Friday, 6 June 2025
ดร.ปุณกฤษ ลลิตธนมงคล

Army-2024 งานแสดงอาวุธยุทโธปกรณ์สุดยิ่งใหญ่ของสหพันธรัฐรัสเซีย ใต้นัย!! เสริมสร้างความสัมพันธ์ที่มีอยู่ พร้อมสร้างความสัมพันธ์ใหม่ๆ

(13 ส.ค. 67) Army-2024 เป็นงานแสดงอาวุธยุทโธปกรณ์ระดับนานาชาติของสหพันธรัฐรัสเซียซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งที่ 10 และจัดขึ้นและได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากกระทรวงกลาโหมแห่งสหพันธรัฐรัสเซีย และผสมผสานนิทรรศการและการสาธิตความสามารถของอุปกรณ์ทางทหารเข้ากับโปรแกรมการประชุมที่ครอบคลุมและการมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันของผู้เข้าชมจากต่างประเทศซึ่งประกอบด้วยผู้แสดงสินค้า คณะผู้แทน และผู้เยี่ยมชมจากต่างประเทศ

ผลงานของ Army-2024 แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าในช่วงเก้าปีที่ผ่านมา งานแสดงอาวุธยุทโธปกรณ์นี้ได้กลายเป็นหนึ่งในนิทรรศการอาวุธยุทโธปกรณ์ชั้นนำของโลก ซึ่งเป็นเวทีที่มีอำนาจในการหารือเกี่ยวกับแนวคิดและการพัฒนาที่สร้างสรรค์สำหรับกองกำลังติดอาวุธ

ผู้ดำเนินการอย่างเป็นทางการของ งานแสดงอาวุธยุทโธปกรณ์ซึ่งได้รับการมอบหมายจากกระทรวงกลาโหมของสหพันธรัฐรัสเซียคือ International Congresses and Exhibitions (MKB) โดย Army-2024 เป็นงานแสดงอาวุธยุทโธปกรณ์ระดับ จัดโดยกระทรวงกลาโหมของสหพันธรัฐรัสเซีย และได้รับการพิสูจน์แล้วว่าเป็นงานนิทรรศการที่สำคัญในรัสเซียในด้านเทคโนโลยีขั้นสูง อาวุธยุทโธปกรณ์ อุปกรณ์ทางทหารสำหรับกองกำลังติดอาวุธและหน่วยงานด้านความปลอดภัย

โปรแกรมสาธิตกลางแจ้งจัดขึ้นเพื่อนำเสนอระบบอาวุธและอุปกรณ์ในสนามยิงปืนพิเศษพร้อมคำบรรยายสดและวิดีโอที่ฉายบนจอขนาดใหญ่ ซึ่งรับประกันความสำเร็จของการนำเสนอครั้งนี้ การนำเสนอเหล่านี้ได้รับการชื่นชมอย่างมากจากรัฐมนตรีกลาโหม คณะผู้แทนระดับมืออาชีพ และสื่อมวลชนเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัสเซียเยี่ยมชมบูธของผู้แสดงสินค้า รวมทั้งรัฐมนตรีกลาโหมของรัสเซีย คณะผู้แทนทหารและธุรกิจจากต่างประเทศเยี่ยมชมบูธของผู้แสดงสินค้า

Army-2024 เป็นงานแสดงอาวุธยุทโธปกรณ์เป็นเวทีพิเศษในการสาธิตความสำเร็จที่ดีที่สุดในด้านการทหาร โดยมีการนำเสนอหน่วยอาวุธอัจฉริยะที่ทันสมัยและก้าวหน้า อุปกรณ์และเทคโนโลยีทางการทหาร โครงการก่อสร้างและบำรุงรักษา ตลอดจนโอกาสอันยอดเยี่ยมสำหรับบริษัทและองค์กรต่าง ๆ ในการสาธิตผลิตภัณฑ์เพื่อบูรณาการเพิ่มเติมในการร่วมมือกันภายในกลุ่มอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ

คำปราศรัยในการเปิดงาน Army-2024 ของประธานาธิบดี Vladimir Putin แห่งสหพันธรัฐรัสเซีย 

“เพื่อน ๆ งานแสดงอาวุธยุทโธปกรณ์ Army 2024 นำเสนอโปรแกรมที่แน่นขนัดและมีรายละเอียดมาก โดยมุ่งเน้นไปที่กลุ่มเป้าหมาย ซึ่งประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญทางการทหาร ข้าพเจ้าไม่สงสัยเลยว่างานนี้จะช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่มีอยู่และสร้างความสัมพันธ์ใหม่ ๆ โดยการลงนามในสัญญาที่เป็นประโยชน์ร่วมกันกับกระทรวงกลาโหมของรัสเซียและบริษัทในอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ อีกทั้งงานนี้ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพความร่วมมือของเรากับประเทศที่ใกล้ชิดและเป็นมิตรของเราในประเด็นความมั่นคงและในแง่ของการปกป้องผลประโยชน์ของชาติ ข้าพเจ้าขออวยพรให้ผู้เข้าร่วมในงาน Army-2024 จงประสบความสำเร็จและโชคดี"

ตามส่องอุตสาหกรรมป้องกันประเทศของรัสเซีย จากงานแสดงอาวุธยุทโธปกรณ์ ‘Army-2024’

สงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครน อันเนื่องมาจากความพยายามของยูเครนต้องการเป็นสมาชิกขององค์การ NATO ซึ่งรัสเซียถือว่าเป็นภัยคุกคามอย่างร้ายแรงต่อความมั่นคงของประเทศ และได้แจ้งเตือนยูเครนแล้วหลายครั้งหลายหน แต่ยูเครนเพิกเฉยและพยายามอย่างเต็มที่เพื่อเข้าเป็นสมาชิกขององค์การ NATO ให้ได้ ดังนั้นรัสเซียจึงเปิดฉากโจมตียูเครนเพื่อไม่ให้สิ่งที่รัสเซียเห็นว่าเป็นภัยคุกคามอย่างร้ายแรงต่อความมั่นคงของประเทศตนเกิดขึ้นได้

แม้ว่า รัสเซียจะมีกำลังทหารตลอดจนอาวุธยุทโธปกรณ์มากมายชนิดที่ยูเครนไม่สามารถเทียบได้ แต่สงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครนได้กลายเป็นสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครนซึ่งเป็นตัวแทนโดยพฤตินัยขององค์การ NATO (Proxy war) ไปแล้ว ด้วยยูเครนได้รับการสนับสนุนทางการเงิน ตลอดจนอาวุธยุทโธปกรณ์ต่าง ๆ จากองค์การ NATO มากมาย ชนิดที่เรียกว่า อาวุธยุทโธปกรณ์ในคลังสำรองของหลาย ๆ ประเทศสมาชิก NATO แทบจะเกลี้ยงคลังเลยทีเดียว เช่นเดียวกับเงินสนับสนุนจนกระทั่ง Donald Trump ผู้สมัครชิงประธานาธิบดีสหรัฐฯ ถึงกับประกาศว่า เขาจะไม่สนับสนุนทางการเงินแก่ยูเครนต่อไป ถ้าหากเขาชนะการเลือกตั้ง

เหล่านี้ ล้วนแล้วแต่เป็นสาเหตุสำคัญที่รัสเซียยังไม่สามารถพิชิตยูเครนได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด แต่การที่รัสเซียยังคงปฏิบัติการรบในยูเครนต่อไปได้ทั้ง ๆ ที่ยูเครนได้รับการสนับสนุนอาวุธยุทโธปกรณ์และทรัพยากรต่าง ๆ จำนวนมหาศาลจากหลาย ๆ ชาติสมาชิก NATO ขณะที่รัสเซียเองก็ยังถูกคว่ำบาตรโดยสหรัฐฯ และพันธมิตร ด้วยเพราะรัสเซียมี ‘ศักย์สงคราม’ ที่มีความแข็งแกร่ง นับต่อเนื่องมาตั้งแต่ครั้งสงครามโลกครั้งที่ 2 

'ศักย์สงคราม' ได้แก่ขีดความสามารถที่จะผลิตกำลังรบเพิ่ม ผลิตอำนาจการรบเพิ่ม โดยองค์ประกอบของศักย์สงครามอาจแบ่งออกเป็น 4 องค์ประกอบ คือ 1) กำลังอำนาจทางเศรษฐกิจ 2) กำลังอำนาจทางการเมือง 3) ขวัญและกำลังใจเมื่อเกิดการสู้รบขึ้น และ 4) การสนับสนุนจากพันธมิตร 

นอกจากองค์ประกอบที่กล่าวมาแล้ว ยังรายละเอียดของเงื่อนไขปัจจัยดังนี้ (1) ขนาด ที่ตั้ง และลักษณะของประเทศ (2) จำนวน อายุ ลักษณะประชากร ขีดความสามารถทางแรงงานและขวัญของพลเมือง (3) จำนวนและชนิดของอาหารและวัตถุดิบ จำนวนสำรองของวัตถุดิบรวมทั้งขีดความสามารถที่จะนำเข้ามาทั้งยามสงบและยามสงคราม (4) ขีดความสามารถทางอุตสาหกรรม (5) ขีดความสามารถในด้าน Logistics (6) ทรัพยากรด้านวัตถุและกำลังคนในด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และ (7) คุณภาพของผู้นำและผู้บริหารของชาติรวมทั้งขีดความสามารถในการระดมสรรพกำลังด้วย 

ศักย์สงครามของรัสเซียนั้น นอกจากสงครามกับยูเครนแล้ว ยังบ่งบอกด้วยขีดความสามารถของอุตสาหกรรมป้องกันประเทศอีกด้วย โดยรัสเซียเป็นผู้ส่งออกอาวุธรายใหญ่เป็นอันดับสามของโลก (รองจากสหรัฐฯ อันดับหนึ่ง และฝรั่งเศสอันดับสอง) คิดเป็น 11% ของยอดขายอาวุธทั่วโลกในปี 2019-23 (ฐานข้อมูลการขนย้ายอาวุธของ SIPRI มีนาคม 2024) โดยบริษัทผลิตและส่งออกอาวุธยุทโธปกรณ์ของรัสเซียล้วนแล้วแต่เป็นรัฐวิสาหกิจ อาทิ Rosoboronexport, Almaz-Antey และ United Shipbuilding Corporation ซึ่งเป็นบริษัทหลักที่ถือครองส่วนแบ่งอุตสาหกรรมป้องกันประเทศของรัสเซีย ซึ่งมีประเทศผู้นำเข้าอาวุธจากรัสเซียสามอันดับแรกคือ อินเดีย (34%) จีน (21%) และอียิปต์ (7.5%)

การส่งออกอาวุธของรัสเซียลดลง 53% ตั้งแต่ปี 2014-18 ถึงปี 2019-23 สาเหตุหลักของการลดลงอย่างรวดเร็วนี้คือสงครามที่ยังคงดำเนินอยู่ระหว่างรัสเซียกับยูเครน โดย Rosoboronexport (บริษัทลูกของ Rostec State Corporation) เป็นวิสาหกิจทำหน้าที่ตัวกลางที่ควบคุมโดยรัฐเพียงแห่งเดียวของรัสเซียในการส่งออกและนําเข้าผลิตภัณฑ์อาวุธยุทโธปกรณ์ทั้งหมด รวมทั้งเทคโนโลยีและการบริการ มีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในการดําเนินนโยบายระดับชาติของสหพันธรัฐรัสเซียในด้านความร่วมมือทางเทคนิคทางทหารกับต่างประเทศ สถานะอย่างเป็นทางการของผู้ส่งออกพิเศษที่ควบคุมโดยรัฐแต่เพียงผู้เดียวทําให้ Rosoboronexport มีโอกาสพิเศษในการขยายความร่วมมือที่เป็นประโยชน์ร่วมกันในระยะยาวกับพันธมิตรระหว่างประเทศ ในการเสริมสร้างความเป็นผู้นําของรัสเซียในตลาดอาวุธของโลก

โดยกิจกรรมต่าง ๆ ซึ่ง Rosoboronexport ให้การสนับสนุนเป็นการดําเนินโครงการขนาดใหญ่ที่มุ่งเป้าไปที่การปรับปรุงขีดความสามารถในการป้องกันของประเทศคู่ค้า และมีส่วนร่วมในการพัฒนาเชิงนวัตกรรมที่ครอบคลุมขององค์กรและหน่วยงานต่าง ๆ ของรัสเซีย การดําเนินงานของ Rosoboronexport อยู่ภายใต้การกำกับดูแลโดย ประธานาธิบดีแห่งสหพันธรัฐรัสเซีย รัฐบาลแห่งสหพันธรัฐรัสเซีย สำนักงานบริการความร่วมมือทางทหาร หน่วยงานเทคนิคของรัฐบาลกลาง Rostec State Corporation และดําเนินการตามกฎหมายระหว่างประเทศและบทบัญญัติของกฎบัตรสหประชาชาติ ข้อผูกพันระหว่างประเทศในด้านการควบคุมการส่งออกอาวุธที่สหพันธรัฐรัสเซียยอมรับ และจำหน่ายเฉพาะหน่วยงานป้องกันประเทศและการบังคับใช้กฎหมายอย่างถูกต้องและเป็นทางการของประเทศคู่ค้าเท่านั้นจึงจะสามารถเป็นผู้ซื้อปลายทางของอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ Rosoboronexport จัดจำหน่าย

ปี 2024 นี้ สหพันธรัฐรัสเซียได้จัดงานแสดงอาวุธยุทโธปกรณ์ ‘Army-2024’ ระหว่างวันที่ 12-14 สิงหาคม 2024 ณ Patriot Expo (Moscow Region), ฐานทัพอากาศ Kubinka และ สนามฝึกทางทหาร Alabino แม้งานแสดงอาวุธยุทโธปกรณ์ดังกล่าวจะใช้คำว่า ‘Army-2024’ แต่เป็นการแสดงอาวุธยุทโธปกรณ์ทุกมิติทั้ง บก-เรือ-อากาศ โดยสำนักข่าว THE STATES TIMES เป็นสื่อไทยรายเดียวที่ได้รับเชิญให้ไปร่วมชมงานแสดงอาวุธยุทโธปกรณ์ ‘Army-2024’ ในครั้งนี้ ซึ่ง ดร.ปุณกฤษ ลลิตธนมงคล จะได้นำเสนอข้อมูลข่าวสารของงานแสดงอาวุธยุทโธปกรณ์ ‘Army-2024’ ตลอดจนเรื่องราวของอุตสาหกรรมป้องกันประเทศของรัสเซียให้กับท่านผู้อ่านทาง THE STATES TIMES ต่อไป

รู้จัก ‘Colin Huang Zheng’ ผู้ก่อตั้ง ‘PDD Holding’ เจ้าของ ‘TEMU’ แพลตฟอร์ม E-commerce เขย่าโลก

ปฏิเสธไม่ได้ว่า ปัจจุบันทุกวันนี้นี้ ผู้คนส่วนใหญ่มักจะจับจ่ายซื้อขายผ่านออนไลน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Platform E-commerce ชื่อดังในบ้านเราอย่าง LAZADA และ SHOPEE แต่ไม่นานมานี้มีน้องใหม่เข้ามาในตลาด E-commerce เพิ่มขึ้นอีกหลายราย อาทิ SHIEN และที่มาแรงที่สุดคือ ‘TEMU’

‘TEMU’ เป็น Platform E-commerce ที่ดำเนินการโดย PDD Holdings ซึ่งเป็นบริษัทอีคอมเมิร์ซจีน แต่จดทะเบียนในหมู่เกาะเคย์แมน และยังระบุว่าเป็นสำนักงานใหญ่อยู่ที่กรุงดับลิน (ซึ่งทั้งสองแห่งมีมาตรการทางภาษีที่เอื้อต่อเจ้าของกิจการที่จดทะเบียนในแต่ละแห่งอย่างมากมาย) โดยจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคที่ตั้งราคาลดพิเศษ ซึ่งส่วนใหญ่จัดส่งจากจีนถึงผู้บริโภคโดยตรง รูปแบบธุรกิจของ ‘TEMU’ ช่วยให้บริษัทได้รับความนิยมในหมู่ผู้บริโภค แต่ก็ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวของข้อมูล แรงงานบังคับ ทรัพย์สินทางปัญญา และคุณภาพของผลิตภัณฑ์ในตลาด บริษัทมีข้อพิพาททางกฎหมายกับคู่แข่งอย่าง SHEIN

นอกจากนี้แล้ว PDD Holdings ยังเป็นเจ้าของ Pinduoduo ซึ่งเป็น Platform E-commerce ยอดนิยมในประเทศจีนอีกด้วย โดย ‘TEMU’ เริ่มใช้งานในสหรัฐอเมริกาเป็นครั้งแรกในเดือนกันยายน 2022 ในเดือนมีนาคม 2023 เปิดตัวในออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ และเดือนต่อมาได้เปิดตัวในฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี เนเธอร์แลนด์ สเปน และสหราชอาณาจักร ในที่สุด ‘TEMU’ ก็ขยายเข้าสู่ตลาดละตินอเมริกา และเมื่อวันที่ 17 มกราคม 2024 ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการในแอฟริกาใต้ ซึ่งเป็นประเทศที่ 49 เดือนกุมภาพันธ์ 2024 ‘TEMU’ ได้ลงโฆษณา Super Bowl หลายรายการ เป็นมูลค่าราว 15 ล้านเหรียญสหรัฐ ทำให้มีการค้นหาชื่อและการเข้าชม ‘TEMU’ เพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก โดยมีผู้ใช้งานจริงในสหรัฐอเมริกากว่า 100 ล้านคน มีดาวน์โหลด Application มากกว่า 130 ล้านครั้งทั่วโลก และมีผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ประมาณ 420 ล้านครั้งต่อเดือน ตามข้อมูลของ Semrush 

รูปแบบธุรกิจของ ‘TEMU’ ยินยอมให้ผู้ขายในประเทศจีนขายและจัดส่งโดยตรงถึงลูกค้าโดยไม่ต้องพึ่งพาผู้จัดจำหน่ายคนกลางในประเทศปลายทาง ทำให้สินค้ามีราคาถูกลง แต่ผู้ขายหลายรายระบุว่า ‘TEMU’ ขอให้พวกเขาลดราคาลงจนกระทั่งถึงจุดที่ขายสินค้าขาดทุน นอกจากนั้น ‘TEMU’ เสนอสินค้าฟรีให้กับผู้ใช้รายที่แนะนำผู้ใช้ใหม่ผ่านรหัสพันธมิตรโซเชียลมีเดีย และเกมมิฟิเคชัน การซื้อออนไลน์บน ‘TEMU’ สามารถทำได้โดยใช้เบราว์เซอร์อินเทอร์เน็ตหรือผ่านแอปมือถือเฉพาะ และ ‘TEMU’ ยังใช้แคมเปญโฆษณาออนไลน์ขนาดใหญ่บน Facebook และ Instagram

นอกจากนี้แล้ว ‘TEMU’ ยังกำหนดให้ผู้ขายต้องเสนอผลิตภัณฑ์ของตนในราคาที่ต่ำกว่าราคาที่พบใน AliExpress เมื่อผู้ขายหลายรายเสนอขายผลิตภัณฑ์เดียวกัน ‘TEMU’ จะอนุญาตเฉพาะผู้ขายที่เสนอราคาต่ำที่สุดเท่านั้น สินค้าที่ไม่ตรงตามข้อกำหนดการขายขั้นต่ำของ ‘TEMU’ (30 ชิ้นและ 90 ดอลลาร์ใน 14 วัน) จะถูกลบออกจากแพลตฟอร์ม การโฆษณาประชาสัมพันธ์อย่างหนักในแอปมือถือ และลงโฆษณาทางทีวีในรายการ Super Bowl ส่งผลให้ ‘TEMU’ ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก จากผลการวิจัยของ Sensor Tower เปิดเผยว่า ในไตรมาสสุดท้ายของปี 2023 ผู้ใช้ ‘TEMU’ ใช้เวลาเฉลี่ย 23 นาทีต่อสัปดาห์บนแอป เมื่อเทียบกับ 18 นาทีบน Amazon และ 22 นาทีบน eBay 

‘Colin Huang Zheng’ เกิดเมื่อวันที่ 1 มกราคม 1980 ในเขตชานเมืองหางโจวเจ้อเจียง พ่อแม่ของเขาเป็นพนักงานระดับกลางในโรงงาน เข้าเรียนที่โรงเรียนภาษาต่างประเทศหางโจว เป็นนักธุรกิจ นักลงทุน ผู้ก่อตั้ง ‘PDD Holding’ เจ้าของ ‘TEMU’ รวมทั้งเป็นผู้ก่อตั้งและอดีต CEO ของบริษัท Pinduoduo ซึ่งปัจจุบันเป็นแพลตฟอร์มการเกษตรที่ใหญ่ที่สุดในจีน หลังจากจบการศึกษาระดับปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยเจ้อเจียง เขาได้ไปศึกษาต่อระดับปริญญาโทและจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัย Wisconsin-Madison หลังจากนั้นได้เข้าทำงานกับ Google ในตำแหน่งวิศวกรซอฟต์แวร์ในปี 2004 เวลานั้น Microsoft มีมูลค่าตลาดมากกว่า 2 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยที่ Google ยังไม่ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ แต่ Huang ก็เลือกเดินทางไปกับ Google

ในปี 2006 Huang กลับสู่มาตุภูมิในฐานะส่วนหนึ่งของทีมเปิดตลาดเมืองจีนให้กับ Google อย่างไรก็ตาม 1 ปีต่อมา Huang ก็ตัดสินใจตามสัญชาตญาณตัวเองอีกครั้ง เขาเลือกลาออกจาก Google โดยไม่แม้กระทั่งจะรอให้ตัวเองมีความพร้อมเสียก่อนด้วยซ้ำ นั่นคือจุดเริ่มต้นของวิถีผู้ประกอบการของเขา ในปี 2015 Huang ได้ตั้งบริษัท Pinduoduo ขึ้นที่นครเซี่ยงไฮ้ มีรายได้ 1.4 พันล้านหยวน (280 ล้านดอลลาร์) ในปี 2017 และในปี 2019 บริษัทสร้างรายได้ 4.33 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (30.14 พันล้านหยวน) ธุรกิจเติบโต และบริษัทเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์หลังการเสนอขายหุ้นต่อสาธารณะครั้งแรกในสหรัฐอเมริกา โดยเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ NASDAQ ในเดือนกรกฎาคม 2018 ในชื่อหลักทรัพย์ว่า ‘PDD’ เปิดขายหุ้นต่อสาธารณชนครั้งแรก (IPO) ด้วยมูลค่ามากถึง 1.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และเพิ่มสูงขึ้นในเวลาต่อมา Huang ซึ่งมีหุ้นอยู่ในบริษัท 47% มีมูลค่า 1.4 หมื่นล้านดอลลาร์ และได้รับการจัดอันดับให้เป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดอันดับ 13 ของจีนในปี 2018

วันที่ 1 กรกฎาคม 2020 Huang ได้ก้าวลงจากตำแหน่ง CEO ของ Pinduoduo แต่ยังคงดำรงตำแหน่งประธานบริษัทเช่นเดิม ต่อมาเมื่อ 17 มีนาคม 2021 Huang ได้ทำการสละตำแหน่งประธาน และมอบสิทธิในการออกเสียงของหุ้นของเขาให้กับคณะกรรมการบริหาร โดยบริษัท Pinduoduo ระบุว่า Huang ต้องการที่จะแสวงหา ‘โอกาสใหม่ในระยะยาว’ ต่อไป ในเดือนมิถุนายน 2020 หลังจาก Huang ได้ลดสัดส่วนการถือหุ้น Pinduoduo ของเขาลงเหลือ 29.4% โดยบริจาค 2.37% ให้กับมูลนิธิการกุศล และ 7.74% ให้กับบรรดาหุ้นส่วนของ Pinduoduo

หุ้น 2.37% ที่เขาบริจาคให้กับองค์กรการกุศลเพื่อเป็นการส่งเสริมการพัฒนาความรับผิดชอบต่อสังคม และการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ เขาได้รับการเสนอชื่อให้เป็นผู้ใจบุญชั้นนำในรายชื่อ Hurun China Philanthropy List ในปี 2021 หลังจากที่เขาให้คำมั่นว่าจะบริจาคเงิน 1.85 พันล้านดอลลาร์สหรัฐสำหรับโครงการความรับผิดชอบต่อสังคมและการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ตามรายงานของ Bloomberg ระบุว่า Huang และทีมผู้ก่อตั้ง Pinduoduo ได้บริจาคเงิน 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (2.37% ของหุ้น Pinduoduo) ให้กับ Starry Night Charitable Trust เพื่อ “สนับสนุนการวิจัยพื้นฐานในวิทยาศาสตร์ชีวการแพทย์ เกษตรกรรม และอาหาร”

“การตัดสินใจที่ถูกต้องนั้นสำคัญกว่าการทำงานหนัก การมีสามัญสำนึกนั้นสำคัญกว่าการมีความรู้”  ‘Colin Huang Zheng’

วัฒนธรรม ‘ญี่ปุ่น’ ในมุมที่ชาวต่างชาติไม่เคยรู้!! เผยให้เห็นหลากเรื่องราว 'แปลกๆ' ที่ทำให้ต้องรู้สึก ‘ทึ่ง’

ชาวต่างชาติมักไม่ค่อยเชื่อข้อเท็จจริงต่าง ๆ เกี่ยวกับประเทศญี่ปุ่น จนกระทั่งพวกเขาได้เดินทางมายังประเทศญี่ปุ่นเอง หลังจากที่ได้ไปญี่ปุ่นหลายครั้ง ก็ได้สรุปข้อเท็จจริงบางอย่างเกี่ยวกับประเทศนี้ที่ชาวต่างชาติไม่เคยรู้มาก่อน ซึ่งข้อมูลเหล่านี้ มักจะทำให้ผู้มาเยือนต้องประหลาดใจอยู่เสมอ

รอยสักที่เป็นสัญลักษณ์ของญี่ปุ่น เรื่องราวของรอยในญี่ปุ่นสักมักจะเกี่ยวข้องกับยากูซ่า ดังนั้นสถานที่สาธารณะหลายแห่ง เช่น บ่อน้ำพุร้อน (ออนเซ็น) ยิม และสระว่ายน้ำ จึงไม่อนุญาตให้ผู้ที่มีรอยสักที่มองเห็นได้ชัดใช้บริการ ซึ่งสถานการณ์นี้กำลังค่อย ๆ เปลี่ยนแปลงไป เพราะปัจจุบันผู้คนในทุกประเทศต่างนิยมการสัก แต่รอยสักก็ยังเป็นสิ่งที่สร้างความประหลาดใจให้กับชาวต่างชาติผู้มาเยือนจำนวนมาก

ห้องน้ำสาธารณะที่สุดแปลกและน่าทึ่ง นอกเหนือจากห้องน้ำของญี่ปุ่นจะมีเทคโนโลยีที่สุดล้ำแล้ว ห้องน้ำสาธารณะของญี่ปุ่นมักจะมีสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ อาทิ เครื่องใช้ในห้องน้ำฟรี ที่นั่งชักโครกที่สามารถปรับอุณหภูมิได้ และแม้แต่ที่นั่งสำหรับเด็กที่มีการติดตั้งไว้ภายในห้องน้ำ ยิ่งไปกว่านั้น ห้องน้ำหลายแห่งยังเปิดเพลงหรือเสียงธรรมชาติเพื่อกลบเสียงระบายของเสียที่น่าอับอายอีกด้วย

ขนม KitKat ตามแต่ฤดูกาล ในญี่ปุ่นมีขนม KitKat รสชาติต่าง ๆ มากมายที่เปลี่ยนไปตามฤดูกาล ซึ่งสามารถหาซื้อได้ตั้งแต่รส ชาเขียว สาเก ไปจนถึงรส วาซาบิ และมันเทศ

การนอนในที่สาธารณะ การเห็นคนงีบหลับในที่สาธารณะ เช่น ร้านกาแฟ บนรถไฟ หรือแม้กระทั่งที่โต๊ะทำงานนั้นถือเป็นเรื่องปกติ ซึ่งไม่ถือว่าเป็นการขี้เกียจ แต่กลับเป็นสัญญาณที่แสดงให้เห็นว่า คน ๆ นั้นได้ทำงานอย่างหนักและทุ่มเทให้กับงานอย่างเต็มที่

ตู้จำหน่ายสินค้าอัตโนมัติที่ไม่เหมือนใคร ตู้จำหน่ายสินค้าอัตโนมัติของญี่ปุ่นไม่ได้ขายแค่เครื่องดื่มและของขบเคี้ยวเท่านั้น ยังสามารถซื้อ ไข่สด ผัก แบตเตอรี่ ร่ม หรือแม้แต่อาหารร้อน ๆ จากตู้จำหน่ายสินค้าอัตโนมัติเหล่านี้ได้

วัฒนธรรมการไม่ให้ทิป ในญี่ปุ่นไม่มีการให้ทิป และอาจถือเป็นความหยาบคายด้วยซ้ำ หากมีการให้ทิป เพราะบริการที่ดีเยี่ยมเป็นสิ่งที่ทั้งผู้ให้และรับบริการต่างก็คาดหวังเอาไว้ และการให้บริการที่ดี ถือเป็นมาตรฐานของสังคมญี่ปุ่น ดังนั้นจึงไม่มีความจำเป็นต้องมีการจ่ายเงินเพิ่มแต่อย่างใด

ระบบเลขที่อยู่ที่มีความซับซ้อน ระบบเลขที่อยู่ของญี่ปุ่นแตกต่างจากประเทศตะวันตกหลาย ๆ ประเทศ โดยเลขที่อยู่จะอิงตามพื้นที่และหมายเลขบล็อกแทนที่จะใช้ชื่อถนน ซึ่งอาจสร้างความสับสนให้กับชาวต่างชาติผู้มาเยือนได้

การซดบะหมี่ไม่ถือว่าเป็นการเสียมารยาท ประเทศญี่ปุ่นให้ความสำคัญกับมารยาทที่ดีเป็นอย่างยิ่ง แต่เมื่อถึงเวลาที่ต้องทานบะหมี่จนหมดชาม มีเพียงวิธีเดียวเท่านั้นในการทาน นั่นก็คือการซดบะหมี่ด้วยเสียงอันดัง การซดบะหมี่เป็นการแสดงความสุข และยังช่วยทำให้บะหมี่เย็นลงขณะที่ทานอีกด้วย ด้วยการจับตะเกียบไว้ในมือข้างหนึ่งแล้วโน้มตัวไปเหนือชาม บางครั้งจะมีผ้ากันเปื้อนให้ชาวต่างชาติ แต่ก่อนออกจากร้าน ควรจะเช็ดชามที่มีฝาสีขาวจนสะอาดเสียก่อน

อาหารคริสต์มาสอีฟแบบดั้งเดิมคือ KFC มีชาวญี่ปุ่นจำนวนมากที่ร่วมการเฉลิมฉลองคริสต์มาส แต่รสชาติของอาหารในเทศกาลนี้ไม่ได้เป็นอย่างที่คาดหวังในญี่ปุ่น ดังนั้นการไปทานมื้อค่ำที่ร้าน KFC สาขาใกล้บ้านในวันคริสต์มาสอีฟจึงถือเป็นประเพณี คาดว่า ชาวญี่ปุ่นประมาณ 3.6 ล้านคนจะออกมาทานอาหารค่ำในวันคริสต์มาสอีฟที่ร้าน KFC ซึ่งต้องรอคิวยาวและต้องสั่งจองอาหารล่วงหน้าหลายสัปดาห์ หลายคนบอกว่า ไก่งวงไม่ค่อยมีขาย ดังนั้นพันเอก Sanders จึงต้องมาญี่ปุ่นเพื่อตอบสนองความต้องการนี้

ญี่ปุ่นไม่ได้มีแค่เมือง เมืองที่มีประชากรหนาแน่นถือเป็นจุดเด่นของญี่ปุ่น แต่ญี่ปุ่นไม่ใช่ประเทศที่มีป่าเขาน้อย เพราะพื้นที่ประมาณ 70% ของญี่ปุ่นประกอบด้วยป่าและภูเขา ซึ่งไม่เหมาะสำหรับการเกษตรหรืออยู่อาศัย มีภูเขาไฟที่ยังคุกรุ่นอยู่มากกว่า 100 ลูก และภูเขาที่สูงที่สุดคือภูเขาไฟฟูจิอันโด่งดังซึ่งมีความสูง 3,776 เมตร

เกาะกระต่ายในญี่ปุ่น แม้ว่าญี่ปุ่นประกอบด้วยเกาะเกือบ 7,000 เกาะ เกาะโอคุโนะชิมะ (Okunoshima) ซึ่งเป็นเกาะเล็ก ๆ นั้นมีชื่อเสียงที่สุดจากประชากรกระต่ายที่อยากรู้อยากเห็นและมีหูโต เกาะแห่งนี้เคยถูกใช้เพื่อทดสอบอาวุธเคมีในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง และว่ากันว่า หลังสงครามสัตว์ทดลองเหล่านี้สามารถเดินเตร่ไปมาบนเกาะอย่างอิสระ ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม จำนวนสัตว์ทดลองก็เพิ่มจำนวนขึ้นในสภาพแวดล้อมที่ปราศจากสัตว์นักล่า (ห้ามสุนัขและแมวเข้ามาในพื้นที่) และปัจจุบันเกาะโอคุโนะชิมะก็กลายเป็นจุดยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบกระต่าย

เลข 4 เป็นเลขอับโชคอย่างมาก ชาวญี่ปุ่นมักหลีกเลี่ยงเลข 4 (‘Shi’) เนื่องจากออกเสียงคล้ายกับคำว่าความตายในภาษาญี่ปุ่นมากเกินไป หากสังเกตให้ดีในญี่ปุ่น จะเห็นว่า อาคารต่าง ๆ ไม่มีชั้นที่สี่ สินค้าต่าง ๆ จะขายเป็นชุดละ 3 หรือ 5 ชิ้น และมีการระมัดระวังเป็นพิเศษเพื่อหลีกเลี่ยงการพบเจอเลขนี้ในชีวิตประจำวัน

เทศกาลเปลือยกาย ฮาดากะมัตสึริ ญี่ปุ่นมีชื่อเสียงในเรื่องเทศกาลมากมายไม่หยุดหย่อน แต่เทศกาลฮาดากะมัตสึริ (Hadaka Matsuri) อาจเป็นหนึ่งในเทศกาลที่แปลกประหลาดที่สุด เมื่อชายชาวญี่ปุ่นหลายพันคนเปลือยกายในที่สาธารณะเพื่อเฉลิมฉลองปีใหม่ โดยเทศกาลที่ใหญ่ที่สุดจัดขึ้นที่เมืองโอกายามะ โดยมีชายชาวญี่ปุ่นประมาณ 9,000 คนออกมาเดินขบวนที่เรียกว่า ‘ฟุนโดชิ’

รถไฟญี่ปุ่นเป็นรถไฟที่ตรงเวลาที่สุดในโลก รถไฟญี่ปุ่นล่าช้าเฉลี่ยเพียง 18 วินาที อะไรทำให้รถไฟญี่ปุ่นตรงเวลาได้ขนาดนี้? เพราะ...พนักงานขับรถไฟได้รับการฝึกฝนในเครื่องฝึกจำลองที่สมจริงสุด ๆ และขับรถไฟเพียงสายเดียวเท่านั้น หลายคนไม่จำเป็นต้องใช้มาตรวัดความเร็วเพื่อให้รู้ว่ารถไฟวิ่งเร็วแค่ไหนเสียด้วยซ้ำ การแข่งขันระหว่างบริษัทรถไฟก็ดุเดือดเช่นกัน ดังนั้นการตามหลังจึงไม่ช่วยอะไร พวกเขาทำงานอย่างหนักเพื่อรักษาจำนวนผู้โดยสารรถไฟของญี่ปุ่นที่แม้ว่าจะมีจำนวนมากเอาไว้ให้ได้ ไม่ว่าจะต้องทำอะไรก็ตาม (แม้ว่าจะต้องสร้างห้างสรรพสินค้าสุดหรูหราในสถานีรถไฟก็ตาม)

ชาวญี่ปุ่นทุกคนมีตราประทับเป็นของตัวเอง ในญี่ปุ่นไม่มีลายเซ็น แต่พวกเขามีตราประทับเป็นของตัวเอง ตราประทับที่เรียกว่า ‘ฮังโกะ (Hanko)’ ซึ่งโดยทั่วไปแล้วจะเป็นชื่อของคนญี่ปุ่นที่แปลเป็นอักษรคันจิ และทำจากไหมหรือแป้งพืช ผู้ใหญ่จะมีตราประทับนี้สามอัน อันหนึ่งไว้สำหรับเซ็นชื่อในจดหมายและเรื่องส่วนตัว อันหนึ่งไว้สำหรับประทับตราธนาคาร และอีกอันไว้สำหรับแสดงตัวตน ตราประทับเหล่านี้ไม่มีความจำเป็นสำหรับนักท่องเที่ยว แต่ชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในญี่ปุ่นสามารถหาซื้อตราประทับนี้เองได้จากร้านค้าเล็ก ๆ ทั่วไปในท้องถิ่น

พื้นป้องกันนินจามีอยู่จริง ในช่วงยุคศักดินา ขุนนางญี่ปุ่นผู้มั่งคั่งจะสร้างบ้านที่มีพื้นที่ส่งเสียงดังเอี๊ยดอ๊าด (เรียกว่า พื้นไนติงเกล) เพื่อป้องกันนินจา นักรบรับจ้างในตำนานของญี่ปุ่นในยุคศักดินาที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดีนั้น มีตำนานและนิทานพื้นบ้านกล่าวกันว่า นินจาสามารถ เดินบนน้ำ ล่องหน และควบคุมธาตุต่าง ๆ ตามธรรมชาติได้ นั่นคงเป็นแรงบันดาลใจให้ทำพื้นใหม่

การเดินทางไปญี่ปุ่นแต่ละครั้งนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติก็จะ พบเห็น เจอะเจอ วัฒนธรรมที่มีความเป็นเอกลักษณ์และมีความซับซ้อนเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้ญี่ปุ่นกลายเป็นประเทศที่เต็มไปด้วยสถานที่ที่เต็มไปด้วยความสุขมากมาย และมีการค้นพบเรื่องราวต่าง ๆ ในแบบที่ไม่มีใครเคยคาดคิดมาก่อนเลย

เปิดเรื่องราว ‘ชาวฮ่องกง’ ผู้ถือ ‘พาสปอร์ต BNO’ หวังหนี ‘จีน’ ซบ ‘อังกฤษ’ ไร้สิทธิประโยชน์-อยู่ต่ำกว่าพลเมืองในประเทศ สุดท้ายมีคนจบชีวิตประท้วง

ก่อนและหลัง...สหราชอาณาจักรส่งมอบฮ่องกงคืนให้กับสาธารณรัฐประชาชนจีน สิ่งที่ชาวฮ่องกงจำนวนหนึ่งถึงทำก็คือ ‘การอพยพ’ ไปอยู่ประเทศอื่น ๆ อาทิ แคนาดา ออสเตรเลีย หรืออังกฤษ ประเทศเจ้าอาณานิคมเดิม โดยการอพยพไปอยู่อังกฤษนั้น ชาวฮ่องกงใช้สถานะความเป็น ‘พลเมืองอังกฤษ (โพ้นทะเล)’ หรือ British National (Overseas) ซึ่งจะได้หนังสือเดินที่เรียกว่า ‘British National (Overseas) passport หรือ BN(O) passport’

โดยสถานะดังกล่าวได้มาจากการลงทะเบียนโดยสมัครใจของบุคคลที่มีความเกี่ยวข้องกับดินแดนอดีตอาณานิคมฮ่องกง ซึ่งเคยเป็นพลเมืองในดินแดนโพ้นทะเลของอังกฤษ (British Overseas Territories citizen : BDTC) ก่อนที่จะถูกส่งมอบให้กับสาธารณรัฐประชาชนจีนในปี 1997 การลงทะเบียนสถานะ BN(O) จำกัดเฉพาะช่วงเวลา 10 ปีก่อนการโอน โดยถือเป็นการจัดเตรียมชั่วคราวสำหรับอดีต BDTC ผู้ที่อาศัยอยู่ในปัจจุบัน (หลังปี 1997) ไม่สามารถได้รับสถานะนี้ได้

BN(O) ถือเป็นพลเมืองของเครือจักรภพ จึงไม่ใช่พลเมืองอังกฤษ ต้องผ่านการตรวจคนเข้าเมืองเมื่อเข้าสู่สหราชอาณาจักรเหมือนชาวต่างชาติอื่น ๆ ทั้งยังไม่มีสิทธิ์ในการพำนักในอังกฤษโดยอัตโนมัติ และชาวฮ่องกงที่เลือกเป็น BN(O) แล้ว ทุกคนจะต้องสละสัญชาติจีน(ฮ่องกง) โดยมีสถานะเป็นผู้อยู่อาศัยถาวรในฮ่องกงหลังจากที่รัฐบาลจีนบังคับใช้กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติ (ซึ่งก่อให้เกิดการจลาจลในฮ่องกงในปี 2019-2020) สหราชอาณาจักรได้อนุญาตให้ผู้ที่ถือหนังสือเดินทาง BN(O) และสมาชิกในครอบครัวที่อยู่ในความอุปการะของพวกเขาสามารถสมัครวีซ่าถิ่นที่อยู่แบบต่ออายุทุก 5 ปี ตั้งแต่วันที่ 31 มกราคม 2021

BN(O) ทำให้ผู้ถือได้รับสถานะพิเศษเมื่ออาศัยอยู่ในสหราชอาณาจักร ซึ่งจะช่วยให้มีสิทธิลงคะแนนเสียง ได้รับสัญชาติอังกฤษภายใต้กระบวนการที่ไม่ยุ่งยาก และสามารถดำรงตำแหน่งสาธารณะหรือตำแหน่งในรัฐบาล มีผู้ถือ BN(O) ประมาณ 2.9 ล้านคน โดยประมาณ 720,000 คนในจำนวนนี้ถือหนังสือเดินทางอังกฤษที่ถูกต้อง และได้รับความคุ้มครองจากกงสุลเมื่อเดินทางไปต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม รัฐบาลจีนไม่รับรองหนังสือเดินทางประเภทนี้ว่าเป็นเอกสารการเดินทางที่ถูกต้อง และจำกัดไม่ให้ผู้ถือ BN(O) เข้าถึงการคุ้มครองจากกงสุลอังกฤษหรือจากคณะผู้แทนทางการทูตของสหราชอาณาจักรที่ตั้งอยู่ในฮ่องกงและสาธารณรัฐประชาชนจีน

หนังสือเดินทาง BN(O) ยุคแรกจนถึงปี 1990

สำหรับชาวฮ่องกงผู้ที่ถือหนังสือเดินทาง BN(O) รัฐบาลสหราชอาณาจักรได้มีการจัดทำโครงสร้างโครงการปลอดวีซ่าอย่างชาญฉลาด ซึ่งปัจจุบันปี 2024 ผู้ที่ต้องการอพยพออกจากฮ่องกงส่วนใหญ่เพื่อค้นหา 'ประชาธิปไตย' และ 'เสรีภาพ' และที่มากกว่านั้นคือ กลุ่มหัวรุนแรงรุ่นใหม่ที่เคยเป็นแกนกลางของการประท้วงต่อต้านรัฐบาล/การจลาจล/การก่อการร้ายในปี 2019 แต่กลุ่มนี้ไม่มีสิทธิ์ย้ายมาอยู่ในสหราชอาณาจักร เนื่องจากเกิดหลังจากการส่งมอบในปี 1997 และ BN(O) ของผู้ปกครองไม่สามารถส่งต่อไปยังพวกเขาได้ ดังนั้น สหราชอาณาจักรจึงสามารถหลีกเลี่ยงการอพยพเข้ามาของเยาวชนที่ปัญหาเหล่านี้ได้

หนังสือเดินทาง BN(O) ปี 1990-1997

นอกจากนี้ สำหรับพ่อแม่ของเด็ก ๆ ที่เกิดหลังปี 1997 มีน้อยมาก ๆ ที่จะยอมต้องทิ้งลูก ๆ ไว้ข้างหลังหรือจ่ายเงินจำนวนมากเพื่อให้ลูก ๆ ได้รับการศึกษาในสหราชอาณาจักรในฐานะนักเรียนต่างชาติ ส่วนผู้ประกอบการอิสระส่วนใหญ่มักจะไม่ยินยอมอพยพแบบถอนรากถอนโคนและเริ่มต้นชีวิตใหม่ตั้งแต่ต้นในประเทศใหม่ที่ต่างไปกว่าเดิม เว้นแต่พวกเขาจะถูกบังคับให้ทำ สื่อตะวันตกอาจนำเสนอภาพที่ชาวฮ่องกงถูกกดขี่ ข่มเห่ง แต่ความเป็นจริงแล้ว ฮ่องกงคือแหล่งทำมาหาเงินของพวกเขา

หนังสือเดินทาง BN(O) ปี 1997-2020

ชาวฮ่องกงที่ถือหนังสือเดินทาง BN(O) เมื่อย้ายมาอยู่ในสหราชอาณาจักรจะไม่สามารถรับสิทธิประโยชน์ใด ๆ ได้จนกว่าจะได้รับสัญชาติเป็นพลเมืองอังกฤษ ดังนั้นพวกเขาจะต้องดำรงชีวิตด้วยเงินออมที่พวกเขานำติดตัวมาด้วย ด้วยทักษะภาษาอังกฤษที่ย่ำแย่ จะมีชาวฮ่องกงสักกี่คนที่หางานได้ดีกว่างานที่ใช้ทักษะธรรมดา สำหรับงานระดับบริหารในสหราชอาณาจักรปิดโอกาสสำหรับผู้ถือ BN(O) แทบจะโดยสิ้นเชิง ผู้ที่ไม่สามารถหางานประจำได้ก่อนที่เงินออมจะหมดจะถูกบังคับให้หาทางออกต่าง ๆ ผู้ที่มีทรัพยากรมากกว่าสามารถเริ่มต้นธุรกิจของตนเองได้ แต่ต้องหาเขตที่คนท้องถิ่นมีอัธยาศัยดีต่อผู้อพยพมาก ๆ 

หนังสือเดินทาง BN(O) ปัจจุบัน ตั้งแต่ปี 2020

เมื่อวีซ่า 5 ปีหมดอายุ และภายใน 1 ปีหลังวีซ่าหมดอายุจะไม่มีการรับประกันการได้รับสัญชาติเป็นพลเมืองอังกฤษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ไม่สามารถหางานได้ค่าตอบแทนดี รัฐบาลอังกฤษอาจแค่บอกว่า “คุณอยู่มานานมากแล้วและขอบคุณสำหรับที่ผ่านมา” หลังจากแยกผู้ที่มีศักยภาพที่จะอยู่ต่อออกจากมาให้ได้มากที่สุด ซึ่งไม่มีภาระผูกพันด้านสวัสดิการระยะยาว ในขณะเดียวกันสหราชอาณาจักรได้รับการสนับสนุนทางการเมืองบางส่วนจากพันธมิตรตะวันตก เนื่องจากความมีมนุษยธรรมที่ชัดเจนในการช่วยเหลือชาวฮ่องกง 'หลายล้านคน' ให้หลุดพ้นจากเงื้อมมือของ 'จีน(ที่ชั่วร้าย)' ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อรัฐบาลไม่ขัดแย้งกับรายงานของสื่อที่บอกเป็นนัยว่าประชากรฮ่องกงทั้งหมดมีสิทธิ์ในการต่อต้านจีน 

ท้ายที่สุด จำนวนผู้ที่ไปนับหมื่นครอบครัวและผู้ที่อยู่ระยะยาวจะยิ่งลดน้อยลงไปอีก ตัวอย่างหนึ่งก็คือ ‘Ho Yik-king’ นักเคลื่อนไหวเรียกร้องเอกราชฮ่องกง ฆ่าตัวตายในอังกฤษ หลังชีวิตในสหราชอาณาจักรแทบไม่มีอะไรดั่งที่เธอฝัน เพราะชาวฮ่องกงที่ถือหนังสือเดินทาง BN(O) ถูกจัดให้อยู่ในระดับที่ ‘ต่ำชั้นกว่าพลเมืองในประเทศ’ เรื่องราวที่น่าสะเทือนใจอันเป็นชีวิตจริงของหญิงสาวนักเคลื่อนไหว ผู้เรียกร้องเอกราชฮ่องกงจากจีน ‘Ho Yik-king’ (โฮ ยิก-คิง) ก่อนเข้ามหาวิทยาลัยและระหว่างการศึกษาในมหาวิทยาลัยฮ่องกง เธอประพฤติตัวดีเสมอมา หลังจากสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีสาขาเอเชียศึกษาและนานาชาติ ด้วยความชื่นชอบในเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เธอจึงได้ศึกษาเพิ่มเติมในมหาวิทยาลัยเจนีวาจนสำเร็จปริญญาโท

ในปี 2018 ฮ่องกงต้องประสบกับการประท้วงอันความสับสนอลหม่านภายใน โดยมีสาเหตุหลักมาจากการเสนอให้แก้ไขกฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดน ซึ่งก่อให้เกิดภัยคุกคามต่อผลประโยชน์ของกลุ่มบุคคลหัวรุนแรงในฮ่องกง ซึ่งต่อต้านรัฐบาลจีน และเพื่อเป็นการแสดงออกถึงการคัดค้านการแก้ไขกฎหมายดังกล่าว กลุ่มบุคคลหัวรุนแรงเหล่านี้ จึงได้จัดการประท้วงอย่างต่อเนื่องบนท้องถนนย่านใจกลางเมืองฮ่องกง และเมื่อไม่มีการตอบโต้จากรัฐบาลฮ่องกง กลุ่มผู้ประท้วงจึงได้เพิ่มความรุนแรงในการประท้วงของพวกเขา โดยหันไปใช้วิธีทำลายล้าง หรือแม้แต่โจมตีต่อประชาชนชาวฮ่องกงทั่วไป ในช่วงเวลานี้ ภายใต้อิทธิพลของบรรดาเพื่อนร่วมงานของเธอ ‘Ho Yik-king’ ได้รับการปลูกฝังในเรื่องการเรียกร้องเอกราชของฮ่องกงโดยสมบูรณ์ และได้เข้าร่วมขบวนการต่อต้านการส่งผู้ร้ายข้ามแดนอย่างแข็งขัน ที่สุดเธอจึงกลายเป็นบุคคลสำคัญในหมู่คนหัวรุนแรงเหล่านี้ โดยใช้แพลตฟอร์มออนไลน์เพื่อแสดงมุมมองที่รุนแรง และมีส่วนร่วมในการเผชิญหน้ากับรัฐบาลฮ่องกง เชื่อกันว่า เธอได้การสนับสนุนจากรัฐบาลอังกฤษในการเรียกร้องเอกราชให้ฮ่องกง และเธอถูกรัฐบาลฮ่องกงพยายามจับกุม

หลังจากเธอขายทรัพย์สินทั้งหมดของตัวเองในฮ่องกงแล้ว ด้วยความช่วยเหลือของรัฐบาลอังกฤษ โดยเธอได้รับหนังสือเดินทาง ‘BNO’ (British National Overseas) อย่างไรก็ตาม หลังจากเธอเดินทางไปอยู่ในอังกฤษแล้ว เธอแทบไม่ได้รับการดูแลอะไรจากรัฐบาลอังกฤษเลย จะหางานทำ หรือเปิดบัญชีธนาคารก็ทำไม่ได้ เพราะพาสปอร์ต BNO ไม่สามารถทำให้เธอมีสิทธิเช่นเดียวกับพลเมืองอังกฤษ และสิ่งที่ทำให้เธอต้องประหลาดใจที่สุด คือ เธอไม่สามารถจ่ายค่าเช่าห้องอันแสนแพงได้ ทั้งยังต้องดำรงชีวิตอยู่ด้วยการทานอาหารเพียงวันละมื้อเดียว ภายใต้แรงกดดันมหาศาล ในที่สุดเธอก็ตัดสินใจจบชีวิตตนเองด้วยการฆ่าตัวตาย และได้ทิ้งจดหมายลาตายเอาไว้ ชีวิตของ Ho Yik-king จึงเป็นเพียงแค่เบี้ยตัวเล็ก ๆ ตัวหนึ่ง ที่รัฐบาลอังกฤษไม่ได้ให้ค่า ครั้นเธอจะกลับฮ่องกงก็จะต้องติดคุก ปริญญา 2 ใบของเธอ ไม่ได้ช่วยให้เธอได้ตาสว่างแต่อย่างใด ด้วยเพราะตำราที่เธอเรียนจนได้ปริญญา 2 ใบนั้น เขียนโดยชาติตะวันตกทั้งสิ้น ซึ่งถือเป็นเรื่องที่น่าเศร้าสำหรับบุคคลที่มีภูมิทางการศึกษาดี แต่เลือกเส้นทางและความเชื่อในทางที่ผิด และเมื่อสืบค้นเรื่องราวของเธอใน Google แล้วจะพบเพียงหนึ่งเรื่องใน YouTube คือ https://www.youtube.com/watch?v=vFbjcZEfxFY และใน X มีผู้ใช้ชื่อว่า Richard Seeto @richseeto ได้นำเรื่องราวของเธอใน YouTube ไปลง สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นเป็นราวกับว่า เธอไม่เคยมีตัวตนปรากฏอยู่เลย

นี่คือเรื่องราวของชาวฮ่องกง ที่แต่แรกเริ่มเดิมทีต่างพากันเห็นว่า หนังสือเดินทางพลเมืองอังกฤษ (โพ้นทะเล) หรือ British National (Overseas) passport (BN(O) passport คือ หนังสือเดินทางที่จะนำพาพวกตนและครอบครัวไปสู่แดนสวรรค์ในสหราชอาณาจักร แต่พอได้ไปใช้ชีวิตอยู่จริงแล้ว กลับกลายเป็นเหมือนกับการตกอยู่ในนรกทั้งเป็น ถือเป็นบทเรียนและอุทาหรณ์ของบรรดาผู้ที่ชังชาติ อยากย้ายประเทศจนตัวซีดตัวสั่นทั้งหลาย ว่า “ไม่เจอ...ก็ไม่รู้ ไม่เจ็บ...ก็ไม่จำ”

‘ญี่ปุ่น’ แม้เจริญสุดขีด แต่ก็ประสบปัญหา ‘คนไร้บ้าน’ เรื้อรัง หลังพวกเขาพ่ายแพ้ต่อเศรษฐกิจแปรปรวน กลายเป็นคนว่างงาน

ปัญหาคนไร้บ้านนั้น ไม่ใช่เกิดขึ้นเฉพาะบ้านเรา แต่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในแทบทุก ๆ ประเทศ ไม่เว้นแม้แต่ ‘ญี่ปุ่น’ ซึ่งเป็นประเทศที่เจริญที่สุดในทวีปเอเชีย ภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ชาวญี่ปุ่นหลายคนกลายเป็นคนไร้บ้าน เนื่องจากปัญหาทางเศรษฐกิจซึ่งได้รับความเสียหายจากการถูกทิ้งระเบิดและพ่ายแพ้ต่อฝ่ายสัมพันธมิตร ในช่วงทศวรรษ 1960 จากความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของญี่ปุ่นอย่างรวดเร็ว หรือที่เรียกกันว่า ‘ปาฏิหาริย์ทางเศรษฐกิจของญี่ปุ่น’ ทำให้จำนวนคนไร้บ้านลดลงอย่างรวดเร็ว แต่กลับมาเพิ่มจำนวนอย่างเห็นได้ชัดในสังคมญี่ปุ่นอีกครั้ง จากการล่มสลายของฟองสบู่ราคาทรัพย์สินของญี่ปุ่นในช่วงทศวรรษ 1990 และส่งผลให้เกิด ‘ทศวรรษที่หายไป’ จากภาวะซบเซาทางเศรษฐกิจ ส่งผลให้อัตราการว่างงานสูงขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดภาวะไร้ที่อยู่อาศัย จำนวนคนไร้บ้านสูงมากจนถึงจุดสูงสุด

ปัญหาคนไร้บ้านในญี่ปุ่นเป็นปัญหาทางสังคมที่มักเกิดขึ้นกับชายวัยกลางคนและผู้สูงอายุเป็นหลัก เชื่อกันว่า ในทศวรรษที่ 1990 อันเป็นผลมาจากการแตกของฟองสบู่ที่ทำให้ราคาสินทรัพย์ของญี่ปุ่นลดลงเป็นอันมากนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ตาม ‘พระราชบัญญัติพิเศษเกี่ยวกับการสนับสนุนการพึ่งตนเองของคนไร้บ้าน’ ให้นิยามของคำว่า ‘คนจรจัดหรือคนไร้บ้าน’ หมายถึง ‘ผู้ที่ใช้สวนสาธารณะในเมือง ริมฝั่งแม่น้ำ ถนน สถานีรถไฟ และสิ่งอำนวยความสะดวกอื่น ๆ เพื่อเป็นที่อยู่อาศัย เพื่อใช้ชีวิตประจำวันของพวกเขา’

ทั้งนี้ ลักษณะเฉพาะบางประการของคนไร้บ้านชาวญี่ปุ่นนั้น มีสาเหตุมาจากโครงสร้างทางสังคมของสังคมญี่ปุ่น ในอดีตซึ่งฝ่ายชายเป็นผู้หาเลี้ยงครอบครัวแต่เพียงผู้เดียว บรรดาบริษัทญี่ปุ่นต่างเชื่อกันว่า ชายที่แต่งงานแล้วจะทำงานได้ดีกว่าชายโสดที่ยังไม่ได้แต่งงาน เพราะชายที่แต่งงานแล้วจะรู้สึกว่า มีภาระหน้าที่และความรับผิดชอบต่อครอบครัวมากกว่า ดังนั้นไม่เพียงแต่ชายสูงอายุเท่านั้นที่ต้องเผชิญกับภาวะสูงอายุและไม่สามารถหางานทำได้ แต่ชายโสดที่มีอายุมากกว่า 35 ปี ก็มีปัญหาในการหางานเช่นกัน ซึ่งไม่ได้ทำให้เกิดจำนวนชายที่ยากจนโดยเฉลี่ย แต่กลับมีความแปรปรวนมากกว่า โดยมีทั้งจำนวนชายที่ร่ำรวยและยากจนเพิ่มมากขึ้น และส่งผลให้มีชายไร้บ้านจำนวนมากกว่าหญิงไร้บ้านในญี่ปุ่น นอกจากนี้แล้ว ครอบครัวญี่ปุ่นมักจะให้การสนับสนุนและช่วยเหลือสมาชิกที่เป็นหญิงมากกว่าชาย

ในปี 1997 เทศบาลกรุงโตเกียวยอมรับการมีอยู่ของตัวแทนกลุ่มคนไร้บ้าน และเริ่มรับฟังปัญหาของพวกเขา ในปี 1998 ทางการระบุว่า มีคนไร้บ้านในกรุงโตเกียวเพียงแห่งเดียวประมาณ 3,700 คน แต่กลุ่มที่ช่วยเหลือคนไร้บ้านประเมินไว้ว่า มีคนไร้บ้านราว 5,000 คน ในกรุงโตเกียว และเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็ว นับตั้งแต่ทศวรรษ 1990 เป็นต้นมา ในญี่ปุ่นมีการจ้างงานนอกเวลาและการจ้างงานชั่วคราวเพิ่มขึ้น ซึ่งมีกว่า 20 ล้านตำแหน่งงาน ค่าจ้างนอกเวลาและการจ้างงานชั่วคราวมักจะเท่ากับค่าจ้างขั้นต่ำ ทั้งการเปลี่ยนแปลงกฎหมายในปี 1986 และ 1999 โดยการเช่าที่พักในญี่ปุ่นมักจะต้องวางเงินมัดจำและค่าเช่าล่วงหน้า 3 เดือน แฟลตแบบหนึ่งห้องนอนในกรุงโตเกียว ค่าเช่ารายเดือนมากกว่า 50,000 เยน (ราว 11,488 บาท) ทำให้ผู้ที่ไม่มีงานประจำเข้าถึงได้ยากมากขึ้น ปัญหาคนไร้บ้านจึงเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย

ตามข้อมูลของกระทรวงกิจการภายในและการสื่อสารของญี่ปุ่นระบุว่า มีคนไร้บ้านในญี่ปุ่นไม่ถึง 1 หมื่นคน โดยจำนวนคนไร้บ้านมากที่สุดอยู่ในเขตมหานครโตเกียว ราว 2,700 คน รองลงเป็นอันดับสองคือ นครโอซาก้า ราว 2,500 คน และอันดับสามคือจังหวัดคานากาว่า ราว 1,814 คน ในเดือนสิงหาคม 2002 ได้มีการประกาศใช้ ‘พระราชบัญญัติพิเศษเกี่ยวกับการสนับสนุนการพึ่งตนเองของคนไร้บ้าน’ คนไร้บ้านในญี่ปุ่นจึงเริ่มได้รับความช่วยเหลือที่เหมาะสมจากทางการ รวมทั้งมีการสำรวจคนไร้บ้านทั่วประเทศ โดยกระทรวงสาธารณสุข แรงงาน และสวัสดิการ ในเดือนกุมภาพันธ์ 2004 และมีการสำรวจอีกครั้งในเดือนเมษายน 2007 ทำให้ชาวญี่ปุ่นที่ไม่มีรายได้ เงินออม หรือทรัพย์สินเพียงพอต่อการดำรงชีพขั้นพื้นฐานสามารถรับความคุ้มครองเพื่อการดำรงชีพได้ หญิงที่หลบหนีจากความรุนแรงในครอบครัวหรือจากอดีตคู่รักที่ต้องการเริ่มต้นความสัมพันธ์ในอดีตอีกครั้งสามารถรับการสนับสนุนจากสถาบันดูแลสตรี ศูนย์หลบภัย และสถานสงเคราะห์ได้ ในกรณีของผู้เยาว์ มีการจัดรูปแบบความช่วยเหลือ เช่น สถาบันสวัสดิภาพเด็ก 

โดยที่ญี่ปุ่นยังคงประสบปัญหาเศรษฐกิจถดถอยอย่างต่อเนื่อง ในปี 2011 เป็นต้นมา จึงมีการเปิดกิจการร้านไซเบอร์คาเฟ่ (หรือโรงแรมแคปซูล) โดยคนไร้บ้านสามารถเข้าพักได้ ไซเบอร์คาเฟ่ ให้บริการห้องพักซึ่งมีพื้นที่ส่วนตัวเล็ก ๆ และห้องอาบน้ำ พร้อม โทรทัศน์ น้ำอัดลม และอินเทอร์เน็ต ในราคา 1,500 ถึง 2,000 เยน (ราว 344 ถึง 460 บาท) ต่อคืน ตั้งแต่ปี 2020 เป็นต้นมา มีการประเมินกันว่า ในกรุวโตเกียวเพียงเมืองเดียวมีชาวญี่ปุ่นอย่างน้อย 15,000 คน อาศัยอยู่ในร้านไซเบอร์คาเฟ่ ซึ่งมากกว่าจำนวนคนไร้บ้านอย่างเป็นทางการถึง 5 เท่า แต่เมื่อเปรียบเทียบกับสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่นจะมีอัตราการไร้ที่อยู่อย่างเป็นทางการต่ำกว่าอย่างมีนัยสำคัญ แต่สัดส่วนของคนญี่ปุ่นที่ยากจนในญี่ปุ่นนั้นกลับสูงกว่าในสหรัฐฯ แม้ว่าบางคนจะกลายเป็นคนไร้บ้าน แต่หลายคนในจำนวนนี้รเลือกอาศัยอยู่ในไซเบอร์คาเฟ่ อันเนื่องมาจากแรงกดดันทางสังคม พวกเขาชอบที่จะรักษาเรื่องราวส่วนตัวของตนไว้เป็นความลับ และสิ่งที่น่าเศร้าที่สุดคือทั้งรัฐบาลญี่ปุ่นและประชาชนชาวญี่ปุ่นทั่วไปต่างก็ต้องการให้เรื่องราวเหล่านี้เป็นไปเช่นนั้นด้วย

สาสน์จาก ‘Masoud Pezeshkian’ ปธน.อิหร่านคนใหม่ แสดงจุดยืนหวังขับเคลื่อนความสัมพันธ์กับทุกประเทศ

สาสน์จาก ‘Masoud Pezeshkian’ ว่าที่ประธานาธิบดีสาธารณรัฐอิสลามถึงประเทศโลกใหม่…

เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2567 ประธานาธิบดี Ebrahim Raisi ถึงแก่อสัญกรรมในอุบัติเหตุเฮลิคอปเตอร์ตกอันน่าสลดใจ ท่านเป็นข้ารัฐการการเมืองที่ได้รับความเคารพนับถืออย่างสุดซึ้งและอุทิศตน อสัญกรรมของท่านทำให้ต้องมีการเลือกตั้งในอิหร่าน และถือเป็นช่วงเวลาสำคัญในประวัติศาสตร์ของประเทศของเรา

ท่ามกลางสงครามและความวุ่นวายในภูมิภาคของเรา ระบบการเมืองของอิหร่านแสดงให้เห็นถึงเสถียรภาพที่น่าทึ่งด้วยการจัดการเลือกตั้งด้วยการแข่งขัน สันติ และเป็นระเบียบเรียบร้อย ขจัดคำสบประมาทของ ‘ผู้เชี่ยวชาญอิหร่าน’ บางคนในรัฐบาลบางแห่งเสถียรภาพนี้และท่าทางที่มีเกียรติในการเลือกตั้ง ตอกย้ำถึงความตระหนักรู้ของผู้นำสูงสุดของเรา อยาตุลลอฮ์ Khamenei และการอุทิศตนของประชาชนของเราในการเปลี่ยนแปลงอำนาจตามระบอบประชาธิปไตย แม้จะเผชิญกับความยากลำบากก็ตาม

ข้าพเจ้าลงสมัครเข้ารับการเลือกตั้งในตำแหน่งนี้บนพื้นฐานของการปฏิรูป ส่งเสริมความสามัคคีในชาติ และการมีส่วนร่วมอย่างสร้างสรรค์กับโลก ในที่สุดข้าพเจ้าก็ได้รับความไว้วางใจจากเพื่อนร่วมชาติลงคะแนนให้ รวมไปถึงหนุ่มสาวที่ไม่พอใจกับสถานการณ์โดยรวม ข้าพเจ้าให้ความสำคัญกับความไว้วางใจของพวกเขาเป็นอย่างยิ่ง และมุ่งมั่นที่จะปลูกฝังความเห็นพ้องต้องกันทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อรักษาสัญญาที่ข้าพเจ้าให้ไว้ระหว่างการรณรงค์หาเสียง

ข้าพเจ้าขอเน้นย้ำว่าฝ่ายบริหารของข้าพเจ้าจะถูกชี้นำโดยความมุ่งมั่นในการรักษาศักดิ์ศรีของชาติและสถานะระหว่างประเทศของอิหร่านภายใต้ทุกสถานการณ์ นโยบายต่างประเทศของอิหร่านก่อตั้งขึ้นบนหลักการของ ‘ศักดิ์ศรี สติปัญญา และความรอบคอบ’ โดยการกำหนดและการดำเนินนโยบายของรัฐนี้เป็นความรับผิดชอบของประธานาธิบดีและรัฐบาล ข้าพเจ้าตั้งใจที่จะใช้อำนาจทั้งหมดที่มอบให้กับ 8Itme งานของข้าพเจ้าเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ที่ครอบคลุมนี้

ด้วยเหตุนี้ ฝ่ายบริหารของข้าพเจ้าจึงดำเนินนโยบายที่ขับเคลื่อนด้วยโอกาสโดยการสร้างสมดุลในความสัมพันธ์กับทุกประเทศ โดยสอดคล้องกับผลประโยชน์ของประเทศ การพัฒนาเศรษฐกิจ และข้อกำหนดด้านสันติภาพและความมั่นคงระดับภูมิภาคและระดับโลก ด้วยเหตุนี้ เรายินดีรับความพยายามอย่างจริงใจในการบรรเทาความตึงเครียด และจะตอบแทนด้วยความจริงใจด้วยความซื่อสัตย์

ภายใต้การบริหารของข้าพเจ้า เราจะให้ความสำคัญกับการกระชับความสัมพันธ์กับเพื่อนบ้านของเรา เราจะสนับสนุนการสถาปนา ‘ภูมิภาคที่เข้มแข็ง’ แทนที่จะเป็นประเทศเดียวที่แสวงหาอำนาจและอำนาจเหนือประเทศอื่น ๆ ข้าพเจ้าเชื่ออย่างแน่วแน่ว่าประเทศเพื่อนบ้านและประเทศพี่น้องไม่ควรสิ้นเปลืองทรัพยากรอันมีค่าของตนไปกับการแข่งขันที่กัดเซาะ การแข่งขันกันสะสมอาวุธ หรือการปิดกั้นซึ่งกันอย่างไม่สมเหตุสมผล แต่เราจะตั้งเป้าที่จะสร้างสภาพแวดล้อมที่ทรัพยากรของเราสามารถอุทิศให้กับความก้าวหน้าและการพัฒนาของภูมิภาคเพื่อประโยชน์ของทุกคน

เราตั้งตารอที่จะร่วมมือกับ ทูร์เคีย, ซาอุดิอาระเบีย, โอมาน, อิรัก, บาห์เรน, กาตาร์, คูเวต, สหรัฐ, อาหรับเอมิเรตส์ และองค์กรในระดับภูมิภาคเพื่อกระชับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจของเราให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ส่งเสริมความสัมพันธ์ทางการค้า ส่งเสริมการลงทุนร่วมทุน รับมือกับความท้าทายร่วมกัน และ มุ่งสู่การสร้างกรอบการทำงานระดับภูมิภาคสำหรับการเจรจา การสร้างความเชื่อมั่น และการพัฒนา ภูมิภาคของเราประสบปัญหาสงคราม ความขัดแย้งทางนิกาย การก่อการร้ายและลัทธิหัวรุนแรง การค้ายาเสพติด การขาดแคลนน้ำ วิกฤตผู้ลี้ภัย ความเสื่อมโทรมของสิ่งแวดล้อม และการแทรกแซงจากต่างประเทศมานานเกินไป ถึงเวลาแล้วที่จะจัดการกับความท้าทายทั่วไปเหล่านี้เพื่อประโยชน์ของคนรุ่นอนาคต ความร่วมมือเพื่อการพัฒนาภูมิภาคและความเจริญรุ่งเรืองจะเป็นหลักการชี้นำของนโยบายต่างประเทศของเรา

เนื่องจากประเทศต่าง ๆ มีทรัพยากรมากมายและมีประเพณีร่วมกันซึ่งมีรากฐานมาจากคำสอนอิสลามอันสันติ เราจึงต้องรวมตัวกันและพึ่งพาพลังแห่งตรรกะมากกว่าตรรกะแห่งอำนาจ ด้วยการใช้ประโยชน์จากอิทธิพลเชิงบรรทัดฐานของเรา เราสามารถมีบทบาทสำคัญในระเบียบโลกหลังขั้วโลกที่เกิดขึ้นใหม่ได้ด้วยการส่งเสริมสันติภาพ สร้างสภาพแวดล้อมที่สงบซึ่งเอื้อต่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ส่งเสริมการสนทนา และขจัดความกลัวอิสลาม อิหร่านพร้อมที่จะแสดงส่วนแบ่งที่ยุติธรรมในเรื่องนี้

ในปี 1979 หลังการปฏิวัติ สาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่านที่จัดตั้งขึ้นใหม่ ได้รับแรงบันดาลใจจากการเคารพกฎหมายระหว่างประเทศและสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน ได้ตัดความสัมพันธ์กับระบอบการแบ่งแยกสีผิวและเชื้อชาติสองประเทศ ได้แก่ อิสราเอลและแอฟริกาใต้ อิสราเอลยังคงเป็นระบอบการแบ่งแยกสีผิวมาจนถึงทุกวันนี้ โดยเพิ่ม ‘การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์’ เข้าไปในบันทึกที่เสียหายจากการยึดครอง อาชญากรรมสงคราม การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ การสร้างถิ่นฐาน การครอบครองอาวุธนิวเคลียร์ การผนวกดินแดนอย่างผิดกฎหมาย และการรุกรานต่อเพื่อนบ้าน

มาตรการแรก ฝ่ายบริหารของข้าพเจ้าจะกระตุ้นให้ประเทศอาหรับเพื่อนบ้านของเราร่วมมือกันและใช้ประโยชน์ทางการเมืองและการทูตทั้งหมด เพื่อจัดลำดับความสำคัญของการหยุดยิงอย่างถาวรในฉนวนกาซา โดยมีเป้าหมายเพื่อหยุดยั้งการสังหารหมู่และป้องกันการขยายความขัดแย้ง จากนั้นเราจะต้องทำงานอย่างขยันขันแข็งเพื่อยุติการยึดครองที่ยืดเยื้อซึ่งทำลายล้างชีวิตของชาวปาเลสไตน์ถึง 4 รุ่น ในบริบทนี้ ข้าพเจ้าต้องการเน้นย้ำว่าทุกรัฐมีหน้าที่ผูกพันภายใต้อนุสัญญาการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ปี 1948 ในการใช้มาตรการป้องกันการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ และจะไม่ยอมให้รางวัลผ่านการปรับความสัมพันธ์กับผู้กระทำความผิดให้เป็นปกติ

วันนี้ดูเหมือนว่าคนหนุ่มสาวจำนวนมากในหลายประเทศได้ตระหนักถึงความถูกต้องของจุดยืนของเราที่มีต่อระบอบการปกครองของอิสราเอลที่มีมานานหลายทศวรรษ ข้าพเจ้าอยากจะใช้โอกาสนี้บอกคนรุ่นที่กล้าหาญนี้ว่า เราถือว่าข้อกล่าวหาเรื่องการต่อต้านชาวยิวของอิหร่านในเรื่องจุดยืนที่เป็นหลักการต่อประเด็นปาเลสไตน์นั้นไม่เพียงแต่เป็นเท็จอย่างชัดแจ้งเท่านั้น แต่ยังเป็นการดูหมิ่นวัฒนธรรม ความเชื่อ และค่านิยมหลักของเราด้วย มั่นใจได้ว่าข้อกล่าวหาเหล่านี้ไร้สาระพอ ๆ กับคำกล่าวอ้างที่ไม่ยุติธรรมเกี่ยวกับการต่อต้านชาวยิวที่มุ่งเป้าไปยังพวกท่าน ในขณะที่พวกท่านประท้วงในวิทยาเขตของมหาวิทยาลัยเพื่อปกป้องสิทธิในการมีชีวิตของชาวปาเลสไตน์

จีนและรัสเซียยืนหยัดเคียงข้างเราอย่างต่อเนื่องในช่วงเวลาที่ท้าทาย เราให้ความสำคัญกับมิตรภาพนี้อย่างลึกซึ้ง แผนงาน 25 ปีของเรากับจีนแสดงถึงหลักชัยสำคัญในการสร้าง ‘หุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ที่ครอบคลุม’ ที่เป็นประโยชน์ร่วมกัน และเราหวังว่าจะได้ร่วมมือกับปักกิ่งอย่างกว้างขวางมากขึ้น ในขณะที่เราก้าวไปสู่ระเบียบโลกใหม่ ในปี 2023 จีนมีบทบาทสำคัญในการอำนวยความสะดวกในการฟื้นความสัมพันธ์ของเรากับซาอุดิอาระเบียให้เป็นปกติ โดยแสดงให้เห็นวิสัยทัศน์ที่สร้างสรรค์และแนวทางการคิดล่วงหน้าในกิจการระหว่างประเทศ

รัสเซียเป็นพันธมิตรเชิงยุทธศาสตร์ที่มีคุณค่าและเป็นเพื่อนบ้านกับอิหร่าน และฝ่ายบริหารของข้าพเจ้าจะยังคงมุ่งมั่นที่จะขยายและเสริมสร้างความร่วมมือของเรา เรามุ่งมั่นเพื่อสันติภาพสำหรับประชาชนรัสเซียและยูเครน และรัฐบาลของข้าพเจ้าจะเตรียมพร้อมที่จะสนับสนุนโครงการริเริ่มต่าง ๆ ที่มุ่งบรรลุเป้าหมายนี้อย่างแข็งขัน ข้าพเจ้าจะให้ความสำคัญกับความร่วมมือทวิภาคีและพหุภาคีกับรัสเซียต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายในกรอบเช่น BRICS องค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้ และสหภาพเศรษฐกิจยูเรเซีย

ด้วยความตระหนักว่าภูมิทัศน์โลกได้พัฒนาไปไกลกว่าพลวัตแบบดั้งเดิม ฝ่ายบริหารของข้าพเจ้าจึงมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมความสัมพันธ์ที่เป็นประโยชน์ร่วมกันกับผู้เล่นระดับนานาชาติที่เกิดขึ้นใหม่ในซีกโลกใต้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับประเทศในแอฟริกา เราจะมุ่งมั่นที่จะเพิ่มพูนความพยายามในการทำงานร่วมกันและเสริมสร้างความเป็นหุ้นส่วนของเราเพื่อผลประโยชน์ร่วมกันของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง

ความสัมพันธ์ของอิหร่านกับละตินอเมริกามั่นคงดี และจะรักษาและกระชับอย่างใกล้ชิดเพื่อส่งเสริมการพัฒนา การเจรจา และความร่วมมือในทุกสาขา ความร่วมมือระหว่างอิหร่านและประเทศในละตินอเมริกามีศักยภาพมากกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบันอย่างมีนัยสำคัญ และเราหวังว่าจะกระชับความสัมพันธ์ของเราให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น

ความสัมพันธ์ของอิหร่านกับยุโรปมีทั้งขึ้นและลง หลังจากที่สหรัฐฯ ถอนตัวจาก JCPOA (แผนปฏิบัติการร่วมที่ครอบคลุม) ในเดือนพฤษภาคม 2018 ประเทศในยุโรปได้ให้คำมั่นสัญญา 11 ประการกับอิหร่านเพื่อพยายามกอบกู้ข้อตกลงและบรรเทาผลกระทบของการคว่ำบาตรฝ่ายเดียวที่ผิดกฎหมายของสหรัฐอเมริกาต่อเศรษฐกิจของเรา ข้อผูกพันเหล่านี้เกี่ยวข้องกับการรับรองการทำธุรกรรมทางธนาคารที่มีประสิทธิภาพ การปกป้องบริษัทจากการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ และการส่งเสริมการลงทุนในอิหร่านอย่างมีประสิทธิผล ประเทศในยุโรปได้ละทิ้งพันธกรณีเหล่านี้ทั้งหมด แต่ก็คาดหวังอย่างไร้เหตุผลว่าอิหร่านจะปฏิบัติตามพันธกรณีทั้งหมดของตนภายใต้ JCPOA เพียงฝ่ายเดียว

แม้จะมีเรื่องผิดปกติเหล่านี้ ข้าพเจ้ายังคงตั้งตารอที่จะได้มีส่วนร่วมในการเจรจาที่สร้างสรรค์กับประเทศต่าง ๆ ในยุโรป เพื่อกำหนดความสัมพันธ์ของเราบนเส้นทางที่ถูกต้อง บนหลักการของการเคารพซึ่งกันและกันและการยืนหยัดที่เท่าเทียมกัน ประเทศในยุโรปควรตระหนักว่า ชาวอิหร่านเป็นคนที่ภาคภูมิใจซึ่งสิทธิและศักดิ์ศรี ซึ่งไม่สามารถมองข้ามได้อีกต่อไป มีความร่วมมือหลายประการที่อิหร่านและยุโรปสามารถสำรวจได้เมื่อมหาอำนาจของยุโรปตกลงกับความเป็นจริงนี้ และละทิ้งอำนาจสูงสุดทางศีลธรรมที่ถือตนเป็นใหญ่ ควบคู่ไปกับวิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้นซึ่งรบกวนความสัมพันธ์ของเรามาเป็นเวลานาน โอกาสในการร่วมมือ ได้แก่ ความร่วมมือทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยี ความมั่นคงด้านพลังงาน เส้นทางการคมนาคม สิ่งแวดล้อม ตลอดจนการต่อต้านการก่อการร้ายและการค้ายาเสพติด วิกฤตผู้ลี้ภัย และสาขาอื่น ๆ ซึ่งทั้งหมดนี้สามารถดำเนินไปเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติของเรา

สหรัฐฯ จำเป็นต้องยอมรับความเป็นจริงและเข้าใจทันทีว่าอิหร่านไม่ และจะไม่ ตอบสนองต่อแรงกดดัน เราเข้าร่วม JCPOA ในปี 2015 โดยสุจริตและปฏิบัติตามพันธกรณีของเราอย่างเต็มที่ แต่สหรัฐฯ ถอนตัวจากข้อตกลงโดยมิชอบด้วยกฎหมายซึ่งมีสาเหตุมาจากการทะเลาะวิวาทและการแก้แค้นภายในประเทศล้วน ๆ ก่อให้เกิดความเสียหายหลายแสนล้านดอลลาร์ต่อเศรษฐกิจของเรา และก่อให้เกิดความทุกข์ทรมาน ความตาย และการทำลายล้างอย่างนับไม่ถ้วนต่อชาวอิหร่าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงการระบาดใหญ่ของ COVID-19 ผ่านทางการกำหนดมาตรการคว่ำบาตรฝ่ายเดียวนอกอาณาเขต โดยสหรัฐฯ จงใจเลือกที่จะยกระดับความเป็นปฏิปักษ์โดยไม่เพียงแต่ทำสงครามทางเศรษฐกิจกับอิหร่านเท่านั้น แต่ยังมีส่วนร่วมในการก่อการร้ายโดยรัฐด้วยการลอบสังหารนายพลกัสเซม โซไลมานี วีรบุรุษต่อต้านการก่อการร้ายระดับโลก ซึ่งเป็นที่รู้จักจากความสำเร็จในการช่วยชีวิตผู้คนในภูมิภาคของเราจากหายนะของ ISIS และกลุ่มก่อการร้ายที่โหดร้ายอื่น ๆ ปัจจุบัน โลกกำลังประสบกับผลร้ายจากการเลือกนั้น

สหรัฐฯ และพันธมิตรตะวันตก ไม่เพียงแต่พลาดโอกาสทางประวัติศาสตร์ในการลดและจัดการความตึงเครียดในภูมิภาคและโลกเท่านั้น แต่ยังบ่อนทำลายสนธิสัญญาไม่แพร่ขยายอาวุธ (NPT) อย่างจริงจังด้วยการแสดงให้เห็นว่าต้นทุนของการยึดมั่นในหลักการของการไม่แพร่ขยายอาวุธ - ระบอบการแพร่กระจายอาจมีมากกว่าผลประโยชน์ที่จะได้รับ แท้จริงแล้ว สหรัฐฯ และพันธมิตรตะวันตกได้ใช้ระบอบการปกครองที่ไม่แพร่ขยายอาวุธในทางที่ผิดเพื่อสร้างวิกฤตเกี่ยวกับโครงการนิวเคลียร์เพื่อสันติของอิหร่าน ซึ่งขัดแย้งกับการประเมินข่าวกรองของพวกเขาเองอย่างเปิดเผย และใช้ข้อมูลดังกล่าวเพื่อรักษาแรงกดดันที่ยั่งยืนต่อประชาชนของเรา ในขณะที่พวกเขามีส่วนร่วมอย่างแข็งขันและ ยังคงสนับสนุนอาวุธนิวเคลียร์ของอิสราเอล ระบอบการแบ่งแยกเชื้อชาติ ผู้รุกรานและสมาชิกที่ไม่ใช่ NPT และเป็นที่รู้กันว่าเป็นผู้ครอบครองอาวุธนิวเคลียร์อย่างผิดกฎหมาย

ข้าพเจ้าขอเน้นย้ำว่าหลักการด้านกลาโหมของอิหร่านนั้นจะไม่รวมถึงอาวุธนิวเคลียร์ และเรียกร้องให้สหรัฐฯ เรียนรู้จากการคำนวณที่ผิดพลาดในอดีต และปรับนโยบายของตนให้เหมาะสม ผู้มีอำนาจตัดสินใจในวอชิงตันจำเป็นต้องตระหนักว่านโยบายที่ประกอบด้วยประเทศในภูมิภาคที่แข่งขันกันเองนั้นไม่ประสบความสำเร็จและจะไม่ประสบความสำเร็จในอนาคต พวกเขาจำเป็นต้องทำใจกับความเป็นจริงนี้และหลีกเลี่ยงไม่ให้ความตึงเครียดในปัจจุบันรุนแรงขึ้น

ชาวอิหร่านมอบความไว้วางใจให้กับข้าพเจ้าในการดำเนินการมีส่วนร่วมอย่างสร้างสรรค์ในเวทีระหว่างประเทศ ขณะเดียวกันก็ยืนกรานในสิทธิของเรา ศักดิ์ศรีของเรา และบทบาทที่สมควรได้รับของเราในภูมิภาคและโลก ข้าพเจ้าขอเชิญชวนผู้ที่เต็มใจเข้าร่วมกับเราในความพยายามครั้งประวัติศาสตร์นี้

‘Secret Service’ ผู้พิทักษ์ประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา  ความอุ่นใจของ 'อดีตปธน.' ที่จะได้รับการอารักขาไปตลอดชีวิต

The United States Secret Service (USSS or Secret Service) เป็นหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายของรัฐบาลกลางภายใต้กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ (The Department of Homeland Security) ซึ่งมีภารกิจในการสอบสวนทางอาญาและปกป้องผู้นำของสหรัฐฯ และครอบครัว ตลอดจนประมุขแห่งรัฐหรือผู้นำรัฐบาลที่มาเยือนสหรัฐฯ 

ตั้งแต่ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2408 จนถึงปี พ.ศ. 2546 Secret Service เป็นหน่วยงานภายใต้กระทรวงการคลัง (The Department of the Treasury) สืบเนื่องจากหน่วยงานก่อตั้งเพื่อต่อสู้กับการปลอมแปลงเงินสหรัฐฯ ที่แพร่หลายในขณะนั้น (พ.ศ. 2408 หรือค.ศ. 1865)

The United States Secret Service จัดตั้งตามความเห็นชอบของรัฐสภาแห่งสหรัฐฯ เพื่อปฏิบัติภารกิจในด้านความมั่นคงแห่งชาติที่แตกต่างกันสองภารกิจ ได้แก่ 1. การปกป้องผู้นำของประเทศ และ 2. การปกป้องโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินที่สำคัญของสหรัฐอเมริกา 

ในระยะแรก ๆ มีหน้าที่สอบสวนกรณีเกี่ยวกับเงินปลอม หรืออาชญากรรมอื่น ๆ จากรายงานการหมุนเวียนของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ในสมัยนั้น ปรากฏว่า ปริมาณเงินที่หมุนเวียนหนึ่งในสามเป็นเงินปลอม 

ด้าย Abraham Lincoln ประธานาธิบดีในขณะนั้นได้จัดตั้งคณะกรรมาธิการขึ้นเพื่อศึกษาและให้คำแนะนำในการแก้ไขปัญหา The United States Secret Service จึงถูกก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2408 ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เพื่อปราบปรามเงินดอลลาร์ปลอม

โดย William P. Wood หัวหน้าหน่วยคนแรก ได้ทำการสาบานตนเข้ารับตำแหน่งต่อ Hugh McCulloch รัฐมนตรีกระทรวงการคลัง เข้ารับตำแหน่งในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ในฐานะ ‘Secret Service Division’ ของกระทรวงการคลัง โดยมีภารกิจหลักในการปราบปรามการปลอมแปลงเงินดอลลาร์ปลอม

แต่ต่อมาหลังจากที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ถูกลอบสังหารขณะอยู่ในตำแหน่งไปแล้ว 3 คน คือ  Abraham Lincoln (14 เมษายน พ.ศ. 2408 หรือค.ศ. 1865) , James A. Garfield (2 กรกฎาคม พ.ศ. 2424 หรือค.ศ. 1881) และ William McKinley (6 กันยายน พ.ศ. 2444 หรือค.ศ. 1901) และคนที่ 4 คือ John F. Kennedy (22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2506 หรือค.ศ. 1963)
หลังจากการลอบสังหารประธานาธิบดี William McKinley ในปี พ.ศ. 2444 รัฐสภาแห่งสหรัฐฯ จึงได้มอบภารกิจในการปกป้องประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา ให้กับ The United States Secret Service รับผิดชอบจนทุกวันนี้

ปัจจุบันภารกิจของ The United States Secret Service ประกอบด้วย… 

1. ภารกิจในการคุ้มกันอารักขา Secret Service ทำหน้าที่ดูแลความปลอดภัยให้กับประธานาธิบดี รองประธานาธิบดี ของสหรัฐอเมริกา ว่าที่ประธานาธิบดี ว่าที่รองประธานาธิบดี ที่ได้รับเลือกของสหรัฐอเมริกา ตลอดจนครอบครัวใกล้ชิดของพวกเขา อดีตประธานาธิบดี คู่สมรส และบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ซึ่งมีอายุต่ำกว่า 16 ปี ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีและรองประธานาธิบดีคนสำคัญและคู่สมรส และการเยี่ยมเยือนของประมุขแห่งรัฐและหัวหน้ารัฐบาลต่างประเทศ 

ตามธรรมเนียมแล้ว ยังให้การคุ้มครองแก่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ ตลอดจนบุคคลอื่น ๆ ตามคำสั่งของประธานาธิบดี (โดยปกติคือ หัวหน้าเสนาธิการประจำประธานาธิบดี และที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติ เป็นต้น) ตามกฎหมายของรัฐบาลกลาง ประธานาธิบดีและรองประธานาธิบดี ต้องไม่ปฏิเสธการคุ้มกันนี้  

นอกจากนี้ Secret Service ยังต้องดูแลรักษาความปลอดภัยทางกายภาพสำหรับทำเนียบขาว อาคารกระทรวงการคลังที่อยู่ใกล้เคียง บ้านพักรองประธานาธิบดี บ้านพักส่วนตัวหลักของประธานาธิบดีและรองประธานาธิบดี และอดีตประธานาธิบดี รวมถึงเจ้าหน้าที่การทูตต่างประเทศทั้งหมดในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. 

ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีภารกิจสนับสนุนการคุ้มกันอารักขา อาทิ การปฏิบัติการเพื่อประสานงานกำลังคนและการขนส่งกับการบังคับใช้กฎหมายของรัฐและท้องถิ่น ความก้าวหน้าในการป้องกันเพื่อดำเนินการประเมินสถานที่สำหรับผู้ได้รับการคุ้มกันอารักขา Secret Service เป็นหน่วยงานหลักที่รับผิดชอบการวางแผน การประสานงาน และการดำเนินการด้านความปลอดภัยสำหรับกิจกรรมที่กำหนดให้เป็นเหตุการณ์ความมั่นคงพิเศษแห่งชาติ (NSSE) ตามภารกิจของหน่วยในการป้องกันเหตุการณ์ก่อนที่จะเกิดขึ้น หน่วยงานอาศัยการทำงานล่วงหน้าอย่างพิถีพิถันและการประเมินภัยคุกคามที่พัฒนาโดยแผนกข่าวกรอง เพื่อระบุความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นกับผู้ซึ่งได้รับการคุ้มกันอารักขา

2. ภารกิจสืบสวนสอบสวน Secret Service ยังมีภารกิจในการปกป้องระบบการชำระเงินและการเงินของสหรัฐอเมริกาจากอาชญากรรมทางการเงินและทางไซเบอร์ที่หลากหลาย การตรวจสอบทางการเงินรวมถึงการปลอมแปลงสกุลเงินของสหรัฐฯ การฉ้อโกงธนาคารและสถาบันการเงิน การฉ้อโกงทางไปรษณีย์ การฉ้อโกงทางโทรศัพท์ การดำเนินการด้านการเงินที่ผิดกฎหมาย และการสมคบคิดที่สำคัญเกี่ยวกับการเงิน การสืบสวนทางไซเบอร์รวมถึงอาชญากรรมทางอินเทอร์เน็ต การบุกรุกเครือข่าย การโจรกรรมข้อมูลประจำตัว การฉ้อโกงอุปกรณ์การเข้าถึง การฉ้อโกงบัตรเครดิต และอาชญากรรมด้านทรัพย์สินทางปัญญา 

Secret Service เป็นสมาชิกของกองกำลังเฉพาะกิจก่อการร้ายร่วมของ FBI (JTTF) ซึ่งสืบสวนและต่อสู้กับการก่อการร้ายทั้งในระดับชาติและระดับนานาชาติ นอกจากนี้ Secret Service ยังสืบสวนหาเด็กที่หายตัวไปและถูกทารุณ โดยเป็นส่วนหนึ่งของ National Center for Missing & Exploited Children (NCMEC)

ความรับผิดชอบเบื้องต้นตามภารกิจสืบสวนของ Secret Service คือ การสืบสวนการปลอมแปลงสกุลเงินของสหรัฐฯ ซึ่งเกิดขึ้นบ่อยครั้งภายหลังสงครามกลางเมืองอเมริกา หน่วยงานดังกล่าวต่อมาจึงกลายเป็นหน่วยข่าวกรองในประเทศแห่งแรกของสหรัฐอเมริกา 

ภารกิจเดิมของหน่วยงานหลายอย่างถูกถ่ายโอนไปยังหน่วยงานที่จัดตั้งในภายหลังต่อมา เช่น สำนักงานสืบสวนกลางแห่งสหรัฐอเมริกา (FBI), สำนักงานข่าวกรองกลาง (CIA), สำนักงานปราบปรามยาเสพติด (DEA), สำนักงาน แอลกอฮอล์, ยาสูบ, อาวุธปืน และวัตถุระเบิด (ATF) และหน่วยสืบสวนคดีอาญาของกรมสรรพากร (IRS-CI)

3. ภารกิจอื่น ๆ Secret Service รวมความรับผิดชอบทั้งสองเป็นสองวัตถุประสงค์ที่ไม่ซ้ำกันภารกิจหลักสองประการในการปกป้องและการสืบสวนประสานกับภารกิจอื่น โดยให้ประโยชน์ที่สำคัญแก่เจ้าหน้าที่พิเศษในระหว่างการทำงาน ทักษะที่พัฒนาขึ้นในระหว่างการสืบสวนซึ่งยังใช้ในหน้าที่ปกป้องเจ้าหน้าที่พิเศษแต่ไม่จำกัดเพียงแต่…

- ความร่วมมือที่เกิดขึ้นระหว่างสำนักงานภาคสนามและหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายในแต่ละท้องถิ่นระหว่างการสืบสวนสอบสวน ใช้เพื่อรวบรวมข้อมูลสำหรับภารกิจการคุ้มกันอารักขาและประสานงานเพื่อการคุ้มกันอารักขา

- ทักษะในการปฏิบัติการทางยุทธวิธี (เช่น การสอดส่อง การจับกุม และตรวจค้น) และทักษะการเขียนของเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมาย (เช่น คำให้การเป็นลายลักษณ์อักษร หลังรายงานการดำเนินการ และแผนปฏิบัติการ) ถูกนำไปใช้กับทั้งหน้าที่ในการสืบสวนสอบสวนและภารกิจการคุ้มกันอารักขา

- ความชำนาญในการวิเคราะห์เทคนิคการเขียนด้วยลายมือ หรือลายเซ็น และการปลอมแปลง จดหมายที่เขียนด้วยลายมือ และภัยคุกคามจากบรรจุภัณฑ์ที่ต้องสงสัย เพื่อใช้ในการตรวจสอบสำหรับภารกิจการคุ้มกันอารักขา

- ความเชี่ยวชาญในการสืบสวนอาชญากรรมทางอิเล็กทรอนิกส์และการเงิน ถูกนำมาใช้ในการสืบสวนสำหรับภารกิจการคุ้มกันอารักขา และภัยคุกคามทางอินเทอร์เน็ตที่เกิดขึ้นกับผู้นำของประเทศ

โดยงานในตำแหน่งเจ้าหน้าที่พิเศษของ Secret Service มีการแข่งขันที่สูงมาก ๆ ในปี พ.ศ. 2554 มีผู้สมัครในตำแหน่งเจ้าหน้าที่พิเศษ ผ่านการคัดเลือกของ Secret Service น้อยกว่า 1% จากจำนวนผู้สมัคร 15,600 คน 

ผู้สมัครเป็นเจ้าหน้าที่พิเศษของ Secret Service จะต้องเป็นพลเมืองของสหรัฐอเมริกา มีใบขับขี่ มีสุขภาพและสภาพร่างกายที่ดีเยี่ยม สายตาผิดปกติไม่เกิน 20/100 และจะต้องมีระหว่างอายุ 21-37 ในขณะนั้น เว้นแต่ทหารผ่านศึกที่มีสิทธิ์ยื่นสมัครเมื่ออายุเกิน 37 ปี ผู้สมัครจะต้องมีคุณสมบัติที่ได้รับการตรวจสอบ TS/SCI (ข้อมูลที่มีความลับสุดยอด / ข้อมูลที่ละเอียดอ่อน) และได้รับการตรวจสอบประวัติอย่างละเอียด รวมกับการสัมภาษณ์เชิงลึก การคัดกรองสารเสพติด และการวินิจฉัยทางการแพทย์

ผู้ที่ผ่านเข้าการคัดเลือกจะต้องเข้ารับการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่พิเศษของ Secret Service สองหลักสูตร รวมประมาณ 31 สัปดาห์ 
หลักสูตรแรก โครงการฝึกอบรมผู้สืบสวนคดีอาญา (CITP) ดำเนินการที่ศูนย์ฝึกอบรมการบังคับใช้กฎหมายของรัฐบาลกลางสหรัฐ (FLETC) ของกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ ซึ่งใช้เวลาประมาณ 13 สัปดาห์ 

หลักสูตรที่สอง หลักสูตรการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่พิเศษ (SATC) ดำเนินการที่สถาบัน The United States Secret Service ศูนย์ฝึกอบรม James J. Rowley (JJRTC) นอกกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ในเมืองลอเรล มลรัฐแมรี่แลนด์ ใช้เวลาประมาณ 18 สัปดาห์

เส้นทางอาชีพเจ้าหน้าที่พิเศษของ Secret Service ขึ้นอยู่กับผลงานและการเลื่อนตำแหน่งที่จะส่งผลต่อการมอบหมายงานในแต่ละภารกิจ เริ่มต้นด้วยหกถึงแปดปีแรกจะได้รับมอบหมายให้ประจำสำนักงานภาคสนาม ซึ่งจะได้รับคำแนะนำให้ระบุตำแหน่งและพื้นที่ของสำนักงานที่ต้องการในระหว่างขั้นตอนการสมัคร และเมื่อได้รับข้อเสนองานในขั้นสุดท้ายแล้ว มักจะมีสำนักงานหลายแห่งให้เลือก หลังจากมีประสบการณ์ในสำนักงานภาคสนามแล้ว เจ้าหน้าที่พิเศษมักจะถูกย้ายไปยังงานเฉพาะที่ได้รับมอบหมายให้ดูแลเป็นเวลาสามถึงห้าปี 

หลังจากที่ได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติงานด้านการคุ้มกันอารักขา เจ้าหน้าที่พิเศษหลายคนก็กลับไปประจำที่สำนักงานภาคสนามตลอดเวลาอายุที่เหลือจนเกษียณ หรือเลือกรับมอบหมายงานจากสำนักงานใหญ่ที่ตั้งอยู่ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. 

ในระหว่างการทำงาน เจ้าหน้าที่ยังมีโอกาสได้ทำงานตามสาขาของหน่วยงานในต่างประเทศอีกด้วย โดยปกติแล้วจะต้องมีการฝึกอบรมภาษาต่างประเทศเพื่อให้แน่ใจว่ามีความสามารถทางภาษาเมื่อทำงานร่วมกับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายในต่างประเทศ

เจ้าหน้าที่พิเศษของ Secret Service ได้รับเงินจัดสรรสำหรับการบังคับใช้กฎหมาย (Law Enforcement Availability Pay : LEAP) ซึ่งเป็นค่าล่วงเวลาแบบพิเศษซึ่งให้โบนัสเพิ่มเติม 25% แก่พวกเขานอกเหนือจากเงินเดือน 

เนื่องจากเจ้าหน้าที่พิเศษของ Secret Service ต้องทำงานโดยเฉลี่ย 50 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ เมื่อเทียบกับปกติทั่วไป 40 ชั่วโมง เงินเดือนรายปีจะอยู่ที่ $73,666 จนถึง $176,300 เนื่องจากลักษณะงานและลักษณะเฉพาะของหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายของรัฐบาลกลาง (เช่น FBI, DEA, ATF, ICE) เจ้าหน้าที่พิเศษของ Secret Service จึงมีสิทธิ์ได้รับค่าล่วงเวลาตามกำหนด (นอกเหนือจาก LEAP) เป็นประจำ และได้รับค่าจ้างสูงสุดตามกฎหมาย $203,700 ต่อปี 

ตลอดระยะเวลากว่าศตวรรษที่ Secret Service รับภารกิจคุ้มกันอารักขา มีเจ้าหน้าที่เพียงคนเดียวที่เสียชีวิตระหว่างปฏิบัติภารกิจคุ้มกันอารักขาประธานาธิบดี คือ Leslie W. Coffelt ซึ่งปฏิบัติภารกิจคุ้มกันอารักขา ประธานาธิบดี Harry S. Truman 

ในวันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2493 หรือค.ศ.1950 เกิดเหตุชาย 2 คนพยายามบุกเข้าไปทำร้ายประธานาธิบดี Truman แต่ Leslie มาเจอก่อนจึงเกิดการยิงต่อสู้กันขึ้น กระสุนจากผู้ร้ายพุ่งทะลุร่างของ Leslie ถึง 3 นัด แต่ Leslie ก็ยังกัดฟันยิงตอบโต้ โดนคนร้ายเสียชีวิตไป 1 ศพ ส่วนอีกรายบาดเจ็บ และถูกจับ แต่โชคร้ายที่ Leslie ไม่รอด จนถึงปัจจุบันเขาเป็นจึงเจ้าหน้าที่ Secret Service รายแรกและรายเดียวที่เสียชีวิตในขณะปฏิบัติหน้าที่

เจ้าหน้าที่ Secret Service อีกรายที่ถือว่า รอดอย่างฉิวเฉียด คือ เจ้าหน้าที่พิเศษ Tim McCarthy ผู้ได้ชื่อว่าเป็น วีรบุรุษของสหรัฐอเมริกา และถูกจดจำในฐานะคนที่รับกระสุนแทนประธานาธิบดี Ronald Reagan ในวันที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2524 หรือค.ศ.1981 ขณะนั้นประธานาธิบดี Reagan เพิ่งจะรับตำแหน่งผู้นำประเทศได้เพียง 2 เดือน ถูก John Hinckley Jr. หนุ่มสติไม่สมประกอบบุกยิงด้วยปืนพกขนาด .22 ไป 6 นัด ระหว่างชุลมุนนั้น เจ้าหน้าที่พิเศษ Tim ได้กระโดดเข้าไปเพื่อบังกระสุนให้ประธานาธิบดี ซึ่งตอนนั้นถูกกระสุนเข้าไปแล้ว 1 นัด ทำให้เจ้าหน้าที่พิเศษ Tim ถูกกระสุนอีก 1 นัด เข้าที่อกขวา แต่โชคดีที่ทั้งประธานาธิบดีและเจ้าหน้าที่พิเศษ Tim แม้จะได้รับบาดเจ็บ แต่ก็ปลอดภัยในเวลาต่อมา

เจ้าหน้าที่ Secret Service อีกนายหนึ่งที่ชาวอเมริกันรู้จักกันดี คือ เจ้าหน้าที่พิเศษ Clinton J. Hill ผู้ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์สังหารประธานาธิบดีที่โด่งดังที่สุดในโลก John F. Kennedy ปัจจุบันยังมีชีวิตอยู่ในวัย 90 ปี ในวันที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2506 หรือค.ศ.1963 เมื่อกระสุนซึ่งในขณะนั้นยังไม่รู้ว่ามาจากทิศทางไหน พุ่งเข้าใส่ร่างประธานาธิบดี Kennedy เจ้าหน้าที่พิเศษ Hill รีบปีนขึ้นไปบนรถของประธานาธิบดี Kennedy เพื่ออารักขาผู้นำและภรรยาที่กำลังตื่นตระหนก แล้วคุ้มกันทั้งคู่ไปจนถึงโรงพยาบาล แต่ที่สุดแล้วก็ไม่สามารถรักษาชีวิตของประธานาธิบดี Kennedy ไว้ได้

เหรียญย่อมมีสองด้านเสมอ เมื่อมีเรื่องดีย่อมมีเรื่องไม่มี หน่วยงาน The United States Secret Service ก็หนีไม่พ้นเช่นกัน เรื่องอื้อฉาวล่าสุดของเจ้าหน้าที่พิเศษของ Secret Service มีการเผยแพร่เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2565 ว่า สมาชิก 2 นายของ Secret Service ของสหรัฐฯ ถูกส่งกลับบ้านก่อนการเดินทางเยือนภูมิภาคเอเชียของประธานาธิบดี Jo Biden ซึ่งพวกเขาควรจะปฏิบัติหน้าที่ในระหว่างการเยือนประเทศเกาหลีใต้ของประธานาธิบดี Biden แต่กลับต้องถูกส่งตัวกลับบ้านด้วยข้อกล่าวหาว่า ‘เมาแล้วอาละวาด’ ซึ่งไม่ใช่เรื่องอื้อฉาวครั้งแรก 

ในปี พ.ศ. 2555 หนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์รายงานว่า สมาชิกของ Secret Service ของสหรัฐฯ ถูกส่งกลับบ้านจากการเดินทางไปเยือนประเทศโคลอมเบียของประธานาธิบดี Barack Obama เนื่องจากประพฤติตัวไม่เหมาะสม ดื่มสุราจนมึนเมาแล้วอาละวาด รวมถึงการใช้บริการโสเภณี 

ในปี พ.ศ. 2557 สมาชิก 3 นายของ Secret Service ของสหรัฐฯ ถูกส่งกลับจากเนเธอร์แลนด์ หลังจากพบว่า หนึ่งในนั้นเมาจนหมดสติในกรุงอัมสเตอร์ดัม

ปัจจุบัน The United States Secret Service มีเจ้าหน้าที่ราว 7,000 นาย ปฏิบัติภารกิจด้านการคุ้มกันอารักขาอยู่ราว ๆ 3,000 นาย เจ้าหน้าที่พิเศษของ Secret Service ได้รับการจัดหาอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ดีและทันสมัยที่สุดสำหรับใช้งาน

งบประมาณของ The United States Secret Service อยู่ที่มากกว่า ๒.๒๓ พันล้านดอลลาร์ต่อปี (ราว 76,220 ล้านบาท) แต่นั่นก็ไม่ได้เป็นสิ่งที่รับประกันได้ว่า ชีวิตของประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกาจะปลอดภัยไร้กังวล เพราะอะไรก็ย่อมเกิดขึ้นได้เสมอบนโลกที่สุดแสนร้อนระอุใบนี้

***หมายเหตุ : หน่วยอารักขาส่วนตัวตลอดชีพ

แรกเริ่มเดิมทีหน่วยรักษาความปลอดภัยแก่อดีตประธานาธิบดี หรือ Secret Service จะมีระยะเวลาแค่ 10 ปี ทว่าในปี 2013 ประธานาธิบดีโอบาม่าแก้กฎหมายส่วนนี้ใหม่เป็นได้รับสวัสดิการหน่วยอารักขาส่วนตัวตลอดชีพ หน่วย Secret Service จะทำหน้าที่ครอบคลุมหลายอย่าง อาทิ สอดส่องความเรียบร้อย ดูแลความปลอดภัย ไปจนถึงเปิด-ปิด ประตูรถ หรือขับรถให้อดีตประธานาธิบดี

นอกจากนี้ หน่วยรักษาความปลอดภัยจำเป็นต้องขับรถให้อดีตผู้นำ เนื่องจากกฎหมายด้านความปลอดภัยระบุไว้ชัดเจนว่า ประธานาธิบดีและอดีตประธานาธิบดีไม่สามารถขับรถบนท้องถนนได้ แต่ถึงอย่างนั้นกฎหมายยังพอเปิดช่องว่างให้กับอดีตผู้นำที่ชื่นชอบการขับขี่ สำนักข่าวต่างประเทศเคยตีข่าวว่าอดีตประธานาธิบดีคนที่ 40 โรนัลด์ เรแกน และ อดีตประธานาธิบดีคนที่ 43 จอร์จ ดับเบิลยู บุช (George W. Bush) ใช้เวลาหลังเกษียณขับรถเล่นอยู่ในพื้นที่ส่วนตัวของตัวเองอยู่บ่อย ๆ

‘อุดรธานี’ (ว่าที่) เมืองแห่งสองมรดกโลก หลัง ‘ภูพระบาท’ มีลุ้น!! ปลายกรกฎาคมนี้

แหล่งมรดกโลกเป็นสถานที่สำคัญและพื้นที่ที่ได้รับการคุ้มครองทางกฎหมายโดยอนุสัญญาระหว่างประเทศที่บริหารงานโดยองค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO) ว่ามีความสำคัญทางวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ หรือวิทยาศาสตร์ สถานที่เหล่านี้ได้รับการตัดสินว่ามี ‘มรดกทางวัฒนธรรมและธรรมชาติทั่วโลกที่ถือว่ามีคุณค่าโดดเด่นต่อมนุษยชาติ’ โดย UNESCO จะเป็นผู้พิจารณาในการกำหนดแหล่งมรดกโลก (World Heritage Sites) ที่มีคุณค่าสากลอันโดดเด่นใน 2 ด้าน คือ (1) มรดกทางวัฒนธรรม และ (2) มรดกทางธรรมชาติ ซึ่งแหล่งมรดกโลกดังกล่าวเหล่านั้นได้รับการเสนอชื่อโดยประเทศผู้ลงนามในอนุสัญญามรดกโลกของยูเนสโก ปี 1975 (พ.ศ. 2518)

โดย ‘มรดกทางวัฒนธรรม’ ประกอบด้วยอนุสรณ์สถาน เช่น งานสถาปัตยกรรม ประติมากรรมขนาดใหญ่ หรือจารึก กลุ่มอาคาร และสถานที่ รวมถึงแหล่งโบราณคดี ส่วน ‘มรดกทางธรรมชาติ’ ประกอบด้วยการก่อตัวทางกายภาพและชีวภาพ การก่อตัวทางธรณีวิทยาและทางกายภาพ ซึ่งรวมถึงแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์และพืชที่ถูกคุกคาม และแหล่งธรรมชาติ ซึ่งมีความสำคัญจากมุมมองของวิทยาศาสตร์ การอนุรักษ์ หรือความงามตามธรรมชาติ ให้คำจำกัดความว่าเป็นธรรมชาติ มรดก ประเทศไทยให้สัตยาบันอนุสัญญาดังกล่าวเมื่อวันที่ 17 กันยายน 1987 (พ.ศ. 2530)

อย่างไรก็ตาม ในปี 2023 (พ.ศ. 2566) ประเทศไทยมีแหล่งมรดกโลกอยู่ในรายการบัญชีทะเบียนแหล่งมรดกโลกอยู่ของ UNESCO อยู่ 7 แห่ง เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม 4 แห่ง และอีก 3 แห่งเป็นแหล่งมรดกโลกทางธรรมชาติ โดยแหล่งมรดกโลกของไทย 3 แห่งแรก ถูกประกาศในปี 1991  (พ.ศ. 2534) ได้แก่ เมืองประวัติศาสตร์สุโขทัย และเมืองประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวข้อง เมืองประวัติศาสตร์อยุธยา และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ ป่าทุ่งใหญ่-ห้วยขาแข้ง ปี 1992 (พ.ศ. 2535) ต่อมา แหล่งโบราณคดีบ้านเชียง ปี 2005 (พ.ศ. 2548) กลุ่มป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่ ปี 2021 (พ.ศ. 2564) กลุ่มป่าแก่งกระจาน และแหล่งมรดกโลกของไทยที่ได้การประกาศขึ้นทะเบียนล่าสุดคือ เมืองโบราณศรีเทพเมืองโบราณศรีเทพและโบราณสถานสมัยทวารวดีที่เกี่ยวข้องในปี 2023  (พ.ศ. 2566)

ทั้งนี้ ที่ตั้งแหล่งมรดกโลกในประเทศไทยตามรูปประกอบ ‘จุดสีทอง’ บ่งบอกถึงแหล่งมรดกโลกทางวัฒนธรรม และ ‘จุดสีเขียว’ เป็นแหล่งมรดกโลกทางธรรมชาติ หมายเลข 1-5 ที่ตั้งเขตป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่ : 1. เขาใหญ่, 2. ทับลาน, 3. ปางสีดา, 4. ตาพระยา, 5. ดงใหญ่ และหมายเลข 6-9 แสดงถึงที่ตั้งของป่าแก่งกระจาน 6. เฉลิมพระเกียรติไทยประจัน, 7. แม่น้ำภาชี, 8. แก่งกระจาน และ  9. กุยบุรี

 

นอกเหนือจากแหล่งที่ถูกประกาศขึ้นทะเบียนไว้ในรายการแหล่งมรดกโลกแล้ว ประเทศสมาชิกยังสามารถเสนอรายชื่อสถานที่เบื้องต้น (Tentative list) ที่อาจพิจารณาเสนอชื่อเป็นแหล่งมรดกโลกได้ การเสนอชื่อเข้าชิงรายชื่อมรดกโลกจะได้รับการยอมรับก็ต่อเมื่อสถานที่นั้นเคยอยู่ในรายการเบื้องต้นเท่านั้น ณ ปี 2024  (พ.ศ. 2567) ไทยยังมีสถานที่อีก 7 แห่งอยู่ในรายการเบื้องต้นของแหล่งมรดกโลกได้แก่ (1) อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท (2) วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร นครศรีธรรมราช (3) อนุสรณ์สถานแหล่งต่าง ๆ และภูมิทัศน์วัฒนธรรมของเชียงใหม่ นครหลวงล้านนา (4) พระธาตุพนม และสิ่งก่อสร้างทางประวัติศาสตร์และภูมิทัศน์ที่เกี่ยวข้อง (5) กลุ่มเทวสถานปราสาทพนมรุ้ง ปราสาทเมืองต่ำ และปราสาทปลายบัด (6) แหล่งอนุรักษ์ทะเลอันดามัน และ (7) สงขลาและชุมชนที่เกี่ยวเนื่องริมทะเลสาบสงขลา

หากนอกเหนือจากที่กล่าวไปแล้ว ถ้าพูดถึง ‘จังหวัดอุดรธานี’ แหล่งมรดกโลกแห่งแรกคือ ‘แหล่งโบราณคดีบ้านเชียง’ เป็นแหล่งมรดกโลกทางวัฒนธรรมตั้งอยู่ที่ตำบลบ้านเชียง (ในเขตเทศบาลตำบลบ้านเชียง) อำเภอหนองหาน จังหวัดอุดรธานี เป็นแหล่งประวัติศาสตร์ที่ทำให้รับรู้ถึงการดำรงชีวิตในสมัยก่อนประวัติศาสตร์ย้อนหลังไปกว่า 5,000 ปี แหล่งโบราณคดีบ้านเชียงได้รับการประกาศขึ้นทะเบียนให้เป็นแหล่งมรดกโลกเมื่อปี 1992 (พ.ศ. 2535) ในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญครั้งที่ 16 ที่เมืองแซนตาเฟ มลรัฐนิวเม็กซิโก สหรัฐอเมริกา โดยผ่านข้อกำหนดและหลักเกณฑ์ในการพิจารณาให้เป็นแหล่งมรดกโลกว่า “เป็นสิ่งที่ยืนยันถึงหลักฐานของวัฒนธรรมหรืออารยธรรมที่ปรากฏให้เห็นอยู่ในปัจจุบันหรือว่าที่สาบสูญไปแล้ว”

นอกจากนี้ ‘จังหวัดอุดรธานี’ ยังมี ‘อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท’ เป็นอุทยานประวัติศาสตร์แห่งหนึ่งของประเทศไทยภายใต้การดูแลของกรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม ตั้งอยู่บริเวณเชิงเขาภูพาน ครอบคลุมพื้นที่ 3,430 ไร่ ในเขตป่าสงวนแห่งชาติที่มีชื่อว่า ‘ป่าเขือน้ำ’ บ้านติ้ว ตำบลเมืองพาน อำเภอบ้านผือ จังหวัดอุดรธานี อยู่ห่างจากตัวจังหวัดระยะทางประมาณ 67 กม.

โดยอุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาทแห่งนี้ ปรากฏร่องรอยของกิจกรรมของมนุษย์มาตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ เมื่อราว 2,000 - 3,000 ปีมาแล้ว มีการพบภาพเขียนสีมากกว่า 30 แห่ง ยังพบการดัดแปลงโขดหินและเพิงผาธรรมชาติให้กลายเป็นศาสนสถานของผู้คนในวัฒนธรรมทวารวดี ลพบุรี สืบต่อกันมาจนถึงวัฒนธรรมล้านช้างตามลำดับ ซึ่งร่องรอยหลักฐานทางโบราณคดีเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงพัฒนาการทางสังคมของมนุษย์ได้เป็นอย่างดี โดยพื้นที่ภูพระบาทนับเป็นแหล่งสีมาที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ในการทำหน้าที่เป็นพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ในการประกอบพิธีกรรมทางพุทธศาสนา และแสดงให้เห็นถึงการใช้ประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงของสภาพทางธรณีวิทยาตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์เป็นต้นมา ในฐานะของการเป็นพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์และพื้นที่ประกอบพิธีกรรม

ในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญครั้งที่ 44 ปี 2024 (พ.ศ. 2567) ซึ่งจะจัดขึ้น ณ กรุงนิวเดลี อินเดีย ระหว่างวันที่ 21 - 30 กรกฎาคมที่จะถึงนี้ ‘อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท’ ได้รับการบรรจุเป็นวาระในการพิจารณาเพื่อขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลกในครั้งนี้ด้วย ซึ่งผู้เชี่ยวชาญหลายท่านเชื่อว่า ‘อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท’ มีความเป็นไปได้สูงที่จะได้รับการประกาศขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลก โดยเมื่อ 1 เมษายน 2003 (พ.ศ. 2547) UNESCO ได้ขึ้น ‘อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท’ เป็นสถานที่ที่ได้รับขึ้นบัญชีรายชื่อเบื้องต้นเพื่อพิจารณาขึ้นเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมไว้แล้ว

แต่กระนั้น ปี 2016 (พ.ศ. 2559) สภานานาชาติว่าด้วยการดูแลอนุสรณ์สถานและแหล่งโบราณคดี (ICOMOS) ได้แจ้งให้ทางการไทยทราบเกี่ยวกับการเสนอ ‘อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท’ ขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลกของทางการไทย โดยมีข้อเสนอแนะให้ดำเนินการศึกษาในเชิงลึกเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของวัฒนธรรมของเสมาหินกับพุทธศาสนา เพื่อนำไปสู่ศักยภาพที่โดดเด่นของอุทยานฯ รวมทั้งหากเป็นไปได้ เสนอให้พิจารณาเกณฑ์และขอบเขตการขึ้นทะเบียนอุทยานฯ ตามที่ทางการไทยเสนอ โดยมีข้อมติเสนอให้ขึ้นทะเบียนอุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาทเป็นแหล่งมรดกโลก ประเภทภูมิทัศน์วัฒนธรรม และเสนอให้เปลี่ยนชื่อแหล่งเป็น ‘Phu Phrabat, a testimony to the Sima stone tradition of the Dvaravati period’ หรือ ‘ภูพระบาท ประจักษ์พยานแห่งวัฒนธรรมสีมาสมัยทวารวดี’ รวมทั้งขอให้ดำเนินการในเรื่องต่าง ๆ ภายหลังจากการขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลกด้วยคุณค่าความโดดเด่นของการที่แสดงให้เห็นถึงวัฒนธรรมสีมาในสมัยทวารวดี

ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดีและภาคภูมิใจที่ราชอาณาจักรไทยของเราจะได้มีแหล่งมรดกโลกทางวัฒนธรรมขึ้นมาอีกแห่งหนึ่ง ซึ่งแสดงถึงความเก่าแก่และมีอยู่ของอารยธรรมของมนุษยชาติที่เกิดในอนุภูมิภาคนี้ ขอแสดงความยินดีกับพี่น้องประชาชนชาวอุดรธานีที่จะมีเรื่องที่ดีงามและน่าภาคภูมิใจเกิดขึ้นในจังหวัดนี้เป็นครั้งที่ 2 หลังจาก ‘แหล่งโบราณคดีบ้านเชียง’ ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลกทางวัฒนธรรมไปแล้วเมื่อ 35 ปีก่อน และขอเรียนฝากถึงพี่น้องประชาชนชาวอุดรธานีและคนไทยทุกคนว่า “การเป็น ‘แหล่งมรดกโลก’ นั้น แม้จะเป็นความยากลำบากและต้องทุ่มเททรัพยากรอย่างมากมายแล้ว แต่ภารกิจที่ยากยิ่งกว่าและต้องเผชิญต่อไปไม่สิ้นสุดคือ การรักษาไว้ซึ่งความเป็น ‘แหล่งมรดกโลก’ ให้ดำรงคงอยู่ได้อย่างยั่งยืนตลอดไป” 

‘Masoud Pezeshkian’ คว้าชัยชนะในการเลือกตั้งอิหร่าน ก้าวสู่ตำแหน่ง ‘ประธานาธิบดี’ แห่งสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่าน

หลังจากอสัญกรรมของประธานาธิบดี Ebrahim Raisi ในเหตุการณ์เฮลิคอปเตอร์ตกเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคมที่ผ่านมา ทางการอิหร่านจึงจัดให้มีการเลือกตั้ง โดยผู้สมัครสี่คนลงแข่งขันในรอบแรกของการเลือกตั้ง ซึ่ง ‘Masoud Pezeshkian’ ได้คะแนนมาเป็นอันดับหนึ่งด้วยคะแนนเสียง 44%, Saeed Jalili มาเป็นอันดับสองด้วยคะแนนเสียง 40%, Mohammad Bagher Ghalibaf ได้คะแนนเสียง 14% และ Mostafa Pourmohammadi ได้คะแนนเสียงน้อยกว่า 1% 

Pezeshkian เป็นผู้สมัครแนวปฏิรูปเพียงคนเดียว เนื่องจากไม่มีผู้สมัครคนใดได้รับคะแนนเสียงข้างมาก (เกิน 50%) ในรอบแรก จึงต้องมีการลงคะแนนเสียงเลือกตั้งรอบสองระหว่าง Jalili และ Pezeshkian ในวันที่ 5 กรกฎาคม ซึ่ง Masoud Pezeshkian ได้รับชัยชนะด้วยคะแนนเสียง 54.76% วันที่ 6 กรกฎาคม 2024 กระทรวงมหาดไทยอิหร่านประกาศว่า Pezeshkian เป็นผู้ชนะการเลือกตั้ง โดย Jalili ได้ประกาศยอมรับความพ่ายแพ้ในเวลาต่อมาไม่นาน

ด้วยจำนวนผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง 39.93% ในการเลือกตั้งรอบแรกถือเป็นการเลือกตั้งประธานาธิบดีที่มีผู้เข้าร่วมน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ของสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่าน โดยจำนวนผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งเพิ่มขึ้นเป็น 49.68% ในการเลือกตั้งในรอบที่สอง

Masoud Pezeshkian ว่าที่ประธานาธิบดีสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่าน เกิดเมื่อวันที่ 29 กันยายน 1954 เป็นศัลยแพทย์หัวใจและนักการเมืองสายปฏิรูป โดยก่อนหน้านี้ Pezeshkian เป็นผู้แทนของเขตเลือกตั้ง Tabriz, Osku และ Azarshahr ในรัฐสภาของอิหร่าน และยังดำรงตำแหน่งรองประธานสภานคนที่ 1 ตั้งแต่ปี 2016 ถึง 2020 เขาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขและการศึกษาการแพทย์ระหว่างปี 2001 ถึง 2005 ในรัฐบาลของ Mohammad Khatami

Pezeshkian ได้รับเลือกเป็นผู้ว่าการเขต Piranshahr และ Naghadeh ในจังหวัดอาเซอร์ไบจานตะวันตกในช่วงทศวรรษ 1980 เขาลงสมัครรับเลือกตั้งประธานาธิบดีในปี 2013 แต่ถอนตัว เขาลงสมัครอีกครั้งในการเลือกตั้งในปี 2021 แต่ถูกปฏิเสธ สำหรับการเลือกตั้งปี 2024 ชื่อของ Pezeshkian ได้รับการอนุมัติ และในวันที่ 5 กรกฎาคม เขาชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีปี 2024 ด้วยคะแนนเสียงนิยม 54.76% กลายเป็นบุคคลที่มีอายุมากที่สุดที่ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของอิหร่านในวัย 69 ปี

Pezeshkian เป็นผู้สนับสนุนกองกำลังพิทักษ์ปฏิวัติอิสลาม (IRGC) และได้เรียกกองกำลังปัจจุบันว่า ‘แตกต่างจากอดีต’ Pezeshkian ได้วิพากษ์วิจารณ์ระบบของอิหร่านหลายครั้ง ระหว่างการประท้วงหลังการเลือกตั้งในปี 2009 ในสุนทรพจน์ที่วิพากษ์วิจารณ์วิธีการปฏิบัติต่อผู้ประท้วง เขากล่าวถึงคำพูดของอิหม่ามชีอะห์คนแรก [อาลี] ที่พูดกับมาลิก แอชตาร์ว่าไม่ควรปฏิบัติต่อผู้คน ‘เหมือนสัตว์ป่า’ เขาได้เน้นย้ำถึงสิทธิของกลุ่มชาติพันธุ์ เช่น ชาวอาเซอร์ไบจาน ชาวเคิร์ด และชาวบาลูจิ และระบุว่าสิทธิของกลุ่มชาติพันธุ์เหล่านี้ควรได้รับการคุ้มครอง

‘Pezeshkian’ สนับสนุนให้เริ่มการเจรจากับสหรัฐอเมริกาเกี่ยวกับโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านอีกครั้ง โดยให้คำมั่นว่าจะรื้อฟื้นข้อตกลงที่ทำกับสหรัฐอเมริกาและมหาอำนาจโลกอื่น ๆ ในปี 2015 เพื่อแลกกับการยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรระหว่างประเทศต่ออิหร่าน เขาสนับสนุนการสร้างความสัมพันธ์ฉันมิตรกับทุกประเทศ ยกเว้นอิสราเอล โดยระบุว่าอิหร่านจะยังคงสนับสนุน ‘แกนต่อต้าน’ ต่อต้านอิสราเอลต่อไป

ภรรยาของ Pezeshkian เป็นสูตินรีแพทย์ เธอเสียชีวิตพร้อมกับลูกชายคนเล็กในอุบัติเหตุทางรถยนต์ในปี 1993 เขาเลี้ยงดูลูกชาย 2 คนและลูกสาวอีกหนึ่งคนที่เหลือเพียงลำพังและไม่เคยแต่งงานใหม่


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top