Wednesday, 11 June 2025
POLITICS TEAM

'บิ๊กตู่' ตบอก! ลั่นพร้อมทุกวันรับมือศึกซักฟอก โยนถาม 'ไพบูลย์' ปมยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความญัตติฝ่ายค้าน เชื่อรัฐมนตรีทุกคนชี้แจงได้

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีที่นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) เตรียมเสนอญัตติด่วนให้สภาผู้แทนราษฎรมีมติขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับอำนาจและหน้าที่ของสภาผู้แทนราษฎร ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่ญัตติดังกล่าวได้นำสถาบันเข้ามาเกี่ยวข้อง โดยนายกฯ กล่าวว่า ให้ไปถามนายไพบูลย์ เอง

เมื่อถามย้ำว่า เห็นควรเลื่อนหรือไม่ เพราะอาจถูกมองว่าเป็นการคว่ำการอภิปราย พล.อ.ประยุทธ์ ปฏิเสธตอบพร้อมส่ายหัว และกล่าวเพียงว่า "ผมพร้อมที่จะอภิปราย"

ผู้สื่อข่าวถามว่า นายกฯ พร้อมไปติวกับพรรคพลังประชารัฐร่วมกับ 10 รัฐมนตรีที่ถูกซักฟอก ระหว่างวันที่ 13 - 14 ก.พ.หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า "ผมคงไปติวให้เขามากกว่า อย่างไรก็ตามข้อมูล ชี้แจงไปหมดแล้ว ใครทำอะไรไว้คิดดี ๆ แล้วชี้แจงไป เขาว่ามาก็ชี้แจงไป ผมเชื่อว่าชี้แจงได้ในหลายๆ เรื่อง เพราะอยู่ที่ผลงานมากกว่า ส่วนในเรื่องกฎหมายก็ให้ว่ากันมา และก็ต้องทน เพราะในสภาเขาพูดอะไรก็ได้ แต่ระวังอย่าให้มีปัญหาก็แล้วกัน"

เมื่อถามย้ำถึงกรณีนายไพบูลย์ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า "ไม่มีความเห็น เขาทำได้หรือไม่ ใครทำได้ก็ทำไป ถ้าเขาไปยื่นศาลก็ฟังศาลแล้วกัน แต่ผมเองไม่มีปัญหาอะไรผมเองไม่มีปัญหากับการไม่ไว้วางใจไว้วางใจ" ก่อนตบที่หน้าอกตัวเองแล้วยืนยืนกับสื่อว่า "พร้อมตลอด พร้อมทุกวัน"

‘บิ๊กป้อม’ หนุน ‘ไพบูลย์ นิติตะวัน’ ยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความญัตติอภิปรายเกี่ยวข้องสถาบัน ลั่นไม่เจตนาดึงเวลาซักฟอก แค่เป็นห่วงประเด็นกระทบสถาบัน รอศาลตัดสินแล้วว่ากันต่อ

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ให้สัมภาษณ์ก่อนประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)กรณีที่นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรคพปชร.เตรียมเสนอญัตติด่วนให้สภาผู้แทนราษฎรมีมติขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับอำนาจและหน้าที่ของสภาผู้แทนราษฎรในการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่ญัตติดังกล่าวได้นำสถาบันเข้ามาเกี่ยวข้อง ว่าเรื่องที่ยื่นไปเป็นเพราะเขากังวลว่าจะเป็นการนำสถาบันเข้ามายุ่งกับการเมือง แต่ไม่ทราบว่าจะยื่นทันหรือไม่ เรื่องนี้นายไพบูลย์ ทำของเขาเอง ไม่ได้มาปรึกษา

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ก็น่าห่วง ดังนั้นจึงอยากให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความดีกว่า

เมื่อถามว่าเรื่องดังกล่าวอาจถูกมองว่ามีเจตนาคว่ำการอภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ยืนยันว่าไม่ใช่เป็นการคว่ำการอภิปรายไม่ไว้วางใจ แต่อาจจะเลื่อนออกไปหน่อย เพื่อให้ศาลรัฐธรรมนูญดูเสียก่อน เมื่อถามถึงกรณีที่ นายวิรัช รัตนเศรษฐ ประธานวิปรัฐบาล เตรียมติวรัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า พรรคพลังประชารัฐ ได้นัดกันไว้ในวันที่ 13-14 ก.พ.นี้ และตนจะไปเข้าร่วมด้วย

เมื่อถามถึงเหตุระเบิดบริเวณใต้สถานีรถไฟฟ้าเซนต์หลุยส์ เมื่อวันที่ 9 ก.พ.ที่ผ่านมา พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า "จะทำอย่างไรได้ ก็มันปา"

รมว.สาธารณสุข ‘อนุทิน ชาญวีรกูล’ มั่นใจฝีมือทีมจัดหาวัคซีนโควิดไทย ยังมีความหวังได้วัคซีนตามกำหนด หลังผู้ผลิตจากประเทศจีน ส่งสัญญาณจะพยายามผลิตวัคซีนให้ไทยตามข้อตกลง 2 ล้านโดส แต่จะมาก่อน 2 แสนโดสภายในเดือนก.พ.นี้

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า เรายังมีความหวังที่จะได้วัคซีนโควิด-19 ในเดือนกุมภาพันธ์ 2564 ซึ่งเป็นไปตามแผนเสริม ที่เพิ่มเติมขึ้นมาจากแผนหลัก ล่าสุด ทางผู้ผลิตจากประเทศจีนได้สัญญาว่าจะพยายามอย่างเต็มที่ ที่จะส่งวัคซีนให้ไทย ตามที่ได้ตกลงกันไว้จำนวน 2 ล้านโดส

แบ่งเป็นส่งมอบในเดือนกุมภาพันธ์ 2 แสนโดน และจะตามมาหลังจากนั้นอีก 1.8 ล้านโดส ซึ่งจะสอดคล้องกับที่ทางโรงงานในไทย สามารถผลิตได้เอง ภายในช่วงกลางปี ทั้งนี้ ทางผู้ผลิตจากจีนยังกล่าวอีกว่า หากไทยต้องการเพิ่มขึ้น ก็พร้อมดูแลจัดหามา

เท่ากับว่า แผนการวัคซีนของไทยนั้น ไม่ได้ให้ผู้ผลิตเจ้าเดียวมาผูกขาด อย่างไรก็ตาม สำหรับการขึ้นทะเบียนนั้น ขึ้นกับความสมัครใจของผู้ผลิต ทางการไทยไม่มีปิดกั้น แต่จะขึ้นทะเบียนได้หรือไม่ขึ้นกับเงื่อนไขด้วย ทั้ง 2 ฝ่ายต้องยอมรับกันได้

หากการขึ้นทะเบียน ต้องตามมาด้วยการบังคับซื้อ ประเทศไทย ก็ต้องชะลอไปก่อน ไทยมีอิสระในการตัดสินใจ เช่นเดียวกัน ในเรื่องการจองซื้อวัคซีน ก็ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ ถ้าซื้อแล้ว ต้องได้วัคซีนในช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุด มิใช่ว่าต้องรอถึงปลายปี เป็นต้น

คิดว่าการจัดหาวัคซีนนั้น มาได้ล่าช้า เบื้องหลังการบริหารจัดการคือคณะแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่อยู่ในคณะกรรมการ ซึ่งระดมสมอง หาทางออกให้ประเทศไทย แน่นอนว่า ส่วนตัวมั่นใจความรู้ ความสามารถของทุกท่าน มั่นใจว่าท่านทำงานหนักมาก และทุกท่านมีความเป็นกลาง คิด และตัดสินใจตามหลักวิชาการอย่างรอบคอบ ขอให้คนไทยเชื่อมั่นในทีมประเทศไทย ให้กำลังใจกัน ดีกว่าการคอยแต่วิพากษ์วิจารณ์ สร้างความสับสนให้แก่สังคม ทั้งยัง ทำลายขวัญกำลังใจคนทำงาน

นายอนุทิน กล่าวด้วยว่า "ขณะนี้ สถานการณ์โรคโควิด 19 ภาพรวมมีการบริหารจัดการได้ดี ควบคุมโรคได้แล้ว ส่วนจังหวัดสมุทรสาคร ตาก และกทม. ยังพบผู้ติดเชื้อรายใหม่บ้าง อยู่ในระดับที่ควบคุมได้ ซึ่งตลอดระยะเวลาเกือบ 2 เดือนที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่สาธารณสุข บุคลากรทางการแพทย์ อสม.

และทุกภาคส่วน ทั้งรัฐ และเอกชน ได้ร่วมมือกันทำงานอย่างหนัก ทั้งการลงพื้นที่สอบสวนโรคและควบคุมการระบาด วางแผนการจัดการกับสถานการณ์ระบาด จัดตั้งโรงพยาบาลสนามเพียงพอ และ Bubble and Sealed Factory-Accommodation Quarantine ในจังหวัดสมุทรสาคร ให้อยู่ในพื้นที่ แยกผู้ติดเชื้อออกมารักษา ถือว่าสถานการณ์ควบคุมได้ รวมทั้ง ศบค.ได้ออกประกาศผ่อนคลายมาตรการควบคุมโรคตั้งแต่ 1 กุมภาพันธ์ เป็นต้นมา หากการเฝ้าระวังป้องกันโรคพบว่าผู้ติดเชื้อลดลงมากขึ้น กระทรวงสาธารณสุข จะได้เสนอมาตรการผ่อนคลายต่อ ศบค.เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ ขึ้นกับสถานการณ์ในแต่ละห้วงเวลา ซึ่งทุกภาคส่วนยังต้องเฝ้าระวัง ป้องกันควบคุมโรคอย่างต่อเนื่อง"

ทั้งนี้ คณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ได้เห็นชอบแผนกลยุทธ์การบริหารจัดการการให้วัคซีนโควิด 19 พ.ศ.2564 ซึ่งมี 2 ระยะ โดยในระยะแรกที่วัคซีนมีปริมาณจำกัด เพื่อลดการป่วยรุนแรงและเสียชีวิตจากโควิด 19 รักษาระบบสุขภาพของประเทศ ฉีดให้ 5 กลุ่ม ได้แก่

บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขด่านหน้าทั้งภาครัฐและเอกชน, ประชาชนที่มีโรคประจำตัว ได้แก่ โรคทางเดินหายใจเรื้อรังรุนแรง โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคไตวายเรื้อรัง โรคหลอดเลือดสมอง มะเร็งที่อยู่ในระหว่างเคมีบำบัด รังสีบำบัด ภูมิคุ้มกันบำบัด โรคเบาหวาน โรคอ้วน น้ำหนักมากกว่า 100 กิโลกรัมหรือ BMI มากกว่า 35 กิโลกรัมต่อตารางเมตร, ประชาชนที่มีอายุ 60 ขึ้นไป เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมโรคโควิด 19 ที่มีโอกาสสัมผัสผู้ป่วย รวมทั้งประชาชนทั่วไปและแรงงานในพื้นที่ระบาดของโควิด 19

และระยะที่ 2 เมื่อวัคซีนมากขึ้นและเพียงพอ เพื่อรักษาเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคงของประเทศ สร้างภูมิคุ้มกันในระดับประชากรและฟื้นฟูประเทศให้กลับเข้าสู่ภาวะปกติ ฉีดให้กับ 7 กลุ่ม ได้แก่ ประชาชนทั่วไป, แรงงานในภาคอุตสาหกรรม, ผู้ประกอบอาชีพด้านการท่องเที่ยว เช่น พนักงานโรงแรม สถานบันเทิง มัคคุเทศก์, ผู้เดินทางระหว่างประเทศ เช่น นักบิน/ ลูกเรือ นักธุรกิจระหว่างประเทศ, นักการทูต เจ้าหน้าที่องค์กรระหว่างประเทศ, กลุ่มเป้าหมายระยะที่ 1 ในจังหวัดที่เหลือ และบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขอื่น ๆ

นอกจากนี้ ได้เห็นชอบแผนการกระจายวัคซีนโควิด 19 ระยะแรก เดือนกุมภาพันธ์ถึงพฤษภาคม 2564 จำนวน 2 ล้านโดส ฉีดให้กับกลุ่มเป้าหมายในจังหวัดควบคุมสูงสุดและเข้มงวด คือ จังหวัดสมุทรสาคร และจังหวัดที่ยังพบผู้ป่วย ได้แก่ กรุงเทพมหานคร สมุทรปราการ นนทบุรี ปทุมธานี ระยอง ชลบุรี จันทบุรี ตราด และตาก ระยะที่ 2 เดือนมิถุนายนถึงธันวาคม 2564 จำนวน 61 ล้านโดส โดยมีโรงพยาบาลรัฐและเอกชนให้บริการกว่า 1,000 แห่ง วางแผนฉีดวัคซีนเดือนละ 10 ล้านโดส เพื่อฉีดวัคซีนให้ครบทั้ง 63 ล้านโดส ภายในปี 2564

‘บิ๊กตู่’ มอบนโยบาย ด้านยาเสพติด สั่งเร่งพัฒนาบุคลากร - เตรียมความพร้อมด้านเทคโนโลยี และแก้กฎหมายให้ทันสมัย เพื่อไล่ล่าเช็คบิลยึดทรัพย์นักค้ายา ด้าน ‘สมศักดิ์ เทพสุทิน’ เผย 4 เดือนจับ 33 เครือข่าย ยึดแล้ว 1,987 ล้านบาท ตั้งเป้า ปี 64 ยึด 6,000 ล้านบาท

นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในฐานะประธานกรรมการศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการอำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2564 โดยมีนายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการ ป.ป.ส. ทำหน้าที่กรรมการและเลขานุการ พร้อมด้วย คณะกรรมการอำนวยการ ศอ.ปส. และผู้บริหารจากหน่วยงานต่าง ๆ จำนวน 30 คน ร่วมประชุมณ ห้องประชุมชิดชัย วรรณสถิตย์ อาคาร 2 ชั้น 3 สำนักงาน ป.ป.ส. (ดินแดง)

เมื่อเข้าสู่วาระการประชุม พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้บันทึกวีดีโอการมอบนโยบายยาเสพติดเพื่อเปิดในที่ประชุม โดยมีเนื้อหาว่า การป้องกันและปราบปรามยาเสพติดถือเป็นวาระสำคัญแห่งชาติ ที่รัฐบาลให้ความสำคัญในการแก้ไขเป็นลำดับต้น ที่ผ่านมาทุกหน่วยงานได้บูรณาการทำงานร่วมกันในการตัดวงจรยาเสพติดเพื่อให้ได้ทรัพย์สิน รวมถึง การปราบปรามอย่างเข้มข้น โดยในปี 2564 นี้รัฐบาลได้กำหนดเป้าหมายขยายผล อายัดทรัพย์สินเป็นมูลค่า 6,000 ล้านบาท

เพื่อให้บรรลุเป้าหมายเราต้องเดินหน้าใน 3 เรื่องหลักคือ 1.) การพัฒนาบุคลากรให้มีความรู้ความสามารถทั้งด้านการสืบสวนสอบสวน รวมไปถึงความสามารถของการใช้เครื่องมือและเทคโนโลยีในการติดตามผู้กระทำความผิด 2.) ความพร้อมของเครื่องมือและเทคโนโลยีต่างๆ เพื่อให้การปฏิบัติงานมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากยิ่งขึ้น และ 3.) การปรับปรุงกฎระเบียบข้อกฎหมายต่างๆ ให้มีความทันสมัยสอดคล้องกับสภาวะปัจจุบัน

ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการแก้ไขประมวลร่างกฎหมายยาเสพติด รวมทั้งแก้ไขข้อจำกัดทางกฎหมายที่เป็นอุปสรรค ในการปฏิบัติงานโดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวกับการยึดทรัพย์ยาเสพติด ดังนั้นผมขอให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเร่งรัดติดตามเพื่อให้มีผลบังคับใช้โดยเร็วที่สุด

ด้านนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวอีกว่า รัฐบาลและกระทรวงยุติธรรมได้มุ่งมั่นอย่างเต็มที่ และขับเคลื่อนการดำเนินงานอย่างรอบด้านเพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติด โดยมุ่งเน้นไปที่การยึดทรัพย์สินตัดวงจรยาเสพติด

โดยขณะนี้การทำงานในงบประมาณปี 2564 ระยะเวลา 4 เดือน ตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2563 จนถึง 31 มกราคม 2564 สามารถดำเนินการจับกุม ขยายผลยึดทรัพย์ 33 เครือข่าย ได้ทรัพย์สินแล้วกว่า 1,987 ล้านบาท ต้องยอมรับการทำงานเพื่อให้ไปถึงเป้าหมายนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เราจะไม่ย่อท้อ และจะนำแนวทางทั้ง 3 ของนายกรัฐมนตรีมอบให้ไปเร่งดำเนินการ ซึ่งขณะนี้กระทรวงยุติธรรมได้พยายามผลักดันร่างประมวลกฎหมายยาเสพติดฉบับใหม่ ที่หากพิจารณาแล้วเสร็จและมีผลบังคับใช้ ก็จะทำให้เจ้าหน้าที่ดำเนินงานได้ง่ายมากขึ้น นำไปสู่การแก้ไขปัญหายาเสพติดได้อย่างเป็นรูปธรรมและมั่นคง

นายสมศักดิ์ กล่าวต่อถึงสาระสำคัญในการประชุมครั้งนี้ ว่ามีวัตถุประสงค์เพื่อพิจารณาการดำเนินงานของศูนย์ปฏิบัติการยึดทรัพย์เครือข่ายยาเสพติด และแนวทางการดำเนินงานขยายผลยึดทรัพย์ ตัดวงจรยาเสพติด โดยกำหนดเป็นมูลค่าการยึดทรัพย์สินกระจายลงสู่ระดับจังหวัด ซึ่งพิจารณาจากขนาดปัญหาและงบประมาณที่จัดสรรแต่ละพื้นที่ กำหนดเป็น 3 ขนาด คือ

- ขนาดใหญ่ จำนวน 27 จังหวัด กำหนดเป้าหมายมูลค่าการยึดทรัพย์สินเครือข่ายยาเสพติดให้ได้จังหวัดละ 90 ล้านบาท รวมมูลค่าทั้งสิ้น 2,430 ล้านบาท

- ขนาดกลาง จำนวน 31 จังหวัด กำหนดเป้าหมายมูลค่าการยึดทรัพย์สินเครือข่ายยาเสพติด ให้ได้จังหวัดละ 70 ล้านบาท รวมมูลค่าทั้งสิ้น 2,170ล้านบาท

- ขนาดเล็ก จำนวน 18 จังหวัด กำหนดเป้าหมายมูลค่าการยึดทรัพย์สินเครือข่ายยาเสพติดให้ได้จังหวัดละ 50 ล้านบาท รวมมูลค่าทั้งสิ้น 900ล้านบาท

- กรุงเทพมหานคร กำหนดเป้าหมายมูลค่าการยึดทรัพย์สินเครือข่ายยาเสพติดให้ได้ 500ล้านบาท และกำหนดเป็นตัวชี้วัดเพื่อกำกับ ติดตามการดำเนินงาน ใช้เป็นเครื่องมือในการขับเคลื่อนการดำเนินงาน จำนวน 2 ตัวชี้วัด คือ ตัวชี้วัดระดับความสำเร็จของการตรวจสอบทรัพย์สินคดียาเสพติด และตัวชี้วัดระดับความสำเร็จของการดำเนินการในคดีความผิดฐานสมคบ สนับสนุนช่วยเหลือในคดียาเสพติด

นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวว่า “สำนักงาน ป.ป.ส. ได้เสนอการแก้ไขกฎหมายให้สอดคล้องกับนโยบายนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม คือ 1.) การกำหนดให้ศาลมีอำนาจพิจารณาคดีทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่องกับการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดต่อไปได้ แม้ว่าพนักงานอัยการจะมีคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้องคดี หรือศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดให้ยกฟ้องจำเลยในคดีอาญา

และหากศาลพิจารณาแล้วเห็นว่าทรัพย์สินดังกล่าวเกี่ยวเนื่องกับการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดก็ให้ศาลมีอำนาจพิพากษาให้ทรัพย์สินนั้นตกเป็นของกองทุนป้องกันและปราบปรามยาเสพติดได้ 2.) การกำหนดให้นำหลักการในการ “ริบทรัพย์สินตามมูลค่า (Value – based Confiscation) มาใช้ในคดีความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการริบทรัพย์สินของผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับคดียาเสพติด

ทั้งนี้ ยังรวมถึงการสนับสนุนเครื่องมือที่ทันสมัยให้กับหน่วยงานหลักอย่าง บช.ปส.DSI เพื่อส่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการขยายผล ยึดทรัพย์สินที่ได้มาจากการค้ายาเสพติด ตลอดจนการอบรมการใช้เครื่องมือเทคโนโลยีให้เกิดประโยชน์สูงสุด และสกุลเงินดิจิทัล (Cryptocurrency) รวมถึงการประสานความร่วมมือกับหน่วยงานต่างประเทศ เพื่อให้บุคลากรที่ปฏิบัติงานด้านการปราบปรามนำองค์ความรู้ที่ได้ไปใช้ในการปราบปรามยาเสพติดให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น”

อำนาจเจริญ ปลูกกัญชาเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์แห่งที่ 2 ต่อยอด ‘อำนาจเจริญโมเดล’ สร้างต้นแบบวิจัยและผลิตกัญชารักษาโรค เพิ่มโอกาสเข้าถึงการรักษาด้วยยากัญชาอย่างปลอดภัยและถูกกฎหมาย

คุณสุขสมรวย วันทนียกุล เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานปลูกกัญชาเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ ที่โรงเรือนกัญชาโรงพยาบาลชานุมาน ซึ่งเป็นแห่งที่ 2 ของ จ.อำนาจเจริญ พร้อมติดตามความคืบหน้าการปลูกกัญชาเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ โรงพยาบาลชานุมาน โดยมี นพ.ประภาส วีระพล นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดอำนาจเจริญ นพ.ปฐมพงษ์ ปรุโปร่ง รองนายแพทย์สาธารณสุขฯ รัฐวิสาหกิจชุมชน รายงานผลการดำเนินงานความคืบหน้า

ตามที่กระทรวงสาธารณสุข โดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ยกให้จังหวัดอำนาจเจริญ เป็นจังหวัดนำร่องปลูกกัญชาเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ เพิ่มการเข้าถึงในการรักษาด้วยยากัญชาอย่างปลอดภัยและถูกกฎหมาย ซึ่งมี รพ.สต. โรงพยาบาล ร่วมกับวิสาหกิจชุมชน ดำเนินการ 2แห่ง คือ 1.) โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพโนนดู่ ต.สร้างนกทา อ.เมือง จ.อำนาจเจริญ 2.)โรงพยาบาลชานุมาน เพื่อวิจัยการผลิตกัญชาประโยชน์ทางการแพทย์ ภายในโรงเรือนระบบปิดตามมาตรฐานสากล เพื่อผลิตวัตถุดิบกัญชา การตรวจสอบคุณภาพ การใช้พื้นที่แปรรูป เพื่อใช้ผลิตยาสมุนไพรไทยต่อไป

พร้อมกันนี้ ยังได้เยี่ยมชมอาคารระบบตากแห้งพลังงานแสงอาทิตย์ โรงพยาบาลชานุมาน ณ นิคมเกษตรกรรมทหารผ่านศึกชานุมาน อ.ชานุมาน จ.อำนาจเจริญ อีกด้วย


ภาพ : บัณฑิต สนุกพันธ์

ข่าว : ประวัติ นิธิเตชะยศสกุล

‘หมอธีระ วรธนารัตน์’ ย้ำโควิดรอบนี้ สาหัส คุมยากและกระจายตัวเร็ว แนะแนวทางการสู้ศึก ต้องขันน็อตให้แน่นทั้งเรื่องนโยบาย ระบบตรวจคัดกรอง และการป้องกันตัวของประชาชน คาดต้องใช้เวลาราว 6-8 สัปดาห์ คุมการระบาดอยู่หรือไม่

รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความเกี่ยวกับสถานการณ์ “โควิด-19” ผ่านทางเฟซบุ๊ก Thira Woratanarat โดยระบุว่า

สถานการณ์ทั่วโลก 8 กุมภาพันธ์ 2564

ตั้งแต่สัปดาห์ที่ 2 ของเดือนมกราคมเป็นต้นมา แนวโน้มการติดเชื้อต่อวันของโลกค่อยๆ ชะลอตัวลงมาอยู่ในระดับช่วงปลายตุลาคมปีที่แล้วราวเกือบห้าแสนคนต่อวัน ทั้งนี้เป็นผลมาจากการล็อคดาวน์ของประเทศต่างๆ โดยเฉพาะในยุโรป ยังไม่ใช่ผลจากการฉีดวัคซีน เพราะจำนวนการฉีดยังเป็นสัดส่วนที่น้อยมากเมื่อเทียบกับประชากรทั้งหมดในแต่ละประเทศ กว่าจะเริ่มเห็นคาดว่าน่าจะเป็นช่วงมีนาคมเป็นต้นไปในบางประเทศ

เมื่อวานทั่วโลกติดเพิ่ม 328,545 คน รวมแล้วตอนนี้ 106,629,569 คน ตายเพิ่มอีก 7,682 คน ยอดตายรวม 2,325,703 คน

อเมริกา เมื่อวานติดเชื้อเพิ่ม 86,767 คน รวม 27,594,868 คน ตายเพิ่มอีก 1,543 คน ยอดตายรวม 474,669 คน

อินเดีย ติดเพิ่ม 4,109 คน รวม 10,831,279 คน

บราซิล ติดเพิ่ม 26,845 คน รวม 9,524,640 คน

รัสเซีย ติดเพิ่ม 16,048 คน รวม 3,967,281 คน

สหราชอาณาจักร ติดเพิ่มอีก 15,845 คน รวม 3,945,680 คน ยอดตายรวมขณะนี้ 112,465 คน

อันดับ 6-10 เป็น ฝรั่งเศส ตุรกี อิตาลี สเปน และเยอรมัน ส่วนใหญ่ติดกันหลายพันถึงหลักหมื่นต่อวัน

แถบอเมริกาใต้ ยุโรป เอเชีย อย่างโคลอมเบีย เนเธอร์แลนด์ โปแลนด์ ยูเครน แคนาดา รวมถึงอิหร่าน บังคลาเทศ อิสราเอล อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น และมาเลเซีย ยังติดกันเพิ่มหลักพันถึงหลักหมื่น

แถบสแกนดิเนเวีย บอลติก และยูเรเชีย ก็ยังมีติดเชื้อเพิ่มต่อเนื่องแบบทรงตัว

เกาหลีใต้ และไทย ติดเพิ่มหลายร้อย ส่วนจีน ฮ่องกง เวียดนาม และสิงคโปร์ ติดเพิ่มหลักสิบ ในขณะที่กัมพูชา นิวซีแลนด์ และออสเตรเลีย ติดเพิ่มต่ำกว่าสิบ

ล่าสุดแอฟริกาใต้ประกาศหยุดแผนการฉีดวัคซีนของ Astrazeneca/Oxford ไว้ แม้จะได้วัคซีนมาหลักล้านโดสแล้วก็ตาม เนื่องจากทราบผลการศึกษาเบื้องต้นที่ชี้ว่า วัคซีนอาจไม่ได้ผลในการป้องกันการติดเชื้อแบบมีอาการน้อยถึงปานกลางจากไวรัสโควิดสายพันธุ์ใหม่คือ สายพันธุ์แอฟริกาใต้ที่ระบาดในประเทศ โดยจะหันไปใช้วัคซีนของ Pfizer/Biontech และ Johnson&Johnson แทน

นี่เป็นตัวอย่างที่ดีของการจัดหาวัคซีนที่มีความหลากหลาย เพื่อให้สามารถมีตัวเลือกในการจัดการกับสถานการณ์ได้อย่างทันเวลา เพื่อสวัสดิภาพและความปลอดภัยในชีวิตของประชาชน

ทั้งนี้มีข่าวว่าทาง Astrazeneca/Oxford ก็กำลังทำการศึกษาวิจัยดัดแปลงวัคซีนให้สู้กับสายพันธุ์แอฟริกาใต้ใหม่ โดยอาจต้องใช้เวลาอีกสักระยะหนึ่ง คงต้องเอาใจช่วยและติดตามกันต่อไป

วิเคราะห์สถานการณ์ของเรา...

การเรียงตำแหน่งของกลยุทธ์ หรือที่เราเรียกว่า Strategic alignment นั้นมีความสำคัญมาก และส่งผลต่อความสำเร็จในการสู้ศึก

เราเรียนรู้จากระบาดซ้ำครั้งนี้ว่า หนักหนาสาหัส

เอาอยู่ เพียงพอ...ล้วนเป็นความคาดหวังที่ดูแล้วไม่ใช่ความจริง

กุญแจแห่งความสำเร็จในการสู้ศึกระลอกแรกนั้นคือ การสั่งการ และจัดการอย่างเป็นระบบ ทิศทางเดียวกัน และสามารถสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชนทั้งประเทศได้พร้อมกัน

ในขณะที่ระลอกสองนั้น ใช้แนวทางยืดหยุ่น และให้จัดการกันเองในแต่ละพื้นที่ โดยอาศัยการทำงานของหน่วยงานต่างๆ การตอบสนองจึงอาจไม่เหมือนระลอกแรก

หากใช้ความรู้ที่ถูกต้องเหมาะสมเป็นแสงสว่างชี้ทาง โดยดูจากบทเรียนการเผชิญการระบาดซ้ำของประเทศต่างๆ จะช่วยให้เราวางแผนจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะจะรู้ว่าธรรมชาติของการระบาดเป็นเช่นไร โอกาสสำเร็จในการสู้ศึกมีมากน้อยเพียงใด และสู้รบแบบใดจะมีโอกาสแพ้ชนะมากน้อยแตกต่างกันเท่าใด

อย่างที่เคยเล่าให้ฟังกันไปแล้วว่า จะสู้สำเร็จ มักต้องมีนโยบายที่เคร่งครัดและทันเวลา ระบบการตรวจคัดกรองที่ครอบคลุม มาก และต่อเนื่อง รวมถึงความร่วมมือของประชาชนอย่างพร้อมเพรียง

การระบาดของเราหนักหนากว่าระลอกแรก คุมได้ยาก กระจายเร็ว เพราะอาจไม่บรรลุทั้งสามข้อข้างต้น แต่อย่างไรก็ตาม มาถึงจุดนี้ ต้องให้กำลังใจให้มีสติ และช่วยกันสู้ต่อไป โดยทราบว่าสถานการณ์ถัดจากนี้ เฉลี่ยแล้วน่าจะต้องใช้เวลาอีกราว 6 - 8 สัปดาห์ จึงจะเห็นผลลัพธ์ของระลอกสอง ว่าจะกดเหลือหลักหน่วย หลักสิบ หรือหลักร้อยต่อวัน ทั้งนี้ ผลลัพธ์ของการศึกจะเป็นตัวทำนายหลักสำหรับศึกในครั้งถัดๆ ไป ตามบทเรียนที่เห็นจากต่างประเทศทั่วโลก

แนวทางการสู้ศึกนี้คงหนีไม่พ้นสามข้อข้างต้น ที่ต้องช่วยกันขันน็อตให้แน่นทั้งเรื่องนโยบาย ระบบตรวจคัดกรอง และความร่วมมือในการป้องกันตัวของประชาชน

แต่ที่เป็นห่วงมากคือ การละสายตาไปพยายามมองหามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวต่างประเทศ เช่น การแพลมแนวคิด Vaccination passport ที่ลึกๆ คงหวังจะโกยเงินจากนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาในประเทศหากมีประวัติได้รับวัคซีนแล้ว แม้จะอ้อมแอ้มว่ายังไม่ใช่ช่วงเวลานี้ก็ตาม

สมาธิที่หลุดไปจากการควบคุมการระบาดเป็นสิ่งที่น่ากลัวนะครับ

บทเรียนจากระลอกนี้ เราเห็นความไม่พร้อม ไม่เพียงพอ และไม่สอดคล้องกันของระบบต่างๆ เรื่องนี้ต้องยอมรับกันเสียที

จะสู้ศึกระยะยาวได้ โดยที่ประชาชนในประเทศมีสวัสดิภาพ และความปลอดภัยในชีวิต จำเป็นจะต้องมีองค์ประกอบเชิงยุทธศาสตร์ที่เข้มแข็ง ดังต่อไปนี้

หนึ่ง "ระบบตรวจคัดกรองที่มีสมรรถนะตรวจได้มาก มีประสิทธิภาพ ครอบคลุมทุกพื้นที่ และทำได้ต่อเนื่อง" ไม่ใช่เต็มที่แค่ระดับ 10,000 กว่าตัวอย่างต่อวัน ซึ่งถือว่ายังน้อยมากเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ

สอง "ระบบการดูแลรักษาที่มีทรัพยากรมากเพียงพอ" ทั้งคน เงิน อุปกรณ์ป้องกัน หยูกยา รวมถึงเตียงและสถานที่ โดยมีระบบส่งต่อที่มีประสิทธิภาพ รวดเร็ว ปลอดภัย ทั้งต่อบุคลากรทางการแพทย์ ผู้ป่วย และประชาชน ทั้งนี้ต้องไม่ให้เกิดภาวะที่เกินคาดหมาย และหยุดตรวจเพราะกลัวเตียงเต็ม หรือต้องมาเร่งสร้างรพ.สนามแบบกระทันหัน และมีปัญหาในการเจรจากับพื้นที่

และสาม "วัคซีนป้องกันโรค" ที่มีหลากหลาย มีประสิทธิภาพสูง ปริมาณมากพอ โดยประชาชนสามารถเข้าถึงได้อย่างถ้วนทั่ว ก่อนหน้าที่จะคิดหามาตรการเพิ่มความเสี่ยงต่อการระบาดซ้ำในประเทศอย่างการรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามา

ต้องไม่ลืมว่า วัคซีนที่มีอยู่ตอนนี้ยัง "ไม่มีประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อโรคโควิดอย่างเพียงพอ" แต่ป้องกันการป่วยรุนแรง แม้การป้องกันการป่วยรุนแรงก็ไม่ได้มีประสิทธิภาพ 100% เลยสักตัวเดียว

วัคซีน Pfizer/Biontech และ Moderna ประสิทธิภาพมากสุดคือประมาณ 95% แต่เราไม่มี

วัคซีนที่เราวางแผนจะใช้นั้น Astrazeneca/Oxford มีประสิทธิภาพแบบ full dose/full dose ประมาณ 63.1% (ช่วงความเชื่อมั่น 51.8 - 71.7%)

ในขณะที่วัคซีน Sinovac ของจีน ผลการศึกษาระยะที่สาม ยังไม่เห็นการตีพิมพ์เผยแพร่ในวารสารทางการแพทย์ แม้จะมีข่าวออกทางสื่อมวลชนหลากหลายประเทศก็ตาม ก็จำเป็นต้องรอดูผลวิจัยโดยละเอียด

ทั้งนี้การระบาดของไวรัสที่กลายพันธุ์ ทั้งสายพันธุ์สหราชอาณาจักร บราซิล และแอฟริกา ก็ล้วนทำให้เพิ่มความเสี่ยงต่อการระบาดซ้ำได้มากขึ้นทั่วโลก

โดยวัคซีนแต่ละชนิดตอนนี้ก็ยังมีข้อมูลแตกต่างกันไป วัคซีนบางชนิดพบว่าภูมิคุ้มกันที่เกิดจากวัคซีนยังได้ผลกับบางสายพันธุ์ แต่วัคซีนบางชนิดกลับไม่ได้ผลหรือได้ผลน้อยลงมาก

ดังนั้นหากไม่มีวัคซีนที่หลากหลายเพียงพอ และไม่มีมากเพียงพอสำหรับคนในประเทศ การเปิดประตูรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ แม้จะได้วัคซีนมาก่อนก็ตาม ก็ย่อมมีโอกาสนำพาเชื้อเข้ามาสู่ในบ้านได้อย่างไม่ต้องสงสัย เพราะส่วนใหญ่ไม่ได้ป้องกันการติดเชื้อ แต่เป็นเพียงการลดความรุนแรงของโรค

นี่คือสิ่งที่ประชาชนอย่างเราๆ ควรรู้ และช่วยกันจับตาดูความเคลื่อนไหว เรียกร้องให้เกิดมาตรการที่เน้นสวัสดิภาพความปลอดภัยในชีวิตของประชาชน

ขอให้ป้องกันตัวอย่างเคร่งครัด ใส่หน้ากากเสมอ ล้างมือ อยู่ห่างๆ คนอื่นหนึ่งเมตร ลดละเลี่ยงการกินดื่มในร้าน ซื้อกลับจะปลอดภัยกว่า ลดละเลี่ยงการรวมกลุ่มกันสังสรรค์ปาร์ตี้ท่องเที่ยว

คอยสังเกตอาการตนเองและครอบครัว หากไม่สบาย ควรหยุดเรียนหยุดงานและไปตรวจรักษา

ด้วยรักต่อทุกคน และเอาใจช่วยเสมอ


อ้างอิง

South Africa halts rollout of AstraZeneca vaccine. Financial Times. 8 February 2021.

AstraZeneca’s Vaccine Does Not Work Well Against Virus Variant in South Africa. New York Times. 7 February 2021.

‘คนตกงาน’ เข้ามาตรการเราชนะ ส่วน ‘คนยังมีงาน’ สามารถเข้ามาตรการ ม.33 เรารักกัน แต่สำหรับ ‘คนเพิ่งตกงาน’ จะเข้าข่ายได้รับการช่วยเหลือในมาตรการใดของรัฐกันดี?

ช่วงนี้มาตรการต่าง ๆ ของรัฐทยอยออกมาช่วยเหลือประชาชนมากมาย แต่ด้วยวัตถุประสงค์ที่อยากช่วยเหลือ ‘คนทุกกลุ่ม’ จึงเป็นธรรมดาที่จะมีความทับซ้อน หรือเกิดความสับสนขึ้นได้

ยกตัวอย่างมาตรการสุดฮอต 2 โครงการนี้ ‘เราชนะ’ และ ‘ม.33 เราช่วยกัน’ ก็มีส่วนที่ทับซ้อนกัน

โดยโครงการเราชนะ มุ่งช่วยเหลือผู้ที่ตกงาน ไม่มีงานทำ เพราะผลกระทบโควิด - 19 ส่วน ม.33 เรารักกัน มุ่งช่วยเหลือผู้ที่ยังมีงานประจำทำ แต่ก็ได้รับผลกระทบจากกโควิด - 19 เช่นเดียวกัน ทีนี้ยังมีเคสกรณีของ ‘คนที่เพิ่งตกงาน’ ซึ่งก็เป็นที่น่าสนใจว่า แล้วคนกลุ่มนี้ ต้องเข้ามาตรการใดในการช่วยเหลือของรัฐ?

ล่าสุดทางสำนักงานประกันสังคม ได้ชี้แจงเงื่อนไขต่างๆ ของกรณีทำนองนี้ออกมาแล้ว The States Times รวบรวมรายละเอียดมาให้ทราบกันดังนี้..

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ อาจารย์ประจำสาขาวิชา Business Analytics and Intelligence และ Actuarial Science and Risk Management คณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ ได้โพสต์ลงเฟซบุ๊ก Arnond Sakworawich เล่าเรื่อง คนเนรคุณสองแผ่นดิน

"แม่รักลูกไม่เท่ากัน

ลูกชายคนเล็ก แม่รักมากที่สุด ได้ดั่งใจ สนใจทำมาค้าขายอย่างเดียว แต่งงานกับหญิงสาวลูกพ่อค้าตระกูลดังร่ำรวยอันดับต้น ๆ ของประเทศ

ปีแรกเปิดบริษัทค้าที่ดิน ทำกำไรเข้ากงสีได้ 800 ล้านบาท ปีสอง ทำกำไรได้อีก 800 ล้านบาท ปีที่ 3 ต้องการทำให้ได้ 1,000 ล้านบาท ทำสารพัดวิธี ตั้งแต่ให้สินบนเพื่อให้ได้ที่ดินของพระเจ้าแผ่นดิน ไม่ใช่แปลงนี้แปลงแรกหรอกที่ทำ เป็นแปลงที่สองที่พยายามจ่ายสินบน ยังมีปัญหาใช้คนยังกะขี้ข้ากดขี่แรงงาน ไม่ยอมจ่ายโบนัสพนักงานจนเดือนเมษายนก็ทำมาแล้ว

แม่รักลูกชายคนเล็กสุดนี้ดั่งแก้วตาดวงใจ ไม่สนใจการเมือง หาเงินเก่งสุด ๆ ว่านอนสอนง่าย หัวอ่อน

พอมีคดีขึ้นมา แม่ก็ทุกข์ใจหนักมาก ห่วงลูกชายคนเล็กคนนี้มากที่สุด รักสุดหัวใจ รักมากกว่าพี่น้องท้องเดียวกันที่ตัวเองคลอดออกมาทุกคน

"แม่" ไม่ได้คิดเลยว่า จริง ๆ แล้วคดีบุกรุกที่ป่าของชาติของตัวเองนั้น จะทำให้ตนเองได้เข้าคุกตอนแก่ได้โดยง่าย ๆ หลักฐานมัดแน่นมากที่สุด ทั้งภาษีดอกหญ้า ทั้ง น.ส.2 ก. แม่ยังคิดว่าตัวเองสบายๆ ส่วนหนึ่งอาจจะไม่มีสำนึกคิดว่าตัวเองคงวิ่งคดีในศาลได้ อย่างที่เคยทำมาเสมอ อีกส่วนหนึ่งก็อาจจะเกิดจากความรักและแสนห่วง กลัวลูกชายคนเล็กสุดที่รักจะต้องติดคุก ห่วงลูกรักลูกมากกว่ารักและห่วงตัวเอง

สำหรับลูกชายคนโต เป็นลูกชังที่แม่ไม่ชอบเลย แต่ในความเป็นแม่ลูก ก็ตัดไม่ได้ ขายไม่ขาดหรอก ลูกชายคนโตแม้จะเก่งในเชิงค้าขาย ไล่คนงานออกได้ทั้งโรงงานเพื่อให้ธุรกิจมีกำไรและอยู่รอด มีความอำมหิตผิดไปจากเตี่ยที่รักลูกน้องและดูแลลูกน้องเป็นอย่างดี

ไอ้ลูกชายคนโตคนนี้เวลาทะเลาะกับคนในบ้าน คนในบ้านหนีปิดประตู มันก็วิ่งเอาขวานมาจามประตูจะเข้าไปทะเลาะต่อ

แล้วก็มีความทะเยอทะยาน อยากเป็นฮีโร่ล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ให้ได้

ลูกคนนี้ ไม่ได้ดั่งใจ แต่ด้วยหัวอกคนเป็นแม่ ก็ต้องปกป้องลูก ไม่รัก แต่ก็ห่วง และตัดไม่ขาด แม่เองก็ต้องยอมรับเหมือนกันกับคนสนิทว่ารักลูกไม่เท่ากัน

พอลูกก่อเรื่องแต่ละที แม่ก็ต้องวิ่งเต้นเส้นสาย หาผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านในเมือง ให้มาช่วยลูกให้หลุดพ้นคดี ในความเป็นแม่ ลูกจะเลวอย่างไรก็ยังรัก และตัดไม่ขาดหรอก

เมื่อสิบปีก่อน ลูกชายทำหนังสือขาย แต่เป็นหนังสือผิดกฎหมาย เขาจะดำเนินคดี แม่ก็ไปหาผู้ใหญ่ให้ช่วย ผู้ใหญ่ท่านยอมช่วย แต่ขอสัญญาว่าจะไปสั่งสอนลูกชายคนโต ไม่ให้ล้มเจ้า

พอแม่ไปพูด ลูกชายคนโตผู้ก้าวร้าว ก็ "ตัดขาด" ความเป็นแม่ลูกทันที แล้วไม่พูดกับแม่เป็นปี ๆ ไม่ยอมให้แม่เข้าบ้านตัวเอง ไม่ยอมให้แม่พบหลาน สุดท้ายแม่ทนไม่ได้ มาขอโทษลูกชายบังเกิดเกล้า ขอคืนดี และต้องสนับสนุนลูกทุกทาง เพราะกลัวลูกจะตัดแม่ตัดลูก

เออ มันเนรคุณแม่มันได้ อย่าได้แปลกใจที่มันจะเนรคุณทุกแผ่นดิน ไม่ว่าจะแผ่นดินของบรรพบุรุษ หรือแผ่นดินเกิด

ไอ้คนเนรคุณสองแผ่นดินและเนรคุณมารดา ยังมีปมอะไรกับพ่อมันที่เป็นคนดีแต่อายุสั้น ไม่ทันได้เห็นความเลวระยำของลูกชาย รีบตายไปก่อนด้วยโรคมะเร็ง แต่พ่อตั้งโรงงานไว้ให้ ลูกก็แปลกเอาประวัติและคุณงามความดีของพ่อออกจากเว็บไซต์ของบริษัทที่พ่อตั้งมาเองออกจนหมด

เฮ้อ บ้านเมืองเรามีกรรม ได้คนเนรคุณบิดามารดา และคนเนรคุณสองแผ่นดิน มาปลุกปั่นยุยงให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง

กรรมหนักของประเทศจริง ๆ"


ที่มา: https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=10159249623242728&id=784302727

https://mgronline.com/onlinesection/detail/9640000012149

‘บิ๊กป้อม’ สั่งแก้ปมบุกรุกที่ดิน พร้อมเร่งพิสูจน์สิทธิ์ครอบครองที่ดินรัฐ พร้อมย้ำต้องอยู่บนพื้นฐานกฎหมาย - เหมาะสมเป็นธรรม ยืนยันรัฐบาลจะพยายามหาทางออก ที่กระทบความเป็นอยู่ของประชาชนให้น้อยที่สุด

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการแก้ไขปัญหา การบุกรุกที่ดินของรัฐ(กบร.)ครั้งที่ 1/2564 มีนายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และหน่วยงานเกี่ยวข้องเข้าร่วม

พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า "ความเป็นอยู่ของประชาชนต้องควบคู่กับการยกระดับคุณภาพชีวิตในการครอบครองที่ดิน เพื่อที่อยู่อาศัยและใช้ประโยชน์เป็นที่ทำกิน โดยรัฐบาลพยายามหาทางออกเพื่อแก้ไขปัญหาการรุกที่ของรัฐ ที่กระทบความเป็นอยู่ของประชาชนให้น้อยที่สุด พร้อมกำชับให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

สร้างความเข้าใจให้กับประชาชนในพื้นที่ให้การแก้ปัญหาอยู่บนพื้นฐานความถูกต้องตามกฎหมาย และอยู่บนประโยชน์ร่วมกันอย่างเหมาะสมเป็นธรรม รักษาไว้ซึ่งธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมที่มีค่าของประเทศให้คงอยู่"

โดยที่ประชุมเห็นชอบหลักการให้มีการแก้ไขปัญหา ป้องกันการบุกรุกที่ดินของรัฐ ตามมาตรการของกบร.ใน 2 เรื่องสำคัญ ได้แก่ การพิสูจน์สิทธิ์การครอบครองที่ดินของบุคคลในเขตที่ดินของรัฐ ขั้นตอน และวิธีการดำเนินงาน ของคณะอนุกรรมการอ่านภาพถ่ายทางอากาศ ให้ไปเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการของคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.)

นอกจากนั้นรับทราบปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐ สรุปผลการดำเนินงาน กบร.จังหวัด และกบร.กทม. ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2558-2563 มีค่าเฉลี่ยการแก้ไขปัญหา ข้อโต้แย้งสิทธิในที่ดิน ที่มีข้อยุติปรากฎว่าราษฎรที่อาศัยอยู่ก่อน และเป็นที่ดินของรัฐ ร้อยละ 78 และได้กำหนดประเภทที่ดินของรัฐ ที่เข้าสู่กระบวนการแก้ไขปัญหาที่ผ่านมา ได้แก่ ที่สาธารณะประโยชน์ ที่ราชพัสดุ และที่ป่าไม้ ตามลำดับ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top