Saturday, 18 May 2024
ไพศาลพืชมงคล

‘ไพศาล’ เตือนรัฐบาลอย่าเก่งแต่กู้เงินมาแจก หวั่นซ้ำรอยปี 2474 ต้องตัดเงินข้าราชการ พยุงเศรษฐกิจ

29 ก.ย.2564 - นายไพศาล พืชมงคล อดีตกรรมการผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กระบุว่า เมื่อรายได้แผ่นดินไม่เป็นไปตามเป้าหมาย ทุกส่วนราชการก็ต้องถูกตัดวงเงินค่าใช้จ่ายลง ทุกส่วนคงทราบกันแล้วใช่ไหมว่าเหลือเงินใช้ได้กี่เปอร์เซ็นต์ 

‘อดีตกุนซือบิ๊กป้อม’ ชี้ยิ่งโหมตี ‘อุ๊งอิ๊ง’ ยิ่งเกิดแนวร่วมมุมกลับ ดันกระแสเชียร์พุ่ง

‘ไพศาล’ ระบุยิ่งโหมตีอุ้งอิ๊ง ยิ่งเกิดพลังสะท้อนกลับ เกิดกระแสเชียร์เพิ่มความนิยมพรรคเพื่อไทย แนะจับตา ‘ภูมิใจไทย’ เลือกตั้งครั้งหน้าหมายมั่นได้ ส.ส. เป็นอันดับสอง

1 พ.ย. 64 - นายไพศาล พืชมงคล อดีตกรรมการผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ) โพสต์เฟซบุ๊กเรื่อง “พลังสะท้อนกลับ” ระบุว่า ยิ่งขบวนโหน โหมตีอุ๊งอิ๊งมากเท่าใด กลับยิ่งเกิดกระแสใหญ่เชียร์อุ๊งอิ๊งมากเท่านั้น!!! พรุ่งนี้จะชี้ข้อสังเกตที่ไม่มีใครสังเกตเรื่องอุ๊งอิ๊งสักหน่อย เพียงแค่ 3 วันหลังจากอุ๊งอิ๊งเปิดตัวก็ทำให้คะแนนนิยมพรรคเพื่อไทยพุ่งพรวดขึ้นเป็นอันดับหนึ่งตามมาด้วยพรรคก้าวไกล ยิ่งตีหนักเข้าไปอีกก็ยิ่งเพิ่มกระแสนิยมให้กับเพื่อไทยมากขึ้นไปอีก

‘ไพศาล’ เตือนอย่าประมาท ‘คณะก้าวหน้า’ หลังชนะเลือกตั้ง 38 อบต. จาก 196 คิดเป็น 20%

วันที่ 29 พ.ย. 64 นายไพศาล พืชมงคล อดีตกรรมการผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี (พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า คณะก้าวหน้าแพ้เลือกตั้ง อบต.? ได้เพียง 38 อบต. จากจำนวนที่ส่งสมัครทั้งหมด 196 อบต. หรือประมาณ 20% (ซึ่งต้องนับว่าไม่น้อย) เพราะอะไร?

ผลสำรวจโพลเป็นการสำรวจคนเมือง และเยาวชนคนรุ่นใหม่ที่กำลังตื่นตัวทางการเมือง จึงได้รับความนิยมมากแต่ในการเลือกตั้งอบต. จริงนั้น เป็นการเลือกในระดับหมู่บ้านตำบล ซึ่งแทบไม่มีเยาวชนคนรุ่นใหม่เลย

‘ไพศาล’ ฟอกขาวให้ 'ทักษิณ' ยันไม่เกี่ยวเหตุการณ์กรือเซะ

'ไพศาล' ฟอกขาวให้ 'ทักษิณ' ยันไม่รู้เรื่องเหตุการณ์กรือเซะสักกระผีก ส่วน 'ลุงจิ๋ว' ก็ช่วยให้ไทยรอดพ้นจากสงคราม โลกมุสลิม แต่ 'พัลลภ ปิ่นมณี' รับไปเต็ม ๆ

2 ธ.ค. 64 - นายไพศาล พืชมงคล อดีตกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี ประจำรองนายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ) โพสต์เฟซบุ๊กในหัวข้อ “ทักษิณไม่เกี่ยวกับเหตุการณ์กรือเซะ!!!” ระบุว่า นักการเมืองมุสลิมทางใต้มาหารือ เกี่ยวกับการย้ายพรรคไปอยู่พรรคเพื่อไทย แต่ติดขัดด้วยพี่น้องมุสลิมภาคใต้ยังติดใจกรณีสังหารที่กรือเซะ จึงบอกท่านว่าเป็นความเข้าใจผิด คุณทักษิณไม่ได้เกี่ยวข้องเรื่องเหตุการณ์สังหารที่กรือเซะเลย แถมไม่รู้เรื่องด้วยซ้ำไป จึงถือโอกาสเล่าเหตุการณ์กรือเซะให้ฟังว่า

1.) เหตุการณ์กรือเซะเป็นเหตุการณ์ต่อเนื่องจากกรณีที่ผู้ก่อความไม่สงบระดมกำลังระดับ 2 กองพัน เคลื่อนมาตามถนนสายหลักและแยกเข้าโจมตีสถานีตำรวจ สถานที่ราชการ และฐานปฏิบัติการของฝ่ายรัฐบาลหลายจุดพร้อมกัน แต่ถอนกำลังกลับไม่ทัน บางส่วนถูกกองกำลังของรัฐบาลล้อมไว้ที่บริเวณมัสยิดกรือเซะ และผู้ก่อความไม่สงบหลบเข้าไปอยู่ในมัสยิดนั้น

2.) ครั้งนั้นลุงจิ๋วเป็นรองนายกฝ่ายความมั่นคงจึงเป็นผู้อำนวยการสถานการณ์ และได้มอบให้พลเอก พัลลภ ปิ่นมณี ซึ่งรับผิดชอบ กอ.รมน. เป็นผู้บัญชาการสถานการณ์ โดยพลเอก พัลลภ ปิ่นมณี ลงไปบัญชาการด้วยตนเองตั้งแต่เช้าตรู่ ทั้งสองฝ่ายตรึงกำลังกันโดยฝ่ายผู้ก่อความไม่สงบเข้าไปตั้งมั่นอยู่ในมัสยิด ในขณะที่กองกำลังรัฐบาลล้อมอยู่โดยรอบ โดยมีประชาชนมุงดูเต็มไปหมด

3.) ลุงจิ๋วมอบนโยบายให้หาทางปรองดองโดยการเจรจากัน ถึงขนาดสั่งการว่าถ้าผู้ก่อความไม่สงบในมัสยิดหิวน้ำก็ให้ส่งน้ำไปให้ หิวข้าวก็ให้ส่งข้าวไปให้ ต้องการพบพ่อแม่ญาติพี่น้องก็ให้ช่วยตามไปพบ และให้อำนวยความสะดวกทุกอย่าง เพียงขอให้เจรจาและมอบตัวเพื่อปรองดองกันต่อไป ซึ่งเป็นวิธีการที่ลุงจิ๋วแกถนัด

4.) พลเอก พัลลภ ปิ่นมณี ผู้บัญชาการสถานการณ์ก็ปฏิบัติตามนโยบายนั้นอย่างเต็มที่ สร้างความชื่นอกชื่นใจให้แก่ประชาชน แม้สื่อต่างประเทศที่ไปทำข่าวก็ชื่นชมเป็นอันมาก แต่จนเวลาบ่ายคล้อยก็ไม่เป็นที่ตกลงกัน

หมาป่ากับลูกแกะ!! 'ไพศาล' ซัดพวกนักการเมืองถล่ม 'อุ๊งอิ๊ง' เปรียบเป็นแค่หุ่นไล่กา หาราคาไม่ได้

29 มี.ค. 2565 – นายไพศาล พืชมงคล อดีตกรรมการผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ)โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Paisal Puechmongkol ระบุว่า วานนี้ น้าเหลิมออกรบเอง เพราะทนเห็นคนรังแกอุ๊งอิ๊งไม่ไหว

อย่าเสียเวลาเลยครับน้าเหลิม

รบกับหุ่นไล่กา หาราคาอันใดไม่ได้ เสียเวลาเปล่า!

การที่พวกหุ่นไล่กา เรียงหน้ากันออกมาถล่มอุ๊งอิ๊ง ใครๆก็ดูออกว่าเกิดจากคนเสกหุ่นกลัวเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ

ปล่อยให้พวกหุ่นไล่กา ถล่มไปตามสบายเถิด ชนทั้งหลายที่มีใจเป็นธรรม และพวกที่ยังไม่ตัดสินใจเลือกใคร เขาก็จะตัดสินใจง่ายขึ้น

เพราะคนทั้งหลายชิงชังเหตุผลของหมาป่า ที่หาเหตุกินลูกแกะ

- ในเรื่องโกงบ้านกินเมืองนั้น ตอนนี้มันหนักหนาเพียงใดรู้ไหมเล่า?

- ในเรื่องล้มเจ้ามียุคไหนหนักกว่ากัน?

- ชาวบ้านทั้งแผ่นดินเคยเดือดร้อนทุกข์เข็ญเหมือนครั้งนี้ไหม?

- เรื่องชักศึกเข้าบ้าน ครั้งไหนอันตรายอาจทำให้สิ้นชาติสิ้นแผ่นดินเหมือนครั้งนี้ไหม?

- ข้าราชการข่มเหงฉ้อราษฎร์บังหลวง ประพฤติตนเป็นโจร จนราษฎร์เดือดร้อนถ้วนหน้า ขื่อแปบ้านเมืองพินาศ
กฎหมายพระอัยการทั้งหลายกลายเป็นน้ำลายศรีธนญชัย ยุคไหนหนักกว่ากัน?

'ไพศาล' แฉ!! ไอโอนักล่าอาณานิคม เสี้ยม!! 'ไทย-พม่า' เปิดศึกสงคราม

(1 ก.ค. 65) นายไพศาล พืชมงคล อดีตที่ปรึกษาพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กว่า นักล่าอาณานิคมอยากให้ไทยทำสงครามกับพม่าเต็มทีแล้วใช่ไหม?

1. ตั้งแต่เมื่อวานนี้บรรดาโซเชียลที่ประเทศตะวันตกมาจัดตั้งขึ้นในประเทศไทยและบรรดากองเชียร์ ได้โหมกระแส ว่าชายแดนไทยพม่าระอุตึงเครียด เพราะพม่าส่งเครื่องบินรบ 2 ลำรุกน่านฟ้าไทย 5 กิโลเมตร

และกล่าวหาว่ากองทัพอากาศไม่สามารถปกป้องน่านฟ้าไทยได้

ปั่นหัวให้คนไทยโกรธกองทัพอากาศ และเรียกร้อง ให้ประนามพม่าว่ารุกรานประเทศไทย

ทำกันอย่างเป็นกระบวน

ล่าสุดกองทัพอากาศก็แถลงแล้วว่า ไทย-พม่าเป็นมิตรประเทศอยู่ข้างเคียงกัน ไม่มีเหตุที่จะเป็นภัยคุกคามต่อประเทศไทย และเครื่องบินพม่าก็ไม่ได้โฉมหน้าเข้ารุกล้ำเขตแดนไทยแต่ประการใด
 
นี่คือถ้อยแถลงและท่าทีของกองทัพอากาศ ซึ่งดูแลรับผิดชอบอธิปไตย และด้วยการตระหนักถึงความเป็นมิตรไมตรี บ้านพี่เมืองน้องกัน

2. เขาปั่นกระแสเรื่องนี้ก็เพราะต้องการให้ไทยทำสงครามกับพม่า!!!!

ถ้าไทยทำสงครามกับพม่าหรือเกิดการปะทะกันขึ้น #นาโต้2 ก็จะแผลงฤทธิ์ทันที!!!

โดยพันธมิตรยุทธศาสตร์อินโดแปซิฟิกก็จะอ้างว่าประเทศไทยซึ่งเป็นภาคีสมาชิกถูกรุกราน

ก็จะยกกองทัพ ส่งทหารและอาวุธยุทโธปกรณ์เข้ามา อ้างว่าช่วยประเทศไทยรบพม่า

และเมื่อมีการปะทะกันขึ้น พันธมิตรของพม่าทั้งจีน รัสเซีย อิหร่าน เกาหลีเหนือ ก็จะเข้าช่วยพม่า ก็จะเกิดเป็นสงครามใหญ่ โดยไทย-พม่าจะเป็นสนามรบ!!!!

พี่น้องประชาชนในภาคเหนือทั้งหมดก็จะอยู่ในภัยของสงคราม ขีปนาวุธจะถล่มลงมาสักเท่าใดใครจะรู้?

ให้ดูยูเครนเป็นตัวอย่าง แล้วเราจะอพยพหลบภัยไปอยู่ที่ไหน?

‘ไพศาล’ เผย ‘บิ๊กจิ๋ว’ แนะต้องนิรโทษกรรม ทั้งคดีการเมือง - ม.112 เริ่มนับหนึ่งประเทศไทย

‘ไพศาล’ เผย ‘บิ๊กจิ๋ว’ แนะต้องนิรโทษกรรมให้ผู้ต้องคดีทางการเมือง - ม.112 ทั้งหมด เพื่อนับหนึ่งประเทศไทย กลับมาร่วมกันฟื้นฟูชาติบ้านเมือง

นายไพศาล พืชมงคล อดีตกรรมการผู้ช่วย รองนายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ) โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า วิกฤตรัฐธรรมนูญ-วิกฤติบ้านเมือง

1. ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งรับคำร้องขอให้วินิจฉัยว่ากฎหมายเลือกตั้งเป็นโมฆะหรือไม่แล้ว และส่อว่าจะเป็นโมฆะตามคำร้องด้วย แป๊ะวางหมากเอาไว้แยบยลมาก เพราะถ้าตกเป็นโมฆะขึ้นมา กำหนดการเลือกตั้งในเดือนมีนาคมปีหน้าก็อาจจะทำไม่ได้ และอย่าลืมว่า กกต.ชุดปัจจุบันนี้กำลังต้องคดี ในเดือนหน้า ถ้าศาลสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ ก็จะไม่มีผู้จัดการเลือกตั้งซ้ำเข้าไปอีก!!!

แผนแป๊ะล้ำลึกจริง ๆ ทำให้บรรยากาศการเตรียมการเลือกตั้งของพรรคการเมืองต่างๆ ต้องอยู่ในสภาพขวัญผวาอีกครั้งหนึ่ง แต่ทุกเรื่องมีทางออกเสมอ เมื่อถึงเวลาจะเฉลยให้ได้ทราบกัน เดินหน้าโลดได้เลย

2. ขณะนี้มีกระแสความวิตกกังวลเกิดขึ้นอย่างกว้างขวางว่าถ้าศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้พลเอกประยุทธ์พ้นจากตำแหน่งเนื่องจากดำรงตำแหน่งครบ 8 ปีแล้ว ถ้าหากรักษาการไม่ได้ก็จะเกิดวิกฤตทางการเมืองซ้ำซ้อนเพิ่มขึ้นอีก เพราะมีปัญหาว่าจะสรรหานายกกันอย่างไร?

นักเขียนดังค่ายพระอาทิตย์ ชวนรู้จักตัวตน ‘ไพศาล พืชมงคล’  ผู้อยู่เบื้องหลังพรรคก้าวไกล ชู ‘ชัยธวัช’ เป็นประธานสภาฯ ดัน ‘พิธา’ เป็นนายกฯ

แน่นอนว่าใครจะมาเป็นรัฐบาลก็ย่อมจะต้องเป็นไปตามครรลองของรัฐธรรมนูญที่กำหนดให้นายกรัฐมนตรีจะต้องได้เสียงจากรัฐสภา 376 เสียงขึ้นไป ส่วนใครจะเป็นไม่ใช่ปัญหาที่ผมจะพูดถึงไม่ว่าจะเป็นพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หรือแพทองธาร ชินวัตร หรือเศรษฐา ทวีสิน หากว่าคนนั้นได้การยอมรับจากเสียงข้างมากของรัฐสภ

ภาพของไพศาลที่เคยแสดงออกมาโดยตลอดนั้นเหมือนจะเป็นคนที่ยึดมั่นในสถาบันพระมหากษัตริย์ หากว่าคำพูดและการแสดงออกที่ผ่านมานั้นไม่ใช่น้ำกลิ้งบนในบัว

ไพศาลยังพยายามแสดงให้คนทั่วไปเห็นว่า มีสายสัมพันธ์กับผู้ใหญ่ในรัฐบาลจีน แสดงให้เห็นชัดว่าตัวเองยืนอยู่ข้างจีน รัสเซีย อิหร่าน และต่อต้านยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิกของสหรัฐอเมริกาและต่อต้านรัฐไทยที่จะเอาตัวเองเข้าไปผูกพันกับอเมริกา หากที่เห็นไม่ใช่เป็นการเล่นละครในบทบาทของสายลับสองหน้า นั่นคือไพศาลที่เราเห็นผ่านตัวอักษรและการแสดงความเห็นในวาระต่างๆ

แต่วันนี้การแสดงออกของไพศาลนั้นทำให้เกิดคำถามว่าแท้จริงแล้วไพศาลมีตัวตนที่แท้จริงอย่างไร

เพราะไพศาลแสดงตัวตนชัดเจนว่า สนับสนุนการจัดตั้งรัฐบาลของพรรคก้าวไกล มันอาจจะไม่ผิดอะไรที่คนคนหนึ่งจะเลือกจุดยืนทางการเมืองของตัวเอง หากคนนั้นไม่ใช่ไพศาล

ถ้าไพศาล เป็นไพศาลคนเดียวกับคนที่มีจุดยืนเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ คนที่มีหูตากว้างไกลอย่างไพศาลก็ต้องรู้ว่า พรรคก้าวไกลและแกนนำพรรคทั้งที่อยู่เบื้องหน้าและเบื้องหลังนั้น ล้วนแล้วมีจุดยืนที่ท้าทายต่อการดำรงอยู่ของสถาบันพระมหากษัตริย์ และต้องการลดทอนบทบาทและสถานะของสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างชัดแจ้ง

นอกจากนั้นนโยบายของพรรคก้าวไกลเขียนไว้อย่างชัดเจนว่า เป็นพันธมิตรด้านความมั่นคงกับสหรัฐอเมริกา และตั้งเป้าหมายในการเพิ่มทรัพยากรสำหรับการฝึกร่วมคอบร้าโกลด์ที่จัดขึ้นในไทย รวมไปถึงการร่วมมือในกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจอินโด-แปซิฟิก และพรรคก้าวไกลได้แสดงให้เห็นในหลายบทบาทอย่างชัดแจ้งว่ามีจุดยืนที่ยืนอยู่ข้างสหรัฐอเมริกา ทำไมคนที่เขาตั้งฉายาว่า “กุนซือสมองเพชร” อย่างไพศาลที่สร้างภาพให้คนเชื่อมาตลอดว่าต่อต้านสหรัฐอเมริกาจึงไปยืนอยู่ข้างพรรคก้าวไกลไปได้

ยังไม่ต้องพูดถึงสามจังหวัดใต้และ 4 อำเภอในสงขลาบ้านเกิดของไพศาล ต่อจุดยืนของพรรคก้าวไกล ที่แสดงออกถึงความเข้าอกเข้าใจฝ่ายที่เรียกร้องสันติภาพในรัฐปาตานี และล่าสุดมีคนออกมาเคลื่อนไหวอย่างเหิมเกริมภายหลังชัยชนะของพรรคก้าวไกลเพื่อเป้าหมายไปสู่การทำประชามติแบ่งแยกดินแดน แต่ไพศาลที่มักจะแสดงตนว่ารักชาติบ้านเมืองไม่เคยมีความเห็นต่อเรื่องนี้ออกมาเลย

ที่ไพศาลมีจุดยืนนี้อาจจะอ้างว่า เมื่อประชาชนส่วนใหญ่เลือกพรรคก้าวไกลเข้ามาเป็นอันดับ 1 ก็มีความชอบธรรมที่พรรคก้าวไกลจะเป็นแกนนำรัฐบาล ที่ไพศาลมักจะใช้คำว่าฉันทมติของประชาชนเพื่อออกมาสนับสนุนพรรคก้าวไกลเสมอ

เมื่อเร็วๆ นี้ไพศาล โพสต์เฟซบุ๊กว่า นอนฝันไปหรือไรหนอ เมื่อคืนวันที่ 23 มิถุนายนเวลา 2.00 น. นายพิธาโพสต์ว่า ผมพร้อมจะเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 แล้ว!!! ถ้าหากไม่ใช่เป็นเพราะละเมอตื่นขึ้นมาโพสต์ การโพสต์นี้ย่อมมีนัยความหมายแน่นอน!!! นายพิธา คุยอะไรกับใครหนอ และคุยว่าอย่างไร จึงมาโพสต์อย่างนี้!!!

เข้าไปดูเพจพิธาว่าพิธาโพสต์อย่างนั้นจริงไหม ก็ไม่มีหรอก เป็นไพศาลนี่แหละที่สร้างฝันขึ้นมาเอง

เราต้องรู้นะว่า น้องชายของไพศาลคือ พิชัย พืชมงคล นั้นตอนนี้เป็นกุนซืออยู่เบื้องหลังพรรคก้าวไกล ผมถึงบางอ้อว่าที่มาของโพสต์นั้นของไพศาล เพราะไพศาลเพิ่งจะพาชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล คนสงขลาบ้านเดียวกันไปพบกับบุคคลสำคัญคนหนึ่งที่สามารถเชื่อมโยงไปถึงขอบฟ้าได้ ก็เลยมีความเชื่อว่าตอนนี้สวรรค์เปิดทางให้กับรัฐบาลพิธาแล้ว

“นายพิธาคุยอะไรกับใครหนอ และคุยว่าอย่างไร จึงมาโพสต์อย่างนี้” ถ้อยคำที่ไพศาลโพสต์นั้น เพื่อต้องการบอกนัยว่าคนที่ไพศาลพาชัยธวัชไปพบนั้นสามารถจะแผ้วทางให้พิธาไปสู่เป้าหมายได้

ถ้าเราติดตามการโพสต์ของไพศาลเขามักจะใช้วิธีการดังนี้ คือ โพสต์เรื่องหนึ่งขึ้นมาให้คนอ่านหลงเชื่อ แล้วสื่อมักจะเอาไปเล่นข่าว พอไม่เป็นความจริง ไพศาลก็จะโพสต์ว่าแผนนั้นล้มไปแล้ว คือ เป็นการโพสต์เองปฏิเสธเองแบบนี้หลายครั้ง

ต่อมาไพศาลยังโพสต์เฟซบุ๊กว่า การประชุมเลือกนายกรัฐมนตรีจะมีขึ้นช่วงกลางเดือนกรกฎาคม 66 เป็นอำนาจของประธานในการกำหนดวิธีการเลือกและ ณ วันนี้แนวทางคือจะเปิดให้เสนอชื่อแคนดิเดตพร้อมกันทีเดียวและกำหนดให้ ส.ส.ลงคะแนนโดยเปิดเผยด้วยวิธีขานชื่อก่อน ครบจำนวนแล้วจึงให้ ส.ว.ลงคะแนนโดยเปิดเผยด้วยวิธีการขานชื่อเช่นเดียวกันใครได้คะแนนเสียง 376 ก็เป็นนายกรัฐมนตรี ประธานรัฐสภาก็จะนำความกราบบังคมทูล พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเพื่อทรงโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งในวันนั้น อีก 2 วัน นายกรัฐมนตรีก็จะนำรายชื่อคณะรัฐมนตรีขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง หลังจากนั้นราว 3 วัน คณะรัฐมนตรีก็จะเข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ฯ เข้ารับหน้าที่ คอยจับตาดูการเข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ฯ “รัฐบาลของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว” ในครั้งนี้!!! อาจจะได้เห็นปรากฏการณ์พิเศษที่ประดุจดังแสงอรุณยามฟ้าสาง แห่งการสร้างความสามัคคีในชาติ

ไพศาลต้องการสื่อให้เห็นว่า การจัดตั้งรัฐบาลที่จะมีคนเสนอชื่อพิธาเป็นนายกรัฐมนตรีนั้น จะสำเร็จลงอย่างง่ายดายในการลงมติครั้งแรกเท่านั้น

และไพศาลเพิ่งจะโพสต์เฟซบุ๊กว่า ในช่วงการสมโภชศาลพระหลักเมือง เมื่อ 180 ปีก่อน พระหลักเมืองสงขลาพยากรณ์ว่า ในอนาคต จะมีคนสงขลา 3 คน มีบุญญาธิการมากมีอำนาจมากในบ้านเมือง จะได้ช่วยทำนุบำรุงบ้านเมืองให้เป็นสุข

คนสงขลาคนที่ 1 คือเจ้าพระยาศรีธรรมาธิเบศ ผู้สำเร็จราชการแผ่นดินและประธานองคมนตรี คนที่ 2 คือพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ รัฐบุรุษ และประธานองคมนตรี

มีคำร่ำลือกันว่า คนสงขลาคนที่ 3 ตามคำพยากรณ์นั้นได้อุบัติแล้ว มีบุญญาธิการมาก จะทำให้มณฑลปักษ์ใต้ทั้งหลาย กลับคืนสู่ความสามัคคีและเป็นสุขอีกครั้งหนึ่ง!!! คนสงขลาและชาวภาคใต้ กำลังรอชมบารมีนั้นให้เป็นมิ่งขวัญแก่ราษฎรสืบไป

ไม่รู้ว่า ไพศาลต้องการบอกว่า คนสงขลาผู้มากบารมีคนที่ 3 คนนั้นคือ ชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการของพรรคก้าวไกลหรือไม่

ไพศาลนั้นเป็นนักกฎหมายใหญ่และมีสำนักกฎหมายใหญ่หนุนหลัง แต่หลายครั้งความรู้ทางกฎหมายที่แสดงออกมาของไพศาลก็เป็นที่กังขา เช่นบอกว่า การยุบสภาฯ นั้นจะต้องทำเป็นมติคณะรัฐมนตรีเป็นต้น และการใช้กฎหมายแบบตัดตีนให้กับเข้าเกือกหลายครั้ง หรือว่าจริงๆ แล้วอาจไม่ใช่เพราะไพศาลสับสนในข้อกฎหมายหรอก แต่ต้องการใช้ความเป็นผู้รู้ทางกฎหมายของตนเพื่อเป้าหมายที่ซ่อนเร้นของตัวเองนั่นเอง

‘ดร.สุวินัย’ ตั้งข้อสงสัย 3 เรื่องถึง ‘ไพศาล’ เกิดอะไรขึ้นกับสภาพจิตของ ‘กูรู’ ท่านนี้

(17 ก.ค. 66) ดร.สุวินัย ภรณวลัย ประธานยุทธศาสตร์วิชาการ สถาบันทิศทางไทย อดีตอาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความในหัวข้อ ‘กุนซือทิพย์ : บทเรียนด้านกลับสำหรับนักยุทธศาสตร์’ ใจความว่า…

จากรายการ "ถอนหมุดข่าว" ของ NEWS1 วันอาทิตย์ที่ 16 กรกฎาคม 2566 ได้นำเสนอรายงานพิเศษเรื่อง "ไพศาล พืชมงคลเป็นกูรูทิพย" ซึ่งมีความน่าสนใจยิ่ง  

ผมขอยก รายงานพิเศษ เรื่องนี้ มาให้อ่านกันอีกทีก็แล้วกัน ...

"โอกาสของพิธา จะได้เป็นนายกรัฐมนตรี แทบไม่เหลือแล้ว ...ต้องฝันค้างกลายเป็น ‘นายกฯ ทิพย์’p เพราะความหมกมุ่นกับการแก้ไข ม.112 ของพรรคก้าวไกล

คนที่เสียรังวัดอย่างแรงไปด้วยจากเดิมเป็นถึง 'กูรูการเมือง' ที่มีข่าวลึกๆลับๆมาโพสต์ทุกวัน จริงบ้างแต่เท็จจะเยอะกว่า แต่ตอนนี้ต้องมีสภาพเป็น 'กูรูทิพย์' ตาม 'นายกฯทิพย์' ไปแล้วเช่นกัน

เขาคนนั้นก็คือ นายไพศาล พืชมงคล อดีตกุนซือของลุงป้อม พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ซึ่งช่วงหลัง ออกอาการ 'ฝ่ายแค้น' กับพรรคพลังประชารัฐ ค่อนข้างชัดเจน

ขณะเดียวกัน นายไพศาลก็เผยไต๋ว่า เข้าไปแอบอิงพรรคก้าวไกล เพราะเปิดหน้าเชียร์แหลก

แต่การเป็นด้อมส้มกับทำตัวเป็นกูรู บางทีมันก็ไปกันไม่ได้ นายไพศาลเลยได้บทเรียน(หน้าแตก) กับตัวเองจากการโหวตนายกรัฐมนตรี ครั้งที่ผ่านมา

เพราะขณะที่ใครต่อใคร มองว่ายากที่ ส.ว. จะยกมือให้พิธา แต่นายไพศาล เป็นคนเดียวที่เปิดประเด็นแบบสวนกระแส ระบุว่า ...ผู้มีอำนาจคุม ส.ว.ไว้ไม่ได้แล้ว ...

แต่โพสต์ของนายไพศาล ที่ทำเอาเขา 'สิ้นสภาพ' จากการเป็น 'กูรูการเมือง' ก็คือการฟันธงว่า นายพิธา จะชนะโหวตแบบม้วนเดียวจบ ในวันที่ 13 ก.ค.

แต่ผลจริงๆที่ออกมา เป็นตรงข้าม กลายเป็นนายพิธา โดนน็อกแบบม้วนเดียวจบ ..."

"นายไพศาลโพสต์ลงรายละเอียด ....เป็นคุ้งเป็นแควอย่างชัดเจนว่า เป็นมโนล้วนๆ เป็นความโลกสวยอย่างไม่น่าเชื่อของคนที่เชี่ยวการเมืองอย่างเขา

ยิ่งไปกว่านั้น นายไพศาลยังใช้สำนวนภาษาแนว 'ลิเก' แบบที่นายพิธา รวมถึงแกนนำคนอื่นๆของพรรคก้าวไกล ชอบใช้กันประจำ อีกต่างหาก

เรียกว่านายไพศาลออกตัวแรง ด้วยสำนวนภาษาให้รู้ว่า 'พวกเดียวกัน'

ความผิดพลาดในการเผยแพร่หลักคิดและข้อมูลคราวนี้ ส่งให้ไพศาลกลายเป็น 'กูรูทิพย์' ภายในพริบตา ตามพิธาที่เป็น 'นายกทิพย์'  

แสงอาทิตย์อัสดงของนายไพศาล ทำท่าจะดับวูบ
ซึ่งนายไพศาลควรทบทวนตัวเอง จะต้องเร้นกายปิดสำนักตัวเองล้างอายหรือไม่? ..."


อาจารย์ไพศาล (เกิด 9 ตุลาคม พ.ศ. 2490) ที่ผมรู้จัก ตั้งแต่สมัยที่เราทั้งคู่เคยเป็น "พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย" เพื่อต่อต้าน "ระบอบทักษิณ" ในปี 2549  ...เขาเป็นกุนซือที่รอบรู้และปราดเปรื่องคนหนึ่งอย่างหาตัวจับยาก  

ในปี พ.ศ. 2549 ตอนนั้นอาจารย์ไพศาลมีอายุ 59 ปี น่าจะอยู่ในช่วงท็อปฟอร์มที่สุด ในฐานกุนซือ เช่นเดียวกับคุณสนธิ ลิ้มทองกุล (เกิด 7 พฤศจิกายน ปี พ.ศ. 2490) ซึ่งอยู่ในช่วงท็อปฟอร์มที่สุดเช่นกันในฐานะ "แกนนำพันธมิตรฯ" ในวัย 59 ปี

ตอนนั้นทั้งผมและอาจารย์ไพศาลต่างก็เป็นคอลัมนิสต์ของสื่อผู้จัดการเหมือนกัน จึงเข้าออกบ้านพระอาทิตย์ของคุณสนธิ บ่อยมากในช่วงสถานการณ์สู้รบ

ผ่านไปแล้ว 17 ปี  ปัจจุบันอาจารย์ไพศาลและคุณสนธิต่างก็มีอายุ 75 ปีย่าง 76 ปีเหมือนกัน ขณะที่คุณสนธิยังคงอยู่ใน"สภาวะท็อปฟอร์ม" ได้อย่างน่าทึ่งสำหรับคนวัยนี้  คือคุณสนธิยังมีมันสมองที่เฉียบแหลม และมีจิตใจที่หนักแน่นมั่นคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง  ...กาลเวลา 17 ปี ที่ผ่านไปทำอะไรคุณสนธิไม่ได้เลยจริงๆ

ขณะที่การเปลี่ยนแปลงสู่ "ขาลง" ของอาจารย์ไพศาล" ที่ผมนับถือนั้น ทำเอาผมใจหายและแทบไม่เชื่อสายตาตนเอง

เกิดอะไรขึ้นกับ "มันสมอง" ของ "กุนซือสมองเพชร" คนนี้?

เกิดอะไรขึ้นกับ "สภาพจิต" ของ "กูรูการเมือง" ผู้เป็นเจ้าสำนักกระบี่เดียวดายท่านนี้?

โดยส่วนตัว ผมสนใจประเด็นนี้เป็นพิเศษ

ผมมีคำถามในใจหลายข้อเกี่ยวกับ "ความย้อนแย้งในตัวตนปัจจุบัน" ของอาจารย์ไพศาล และพยายามหาคำตอบให้กับตัวเองเพื่อใช้เป็นอุทราหรณ์สำหรับตัวเองในอีกสิบปีข้างหน้า

(1) "ทำไม คนที่ดำรงตำแหน่งอุปนายกและเลขาธิการสมาคมวัฒนธรรมและเศรษฐกิจไทย-จีน อย่างอาจารย์ไพศาล ถึงกลายมาเป็น 'พ่อยก' ด้อมส้มตัวเอ้ของพรรคก้าวไกล ทั้งๆที่พรรคก้าวไกลมีท่าทีที่ชัดเจนว่า ต้านจีน?"

(2) "ทำไม คนที่เคยเขียนบทความเชียร์จีน ทางด้านความมั่นคง-การเมือง-เศรษฐกิจ และต่อต้านลัทธิจักรวรรดินิยมของอเมริกา มานานหลายสิบปีอย่างอาจารย์ไพศาล จึงออกตัวแรงสนับสนุนพรรคก้าวไกลเต็มที่ ทั้งที่พรรคก้าวไกลมีจุดยืนชัดเจนว่า ยืนอยู่ฝั่งอเมริกาและต้องการชักศึกเข้าบ้าน เพื่อต้านจีน?"

(3) "ทำไม คนที่เคยชูคำขวัญ "เราจะต่อสู้เพื่อในหลวง" สมัยยังเป็นพันธมิตรฯ อย่างอาจารย์ไพศาล ถึงกลับเปลี่ยนธาตุแปรสี กลายมาเป็นผู้สนับสนุน "การแก้ ม. 112" ของพรรคก้าวไกล ที่มุ่งล้มล้างการปกครองและล้มสถาบัน?"

ผมสงสัยกระทั่งว่า อาจารย์ไพศาลในฐานะ "ผู้ปฏิบัติธรรม" ได้เคย "แลเห็นจิต" , เคย "แลเห็นความคิด" ตัวเองจริงๆหรือไม่?

ทั้งๆ ที่ จิตและความคิดของอาจารย์ไพศาลได้เปลี่ยนแปลงจากแต่ก่อนชนิดสวิงอย่างสุดขั้วไปอีกฝั่งแล้ว

สำหรับผู้ฝึกจิต โมหะหรือความหลง เป็นสิ่งที่ต้องรู้ทันและระวังให้มาก

"อาการหิวแสง" หรือความต้องการได้รับความสนใจจากสื่อและผู้คนทุกๆวัน ของ "กุนซือชรา" หรือ "กูรูการเมืองชรา" ...แค่บ่งชี้ว่า สภาวะจิตของบุคคลผู้นั้น ยังไม่ได้บรรลุ "ความพอใจในตนเอง" จนเพียงพอ

จึงทำให้ จิตของผู้นั้น มิอาจเป็น บ่อน้ำที่สะท้อนจันทราบนท้องฟ้า (สภาวะจิตแบบ "จันทร์ในบ่อ" ของเซน) ที่เป็นสภาวะจิตกระจ่าง ได้ ... 

ทำให้ไม่อาจสะท้อน "ความจริงที่มีอยู่หนึ่งเดียว" ได้อย่างถูกต้องตามความเป็นจริงได้

อย่างไรก็ดี ผมก็ยังเคารพอาจารย์ไพศาลอยู่เสมอ ในฐานะที่เขาเคยเป็นส่วนหนึ่งของแรงบันดาลใจให้ผม เลือกเดินบนเส้นทาง "กุนซืออิสระ" หรือ "นักยุทธศาสตร์อิสระ" อย่างบูรณาการตั้งแต่ 19 ปีก่อน 

จนเป็นที่มาของหนังสือ "ภูมิปัญญามูซาชิ -วิถีแห่งนักกลยุทธ์เชิงบูรณาการ" (สำนักพิมพ์ openbooks, 2550) ...ของผมในเวลาต่อมา


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top