Friday, 10 May 2024
โอกาส

'คนขายปลา' โพสต์เตือนคนรุ่นใหม่ อย่าทิ้ง 'โอกาส-อนาคต' เพียงเพราะประเมินว่าตนเป็นศูนย์กลางของจักรวาล

นายนิธิพัฒน์ พันธุ์ธุมจินดา ผู้จำกัดนิยามตนเองว่าเป็น 'คนขายปลา' ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก 'Nithipat Bhandhumachinda' ว่า...

กรณีของน้องมิลลินั้น ผมเองแม้จะไม่ได้ชอบแนวเพลงของน้อง และเคยออกความเห็นว่า ท่าเต้นและการแสดงบนเวที น่าจะต้องปรับปรุงให้มีความเป็นมืออาชีพกว่านี้ เพื่อจะนำตัวน้องเองขึ้นสู่เวทีระดับโลกได้อย่างเต็มตัว

แต่ผมก็คงไม่ใช้พื้นที่เพื่อจะเย้ยหยันอะไรที่น้องเขาไม่ได้ไปแสดงที่เกาหลี และยังรู้สึกเสียดายโอกาสของน้อง ในฐานะศิลปินชาวไทยที่ไม่ได้ไปร่วมแสดงเป็นอย่างมากอีกด้วย

ประเด็นที่ผมอยากพูดถึงมากกว่า ก็คือ การเตรียมความพร้อม

ในฐานะเจ้าของธุรกิจนั้น หลาย ๆ ครั้งผมต้องสัมภาษณ์พนักงานใหม่ และก็ทำให้สังเกตได้ว่า ในขณะที่คนรุ่นเก่า ๆ หน่อยที่มาสมัครงานนั้น มักเตรียมความพร้อมด้านเอกสารต่าง ๆ มาอย่างดี กรอกแบบฟอร์มต่าง ๆ ด้วยความตั้งใจพยายามคัดลายมืออย่างเต็มที่นั้น

กลับพบว่าน้อง ๆ ซึ่งเป็นคนรุ่นใหม่หลาย ๆ ท่าน ขาดตกบกพร่องเรื่องการเตรียมเอกสาร ขาดนั่นบ้างนี่บ้างอยู่เป็นประจำ และลายมือที่เขียนมาบางทีก็เขียนมาเหมือนไม่เต็มใจ ไม่ทำให้แน่ใจว่าอยากจะทำงาน หรือแค่อยากจะหาเงิน

ซึ่งน้อง ๆ อาจมองว่าไม่สำคัญ แต่สำหรับคนที่มีหน้าที่ต้องพิจารณาแล้ว มันอาจเป็นปัจจัยหนึ่งที่มีนัยสำคัญในระดับจะได้งานหรือไม่กันเลยทีเดียว

เหมือนที่เห็นเพื่อนเฟซที่น่ารักของผมท่านหนึ่งซึ่งเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย ที่บางครั้งก็ต้องใช้พื้นที่เฟซเพื่อทวงงานจากลูกศิษย์ หรือแจ้งเตือนตารางการเรียนการสอน ซึ่งผมก็จะแปลกใจที่ อาจารย์กลับเหมือนจะห่วงอนาคตของลูกศิษย์ มากกว่าตัวลูกศิษย์จะมีความคิดที่จะห่วงอนาคตของตัวเอง

การได้วีซ่าหรือไม่ ในกรณีของน้องเขานี้ ผมแน่ใจว่าน้องเขาคงไม่ได้มีการกระทำผิดอะไรใด ๆ จนเข้าประเทศเกาหลีไม่ได้ หรือสาเหตุมาจากปัจจัยอะไรใด ๆ ภายนอก

ชื่นชมทัศนคติ แน็ก ชาลี เปิดโหมดจริงจัง แนะเรียนให้จบ ใบปริญญาสำคัญในเมืองไทย แม้ตนเรียนไม่จบ อย่าเอาอย่าง โอกาสประสบความสำเร็จตามคนรวยแต่เรียนไม่จบน้อยมาก

เป็นนักแสดงที่เรียกเสียงฮา ปล่อยมุขตลกให้แฟนๆ ได้ขำขันตามตลอด สำหรับ แน็ก ชาลี แต่อีกด้านในโหมดจริงจัง หนุ่มแน็ก ก็มีเช่นกัน ล่าสุดเจ้าตัวได้ไลฟ์สดในติ๊กต็อก สอนให้แฟนคลับตั้งใจเรียนให้จบ เแม้ว่าตนจะเรียนไม่จบก็ตาม ไม่อยากให้เอาเป็นแบบอย่าง เพราะใบปริญญาสำคัญมากสำหรับเมืองไทย เป็นใบเบิกทางให้โอกาสหลายด้านกับชีวิต นอกจากจะมีความถนัดทำธุรกิจแล้วรวย แต่ไม่ควรลาออกเพื่อทำตามคนรวยที่สำเร็จแล้วแต่เรียนไม่จบ เพราะโอกาสประสบความสำเร็จตามมีน้อยมาก

โดย แน็ก กล่าวว่า “ใครที่อยู่ที่เมืองไทย ต้องพยายามฝืนเรียนให้จบปริญญา อย่างน้อยก็มีโอกาสเยอะกว่าคนอื่น อันนี้ผมพูดแบบตรงๆ นะ ทั้งที่ผมเรียนไม่จบ แต่ผมก็ไม่เคยสนับสนุนให้เอาเป็นตัวอย่างการเรียนไม่จบ ผมจะบอกง่ายๆ ว่า มีหลายคนที่สอนผิดๆ นะ ที่แบบว่าตัวเองเรียนไม่จบแล้วประสบความสำเร็จ แล้วไปสอนคนอื่น ที่บอกว่าคุณไม่ต้องเรียนอะไรก็ได้ อันนั้นคือสิ่งที่ผิด

สำหรับผมถ้าจะสอนคน ผมจะบอกว่า ถ้าคุณไม่อยากเรียนมหาวิทยาลัยจริง คุณต้องหาทางออกอื่นให้ได้ก่อน สมมติว่าคุณเรียนมหาวิทยาลัยอยู่ใช่ไหม ฝืนเรียนให้จบซะ นอกจากว่าเรียน ม.6 แล้วจับทางได้ว่าขายของเก่ง ทำธุรกิจได้ตั้งแต่เรียน ม.6 แล้วจะมีเงินเยอะมาก อันนั้นคุณหยุดเรียนมหาวิทยาลัย แล้วไปทำงานให้รวยไปเลย

หรือว่าถ้าใครเรียนมหาวิทยาลัยอยู่ คุณห้ามคิดเด็ดขาดว่าเห็นคนนี้เป็นตัวอย่าง อยากออกไปทำแบบเขา ผมบอกเลยว่า 90% ไม่ประสบความสำเร็จ หรือถ้าไปมองตัวอย่างฝรั่งที่เขารวยอันดับต้นๆ แล้วใช้ข้ออ้างว่าเขาเรียนไม่จบแต่รวยมาก ผมบอกเลยว่ามันไม่ใช่เรื่องง่าย

'UNFPA' ชี้!! ประชากรอินเดียใกล้จะแซงหน้าจีนแล้ว แต่นี่จะเป็นโอกาสหรือวิกฤตที่นำไปสู่หายนะกันแน่?

กองทุนประชากรแห่งสหประชาชาติ (UNFPA) เปิดเผยในวันนี้ (19 เม.ย.) ว่า อินเดียกำลังจะก้าวขึ้นมาเป็นประเทศที่มีประชากรมากที่สุดในโลกแซงหน้าจีน ด้วยการมีประชากรมากกว่าจีนเกือบ 3 ล้านคนในช่วงกลางปีนี้

รายงานสถานการณ์ประชากรโลกปี 2566 (State of World Population Report, 2023) ของ UNFPA ได้ประมาณการจำนวนประชากรของอินเดียไว้ที่ 1.4286 พันล้านคน มากกว่าจีนที่มีประชากรจำนวน 1.4257 พันล้านคน ขณะที่สหรัฐอเมริกาตามมาเป็นอันดับที่ 3 แบบห่าง ๆ ด้วยตัวเลขประชากรประมาณ 340 ล้านคน โดยรายงานฉบับนี้สะท้อนข้อมูลที่มีอยู่ ณ เดือนก.พ. 2566

ผู้เชี่ยวชาญด้านประชากรที่ใช้ข้อมูลก่อนหน้านี้ขององค์การสหประชาชาติ (UN) ได้คาดการณ์เอาไว้ว่า จำนวนประชากรอินเดียจะแซงหน้าจีนในเดือนนี้ แต่ในรายงานฉบับล่าสุดของ UNFPA ไม่ได้ระบุแบบเฉพาะเจาะจงว่า จำนวนประชากรของอินเดียจะแซงหน้าจีนเมื่อใด

เกี่ยวกับจำนวนประชากรที่เพิ่มมากขึ้นของอินเดีย ด้าน มาเฮช วิยาส หัวหน้าผู้บริหารของศูนย์สังเกตการณ์เศรษฐกิจอินเดีย (CMIE) ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยข้อมูลในมุมไบ กล่าวว่า ประชากรวัยหนุ่มสาวที่เพิ่มขึ้นทำให้ประชากรส่วนใหญ่ของประเทศอยู่ในวัยทำงาน (15-64 ปี) และนี่เป็นเครื่องมือในการพัฒนาเศรษฐกิจต่อไป

จากข้อมูลของวิยาส สภาวะดังกล่าวได้ช่วยให้มีการเติบโตทางเศรษฐกิจของอินเดียตั้งแต่ปี 1990 “ในทศวรรษที่ 1990 อินเดียประสบความสำเร็จค่อนข้างดีในการเคลื่อนย้ายแรงงานจากฟาร์มไปยังโรงงาน ... นี่คือการเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรมที่เกิดจากการแทรกแซงนโยบายและได้รับความช่วยเหลือจากการเปลี่ยนแปลงทางประชากร”

วิยาสเสริมว่า นอกจากแรงงานจำนวนมากแล้ว ในทางทฤษฎี ประชากรวัยหนุ่มสาวจำนวนมากสามารถกลายเป็นแหล่งการลงทุนในอนาคตได้เช่นกันหากพวกเขามีรายได้ดีและเก็บออมเงินได้

แต่การที่แรงงานรุ่นใหม่จะมีรายได้และเก็บออมเงินได้ดีนั้น จำเป็นต้องมีงานที่ให้ผลตอบแทนดีเพียงพอซึ่งออกแบบมาเพื่อรองรับเศรษฐกิจสมัยใหม่

ข้อมูลจากทางการอินเดียระบุว่า อัตราการว่างงานอย่างเป็นทางการของอินเดียแตะระดับสูงสุดในรอบ 45 ปีที่ 6.1% ในปี 2017-2018 ที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นจาก 2.7% ของเมื่อช่วงปี 2011-2012 ส่วนเมื่อปี 2021-2022 ระดับการว่างงานเพิ่มขึ้นเป็น 4.1%

แต่ข้อมูลบางชิ้นบ่งชี้ว่า จำนวนผู้ว่างงานของอินเดียกำลังสูงขึ้นมาก จากข้อมูลของ CMIE พบว่า อัตราการว่างงานของอินเดียในเดือนมีนาคม 2023 อยู่ที่ 7.8% และสูงขึ้นไปอีกถึง 8.5% ในหลายเมืองของอินเดีย

ตามการวิเคราะห์ของทางการ แต่ละปีมีแรงงานเกือบ 5 ล้านคนเข้าสู่ตลาดแรงงานในอินเดีย แม้จะมีโครงการสนับสนุนที่เชื่อมโยงกับการผลิตของรัฐบาลซึ่งคาดว่าจะสร้างงานได้ 6 ล้านตำแหน่งใน 5 ปี ก็ยังไม่เพียงพอที่จะรองรับตลาดแรงงานที่กำลังเติบโตของอินเดีย

ฮิมานชู รองศาสตราจารย์ด้านเศรษฐศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยยาวาฮาร์ลาล เนห์รู กล่าวว่า “การว่างงานเป็นหนึ่งในความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับเศรษฐกิจอินเดียในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมา และมันไม่มีสัญญาณของการพัฒนาที่ดีขึ้นเลย”

ในขณะเดียวกัน ตามรายงานของธนาคารโลก การเติบโตของการลงทุนในอินเดียลดลงเกือบครึ่งหนึ่งจากค่าเฉลี่ยรายปีที่ 10.5% ระหว่างปี 2000-2010 เหลือ 5.7% ระหว่างปี 2011-2021

รายงานระบุปัจจัยหลายประการที่ทำให้การเติบโตของการลงทุนลดลง ตั้งแต่ความกังวลเกี่ยวกับแหล่งจ่ายไฟและโครงสร้างพื้นฐานกลุ่มถนนและทางรถไฟ

นอกจากนี้ การล็อกดาวน์จากโควิด-19 ยังส่งผลให้แรงงาน 40 ล้านคนจากชนบทของอินเดียที่ทำงานในเมือง อพยพย้ายถิ่นครั้งใหญ่กลับไปยังหมู่บ้านของตน เมื่อตลาดงานฟื้นตัวหลังจากการระบาดลดลง ก็ส่งผลให้สัดส่วนแรงงานในฟาร์มเพิ่มขึ้น ในขณะที่สัดส่วนของงานภาคโรงงานการผลิตลดลง

‘กรณ์’ ชี้!! สิงคโปร์ดีล ‘Taylor Swift’ จัดคอนฯ ไม่ใช่เรื่องแปลก ถือเป็นการแข่งขัน-กระตุ้น ศก.ปกติ แต่ ‘ไม่น่ารัก’ ในสายตาเพื่อนบ้าน

(6 มี.ค. 67) นายกรณ์ จาติกวณิช อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ‘กรณ์ จาติกวณิช - Korn Chatikavanij’ ระบุว่า…

“วันนี้ลูกสาว text มาแจ้งว่าเพื่อนที่สิงคโปร์ชวนไปดู Taylor Swift คืนวันศุกร์นี้ (ค่าตั๋วเท่าไรพ่อไม่กล้าถาม) ลูกสาวดีใจมาก รีบจองตั๋วเครื่องบินซึ่งก็แพงอีก แต่ซื้อตั๋วได้ถูกลงหน่อยโดยยอมเปลี่ยนเครื่องที่หาดใหญ่ ส่วนการนอนคงต้องนอนบ้านเพื่อนเพราะอยู่โรงแรมไม่ไหวแน่

“ทำให้นึกถึงดราม่าระหว่างผู้นำประเทศเรื่องเงื่อนไข ‘exclusivity’ ที่สิงคโปร์เจรจาไว้กับทีมงาน Taylor Swift (ว่าในภูมิภาคนี้ต้องเล่นที่สิงคโปร์เท่านั้น)

“ล่าสุดเห็น ลีเซียนลุง นายกฯ สิงคโปร์ให้สัมภาษณ์ว่ายุทธศาสตร์นี้ “…จากมุมมองสิงคโปร์ ซึ่งไม่เพียงแต่จะทำให้เศรษฐกิจเติบโตเท่านั้น แต่ยังดึงดูดนักท่องเที่ยวและความปรารถนาดีจากทั่วทุกภูมิภาคด้วย ผมไม่เห็นว่าทำไมถึงจะไม่ทำล่ะ” (จาก The Standard)

“ผมเห็นด้วยนะ ถ้าให้ผมเปรียบเทียบ ประเทศต่าง ๆ (เราด้วย) ยังพร้อมแย่งการลงทุนไม่ให้ไปประเทศเพื่อนบ้านด้วยการ ‘ตัดราคา’ ภาษีให้นักลงทุน หรือเราพร้อมสร้าง land bridge เพื่อแย่งลูกค้าจากสิงคโปร์และมาเลเซีย ฯลฯ ทั้งหมดเป็นการแข่งขันทางเศรษฐกิจที่ปกติ…แม้จริงอยู่อาจจะถูกคนมองว่า ‘ไม่น่ารัก’ ก็ตาม

“ตามจริงอะไรที่กลุ่ม ASEAN ทำด้วยกันได้เราควรทำ หากแข่งกันทุกเรื่อง เราทุกคนจะเสียประโยชน์ แต่การชิงไหวชิงพริบคงต้องมีบ้างเป็นธรรมดา

ส่วนกระแส Taylor Swift ช่วงนี้ ทำให้คนรุ่นผมนึกถึงระดับความคลั่งสมัยที่ Michael Jackson มาทัวร์ไทย (มาพีคที่บ้านเราเลยด้วย) ทุกรุ่นก็มี moment ของเขา เที่ยวนี้สิงคโปร์เขาคว้า moment นั้นได้ คราวหน้าหากเราเตรียมตัวให้ดี โอกาสอาจจะเป็นของเรา


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top