแสมสาร จึงได้มอบหมายให้คณะลูกศิษย์วัดช่องแสมสาร นำสิ่งของอาทิ ข้าวสาร บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ปลากระป๋อง น้ำดื่ม และเงินอีกจำนวนหนึ่ง ไปมอบให้กับผู้เดือนร้อนดังกล่าว โดยจะมี อสม. ออกสำรวจประชาชนและผู้ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด- และในวันนี้ได้มอบให้กับชาวบ้านหมู่ที่ 2 และหมู่ที่ 3 จำนวน 20 คน ซึ่งรวมกับครั้งที่ผ่านมาเมื่อวันที่ 12 พ.ค.64 ร่วมแจกไปแล้วทั้งสิ้น 80 ครอบครัว


ภาพ/ข่าว  สมนึก เชื้อสนุก

ตำรวจตามจนเจอ !! แหล่งรับซื้อของโจรเครื่องขยายเสียงที่กาฬสินธุ์ เป็นอาจารย์นักดนตรีและนักการเมืองท้องถิ่น อ้างรับซื้อโดยไม่รู้ว่าเป็นของขโมยมา

ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรน้ำพอง จังหวัดขอนแก่น นำทีมชุดสืบสวนตามไทม์ไลน์ “ก๊อปซาวด์ มิวสิค” นำเครื่องขยายเสียงที่ขโมยจากหอกระจายข่าวไปขายเป็นเครื่องเสียงมือสอง อึ้ง หลังขยายผลพบแหล่งรับซื้อของโจรเป็นอาจารย์นักดนตรีและนักการเมืองท้องถิ่น อ้างรับซื้อโดยไม่รู้ว่าเป็นของขโมยมา ก่อนเจ้าหน้าที่อายัดของกลางพร้อมเชิญตัวไปสอบปากคำ

เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณี พ.ต.อ.พัฒนศักด์ ยี่สารพัฒน์ ผกก.สภ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น พร้อมด้วย พ.ต.ท.สามารถ พิมพ์ดีด สว.สส.สภ.น้ำพอง และเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.น้ำพอง จำนวน 20 นาย เข้าปิดล้อมตรวจค้น บ้านเลขที่ 8 หมู่ 21 บ้านโคกก่องใต้ ต.บัวบาน อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ ก่อนควบคุมตัวนายสมชัย สุกัณหา อายุ 30 ปี หรือก๊อปซาวด์ มิวสิค หนุ่มบริการเครื่องเสียงและพ่อค้าเร่กุ้งก้ามกราม ชาว ต.บัวบาน อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ หลังก่อเหตุขโมยเครื่องขยายเสียงหอกระจายข่าว โดยเจ้าหน้าที่ได้ไล่ล่าติดตามมาหลังก่อเหตุหลายคดีและหลายพื้นที่ ตามข่าวที่เสนอแล้วนั้น

ล่าสุด พ.ต.อ.พัฒนศักด์ ยี่สารพัฒน์ ผกก.สภ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น พร้อมด้วย พ.ต.ท.สามารถ พิมพ์ดีด สว.สส.สภ.น้ำพอง และเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.น้ำพอง ควบคุมตัวนายสมชัย สุกัณหา หรือก๊อปซาวด์ มิวสิค ผู้ต้องหา นำชี้แหล่งที่นำเครื่องขยายเสียงไปขายให้กับแหล่งรับซื้อ ที่บ้านหลังหนึ่งในเขตเทศบาลตำบลกมลาไสย อ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งเจ้าของบ้านได้ชื่อว่าเป็นอาจารย์นักดนตรี โดยมีกิจการบริการเครื่องขยายเสียงและขายเครื่องขยายเสียงมือสอง ทั้งนี้นายสมชัย ยืนยันว่าเคยนำเครื่องขยายเสียงที่ขโมยมา นำมาขายให้กับอาจารย์นักตนตรีรายนี้ 9 ครั้ง ทั้งนำมาส่งที่บ้านและนัดหมายกันส่งตามจุดนัดพบต่างๆ ในราคา 2,000-10,000 บาท

จากนั้น พ.ต.อ.พัฒนศักด์ ยี่สารพัฒน์ ผกก.สภ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น พร้อมด้วย พ.ต.ท.สามารถ พิมพ์ดีด สว.สส.สภ.น้ำพอง และเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.น้ำพอง ได้ควบคุมตัวนายสมชัย สุกัณหา หรือก๊อปซาวด์ มิวสิค ผู้ต้องหา นำชี้แหล่งที่นำเครื่องขยายเสียงไปขายให้กับแหล่งรับซื้ออีกแห่งหนึ่ง ที่บ้านม่วงนา ต.ม่วงนา อ.ดอนจาน จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งเป็นบ้านของนักการเมืองท้องถิ่นรายหนึ่ง โดยเปิดเป็นร้านจำหน่ายเครื่องเสียงมือหนึ่งและมือสอง ทั้งนี้ จากการสอบปากคำผู้ต้องหา นำเครื่องขยายเสียงที่ขโมยมาขายให้ 4 เครื่อง ก่อนทำการอายัดเครื่องขยายเสียงที่ถูกนำมาขาย

โดยหลังจากเจ้าหน้าที่ ได้ทำการตรวจสอบหลักฐานและรูปพรรณเครื่องขยายเสียง ที่ผู้ต้องหาขโมยมาขายให้กับแหล่งรับซื้อแล้ว ยังได้ตรวจสอบใบอนุญาตประกอบการ และเบื้องต้นแจ้งข้อหารับซื้อของโจร กับอาจารย์นักดนตรี ในเขตเทศบาลตำบล อ.กมลาไสย และนักการเมืองท้องถิ่นชาว ต.ม่วงนา อ.ดอนจาน จากนั้นได้เชิญตัวเจ้าของร้านไปสอบปากคำเพิ่มเติมที่ สภ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น พร้อมกับนำของกลางไปให้เจ้าของทรัพย์ตรวจสอบและรับของคืนในลำดับต่อไป

พ.ต.อ.พัฒนศักด์ ยี่สารพัฒน์ ผกก.สภ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น กล่าวว่า จากการติดตามตัวคนร้ายและสามารถจับกุมตัวได้ที่บ้านพัก ซึ่งผู้ต้องหาจำนนด้วยหลักฐาน และให้การรับสารภาพ เจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งข้อหาลักทรัพย์ในยามวิกาล จากนั้นทำการขยายผล นำตัวชี้จุดที่ผู้ต้องหานำของกลาง ที่ขโมยมาจากหลายพื้นที่มาขายในเขต จ.กาฬสินธุ์ 2 แห่งดังกล่าว ก่อนจะนำตัวไปมอบให้กับพนักงานสอนสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ในขณะที่เจ้าของร้านแหล่งรับซื้อทั้ง 2 ราย เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อกล่าวหารับซื้อของโจร และเชิญตัวไปสอบปากคำเพิ่มเติม ที่ สภ.น้ำพองอย่างละเอียดอีกครั้งหนึ่ง

ด้ายนายสมชัย สุกัณหา หรือก๊อปซาวด์ มิวสิค ผู้ต้องหา กล่าวว่า ตนเคยเป็นพ่อค้าเร่ขายกุ้งก้ามกราม และมีบริการเครื่องเสียงเปิดตามงานบุญประเพณีต่างๆ พอเกิดสถานการณ์โควิด-19 การค้าขายฝืดเคือง ไม่มีงานจ้างบริการเครื่องเสียง จึงหันมาขโมยเครื่องเสียงขายเพื่อนำเงินไปใช้หนี้ โดยตะเวนลักขโมยตามหอกระจายข่าว ในพื้นที่ จ.ขอนแก่น จ.มหาสารคาม และ จ.กาฬสินธุ์ ประกาศทางทางเฟซบุ๊ก ที่ผ่านมานำมาขายให้ลูกค้า 2 แห่ง ที่เขตเทศบาลตำบลกมลาไสย อ.กมลาไสย และ ต.ม่วงนา อ.ดอนจาน ดังกล่าว

ขณะที่นายเอ (นามสมมุติ) เจ้าของร้านรับซื้อเครื่องขยายเสียง ต.ม่วงนา อ.ดอนจาน จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า ตนเป็นนักการเมืองท้องถิ่น ประกอบอาชีพทำนา และเปิดร้านขายเครื่องเสียงมือหนึ่งและมือสองควบคู่กันไป เพื่อหารายได้เลี้ยงครอบครัว นอกจากนี้ยังมีเครื่องเสียงไว้คอยบริการชาวบ้าน ในเวลามีงานบุญงานประเพณีด้วย สำหรับกรณีที่นายสมชัย ผู้ต้องหาที่ติดต่อขายเครื่องขยายเสียงมือ 2 ให้นั้น ทีแรกตนก็ไม่มั่นใจ และสอบถามหลายครั้งว่าก็ยืนยันว่าเป็นเครื่องของเขาเอง ไม่ได้ลักขโมยมา จึงเชื่อใจ และรับซื้อดังกล่าว ทั้งนี้หากตนทราบแต่ทีแรกว่าเป็นสิ่งของที่ขโมยมา จะไม่รับซื้ออย่างแน่นอน เพราะตนเองเป็นนักการเมืองท้องถิ่น ทำมาค้าขายโดยสุจริต จึงไม่อยากจะมีความผิดด้วย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top