Thursday, 26 June 2025
THE STATES TIMES TEAM

‘ตม.สุราษฎร์ธานี’ บุกรวบ! รัสเซียค้ายาเสพติดคาเกาะสมุย พบยาเสพติดหลายรายการ

2 กันยายน 2564  เวลา 10.00 น. พ.ต.อ.ศุภฤกษ์ พันธ์โกศลผกก.ตม.จว.สุราษฎร์ธานี  ได้แถลงผลจับกุมยาเสพติด พร้อมของกลางหลายรายการ โดย ตม.จว. สุราษฎร์ธานี  นำโดย ผกก.ตม.จว.สุราษฎร์ธานี  พร้อมด้วย พ.ต.ท.พิงคะรัตน์ ซ้ายขวัญ รอง ผกก.ตม.จว.สุราษฏร์ธานี  ร.ต.อ.อรุณ มูสิกิ้ม รอง สว.ตม.จว.สุราษฏร์ธานี  ร.ต.ต.กรีฑา ชูสังข์ รอง สว.ตม.จว.สุราษฏร์ธานี และชุดสืบสวน ได้สนธิกำลังร่วมกับ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บ่อผุด ภ.จว.สุราษฏร์ธานี ทั้งนี้เมื่อวันที่ 1 ก.ย.64 ที่ผ่านมา สามารถร่วมกันจับกุม Mr.konstantin  savosin อายุ 47 ปี สัญชาติ รัสเซีย  ที่อยู่ บ้านเลขที่ 42/121 หมู่บ้านท็อปปิคอน วินล่าอีเกิลเน็ต ม.6 ต.บ่อผุด อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี พร้อมด้วยของกลางหลายรายการ  ดังนี้

1. ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซี) น้ำหนัก 3.29 กรัม

2. ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์) น้ำหนัก 12.37 กรัม

3. ยาเสพติดให้โทษประเภท 2 (โคเคน) น้ำหนัก 21.77 กรัม

4. ยาเสพติดให้โทษประเภท 2 (โคเคน) น้ำหนัก 119.68 กรัม

5. ยาเสพติดให้โทษประเภท 2 (โคเคน น้ำหนัก 52 กรัม

6. ยาเสพติดให้โทษประเภท 2 (เคตามีน) น้ำหนัก 11.31 กรัม

7. ยาเสพติดให้โทษประเภท 2  (เคตามีน) น้ำหนัก 8.60 กรัม

8. ยาเสพติดให้โทษประเภท 2(เคตามีน) น้ำหนัก 4.80 กรัม

9. ยาเสพติดให้โทษประเภท 1(แมตแอมเฟตามีน) น้ำหนัก 4.24 กรัม

10. ยาเสพติดให้โทษประเภท 1(แมตแอมเฟตามีน) น้ำหนัก 10.68 กรัม

11. ยาเสพติดให้โทษประเภท 1(MD) น้ำหนัก 48.73 กรัม

12. ยาเสพติดให้โทษประเภท 1(MD) น้ำหนัก 18.89 กรัม

13. ยาเสพติดให้โทษประเภท 1(MD) ลักษณะเม็ดสีเทา จำนวน 4 เม็ด

14. ยาเสพติดให้โทษประเภท 1(MD) ลักษณะเม็ดสีเขียว จำนวน 5 เม็ด

15. ยาเสพติดให้โทษประเภท 1(MD) ลักษณะเม็ดสีฟ้า จำนวน 7 เม็ด

16. ยาเสพติดให้โทษประเภท 1(ยาอี,เอ็กตาซี) ลักษณะเม็ดสีแดง จำนวน 5 เม็ด

17. ยาเสพติดให้โทษประเภท 1(ยาอี,เอ็กตาซี) ลักษณะเม็ดสีเทารูปหัวกระโหลก จำนวน 45 เม็ด

18. ยาเสพติดให้โทษประเภท 2(โคเคน) ลักษณะเม็ดสีขาว จำนวน 10 เม็ด

19. เครื่องชั่งดิจิตอล  จำนวน 1 เครื่อง

20. ถุงพลาสติกแบบซิปใส (ถุงแบ่ง) สำหรับบรรจุยาเสพติด จำนวน 50 ถุง

21.แผ่นซีดี วิดีโอ ประกอบการจับกุม

โดยจับกุมได้ที่บ้านเลขที่ 42/121 หมู่บ้านท็อปปิคอน วินล่าอีเกิลเน็ต ม.6 ต.บ่อผุด อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี และกล่าวหาว่า  “มียาเสพติดให้โทษประเภท 1,2 (เมทแอมเฟตามีน,โคเคน,เคตามีน,เอ็กตาซี,MD) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย” และนำตัวผู้ต้องหานำส่งพนักงานสอบสวน สภ.บ่อผุด เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป 

พ.ต.อ.ศุภฤกษ์ กล่าวเพิ่มเติมว่าการจับกุมดังกล่าว เป็นไปตามนโยบายและมาตรการในการป้องกันปราบปรามของ พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม.และ พล.ต.ต.สุเมธ เมฆขจร ผบก.ตม.6 ที่ได้สั่งการให้หน่วยงานในสังกัด ดำเนินการสืบสวน ปราบปราม และเข้มงวดกวดขัน จับกุมคนต่างด้าวที่เข้ามากระทำผิดตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง  ซึ่ง สตม. มีหน้าที่ในการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ อาญากรรมที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร  หากประชาชนพบเห็น หรือต้องการแจ้งเบาะแสการกระทำความผิดในพื้นที่ จว.สุราษฎร์ธานีให้แจ้งได้ที่ สายด่วน สตม. 1178 หรือที่ ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสุราษฎร์ธานีได้ทุกจุดทันที

‘พิพิธภัณฑ์หัวโขน สวนนงนุชพัทยา’ แห่งแรกของโลก! ที่รวบรวมหัวโขนไว้มากที่สุด 506 เศียร

ตามปณิธานของ คุณนงนุช ตันสัจจา ที่ได้ตั้งใจไว้ในเรื่องที่เกี่ยวกับการสืบทอดงานศิลปกรรมไทย เพื่อเป็นมรดกของแผ่นดินไว้ให้คนรุ่นหลังศึกษา ต่อมาคุณกัมพล ตันสัจจา ประธานสวนนงนุชพัทยา จึงได้ทำการรวบรวมงานศิลปกรรมไทยไว้ที่สวนนงนุชพัทยา จังหวัดชลบุรี อีกหนึ่งแขนงคือหัวโขน โดยจัดสร้างพิพิธภัณฑ์หัวโขนขึ้น ซึ่งภายในอาคารพิพิธภัณฑ์ประกอบด้วย ห้องโถงจัดแสดง เป็นที่ตั้งของตู้หัวโขน จำนวน 121 ตู้ ห้องสาธิตงานผลิตหัวโขน, ห้องเขียนลาย และตกแต่งหัวโขน, โดยเริ่มดำเนินการสร้างมาตั้งแต่ วันที่ 1 กรกฎาคม 2560 จนถึงปัจจุบัน

สวนนงนุชพัทยา สร้างพิพิธภัณฑ์หัวโขนขึ้น เพื่อแสดงงานศิลปกรรมไทยชั้นสูง ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์แห่งแรกของโลก ที่มีการรวบรวมหัวโขนไว้มากที่สุด จำนวน 506 เศียร โดยได้แบ่ง ออกเป็น 3 ชุด ดังนี้

1.หัวโขนชุดอนุรักษ์แบบโบราณ   จำนวน 24  เศียร 

2.หัวโขนบรมครู ฤษี  จำนวน 108 พระองค์

3. หัวโขนรามเกียรติ์   จำนวน 374  เศียร

ซึ่งหัวโขนทั้งหมด จัดแสดงในพิพิธภัณฑ์ เพื่อรอให้นักเรียน,นักศึกษา,นักท่องเที่ยว และผู้ที่สนใจ ได้เข้ามาศึกษาเรียนรู้หลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายและได้รับอนุญาตให้เปิดบริการตามปกติ 

ทั้งนี้ เมื่อโครงการจัดทำหัวโขนแล้วเสร็จ โครงการต่อไปทางสวนนงนุชพัทยา จะทำหุ่นกระบอกไทย ตามเรื่องในพระราชนิพนธ์,วรรณคดีไทย และนิทานพื้นบ้าน สำหรับในงานหุ่นกระบอกนี้ จะใช้ทักษะของงานหัวโขน แต่มีขนาดเล็กและส่วนประกอบที่สำคัญคือ งานปักสะดึงกลึงไหม ซึ่งเป็นเครื่องแต่งกายของหุ่น มาเป็นจุดขาย


ภาพ/ข่าว  นิราช / นันทพล ทิพย์ศรี ก012 ชลบุรี

ปคบ.ผนึกกำลัง อย. จับกุม FLASH SLIM ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารผสมวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท (ไซบูทรามีน)

วันที่ 1 กันยายน 2564 กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) โดย พล.ต.ต.ณัฐศักดิ์ เชาวนาศัย ผบก.ปคบ. พ.ต.อ.สำเริง อำพรรทอง พ.ต.อ.ศารุติ แขวงโสภา พ.ต.อ.ศรีศักดิ์ คัมภีรญาณ พ.ต.อ ชนันนัทธ์ สารถวัลย์แพศย์ รอง ผบก.ปคบ. และ พ.ต.อ.เนติ วงษ์กุหลาบ ผกก.4 บก.ปคบ. พร้อมสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) โดย นพ.ไพศาล ดั่นคุ้ม เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา และ ภญ.สุภัทรา บุญเสริม ผู้ทรงคุณวุฒิด้านมาตรฐานผลิตภัณฑ์ด้านสาธารณสุข (รักษาราชการแทนรองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา) ร่วมกันแถลงข่าวผลการปฏิบัติการ กรณีจับกุมผู้กระทำความผิดลักลอบผลิต ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ยี่ห้อ FLASH SLIM ผสมไซบูทรามีนซึ่งเป็นวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท ตรวจยึดได้ของกลางเป็นจำนวนมาก

ปฏิบัติการในครั้งนี้เป็นการขยายผลจับกุมการจำหน่ายผลิตภัณฑ์เสริมอาหารลักลอบใส่วัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสามและยาแผนปัจจุบัน โดยเข้าตรวจยึดจับกุมได้ที่บ้านเลขที่ 15/102-3 หมู่บ้านศิริทรัพย์ ต.บางพูน อ.เมือง จ.ปทุมธานี

พล.ต.ต.ณัฐศักดิ์ เชาวนาศัย ผบก.ปคบ. กล่าวว่า สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก. ปคบ.) ได้ตรวจสอบพบการโฆษณาจำหน่ายผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ยี่ห้อ FLASH SLIM บรรยายสรรพคุณใช้ลดน้ำหนัก อ้างสูตรหมอเกาหลี เมื่อตรวจสอบฉลากของผลิตภัณฑ์ดังกล่าวพบว่า ฉลากแสดงเป็นภาษาต่างประเทศทั้งหมด ไม่ระบุเลขสารบบอาหาร สถานที่ผลิตหรือนำเข้า ส่วนประกอบ วัน เดือน ปี ที่ผลิตหรือควรบริโภคก่อน เป็นต้น ซึ่งไม่เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด และอาจเป็นผลิตภัณฑ์อาหารที่นำเข้าโดยผิดกฎหมาย โดยในวันที่ 9 สิงหาคม 2564 เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้นำหมายค้นของศาลจังหวัดสุพรรณบุรี เข้าตรวจค้นสถานที่จัดเก็บและจำหน่ายสินค้า ตั้งอยู่ที่ ม.13 ต.ทุ่งคอก อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี และได้ตรวจยึดแคปซูลเปล่าน้ำหนักรวม 110 กก. ผงสำหรับใส่ในแคปซูลน้ำหนักรวม 45 กก. นำส่งพนักงานสอบสวน กก.4 บก.ปคบ.เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย

ภายหลังการตรวจยึดดังกล่าว เจ้าหน้าที่ฯ ยังตรวจพบการโฆษณาขายผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ยี่ห้อ FLASH SLIM ทางสื่อสังคมออนไลน์อย่างต่อเนื่อง แสดงให้เห็นว่าเจ้าของผลิตภัณฑ์ไม่ได้หยุดการกระทำผิดกฎหมาย ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้รับผลการตรวจพิสูจน์ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ยี่ห้อ FLASH SLIM ที่ยึดไปในครั้งก่อน ระบุพบไซบูทรามีน (Sibutramine) ซึ่งเป็นวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท1ลอร์คาเซริน (Lorcaserin) ซึ่งเป็นวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 ฟลูออกซิทิน (Fluoxetine) ซึ่งเป็นยาจำพวกสงบประสาท จัดเป็นยาแผนปัจจุบันประเภทยาอันตราย เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ขออนุมัติออกหมายจับผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องทั้งหมด

เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2564 เจ้าหน้าที่ตำรวจ และเจ้าหน้าที่ อย. ได้ทำการตรวจค้นเป้าหมายในพื้นที่ จ.สุพรรณบุรี และ จ.นนทบุรี รวม 2 จุด ได้ตรวจยึดของกลางที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด และจับกุมตัวผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดสุพรรณบุรี ได้แก่ น.ส. สุภามณี (สงวนนามสกุล) อายุ 34 ปี นางโสภา (สงวนนามสกุล) อายุ 62 ปี และนายอัศรินทร์ (สงวนนามสกุล) อายุ 34 ปี โดยพบเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.วัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ.2559 และ พ.ร.บ.ยา พ.ศ.2510 ในข้อหา“ร่วมกันผลิตเพื่อขายวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท1(ไซบูทรามีน) โดยไม่ได้รับอนุญาต , ร่วมกันขายวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท1(ไซบูทามีน) โดยไม่ได้รับอนุญาต , ร่วมกันขายวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท2(ลอร์คาเซรีน) โดยไม่ได้รับอนุญาต , ร่วมกันขายยาแผนปัจจุบันโดยไม่ได้รับอนุญาต และร่วมกันขายยาที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนตำรับยา”

โดยจากการสอบสวนขยายผล พบว่าผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ยี่ห้อ FLASH SLIM ที่ผู้ต้องหาร่วมกันนำมาจำหน่ายมีการว่าจ้างบริษัทแห่งหนึ่งใน อ.ลาดหลุมแก้ว จ. ปทุมธานี ให้เป็นผู้บรรจุลงแคปซูล ต่อมาในวันที่ 31 สิงหาคม 2564 เจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่ อย. ได้นำหมายค้นของศาลจังหวัดปทุมธานี เข้าตรวจค้นเป้าหมาย จำนวน 3 จุด พบว่า ที่บริษัทดังกล่าว และบ้านอีกหลังซึ่งดัดแปลงเป็นโรงงาน มีการลักลอบผลิตผลิตภัณฑ์เสริมอาหารโดยผิดกฎหมาย และบางผลิตภัณฑ์เมื่อมีการทดสอบด้วยชุดตรวจสอบเบื้องต้น พบว่า มีส่วนผสมของไซบูทรามีน เจ้าหน้าที่จึงได้ตรวจยึดของกลางทั้งหมดนำส่งพนักงานสอบสวน กก.4 บก.ปคบ. เพื่อดำเนินคดีตามกฎมายต่อไป

พล.ต.ต.ณัฐศักดิ์ เชาวนาศัย ผบก.ปคบ. ยังกล่าวอีกว่า ฝากความห่วงใยมายังพี่น้องประชาชน อย่าซื้อผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่โฆษณาสรรพคุณว่าลดความอ้วนมารับประทานเอง เนื่องจากอาจเกิดผลข้างเคียงได้ หากมีความจำเป็นต้องรับประทาน ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร และแจ้งเตือนไปยังผู้ที่ลักลอบกระทำความผิดผสมวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทในผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ไม่ว่าจะเป็นโรงงานรับจ้างผลิตหรือเจ้าของผลิตภัณฑ์ ให้หยุดพฤติการณ์ดังกล่าวทันที หากตรวจพบจะดำเนินคดีโดยเด็ดขาด และหากพี่น้องประชาชนพบผลิตภัณฑ์ที่ต้องสงสัย สามารถแจ้งร้องเรียนได้ที่สายด่วน บก.ปคบ. 1135 หรือเพจ ปคบ. เตือนภัยผู้บริโภค

ด้าน ภญ.สุภัทรา บุญเสริม ผู้ทรงคุณวุฒิด้านมาตรฐานผลิตภัณฑ์ด้านสาธารณสุข (รักษาราชการแทนรองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา) กล่าวเพิ่มเติมในตอนท้ายว่า อย. ได้เฝ้าระวังผลิตภัณฑ์เสริมอาหารกลุ่มที่อวดอ้างสรรพคุณลดน้ำหนักเป็นกรณีพิเศษ โดยร่วมกับตำรวจ บก. ปคบ. สืบสวนสอบสวน หาตัวผู้กระทำผิด จนมีการจับกุมดำเนินคดีผู้ผลิต ผู้จำหน่ายที่กระทำผิดกฎหมายอย่างต่อเนื่อง และแจ้งข่าวเตือนประชาชนให้ทราบข้อมูลอยู่เสมอเพื่อมิให้ประชาชนตกเป็นเหยื่อ ขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อโฆษณาอวดอ้างสรรพคุณเกินจริง เช่น ทานแล้วลดน้ำหนักเห็นผลไว เห็นผลจริง ปลอดภัย การันตี ไม่มีผลข้างเคียง เป็นต้น ผลิตภัณฑ์ที่อวดอ้างใช้ลดน้ำหนักเหล่านี้มักพบว่า มีส่วนผสมของไซบูทรามีนหรือยาแผนปัจจุบัน ผลที่ได้อาจไม่คุ้มเสีย เพราะนอกจากจะเสียเงินแล้ว ยังเสียสุขภาพจากผลข้างเคียงของยา และอาจทำให้เสียชีวิตได้ ดังนั้นก่อนตัดสินใจเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ใด ขอให้ตรวจสอบข้อมูลการได้รับอนุญาตผลิตภัณฑ์โดยละเอียดที่หน้าเว็บไซต์ อย. www.fda.moph.go.th หัวข้อ ตรวจสอบผลิตภัณฑ์ หรือ Oryor Smart Application และหากพบผลิตภัณฑ์ที่สงสัยว่าจะผิดกฎหมาย สามารถแจ้งร้องเรียนได้ที่สายด่วน อย. 1556 หรืออีเมล [email protected]


ภาพ/ข่าว  สมเกียรติ ทรัพย์เฉลิม / รายงาน

สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดพัทลุง เปิดกิจกรรม “สื่อสร้างสรรค์เล่าเรื่องดี ๆ ที่บ้านฉัน” Street Art Phatthalung ภายใต้โครงการสร้างความเข้าใจทั้งในและนอกจังหวัดชายแดนใต้ ปี 2564

ที่บริเวณหลังสถานีรถไฟพัทลุง  นายกู้เกียรติ วงศ์กระพันธุ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง เป็นประธานเปิดกิจกรรม “สื่อสร้างสรรค์เล่าเรื่องดี ๆ ที่บ้านฉัน” Street Art

สำหรับกิจกรรม “สื่อสร้างสรรค์เล่าเรื่องดีๆ  ที่บ้านฉัน” Street Art Phatthalung ภายใต้โครงการสร้างความเข้าใจทั้งในและนอกจังหวัดชายแดนใต้ ปี 2564 เพื่อสร้างการรับรู้ ในเชิงบวกต่อสังคมไทย และผู้เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ในทุกระดับ  เพิ่มช่องทางการสื่อสารที่หลากหลาย เพื่อให้สอดคล้องกับพฤติกรรม การรับสื่อในปัจจุบัน และเพื่อให้การดำเนินงานเกิดผลสัมฤทธิ์บรรลุวัตถุประสงค์ ตามเป้าหมายภารกิจในงานด้านการสร้างความเข้าใจ

ซึ่งสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดพัทลุง ได้จัดขึ้นในเขตเทศบาลเมืองพัทลุง โดยได้เปิดโอกาสให้ประชาชนและเยาวชนได้มีส่วนร่วมในการสร้างงานศิลปะในสถานที่ต่าง ๆ ในพื้นที่ดังกล่าว จำนวน 7 จุด ประกอบด้วยบริเวณสถานีรถไฟพัทลุง 3 จุด ร้านสหกรณ์พัทลุง ร้านเพื่อนเกษตร ฟาร์ม ร้านแสนสวย และร้านคุณจินตนา โพธิ์ดารา (ตรงข้ามร้านเพื่อนเกษตร)  ออกแบบและวาดภาพโดยนายลิขิต นิสีทนาการ กลุ่มศิลปิน "แลศิลป์ถิ่นเมืองลุง" ได้ใช้แนวคิดที่เกี่ยวกับวิถีชีวิต ขนบธรรมเนียม ประเพณี ศาสนา ซึ่งเป็นอัตลักษณ์ของประชาชนในพื้นที่จังหวัดพัทลุง

ทั้งนี้ เพื่อสนับสนุนให้เยาวชนและประชาชน เกิดจิตสำนึกรักบ้านเกิด และสามารถนำความรู้ที่ได้รับไปพัฒนาตนเองในด้านการประกอบอาชีพ และเพื่อสร้างจุดเช็คอินแห่งใหม่ในจังหวัดพัทลุง ให้สังคมน่าอยู่อย่างยั่งยืน จะเปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าเยี่ยมชม และถ่ายภาพ ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2564 เป็นต้นไป

กระบี่ - สถาปัตยุคศรีวิชัย "พระธาตุวัดคลองท่อม" เป็นสถาปัตยกรรมถอดแบบยุคสมัยอาณาจักรศรีวิชัย กำลังก่อสร้างใหญ่ที่สุดภาคใต้ (สูง49 ม.)และพบได้ไม่กี่แห่งในไทย

"พระธาตุวัดคลองท่อม" เป็นสถาปัตยกรรมถอดแบบยุคสมัยอาณาจักรศรีวิชัย ปัจจุบัน ความงดงามแบบนี้ มีไม่กี่แห่ง พบในภาคใต้ ซึ้งปัจจุบันกำลังก่อสร้างที่มีขนาดใหญ่สุดในภาคใต้ (ความสูง 49 เมตร) ณ.วัดคลองท่อม อ.คลองท่อม จ.กระบี่ ด้วยแรงศรัทธาเพื่อเป็นพุทธบูชา โดยพระครูสถิตนราธิการ และสาธุชนทั้งหลาย ร่วมกันทำบุญบริจาค

โดยลักษณะ "พระธาตุวัดคลองท่อม"เป็นสถูปทรงมณฑปให้มีฐานและเรือนธาตุรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส ส่วนยอดเป็นเจดีย์แปดเหลี่ยม ส่วนฐานปากระฆังสร้างเป็นชึ้นลดหลั่นกันไป มีเจดีย์ประดับมุมและซุ้มบันแถลงในแต่ละทิศ

ยุคศรีวิชัย (พุทธศตวรรษที่ 13 - 18)

ยุคศรีวิชัย พบในภาคใต้ ศูนย์กลางของอาณาจักรศรีวิชัยไม่ทราบแน่ชัด ในประเทศไทยจะพบร่องรอยการ สร้างสถูปตามเมืองสำคัญ เช่น เมืองครหิ อำเภอไชยาจังหวัดสุราษฎร์ธานี เมืองตามพรลิงก์ จังหวัดนครศรีธรรมราช และอำเภอยะรัง จังหวัดปัตตานี

โดยการก่อสร้างพระธาตุวัดคลองท่อม ได้มีการเริ่มก่อสร้างเมื่อวันที่ 22 พ.ย. 61 ณ มณฑณพิธีสถานที่ก่อสร้างพระธาตุวัดคลองท่อม อำเภอคลองท่อม จังหวัดกระบี่ ในงานพิธีวางศิลาฤกษ์พระมหาธาตุวัดคลองท่อม โดยมี พระราชวชิรากร(พระอาจารย์ชัย) เจ้าอาวาสวัดมหาธาตุชิรมงคล (วัดบางโทง) เป็นประธานวางแท่นศิลาฤกษ์ พระครูสถิตนราธิการ เจ้าอาวาสวัดคลองท่อม พร้อมด้วย นายไพศาล ศรีเทพ นายอำเภอคลองท่อม โดยคาดว่าจะใช้งบก่อสร้าง ประมาณ 70 ล้าน ซึ้งมีความสูงจากฐานถึงยอด 49 เมตร นับว่าเป็นสถาปัตยกรรมในยุคอาณาจักรศรีวิชัย ซึ้งในปัจจุบันหาพบได้น้อยมากในภาคใต้ และมีความใหญ่โตที่สุดในภาคใต้ของไทย ปัจจุบันดำเนินกำลังก่อสร้างในส่วนของโครงสร้างหลัก


ภาพ/ข่าว  มโนธรรม ใจหาญ จ.กระบี่ รายงาน

ลำปาง - มทบ.32 นำถุงยังชีพมอบช่วยเหลือประชาชน ห้วงสถานการณ์โควิด-19 ทหารพร้อมเป็นที่พึ่งให้กับประชาชน ในทุกโอกาส

“ภัยโควิดทำชีวิตลำบาก ทหารอาสาช่วยขจัดความทุกข์ยาก ตามขีดความสามารถที่มี ค่ายสุรศักดิ์มนตรีพร้อมเคียงข้าง ดูแลชาวเขลางค์ด้วยใจ” ในห้วงสถานการณ์โควิดปัจจุบัน ยังคงมีประชาชนในพื้นที่จังหวัดลำปาง ที่ได้รับผลกระทบฯมีความเป็นอยู่ที่ลำบาก/เดือดร้อน ในการนี้ มณฑลทหารบกที่ 32/ศูนย์อำนวยการจิตอาสาพระราชทาน มณฑลทหารบกที่ 32 ได้ตระหนักถึงความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่ ได้จัดถุงยังชีพ/สิ่งของอุปโภคบริโภคจำนวนหนึ่งตามที่หน่วยมี นำมามอบให้ “มีแล้วแบ่งปัน” ช่วยเหลือดูแลประชาชนในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง

โดยเมื่อ 1 กันยายน 2564 เวลา 10.30 น. พลตรีอโณทัย  ชัยมงคล ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 32/ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการจิตอาสาพระราชทาน มณฑลทหารบกที่ 32 พร้อมด้วยพันเอกถิรวัฒน์ ศรีสุวรรณ เสนาธิการมณฑลทหารบกที่ 32/เสนาธิการศูนย์อำนวยการจิตอาสาพระราชทาน มณฑลทหารบกที่ 32 ได้เดินทางมามอบถุงยังชีพช่วยเหลือประชาชนที่มีฐานะยากจน, ป่วยติดเตียง จำนวน 4 รายในพื้นที่บ้านท่าส้มป่อย ตำบลทุ่งฝาย อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง ซึ่งในจำนวนนี้มีคุณยายคุ่ย กาวิวงศ์ อายุ 102 ปีรวมอยู่ด้วย สร้างความดีใจ และอบอุ่นใจเกิดแก่ครอบครัวที่หน่วยเข้าให้ความช่วยเหลือ ซึ่งหน่วยจะดำเนินกิจกรรม “มีแล้วแบ่งปัน” ช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อนในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง...ทหารพร้อมเป็นที่พึ่งให้กับประชาชน ในทุกโอกาส


ภาพ/ข่าว  ภาวินันท์ บุตรหล้า รายงาน

สตูล - ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลจังหวัดสตูล จัดกิจกรรม "อาสาสมัครรักษ์ทะเลไทย ดำน้ำเก็บขยะใต้ทะเล"

วันนี้ 1 กันยายน 2564  ที่ บารารีสอร์ท ตำบลปากน้ำ อำเภอละงู จังหวัดสตูล ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลจังหวัดสตูล (ศรชล.จังหวัดสตูล) จัดกิจกรรม "อาสาสมัครรักษ์ทะเลไทย ดำน้ำเก็บขยะใต้ทะเล" ในพื้นที่จังหวัดสตูล โดยมีนายเอกรัฐ หลีเส็น ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล เป็นประธานในพิธีเปิด พร้อมด้วยนาวาเอก จุมพจน์ เสนาะพิณ รองผอ.ศรชล.จังหวัดสตูล ,หัวหน้าส่วนราชการ และเครือข่ายอาสาสมัครนักดำน้ำเข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้

นายเอกรัฐ หลีเส็น ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล กล่าวว่า ทะเลของจังหวัดสตูล เป็นพื้นที่ที่มีความอุดมสมบูรณ์ ด้วยทรัพยากรแนวปะการัง แหล่งหญ้าทะเล สัตว์ทะเลหายาก ซึ่งมีความสำคัญต่อระบบนิเวศทางทะเล เป็นแหล่งอาศัยของสัตว์ทะเล รวมถึงมีความสำคัญทางด้านเศรษฐกิจ เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลที่มีความสวยงาม มีการพัฒนาตามแนวชายฝั่งเพื่อรองรับนักท่องเที่ยว ซึ่งในแต่ละปีมีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก เดินทางมาท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง ทำให้เกิดปัญหาขยะเพิ่มขึ้นตามมา การจัดกิจกรรมในครั้งนี้มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง นอกจากลดปริมาณขยะในทะเลแล้ว ยังเป็นการสร้างจิตสำนึกในด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมทางทะเล ให้กับชุมชน ชาวประมง ผู้ประกอบการ และประชาชนทั่วไป ได้ตระหนักถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้น ซึ่งจะรอเพียงหน่วยงานราชการที่กำกับดูแลด้านการรักษาทรัพยากรให้คงอยู่ในสภาพสมบูรณเพียงฝ่ายเดียวคงเป็นไปได้ยาก ประชาชน และทุกภาคส่วน จำเป็นต้องเข้ามามีส่วนร่วมเพื่อปกป้องรักษา ร่วมกันในการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เพื่อให้เกิดความสมบูรณ์และใช้ประโยชนร่วมกันอย่างยั่งยืน

นาวาเอก จุมพจน์ เสนาะพิณ ผอ.ศรชล.จังหวัดสตูล กล่าวว่า กิจกรรม "อาสาสมัครรักษ์ทะเลไทย ดำน้ำเก็บขยะใต้ทะเล" จัดขึ้นระหว่างวันที่ 30 สิงหาคม - 1 กันยายน 2564 มีผู้เข้าร่วมซึ่งเป็นเครือข่ายอาสาสมัครนักดำน้ำ จำนวน 20 คน ดำน้ำลงไปเก็บขยะใต้ทะเลขึ้นมาทำลาย เพื่อลดปริมาณขยะในทะเล และบริเวณชุมชนชายฝั่ง โดยไม่ให้มีผลกระทบกับแหล่งทรัพยากรทางทะเล ทั้งนี้ เพื่อป้องกัน อนุรักษ์ และฟื้นฟู แหล่งทรัพยากรแนวปะการัง แหล่งปะการังเทียม ที่ได้รับความเสียหายจากการปกคลุมของขยะชนิดต่าง ๆ รวมถึงเป็นการรณรงค์ส่งเสริมให้ความรู้ สร้างจิตสำนึก และสร้างการมีส่วนร่วมให้แก่ชุมชน นักเรียน นิสิต นักศึกษา นักท่องเที่ยว และผู้ประกอบการ ในการป้องกันขยะลงสู่ทะเล ต่อไป


ภาพ/ข่าว  นิตยา แสงมณี / ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดสตูล

ชลบุรี - ทัพเรือภาคที่ 1 มอบอาหารกล่องจาก “ครัวเรือรบ” ภายใต้แนวคิด “From The Sea” ต้านภัยโควิด-19 ให้ รพ.สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ กรมแพทย์ทหารเรือ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ผู้ป่วย และเป็นกำลังใจให้แก่บุคลากรทางการแพทย์

วันที่ 1 กันยายน 2564 เวลา 09.00 น. พลเรือโท โกวิท อินทร์พรหม ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 พร้อมด้วย พลเรือตรี จรัญวีร์  ญาดี รองผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 และ คุณนุชนภา อินทร์พรหม ประธานชมรมภริยาทหารเรือ ทัพเรือภาคที่ 1 เดินทางไปมอบอาหารกล่องพร้อมน้ำดื่ม จำนวน 86 ชุด ณ จุดประชาสัมพันธ์ รพ.สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ กรมแพทย์ทหารเรือ ภายใต้โครงการมอบอาหารกล่องจาก “ครัวเรือรบ” ภายใต้แนวคิด “From The Sea” ต้านภัย COVID-19 เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ผู้ป่วย COVID-19 และเป็นกำลังใจให้แก่บุคลากรทางการแพทย์ ซึ่งถือว่าเป็นนักรบชุดกราวน์ ที่ต้องรับมือกับผู้ป่วยติดเชื้อไวรัส COVID-19 โดยตรง โดยมี พลเรือตรี ชลธร สุวรรณกิตติ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ กรมแพทย์ทหารเรือ ให้การต้อนรับ และนำไปแจกจ่ายให้แก่ ผู้ป่วยติดเชื้อ COVID-19 ณ โควิดคลินิก และแจกจ่ายให้แก่บุคลากรแพทย์และพยาบาลด่านหน้าที่ต้องต่อสู้กับโรคติดเชื้อไวรัส COVID-19 ต่อไป

สืบเนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา2019 (COVID-19) ที่ยังคงแพร่ระบาดอยู่ในขณะนี้ ทำให้มีผู้ติดเชื้อ COVID-19 มาเข้ารับบริการที่โควิดคลินิก รพ.สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ กรมแพทย์ทหารเรือ ในแต่ละวันเป็นจำนวนมาก ผู้ติดเชื้อจำเป็นต้องเข้าสู่ขั้นตอนของการคัดแยก ให้ความรู้ และรับไว้รักษา ซึ่งต้องใช้ระยะเวลาค่อนข้างนาน และจะต้องอยู่ในพื้นที่จำกัดบริเวณโดยไม่สามารถออกไปรับประทานอาหารกลางวันได้

ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 จึงได้มีนโยบายให้การสนับสนุนในโครงการมอบอาหารกล่องจาก “ครัวเรือรบ” ภายใต้แนวคิด “From The Sea” ต้านภัย COVID-19 มอบให้ รพ.สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ กรมแพทย์ทหารเรือ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ป่วยติดเชื้อ COVID-19 ที่โควิดคลินิก อีกทั้งยังเป็นการให้กำลังใจแก่บุคลากรทางการแพทย์ โครงการนี้ได้จัดขึ้นตั้งแต่ วันที่ 11 สิงหาคม 2564 เรื่อยมาอย่างต่อเนื่อง รวมอาหารกล่อง พร้อมน้ำดื่มที่ได้ให้การสนับสนุนไปแล้วทั้งสิ้น จำนวน 1,116 ชุด และจะยังคงให้การสนับสนุนเช่นนี้ไปจนถึงวันที่ 9 กันยายน 2564 โดยที่ผ่านมาในโครงการนี้มีกำลังพลจากหมวดเรือเฉพาะกิจทัพเรือภาคที่ 1 หมวดเรือลาดตระเวนชายแดน และหมวดบินเฉพาะกิจ ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันจัดทำอาหารกล่องมามอบให้แก่ทางโรงพยาบาล ภายใต้โครงการดังกล่าวด้วย

“ครัวเรือรบ From The Sea” ต้านภัย COVID-19

#พลังสามัคคีพลังราชนาวี

#ทัพเรือภาคที่1


ภาพ/ข่าว  กองกิจการพลเรือนทัพเรือภาคที่ 1

นิราช / นันทพล ทิพย์ศรี ชลบุรี

ชลบุรี - พัทยา เร่งฉีดวัคซีนผู้สูงอายุ ป่วย 7 โรค เกิน 80 % แล้ว หวังสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ ก่อนเตรียมเปิดเมืองท่องเที่ยว มีนักร้องขับกล่อมแก่ผู้ใช้บริการเพื่อลดความเครียด

วันนี้ 1 ก.ย.64 ที่โรงเรียนเมืองพัทยา 2 นายสนธยา คุณปลื้ม นายกเมืองพัทยา พร้อมด้วย คณะผู้บริหารเมืองพัทยา ร่วมลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจ เจ้าหน้าที่แพทย์ พยาบาล และประชาชนที่เดินทางมาเข้ารับวัคซีนซิโนฟาร์ม เมืองพัทยาเข็ม 1 ในวันแรก จำนวน 1,000 คน  ซึ่งเป็นวัคซีนซิโนฟาร์ม ที่เมืองพัทยา ได้ตั้งงบประมาณไว้เพื่อทำการจัดซื้อจากสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ฯ จำนวน 100,000 โดส เพื่อนำมาฉีดให้กับประชาชนเมืองพัทยาหวังเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ โดยปัจจุบันเมืองพัทยา ได้รับการอนุมัติวัคซีนซิโนฟาร์ม จากสถาบันราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ในล็อตแรกจำนวน 60,000 โดส โดยบรรยากาศวันนี้มีผู้ที่ลงทะเบียนออนไลท์ มาฉีดวัคซีนชิโนฟาร์ม และผู้ที่มาตรวจหาเชื้อโควิด ATK จำนวน 200 คน โดยบรรยากาศมีเพลงขับกล่อม เพื่อระบายความเครียดแก่ผู้ที่มาใช้บริการ

นายสนธยา คุณปลื้ม นายกเมืองพัทยา กล่าวว่า สำหรับการให้บริการฉีดวัคซีนซิโนฟาร์ม ของเมืองพัทยาวันที่สอง ที่โรงเรียนเมืองพัทยา 2  ซึ่งพบว่าทุกอย่างเป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดยเมืองพัทยา เร่งฉีดวัคซีนชิโนฟาร์ม ที่เมืองพัทยาตั้งงบประมาณจัดซื้อมานั้น ถือว่ามีปริมาณเพียงพอต่อจำนวนประชากรในพื้นที่เกือบทั้งหมด รวมถึงวัคซีนที่ภาครัฐจัดสรรมาให้ ทั้งในส่วนของซีโนแวค แอสตร้าเซเนก้า วันนี้สามารถฉีดวัคซีนให้กับผู้สูงอายุและผู้ป่วย 7 โรคไปแล้ว มากกว่า 80% ส่วนประชาชนทั่วไปนั้น ได้เร่งดำเนินการฉีดวัคซีนให้ได้จำนวนที่กำหนดหรือ 70 % เพื่อเร่งเปิดเมืองท่องเที่ยวหรือแผน Pattaya Move On สามารถมุ่งสู่เป้าหมายความเป็นเมืองท่องเที่ยว ที่มีความปลอดภัยด้านการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ภายในเดือนตุลาคมนี้ หรืออย่างช้าสุดภายในเดือน มกราคม 2565 ซึ่งหลังจากนั้นจะได้เร่งตามแผนการที่จะเปิดการรับนักท่องเที่ยว อย่างเต็มรูปแบบอีกครั้ง


ภาพ/ข่าว  นิราช / นันทพล ทิพย์ศรี ก012 ชลบุรี

จันทบุรี - ไรเดอร์รับส่งอาหารในจังหวัดจันทบุรีกว่า 100 คน รวมตัวยื่นหนังสือให้ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด เรียกร้องความเป็นธรรมในการจ่ายค่าตอบแทน

วันนี้ (1 ก.ย. 64) ที่หน้าศาลากลางจังหวัดจันทบุรี ไรเดอร์รับส่งอาหาร ไลน์แมน กว่า 100 คน ได้รวมตัวกันมายื่นหนังสือเรียกร้องขอความเป็นธรรมมอบให้กับศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดจันทบุรี เนื่องจากได้รับความไม่เป็นธรรมในเรื่องค่าตอบแทนในการรับส่งอาหาร โดยในปัจจุบันได้ค่าตอบแทนรับส่งอาหารรอบละ 17 บาท จากที่ตอนแรกตกลงกันที่ 17 +4 บาท และถ้าช่วงที่มีฝนตกจะได้ค่าตอบแทนเพิ่มอีก 10 บาท เป็น 27 บาท ซึ่งในตอนนี้ไลน์แมนได้เปิดวิ่งในจังหวัดมาแล้ว 1 เดือนไม่มีค่าตอบแทนที่เพิ่มขึ้นแต่อย่างใด จึงได้ลงความเห็นกันแล้วว่าค่ารอบที่วิ่งนั้นไม่คุ้มกับค่าน้ำมันที่เพิ่มขึ้น ค่าโทรศัพท์ รวมทั้งค่าสึกหรอของรถ จึงได้รวมตัวกันมายื่นหนังสือเรียกร้องความเป็นธรรม 

โดยมี นายภิชาติ โพธิ์บาทะ ผู้อำนวยการศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดจันทบุรี เป็นผู้รับมอบหนังสือร้องเรียนสำหรับข้อเรียกร้องของไรเดอร์รับส่งอาหาร ที่ได้รวมตัวกันในวันนี้คือ

1.ขอศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดจันทบุรีช่วยประสานงานติดต่อขอตัวแทนที่เจรจากับบริษัทได้เนื่องจากในจังหวัดไม่มีตัวแทนที่ติดต่อพูดคุยได้ ไม่มีสำนักงานในจันทบุรี

2.ต้องการค่าตอบแทนต่อรอบเริ่มต้นที่ 30 บาท และบวกเพิ่มตามระยะทางตามความเหมาะสม

3.ให้บริษัทพิจารณาเรื่องการจ่ายงานในระยะไกลที่ไรเดอร์ห่างจากร้านเกิน 4 กิโลเมตรและบวกค่ารอบตามความเหมาะสม

4 .ขอให้ทางบริษัททำการประชาสัมพันธ์ให้มากกว่านี้ ไม่ว่าจะเป็นทางเพจ หรือป้ายประชาสัมพันธ์ และโค้ดส่วนลดต่าง ๆ เพื่อให้ลูกค้าได้รับข้อมูลอย่างทั่วถึง ทั้งนี้ในวันนี้ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดจันทบุรี ได้รับหนังสือข้อเรียกร้องขอความเป็นธรรมแล้ว จากนั้นจะนำไปดำเนินการติดต่อเพื่อให้ความเป็นธรรมต่อไป


ภาพ/ข่าว จรัล บรรยงคเสนา จ.จันทบุรี

พรเทพ เขม้นเขตวิทย์ รายงานจากศูนย์ข่าวภาคตะวันออก


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top