Wednesday, 25 June 2025
THE STATES TIMES TEAM

ชลบุรี – ผู้บัญชาการทหารเรือ เปิดอาคารประวัติศาสตร์หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ เพื่อบันทึกประวัติศาสตร์ สร้างความภาคภูมิใจในหน่วยรบพิเศษของกองเรือยุทธการ

วันที่ 16 ส.ค.64 พล.ร.อ.ชาติชาย ศรีวรขาน ผู้บัญชาการทหารเรือ เป็นประธานในพิธีเปิดอาคารประวัติศาสตร์หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ โดยมี พล.ร.อ.สุทธินันท์ สมานรักษ์ ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ และ พล.ร.ต.ศุภชัย ธนสารสาคร ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ กองเรือยุทธการ ให้การต้อนรับ ณ อาคารประวัติศาสตร์หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ ต.แสมสาร อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี

อาคารประวัติศาสตร์หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ สร้างขึ้นเพื่อ รวบรวมประวัติความเป็นมาของหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ กองเรือยุทธการ ตลอดระยะเวลา 66 ปี นับตั้งแต่ก่อตั้งหน่วย , วิวัฒนาการด้านกำลังพล , การฝึก , ยุทโธปกรณ์ , การปฏิบัติราชการที่สำคัญ , เผยแพร่วีรกรรม , เชิดชูเกียรติบุคคลที่มีส่วนร่วมและได้ทำคุณประโยชน์ต่อประเทศและกองทัพเรือ อีกทั้งเป็นแหล่งเรียนรู้ให้ประชาชนทั่วไปได้ศึกษาเรียนรู้ประวัติศาสตร์ทางทหารที่เป็นแบบอย่างของความเสียสละ ทุ่มเทแรงกาย แรงใจ เพื่อชาติ สถาบันพระมหากษัตริย์ และกองทัพเรือ เป็นตัวอย่างให้แก่ชนรุ่นหลังได้ศึกษา ร่วมภาคภูมิใจต่อหน่วยรบพิเศษของกองเรือยุทธการสืบไป


ภาพ/ข่าว  สมนึก เชื้อสนุก

กาฬสินธุ์ – ผุดธนาคารน้ำใต้ดิน เพิ่มผลผลิตข้าวอินทรีย์เขาวงพ้นภัยแล้ง ตั้งเป้าได้ผลผลิตมากกว่า 500 ก.ก.ต่อไร่

เกษตรกรผู้ปลูกข้าวเขาวง ข้าวอินทรีย์ GI อันดับหนึ่งของจังหวัดกาฬสินธุ์ ขอบคุณรัฐบาลและกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ จัดโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการน้ำและเพิ่มพื้นที่การกระจายน้ำ เพื่อพัฒนาแหล่งน้ำ ทำธนาคารน้ำใต้ดิน ในการเพิ่มศักยภาพปริมาณน้ำต้นทุน ส่งเสริมการปลูกข้าวเขาวงและการเกษตรผสมผสานที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ตั้งเป้าได้ผลผลิตมากกว่า 500 ก.ก.ต่อไร่

วันที่ 17 สิงหาคม 2564 ที่แปลงนานางอรวรรณ พันธุ์คุ้มเก่า อายุ 42 ปี บ้านเลขที่ 69 หมู่ 5 บ้านทุ่งกระเดา ต.กุดปลาค้าว อ.เขาวง จ.กาฬสินธุ์ นายอัครพงษ์ เขียวแจ่ม ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จ.กาฬสินธุ์ (ทสจ.) พร้อมด้วยนายประดิษฐ สุดชาดา ผู้อำนวยการส่วนสิ่งแวดล้อม และเจ้าหน้าที่สำนักงาน ทสจ. ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้า การดำเนินการโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการน้ำและเพิ่มพื้นที่การกระจายน้ำ กิจกรรมหลักปรับปรุงและพัฒนาแหล่งเพื่อการเกษตรและอาหารปลอดภัย กิจกรรมย่อยจัดทำระบบเติมน้ำใต้ดินผ่านบ่อบาดาลเสริมระบบแหล่งน้ำในไร่นา เพื่อส่งเสริมเกษตรอินทรีย์ข้าวเขาวง โดยมีเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการต้อนรับ และรายงานความคืบหน้าผลดำเนินการ

นายอัครพงษ์ เขียวแจ่ม ผู้อำนวยการสำนักงาน ทสจ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า ตามที่ จ.กาฬสินธุ์ ได้รับการจัดสรรงบประมาณโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการน้ำและเพิ่มพื้นที่การกระจายน้ำฯ ประจำปีงบประมาณ 2564 เพื่อพัฒนาแหล่งน้ำ ทำธนาคารน้ำใต้ดิน ในการเพิ่มศักยภาพปริมาณน้ำต้นทุน ส่งเสริมการปลูกข้าวเขาวงและการเกษตรผสมผสานที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้ เพื่อยกระดับรายได้ของเกษตรกรและเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมของจังหวัด ซึ่งตามข้อมูลสถิติในปี 2557 พบว่า จ.กาฬสินธุ์มีผลิตภัณฑ์ของจังหวัดค่าหัวอยู่ในระดับต่ำ จึงมีความจำเป็นเร่งด่วนแก้ไขปัญหาความยากจนให้ประสบผลสำเร็จ ด้วยการพัฒนาศักยภาพการผลิตการเกษตร เพื่อยกระดับรายได้เกษตรกร และเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมของจังหวัด

นายอัครพงษ์กล่าวอีกว่า ข้าวเขาวง ซึ่งได้รับมาตรฐาน  GI เป็นผลิตภัณฑ์ที่ขึ้นชื่อของ จ.กาฬสินธุ์ ประกอบกับทาง จ.กาฬสินธุ์ จัดโครงการกรีนมาร์เก็ต มุ่งเน้นผลผลิตจากภาคเกษตร อาหารปลอดภัย และเพื่อความมั่นคงทางอาหาร จึงได้เลือกพื้นที่ที่ทำการเพาะปลูกข้าวเขาวงซึ่งเป็นข้าวอินทรีย์ เป็นจุดนำร่องของโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการน้ำและเพิ่มพื้นที่การกระจายน้ำ เพื่อพัฒนาแหล่งน้ำ ทำธนาคารน้ำใต้ดินฯ ดังกล่าว โดยมีเกษตรกรในพื้นที่ 3 อำเภอคือ อ.เขาวง อ.นาคู และ อ.กุฉินารายณ์ เข้าร่วมโครงการ 60 ราย 

ด้านนายประดิษฐ สุดชาดา ผู้อำนวยการส่วนสิ่งแวดล้อม กล่าวว่าโครงการดังกล่าว ได้กำหนดพื้นที่ปลูกข้าวเขาวง ซึ่งอยู่นอกพื้นที่ของชลประทาน การทำเกษตรกรรมอาศัยน้ำฝนเป็นหลัก ทั้งนี้ ในส่วนของการขับเคลื่อนโครงการ ได้ร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นพื้นที่เป้าหมาย สำรวจความต้องการของเกษตรกร จากนั้นทำความเข้าใจและลงนามความร่วมมือ  เลือกพื้นที่ที่เหมาะสม ที่สามารถขุดบ่อกักเก็บน้ำขนาด 1 ไร่ เพื่อรองรับน้ำตามหลักการส่งน้ำจากฟ้าสู่ใต้ดิน และมีพื้นที่ทำการเกษตรผสมผสาน ซึ่งการดำเนินการได้รับการตอบรับจากเกษตรกรเป็นอย่างดียิ่ง ทั้งนี้ เป็นการขุดและวางระบบน้ำให้ฟรี เกษตรกรไม่ต้องจ่ายเงินสมทบแต่อย่างใด

ขณะที่นางอรวรรณ พันธุ์คุ้มเก่า อายุ 42 ปี บ้านเลขที่ 69 หมู่ 5 บ้านทุ่งกระเดา ต.กุดปลาค้าว อ.เขาวง จ.กาฬสินธุ์ เกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการกล่าวว่า ตนมีพื้นที่ทำนา 13 ไร่ โดยที่ผ่านมาปลูกข้าวเหนียวเขาวง บางปีที่ฝนทิ้งช่วง ประสบภัยแล้ง ผลผลิตตกต่ำ ไม่คุ้มกับการลงทุน ขณะที่ในปีที่ฝนตกต้องตามฤดูกาล ได้ผลผลิตเฉลี่ยปีละประมาณ 400-500 ก.ก.ต่อไร่ อย่างไรก็ตาม จากการที่สำนักงาน ทสจ.กาฬสินธุ์ เข้ามาส่งเสริมโครงการดังกล่าว ตนและเพื่อเกษตรกรมองเห็นประโยชน์ที่จะได้รับ จึงตัดสินใจเข้าร่วมโครงการ ซึ่งต้องขอขอบคุณรัฐบาล กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมทั้งท่านผู้ว่าราชการ จ.กาฬสินธุ์ ที่นำโครงการดี ๆ มาถึงเกษตรกร สำหรับตนมั่นใจว่าต่อไปนี้จะไม่ประสบภัยแล้ง เพราะจะมีน้ำหล่อเลี้ยงต้นข้าวตลอดปี และได้ผลผลิตข้าวเขาวงมากกว่าทุกปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ ยังจะสามารถกระจายน้ำไปสู่ที่นาของเพื่อนเกษตรและปลูกพืชผสมผสานชนิดอื่นได้ตลอดปีอีกด้วย

สมุทรปราการ - “พระครูแจ้” หนุนเกษตรกรพิจิตร เหมาแตงโม 8,000 โล แจกประชาชนที่มาฉีดวัคซีน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายในวัดบางพลีใหญ่กลาง ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ได้มีรถกระบะบรรจุผลไม้มาเต็มคันรถ  และจากการสอบถามทราบว่ารถคันดังกล่าว  ได้มีการลำเรียงผลไม้มาเป็นจำนวนมากเดินทางมาจากทางจังหวัดพิจิตร  โดยการสนับสนุนจากท่าน​ พระครูปลัดสุวัฒนศีลคุณ (พระครูแจ้) เจ้าอาวาสวัดบางพลีใหญ่กลาง ที่มีความห่วงใยพี่น้องเกษตรกรชาวสวนจังหวัดพิจิตร จึงได้ให้การสนับสนุนพี่น้องเกษตรกรชาวสวน โดยการสั่งผลไม้ประเภทแตงโม ของพี่น้องชาวสวนจังหวัดพิจิตร จำนวน 8 ตัน หรือ 8,000 กิโลกรัม เพื่อเป็นการช่วยเหลือและให้กำลังใจเกษตรกรชาวสวนเพื่อช่วยกันฟันฝ่าวิกฤต Covid-19

โดย ท่านพระครูปลัดสุวัฒนศีลคุณ (พระครูแจ้) เจ้าอาวาสวัดบางพลีใหญ่กลาง กล่าวว่า ผลไม้ทั้งหมดได้สั่งตรงมาจากสวนผลไม้ของพี่น้องเกษตรกรชาวสวนในจังหวัดพิจิตร จำนวน 8 ตัน หรือ 8,000 กิโลกรัม เพื่อเป็นการช่วยเหลือและอุ้มพี่น้องเกษตรกรชาวสวนเพื่อฟันฝ่าวิกฤต Covid-19

อีกทั้ง ในวันนี้ศูนย์ฉีดวัคซีนวัดบางพลีใหญ่กลาง ได้ดำเนินการฉีดวัคซีนไฟเซอร์เข็มแรกให้กับเด็กที่มีอายุตั้งแต่ 12-18 ปี 7 กลุ่มโรคเสี่ยง ผู้ที่มีน้ำหนักเกิน 100 กิโลกรัม และผู้หญิงที่มีน้ำหนักเกิน 80 กิโลกรัม โดยตั้งแต่ในช่วงเช้าภายในศูนย์ฉีดวัคซีนวัดบางพลีใหญ่กลาง ได้มีผู้ปกครองนำบุตรหลานเดินทางมารอรับการฉีดวัคซีนกันอย่างต่อเนื่อง ตามที่โรงพยาบาลได้มีการแจ้งผ่านทาง SMS และได้ลงทะเบียนไว้ก่อนหน้านี้ โดยมีการจัดระเบียบและเว้นระยะห่างแบบ New normal

โดยทุกคนที่เดินทางมารับการฉีดวัคซีนยังศูนย์ฉีดวัคซีนวัดบางพลีใหญ่กลาง จะได้รับมอบแตงโมจากท่าน พระครูปลัดสุวัฒนศีลคุณ เจ้าอาวาสวัดบางพลีใหญ่กลาง มอบแตงโมให้คนละ 2 ลูก นำกลับไปทานที่บ้านโดยสั่งตรงมาจากเกษตรกรชาวสวนในจังหวัดพิจิตร จำนวน 8,000 กิโลกรัม 

อย่างไรก็ตาม ผลไม้ทั้งหมดที่ช่วยเกษตรกรอุดหนุนมานั้น จะนำไปแจกจ่ายให้กับผู้ป่วยตามโรงพยาบาลต่าง ๆ โรงพยาบาลสนาม รวมถึงบุคลากรทางการแพทย์ ข้าราชการตำรวจและพี่น้องประชาชนในชุมชน อีกทั้ง ยังเป็นการแสดงออกถึงความรักและความห่วงใยที่มีต่อพี่น้องเกษตรกรชาวสวนและจะนำผลผลิตทั้งหมดแจกจ่ายให้กับพี่น้องประชาชนที่เดินทางมารับการฉีดวัคซีนในวันนี้แต่จะทำการแจกทุก ๆ วัน จนกว่าผลไม้ที่สั่งมานั้นจะหมดเพื่อแทนความห่วงใยที่มีต่อบุคลากรทางการแพทย์ที่ยังคงปฎิบัติหน้าที่อย่างเหน็ดเหนื่อย รวมถึงประชาชนที่เดือดร้อน ประชาชนที่ขาดรายได้ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19


ภาพ/ข่าว  คิว-ข่าวสมุทรปราการ รายงาน

แม่ฮ่องสอน - เกษตรกรบ้านหนองผักหนาม ร้องศูนย์ดำรงธรรมแม่สะเรียง สร้างพนังกั้นริมตลิ่งน้ำยวมเปลี่ยนทางส่งผลกระทบที่ทำกิน เร่งให้หน่วยงานรับผิดชอบแก้ไข ได้รับความเดือดร้อนนับสิบราย

บริเวณสะพานบ้านไร่ - บ้านคะปวง มีกลุ่มเกษตรกรจากบ้านหนองผักหนาม และพี่น้องเกษตรกรที่อาศัยทำกินริมฝั่งลำน้ำยวมบ้านนาคาว  บ้านทุ่งพร้าว บ้านไร่ ต.แม่สะเรียง อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน กว่า 50 คน มาร่วมตัวกัน เพื่อเรียกร้องให้ทางหน่วยงานที่รับผิดชอบดำเนินการแก้ไขผลกระทบจากการก่อสร้างพนังกั้นริมตลิ่งน้ำแม่ยวม บริเวณฝั่งบ้านคะปวง ต.แม่ยวม อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน ทำให้กระแสน้ำเปลี่ยนทางกัดเซาะพื้นที่ทำกินของเกษตรกรบ้านหนองผักหนามกว่า 10 ราย โดยมี นายวีกิจ เจ้าดูรี ปลัดอำเภอแม่สะเรียง เดินทางมารับเรื่องร้องเรียน จากกลุ่มเกษตรกรที่เดือดร้อน สำหรับการก่อสร้างพนังกั้นริมตลิ่งในเขต ต.แม่ยวม ระหว่าง บ้านคะปวง – บ้านทุ่งแพม เป็นของหน่วยงานกรมโยธาธิการและผังเมือง จังหวัดแม่ฮ่องสอน ระยะทาง 1.5 กิโลเมตร

ทั้งนี้ นายนิพนธ์ โอภาสงวน เกษตรกรบ้านหนองผักหนาม เป็นตัวแทนในการยืนหนังสือร้องผ่านศูนย์ดำรงธรรมแม่สะเรียง ถึง หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการแก้ไขผลกระทบที่เกิดขึ้น โดยระบุว่า กรณีการขุดลอกลำน้ำยวมเพื่อจัดทำพนังกั้นตลิ่งริมน้ำ ส่งผลทำให้เกิดการเบี่ยงทางน้ำหรือน้ำเปลี่ยนทางเข้าพื้นที่ทำกินที่นา ที่มีโฉนดหรือเอกสารสิทธิ์ของชาวบ้านนับสิบราย ประกอบกับเข้าสู่ฤดูฝนหากเกิดปัญหาน้ำไหลหลากก็จะทวีความเสียหายเพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้ ที่ผ่านมาทางราษฏรบ้านหนองผักหนามที่มีที่ทำกินติดริมน้ำบริเวณฝั่งตรงข้าม ไม่รู้เรื่องการดำเนินการดังกล่าวแต่อย่างใด เนื่องจากหน่วยงานที่รับผิดชอบทำการประชาคมกับราษฏรฝั่งเขตตำบลแม่ยวมเท่านั้น ไม่ได้มีการทำประชาคมหรือประชามติรับฟังความคิดเห็นของผู้ที่อยู่พื้นที่ใกล้เคียงหรือผู้เสียหายจากโครงการดังกล่าวแต่อย่างใด จึงอยากให้หน่วยงานที่รับผิดชอบเร่งแก้ไขการเปลี่ยนทางน้ำ หรือ ดำเนินการทำพนังกั้นลำน้ำทั้งสองฝั่ง

ด้าน นายวีกิจ เจ้าดูรี ปลัดอำเภอผู้รับผิดชอบศูนย์ดำรงธรรมอำเภอแม่สะเรียง กล่าวเพิ่มเติมว่า หลังจากทางศูนย์ดำรงธรรมแม่สะเรียงได้รับหนังสือร้องเรียน ก็จะดำเนินการทำหนังสือด่วนที่สุดถึงศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดแม่ฮ่องสอน สำนักงานโยธาธิการและผังเมือง จังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้ทราบถึงปัญหาที่เกิดขึ้น อาจจะมีการนัดประชุมเพื่อรับฟังความคิดเห็นอีกรอบเพื่อร่วมกันหาแนวทางการแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน


ภาพ/ข่าว  สุกัลยา / ถาวร อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน

‘คณะนักศึกษาปริญญาเอก รุ่นที่ 21,23’ วิทยาลัยนวัตกรรมและการจัดการ ‘มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา’ ร่วมกันบริจาคเงิน อุปกรณ์ สิ่งของและอาหาร ให้กับผู้พิการและด้อยโอกาส

เมื่อวันจันทร์ที่ 16 สิงหาคม 2564 ณ กรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ อาคาร 60 ปี ถ.ราชวิถี แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพฯ "นางสาวสราญภัทร อนุมัติราชกิจ" อธิบดีกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ ให้เกียรติรับมอบเงิน / อาหาร / สิ่งของ / อุปกรณ์ต่าง ๆ จาก "คณะนักศึกษาปริญญาเอก รุ่นที่ 21,23" วิทยาลัยนวัตกรรมและการจัดการ "มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา" รวมพลังสายบุญ พลังจิตศรัทธา ของการทำคุณงามความดี ตอบแทนแผ่นดิน เพื่อช่วยเหลือคนพิการ / คนยากไร้ /  คนด้อยโอกาส 

โดยกิจกรรมในวันนี้เล็งเห็นความสำคัญของการร่วมมือร่วมใจกัน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาชน เจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วน และจิตอาสาทุกท่านเพื่อแก้ไขวิกฤติเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่แพร่ระบาดอยู่หลาย ๆ ประเทศทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยด้วยกันอย่างเต็มที่ จึงขอเป็นส่วนหนึ่งของประชาชนคนไทย ที่จะคอยเป็นขวัญและกำลังใจ ในการปฏิบัติภารกิจ หน้าที่ของบุคลากรทุกท่าน เพื่อให้การช่วยเหลือมนุษยชาติ และประชาชนคนไทยอยู่รอดปลอดภัย และผ่านพ้นวิกฤตการณ์อันเลวร้ายนี้ไปได้ด้วยดี พร้อมกัน

ในการนี้ "นายชัยพร ภูผารัตน์" ผอ.สำนักงานสมาคมสภาคนพิการทุกประเภทแห่งประเทศไทย และ "นายชีวานนท์ พรรัตน์ธนิกกุล" นายกสมาคมสหพันธ์แรงงานคนพิการไทย ได้เป็นเกียรติเข้าร่วมกิจกรรมที่ดีงาม นี้ด้วย

"เฮียเอี๋ยว" ประธาน กต.ตร. มอบเงิน 300,000 บาท สนับสนุนโครงการ SMART SAFETY ZONE 4.0 สภ.เมืองสมุทรปราการ

ที่บริเวณด้านหน้าอาคารสถานีตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ คณะกรรมการ กต.ตร.สภ.เมืองฯ สมุทรปราการ นำโดย ‘นายสุดใจ จิรยาภากร’ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท โคมอส คอร์ปอเรชั่น จำกัด และประธาน กต.ตร.สภ.เมืองสมุทรปราการ  พร้อมด้วย ‘พลเอกบุญเกิด วาดวารี’ ประธานชมรมชาวสมุทรปราการ ตลอดจน ‘นายเชาวลิต สามห้วย’  เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดสมุทรปราการ ‘นายสุรศักดิ์ บูรณะบุญวงศ์’ และคณะ กต.ตร.สภ.เมืองสมุทรปราการ 

ร่วมกันมอบอุปกรณ์ต่าง ๆ เพื่อร่วมสนับสนุนภาระกิจตำรวจของทางสถานีตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ ในโครงการ SMART SAFETY ZONE 4.0 สภ.เมืองสมุทรปราการ โดยทางบริษัท สแตนดาร์ด แมนูเฟคเจอริ่ง จำกัด ได้ร่วมกับ บริษัท โคมอส คอร์ปอเรชั่น จำกัด โดยการประสานความร่วมมือระหว่าง นายจิรโรจน์ สัญฉนะวณิชน์ และนายสุดใจ จิรยาภากร ร่วมกันบริจาคแอลกอฮอล์ทำความสะอาดและมอบผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อโรค โดยจะมอบให้กับทางสถานีตำรวจภูธร ต่าง ๆ ในสังกัดของสถานีตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ

โดยมี พล.ต.ต. ชุมพล พุ่มพวง ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ เป็นผู้รับมอบ พร้อมด้วย พ.ต.อ.ปกปภพ บดีพิทักษ์ พ.ต.อ.ภูมิพัฒน์  ภัทรศรีวงศ์ชัย พ.ต.อ.ภูมินทร์  สิงหสุต พ.ต.อ.ประธาน นันทกอบกุล พ.ต.อ.อนันต์  ชัยชาญ รอง.ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ พ.ต.อ.เติมรัศมิ์ จินดาวัฒน์ ผกก.สภ.เมืองสมุทรปราการ ตลอดจนข้าราชการตำรวจ สภ.เมืองสมุทรปราการ ร่วมให้การต้อนรับ

นอกจากนี้ นายสุดใจ จิรยาภากร ประธาน กต.ตร.สภ.เมืองสมุทรปราการ ยังได้มอบเงินเพื่อร่วมสนับสนุนภาระกิจตำรวจ  เป็นจำนวนเงิน 300,000 บาท โดยมี พ.ต.ท.สุวิชา ชั้นงาม รอง.ผกก.จร.สภ.เมืองสมุทรปราการ เป็นตัวแทน พล.ต.ต. ชุมพล พุ่มพวง ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ เพื่อส่งเสริมการปฎิบัติหน้าที่และการดำเนินงานของศูนย์วัตกรรมใหม่ของความปลอดภัย ด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะสุดล้ำ และการร่วมมือจากภาคประชาชน เชื่อมั่น อุ่นใจ ปลอดภัย ในชุมชน

โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จัดตั้งขึ้นเพื่อดูแลความปลอดภัยของประชาชน โดยมีเป้าหมายเพื่อพัฒนารูปแบบวิธีการป้องกันอาชญากรรมเชิงรุก เพื่อยกระดับการป้องกันอาชญากรรมในพื้นที่สาธารณะ ตามแนวคิดเรื่องเมืองอัจฉริยะ และเป็นการยกระดับระบบราชการเป็น 4.0 เพื่อก้าวเข้าสู่ยุคดิจิตอล พร้อมทั้ง บูรณาการร่วมกันระหว่าง ภาครัฐ ภาคเอกชน และสํานักงานตำรวจแห่งชาติในด้านการป้องกัน อาชญากรรม ให้ครอบคลุมทุกชุมชน


ภาพ/ข่าว  คิว-ข่าวสมุทรปราการ รายงาน

ลำปาง - ผู้ว่าหมูป่า นำทีมตรวจสถานประกอบการโรงงาน ย้ำมาตรการเข้มป้องกันโรค COVID-19

จังหวัดลำปาง บูรณาการทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ออกตรวจสถานประกอบการโรงงานที่มีการว่าจ้างกลุ่มแรงงาน ทั้งแรงงานไทยและแรงงานข้ามชาติ เน้นย้ำมาตรการปฏิบัติเฝ้าระวังป้องกันการแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 "COVID-19" เนื่องด้วยในสภาวการณ์ปัจจุบัน ที่ได้เกิดการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 "COVID-19" ซึ่งปรากฏพบผู้ป่วยติดเชื้อเพิ่มจำนวนสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในเขตพื้นที่จังหวัดลำปางก็ได้มีการตรวจพบผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่เป็นจำนวนมาก มีทั้งผู้ป่วยที่ตรวจพบการติดเชื้อภายในเขตพื้นที่จังหวัด และผู้ป่วยติดเชื้อที่ได้รับตัวมารักษาตามโครงการ "รับคนลำปางกลับบ้าน" เพื่อจะลดโอกาสเสี่ยงต่อการติดเชื้อรวมถึงการแพร่กระจายของเชื้อโรคในกลุ่มพี่น้องประชาชน  ที่มีความเสี่ยงอาจเกิดการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ได้ในลักษณะเป็นกลุ่มก้อนใหญ่

ล่าสุด นายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง พร้อมด้วย นพ.ประเสริฐ กิจสุวรรณรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดลำปาง รวมถึงทีมเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งจากสำนักงานอุสาหกรรมจังหวัด จัดหางานจังหวัด แรงงานจังหวัด ประกันสังคม และหน่วยงานท้องถิ่นอำเภอ ได้ร่วมกันลงพื้นที่ทำการตรวจเยี่ยมสถานประกอบการโรงงานภาคเอกชน ในเขตพื้นที่อำเภอห้างฉัตร โดยได้เข้าทำการตรวจเยี่ยมโรงงานผลิตอาหารกระป๋องของ บริษัท มาเจสติคอุตสาหกรรมอาหาร จำกัด ในเขตท้องที่ตำบลหนองหล่ม ซึ่งเป็นสถานประกอบการขนาดใหญ่ที่ได้มีการว่าจ้างแรงงานไว้ ทั้งแรงงานไทยและแรงงานข้ามชาติรวมจำนวนทั้งหมดกว่า 660 คน

โดยจากการตรวจเยี่ยมครั้งนี้ บริษัท มาเจสติคอุตสาหกรรมอาหาร จำกัด ได้ร่วมกันให้ข้อมูลเกี่ยวกับการปฏิบัติตามมาตรการเฝ้าระวังป้องกันโรค COVID-19 ภายในสถานที่โรงงาน ซึ่งได้มีการวางมาตรการไว้อย่างรัดกุม และได้กำหนดเป็นข้อบังคับให้พนักงานแรงงานทุกคนต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด ทั้งการสวมใส่หน้ากากอนามัย 100%, มีการจัดตั้งจุดตรวจตามประตูโรงงานทุกโรง เพื่อตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายทำการคัดกรองบุคคลก่อนเข้าพื้นที่ ตลอดจนให้มีการตรวจคัดกรองซ้ำกับพนักงานแรงงานทุกคนก่อนการเข้าปฏิบัติงาน รวมถึงให้มีการติดตั้งเจลล้างมือแอลกอฮอล์ไว้ตามจุดสำคัญ ๆ ให้ครอบคลุมทั่วบริเวณพื้นที่โรงงาน

นอกจากนี้ได้มีการนำมาตรการ Bubble and Seal และมาตรการรักษาระยะห่างมาใช้ มีการแบ่งกลุ่มพนักงานเพื่อสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันเข้าทำงาน มีการจำกัดการเคลื่อนย้ายของแรงงานโดยให้แรงงานบางส่วนที่สามารถพักแรมได้ พักค้างอยู่ที่โรงงาน ส่วนแรงงานที่เดินทางไปกลับ ให้มีการควบคุมการเดินทางไปมาระหว่างโรงงานกับสถานที่พัก รวมถึงให้มีการจดบันทึกติดตามการเดินทางด้วยแอปพลิเคชันสมาร์ทโฟน เพื่อจะได้เป็นประวัติยืนยันสถานที่ที่ไปถึง ตลอดจนทางบริษัท มาเจสติคฯ ยังได้มีการจัดเตรียมมาตรการเสริมจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ ชุด PPE, Face Shield, ถุงมือแพทย์, แว่นตา, หมวกคลุมตัวหนอน, ถุงพลาสติกหุ้มรองเท้า, หน้ากากอนามัย N95, ยาฟ้าทะลายโจร และชุดตรวจ Antigen Rapid test เพื่อเตรียมไว้สำหรับรองรับเหตุกรณีฉุกเฉินพบแรงงานติดเชื้อ COVID-19 ภายในโรงงาน ซึ่งในส่วนนี้ทาง บริษัทฯ ก็ได้มีการจัดเตรียมสถานที่ไว้ ทำเป็นโรงพยาบาลสนาม และพื้นที่พักคอยสำหรับรองรับผู้ป่วยอีกด้วย


ภาพ/ข่าว  ภาวินันท์ บุตรหล้า รายงาน

จันทบุรี - ม.เทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก วิทยาเขตจันทบุรี มอบยาฟ้าทะลายโจร แก่จังหวัดจันทบุรี เพื่อนำไปบรรเทา ยับยั้ง รักษาผู้ป่วยโควิด-19 ในจังหวัด

วันนี้ ( 16 ส.ค.64 ) ที่ห้องรับรองชั้น 4 ศาลากลางจังหวัดจันทบุรี นายฤหัส ไชยศักดิ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรีนำรองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดจันทบุรีรับมอบสิ่งของบริจาค จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก วิทยาเขตจันทบุรี ที่ทางมหาวิทยาลัยฯ ได้วิจัย และผลิตเพื่อเป็นสมุนไพรทางเลือกในการป้องกัน รักษาผู้ป่วยผู้ติดเชื้อโควิด -19 ที่รักษาตัวในจังหวัดจันทบุรี โดยครั้งนี้เป็นการส่งมอบ ยาสมุนไพรฟ้าทลายโจรจำนวน 1,780 แคปซูล มี ดร.จตุพร อรุณกมลศรี รองอธิการบดี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก วิทยาเขตจันทบุรี นำคณะ  


ภาพ/ข่าว จรัล บรรยงคเสนา จ.จันทบุรี

พรเทพ เขม้นเขตวิทย์ รายงานจากศูนย์ข่าวภาคตะวันออก

‘รมว.เฮ้ง’ ตรวจเยี่ยมการฉีดวัคซีนโควิด-19 ผู้ประกันตน ม.33 เข็มสอง ณ ศูนย์ฉีดวัคซีนเซ็นทรัลพระราม 9 พร้อมทั้งให้กำลังใจแก่บุคลากรทางการแพทย์

เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2564 นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการให้บริการฉีดวัคซีนโควิด-19 สำหรับผู้ประกันตนในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ณ ศูนย์ฉีดวัคซีนห้างเซ็นทรัล พระราม 9 ถนนรัชดาภิเษก แขวงห้วยขวาง เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร โดยมี นายสุรชัย ชัยตระกูลทอง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงแรงงาน นางเธียรรัตน์ นะวะมะวัฒน์ โฆษกกระทรวงแรงงาน (ฝ่ายการเมือง) นายสุทธิ สุโกศล ปลัดกระทรวงแรงงาน คุณรนิดา รตนชัยโชติ ผู้จัดการทั่วไป เซ็นทรัลพลาซ่า แกรนด์พระราม 9 พร้อมด้วย ผู้บริหารระดับสูงกระทรวงแรงงาน เข้าร่วมในครั้งนี้ด้วย

โดย นายสุชาติ กล่าวว่า ตามที่รัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม และ ท่าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งกำกับดูแลกระทรวงแรงงาน ได้มีความห่วงใยพี่น้องผู้ใช้แรงงาน และประชาชนทั่วไปจากสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 และกำหนดให้การฉีดวัคซีนเป็นวาระแห่งชาตินั้น และกระทรวงแรงงาน ได้มอบหมายให้สำนักงานประกันสังคม บูรณาการร่วมกับกระทรวงมหาดไทย โดยกรุงเทพมหานคร กระทรวงสาธารณสุข โดยสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กระทรวงการคลัง โดยธนาคารกรุงไทย และสถานพยาบาลเครือข่ายประกันสังคม ทั้งภาครัฐและเอกชน ให้บริการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้กับผู้ประกันตน เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดไม่ให้กระจายออกสู่วงกว้างทั้งในโรงงาน และสถานประกอบการ 

“ในวันนี้ ผมและคณะลงพื้นที่เพื่อตรวจเยี่ยมการให้บริการฉีดวัคซีนโควิด-19 สำหรับผู้ประกันตนมาตรา 33 ในกรุงเทพมหานคร รวมทั้งให้กำลังใจแก่บุคลากรทางการแพทย์ ที่ศูนย์ฉีดวัคซีนห้างเซ็นทรัล พระราม 9 ซึ่งศูนย์แห่งนี้อยู่ในความดูแลรับผิดชอบของสำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครเขตพื้นที่ 3 มีศักยภาพการฉีด 1,500 คนต่อวัน มีทีมแพทย์ พยาบาล และเภสัชกรจากโรงพยาบาลเปาโลโชคชัย 4 เป็นผู้ดำเนินการฉีดในเข็มที่ 2 สำหรับการฉีดวัคซีนแก่ผู้ประกันตนมาตรา 33 ในกรุงเทพมหานครมีจำนวน 26 จุด ตั้งแต่วันที่ 16 - 27 สิงหาคม 2564 เป็นวัคซีนยี่ห้อ AstraZeneca ทั้งหมด โดยภาพรวมเข็มแรกได้ฉีดให้แก่ผู้ประกันตนมาตรา 33 ไปแล้วกว่า 1.3 ล้านราย ทั้งนี้ การให้บริการฉีดวัคซีนโควิด-19  เป็นหนึ่งในมาตรการที่กระทรวงแรงงาน ให้การป้องกันรักษาโดยเร่งรัดการฉีดวัคซีนให้แก่ผู้ประกันตนตามนโยบายรัฐบาล เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 และสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ในกลุ่มแรงงาน เพื่อให้กิจการเดินหน้าต่อไปได้” นายสุชาติ กล่าวในท้ายสุด

สพช. เร่งพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการ MSME 2 ประเทศ สปป.ลาว และประเทศไทย ในบริบทพื้นที่ชายแดน

วันที่ 16 สิงหาคม 2564 สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงานนานาชาติ เดินหน้าพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการของ 2 ประเทศ คือ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และประเทศไทย โดยบูรณาการการพัฒนาผู้ประกอบการผ่านกระบวนการฝึกอบรมทางไกล (online) โดยโปรแกรม Zoom ร่วมกับเครือข่ายธุรกิจ MOC บิสคลับ ประเทศไทย วิทยาลัย ศิลปะ สื่อ และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และสภาการค้าและอุตสาหกรรม สปป.ลาว ดำเนินการเปิดอบรม หลักสูตร การพัฒนาผู้ประกอบการ MSME ด้านการบริหารและการจัดการธุรกิจยุคใหม่ในบริบทพื้นที่ชายแดน (Professional MSME Entrepreneurship Development in Admiration and Modern Business Management in Border Areas)

นางสาวสุขศรี ไล่กสิกรรม ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงานนานาชาติ กล่าวว่า ปัจจุบันความเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันของเทคโนโลยีส่งผลต่อทุกอุตสาหกรรม ทุกพื้นที่ ทุกประเทศ ผนวกกับการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ในปัจจุบัน จึงเป็นสิ่งเร่งรัดให้ผู้ประกอบการต้องปรับตัวให้ทันกับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น หากเป็นเช่นนั้นแล้วจะทำอย่างไรให้ผู้ประกอบการมีภูมิต้านทานต่อสิ่งที่เกิดขึ้นได้ จากสถานการณ์ดังกล่าวจึงเป็นที่มาของการเปิดฝึกอบรม หลักสูตร การพัฒนาผู้ประกอบการ MSME ด้านการบริหารและการจัดการธุรกิจยุคใหม่ในบริบทพื้นที่ชายแดน โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อให้ผู้เข้ารับการอบรมสามารถปรับตัวและรับมือกับอุตสาหกรรมยุคใหม่ ตลอดจนเข้าถึงเทคโนโลยี ก้าวทันยุคเศรษฐกิจดิจิทัลที่เร่งให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงบวก สร้างความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจของประเทศได้ การดำเนินการในครั้งนี้เป็นการบูรณาการการพัฒนาผู้ประกอบการผ่านกระบวนการฝึกอบรม ระหว่างสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงานนานาชาติ /เครือข่ายธุรกิจ MOC บิสคลับ ประเทศไทย วิทยาลัย ศิลปะ สื่อ และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และสภาการค้าและอุตสาหกรรม สปป.ลาว

ผอ.สุขศรีฯ ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า การฝึกอบรมในครั้งนี้ เป็นการฝึกอบรมทางไกล (online) โดยโปรแกรม Zoom ดำเนินการในระหว่างวันที่ 16-20 สิงหาคม 2564 เป็นการจัดฝึกอบรมให้กับบุคลากรภาครัฐและเอกชน จำนวน 80 คน ซึ่งเป็นหัวหน้า เจ้าหน้าที่ด้านการค้า ผู้ประกอบการธุรกิจขนาดกลาง ขนาดย่อม และรายย่อย จังหวัดชายแดนของ 2 ประเทศ คือ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว 12 แขวง

1. บ่อแก้ว   

2. หลวงน้ำทา

3. อุดมไซ

4. ไชยบุรี

5. หลวงพระบาง

6. นครหลวงเวียงจันทน์

7. สะหวันนะเขต

8. บอลิคำไซ  

9. หัวพัน

10. อัดทะปือ

11. เชียงขวาง และ

12. พงสาลี

และประเทศไทย 11 จังหวัด ครอบคลุมทั้ง 4 ภาคของประเทศไทย

1. เชียงราย 

2. เชียงใหม่

3. อุตรดิตถ์

4. กำแพงเพชร

5. กรุงเทพฯ

6. มุกดาหาร

7. ฉะเชิงเทรา

8. สมุทรปราการ

9. ชลบุรี

10. ลพบุรี และ

11. ชุมพร

หากมีผู้สนใจเข้ารับการฝึกอบรมกับสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงานนานาชาติ สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ 222 หมู่ที่ 2 ตำบลเวียง อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย หมายเลขโทรศัพท์ 0 5377 7471 หรือติดตามข่าวสารการรับสมัครฝึกอบรมได้ที่ Facebook สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงานนานาชาติ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top