Tuesday, 10 June 2025
Hard News Team

พล.อ.ประวิตร ห่วงใยชุมชนคนริมคลอง ประชุมคกก. ขับเคลื่อนโครงการเร่งด่วน คลองลาดพร้าว-คลองเปรมฯ-คลองแสนแสบ มุ่งพัฒนาที่อยู่อาศัย ภูมิทัศน์ การสัญจร การระบายน้ำและคุณภาพน้ำ เน้นสร้างความเข้าใจ รัฐบาลจริงใจแก้ปัญหา มุ่งยกระดับคุณภาพชีวิต

เมื่อ 8 เม.ย.64  พล.ต.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผช.โฆษกประจำรอง นรม. เปิดเผยว่า วันนี้เวลา 10.00น. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง.นรม. ได้เป็นประธานการประชุม คณะกรรมการบริหารจัดการสิ่งก่อสร้างรุกล้ำลำน้ำสาธารณะ ครั้งที่ 1/2564 โดยมี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มท. เข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุม  301 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล

ที่ประชุมได้รับทราบ ความก้าวหน้าโครงการก่อสร้างเขื่อนและพัฒนา ที่อยู่อาศัยริมคลองลาดพร้าว และคลองเปรมประชากร ซึ่งมีหน่วยงานรับผิดชอบหลัก ได้แก่ กทม.,สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน พม.,กรมธนารักษ์ และทภ.1 ได้ดำเนินโครงการ มาอย่างต่อเนื่อง อาทิ การเจรจา/สร้างความเข้าใจ ,การส่งมอบพื้นที่ ,การตอกเสาเข็มเขื่อน ,การรื้อถอน/การขนย้าย และการก่อสร้างบ้าน เป็นต้น โครงการก่อสร้าง เขื่อนริมคลองลาดพร้าว มีความก้าวหน้า คิดเป็นร้อยละ 48.50 มีบ้านที่ก่อสร้างแล้วเสร็จ จำนวน 3,062 ครัวเรือน สำหรับคลองเปรมประชากรได้ดำเนินการก่อสร้างเขื่อนไปแล้ว จำนวน 900 เมตร (ร้อยละ 95 ของพื้นที่ส่งมอบ) มีบ้านที่ก่อสร้างแล้วเสร็จ จำนวน 193 ครัวเรือน

สำหรับการพัฒนาคลองแสนแสบ และคลองสาขา รัฐบาลได้เห็นชอบแผน ปฏิบัติการพัฒนาฟื้นฟูสภาพแวดล้อมคลองแสนแสบ โดยมีเป้าหมายเพื่อใช้การสัญจร ,การปรับปรุงภูมิทัศน์ ,การป้องกันการบุกรุก และการรักษาคุณภาพน้ำ ซึ่งอยู่ระหว่างการดำเนินการ โดย พล.อ.ประวิตร ได้กำชับให้เร่งรัดโครงการ โดยจะต้องให้แล้วเสร็จตามกรอบเวลา ทั้งนี้คณะกรรมการฯ ได้มีการพิจารณาเห็นชอบ แต่งตั้งคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนการดำเนินการฟื้นฟู และพัฒนาพื้นที่คลองลาดพร้าว,คลองเปรมประชากร และคลองแสนแสบ เพื่อกำกับ ติดตาม และเร่งรัดการดำเนินงาน พร้อมทั้งให้มีการรายงานผลให้คณะกรรมการฯ ทราบ ต่อไป

พล.อ.ประวิตร ยังได้กำชับให้ สตช.ใช้มาตรการทางกฎหมาย อย่างเคร่งครัด และเป็นธรรม ต่อผู้บุกรุกพื้นที่ ควบคู่กับการเจรจา สร้างความเข้าใจกับประชาชน  ให้ ทบ.ร่วมเจรจาสร้างการรับรู้ และให้การสนับสนุนการรื้อถอน/การขนย้ายสิ่งของ เพื่ออำนวยความสะดวก แก่ประชาชน รวมทั้งให้ กรมประชาสัมพันธ์ เร่งสร้างการรับรู้/ความเข้าใจ ถึงประโยชน์ที่ประชาชนในพื้นที่จะได้รับ และให้ความร่วมมือ สอดคล้องตามนโยบาย ของรัฐบาลที่มีความจริงใจ ที่จะให้ความช่วยเหลือ ชุมชนคนริมคลองทั้ง 3 แห่ง ต่อไป ภายใต้แนวคิด “ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง"

จับตา ศบค. แถลงวันนี้ยกระดับมาตรการป้องกันโควิด ตัวเลขทะลุ 405 ราย กทม. ติดเชื้อ 95 ราย

ทะลุไม่หยุด รายงานข่าวจาก ศบค. วันนี้ 8 เมษายน มีผู้ติดเชื้อโควิดถึง 405 ราย มีผู้ติดเชื้อในพื้นที่กรุงเทพฯ 95 ราย จับตาดูการแถลงของ ศบค. วันนี้โดยนายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค. ในเวลา 11.30 น. ยกระดับมาตรการเข้มป้องกันการแพร่ระบาด

มท.1 ยืนยัน ไม่จำเป็นต้องล็อคดาวน์ประเทศ วอน ประชาชนเคร่งครัดมาตรการสาธารณสุข ป้อง โควิด-19

เมื่อวันที่ 8 เมษายน ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า รัฐบาลห่วงใยประชาชนที่จะเดินทาง ช่วงเทศกาลสงกรานต์ ที่ต้องระมัดระวัง ป้องกันตัวจากเชื้อโควิด-19 ด้วย และขอให้ทุกคนทำในสิ่งที่เป็นมงคล หลีกเลี่ยงการเกิดอุบัติเหตุและการรวมกลุ่ม เสี่ยงต่อการระบาดของโควิด-19 

พล.อ. อนุพงษ์ กล่าวว่า ที่นายกรัฐมนตรีมอบผู้ว่าราชการจังหวัดในการตัดสินใจออกมาตรการต่างๆในการป้องกันโควิด-19 ในพื้นที่เอง ส่วนตัวเห็นด้วยและเป็นแนวทางที่เหมาะสมที่สุด เพราะสถานการณ์แต่ละพื้นที่แต่ละจังหวัดจะเป็นตัวชี้ว่าควรจะมีมาตรการที่เหมาะสมอย่างไร โดยคำนึงถึงผลกระทบด้านอื่น ๆ ด้วย โดยเฉพาะกระทบด้านเศรษฐกิจ และยังไม่จำเป็นที่จะต้องล็อคดาวน์ประเทศ ถ้าประชาชนทุกคนมีมาตรการป้องกันตนเองอย่างดีที่สุด การระบาดก็จะสามารถควบคุมได้ การปิดกิจการไม่ให้คนไปรวมกลุ่ม ก็จะกระทบกับเศรษฐกิจ แต่ถ้าทุกคนใช้ระบบดูแลตัวเอง สิ่งอื่นก็ไม่จำเป็นต้องใช้มาตรการที่เข้มงวดส่งผลต่อเศรษฐกิจ 

พล.อ. อนุพงษ์ กล่าวว่า ส่วนแผนการเปิดประเทศนำร่องพื้นที่ จ.ภูเก็ต ในวันที่ 1 กรกฎาคม นี้ จะมีการทบทวนหรือไม่นั้น ขณะนี้ยังไม่มีการหยิบยกประเด็นนี้ขึ้นมา เข้าใจว่าต้องมีการประเมินแนวทางอีกครั้ง โดย ศบค. และ ครม. จะพิจารณาร่วมกัน 

“ราเมศ”เผย ปชป. ห้าม รมต.-ส.ส.-ผู้บริหารพรรค จัดงานเลี้ยงเด็ดขาด ป้องกันโควิด

เมื่อวันที่ 8 เมษายน นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส โควิด-19 ที่เกิดขึ้นว่า ด้วยความร่วมมือของทุกคนจะเป็นแนวทางป้องกันการแพร่กระจายได้ดีที่สุด และมีความเชื่อมั่นในศักยภาพของบุคลากรทางการแพทย์ เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจะสามารถแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้นพวกเราทุกคนมีความจำเป็นอย่างยิ่งยวดในการให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่และจะต้องเข้มงวดเรื่องการปฏิบัติตนในชีวิตประจำวันมากขึ้นด้วยการสวมหน้ากากอนามัย ล้างมือ ใช้ช้อนกลาง การเว้นระยะห่างทางสังคม และควรติดตามข่าวสารจากทางราชการอย่างใกล้ชิด 

ไม่ควรมีการใช้สิทธิพิเศษเพื่อยกเว้นจากมาตรการป้องกันที่สำคัญ ซึ่งในส่วนของพรรคได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และมีข้อกำหนดที่ทุกคนตัองปฏิบัติอยู่แล้วไม่ว่าจะเป็นกรรมการบริหารพรรค รัฐมนตรี ส.ส. อดีต ส.ส. หัวหน้าสาขาพรรค ตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัด อดีต ส.ก. ส.ข. ผู้บริหารท้องถิ่น และสมาชิกพรรคทุกคน ต้องยึดหลักมาตราการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 อย่างเข้มงวด ห้ามจัดงานเลี้ยงหรือรวมกลุ่มกันในช่วงนี้เด็ดขาดจนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น อย่างไรก็ตามเมื่อวันที่ 7 เม.ย. ที่ผ่านมา ที่ทำการพรรคได้มีการฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อโควิดแล้ว

จับโป๊ะ!!… ‘นางงามพม่า’ ยังไม่มีค่าหัว

Special Scoop

จากที่ข่าวใหญ่ในไทยมีการเปิดเผยว่า ‘มิสแกรนด์เมียนมา’ ถูกตั้งข้อหาเป็นผู้ต่อต้านแล้วนั้น

เมื่อวาน (วันที่ 7 เมษายน 2564) พอเอย่าได้ทราบข่าว เอย่าถึงกับต้องเข้าไปหาข้อมูล โดยเอย่าไปดูประกาศจากหนังสือพิมพ์ Global New Light Myanmar ซึ่งเป็นสื่อของรัฐบาลทหาร โดยพยายามค้นหาข่าวว่ามีการตั้งข้อหา ‘ฮาน เลย์’ ว่าจริงหรือไม่? เรียกว่าพยายามดูย้อนกลับไปถึงวันที่ 1 มีนาคม กันเลยทีเดียว

แต่สรุปว่าหาไม่เจอจ้า เจอแต่ดารา นางแบบ นักร้องและเซเลบฯ คนอื่นๆ ที่โดนตั้งข้อหาเต็มไปหมด แถมประกาศจับเพิ่งมีช่วงต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมานี้เองด้วย

(รายชื่อของคนที่โดนข้อหาจากทางคณะรัฐประหารของเมียนมา)

 

เอย่าพยายามมองแล้วมองอีก ก็หาไม่เจอชื่อของนางงามคนนี้แต่อย่างใด มีแต่การรายงานออกมาตามเฟซบุ๊ก แต่ไม่เห็นสื่อหลักอย่าง The Global New Light of Myanmar หรือ IRRAWADDY NEWS แต่อย่างใด

อย่างที่ว่าข่าวนี้นอกจากจะเป็นข่าวปลอมแล้ว ยังเป็นข่าวที่สร้างกระแสให้กับนางงามคนนี้ไม่น้อย ด้วยความหวังผลที่จะได้ลี้ภัยในประเทศไทยนั่นเอง

แต่คำถามของเอย่าคือคิดว่าใครเป็นผู้สร้างข่าวปลอมนี่ล่ะคะ?

ในสังคมทุกวันนี้การวิเคราะห์ข่าวปลอมไม่ยาก ข้อแรกเลยคือใครได้ประโยชน์จากข่าวปลอมนั้น ข้อต่อมาคือมีคนนำข่าวปลอมนั้นไปต่อความยาวสาวความยืดไหม?

เอาเป็นว่า เอย่า เชื่อว่าทุกท่านคงตัดสินเองได้ เพราะเท่าที่เห็นบนเฟซบุ๊กของนางงามคนนี้ ก็มีแต่แชร์เฟซบุ๊กคนอื่น โดยที่แทบไม่ใส่ความเห็นของตัวเองเลย

เอาเป็นว่าไม่ต้องเชื่อเอย่านะคะ อยากรู้ไปหาดูเองได้ค่ะ

สรุป ถ้าเปรียบเทียบกับดารา เซเลบฯ ที่ถูกออกหมายจับแล้ว… สิ่งที่ ‘คุณ’ ทำอยู่...มันต่างกันค่ะ Han!!

ที่มา: AYA IRRAWADEE

 

การรถไฟฯ ประกาศ ‘คืนตั๋วเต็มราคา’ ให้ประชาชน ยกเลิกเดินทาง ช่วงสงกรานต์

8 เมษายน 2564 นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตามที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 ยังคงมีการแพร่ระบาดอย่างรุนแรงในหลายพื้นที่ ดังนั้นเพื่อเป็นการควบคุม ป้องกัน และลดความเสี่ยงการแพร่ระบาดของเชื้อโควิดตามนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงคมนาคม การรถไฟแห่งประเทศไทยจึงได้กำหนดมาตรการเพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ต้องการงดการเดินทาง ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ระหว่างวันที่ 9 - 18 เมษายน 2564 ให้สามารถคืนเงินตั๋วโดยสารได้เต็มราคา 

โดยมีรายละเอียด ดังนี้

1.) ผู้โดยสารที่ซื้อตั๋วโดยสาร (รายบุคคล) ไว้ล่วงหน้า หากต้องการงดการเดินทางสามารถติดต่อขอคืนเงินค่าตั๋วโดยสารเป็นกรณีพิเศษได้เต็มราคา (ก่อนขบวนรถออกไม่น้อยกว่า 1 วัน) และในส่วนของตั๋วโดยสารที่ชำระด้วยบัตรสวัสดิการแห่งรัฐร่วมกับเงินสด การรถไฟฯ จะคืนค่าโดยสารให้เฉพาะส่วนที่เป็นเงินสดเท่านั้น

2.) ผู้โดยสารที่ซื้อตั๋วหมู่คณะ ตั๋วนำเที่ยวหมู่คณะ ตั๋วสำหรับเช่าขบวนรถพิเศษโดยสาร และตั๋วเช่ารถโดยสารไว้ล่วงหน้า สามารถติดต่อขอคืนเงินค่าตั๋วโดยสารเป็นกรณีพิเศษได้เต็มราคา (ก่อนวันเดินทางไม่น้อยกว่า 1 วัน)

3.) กรณีจังหวัดของสถานีต้นทางหรือปลายทางตามตั๋วของผู้โดยสาร ได้ประกาศมาตรการเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุด อนุญาตให้คืนเงินค่าตั๋วก่อนวันเดินทางไม่น้อยกว่า 1 ชั่วโมง

4.) ผู้โดยสารที่จองตั๋วทางอินเตอร์เน็ต สามารถยื่นคำร้องขอคืนเงินค่าตั๋วโดยสารเป็นกรณีพิเศษได้เต็มราคา โดยแนบไฟล์ตั๋วอินเตอร์เน็ต ส่งมาที่ E-MAIL [email protected] 

“ประชาชนที่ซื้อตั๋วโดยสารเดินทางในช่วงวันดังกล่าว สามารถติดต่อขอคืนเงินได้ที่ช่องจำหน่ายตั๋วของสถานีทุกแห่งทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 9 เมษายน 2564 เป็นต้นไป หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์บริการลูกค้าสัมพันธ์ หมายเลขโทรศัพท์ 1690 ตลอด 24 ชั่วโมง” 

นอกจากนี้ การรถไฟฯ ได้เตรียมความพร้อมการให้บริการแก่ผู้โดยสารในช่วงเทศกาลสงกรานต์ โดยคำนึงถึงความปลอดภัยตามมาตรการทางสาธารณสุขอย่างเคร่งครัดเพื่อสร้างความมั่นใจในการเดินทาง ทั้งการฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อภายในอาคารสถานี ชานชาลา ที่พักผู้โดยสาร ห้องสุขา และพื้นที่โดยรอบบริเวณสถานี นอกจากนี้ ยังขอความร่วมมือผู้โดยสารสวมหน้ากากอนามัยตลอดการเดินทาง และลงทะเบียนหรือสแกนคิวอาร์โค้ด เช็กอิน / เช็กเอาต์ แอพพลิเคชั่นไทยชนะทุกครั้งที่ใช้บริการ หรือหากพบเห็นผู้โดยสารที่มีอาการไข้ ไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก หายใจเหนื่อยหอบ สามารถแจ้งเจ้าหน้าที่ประจำสถานี / ขบวนรถ หรือศูนย์ปลอดภัยของการรถไฟฯ โทรศัพท์ 02-5379198

"บิ๊กตู่" สั่งด่วนตั้ง คกก. ติดตามการลงทุนดึงต่างชาติมาไทย

วันที่ 8 เมษายน 2564 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาแล้ว 1 ชุดเพื่อไปติดตามการลงทุน แล้วให้มีการเชื่อมต่อกับบริษัทเอกชนต่างประเทศที่เขาสนใจว่าจะเข้ามาลงทุนในประเทศไทยว่าใครอยากจะมาจะมาลงทุนอะไรในประเทศไทยและรัฐบาลจะต้องดูแลอะไรบ้างตามมาตรฐานของสากลในปัจจุบัน เพื่อให้สามารถที่จะแข่งขันกับประเทศอื่น ๆ ที่มีนโยบายการส่งเสริมและการลงทุนและต้องการดึงนักลงทุนเข้าสู่ประเทศเหมือน ๆ กันกับเรา 

ทั้งนี้รัฐบาลให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาทั้งในเรื่องของโควิด-19 และเรื่องของการพัฒนาประเทศของเราให้สอดคล้องกับสถานการณ์หลังโควิด-19 ซึ่งต้องมองไปถึงการเจรจาและชักจูงการลงทุนจากต่างประเทศเข้ามาลงทุนในประเทศไทยเพิ่มขึ้น

"ประเทศไทยต้องเตรียมความพร้อม และเตรียมตัวในช่วงนี้ถึงแม้จะมีการแพร่ระบาดของโควิด-19 ก็ต้องทำวันนี้ การเจรจาการพูดคุยการทำข้อตกลงกับต่างประเทศต้องเร่งรัดในการพิจารณาดำเนินการกับ ทุกกลุ่มประเทศไม่ว่าจะประเทศใดประเทศเล็ก ต้องพูดคุยกันตลอดเวลาประชุมผ่านทางไกลกันก็ได้วันนี้เพื่อสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจในอนาคต"

‘บิ๊กตู่’ สั่งเข้ม! มาตรการสถานบริการ ผับ บาร์ คาราโอเกะ พบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ปิดทันทีอย่างน้อย 14 วัน มีผลแล้ว

เมื่อวันที่ 8 เม.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ห่วงใยประชาชนในสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ยังคงมีอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานบริการต่างๆ รัฐบาลจึงเน้นมาตรการป้องกันโรคโควิด-19 ในสถานบริการ สถานประกอบการที่มีลักษณะคล้ายสถานบริการ ผับ บาร์ คาราโอเกะ โดยเริ่มแล้วตั้งแต่วันที่ 5 เมษายน 2564 เป็นต้นไป โดยมีรายละเอียดดังนี้

1) กรณีพบผู้ติดเชื้อในสถานประกอบการแห่งใดแห่งหนึ่ง ให้ปิดสถานประกอบการนั้น ๆ เป็นเวลาอย่างน้อย 2 สัปดาห์

2) กรณีพบผู้ติดเชื้อในสถานประกอบการหลายแห่งให้พื้นที่ใกล้เคียงกัน ให้ปิดสถานประกอบการในพื้นที่นั้น ๆ เป็นเวลาอย่างน้อย 2 สัปดาห์

3) กรณีมีการแพร่ระบาดในสถานประกอบการหลายแห่งในพื้นที่จังหวัดใด ให้คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด หรือ กทม. พิจารณาปิดสถานประกอบการในพื้นที่ทั้งจังหวัด/กทม. เป็นเวลาอย่างน้อย 2 สัปดาห์

โฆษกรัฐบาล กล่าวว่า ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง (ศปม.) ได้เพิ่มความเข้มข้นและความถี่ในการตรวจกำกับดูแล ให้สถานประกอบการดำเนินมาตรการป้องกันโรคโควิด-19 ตามที่กำหนดให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย

ส่วนการจำหน่ายอาหารหรือเครื่องดื่ม ยังเปิดดำเนินการได้ตามที่กำหนดในแต่ละพื้นที่ โดยให้เน้นย้ำมาตรการป้องกันโรคโควิด-19 อย่างเคร่งครัด อย่างไรก็ตาม ใน กรณีตรวจพบผู้ติดเชื้อในร้านอาหารหรือเครื่องดื่มในสถานประกอบการใด ให้ปิดสถานที่นั้น ๆ เพื่อจัดระเบียบและระบบป้องกันโรคโควิด-19 อย่างน้อย 2 สัปดาห์ หรือหากพบว่ามีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในร้านอาหารหรือเครื่องดื่มหลายแห่งในพื้นที่จังหวัดใด ให้คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดหรือกทม. พิจารณาเพิ่มการปิดร้านอาหารที่มีความเสี่ยง ได้แก่ สถานประกอบการที่เป็นห้องแอร์ สถานประกอบการที่ไม่ดำเนินการตามมาตรการป้องกันโรคโควิด-19 เป็นเวลาอย่างน้อย 2 สัปดาห์ ด้วยเช่นกัน

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรียังกล่าวว่า นายกรัฐมนตรีได้ย้ำถึงมาตรการป้องกันโรคโควิด-19 ตาม พ.ร.บ. โรคติดต่อ พ.ศ. 2558 มาตรา 35 ที่สามารถดำเนินการได้ในปัจจุบัน ซึ่งระบุว่า กรณีที่มีเหตุจำเป็นเร่งด่วนเพื่อเป็นการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดต่ออันตรายหรือโรคระบาด ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด หรือผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานคร มีอำนาจสั่งปิดตลาด สถานที่ประกอบหรือจำหน่ายอาหาร สถานที่ผลิตหรือจำหน่ายเครื่องดื่ม โรงงาน สถานที่ชุมนุมชน โรงมหรสพ สถานศึกษา หรือสถานที่อื่นใดไว้เป็นการชั่วคราว

พร้อมทั้งสั่งให้ผู้ที่เป็นหรือมีเหตุอันควรสงสัยว่าเป็นโรคติดต่ออันตราย โรคระบาดหยุดการประกอบอาชีพเป็นการชั่วคราว และสั่งห้ามผู้ที่เป็นหรือมีเหตุอันควรสงสัยว่าเป็นโรคติดต่ออันตรายหรือโรคระบาดเข้าไปในสถานที่ชุมนุมชน โรงมหรสพ สถานศึกษา หรือสถานที่อื่นใด เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อด้วย

คลังเผยผู้คัดกรอง คุณสมบัติ ‘เราชนะ' กลุ่มไม่มีสมาร์ทโฟนเข้าเกณฑ์รับเงิน 7,000 บาท

8 เมษายน 2564 นางสาวกุลยา ตันติเตมิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยความคืบหน้าการประกาศผลการคัดกรองคุณสมบัติประชาชนกลุ่มผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ (กลุ่มผู้ไม่มีสมาร์ทโฟน) ที่ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการเราชนะ (โครงการฯ) ระหว่างวันที่ 8 – 26 มีนาคม 2564 ว่า ประชาชนที่ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ ในช่วงเวลาดังกล่าว สามารถตรวจสอบผลการคัดกรองคุณสมบัติได้ตั้งแต่วันที่ 5 เมษายน 2564 เป็นต้นมา ทางเว็บไซต์ www.เราชนะ.com หรือ Call Center ของธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หมายเลขโทรศัพท์ 0 2111 1122 โดยผู้ผ่านการคัดกรองคุณสมบัติจะได้รับการโอนวงเงินสิทธิ์ จำนวน 7,000 บาท และสามารถใช้จ่ายวงเงินสิทธิ์ผ่านบัตรประชาชนแบบอเนกประสงค์ (Smart Card) ได้ที่ผู้ประกอบการร้านค้าหรือผู้ให้บริการที่เข้าร่วมโครงการฯ ตั้งแต่วันที่ 9 เมษายน – 31 พฤษภาคม 2564 

นอกจากนี้ โฆษกกระทรวงการคลังได้เน้นย้ำว่า สำหรับประชาชนกลุ่มผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษซึ่งเป็นผู้ที่อยู่ในภาวะพึ่งพิง (ผู้สูงอายุ ผู้พิการ ทุพพลภาพ ผู้ป่วยติดเตียง) ที่ไม่สามารถเดินทางออกจากที่พักอาศัยได้และจำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือจากหน่วยรับลงทะเบียนเคลื่อนที่ ที่ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ ระหว่างวันที่ 27 มีนาคม – 9 เมษายน 2564 จะทราบผลการคัดกรองคุณสมบัติได้ตั้งแต่วันที่ 28 เมษายน 2564 เป็นต้นไป โดยผู้ผ่านการคัดกรองคุณสมบัติจะได้รับการโอนวงเงินสิทธิ์ จำนวน 7,000 บาท และสามารถใช้จ่ายวงเงินสิทธิ์ผ่านบัตรประจำตัวประชาชนแบบอเนกประสงค์ (Smart Card) ได้ที่ผู้ประกอบการร้านค้าหรือผู้ให้บริการที่เข้าร่วมโครงการฯ ตั้งแต่วันที่ 30 เมษายน – 31 พฤษภาคม 2564 

โฆษกกระทรวงการคลังได้แถลงเพิ่มเติมถึงความคืบหน้าของโครงการฯ ณ วันที่ 7 เมษายน 2564 ดังนี้ 1) ประชาชนกลุ่มผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จำนวน 13.7 ล้านคน ได้มีการใช้จ่ายตั้งแต่วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2564 เป็นต้นมา จำนวน 72,028 ล้านบาท 2) ประชาชนกลุ่มที่อยู่ในระบบฐานข้อมูลของแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ในโครงการเราเที่ยวด้วยกันและคนละครึ่ง และกลุ่มประชาชนทั่วไปที่ลงทะเบียนทางเว็บไซต์ www.เราชนะ.com ที่ผ่านการคัดกรองคุณสมบัติเบื้องต้นและยืนยันการใช้สิทธิ์ร่วมโครงการฯ แล้ว จำนวน 16.8 ล้านคน และมีการใช้จ่ายวงเงินสิทธิ์สะสมตั้งแต่วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2564 เป็นต้นมา จำนวน 108,313 ล้านบาท และ 3) ประชาชนกลุ่มผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษที่ผ่านการคัดกรองคุณสมบัติแล้ว จำนวน 2.3  ล้านคน มียอดใช้จ่ายวงเงินสิทธิ์สะสม 

ตั้งแต่วันที่ 5 มีนาคม 2564 เป็นต้นมา จำนวน 11,844 ล้านบาท ทำให้มีผู้ได้รับสิทธิ์ในโครงการฯ แล้ว รวมทั้งสิ้น จำนวน 32.8 ล้านคน คิดเป็นมูลค่าการใช้จ่ายหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจไทยแล้วกว่า 192,185 ล้านบาท ซึ่งเป็นการใช้จ่ายผ่านผู้ประกอบการร้านธงฟ้าราคาประหยัดพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่นที่มีแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” ร้านค้าคนละครึ่งที่ตกลงยินยอมเข้าร่วมโครงการณ รวมถึงผู้ประกอบการร้านค้าและผู้ให้บริการที่ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ จำนวนทั้งสิ้นมากกว่า 1.3 ล้านกิจการ 

โฆษกรัฐบาล ยัน ไม่ผูกขาด - ไม่ปิดกั้นเอกชน จัดซื้อวัคซีนโควิด-19 แจง ความต้องการทั่วโลกสูงกว่าการผลิต ย้ำ อย. พร้อมออกใบอนุญาตหากเอกชนจัดหาวัคซีนได้

เมื่อวันที่ 8 เมษายน นางสาวไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จากกรณีที่ยังมีการเผยแพร่ข้อมูลที่คลาดเคลื่อนให้ประชาชนเกิดความสับสนโดยต่อเนื่องว่ารัฐบาลผูกขาดการนำเข้าวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 อยู่ที่ผู้ผลิตเพียงไม่กี่บริษัท และยังแสดงข้อความที่ทำให้เข้าใจว่ารัฐบาลปิดกั้นไม่ให้เอกชนนำเข้าวัคซีน รัฐบาลย้ำอีกครั้งว่ารัฐบาลไม่ได้ผูกขาดการจัดซื้อวัคซีนเพียงบางบริษัท และไม่ได้ปิดกั้นที่เอกชนจะนำเข้าวัคซีนแต่อย่างใด ประเด็นที่ทุกฝ่ายต้องเข้าใจให้ตรงกันคือความต้องการวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 จากทุกประเทศทั่วโลกมีสูงกว่าความสามารถในการผลิตของผู้ผลิตทุกราย ตลาดเป็นของผู้ขายไม่ใช่ผู้ซื้อ และผู้ผลิตทุกรายซึ่งผลิตวัคซีนด้วยมาตรฐานสากล ได้รับการรับรองจากองค์การอนามัยโลก (WHO) เวลานี้ก็ผลิตเพื่อส่งให้ประเทศที่ทำการสั่งซื้อไว้แล้วเป็นหลักเท่านั้น

นางสาวไตรศุลี กล่าวว่า ข้อมูลของของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและ นวัตกรรม(อว.) ที่รวบรวมจากแหล่งต่าง ๆ พบว่าจนถึงวันที่ 5 เมษายน 2564 ทุกประเทศทั่วโลกมียอดจองวัคซีนโควิด-19 สูงถึง 9,600 ล้านโดส หลายประเทศมีคำสั่งซื้อสูงกว่าจำนวนประชากร 2 - 3 เท่าตัว ขณะที่ยอดวัคซีนที่มีการฉีดแล้วอยู่ที่ 658 ล้านโดส แสดงให้เห็นว่าผู้ผลิตยังต้องผลิตตามยอดคำสั่งซื้อของรัฐบาลประเทศต่าง ๆ อีกจำนวนมาก ดังนั้นแม้รัฐบาลจะนำเข้าวัคซีนจากบริษัทคือซิโนแวคและแอสตราเซนเนกา แต่ก็มีความพยายามจัดหาวัคซีนจากบริษัทอื่นเพิ่มเติมเพื่อให้เพียงพอกับประชาชนในประเทศ แต่ยังมีข้อจำกัดการผลิตของผู้บริษัทรายอื่นที่ยังไม่เพียงพอตามข้อมูลข้างต้น โดยวัคซีนจากผู้ผลิตทุกรายในเวลานี้เป็นการใช้แบบกรณีฉุกเฉิน หากเกิดอะไรขึ้นจากการใช้วัคซีนกับประชาชน รัฐบาลจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบไม่ใช่บริษัทผู้ผลิต จึงทำให้ขณะนี้เกือบทุกประเทศทั่วโลก รัฐบาลจะเป็นผู้จัดหาและนำเข้าวัคซีน โดยถือว่าวัคซีนเป็นสินค้าสาธารณะ ยังไม่มีประเทศใดที่ให้ซื้อวัคซีนโควิด-19ได้เองแบบเชิงพาณิชย์ และยังมีประเด็นที่รัฐบาลต้องระมัดระวังคือ เมื่อกระจายการสั่งซื้อไปยังเอกชนแล้วอาจจะต้องบริหารจัดการอย่างรัดกุมเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาว่าประชาชนได้รีบวัคซีนปลอม

“ขณะนี้ยังคงมีความพยายามสร้างความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนเรื่องวัคซีนโควิด-19 โดยเฉพาะประเด็นการนำเข้าโดยเอกชน ซึ่งรัฐบาลไม่ขัดข้องที่เอกชนจะนำเข้า แต่ปัญหาอยู่ที่เอกชนก็หาวัคซีนไม่ได้ ขณะเดียวกันผู้ผลิตวัคซีนหลายรายก็ไม่ขายให้รายย่อย เช่น จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน บอกชัดเจนว่าในระยะแรกจะขายให้หน่วยงานของรัฐเท่านั้น ของจีนก็ต้องมีหน่วยงานของรัฐเป็นผู้สั่ง สถานการณ์วัคซีนทั่วโลกเวลานี้เป็นแบบนี้ แต่แนวทางของรัฐบาลเองชัดเจนว่าหากเอกชนรายใดหาวัคซีนได้องค์การอาหารและยา (อย.) ก็พร้อมออกใบอนุญาตให้อยู่แล้ว” นางสาวไตรศุลี กล่าว

นางสาวไตรศุลี กล่าวว่า ปัจจุบันมีวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ที่ได้รับการรับรองจาก อย. ขึ้นทะเบียนในประเทศไทยแล้ว 3 บริษัท คือ ซิโนแวค แอซตร้าเซนเนกา และ จอห์นสันแอนด์จอห์นสัน ส่วนที่อยู่ในขั้นตอนยื่นเอกสารแบบต่อเนื่อง หรือ rolling submission คือวัคซีนของบริษัท บารัต ไบโอเทค เทคโนโลยี ประเทศอินเดีย นำเข้าโดยบริษัท ไบโอจีนีเทค จำกัด และยังมีส่วนที่อยู่ในขั้นตอนการหารือกับ อย. เพื่อเตรียมการยื่นคำขอขึ้นทะเบียน คือวัคซีนโมเดอร์นา จากสหรัฐฯ วัคซีนสปุตนิก ไฟว์ จากรัสเซีย และวัคซีน ซิโนฟาร์ม จากจีน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top