Saturday, 7 June 2025
Hard News Team

“สุชาติ” ห่วงแรงงาน กำชับ บอร์ดอุทธรณ์ พิจารณาแนวทางรักษาสถานะภาพผู้ประกันตน

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ห่วงใยผู้ประกันตนมาตรา 39 กรณีขาดส่งเงินสมทบและสิ้นสภาพการเป็นผู้ประกันตนให้สามารถมีสถานะผู้ประกันตนต่อไปได้ กำชับบอร์ดอุทธรณ์ประกันสังคม เร่งหารือพิจารณากำหนดแนวทางการปฏิบัติที่ชัดเจน อำนวยความสะดวกแก่ผู้ประกันตนและให้เจ้าหน้าที่มีแนวปฏิบัติในทางเดียวกัน

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยถึงกรณีที่สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานคร/จังหวัด/สาขา หลายแห่งทั่วประเทศได้มีหนังสือถึงคณะกรรมการอุทธรณ์ให้พิจารณากรณีที่ผู้ประกันตนในระบบประกันสังคมตามมาตรา 39 ได้ขึ้นทะเบียนเป็นผู้ประกันตนแล้วและต่อมาบางรายประสบปัญหาสิ้นสุดสภาพการเป็นผู้ประกันตนเนื่องจากขาดส่งเงินสมทบ ซึ่งตาม พ.ร.บ.ประกันสังคม พ.ศ.2533 ระบุว่า ผู้ประกันตนมาตรา 39 ที่ขาดส่งเงินสมทบ 3 เดือนติดต่อกัน จะถือว่าได้สิ้นสุดสภาพการเป็นผู้ประกันตนตั้งแต่เดือนแรกที่ขาดส่ง หรือกรณีที่ผู้ประกันตนให้หักเงินสมทบผ่านบัญชีธนาคาร แต่ยอดเงินในบัญชีมีไม่เพียงพอ ทำให้สิ้นสภาพความเป็นผู้ประกันตนได้เช่นเดียวกัน ซึ่งกรณีดังกล่าวเกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้งและสำนักงานประกันสังคมแต่ละแห่งไม่สามารถวินิจฉัยเองได้ จึงได้ส่งเรื่องมายังคณะกรรมการอุทธรณ์พิจารณาหาข้อยุติ 

นายสุชาติ กล่าวต่อว่า ผมในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้มีนโยบายชัดเจนที่จะช่วยเหลือผู้ประกันตนในกรณีดังกล่าวเพื่อมิให้ต้องสิ้นสุดสภาพการเป็นผู้ประกันตน จึงได้กำชับให้ คณะกรรมการอุทธรณ์ตามพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ.2533 ซึ่งมี นายอาทิตย์ อิสโม เป็นประธาน เร่งพิจารณาถึงเรื่องนี้ เพื่อเสนอแนะไปยังสำนักงานประกันสังคมดำเนินการปรับปรุงแก้ไขกฎหมาย และแนวทางการปฏิบัติที่ชัดเจน เพื่อให้มีความยืดหยุ่น สอดคล้องกับวัตถุประสงค์และระเบียบของ พ.ร.บ. ประกันสังคมฯ ซึ่งคณะกรรมการอุทธรณ์ที่รัฐมนตรีแต่งตั้งประกอบด้วย ประธานกรรมการ กรรมการซึ่งเป็นผู้ทรงคุณวุฒิทางกฎหมาย ผู้ทรงคุณวุฒิทางการแพทย์ ผู้ทรงคุณวุฒิทางระบบงานประกันสังคม ผู้ทรงคุณวุฒิทางการแรงงาน ผู้แทนฝ่ายนายจ้าง ผู้แทนฝ่ายลูกจ้าง จะให้ความเห็นต่อสำนักงานประกันสังคม

สำหรับขั้นตอนการยื่นคำร้องเพื่อขอขยายหรือเลื่อนกำหนดเวลาโดยแสดงเหตุแห่งความจำเป็นนั้น จะขยายหรือเลื่อนกำหนดเวลาออกไปก็ได้ ทั้งนี้ ต้องยื่นคำร้องภายใน 15 วันนับแต่เหตุจำเป็นนั้นสิ้นสุดลง เพื่อไม่ให้ผู้ประกันตนต้องพ้นสภาพจากสถานะความเป็นผู้ประกันตน โดยนายจ้าง ผู้ประกันตน หรือบุคคลอื่นใด ที่ไม่พอใจในคำสั่งของพนักงานเจ้าหน้าที่ ให้มีสิทธิอุทธรณ์เป็นหนังสือต่อคณะกรรมการอุทธรณ์ได้ภายใน 30 วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งดังกล่าว จากนั้นคณะกรรมการอุทธรณ์จะพิจารณาวินิจฉัยแล้วแจ้งคำวินิจฉัยเป็นหนังสือให้ผู้อุทธรณ์ทราบ แต่หากผู้อุทธรณ์ไม่พอใจให้มีสิทธินำคดีไปสู่ศาลแรงงานภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำวินิจฉัย แต่ถ้าไม่นำคดีไปสู่ศาลแรงงานภายในระยะเวลาดังกล่าวให้คำวินิจฉัยของคณะกรรมการอุทธรณ์เป็นที่สุด

นายอาทิตย์ อิสโม ประธานกรรมการคณะกรรมการอุทธรณ์ กล่าวว่า ในเบื้องต้นคณะกรรมการอุทธรณ์ได้ให้อนุกรรมการวิชาการไปพิจารณาศึกษารายละเอียดถึงแนวทางเพื่อไม่ให้ผู้ประกันตนต้องสิ้นสภาพการเป็นผู้ประกันตนกรณีขาดส่งเงินสมทบ ซึ่งความเห็นของคณะกรรมการอุทธรณ์ในครั้งนี้จะเป็นที่มาและข้อเสนอแนะยังสำนักงานประกันสังคมในการกำหนดแนวปฏิบัติที่เหมาะสมและเกิดประโยชน์แก่ผู้ประกันตนต่อไป

“ผบ.ทสส.” หวัง 'โควิด' ซา เดินหน้าฝึก 'คอบร้าโกลด์' หวังกระชับมิตรทางทหารประเทศ-กระตุ้นเศรษฐกิจ

ที่เขาลำปี หาดท้ายเหมือง จ.พังงา พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) กล่าวถึง การฝึก 'คอบร้าโกลด์ 2021' ประจำปี 2564 ว่า ขณะนี้ยังเป็นการวางแผน ต้องรอดูสถานการณ์การแพร่บาดโควิด-19 ในขณะนั้นว่าจะสามารถ ทำได้มากน้อยแค่ไหน แต่ปัจจุบันเราได้เตรียมการรวมถึงรูปแบบในการปฏิบัติ เราคาดหวังว่าจะสามารถฝึกได้ตามห้วงเวลาที่กำหนดที่ได้เลื่อนไปจากเดิมเป็นเดือนสิงหาคม  เพราะจะสร้างประโยชน์ร่วมกันหลายเรื่อง ทั้งการปฏิบัติร่วมกันของมิตรประเทศและเศรษฐกิจประเทศ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การฝึก 'คอบร้าโกลด์ 2021' ประจำปี 2564 ซึ่งเป็นการฝึกร่วมผสมทางทหารที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งกองทัพไทย และกองกำลังสหรัฐฯ ภาคพื้นอินโด - แปซิฟิก ร่วมกันเป็นเจ้าภาพจัดการฝึกในประเทศไทย ประมาณเดือนกุมภาพันธ์ของประจำทุกปี  แต่เมื่อเกิดการแพร่ระบาดโควิด-19 ส่งผลให้การฝึกดังกล่าวเลื่อนไปเป็นเดือนสิงหาคม 2564

โดยการฝึกคอบร้าโกลด์ มีวัตถุประสงค์เพื่อการพัฒนาความสัมพันธ์ทางทหารที่ดีระหว่างมิตรประเทศที่เข้าร่วมการฝึก ประยุกต์ใช้กำลังรบในสถานการณ์วิกฤติต่างๆ รวมทั้งการฝึกใช้ระเบียบปฏิบัติประจำกองกำลังผสมนานาชาติ เพื่อให้ทุกชาติมีความเข้าใจตรงกันและพร้อมปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพหากเกิดสถานการณ์จริง

สำหรับปีนี้มี 7 ประเทศที่เข้าร่วมการฝึกหลักคือ ไทย สหรัฐอเมริกา สิงคโปร์ ญี่ปุ่น อินโดนีเซีย สาธารณรัฐเกาหลี และมาเลเซีย ประเทศที่เข้าร่วมการฝึกเพิ่มเติมในโครงการช่วยเหลือประชาชน 2 ประเทศ คือ จีน และอินเดีย ส่วนอีก 20 ประเทศ จะเข้าร่วมสังเกตการณ์ และร่วมฝึกโครงการเสนาธิการผสมนานาชาติ รวม 29 ประเทศ

สวีเดน มั่นใจศักยภาพด้านอวกาศไทย ปักหมุดให้ไทยเป็น HUB อุตสาหกรรมอวกาศเอเชียแปซิฟิก พร้อมผลักดันให้ไทยเข้าสู่ Global value chain ด้านอวกาศอย่างเป็นรูปธรรม

เมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2564 ณ อุทยานรังสรรค์นวัตกรรมอวกาศ หรือ (Space Krenovation Park : SKP) อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี เอกอัครราชทูตราชอาณาจักรสวีเดนประจำประเทศไทย (H.E. Mr. Jon Åström Gröndahl, Swedish Ambassador to Thailand) และผู้บริหารบริษัท SSC Space Thailand พร้อมคณะเข้าเยี่ยมชมการดำเนินงานของสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) GISTDA หรือ สทอภ. พร้อมหารือเรื่องความร่วมมือด้านอวกาศ

โดยมี นายทรงศัก สายเชื้อ ที่ปรึกษาสทอภ. นายตติยะ ชื่นตระกูล รองผู้อำนวยการสทอภ. และ ดร.ดำรงค์ฤทธิ์ เนียมหมวด ปฏิบัติงานรองผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ GISTDA พร้อมคณะให้การต้อนรับ Space Krenovation Park : SKP เป็นส่วนหนึ่งของเขตส่งเสริมอุตสาหกรรม และนวัตกรรมดิจิทัล หรือ EECd ซึ่งได้รับการประกาศให้เป็นพื้นที่ส่งเสริมการลงทุนประเภทวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนที่ผู้ประกอบการในประเทศ และต่างชาติจะมีโอกาสในการได้รับสิทธิประโยชน์จากโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ ภายในพื้นที่ เพื่อนำไปสู่การส่งเสริม สนับสนุน และพัฒนาศักยภาพของผู้ประกอบการทางด้านอวกาศ

ซึ่งในพื้นที่ SKP มีการดำเนินโครงการลงทุนสถานีดาวเทียมร่วมกับบริษัท SSC ถือเป็นโครงการครั้งแรกในการลงทุนด้านธุรกิจอวกาศของบริษัทต่างประเทศในประเทศไทย แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของรัฐบาลสวีเดน และบริษัท SSC ต่อนโยบาย และศักยภาพด้านอวกาศของไทยในพื้นที่ EEC เพื่อหวังจะให้พื้นที่ EEC เป็นฐานสำคัญในการขยายธุรกิจเทคโนโลยีขั้นสูงในด้านอุตสาหกรรม และบริการที่เกี่ยวกับอวกาศ พร้อมทั้งสร้างให้เป็นจุดศูนย์รวมในการเชื่อมต่อกับอุตสาหกรรมอวกาศในภูมิภาค และยังช่วยผลักดันให้ไทยเข้าสู่ Global value chain ด้านอวกาศอย่างเป็นรูปธรรม

ประเทศสวีเดนเป็นผู้ริเริ่มโครงการเพื่อความยั่งยืนโดยให้ SSC ในฐานะผู้นำในด้านนี้ได้ก่อตั้ง Global Trust ซึ่งเป็นบริษัทภายใต้ SSC ที่ใช้ประโยชน์ของดาวเทียมเพื่อชี้นำองค์กรต่าง ๆ ทั่วโลกในการพัฒนา และนำเสนอกลยุทธ์ในการบริหารจัดการทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมอย่างมีประสิทธิภาพ และการพัฒนาแบบยั่งยืน

SSC ยังร่วมมือ USN เป็นบริษัทในด้านเทคโนโลยี และนวัตกรรมอวกาศให้บริการสถานีภาคพื้นดินเชิงพาณิชย์แห่งแรกในระดับโลก และมีประสบการณ์ในการสร้างดาวเทียมรวมถึง Payload ของดาวเทียม นอกจากนี้ยังได้มีการดำเนินการเกี่ยวกับภารกิจบอลลูน และจรวด รวมถึงโครงการอวกาศอื่น ๆ เช่นเดียวกับภารกิจ ISS หรือภารกิจ Moon Mission ด้วยการสร้างดาวเทียมขนาดเล็กดวงแรกที่ใช้ระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าเพื่อไปยังวงโคจรของดวงจันทร์ หรือ Smart-1 อีกทั้งมองเห็นการจัดทำ Spaceport (ท่าอวกาศยาน) ขึ้นที่มีแนวโน้มจะเกิดขึ้นในอนาคต ได้มองเห็นถึงความสำคัญของเทคโนโลยี และนวัตกรรมอวกาศมีความก้าวหน้าไม่มีที่สิ้นสุด

จากความร่วมมือกับ GISTDA เริ่มขึ้นเมื่อปี 2558 ซึ่งบริษัท SSC ได้ใช้สถานีดาวเทียมในประเทศสวีเดนเพื่อให้บริการติดตามยืนยันตำแหน่งของดาวเทียมค้างฟ้าที่อยู่ในห้วงอวกาศในภูมิภาคเอเชีย และแปซิฟิกรวมถึงการให้บริการปรับแก้ข้อมูลเชิงตำแหน่งให้กับดาวเทียมนำทางของญี่ปุ่น (QZSS) จนมาถึงปัจจุบัน ด้วยศักยภาพด้านอวกาศของไทยมีความเหมาะสมทั้งในด้านทำเลที่ตั้ง บุคลากร ตลอดจนการสนับสนุนจากทางรัฐบาลทำให้ทางรัฐบาลประเทศสวีเดน และบริษัท SSC ลงทุนตั้งสถานีรับส่งสัญญาณดาวเทียมขนาดใหญ่ในพื้นที่ประเทศไทย โดยมี GISTDA ให้เป็น Strategic Partner และได้กำหนดให้ประเทศไทยเป็น Hub ในพื้นที่อาเซียนจึงได้จัดตั้ง SSC Space Thailand เพื่อนำประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญทั้งหมดมาช่วยสร้างระบบนิเวศอวกาศของไทย โดยมุ่งหวังที่จะสร้างความร่วมมือกับหน่วยงาน และบริษัทของไทยในการพัฒนาโครงการอวกาศ และอุตสาหกรรมอวกาศในประเทศไทย และอาเซียนต่อไป

.

ที่มา : https://www.facebook.com/109141292809477/posts/1649307845459473/?d=n


สนับสนุนข่าวโดย : รับข้อเสนอพิเศษมอเตอร์โชว์ ในงาน Mazda Motor Show สัมผัสปิกอัพใหม่ All-New Mazda BT-50 และยนตรกรรมสกายแอคทีฟจากมาสด้า ดอกเบี้ยต่ำสุด 0%* รับประกันคุณภาพรถสูงสุด 5 ปี* และบัตรเติมน้ำมัน 10,000 บ.* 24 มี.ค. 64 - 4 เม.ย. 64 ที่บูธและโชว์รูมทั่วประเทศ

รัฐบาล ปลื้ม หลังประเทศไทย ถูกปรับลดอันดับ ประเทศที่มีขยะพลาสติกในทะเลสูงสุดในโลกจากอันดับ 6 เป็น อันดับที่ 10 ได้สำเร็จ พร้อมเดินหน้า 9 มาตรการ แก้ปัญหาขยะต่อ

น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม สั่งเดินหน้าแก้ปัญหาขยะพลาสติกในทะเลอย่างจริงจัง ตามแผนแม่บทการบริหารจัดการขยะมูลฝอยของประเทศ โดยให้สอดคล้องกับแนวทางเศรษฐกิจ BCG หรือ เศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว (Bio-Circular-Green: BCG Model) ที่รัฐบาลกำหนดเป็นโมเดลเศรษฐกิจในการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืนและเป็นวาระแห่งชาติ

น.ส.รัชดา กล่าวว่า "รัฐบาลให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาขยะพลาสติกในทะเลอย่างจริงจัง โดยที่ผ่านมาได้ดำเนินการด้านต่างๆ อาทิ การจัดทำ โร้ดแม็ปการจัดการขยะพลาสติก พ.ศ. 2561 - 2573 โดยตั้งเป้าเลิกใช้พลาสติกหุ้มฝาขวดน้ำดื่ม พลาสติกผสมสารอ็อกโซ่ และไมโครบีดส์ ภายในปี 2562"

น.ส.รัชดา กล่าวว่า "เลิกใช้ถุงพลาสติกหูหิ้ว ที่มีความหนาน้อยกว่า 36 ไมครอน กล่องโฟมใส่อาหาร หลอดและแก้วพลาสติกชนิดบางแบบใช้ครั้งเดียว ภายในปี 2565 รวมถึงการนำขยะพลาสติกเป้าหมาย กลับมาใช้ใหม่ ร้อยละ 100 ภายในปี 2570 เป็นต้น จนทำให้ประเทศไทยสามารถปรับลดอันดับประเทศที่มีขยะพลาสติกในทะเลสูงสุดในโลกจากอันดับ 6 เป็น อันดับที่ 10 ได้สำเร็จ โดยลดปริมาณการใช้ถุงพลาสติกได้กว่า 25,284 ล้านใบ หรือ 228,820 ตัน"

น.ส.รัชดา กล่าวว่า "รัฐบาลโดยกระทรวงที่เกี่ยวข้องยังจะนำข้อเสนอแนะของผู้ตรวจการแผ่นดินในการแก้ปัญหาขยะพลาสติกในทะเล ทั้ง 9 ข้อ มาพิจารณาดำเนินการเพื่อการจัดการขยะในภาพรวมของประเทศที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมด้วย ประกอบด้วย

1.) ให้มีการนำระบบมัดจำค่าขวดพลาสติกมาใช้

2.) ให้มีการส่งเสริม สนับสนุนการออกแบบผลิตภัณฑ์ และบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

3.) ให้มีการส่งเสริม สนับสนุนการดำเนินธุรกิจ และการพัฒนาเทคโนโลยีนวัตกรรมในรูปแบบเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy)

4.) ให้มีการออกกฎหมาย กำหนดให้ผู้ผลิตต้องรับผิดชอบในการรีไซเคิลบรรจุภัณฑ์ที่ตนผลิต

5.) ให้มีการออกกฎหมาย กำหนดให้ประชาชนในฐานะผู้ทำให้เกิดขยะ มีหน้าที่ในการคัดแยกขยะ

6.) ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พัฒนาการดำเนินงานในการเก็บ ขน และกำจัดขยะ ให้เป็นระบบ มีประสิทธิภาพ และครอบคลุมทั่วถึงเขตพื้นที่รับผิดชอบของตนโดยเฉพาะทางน้ำ

7.) ให้มีการส่งเสริม สนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตไฟฟ้าจากขยะ ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและปลอดภัยต่อชุมชนรอบข้าง

8.) ให้มีการจัดสรรงบประมาณ เพื่อจัดให้มีเรือเก็บขยะที่เพียงพอ สำหรับการปฏิบัติงานในจังหวัดชายฝั่งทะเล และส่งเสริมสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีในการจัดเก็บขยะในน้ำ ทั้งในแม่น้ำ ลำคลอง และทะเล เพื่อให้เรือเก็บขยะสามารถปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

9.) ให้หน่วยงานของรัฐ บูรณาการจัดการขยะพลาสติกกับองค์กรภาคเอกชน และประชาชน ตลอดจนรณรงค์ประชาสัมพันธ์ เรื่องสร้างจิตสำนึกในการลดใช้พลาสติก และการคัดแยกขยะอย่างถูกวิธี"


สนับสนุนข่าวโดย : รับข้อเสนอพิเศษมอเตอร์โชว์ ในงาน Mazda Motor Show สัมผัสปิกอัพใหม่ All-New Mazda BT-50 และยนตรกรรมสกายแอคทีฟจากมาสด้า ดอกเบี้ยต่ำสุด 0%* รับประกันคุณภาพรถสูงสุด 5 ปี* และบัตรเติมน้ำมัน 10,000 บ.* 24 มี.ค. 64 - 4 เม.ย. 64 ที่บูธและโชว์รูมทั่วประเทศ

"แลนด์บริดจ์" เชื่อมเศรษฐกิจไทยไปไกลระดับโลก ? | BizMAX EP.31

จากข่าว "ดันแทนด์บริดจ์แสนล้าน!!! 'คมนาคม' เล็งเชื่อม 2 ท่าเรือ 'ระนอง-ชุมพร' ยกระดับประเทศไทยสู่ฮับขนส่งทางน้ำของภูมิภาค"

Link ข่าว : https://thestatestimes.com/post/2021030202 ​

จากเนื้อหาข่าวกระทรวงคมนาคม ดันแลนด์บริดจ์ ชุมพร - ระนอง มูลค่าลงทุนแสนล้านบาท เชื่อมโยง 2 ท่าเรือ ได้แก่ ท่าเรือระนองแห่งใหม่ และท่าเรือชุมพร พร้อมเปิดเส้นทางเดินเรือแห่งใหม่ 2 มหาสมุทร ทั้งมหาสมุทรอินเดีย และ มหาสมุทรแปซิฟิก ประเทศไทยจะได้ผลประโยชน์อะไรจากโครงการนี้ มาร่วมวิเคราะห์กันกับ หยก THE STATES TIMES

.

.


สนับสนุนโดย : รับข้อเสนอพิเศษมอเตอร์โชว์ ในงาน Mazda Motor Show สัมผัสปิกอัพใหม่ All-New Mazda BT-50 และยนตรกรรมสกายแอคทีฟจากมาสด้า ดอกเบี้ยต่ำสุด 0%* รับประกันคุณภาพรถสูงสุด 5 ปี* และบัตรเติมน้ำมัน 10,000 บ.* 24 มี.ค. 64 - 4 เม.ย. 64 ที่บูธและโชว์รูมทั่วประเทศ

‘เสรีพิศุทธ์’ เหน็บแรง ‘ปารีณา’ พังเพราะความไม่รู้ ซัด นั่ง กมธ.ป.ป.ช.แต่ไม่ทำงาน มากินของฟรี - เซ็นรับเบี้ยประชุมแล้วก็ไป ได้ทีแขวะพรรคการเมือง ควรเลือกคนที่มีความรู้ ความสามารถ มาทำหน้าที่กมธ. ไม่ใช่ส่งใครมาก็ได้

พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ เตมียเวช ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช) กล่าวถึงกรณีที่ศาลฎีการับคำร้องคดี น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ กรณีบุกรุกพื้นที่ป่าสงวน จ.ราชบุรี โดยให้ปฏิบัติหน้าที่ส.ส.ไว้ก่อน

ซึ่ง น.ส.ปารีณา เป็นหนึ่งในกมธ.ด้วย ว่า เป็นดุลยพินิจของศาลที่ให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ แต่ยังไม่ถือว่าพ้นจากตำแหน่งส.ส. ซึ่งเมื่อหยุดปฏิบัติหน้าที่ส.ส. ก็ไม่อาจมาปฏิบัติหน้าที่กมธ.ได้ จนกว่าศาลจะวินิจฉัย หากไม่ผิดก็สามารถกลับมาปฏิบัติหน้าที่ได้ แต่หากผิดก็ต้องพ้นจากตำแหน่ง ส.ส.

เมื่อถามว่ารู้สึกอย่างไรเพราะพล.ต.อ.เสรีศุทธิ์ ก็เป็นไม้เบื่อไม้เมากับน.ส.ปารีณามาโดยตลอด พล.ต.อ.เสรีศุทธิ์ กล่าวว่า ตนไม่ได้เป็นไม้เบื่อไม้เมากับ น.ส.ปารีณา อย่าคิดว่าส.ส. ต้องรู้กฎหมาย ส.ส. จำนวนมากเลือกตั้งเก่ง ซื้อเสียงกันมา ทางราชบุรีก็เหมือนกัน เป็นตั้งแต่รุ่นพ่อ มีหัวคะแนนต่างๆ สืบทอดมาถึงรุ่นลูก เมื่อมาเป็นส.ส. ซึ่งไม่เคยบริหารราชการมาก่อนจึงขาดความรู้และประสบการณ์ ที่ถูกหยุดปฏิบัติหน้าที่ก็เป็นเรื่องของตนเองแท้ ๆ แต่ไม่รู้ว่าที่ดินเหล่านี้เป็นที่ดินที่ผิดกฎหมาย ก็ตายเพราะความไม่รู้

"สำหรับ น.ส.ปารีณามีเรื่องในกมธ.มากมาย ผมมอบงานให้ก็ไม่ทำ มาถึงก็มานั่งทาน ทานเสร็จแล้วก็ไป บางครั้งก็มาเซ็นชื่อแล้วก็ไป ไม่ได้ทำงาน แต่ก็รับเบี้ยประชุม ย้อนแย้งผมอยู่ตลอดเวลา ผมก็ปล่อยไปไม่เอาเรื่องเอาราว" พล.ต.อ.เสรีศุทธิ์ กล่าว

เมื่อถามว่าหากท้ายที่สุดแล้ว น.ส.ปารีณา ไม่มีความผิด ยังมีความเหมาะสมที่จะมาทำหน้าที่ในกมธ.อยู่หรือไม่ พล.ต.อ.เสรีพิสุทธิ์ กล่าวว่า ตนไม่สามารถตอบได้ว่าเหมาะสมหรือไม่ แต่ถ้าส่วนตัวก็คือไม่เหมาะสม เพราะไม่ได้มีความรู้และไม่ได้มีความสนใจที่จะปฏิบัติหน้าที่ ทั้งนี้กมธ.มีมติไม่มอบหมายให้ น.ส.ปารีณา มานานแล้ว แต่กมธ.เป็นเรื่องของพรรคการเมืองที่จะส่งมาตามโควตา ตนกล่าวเพียงว่าจะเลือกส.ส.มาอยู่กมธ.คณะไหน ก็ขอให้คัดเลือกคนที่มีความรู้ ความสามารถตรงตามอำนาจหน้าที่ของกมธ.นั้นๆ ไม่ใช่ส่งใครมาก็ได้ และมาเป็นที่หนักใจของกมธ.


สนับสนุนข่าวโดย : รับข้อเสนอพิเศษมอเตอร์โชว์ ในงาน Mazda Motor Show สัมผัสปิกอัพใหม่ All-New Mazda BT-50 และยนตรกรรมสกายแอคทีฟจากมาสด้า ดอกเบี้ยต่ำสุด 0%* รับประกันคุณภาพรถสูงสุด 5 ปี* และบัตรเติมน้ำมัน 10,000 บ.* 24 มี.ค. 64 - 4 เม.ย. 64 ที่บูธและโชว์รูมทั่วประเทศ

“ผบ.ตร.” ยันฝึกควบคุมฝูงชนตามวงรอบ ยึดมาตรฐานยูเอ็น โยนนครบาลเคลียร์คืนพื้นที่ม็อบข้างทำเนียบฯ

เมื่อวันที่ 25 มีนาคาม ที่หาดท้ายเหมือง จ.พังงา พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) กล่าวถึงกรณีออกคำสั่งฝึกทบทวนข้าราชการตำรวจ ซึ่งได้รับมอบหมายให้ดูแลการชุมนุมสาธารณะ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2564 ว่า มีวงรอบอยู่แล้วที่ตนสั่งการไปล่าสุดและเน้นย้ำไปคือให้ยึดตามมาตรฐานองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น)เป็นตัวตั้ง ซึ่งจริง ๆ แล้วเราฝึกมานานแล้ว ไม่ใช่เพิ่งมาฝึก แต่มีหลากหลายรูปแบบ แต่เราจะเน้นอันนี้เป็นตัวหลัก โดยให้หน่วยเขารับทราบ เพราะเวลามาปฏิบัติร่วมกันก็จะใช้มาตรฐานเดียวกันหมด 

เมื่อถามถึงการรับมือการชุมนุม หลังมีผู้ชุมนุมไปร่วมชุมนุมที่แยกราชประสงค์เมื่อวันที่ 24 มีนาคมที่ผ่านมา เป็นจำนวนมาก พล.ต.อ.สุวัฒน์  กล่าวว่า เราดูแลเรื่องความสงบ เรื่องความเรียบร้อย ไม่ให้เขาละเมิดกฎหมาย ก็ยังคงใช้ตามเดิม ส่วนเรื่องจำนวนคนที่ชุมนุมก็สุดแล้วแต่ แต่เราก็มีมาตรการของเรา

เมื่อถามถึงกระแสข่าวเจ้าหน้าที่จะขอพื้นที่คืนจากกลุ่มผู้ชุมนุม ที่ชุมนุมอยู่บริเวณด้านข้างทำเนียบรัฐบาล พล.ต.อ.สุวัฒน์ กล่าวว่า เป็นเรื่องการปฎิบัติของกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.)เขาอาจจะต้องดูเวลาและความเหมาะสมในการบังคับใช้  ซึ่งตนขอชี้แจงว่าการชุมนุมในบริเวณดังกล่าวผิดกฎหมายอยู่แล้ว 

เมื่อถามต่อถึงภาพรวมการชุมนุมเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาหลังมีการปรากฏภาพผู้สื่อข่าวได้รับบาดเจ็บ และภาพเจ้าหน้าที่ตำรวจจับผู้ชุมนุมกดลงไปกับพื้น จนทำให้ทั้งสองฝ่ายมีการปะทะกัน พล.ต.อ.สุวัฒน์ กล่าวว่า ทุกครั้งเมื่อมีการปฏิบัติ เรามีการทบทวนบทเรียนเสมอ สิ่งใดที่ทำดีอยู่แล้ว เราก็รักษาต่อไป อะไรที่ต้องปรับปรุงเราก็ต้องทำ ส่วนการทบทวนนั้น มีการนำเข้าสนามฝึกและมีการทำความเข้าใจกับกำลังพลให้มีความแม่นยำในการปฎิบัติหน้าที่

เมื่อถามว่ามีการกล่าวถึงคำพูดที่ว่าทำตามคำสั่งนาย  มองคำว่าคำสั่งนายกับกฎหมายอย่างไร พล.ต.อ.สุวัฒน์ กล่าวว่า คำสั่งผู้บังคับบัญชาก็สั่งตามกฏหมายไม่ได้ออกนอกกฏหมายอยู่แล้ว

"โรม" อัด ร่างแก้ไข พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารฯ จงใจปิดกั้นสิทธิเสรีภาพปชช. ชี้ หากบังคับใช้จะเป็นภัยใหญ่หลวง

เมื่อวันที่ 25 มีนาคม นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะรองเลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีเมื่อวันที่ 23 มี.ค. ที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารของราชการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. ว่า ดูเผิน ๆ เหมือนจะเป็นการปรับปรุงแก้ไข พ.ร.บ. ข้อมูลข่าวสารฯ ที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน คือฉบับ พ.ศ. 2540 แต่เมื่อได้อ่านในสาระสำคัญ 16 ข้อ ที่เผยแพร่ออกมา ก็น่ากังวลว่าหากมีการบังคับใช้ร่าง พ.ร.บ. ฉบับนี้ขึ้นมาจริง ๆ ในสถานการณ์บ้านเมืองเช่นนี้ จะเป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อสิทธิในการรับรู้ข้อมูลข่าวสารของประชาชน 

ตัวอย่างสาระสำคัญที่น่ากังวล เช่น ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ ในฉบับ พ.ศ. 2540 กำหนดว่าข้อมูลข่าวสารของราชการที่ "อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อสถาบันพระมหากษัตริย์" จะเปิดเผยมิได้ แต่ในร่างฉบับใหม่นี้ไปขยายอีกว่าแม้กระทั่งข้อมูลที่ “หากเปิดเผยแล้วอาจมีการนำไปใช้ในทางที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อสถาบันพระมหากษัตริย์" ก็เปิดเผยไม่ได้ด้วย กล่าวคือจากแค่ตีความในตัวเนื้อหาของข้อมูลเอง กลายเป็นต้องตีความเจตนาของผู้ได้รับข้อมูลด้วยว่าจะเอาไปใช้อย่างไร 

นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่า ประเด็นที่สอง ข้อมูลที่เมื่อเปิดเผยจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อความมั่นคง ฯลฯ เดิมกำหนดให้ "จะเปิดเผยหรือไม่ก็ได้" โดยชั่งน้ำหนักถึงประโยชน์สาธารณะ แต่ในร่างฉบับใหม่เปลี่ยนเป็นว่า ข้อมูลความมั่นคงของรัฐด้านการทหารและการป้องกันประเทศ ฯลฯ จะเปิดเผยมิได้ กล่าวคือจากเดิมต้อง "เปิดเผยแล้วเกิดความเสียหาย" จึงให้พิจารณาชั่งน้ำหนักก่อนว่าจะเปิดเผยหรือไม่ ซึ่งสุดท้ายอาจเปิดเผยก็ได้ เปลี่ยนเป็นแค่เป็นเรื่องความมั่นคงทางทหาร ต่อให้เปิดเผยแล้วไม่เสียหายก็ห้ามเปิดเผย

นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่า ประเด็นที่สาม ในการใช้ดุลยพินิจของหน่วยงานรัฐ เพิ่มเติมเข้ามาว่าหากมีผลเป็นการสร้างภาระจนเกินสมควรแก่หน่วยงานรัฐ หรือเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต หน่วยงานรัฐจะไม่จัดหาข้อมูลข่าวสารให้ก็ได้ จากเดิมต้องเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการในการพิจารณาตามความเหมาะสม กลายเป็นโอนอำนาจให้หน่วยงานต้นเรื่องตัดสินได้เอง 

ประเด็นที่สี่ ในการพิจารณาคดีในศาลเกี่ยวกับข้อมูลที่มีห้ามเปิดเผย เดิมกำหนดแค่ว่าจะต้องดำเนินกระบวนการพิจารณาโดยมิให้ข้อมูลนั้นเปิดเผยแก่บุคคลอื่นที่ไม่จำเป็นแก่การพิจารณา แต่ในร่างฉบับใหม่เปลี่ยนมาเป็นบังคับให้ต้องพิจารณาเป็นการลับเท่านั้น กลายเป็นว่านอกจากเรื่องการป้องกันข้อมูลถูกเปิดเผยแล้ว กระบวนการพิจารณาส่วนอื่น ๆ ยังถูกปิดกั้นไม่ให้สาธารณะได้รับรู้ด้วย

“ผมเกรงว่าหากปล่อยให้ร่าง พ.ร.บ. ฉบับใหม่นี้บังคับใช้ได้จริง ๆ ข้อมูลข่าวสารพื้นฐานที่ประชาชนควรรู้ เช่น เรื่องการจัดซื้อจัดจ้างต่าง ๆ ที่ใช้เงินภาษีประชาชน ก็จะถูกปิดกั้นไม่ให้ประชาชนได้รับรู้ด้วย ซึ่งที่ผ่านมาเราก็ได้เห็นกันอยู่เรื่อยๆ ถึงการใช้จ่ายซื้ออาวุธของกองทัพ ที่อ้างตลอดว่าเป็นไปเพื่อความมั่นคงด้านการทหาร แต่เมื่อได้เห็นรายการที่สั่งซื้อ เห็นตัวเลขวงเงิน ก็บ่งชี้ว่านี่คือการใช้จ่ายที่ไม่คุ้มค่า เกินความจำเป็น หรืออาจเข้าข่ายทุจริตคอร์รัปชันด้วยซ้ำ ลองคิดดูว่าหาก พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารฯ ฉบับใหม่ประกาศใช้ เรื่องเหล่านี้จะยังถูกเปิดเผยให้ประชาชนได้รับรู้หรือไม่?" นายรังสิมันต์ กล่าว

นายรังสิมันต์ กล่าวอีกว่า ใน พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารฯ พ.ศ. 2540 ได้เขียนเหตุผลของการมี พ.ร.บ. ดังกล่าวไว้ว่า "ในระบอบประชาธิปไตย การให้ประชาชนมีโอกาสกว้างขวางในการได้รับข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการดำเนินการต่าง ๆ ของรัฐเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อที่ประชาชนจะสามารถแสดงความคิดเห็นและใช้สิทธิทางการเมืองได้โดยถูกต้องกับความเป็นจริง อันเป็นการส่งเสริมให้มีความเป็นรัฐบาลโดยประชาชนมากยิ่งขึ้น สมควรกำหนดให้ประชาชนมีสิทธิได้รู้ข้อมูลข่าวสารของราชการ" 

แต่ใน พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารฯ ฉบับใหม่นี้ยิ่งทำให้เลวร้ายลงไปอีก จากกฎหมายที่เป็นหลักประกันสิทธิของประชาชนในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร กำลังถูกบิดเบือนให้กลายเป็นกฎหมายแห่งการปิดกั้นข้อมูลไม่ให้ประชาชนได้รับรู้ นอกจากนั้น รัฐบาลยังได้แจ้งอีกว่าร่าง พ.ร.บ. ฉบับนี้เป็น "กฎหมายปฏิรูป" หมายความว่าตามรัฐธรรมนูญในบทเฉพาะกาล มาตรา 270  ส.ว. จะมีอำนาจเข้ามาร่วมลงมติร่วมกับ ส.ส. ได้ตั้งแต่แรก คงตั้งใจจะเอาให้ผ่านสภาให้ได้จริง ๆ ฉะนั้น ถ้ากฎหมายฉบับนี้ประกาศใช้ขึ้นมาจะเป็นภัยกับประชาชนอย่างใหญ่หลวงแน่นอน ปล่อยไว้ไม่ได้เด็ดขาด

"อนุทิน" ลั่น​ ถ้าวัคซีนสร้างภูมิคุ้มกันได้​ พร้อมเปิดประเทศ​ การันตี​ ยี่ห้อไหนผ่าน อย.ไทยปลอดภัยหมด “ฟุ้ง”​ สธ.ทำงานได้เกินเป้า

วันที่ 25 มี.ค.ที่ทำเนียบรัฐบาล​ นายอนุทิน​ ชาญวีรกูล​ รองนายกรัฐมนตรี​ และรมว.สาธารณสุข​ ให้สัมภาษณ์ถึงการเปิดประเทศว่า มาตรการผ่อนคลายต่างๆที่จะเกิดขึ้นจะขึ้นอยู่กับการกระจายวัคซีน​ ซึ่งจากนี้ถึงอีก 2 เดือนข้างหน้า จะมีการกระจายฉีดวัคซีนเป็นล้านคน ที่ผ่านมาใช้ไปประมาณ 1 ล้านโดส และเดือนหน้าอีกประมาณ 1-2 ล้านโดส ดังนั้นภายในเดือนพ.ค.นี้เราจะเริ่มรู้แล้วว่า คนที่ได้รับวัคซีนมีภูมิคุ้มกันระดับไหน ซึ่งถ้าผลเป็นที่น่าพอใจก็จะมั่นใจได้ว่าจะต้องฉีดให้คนจำนวนมาก จากนั้นจะเป็นการผ่อนคลายมาตรการให้เกิดความสะดวกและเป็นปกติมากขึ้น 

หลักการแรกคือต้องดูความปลอดภัยของประชาชน ปลอดภัยเมื่อไหร่เปิดเมื่อนั้น ไม่เก็บไว้แน่นอน ส่วนแผนและระยะเวลานั้น ขึ้นอยู่กับความปลอดภัย รวมทั้งการเจรจากับประเทศคู่เจรจาต่างๆ​ ทั้งนี้​ หากวัคซีนเข็มแรกที่ได้ฉีดให้กับทุกคนได้ผล มีภูมิคุ้มกันกันหมดจะเป็นตัวชี้วัดได้ ซึ่งขณะนี้กระทรวงสาธารณสุขกำลังเร่งทำในเรื่องนี้อยู่แล้ว และกำลังเร่งขึ้นทะเบียนวัคซีน อย่างวันนี้องค์การอาหารและยา​ (อย.)​ ก็ได้ขึ้นทะเบียนวัคซีนของจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน เท่ากับเรามีทางเลือกเพิ่มขึ้น อีกทั้งเป็นการพิสูจน์ให้เห็นว่าเราไม่ได้มีการปิดกั้นในเรื่องของวัคซีน ตราบใดที่ผู้ผลิตวัคซีนยื่นเอกสารเข้ามา ถ้าทุกอย่างถูกต้องตามขั้นตอนเราจะอนุมัติโดยเร็ว 

เมื่อวันนี้ประเทศไทยเรามีวัคซีน 3 ยี่ห้อแล้ว ประกอบด้วย ซิโนแวค แอสตราเซเนกา และจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน ใครสามารถไปเจรจาและเขายอมขายวัคซีนให้ ก็ถือว่ามีความชอบธรรมที่จะนำเข้า แต่เขาจะยอมขายหรือไม่เป็นอีกเรื่อง เพราะทุกบริษัทผลิตมาในช่วงภาวะฉุกเฉิน และหากผู้นำเข้ารับสภาพได้ว่า เป็นการนำเข้ามาเฉพาะในภาวะฉุกเฉิน ความรับผิดชอบของผู้ผลิตมีจำกัด ผู้ที่จะมารับขอวัคซีนเองรับสภาพได้ กระทรวงสาธารณสุขก็ไม่มีปัญหา แค่ระบุว่าจะนำเข้ามาและไปฉีดที่โรงพยาบาลใด มีการขอและขึ้นทะเบียนอย่างเป็นทางการกับกรมควบคุมโรค เราก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ทำคุณประโยชน์ให้กับกระทรวงสาธารณสุข เป็นการแบ่งเบาภาระ อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าในเรื่องของวัคซีนแนวโน้มดีขึ้นเรื่อยๆ การเข้าถึงวัคซีนมีเพิ่มมากขึ้น แต่เราไปซื้อจำนวนมากก็ไม่ได้ เผื่อมีการกลายพันธุ์ อนาคตก็ต้องดูวัคซีนที่มีการพัฒนา เราต้องใช้วัคซีนที่เหมาะสมที่สุด แต่ช่วงนี้ก็ต้องใช้สายพันธุ์นี้ไปก่อน

"วัคซีนที่ดีที่สุดในโลกมันไม่มีหรอก มีแต่วัคซีนที่เหมาะ​ มาถูกเวลา ราคาอยู่ในเกณฑ์ที่เรารับได้ และส่วนใหญ่วัคซีนที่กว่าจะมาถึงมือเราใช้เวลามาก และกว่าจะผ่านขั้นตอนของอย.ไทยยากเย็นแสนเข็ญ ดังนั้นหากอนุญาตให้มาใช้ได้แสดงว่ามีความปลอดภัยขั้นสูงสุดแล้ว" รมว.สาธารณสุขกล่าว

นายอนุทิน​ กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม สิ่งที่กระทรวงสาธารณสุขดำเนินการมาถือว่าเกินเป้าหมายทั้งตั้งไว้ ทั้งเรื่องการพัฒนา การเข้าถึงวัคซีน และความรวดเร็ว เกินคาดกว่าที่กระทรวงสาธารณสุขตั้งเป้าไว้ วันนี้ปัญหาที่ต้องทำให้เร็วที่สุด คือการเร่งฉีดวัคซีนให้กับประชาชน ยิ่งฉีดได้มาก​ ฉีดได้เร็ว​ และมีประสิทธิภาพก็จะทำให้เปิดประเทศได้เร็ว วันนี้ทางสถานเอกอัครราชทูตก็เริ่มมาพูดคุยกันแล้วในเรื่องการพิจารณาการเข้าประเทศ

ศาลสูงสิงคโปร์พิพากษาให้บล็อกเกอร์รายหนึ่งชดใช้ค่าเสียหายแก่นายกรัฐมนตรี ลี เซียนลุง เป็นเงิน 133,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ หรือเกือบ 3 ล้านบาท ในความผิดฐานหมิ่นประมาท จากการที่จำเลยได้แชร์บทความกล่าวหานายกฯ ลี

ผู้นำสิงคโปร์ได้เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนาย เหลียง ซื่อ เฮียน (Liang Sze Hian) ที่ปรึกษาด้านการเงิน สืบเนื่องจากการที่นาย เหลียง ได้นำบทความจากเว็บไซต์ข่าว The Coverage ของมาเลเซียมาแชร์ลงเฟซบุ๊กเมื่อเดือน พ.ย. ปี 2018 โดยที่บทความดังกล่าวมีการอ้างว่านายกฯ ลี พัวพันกับเครือข่ายฉ้อโกงเงินกองทุน วัน มาเลเซีย ดีเวลลอปเมนต์ เบอร์ฮัด (1MDB)

ทีมทนายของ ลี ระบุว่า บทความดังกล่าวเต็มไปด้วยข้อครหาที่ “ไม่ถูกต้องและไม่มีมูลความจริง” และยังกล่าวหา เหลียง ว่าจงใจแชร์โพสต์ดังกล่าวเพื่อทำลายชื่อเสียงของผู้นำประเทศ ขณะที่ เหลียง ก็ได้ลบโพสต์ดังกล่าวทิ้งหลังจากที่แชร์ไปได้เพียง 3 วัน

ผู้พิพากษา เอดิต อับดุลเลาะห์ ระบุในคำตัดสินว่า เหลียง “ไม่สามารถอ้างอย่างมีเหตุผลได้ว่า ถ้อยคำดูหมิ่นเหล่านั้นไม่เป็นการกล่าวหา นายกฯ ลี” เนื่องจากบทความดังกล่าวมีการระบุชัดเจนว่านายกฯ สิงคโปร์ “อย่างน้อยที่สุดก็เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดอาญาร้ายแรง”

ผู้พิพากษาระบุด้วยว่า โพสต์ของ เหลียง ถูกตั้งค่าเป็นสาธารณะ และมีผู้เข้ามาแสดงความคิดเห็นถึง 45 คน

เหลียง อ้างว่าเขา “แค่แชร์” บทความดังกล่าวโดยไม่ได้แสดงความคิดเห็นหรือปรับแก้เนื้อหาเลยแม้แต่น้อย ทั้งยังปฏิเสธข้อครหาที่ว่าตนมีเจตนามุ่งร้ายต่อนายกฯ ลี

เลขานุการฝ่ายสื่อมวลชนของ ลี แถลงว่า คำตัดสินดังกล่าวเป็นดุลยพินิจของศาล และนายกฯ ไม่มีอะไรจะกล่าวเพิ่มเติมอีก

ด้านนาย เหลียง ให้สัมภาษณ์ว่ารู้สึกโล่งใจที่คดีนี้มาถึงจุดจบเสียที แต่ก็ยอมรับว่าผิดหวังกับคำตัดสินของศาล และเตรียมที่จะขอคำปรึกษาทางด้านกฎหมาย รวมถึงรับฟังความเห็นจากชาวสิงคโปร์คนอื่น ๆ

ในฐานะผู้นำรัฐบาลที่ประกาศนโยบาย “ความอดทนเป็นศูนย์” กับการทุจริตคอร์รัปชัน ลี เซียนลุง วัย 69 ปี เคยใช้กลไกทางกฎหมายปกป้องชื่อเสียงของตนมาแล้วหลายครั้ง ในขณะที่บรรดาผู้นำอาวุโสของพรรคกิจประชาชน (PAP) ซึ่งรวมถึง ลี กวนยู บิดาของนายกฯ ลี ก็เคยฟ้องร้องเอาผิดกับสื่อต่างชาติ, ศัตรูทางการเมือง รวมถึงบุคคลที่โพสต์ข้อความดูหมิ่นทางออนไลน์มาแล้วด้วย

ที่มา: รอยเตอร์

https://mgronline.com/around/detail/9640000028254


สนับสนุนข่าวโดย : รับข้อเสนอพิเศษมอเตอร์โชว์ ในงาน Mazda Motor Show สัมผัสปิกอัพใหม่ All-New Mazda BT-50 และยนตรกรรมสกายแอคทีฟจากมาสด้า ดอกเบี้ยต่ำสุด 0%* รับประกันคุณภาพรถสูงสุด 5 ปี* และบัตรเติมน้ำมัน 10,000 บ.* 24 มี.ค. 64 - 4 เม.ย. 64 ที่บูธและโชว์รูมทั่วประเทศ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top