Thursday, 26 June 2025
THE STATES TIMES TEAM

แม่ฮ่องสอน - ชาวบ้านลุ่มน้ำยวมส่งหนังสือถึง “บิ๊กป้อม” วอน กก.วล.เลื่อนการพิจารณา EIA ผันน้ำยวม

เมื่อวันที่ 14 กันยายน 2564 นายสะท้าน ชีวะวิชัยพงศ์ ผู้ประสานงานเครือข่ายประชาชนลุ่มน้ำยวม เงา เมย สาละวิน เปิดเผยว่า ขณะนี้เครือข่ายประชาชนลุ่มน้ำยวม-เงา-เมย-สาละวินได้ส่งหนังสือ ถึงคณะรัฐมนตรี ประธานคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ(กก.วล.)และคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการบริหารจัดการลุ่มน้ำทั้งระบบ เพื่อขอให้เลื่อนการพิจารณารายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม ของ คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ และขอให้ส่งกลับรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ให้คณะกรรมการผู้ชำนาญการฯ (คชก.) ทบทวนการพิจารณารายงานให้ครอบคลุมในทุกมิติ 

นายสะท้านกล่าวว่าเครือข่ายฯ  ทราบว่า คชก. ได้พิจารณาผ่านรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม โครงการเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนให้เขื่อนภูมิพล แนวส่งน้ำยวม-อ่างเก็บน้ำเขื่อนภูมิพล และสำนักงานนโยบายและแผนสิ่งแวดล้อม (สผ.) ได้จัดส่งรายงานดังกล่าวให้ กก.วล.เพื่อพิจารณาแล้ว และ กก.วล.จะมีการพิจารณาในวันที่15 กันยายน 2664 ซึ่งซึ่งเครือข่ายประชาชนลุ่มน้ำยวม-เงา-เมย-สาละวิน เห็นว่า EIA ฉบับนี้จะส่งผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมและสังคม ซึ่งโครงการประกอบด้วยโครงสร้างต่าง ๆ อาทิ เขื่อนแม่น้ำยวม ถังพักน้ำ อุโมงค์ส่งน้ำ ฯลฯ จะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงและกว้างขวาง ต่อประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ริมแม่น้ำเมย แม่น้ำยวม แม่น้ำสาละวิน และพื้นที่ของอุโมงค์ส่งน้ำใน 3 จังหวัด คือ แม่ฮ่องสอน ตาก และเชียงใหม่ นอกจากนี้โครงการดังกล่าว ยังจะส่งผลกระทบต่อแม่น้ำเมยและสาละวิน อันเป็นเขตพรมแดนไทย-พม่า ซึ่งเป็นแม่น้ำระหว่างประเทศ และอาจจะส่งผลกระทบต่อประชาชนในประเทศเมียนมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ 

โดยที่ผ่านมาทางเครือข่ายฯ ได้ยื่นหนังสือต่อเลขาธิการ สผ และคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ เพื่อแสดงจุดยืนไม่เห็นด้วยกับการดำเนินโครงการผันน้ำข้ามลุ่มน้ำดังกล่าวไปยังหน่วยงานตลอดมา 

“เราระบุในหนังสือว่า คชก. ก็ยังคงผ่านรายงานเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม โดยหนังสือฉบับนี้ เครือข่ายฯ ขอเรียนมาเพื่อขอแสดงจุดยืนคัดค้านไม่เห็นด้วยกับโครงการฯ โดยขอให้เลื่อนการพิจารณารายงาน EIA ของ กก.วล.และขอให้ส่งกลับรายงานให้คณะกรรมการผู้ชำนาญการฯทบทวนการพิจารณารายงานให้ครอบคลุมในทุกมิติ พร้อมทั้งขอให้ดำเนินการจัดกระบวนการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่อย่างรอบด้านครบทุกกลุ่ม อีกทั้ง ขอให้นำข้อห่วงกังวลหรือข้อคิดเห็นของชาวบ้านผู้ได้รับผลกระทบจากโครงการโดยตรง ให้ดำเนินการทบทวนการทำรายงานรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการฯ ให้ครอบคลุมในทุกมิติ” นายสะท้าน กล่าว

ในวันเดียกันมูลนิธิสืบนาคะเสถียร ได้ออกแถลงการณ์ คัดค้านโครงการเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนให้เขื่อนภูมิพลแนวส่งน้ำยวม – อ่างเก็บน้ำเขื่อนภูมิพล  โดยระบุว่าโครงการดังกล่าว ต้องใช้พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ 5 แห่ง และพื้นที่เตรียมประกาศอุทยานแห่งชาติ 1 แห่ง สูญเสียพื้นที่ป่าทั้งสิ้น 3,641.77 ไร่ ปัจจุบันรายงาน EIA กำลังจะเข้าสู่การพิจารณาของ กก.วล.พิจารณาทั้งที่รายงานดังกล่าว ยังมีข้อกังขาถึงกระบวนการจัดทำรายงานฯ ความถูกต้องของข้อมูล และการเข้าถึงข้อมูลของประชาชนในพื้นที่ที่อยู่ห่างไกล ว่าผู้มีส่วนได้-เสียในพื้นที่ได้มีส่วนร่วมอย่างแท้จริงหรือไม่

“มูลนิธิสืบนาคะเสถียร ในนามของตัวแทนเครือข่ายองค์กรอนุรักษ์ 19 องค์กรตามรายชื่อแนบท้าย ได้ทำการยื่นจดหมายถึง ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี และพลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานการประชุมคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนโครงการขนาดใหญ่และโครงการสำคัญ และประธานคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2564 ขอให้ยุติโครงการพัฒนาแหล่งน้ำทุกขนาดในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ และทบทวนนโยบายการจัดการน้ำของทั้งประเทศ เพื่อประเมินความเสี่ยงจากภาวะโลกร้อน

โดยมี นายธีรภัทร ประยูรสิทธิ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นผู้แทนรับมอบเอกสารคัดค้านดังกล่าว โดยขอแสดงเจตนายืนยันไม่เห็นด้วยที่จะมีการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำ หรือโครงการพัฒนาแหล่งน้ำประเภทอื่น ๆ เช่น อุโมงค์ผันน้ำที่ผ่าใจกลางผืนป่าในพื้นที่อนุรักษ์อีกต่อไป ซึ่งโครงการเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนให้เขื่อนภูมิพลแนวส่งน้ำยวม – อ่างเก็บน้ำเขื่อนภูมิพล และระบบสายส่งไฟฟ้าแรงสูงโครงการเพิ่มน้ำต้นทุนให้เขื่อนภูมิพล แนวส่งน้ำยวม-เขื่อนภูมิพล คือ 2 โครงการจาก 77 โครงการ องค์กรเครือข่ายอนุรักษ์ฯ ขอแสดงเจตนายืนยันที่จะเรียกร้องให้รัฐบาลยุติโครงการพัฒนาแหล่งน้ำในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ทั้งหมด ยกเลิกการเร่งผลักดันโครงการพัฒนาแหล่งน้ำแบบเหมารวม และเลือกการจัดการแหล่งน้ำนอกพื้นที่ป่าอนุรักษ์เป็นลำดับแรก ส่งเสริมนวัตกรรมการจัดการน้ำแบบไม่ทำลายพื้นที่ป่าเพื่อให้คนและสัตว์ป่าอยู่ร่วมกันได้อย่างยั่งยืน” แถลงการณ์ของมูลนิธิสืบระบุ 

อุดรธานี - ทหารอุดร บูรณาการ 14 หน่วยงาน ฝึกซ้อมบรรเทาสาธารณภัย เตรียมพร้อมช่วยเหลือประชาชนเมื่อเกิดเหตุ

เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2564 ณ  บริเวณลานหน้าพระอนุสาวรีย์พลตรีพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม ค่ายประจักษ์ศิลปาคม ต.หมากแข้ง อ.เมือง จ.อุดรธานี พลตรี พิทักษ์ จันทร์เขียว ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 24 /ผู้อำนวยการศูนย์บรรเทาสาธารณภัยมณฑลทหารบกที่ 24 เป็นประธานเปิดการฝึกการซักซ้อมบรรเทาสาธารณภัย และช่วยเหลือประชาชน โดยมี พันเอก ปฏิวัติ ชื่นศรี เสนาธิการ ศูนย์บรรเทาสาธารณภัย กรมทหารราบที่ 13 และหน่วยงาน ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง 14 หน่วยงาน เข้าร่วมพิธีฯดังกล่าว 

โดยการบูรณาการร่วมกับหน่วยงานส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง อบรมให้ความรู้ ซักซ้อมแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย รวมถึงการช่วยเหลือประชาชนเพื่อให้เข้าใจในเรื่องการบรรเทาสาธารณภัย ให้มีความพร้อมในการช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่รับผิดชอบของหน่วย ระหว่างวันที่ 13 – 14 กันยายน  2564

ทั้งนี้ เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมให้กับเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วน ในการให้ความช่วยเหลือประชาชน โดยได้ฝึกเตรียมความพร้อมด้านกำลังพล และยุทโธปกรณ์ให้เกิดความชำนาญในการใช้ยุทโธปกรณ์ต่าง ๆ อย่างปลอดภัย ทั้งผู้ให้การช่วยเหลือ และผู้ได้รับการช่วยเหลือ สามารถวิเคราะห์สถานการณ์ในพื้นที่ ที่จะเข้าให้การช่วยเหลืออย่างทันท่วงที รวมทั้งบูรณาการวางแผน ประสานความร่วมมือกับทุกภาคส่วน เพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชน ได้อย่างมีประสิทธิภาพ  


ภาพ/ข่าว  จ.ส.อ.กฤษฎา มณีใส กรมทหารราบที่ 13

จันทบุรี - ประชุมหารือแนวทางการจัดการมูลฝอยติดเชื้อ ของศูนย์พักคอยในชุมชน CI ในสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ที่ท้องถิ่นร่วมกันจัดตั้งรวม 37 แห่ง

วันนี้ ( 14 ก.ย.64 ) ที่ห้องประชุมไพลิน องค์การบริหารส่วนจังหวัดจันทบุรี นายสุธี ทองแย้ม ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี ในฐานะ ผู้กำกับการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินจังหวัดจันทบุรี เป็นประธานการประชุมหารือแนวทางการจัดการมูลฝอยติดเชื้อของศูนย์พักคอยในชุมชน Community Isolation หรือ CI ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019

โดยมีส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในจังหวัดจันทบุรีร่วมประชุม ทั้งนี้ จังหวัดจันทบุรีได้บูรณาการความร่วมมือและจัดตั้งศูนย์พักคอยในชุมชน Community Isolation หรือ CI รวมแล้ว 37 แห่งครอบคลุมทั้ง 10 อำเภอ ซึ่งการประชุมครั้งนี้มีเรื่องเพื่อพิจาณาในการหารือแนวทางการจัดการมูลฝอยติดเชื้อของศูนย์พักคอยในชุมชน รวมทั้งเรื่องเพื่อทราบสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ของจังหวัดจันทบุรี / การมอบหมายการจัดตั้งศูนย์พักคอยในชุมชน / กฎหมายที่เกี่ยวข้องในการจัดการมูลฝอยติดเชื้อขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น / การจัดการขยะมูลฝอยติดเชื้อของศูนย์พักคอยในชุมชนที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและอำเภอดำเนินการอยู่ / การจัดการมูลฝอยติดเชื้อในโรงพยาบาลสนาม และศูนย์พักคอยในชุมชนที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดจันทบุรีดำเนินการอยู่ 


ภาพ/ข่าว จรัล บรรยงคเสนา จ.จันทบุรี

พรเทพ เขม้นเขตวิทย์ รายงานจากศูนย์ข่าวภาคตะวันออก

พังงา - “จี้แดง” วันดี ปิยนามวาณิช ได้รับเลือกเป็นประธานกรรมการพัฒนาสตรีจังหวัดพังงา ต่ออีก 1 วาระแบบไร้คู่แข่ง

ที่ห้องประชุมโรงแรม เลอ เอราวัณ อ.เมืองพังงา นายก้องเกียรติ รองรัตนพันธ์ ผอ.กลุ่มงานส่งเสริมการพัฒนาชุมชน สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดพังงา เป็นประธานการประชุมการคัดเลือกคณะกรรมการพัฒนาสตรีจังหวัดพังงา โดยมีคณะกรรมการพัฒนาสตรีระดับอำเภอจาก 8 อำเภอและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเข้าร่วม ซึ่งที่ประชุมได้มีมติอย่างเอกฉันท์เลือก “จี้แดง”นางวันดี ปิยนามวาณิช ประธานคณะกรรมการสตรีจากอำเภอตะกั่วทุ่ง และประธานคณะกรรมการพัฒนาสตรีจังหวัดพังงา ที่เพิ่งหมดวาระ เป็นประธานคณะกรรมการฯต่ออีก1วาระแบบไร้คู่แข่ง พร้อมกันนั้นทางที่ประชุมได้เลือกรองประธานและคณะกรรมการด้านต่าง ๆ พร้อมคณะที่ปรึกษา เพื่อดำเนินงานขับเคลื่อนโครงการต่าง ๆ ในการพัฒนาสตรีของจังหวัดพังงาในวาระ 4 ปี

“จี้แดง” นางวันดี ปิยนามวาณิช กล่าวว่า ต้องขอขอบคุณคณะกรรมการพัฒนาสตรีจากทุกอำเภอและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ที่ได้ให้เกียรติและไว้วางใจให้เป็นประธานอีก1วาระ กรมการพัฒนาชุมชนได้เริ่มดำเนินงานพัฒนาสตรีในชนบทตามภารกิจที่ได้รับมอบหมายตั้งแต่ พ.ศ.2505 จนถึงปัจจุบัน โดยยึดนโยบายให้สอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตสตรีให้มีความพร้อมเกี่ยวกับคุณลักษณะส่วนตัว ชีวิตในครอบครัว และการมีส่วนร่วมในสังคม โดยกระตุ้นให้สตรีมีความคิดริเริ่ม ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ มีความกระตือรือร้น มีความเชื่อมั่นในตัวเอง สามารถช่วยตนเองและครอบครัวได้ ตลอดจนมีความรู้ในการประกอบอาชีพและมีส่วนรับผิดชอบในการพัฒนาท้องถิ่น

โดยจัดตั้งและพัฒนาองค์กรสตรีแต่ละระดับ เพื่อเป็นแกนนำในการคิด ตัดสินใจ วางแผน แก้ไขปัญหาชนบทและการพัฒนาสตรี ประกอบกับคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบและอนุมัติให้ประกาศใช้ปฏิญญาสตรีไทยอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่  4 มกราคม  2537 โดยให้หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน องค์กร ธุรกิจ สื่อมวลชนและประชาชนร่วมมือกันในการพัฒนาสตรีเพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งที่ผ่านมาคณะกรรมการพัฒนาสตรีจังหวัดพังงา ได้ดำเนินการกิจกรรมและโครงการต่าง ๆ ในการพัฒนาคุณภาพชีวิตสตรีในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาบุคลิกภาพ การสนับสนุนด้านอาชีพ การปลูกผักสวนครัวสร้างแหล่งอาหารในชุมชน การส่งเสริมและอนุรักษ์การแต่งกายด้วยผ้าพื้นถิ่น การให้ความรู้ในการใช้โซเชียลมีเดีย ฯลฯ รวมถึงการร่วมสนับสนุนกิจกรรมต่าง ๆ ของกรมการพัฒนาชุมชนและจังหวัดพังงาด้วยดีอย่างเสมอมา


ภาพ/ข่าว  อโนทัย งานดี / พังงา

ศอ.ปส.ตร. มอบโล่ประกาศเกียรติคุณ! แก่ข้าราชการตำรวจและหน่วยงานที่มีผลการปฏิบัติงานดีเด่น ด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ของ ตร. ประจำปีงบประมาณ 2564

วันอังคารที่ 14 กันยายน 2564 พลตำรวจเอก สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นประธานในพิธีมอบโล่ประกาศเกียรติคุณแก่ข้าราชการตำรวจและหน่วยงานที่มีผลการปฏิบัติงานดีเด่น ด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ประจำปีงบประมาณ 2564 

โดยมี พล.ต.อ.มนู  เมฆหมอก รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะ ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด หรือ ศอ.ปส.ตร., พร้อมด้วย พลตำรวจโท ชินภัทร สารสิน ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ  ในฐานะ รอง ผู้อำนวยการ ศอ.ปส.ตร. ในพิธีมอบโล่ประกาศเกียรติคุณแก่ข้าราชการตำรวจและหน่วยงานที่มีผลการปฏิบัติงานดีเด่นด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ของ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ประจำปีงบประมาณ 2564 ณ ห้องศรียานนท์ ชั้น 2 อาคาร 1 ตร. ด้วย

ศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ได้กำหนดหลักเกณฑ์ในการพิจารณาคัดเลือกข้าราชการตำรวจ และหน่วยงานในสังกัด ตร. ที่มีผลงานการปฏิบัติหน้าที่ปราบปรามยาเสพติด ดีเด่น เพื่อรับมอบโล่ประกาศเกียรติคุณดังกล่าว ซึ่งพิจารณาโดยใช้เกณฑ์จากปริมาณยาเสพติดที่จับกุมได้ ความยากลำบากในการสืบสวนสอบสวน การทำลายเครือข่ายและยึดอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่องจากการกระทำความผิดได้จำนวนมาก รวมถึงการใช้ความรู้ความสามารถในการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ขยายผลจับกุมผู้ต้องหา ทั้งนี้ มีผู้ที่ผ่านเกณฑ์การคัดเลือก 19  ราย และ 17 หน่วยงาน

ข้าราชการตำรวจที่มีผลการปฏิบัติงานดีเด่นมีดังนี้

1. พันตำรวจเอก ประสงค์ อานมณี  รอง ผบก.สปพ.บช.น.

2. พันตำรวจโท สิทธิพร  มีอาษา   สว.กก.3 บก.ป.บช.ก.

3. พันตำรวจโท ฐานิตย์ นามบ้าน  ผบ.ร้อย.ตชด.315 อำเภอชาติตระการ จังหวัดพิษณุโลก

4. พันตำรวจเอก วีระพันธ์  ณ ลำปาง   ผกก.3 บก.ปส.2.บช.ปส.

5. พันตำรวจเอก กฤษดา  ศรีอิสาณ   ผกก.2 บก.ปส.3.บช.ปส.  

6. พันตำรวจโท มงคล  ออมทรัพย์  รอง ผกก.1 บก.สกส.บช.ปส. 

7. ว่าที่ พันตำรวจตรี วรวัตต์  อุดรรัตนา  สว. บก.ขส.บช.ปส.

8. พันตำรวจตรี สมพร ลอยกระโทก  สว. กก.สส.ภ.จว.นนทบุรี ภ.1 

9. พันตำรวจตรี ภาณุวิทย์ เพชรแทน  สว. กก.สส.2 บก.สส.ภ.2 

10. ร้อยตำรวจเอก ธนาชัย นามวาท  รอง สว.กก.สส.ภ.จว.อำนาจเจริญ ภ.3

11. พันตำรวจโท ภัควัฒน์  วันสนุก  รอง ผกก.ป สภ.บ้านเดื่อ จังหวัดหนองคาย ภ.4

12. พันตำรวจโท ฐตภณ ทองวิภาวรรณ์   สว.ป สภ.ห้วยไร่ จังหวัดแพร่ ภ.5

13.พันตำรวจเอก ประยุทธ์ เจ๊กภู่  ผกก.(สอบสวน) ภ.จว.อุตรดิตถ์ ภ.6

14. พันตำรวจโท ศุภกิจ มหาโชคธรณี  สว.ป สภ.เมืองกาญจนบุรี จังหวัดกาญจนบุรี ภ.7

15. พันตำรวจเอก เชิดพงษ์  ชิวปรีชา  รอง ผบก.สส.ภ.8

16. พันตำรวจเอก ฉลาด พลนาการ  ผกก.สภ.หลังสวน จังหวัดชุมพร ภ.8

17. พันตำรวจเอก นิรันดร์ กันจู   ผกก.สภ.มาบอำมฤตจังหวัดชุมพร ภ.8

18. พันตำรวจเอก พรชัย  สุวรรณวงศ์  ผกก.สส. 2 บก.สส.จชต. ภ.9

19. พันตำรวจเอก ธนวัต เส้งสุย  ผกก.สส. ภ.จว.สงขลา ภ.9

หน่วยงานที่มีผลการปฏิบัติงานดีเด่นมีดังนี้

1. กองกำกับการสืบสวนสอบสวน 2 กองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการ

ตำรวจนครบาล

2. กองบังคับการตำรวจทางหลวง กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง

3. กองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 24 ค่ายเสนีย์รณยุทธ จังหวัดอุดรธานี กองบัญชาการ

ตำรวจตระเวนชายแดน 

4. กองบังคับการสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติด กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด

5. กองบังคับการตำรวจปราบปรามยาเสพติด 2 กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด

6. กองบังคับการตำรวจปราบปรามยาเสพติด 3 กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด

7. กองกำกับการสืบสวน ตำรวจภูธรจังหวัดนนทบุรี ตำรวจภูธรภาค 1

8. กองบังคับการสืบสวนสอบสวน ตำรวจภูธรภาค 2

9. กองกำกับการสืบสวน ตำรวจภูธรจังหวัดอำนาจเจริญ ตำรวจภูธรภาค 3

10. กองกำกับการสืบสวน ตำรวจภูธรจังหวัดหนองคาย ตำรวจภูธรภาค 4

11. สถานีตำรวจภูธรแม่พริก จังหวัดลำปาง ตำรวจภูธรภาค 5 

12. กองบังคับการสืบสวนสอบสวน ตำรวจภูธรภาค 6

13. ตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี ตำรวจภูธรภาค 7 

14. ตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี ตำรวจภูธรภาค 8

15. ตำรวจภูธรจังหวัดชุมพร ตำรวจภูธรภาค 8

16. ตำรวจภูธรจังหวัดสงขลา ตำรวจภูธรภาค 9

17. ตำรวจภูธรจังหวัดยะลา ตำรวจภูธรภาค 9

ซึ่งการมอบโล่ประกาศเกียรติคุณในครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้แก่ข้าราชการตำรวจ และ หน่วยงาน เพื่อให้มีการขับเคลื่อนและเดินหน้าปราบปรามยาเสพติดอย่างเต็มกำลังความสามารถทั้งร่างกายและจิตใจ ห้วงปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีนโยบายในการปราบปรามยาเสพติดอย่างเข้มข้น ซึ่งมีการตรวจยึดของกลางยาเสพติดจำนวนมาก และสามารถยึดอายัดทรัพย์สินจากนักค้ายาเสพติดรายใหญ่ได้สูงกว่า 6,577 ล้านบาท

พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. ตัวแทน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จัดสร้าง “อาคารเอนกประสงค์ สาธารณะประโยชน์ บ.ย.ส.25” ส่งมอบให้กับตำรวจภูธรจังหวัดแม่ฮ่องสอน เพื่อสาธารณประโยชน์แก่ทุกภาคส่วน

คณะผู้อบรมหลักสูตร ผู้บริหารกระบวนการยุติธรรมชั้นสูง รุ่นที่ 25 (บ.ย.ส.25) นำโดย นายภัทรศักดิ์ วรรณแสง ประธานรุ่นฯ พร้อมคณะ ได้แก่ นางสาวปรมา ชันซื่อ เลขานุการฯ, นางอภิศราวรรณ วัชรินทร์พร, นายมนตรี ฐิรโฆไท และนางฎารณีย์ มาตย์ชาวนา ร่วมกับ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นำโดย พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. พล.ต.ต.อนุชา อ่วมเจริญ ผบก.ภ.จว.แม่ฮ่องสอน  พล.ต.ต.เดชา กัลยาวุฒิพงศ์ ผบก.ตม.5 และ พ.ต.อ.เอกกร บุษบาบดินทร์ รอง ผบก.ตม.5 ร่วมรับส่งมอบอาคารเอนกประสงค์สาธารณะประโยชน์ ภายใต้ชื่อ “อาคารเอนกประสงค์ บ.ย.ส.25” ซึ่งอาคารดังกล่าวมีมูลค่ากว่า 1 ล้านบาท โดยส่งมอบให้กับ ตำรวจภูธรจังหวัดแม่ฮ่องสอน ณ ที่ทำการ ตำรวจภูธรจังหวัด แม่ฮ่องสอน อำเภอเมือง จังหวัดแม่ฮ่องสอน เพื่อเป็นสาธารณประโยชน์แก่ข้าราชการทุกหน่วยงานและภาคประชาชน ในการใช้จัดกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อประโยชน์ส่วนรวมต่อไป

พล.ต.ท.สมพงษ์ กล่าวว่า อาคารดังกล่าวที่ถูกจัดสร้างขึ้นนั้นเป็นอาคารเอนกประสงค์ โดยเป็นความร่วมมือร่วมใจสนับสนุนของคณะผู้อบรมหลักสูตร ผู้บริหารกระบวนการยุติธรรมชั้นสูง รุ่นที่ 25 (บ.ย.ส.25) ร่วมกับ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และภาคเอกชนได้ร่วมกันจัดสร้างขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์ในการจัดสร้างเพื่อใช้ประโยชน์ในด้านต่าง ๆ  นอกเหนือจากการใช้รองรับนโยบาย และภารกิจของสำนักงานตรวจแห่งชาติแล้ว คณะผู้จัดสร้างยังเล็งเห็นถึงความสำคัญของการมีส่วนร่วมกับประชาชนในพื้นที่ รวมถึงสามารถใช้เป็นสถานที่ทำกิจกรรมเพื่อส่วนรวมในทุกภาคส่วน สามารถมาใช้ประโยชน์จากอาคารดังกล่าวได้ ซึ่งอาคารเอนกประสงค์ฯ ภาคประชาชนในพื้นที่สามารถเข้ามาใช้จัดกิจกรรมชุมชน ได้ใช้ประโยชน์ในด้านสันนทนาการ หรือกิจกรรมประชุมอบรมในด้านต่าง ๆ  รวมถึงยังสามารถใช้เป็นสถานที่ในการสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างหน่วยงานกับประชาชนในพื้นที่อีกด้วย

ทั้ง ยังได้จัดกิจกรรม “ตำรวจห่วงใย ใส่ใจประชาชน” ตาม นโยบายของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. โดยเป็นการ มอบสิ่งของ อาทิ ถุงยังชีพ 300 ชุด หน้ากากอนามัย เจลแอลกอฮอล์ ยาสามัญประจำบ้าน รวมถึงเสื้อกันหนาว อีกกว่า 300 ผืน ให้แก่พี่น้องประชาชน เจ้าหน้าที่ตำรวจ  และหน่วยงานในพื้นที่ ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19

แถลงผลการจับกุม 2 คดีสำคัญ! รวบ 5 ผู้ต้องหา พบของกลางยาบ้า 5,400,000 เม็ด และกัญชา 560 กก.

วันที่ 13 ก.ย. 64 เวลา 10.00 น. ณ บช.ปส. พล.ต.อ.มนู เมฆหมอก รอง ผบ.ตร., พล.ต.ท.มนตรี ยิ้มแย้ม ผบช.ปส., พล.ต.ต.อนุภาพ ศรีนวล รอง ผบช.ปส., พล.ต.ต.สมบัติ ชูชัยยะ ผบก.อก.บช.ปส., พล.ต.ต.พรพิทักษ์ รู้ยืนยง ผบก.ปส.1, พล.ต.ต.วัชรินทร์ บุญคง ผบก.ปส.2, พล.ต.ต.บรรพต มุ่งขอบกลาง ผบก.ปส.3, พล.ต.ต.วุฒิพงษ์ นาวิน ผบก.ปส.4, พล.ต.ต.พลัฎฐ์ วิเศษสิงห์ ผบก.สกส., พล.ต.ต.หญิง วนิดา หาญบุญเศรษฐ ผบก.ประจำ บช.ปส. ร่วมกันแถลงผลการจับกุมผู้ต้องหาคดียาเสพติดรายสำคัญ จำนวน 2 คดี ผู้ต้องหารวม 5 คน ของกลางยาบ้า 5,400,000 เม็ด, กัญชา 560 กก. รายละเอียดมี ดังนี้    

เมื่อวันที่ 12 ก.ย. 2564 เวลาประมาณ 12.00 - 12.20 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สกส.บช.ปส. เจ้าหน้าที่ ป.ป.ส. เจ้าหน้าที่ กอง 12 ศรภ. เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธร บก.สส.ภ.5 และ เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงสิงห์บุรี และ อยุธยา ได้ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหาคดียาเสพติด จำนวน 1 คดี ผู้ต้องหา 3 คน    

1. นายขวัญนภัส ลี้เจริญสุวรรณ อายุ 32 ปี ที่อยู่ บ้านเลขที่ 18/18 ม.13 ต.ช่องแคบ อ.พบพระ จว.ตาก (ผู้ต้องหาที่ 1) 

2. ส.ต.ตั๋ว เจริญภัย อายุ 40 ปี ที่อยู่ บ้านเลขที่ อายุ 82 ม.1 ต.รวมไทยพัฒนา อ.พบพระ จว.ตาก (ผู้ต้องหาที่ 2) ยศ.รด.  3. ส.ต.สิทธิพล เจริญงดงาม อายุ 40 ปี ที่อยู่ 6/2 ม.1 ต.รวมไทยพัฒนา อ.พบพระ จว.ตาก (ผู้ต้องหาที่ 3)  ยศ.รด.

พร้อมของกลาง จำนวน 5 รายการ  

1. ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) จำนวน 27 กระสอบ จำนวนประมาณ 5,400,000 เม็ด

2. รถยนต์กระบะแครี่บอย ยี่ห้อ Nissan สีบรอนด์ทอง จำนวน 1 คัน

3. รถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน ยี่ห้อ Honda รุ่น City สีดำ จำนวน 1 คัน

4. เงินสด จำนวน 17,000 บาท 

5. โทรศัพท์ มือถือ จำนวน 4 เครื่อง

โดยกล่าวหาว่า “ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย  โดยไม่ได้รับอนุญาต” บริเวณถนนหมายเลข 3283 ต.ท่างาม อ.อินทร์บุรี จว.สิงห์บุรี ต่อเนื่อง บริเวณถนนหมายเลข 32 ต.โพบางดำออก อ.สรรพยา จว.ชัยนาท เวลาประมาณ 12.00-12.20 น. ของวันที่ 12 ก.ย. 64

ตามที่หน่วยปราบปรามยาเสพติดอุดรธานี ได้เข้าขยายผลจากการจับกุมผู้ต้องหานายชัยณรงค์ หมั่นเขตรกิจ ข้อหาเสพยาเสพติดให้โทษตามกฎหมายขณะขับรถ (เสพขับ) ในพื้นที่ สภ.บ้านแพง จว.นครพนม โดยสังเกตพบว่ารถยนต์ตู้ที่ผู้ต้องหาขับขี่มาภายในรถถอดเบาะโดยสารออกทั้งหมด มีลักษณะต้องสงสัย จึงได้สืบสวนขยายผลจนทราบว่ามีความเกี่ยวข้องกับการจับกุมเครือข่ายลักลอบลำเลียงกัญชา 274 กิโลกรัม ที่ด่านตรวจยานพาหนะสีคิ้ว ของ บก.ปส.2 บช.ปส. เมื่อวันที่ 22 มิ.ย.64 จนกระทั่งทำการจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 2 คน  

1. นายนิพนธ์ หรือแสบ เก่งธัญการ อายุ 43 ปี ที่อยู่ 8/2 หมู่ที่ 7 ต.วังเมือง อ.ลาดยาว จว.นครสวรรค์   

2. นายสุรศักดิ์ หรือศักดิ์ พันธุ์สวัสดิ์ อายุ 28 ปี ที่อยู่ 182/1 หมู่ที่ 5 ต.ระบำ อ.ลานสัก จว.อุทัยธานี

พร้อมของกลาง จำนวน 4 รายการ 

1. ยาเสพติดให้โทษประเภท 5 (กัญชา) จำนวน  560 แท่ง/กิโลกรัม

2. รถยนต์นั่งส่วนบุคคล ยี่ห้อเซฟโลเล็ต เทรลเบลเซอร์ สีขาว ทะเบียน 4 กล 516 กรุงเทพมหานครเป็นยานพาหนะใช้ในการลำเลียงยาเสพติด

3. รถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้า รุ่นรีโว่ สีเทา ทะเบียน กษ 6187 นครสวรรค์ เป็นยานพาหนะใช้ในการสำรวจเส้นทางในการลำเลียงยาเสพติด

4. โทรศัพท์มือถือ 4 เครื่อง

โดยกล่าวหาว่า “ร่วมกับพวกที่หลบหนีมียาเสพติดให้โทษประเภท 5 (กัญชา) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย” บริเวณถนนบ้านผือ – กุดจับ ในเขตพื้นที่บ้านเม็ก หมู่ที่ 1 ต.ข้าวสาร อ.บ้านผือ จว.อุดรธานี

ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในการแก้ไขปัญหายาเสพติด และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้มีการขับเคลื่อนตามนโยบายดังกล่าวภายใต้การอำนวยการ ของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร.,พล.ต.อ.มนู เมฆหมอก รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.ชินภัทร สารสิน ผช.ผบ.ตร.

สระบุรี - พิธีมหาพุทธาภิเษก หลวงพ่อสำเร็จศักดิ์สิทธิ์ รุ่น “ประวัติศาสตร์ตำรวจ”

ณ วิหารหลวงพ่อสำเร็จศักดิ์สิทธิ์ ตำบลคชสิทธิ์ อำเภอหนองแค จังหวัดสระบุรี ได้รับความเมตตาจาก ท่านประคุณสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ เลขานุการสมเด็จพระสังฆราช มาเป็นประธานฝ่ายสงฆ์ ในพิธีนั่งปรกอธิษฐานจิตภาวนาฯ โดยมี พลตำรวจเอก สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นประธานฝ่ายฆราวาส ในพิธี มหาพุทธาภิเษก หลวงพ่อสำเร็จศักดิ์สิทธิ์ รุ่น “ประวัติศาสตร์ตำรวจ”

มี พลตำรวจตรี ชยานนท์ มีสติ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสระบุรี / พันตำรวจเอก สถิตย์ สังข์ประไพ ผู้กำกับสถานีตำรวจภูธรหนองแค พร้อมด้วย นาย สุนทร เข็มนาค นายกเทศมนตรีตำบลหนองแค / ดร.มงคล ศิริพัฒนกุล ที่ปรึกษาผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 / คุณแววตา หัฏฐะพงศ์ ที่ปรึกษา กต.ตร. สภ.หนองแค พร้อมคณะกต.ตร.สภ. หนองแค ให้การต้อนรับ และเข้าร่วมในพิธี

โดยรายได้ในการบูชาหลวงพ่อสำเร็จศักดิ์สิทธิ์ รุ่น ประวัติศาสตร์ตำรวจ โดยที่มีคนสั่งจองไว้หมดแล้ว รวมประมาณ 15,000,000, บาท โดยได้นำเงินไปซื้อที่ดินจำนวน 2 ไร่ 2งาน 71 ตารางวา โดยทำการโอนที่ดินเรียบร้อยแล้มีนาย สุนทร เข็มนาค นายกเทศมนตรีตำบลหนองแค พร้อมด้วย พ.ต.อ.สถิตย์ สังข์ประไพ ผกก.สภ.หนองแค จ.สระบุรี ในฐานะประธานจัดสร้าง พิธีพุทธาภิเษก หลวงพ่อสำเร็จศักดิ์สิทธิ์ รุ่น ประวัติศาสตร์กรมตำรวจ โดยมี พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร.ตำรวจ เป็นประธานในพิธีพุทธาภิเษก หลวงพ่อสำเร็จศักดิ์สิทธิ์ รุ่นประวัติศาสตร์กรมตำรวจ เพื่อหารายได้ซื้อที่ดินให้กับ สภ.หนองแค จ.สระบุรี เพื่อเพิ่มขยายโรงพักให้กับประชาชนไว้ใช้บริการอย่างสะดวกสบาย

ส่วนวัตถุมงคลของหลวงพ่อสำเร็จศักดิ์สิทธิ์ รุ่น ประวัติศาสตร์กรมตำรวจ ได้มีประชาชนสั่งจองไว้หมดแล้ว ได้เงินเป็นจำนวน 15 ล้าน 5 แสนบาท ตามเจตนารมณ์ที่ต้องการซื้อที่ดินสองแปลง พื้นที่ 2 ไร่ 3 งาน ติดกับโรงพักหนองแค เพื่อเพิ่มขยายโรงพัก ให้ประชาชนได้เข้ามาใช้บริการอย่างสะดวกสบาย โดยมอบให้กับกระทรวงการคลัง โดยมีธนารักษ์พื้นที่ จังหวัดสระบุรี เป็นผู้รับมอบ เป็นของทางราชการ แล้วได้มอบให้กับ สภ.หนองแค เป็นที่เรียบร้อยแล้ว


ภาพ/ข่าว  ดำรงค์ ชื่นจินดา รายงาน

สระบุรี – จัดพิธีมอบธงสัญลักษณ์หมู่บ้านสีฟ้า ปลอดโควิค! และประกาศเจตนารมณ์หมู่บ้านนี้ไม่มีโควิด-19

วันที่ 13 กันยายน 2564 เวลา 10:00 น. ณ ที่ว่าการอำเภอดอนพุด นายแมนรัตน์ รัตนสุคนธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี เป็นประธาน ในพิธีมอบธงสัญลักษณ์ หมู่บ้านสีฟ้าปลอดโควิคและประกาศเจตนารมณ์หมู่บ้านนี้ไม่มี covid-19 โดยมีนางสาว​ญาณิพัชญ์ ศรี​โคตร นายอำ​เภอ​ดอนพุดได้กล่าวรายงานให้การต้อนรับในการมอบธงสัญลักษณ์หมู่บ้านสีฟ้าปอด covid ให้แก่ตัวแทนหมู่บ้านจำนวน 28 หมู่บ้าน และตัวแทนหมู่บ้าน 28 หมู่บ้านร่วมประกาศเจตนารมณ์บ้านนี้ไม่มีโควิด-19

จากนั้นนายแมนรัตน์ รัตนสุคนธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรีได้มอบนโยบายการป้องกันและแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 พร้อมกับคณะได้เข้าเยี่ยมชมนิทรรศการการขับเคลื่อนหมู่บ้านสีฟ้าปลอดโควิด-19 ของอำเภอดอนพุดในการขับเคลื่อนหมู่บ้านของจังหวัดสระบุรี โดยมีดร.บุญมา อิ่มวิเศษ และคณะลงพื้นที่หมู่ที่ 5 ตำบลบ้านหลวง อำเภอดอนพุด จังหวัดสระบุรี เพื่อถ่ายทำ วีดีทัศน์ประชาสัมพันธ์ในการขับเคลื่อนของหมู่บ้านสีฟ้า อีกด้วย


ภาพ/ข่าว  ดำรงค์ ชื่นจินดา รายงาน

จันทบุรี - ชาวประมงไม่ทน! รัฐบาล 7 ปี ไม่มีอะไรดีขึ้น ขอทวงคืนอาชีพประมงให้ชาวไทย ยื่นฎีกาถวายในหลวงรัชกาลที่ 10 เพื่อขอความช่วยเหลือชาวประมง

ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปยัง  ท่าเทียบเรือแบบเบ็ดเสร็จ ต.ปากน้ำแหลมสิงห์ อ.แหลมสิงห์ จ.จันทบุรี  หลังชาวประมงมีการโพสข้อความลงสื่อโซเชียล และ มีการติดป้ายไวนิล ตามสถานที่ต่าง ๆ เพื่อแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ โดยระบุข้อความว่า “ 21 กันยายน 64 วันประมงแห่งชาติ วันทวงคืน อาชีพประมงไทย 7 ปี ฉิบหายหมดแล้ว ประมงไทย และประมงไทย Call Out ”

เรื่องนี้ผู้สื่อข่าวได้พูดคุยกับ นายภูมินทร์ ภาณะรมย์  นายกสมาคมประมงแหลมสิงห์ จังหวัดจันทบุรี  เปิดเผยว่า  สืบเนื่องจากสมาคมการประมงแห่งประเทศไทยมีการประชุมคณะกรรมการบริหารและที่ปรึกษา ครั้งที่ 1 ผ่านระบบ ZOOM เมื่อวันที่ 1 มิ.ย.2564 ผลสรุปในการประชุม ก็ได้มีการพูดถึงจะมีการจัดกิจกรรม เนื่องในวันประมงแห่งชาติ วันที่ 21 กันยายน 2564

โดยคณะกรรมการมีมติให้สมาคมการประมงแห่งประเทศไทย ขึ้นป้ายเพื่อแสดงออกทางสัญลักษณ์ ไว้ ณ ที่ทำการ สปท. และใช้ประโยค “ประมงไทย Call out โดยเปิดโอกาสให้สมาชิกสมาคมฯ จัดทำป้าย และขึ้นป้ายเพื่อแสดงออกทางสัญลักษณ์ โดยให้สมาชิกทุกองค์กร ขึ้นป้ายตามอัธยาศัย ทั้ง 22 จังหวัด ทั่วประเทศ 

นอกจากนี้ นายกสมาคมประมงแหลมสิงห์ ยังได้บอกอีกว่า ในที่ประชุมได้มีผู้เสนอขอให้มีการยื่นฎีกาถวายในหลวงรัชกาลที่ 10 เพื่อขอความช่วยเหลือชาวประมงในช่วงสถานการณ์โควิด-19  

1.เรื่องขอผ่อนผันการควบคุมวันทำการประมงออกไปก่อนอย่างน้อย 3 ปี ในช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 

2.เรื่องขอความช่วยเหลือเร่งรัดการเยียวยาเรือประมง (ขาวแดง) ที่ไม่สามารถออกทำการประมงได้ โดยที่ได้รับผลกระทบจากการแก้ไขปัญหา IUU ของรัฐบาล คสช. ตั้งแต่ปี 2558 –ปัจจุบัน 

3.เรื่องขอให้หน่วยงานที่รับผิดชอบ นำเสนอการตั้งงบประมาณในการจัดซื้อเรือประมงที่มีใบอนุญาตออกนอกระบบ

ทั้งนี้ ทางสมาคมสมาคมการประมงแห่งประเทศไทย ได้จัดทำฎีกาขอความช่วยเหลือ ถวายแด่ในหลวงรัชกาลที่ 10 เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2564 แล้ว ตามกระบวนการ ซึ่งก็เป็นความหวังของชาวประมงกว่าร้อยลำในจังหวัดจันทบุรี และอีกทั้ง 22 จังหวัดทั้วประเทศไทย นายกสมาคมประมงแหลมสิงห์กล่าว


ภาพ/ข่าว สุปราณี แก้วหุง จ.จันทบุรี

พรเทพ เขม้นเขตวิทย์ รายงานจากศูนย์ข่าวภาคตะวันออก


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top