Wednesday, 15 May 2024
โรงพยาบาลตำรวจ

ผบ.ตร. ร่วมพิธีมอบเงินรายได้ จัดสร้างพระพุทธโสธรรุ่น “ตร.108 ปี” ให้ 4 หน่วยงาน (มูลนิธิโรงพยาบาลตำรวจ โรงพยาบาลตำรวจ สมาคมตำรวจ และมูลนิธิสงเคราะห์ข้าราชการตำรวจและครอบครัว ) พร้อมนำตัวแทน นรต.รุ่น 38 และภาคเอกชนร่วมบริจาคสมทบ ได้ยอดรวมกว่า 57 ล้านบาท

วานนี้ (19 ก.ย.66) เวลา 15.00 น. ณ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วย คุณสุมนา กิตติประภัสร์ นายกสมาคมแม่บ้านตำรวจ ร่วมเป็นสักขีพยานพิธีมอบเงินรายได้จากการเปิดให้เช่าบูชาพระพุทธโสธรรุ่น “ตร.108 ปี” โดยมี พล.ต.อ.จงเจตน์ อาวเจนพงษ์ รองประธานมูลนิธิโรงพยาบาลตำรวจ ในพระบรมราชินูปถัมภ์ เป็นผู้แทนมอบ

ทั้งนี้ รายได้จากการเปิดให้เช่าบูชาพระพุทธโสธรรุ่น “ตร.108 ปี” จำนวนทั้งสิ้น 46,010,000 บาท ได้ถูกแบ่งบริจาคเป็น 4 ส่วน ตามวัตถุประสงค์ในการจัดสร้าง ดังนี้ 

1) มอบให้ มูลนิธิโรงพยาบาลตำรวจ ในพระบรมราชินูปถัมภ์ เพื่อปรับปรุงห้องฟอกเลือดล้างไต และจัดซื้อเครื่องฟอกเลือดล้างไต และอุปกรณ์ที่จำเป็น จำนวน 30,010,000 บาท 
2) มอบให้โรงพยาบาลตำรวจ เพื่อสมทบจัดซื้อเครื่อง เพทซีทีสแกน (PET CT Scan) เพื่อประสิทธิภาพสูงในการตรวจวินิจฉัยโรคมะเร็ง จำนวน 10,000,000 บาท โดยมี พล.ต.ท.โสภณรัชต์ สิงหจารุ นายแพทย์ใหญ่ (สบ8) เป็นผู้รับมอบแทนมูลนิธิฯ และ รพ.ตร. /
3) มอบให้ สมาคมตำรวจ เพื่อกิจกรรมสาธารณกุศล หรือสาธารณประโยชน์ จำนวน 3,000,000 บาท โดยมี พล.ต.อ.วินัย ทองสอง เป็นผู้รับมอบ  
4) มอบให้มูลนิธิสงเคราะห์ข้าราชการตำรวจและครอบครัว เพื่อเป็นสวัสดิการ หรือช่วยเหลือข้าราชการตำรวจที่ได้รับบาดเจ็บ ทุพพลภาพ หรือเสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ จำนวน 3,000,000 บาท โดยมี พล.ต.ท.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ ผู้บัญชาการสำนักงานกำลังพล

ผบ.ตร. ยังร่วมกับ พล.ต.อ.ปรีชา เจริญสหายานนท์ และ พล.ต.อ. มนตรี ยิ้มแย้ม เป็นตัวแทนนักเรียนนายร้อยตำรวจ รุ่นที่ 38 มอบเงินสมทบอีกจำนวน 9,800,000 ล้านบาท โดยมีรายละเอียดดังนี้ 1) จัดซื้อเครื่องเพทซีทีสแกน (PET/CT Scan) จำนวน 5,000,000 บาท / 2) บริจาคเครื่องบำบัดทดแทนไตต่อเนื่อง รุ่น PrisMax จำนวน 2 เครื่อง มูลค่า 2,800,000 บาท ให้แก่โรงพยาบาลตำรวจ และ 3) มอบให้สมาคมแม่บ้านตำรวจ เพื่อบำรุงขวัญแก่ข้าราชการตำรวจ จำนวน 2,000,000 บาท โดย คุณสุมนา กิตติประภัสร์ นายกสมาคมแม่บ้านตำรวจ เป็นผู้รับมอบ

นอกจากนี้ ยังได้มีภาคเอกชนร่วมบริจาคเงินแก่โรงพยาบาลตำรวจ เพื่อจัดซื้ออุปกรณ์ที่จำเป็นแก่การช่วยเหลือผู้ป่วยและสนับสนุนการปฏิบัติงานของบุคลากรทางการแพทย์ โดยมีรายนามของผู้บริจาค ดังนี้ 1) บริษัท สหพิพัฒนกิจ จำกัด โดย คุณคุปโกเมน วิริยาภิรมย์กรรมการผู้จัดการ เป็นผู้แทนมอบ จำนวน 1,000,000 บาท / 2) บริษัทโรลลิ่ง คอนเซปต์ อินโนเวชั่น จำกัด  โดย คุณประสงค์ สุดอำพัน ตัวแทนผู้บริหาร เป็นผู้แทนมอบ จำนวน 500,000 บาท / 3) คุณไกรสร จันศิริ จำนวน 200,000 บาท และ 4) คุณพิพัฒน์ เตียรวัฒน์ จำนวน 200,000 บาท  รวมยอดรวมการบริจาคในครั้งนี้ทั้งสิ้น 57,710,000 บาท

‘เด็จพี่’ เชื่อ มีไอ้โม่งชักใย คปท. บุกเยี่ยม ‘ทักษิณ’ ที่ รพ.ตำรวจ เอือม!! ราวีไม่สิ้น ถาม? ประเทศยังบอบช้ำไม่พออีกหรือ?

วันที่ 22  ต.ค. 66 ดร.พร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ อดีต สส.บัญชีรายชื่อ และอดีตโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่เครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) นำโดย นายนิติธร ล้ำเหลือ เดินทางไปขอเข้าเยี่ยมตรวจสอบ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่โรงพยาบาลตำรวจ ว่า น่าจะเป็นเจตนาร้ายหาเรื่องค้าความขัดแย้ง หรือขยายผลไปถึงการปลุกม็อบสร้างความวุ่นวายมากกว่า ทั้งที่บ้านเมืองกำลังสงบเดินไปด้วยดี รัฐบาลกำลังคิดหาวิธีการแก้ไขเศรษฐกิจปากท้องให้ประชาชน แต่คนกลุ่มนี้กลับทำตัวขวางโลก ปัดแข้งปัดขารัฐบาล เรียกร้องต้องการไม่จบไม่สิ้น

อดีตนายกฯ ทักษิณป่วยจึงเข้าไปนอนโรงพยาบาล คนกลุ่มนี้ก็ไม่เชื่อ ไม่พอใจ ตอนแรกเรียกร้องให้กลับมารับโทษ พอกลับมาก็ยังราวีไม่จบเสียที ต้องการจะดูอาการป่วย อยากจะตรวจสอบความเป็นอยู่ ถามว่าเป็นอะไรกันแน่ เป็นทนาย หรือเป็นหมอ หรือเป็นตำรวจ ออกอาการคาดคั้นแบบเอาเป็นเอาตาย ไม่มีใครเห็นด้วยกับการกระทำดังกล่าว ลองไปส่องดูโลกโซเชียลบ้างหรือไม่ ถ้ายังไม่หยุดทำตัวขวางโลก ขวางการปรองดอง ระวังจะถูกสังคมประณาม

ทั้งนี้ เชื่อว่าการเคลื่อนไหวของกลุ่มดังกล่าวน่าจะมีไอ้โม่งอยู่เบื้องหลัง จึงอยากฝากบอกว่าพอได้แล้ว ประเทศยังบอบช้ำไม่พออีกหรือ ขอให้ประชาชนอยู่กันอย่างสงบสุขบ้าง

‘พี่เต้’ หิ้วส้มตำ-ไก่ย่าง บุกชั้น 14 รพ.ตำรวจ เยี่ยม ‘ทักษิณ’ แต่ ‘ราชทัณฑ์’ ไม่อนุญาต เหตุไม่ได้อยู่ในรายชื่อที่แจ้งไว้

(7 พ.ย. 66) นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ อดีต สส.และหัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ เดินทางเข้าเยี่ยมนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ผู้ต้องขังคดีทุจริตที่โรงพยาบาลตำรวจ โดยได้นำส้มตำ-ไก่ย่างจากร้านของนายสิระ เจนจาคะ อดีต สส.พรรคพลังประชารัฐ ที่ถูกตัดสิทธิทางการเมือง 20 ปี และผันตัวไปเปิดร้านไก่ย่าง มาเยี่ยมไข้นายทักษิณด้วย

โดยนายมงคลกิตติ์ ระบุว่า แม้ว่าวันนี้จะไม่ได้ลงทะเบียนเยี่ยมนายทักษิณ แต่ตนเองทราบมาว่า บุคคลภายนอกสามารถเข้าเยี่ยมได้ หากตัวผู้ต้องขังอนุญาต ซึ่งตนเองก็จะใช้สิทธิ์ตรงนี้ ส่วนคาดหวังว่าจะได้เข้าเยี่ยมหรือไม่นั้น ให้เป็นดุลยพินิจของนายทักษิณ

โดยเมนูที่นำมาเยี่ยมนายทักษิณวันนี้ คือ ไก่ย่างเขาสวนกลางปิ้งเอง 1 ตัว, ส้มตำไทยปู พริก 6 เม็ด, ข้าวเหนียว 4 ห่อ, ปลาขาวกรอบ 5 ห่อ ไว้รับประทานกับข้าวสวยและพริกน้ำปลา โดยยังไม่แน่ใจว่าจะสามารถนำอาหารเข้าเยี่ยมได้หรือไม่ หากไม่ได้ ก็ให้เป็นดุลพินิจของเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ ว่าจะนำอาหารทั้งหมดไปให้บุคคลใดแทนหรือไม่ แต่ตนเองถือว่าได้แสดงน้ำใจแล้ว โดยการเดินทางมาที่โรงพยาบาลตำรวจวันนี้ ตนเองยังคาดหวังจะได้พบนายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ เพื่อสอบถามอาการป่วยของนายทักษิณ หลังเข้ารับการรักษาตัวมานานกว่า 70 วันด้วย

ส่วนที่ก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวว่านายสิระ รวมถึงนางสาวปารีณา ไกรคุปต์ อดีต สส. พรรคพลังประชารัฐ จะมาเยี่ยมนายทักษิณพร้อมๆ กับนายมงคลกิตติ์ด้วยนั้น แต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา นายสิระ ติดธุระด่วน ส่วนนางสาวปารีณา มีอาการป่วย ตัวรุมๆ ส่วนที่มีกระแสข่าวว่า ทั้งสองมีผู้ใหญ่ติดต่อมาเจรจา ไม่ให้มาตนเองไม่ทราบ คงต้องไปสอบถามทั้งสองเอง แต่ทั้งสอง ก็ฝากความคิดถึง มาให้ตนเองเป็นตัวแทนในการเข้าเยี่ยมเพื่อติดตามอาการเจ็บป่วยของตัวนายทักษิณ เพราะที่ผ่านมาทางโรงพยาบาลไม่เคยมีการแถลงข่าวอัปเดทอาการใดๆ ผิดจากเราบุคคลที่มีชื่อเสียงที่ผ่านมาที่ปรากฏว่าจะมีการแถลงข่าวในทุกอาทิตย์

สำหรับการเข้ารักษาตัวของ นายทักษิณ ตนไม่รู้ว่าสรุปแล้ว นายทักษิณ ป่วยเป็นไรกันแน่ เพราะตามปกติถ้านักโทษมีชื่อเสียง คณะแพทย์ต้องแถลงอาการทุกสัปดาห์ว่าเจ็บป่วยอะไรบ้าง ขั้นตอนรักษาเป็นอย่างไรบ้าง เพื่อให้ประชาชนทราบ เชื่อว่าคนอายุ 74 ย่าง 75 ปี มีโรคภัยไข้เจ็บอยู่แล้ว

ทั้งนี้ ยังมีแชตจากทางบ้านฝากตนให้มาถามอาการว่า นายทักษิณ เป็นอย่างไรบ้าง หากตนได้เจอจะได้รู้ว่าสุขภาพยังแข็งแรงดี ไม่ต้องกังวลมาก แต่ก็ขึ้นอยู่กับ นายทักษิณ อยากให้เข้าเยี่ยมหรือไม่ เพื่อนๆ ของตน ทั้งฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาล อยากมาเยี่ยมกันมาก เพราะตอนนี้เยี่ยมได้แต่คนในครอบครัว การเยี่ยมครั้งนี้ตนเหมือนเป็นตัวแทนหมู่บ้าน

โดย นายมงคลกิตต์ กล่าวอีกว่า หากนายทักษิณ ไม่ได้รับประทานอาหารวันนี้คงเสียดาย จริงๆ อยากจะนำสตรอว์เบอรีมาฝากด้วย เมื่อถามว่ามีนัยยะหรือไม่นั้น นายมงคลกิตต์ ตอบว่า ไม่มี เป็นสตรอว์เบอรีที่ตนปลูกเอง พันธุ์ใหญ่

อย่างไรก็ตาม สำหรับการเข้าเยี่ยมทางกรมราชทัณฑ์ได้แจ้งว่า ทางครอบครัวชินวัตร แจ้งรายชื่อไว้ 10 รายชื่อ การเยี่ยมเป็นไปตามระเบียบกรมราชทัณฑ์ ต้องถามความสะดวกใจของนักโทษก่อนว่าสะดวกให้เข้าเยี่ยมหรือไม่

ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติตรวจเยี่ยม หลังมอบหมายโรงพยาบาลตำรวจ เดินหน้าโครงการหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ให้บริการข้าราชการตำรวจและครอบครัวทั่วประเทศ นำร่องกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง มุ่งส่งเสริมสุขภาพกายและสุขภาพจิตแก่ตำรวจ

วันนี้ (9 พ.ย.66) พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ  ตรวจเยี่ยมโครงการหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ให้บริการข้าราชการตำรวจและครอบครัว ณ ห้องประชุม ชั้น 2 กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) ถ.พหลโยธิน แขวงจอมพล เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร พร้อมด้วย พล.ต.ท.โสภณรัชต์ สิงหจารุ รรท.ผู้ช่วย ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์ รรท.นายแพทย์ใหญ่ (สบ8) โรงพยาบาลตำรวจ โดยมี รอง ผบช.ก. ประกอบด้วย พล.ต.ต.วิวัฒน์ ชัยสังฆะ , พล.ต.ต.ณัฐศักดิ์ เชาวนาศัย , พล.ต.ต.ภูมินทร์ พุ่มพันธุ์ม่วง , พล.ต.ต.ณัฐพงษ์ สัตยานุรักษ์ และ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ร่วมให้การต้อนรับ 

ทั้งนี้ ผบ.ตร.ได้เน้นนโยบายเสริมสร้างขวัญและกำลังใจให้แก่ข้าราชการตำรวจผู้ปฏิบัติงาน โดยมีความห่วงใยและตระหนักถึงความสำคัญในเรื่องของการดูแลสุขภาพของข้าราชการตำรวจและครอบครัว ในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ เพื่อให้มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง และสุขจิตที่ดี ซึ่งถือว่าเป็นรากฐานที่สำคัญนำไปสู่การปฏิบัติหน้าที่ในการดูแลประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดย ผบ.ตร.เล็งเห็นว่าโรงพยาบาลตำรวจซึ่งได้มีการจัดกิจกรรมออกหน่วยบริการทางการเเพทย์ ที่ผ่านมาได้มีการลงพื้นที่เพื่อตรวจและให้บริการด้านการแพทย์แก่ข้าราชการตำรวจ และครอบครัว รวมถึงพี่น้องประชาชนในทุกพื้นที่ทั่วประเทศอย่างสม่ำเสมอ จึงเห็นควรให้ดำเนินกิจกรรมดังกล่าวอย่างต่อเนื่องต่อไป โดยมอบหมายให้โรงพยาบาลจัดโครงการหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ให้บริการข้าราชการตำรวจและครอบครัว เวียนไปตามหน่วยต่างๆ ทั่วประเทศ นำร่องที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ในวันที่ 8-9 พฤศจิกายนนี้ 

ซึ่งโครงการหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ให้บริการข้าราชการตำรวจและครอบครัว ที่นำร่อง ณ บช.ก.ในครั้งนี้ ได้มีบริการทางการแพทย์ อาทิ ให้บริการคัดกรองความเสี่ยงทางหัวใจ , ให้บริการตรวจรักษาผู้ป่วยที่มีปัญหาอาการปวดกล้ามเนื้อ , ให้บริการตรวจความแข็งเเรงของกล้ามเนื้อ , การตรวจวัดความดันลูกตา , ให้บริการตรวจโรคทั่วไป , ให้บริการด้านทันตกรรม , ให้คำปรึกษาด้านโภชนาการ , ฝึกอบรม CPR และฝึกอบรมสัมมนา “ครูแม่ไก่” เพื่อไปสอนบุคลากรในหน่วยงาน 

พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. กล่าวว่า การดูแลสุขภาพของข้าราชการตำรวจเป็นเรื่องสำคัญ เพราะหากเจ็บป่วยแล้วรักษา เป็นเพียงการแก้ที่ปลายเหตุ การดูแลสุขภาพก่อนป่วยเป็นเรื่องสำคัญมากกว่า จึงส่งเสริมให้โรงพยาบาลตำรวจจัดทำโครงการหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ให้บริการข้าราชการตำรวจและครอบครัว ลงพื้นที่ตำรวจหน่วยต่างๆ ทั่วประเทศ เพื่อตรวจสุขภาพ และแนะนำการดูแลสุขภาพสำหรับข้าราชการตำรวจทุกหน่วย ทุกระดับต่อไป โดย ผบ.ตร.ได้กำชับให้โรงพยาบาลตำรวจศึกษาข้อมูลแต่ละพื้นที่ ว่าตำรวจแต่ละพื้นที่จะมีปัญหาสุขภาพด้านใด เพื่อจะได้ตรวจโรคและแนะนำการดูแลสุขภาพให้ตรงจุด เช่น พื้นที่นครบาล ดูแลกรุงเทพมหานคร ซึ่งสภาพการจราจรคับคั่ง ตำรวจจราจรมักมีปัญหาเกี่ยวกับมลภาวะด้านฝุ่นละออง ควันพิษ และเสียง ทีมแพทย์จึงควรให้ความสำคัญเรื่องนี้เป็นพิเศษ หรือพนักงานสอบสวนจะมีสภาวะความเครียด จึงควรดูแลเรื่องสุขภาพจิตเป็นพิเศษ เป็นต้น 

โดยในเร็วๆ นี้ ผบ.ตร.มีมีการลงพื้นที่เพื่อประชุมสัญจรในตำรวจภูธรภาคต่างๆ จะเริ่มที่ ภ.5 ซึ่งจะนำทีมแพทย์ โรงพยาบาลตำรวจ ไปร่วมโครงการหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ด้วย และจะทำลักษณะเดียวกันนี้กับพื้นที่ตำรวจภูธรภาคอื่นๆ ทั่วประเทศต่อไป

โรงพยาบาลตำรวจจัดกิจกรรมวันเอดส์โลก 2023 ให้ความรู้ ตรวจร่างกาย และตรวจหาเชื้อ HIV กับข้าราชการตำรวจและประชาชน

วันนี้ (1 ธ.ค.66) พล.ต.ท.ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์ นายแพทย์ใหญ่ (สบ 8)โรงพยาบาลตำรวจ พร้อมด้วย พล.ต.ท.ไพบูลย์ เจียมอนุกูลกิจ นายแพทย์ (สบ 8)โรงพยาบาลตำรวจ , พล.ต.ต.หญิง พันวดี รัตนสุมาวงศ์ นายแพทย์ (สบ 7)โรงพยาบาลตำรวจ และประธานคณะทำงานป้องกันและแก้ไขปัญหาเอดส์ และ พล.ต.ต.หญิง ดร.สุรัมภา รอดมณี ผู้บังคับการวิทยาลัยพยาบาลตำรวจ นำนักศึกษาวิทยาลัยพยาบาลตำรวจ ร่วมตัดริบบิ้นเปิดกิจกรรมโครงการ “Word AIDS Day 2023 - Let Communities  lead" ณ หน้าอาคารมหาภูมิพลราชานุสรณ์ 88 พรรษา ชั้น 1 โรงพยาบาลตำรวจ 

เนื่องด้วยในวันที่ 1 ธันวาคม ของทุกปี เป็นวันเอดส์โลก  ปีนี้โรงพยาบาลตำรวจจัดกิจกรรมยิ่งใหญ่ไม่แพ้ทุกปี โดยปล่อยแถวรณรงค์ภัยร้ายจากโรคเอดส์ ซึ่งเจ้าหน้าที่และบุคลากรของโรงพยาบาลตำรวจถือป้ายเดินขบวนรณรงค์จากหน้าอาคาร มภร. ชั้น 1 โรงพยาบาลตำรวจ ไปยังห้องโถง อาคารศูนย์ฝึกอบรมพัฒนาบุคลากรและสวัสดิการ ชั้น 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยมีนายแพทย์ใหญ่  (สบ 8) โรงพยาบาลตำรวจ เปิดกิจกรรม มีการบรรยายให้ความรู้เรื่อง “โรคแทรกซ้อนสำคัญของระบบทางเดินหายใจอันเนื่องมาจากการติดเชื้อ  HIV", ความรู้เรื่อง “โรคตับอักเสบและการปฏิบัติตนอย่างเหมาะสม" จากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรงพยาบาลตำรวจ นอกจากนี้ ยังให้บริการตรวจพยาธิสภาพตับด้วยเครื่อง Fibro Scan และให้คำปรึกษาก่อนเจาะเลือดตรวจหาเชื้อ  HIV, ซิฟิลิส, เชื้อไวรัสตับอักเสบบี, เชื้อไวรัสตับอักเสบซี และภูมิคุ้มกันไวรัสตับอักเสบบี 

พล.ต.ท.ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์ นายแพทย์ใหญ่(สบ 8)โรงพยาบาลตำรวจ กล่าวว่า แม้จำนวนผู้ติดเชื้อ HIV จะลดน้อยลง เพราะที่ผ่านมาหลายหน่วยงานรณรงค์ให้ความรู้ถึงภัยร้ายและการป้องกัน ให้ทุกคนตระหนักถึงความสำคัญ ซึ่งโรงพยาบาลตำรวจเล็งเห็นความสำคัญของโรคเอดส์ จัดกิจกรรมรณรงค์อย่างต่อเนื่อง อาทิ ให้บริการตรวจหาเชื้อ HIV กับข้าราชการตำรวจ ครอบครัว และประชาชนทั่วไป ให้คำปรึกษากับผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง และแนะนำวิธีการป้องกันอย่างถูกวิธี อีกทั้งให้การสนับสนุนเครือข่าย ที่ร่วมรณรงค์แก้ไขปัญหา เพื่อลดจำนวนผู้ป่วย และกลุ่มเสี่ยงให้มีจำนวนน้อยที่สุด

ด้าน พล.ต.ต.หญิง พันวดี รัตนสุมาวงศ์ นายแพทย์(สบ 7)โรงพยาบาลตำรวจ และประธานคณะทำงานป้องกันและแก้ไขปัญหาเอดส์ กล่าวว่า สถิติการระบาดของผู้ติดเชื้อเอชไอวี ทั่วประเทศปี 2565 พบประเทศไทยมีผู้ติดที่ยังมีชีวิตอยู่ประมาณ 560,000 คน เสียชีวิต 11,000 รายและมีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 9200 รายเพิ่มจากปี 2564 ร้อยละ 42 สาเหตุมาจากการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกัน คณะทำงานป้องกันและแก้ไขปัญหาเอดส์มีหน้าที่ขับเคลื่อนยุทธศาสตร์แห่งชาติยุติปัญหาเอดส์ พ.ศ. 2560 ถึง 2573 โดยให้ทุกคนตระหนักถึงอันตรายจากการติดต่อ ส่งเสริมสนับสนุน การป้องกันมากขึ้น รวมถึงจัดกิจกรรมต่อต้านอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดการยอมรับและห่วงใยผู้ป่วยเอดส์ อีกทั้งเผยแพร่ความรู้ให้กว้างขวางขึ้น

พ.ต.อ.หญิง ศิริกุล ศรีสง่า โฆษกโรงพยาบาลตำรวจ กล่าวว่า วันนี้โรงพยาบาลตำรวจจัดกิจกรรมรณรงค์วันเอดส์โลก เพื่อให้ประชาชนตระหนักถึงความรุนแรงของโรคเอดส์ ซึ่งจัดกิจกรรมเดินรณรงค์ การให้ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับโรคเอดส์ รวมถึงการป้องกันอย่างถูกวิธี โรงพยาบาลตำรวจ ขอเชิญชวนให้ประชาชนทั่วไป ร่วมกันรณรงค์ในทุกมิติ เพื่อยุติปัญหาดังกล่าว โอกาสนี้โรงพยาบาลตำรวจขอขอบคุณ โรงเรียนวัดปทุมวนาราม ที่นำวงดุริยางค์มาร่วมกิจกรรมครั้งนี้ด้วย สำหรับข้าราชการตำรวจ ครอบครัว และประชาชนทั่วไป ที่มีปัญหาเรื่องสุขภาพ สามารถเข้ามารับคำปรึกษาได้ที่ เพจเฟสบุ๊ก โรงพยาบาลตำรวจ หรือโทร 02-2076000

‘รพ.ตำรวจ’ ยัน!! ไม่เปิดเผยอาการป่วย 'ทักษิณ' โยนราชทัณฑ์แจง หากใครอยากส่องสถานะชั้น 14

(14 ธ.ค. 66) ที่โรงพยาบาลตำรวจ (รพ.ตร.) พ.ต.อ.หญิงศิริกุล ศรีสง่า โฆษก รพ.ตร. กล่าวถึงอาการของ น.ช.ทักษิณ ชินวัตร ที่พักรักษาตัวอยู่ที่ รพ.ตำรวจใกล้ครบ 120 วัน ว่า ในส่วนของอาการคนไข้เป็นสิทธิส่วนบุคคลไม่สามารถเปิดเผยหรือให้ข้อมูลกับบุคคลอื่นที่ไม่ใช่ญาติคนในครอบครัวหรือเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้ 

ส่วนกรณีกลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย หรือ คปท.บุกยื่นหนังสือถึงแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจเรียกร้องให้รักษาจรรยาบรรณแพทย์ และความยุติธรรมโดยการทำความเห็นอย่างตรงไปมากับทางราชทัณฑ์เรื่องอาการป่วยนายทักษิณ หลังบุตรสาวของ น.ช.ทักษิณ ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า น.ช.ทักษิณ อยู่ในช่วงพักฟื้นตัวเท่านั้น และกลุ่ม คปท.เห็นว่าแพทย์ควรทำความเห็นและส่งตัว น.ช.ทักษิณ ไปพักฟื้นที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ เพราะมีอุปกรณ์เครื่องไม้เครื่องมือครบนั้น ที่ผ่านมามีหลายหน่วยงานมายื่นหนังสือ ซึ่งทางโรงพยาบาลตำรวจ ก็รับไว้และทำรายงานให้ผู้บังคับบัญชาตามขั้นตอน แต่การให้ข้อมูลคนไข้ ย้ำว่าไม่สามารถเปิดเผยได้

“ส่วนคนไข้หรือญาติจะมอบหมายใครให้ข้อมูลก็เป็นสิทธิ์ พร้อมยืนยันว่าคนไข้ที่ทางราชทัณฑ์ส่งมาโรงพยาบาลตำรวจ มีระบบรักษาตามมาตรฐานอยู่แล้วในการดูแลผู้ป่วยทุกคนอย่างเท่าเทียม ส่วนการทำความเห็นเรื่องอาการคนไข้ให้ราชทัณฑ์ก็มีช่วงระยะเวลาอยู่ และจะมีเจ้าหน้าที่ของราชทัณฑ์มาคอยดูแลที่โรงพยาบาล โดยทั่วไปหากคนไข้หายดีหรือสามารถกลับไปเรือนจำได้ ทางแพทย์และเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ก็จะต้องมีการพิจารณาอย่างรอบคอบไม่ใช่แค่กรณีใดกรณีหนึ่ง” โฆษก รพ.ตร. กล่าว

พ.ต.อ.หญิงศิริกุล กล่าวถึงกรณีกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรม และการตำรวจ จะไปตรวจสอบที่ชั้น 14 อาคารมหาภูมิพลราชานุสรณ์ 88 พรรษา สถานที่รักษาตัวของ น.ช.ทักษิณ นั้น ว่า หากมีการแจ้งมาทางโรงพยาบาลตำรวจ ก็จะต้องประสานไปยังกรมราชทัณฑ์ ซึ่งเป็นหน่วยงานต้นเรื่องเพื่อให้พิจารณาและดำเนินการตามระเบียบ ส่วนจะอนุญาตหรือไม่ยังไม่สามารถตอบได้

อ่านเกม ปชป.โชว์รุกไล่ชั้น 14 มีแต่ได้มากกว่าเสีย ในจังหวะ 'โทนี่' รอคิวพักโทษปลายเดือน ก.พ.67

ในรอบสัปดาห์ข่าวที่ยึดพื้นที่สื่อมากถึงมากที่สุด ถ้าไม่นับข่าวสังคมชาวบ้านเรื่อง 'พ่อใหญ่บาส' สมรักษ์ คำสิงห์ แล้ว…ในส่วนของข่าวการเมืองก็ต้องบอกว่า...ข่าวระเบียบราชทัณฑ์ 2566 ว่าด้วย 'คุกนอกเรือนจำ' เอื้อ 'โทนี่' ทักษิณ ชินวัตร..!? มาแรงและร้อนแรงยิ่ง...

และน่าประหลาดใจอยู่พอประมาณที่ปรากฏว่า...ข่าวระเบียบราชทัณฑ์และข่าว 'ทักษิณ แวร์ อาร์ ยู?' ทักษิณนอนอยู่ชั้น 14 รพ.ตำรวจจริงหรือไม่นั้น?...แทนที่พรรคก้าวไกล โดยกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดน ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ ที่มีท่านสส.รังสิมันต์ โรม เป็นประธาน จะรีบแย่งซีนตรวจสอบเหมือนเรื่องอื่นๆ... การณ์กลับกลายเป็นว่า...

กมธ.การตำรวจ ที่มี 'เดอะแทน' ชัยชนะ เดชเดโช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กลับเป็นประธานได้ซีนนี้ไปแทนแบบเต็มๆ และค่อนข้างจะเข้าตากรรมการอีกต่างหาก...

ไหนๆ ก็ไหนๆ 'เล็ก เลียบด่วน' ก็ใคร่ขอวิเคราะห์ขยายความสักเล็กน้อยว่า การที่ กมธ.ตำรวจโดยสส.ชัยชนะ โชว์ฟอร์มถึงขั้นจะนำ กมธ.ไปบุกชั้น 14 รพ.ตำรวจ ก่อนวันเด็ก 13 ม.ค. 2567 เพื่อให้เห็นกับตาว่า นช.ทักษิณ อยู่ที่นั่นจริงหรือไม่นั้น หลายคนอาจแอบตั้งคำถามว่า ทำแบบนั้น 'นายใหญ่' ไม่โกรธเอาหรือ? ประชาธิปัตย์ไม่กลัววืดที่จะเข้าร่วมรัฐบาลหรือไง?

แหล่งข่าวระดับสูงพอประมาณบอกว่ากรณีนี้ชี้ได้สองทาง...

>> ทางแรก มีข่าวว่าประชาธิปัตย์ยุคใหม่ ยุคเฉลิมชัย ศรีอ่อน พยายามล้างภาพความเป็นพรรคอะไหล่ของเพื่อไทยออกไปให้ได้ การหยิบฉวยเอากรณีทักษิณของ กมธ.ตำรวจ โดยมอบหมายให้ วัชระ เพชรทอง อดีต สส.ปชป. นักร้องดีเด่นของพรรค เป็นคนร้องเรียน...เป็นกรณีที่ถูกที่ถูกเวลา บวกลบคูณหารแล้ว งานนี้ประชาธิปัตย์ได้มากกว่าเสีย เพราะการจะเข้าร่วมรัฐบาลไม่จำเป็นต้องเป็นฝ่ายยืนกุมไข่ตัวเองตลอดไป เล่นบทบีบไข่เพื่อนบ้างก็ได้...

>> ทางที่สอง เป็นไปได้ว่าประชาธิปัตย์หรือกมธ.ตำรวจอ่านสถานการณ์ว่า กว่าจะถึงวันเด็กที่ 13 ม.ค. 2567 นั้น นช.ทักษิณ ชินวัตร อาจจะอพยพจากชั้น 14 รพ.ตำรวจไปใช้บริการ 'คุกนอกเรือนจำ' ที่อื่นตามระเบียบราชทัณฑ์ล่าสุดเรียบร้อยแล้ว...ดังนั้นไม่จำเป็นต้องตามไปดมกลิ่นนักโทษเทวดาให้เสียเวลา...

เอาเหอะ...จะเป็นไปตามแนวทางแรก หรือแนวทางที่สอง งานนี้ก็ต้องยกผลประโยชน์ให้กับปฏิบัติการของ กมธ.ตำรวจ...

ถึงตรงนี้ก็ต้องเรียนสาธุชน ท่านผู้อ่านท่านผู้ฟังสักนิดว่าระเบียบราชทัณฑ์ล่าสุดนั้นมีชื่อเต็มว่า 'ระเบียบกรมราชทัณฑ์ว่าด้วยการดำเนินการสำหรับการคุมขังในสถานที่คุมขัง พ.ศ.2566' โดยสาระสำคัญคือการกำหนดสถานที่คุมขังอื่นที่มิใช่เรือนจำ…โดยมีสารตั้งต้นมาจากพ.ร.บ.ราชทัณฑ์ 2560 มาตรา 33 และมาตรา 34

ตามระเบียบหมวด 3 ข้อ 6 และข้อ 7 นั่น ว่าด้วยสถานที่คุมขังแบบเนื้อๆ เน้นๆ ว่าเพื่อวัตถุประสงค์ใดและมีลักษณะอย่างไร อ่านกี่เที่ยวก็สรุปได้ว่า บรรดาบ้าน, อาคาร, วัด, โรงพยาบาล ฯลฯ ที่มีบ้านเลขที่เข้าข่าย "สถานที่คุมขังอื่นที่มิใช่เรือนจำ..." ได้หมด

ยกตัวอย่างส่งท้ายสักนิด...

ข้อ 6 การคุมขังผู้ต้องขังในสถานที่คุมขังให้สามารถทำได้เฉพาะเพื่อวัตถุประสงค์และสถานที่คุมขังดังต่อไปนี้...

(1)....
(2)....
(3) การรักษาพยาบาลผู้ต้องขัง โดยคุมขังในสถานพยาบาลประเภทที่รับผู้ป่วยไว้ค้างคืน
(4)....

อยากให้อ่านข้อ 6(3) อย่างเดียว...เล็ก เลียบด่วน ก็ตาสว่างว่า นช.ทักษิณ อาศัยระเบียบนี้สามารถนอนตีพุงดูสนามกอล์ฟและม้าแข่งอยู่ที่ชั้น 14 รพ.ตำรวจได้อย่างชอบธรรมตามระเบียบต่อไปจนกว่าจะได้พักโทษปลายเดือน ก.พ. 2567 หรือถ้าไม่อยากจะวุ่นวายมาก ก็ย้ายไปอยู่ รพ.พระรามเก้า คุณหญิงอ้อไปซะเลย...

จบนะ...
สวัสดีประเทศไทย...

เรื่อง: เล็กเลียบด่วน

'นายกฯ' ยัน!! ปม 'ทักษิณ' ทำตามกฎระเบียบ ไม่เอื้อประโยชน์ให้ใคร  ชี้!! หากโยงเข้าการเมืองก็ทำได้ทุกเรื่อง ลั่น!! มีปัญหาต้องแก้ไขกันไป

(24 ธ.ค.66) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์สดผ่านทางสถานีโทรทัศน์แห่งหนึ่งถึงกรณีการรักษาตัวในโรงพยาบาลครบ 120 วันของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก รวมถึงเมื่อวันที่ 22 ธ.ค. ที่ผ่านมา กรณี พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเดินทางเข้าทำเนียบรัฐบาล และมีกระแสข่าวว่านำเรื่องดังกล่าวเข้าหารือ รวมถึงยังมีอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พร้อมทั้งผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลางเข้ามาด้วยว่า...

"มีการพูดคุยกันในหลายเรื่องที่เราติดตามกันอยู่ เป็นคดีที่พี่น้องประชาชนให้ความสนใจ ประเด็นของนายทักษิณ อย่างที่ตนได้ให้สัมภาษณ์ไปแล้วเมื่อวันที่ 23 ธ.ค. ว่าขอให้เป็นหน้าที่ของกรมราชทัณฑ์กับโรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งตนมั่นใจว่าเขาไม่ได้ออกกฎระเบียบมาเพื่อดูแลคนๆ เดียว ต้องคิดถึงส่วนรวมเป็นหลัก รวมถึงเชื่อว่าทั้งสองหน่วยงานจะยึดถึงผลประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้งอยู่แล้ว ให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายด้วย"

เมื่อถามถึงความพยายามเชื่อมโยงประเด็นของนายทักษิณมาเป็นเรื่องของการเมือง จะส่งผลต่อการกดดันทางการเมืองในปีหน้าด้วยหรือไม่? นายกฯ กล่าวว่า "ทุกเรื่องก็คงเป็นประเด็นการเมืองทั้งหมดหากจะโยงกันจริงๆ แต่เราก็ยึดมั่นในกฎระเบียบที่ไม่ได้ทำมาเพื่อใครคนใดคนหนึ่ง ซึ่งถ้าเป็นไปตามกฎแล้วทุกคนมีสิทธิ ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่ถูกกล่าวโทษหรือผู้ที่อยู่ในโรงพยาบาลตำรวจเอง ท่านเองก็เป็นนายกรัฐมนตรีมาสองสมัย และเป็นบุคคลที่ทำประโยชน์ให้ประเทศชาติมา ท่านก็ได้รับการดูแล แต่เชื่อทุกอย่างเป็นไปตามกฎกติกาที่ได้วางกันไว้ ส่วนเรื่องจะมาเป็นประเด็นทางการเมืองมากน้อยขนาดไหนอย่างไร ตนคงไม่ไปทำนายส่วนนั้นได้"

"มีปัญหาก็ต้องแก้ไขกันไป มีอะไรไม่กระจ่างก็ต้องชี้แจงกันไป แต่เรายึดมั่นในกระบวนการยุติธรรมอยู่แล้ว" นายเศรษฐา กล่าว

เมื่อถามถึงกรณีพรรคการเมืองฝ่ายค้านออกมาระบุ เตรียมขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลในช่วงปีหน้า? นายกฯ กล่าวว่า "การตรวจสอบเป็นหน้าที่ของฝ่ายค้านอยู่แล้ว หน้าที่เราคือทำงาน แต่หากมีการสอบถามมาหรือถึงขั้นเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจเราก็มีหน้าที่ต้องตอบ และยืนยันไม่มีความหนักใจ เราทำงานเอาประชาชนเป็นที่ตั้งอยู่แล้ว เชื่อว่ารัฐมนตรีทุกท่านรวมถึงตน ตอบอยู่แล้วถึงเรื่องที่เราทำกันมา"

โรงพยาบาลตำรวจมอบ 3 ของขวัญปีใหม่ให้ตำรวจ และประชาชน เปิดโครงการ "จิตอาสาดนตรีกล่อมใจ" กลับมาอีกครั้ง ตรวจสุขภาพให้ประชาชน และฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ให้ตำรวจ 

วันจันทร์ที่ 25 ธันวาคม 2566 ณ อาคารมหาภูมิพลราชานุสรณ์ 88 พรรษา ชั้น 2 โรงพยาบาลตำรวจ พล.ต.ท.ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์ นายแพทย์ใหญ่ โรงพยาบาลตำรวจ ส่งมอบความสุข 3 ของขวัญปีใหม่ ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ และประชาชนเนื่องในเทศกาลวันขึ้นปีใหม่ 

โดยมี พล.ต.ท.ไพบูลย์ เจียมอนุกูลกิจนายแพทย์ (สบ 8) รพ.ตร. พล.ต.ท. วัชรินทร์พิภพมงคล นายแพทย์ (สบ 8) รพ.ตร. พล.ต.ต.ธนิต จิรนันท์ธวัช นายแพทย์ (สบ7) รพ.ตร. พล.ต.ท. ยิ่งยศ เทพจำนงค์ ผู้บัญชาการสำนักงานกำลังพล และ ร.ต.ท.หญิง สายพิณ สมพงษ์ กรรมการสมาคมแม่บ้านตำรวจ ร่วมกิจกรรมด้วย 

โดยฟื้นโครงการ "จิตอาสาดนตรีกล่อมใจ" ภายใต้ชื่อวง "PGH Band" ขึ้นมาอีกครั้ง เพราะดนตรี เป็นสิ่งที่ช่วยสร้างสรรค์ จรรโลงใจ ไม่ทำร้ายใคร โดยเฉพาะเสียงเพลงจากดนตรี ที่หากใครได้ยินได้ฟังแล้วจะรู้สึกเพลิดเพลิน สบายใจ ผ่อนคลายความทุกข์ ความเศร้าหมองที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะกับผู้ป่วย ญาติ และผู้มาใช้บริการ ที่มีความกังวล หรือเครียด 


วง "PGH Band" บรรเลงโดยบุคลากรของโรงพยาบาลตำรวจ ที่มีใจรักในเสียงเพลง มาขับร้องให้ผู้ป่วย ญาติ และผู้มาใช้บริการ ที่ตึกอำนวยการเก่า อีกทั้งมีเจ้าหน้าที่ตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ดารา ศิลปินชื่อดัง ที่ขอเป็นจิตอาสา สับเปลี่ยนมาร่วมขับร้องเพลงส่งความสุขให้ผู้ใช้บริการ ซึ่งสร้างความสุข และรอยยิ้มให้กับทุกคน โดยจะบรรเลงเพลงในวันจันทร์ กับ วันพุธ เวลา 10.00 -12.00 น. ยกเว้นวันหยุดราชการ

ส่วนเสียงเพลงที่ใช้ขับร้อง เน้นเสียงเพลงเบาๆ ฟังแล้วสบายใจ ใช้ดนตรีน้อยชิ้น เพื่อไม่ให้รบกวนผู้ป่วย และรบกวนการทำงานของบุคลากรทางการแพทย์ 

พ.ต.อ.หญิง ศิริกุล ศรีสง่า โฆษกโรงพยาบาลตำรวจ เชิญชวน ศิลปิน ดารา ประชาชาชนทั่วไป และผู้มีความสามารถทางดนตรี ที่อยากเป็นส่วนหนึ่งกับโครงการ "จิตอาสาดนตรีกล่อมใจ โรงพยาบาลตำรวจ" ติดต่อร่วมโครงการได้ที่ แฟนเพจ เฟซบุ๊ก โรงพยาบาลตำรวจ หรือ โทร 02-2076000 เพื่อเป็นของขวัญให้กับผู้ป่วย

นอกจากนี้โรงพยาบาลตำรวจยังมอบของขวัญปีใหม่ให้ข้าราชการตำรวจ และประชาชน 3 ชิ้น ด้วยกัน 

คือ 1 ออกตรวจสุขภาพให้ประชาชน  4 จุดสถานีขนส่ง คือ  1 หมอชิต 2 บางซื่อ 3 เอกมัย และ สายใต้ 

โดยที่บางซื่อ และ หมอชิต จะมีทีมแพทย์ประจำจุดออกตรวจ ที่หมอชิต ตรวจวันที่ 22 ธันวาคม และวันที่ 28 ธันวาคม ออกตรวจที่บางซื่อ 

ชิ้นที่ 2 คือ ดนตรีจิตอาสา สร้างความสุขให้ประชาชน 

ชิ้นที่ 3 คือ ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ 4 สายพันธุ์ให้ข้าราชการตำรวจที่มีความเสี่ยง และมีผลตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาลตำรวจ ทั้งหมด 50,000  dose 


ศูนย์ประชาสัมพันธ์ สื่อสารองค์กร และโฆษกโรงพยาบาลตำรวจ ขออนุญาตเผยแพร่ภาพและข่าวประชาสัมพันธ์ที่มีภาพบุคคลในกิจกรรมดังกล่าว

"ศูนย์กลางข่าวสาร ประสานฉับไว ใส่ใจบริการ เพื่อตำรวจและประชาชน"

#PGH
#โรงพยาบาลตำรวจ
#ศูนย์ประชาสัมพันธ์สื่อสารองค์กรและโฆษกโรงพยาบาลตำรวจ

‘วัชระ’ ยื่นหนังสือถึง ‘นายกฯ’ ตั้ง กก.สอบ ‘นช.ทักษิณ’ พร้อมมอบใบมะละกอ หวังช่วยรักษาโรค จะได้กลับเรือนจำเร็วๆ

(26 ธ.ค.66) ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล 1111 นายวัชระ เพชรทอง อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคประชาธิปัตย์ ได้เดินทางมายื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี ผ่านนายพันศักดิ์ เจริญ ผู้เชี่ยวชาญด้านมวลชน เรื่อง ขอให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนกรณี นช.ทักษิณ ชินวัตร ต้องคำพิพากษาให้จำคุก 6 ปี แต่ไม่ได้จำคุกจริงในเรือนจำแม้แต่วันเดียว และขอให้บังคับโทษตามคำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญา ของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ทั้งโทษอาญาและแพ่งให้ นช.ทักษิณชำระเงินให้แก่รัฐคดีทุจริตปล่อยของธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (เอ็กซิมแบงค์) จำนวนเงิน 189,125,644.55 บาท พร้อมดอกเบี้ย 

ตามหนังสือที่อ้างถึงข้าพเจ้านายวัชระ เพชรทอง อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรค
ประชาธิปัตย์ ได้กราบเรียนนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เรื่องขอทราบผลการติดตามของกระทรวงการคลังได้ดำเนินการให้จำเลย (นายทักษิณ ชินวัตร) ชดใช้ความเสียหายตามคำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และสื่อมวลชนได้นำเสนอข่าวการติดตามเร่งทวงเงินคดีทุจริตปล่อยกู้ของธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทยนั้น

ทั้งนี้เมื่อวันที่ 11 ก.ย.66 ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี ได้แถลงนโยบายของคณะรัฐมนตรีต่อรัฐสภา “การดำเนินนโยบายของรัฐบาลที่อยู่บนพื้นฐานของความถูกต้อง โปร่งใสและตรวจสอบได้สอดคล้องกับกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 53 รัฐต้องดูแลให้มีการปฏิบัติตามและบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด” แต่ปรากฏว่าท่านไม่ได้ปฏิบัติตามคำแถลงนโยบายในเรื่องสำคัญที่อยู่ในความสนใจของพี่น้องประชาชนทั้งประเทศ คือ กรณี นช.ทักษิณ ชินวัตร ต้องคำพิพากษาให้จำคุก 1 ปี แต่ไม่ได้จำคุกจริงในเรือนจำแม้แต่วันเดียว และยังได้อภิสิทธิ์ไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล และยังมีการเร่งรัดออกระเบียบตำรวจถึงวันนี้รวม 126 วันโดยพี่น้องประชาชนไม่เชื่อว่ามีการเจ็บป่วยจริง กรมราชทัณฑ์ว่าด้วยการดำเนินการสำหรับการคุมขังในสถานที่คุมขัง พ.ศ.2560 ลงวันที่ 5 ธ.ค.66 ให้ทันในปีนี้เพื่อเอื้อประโยชน์แก่ นช.ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งเป็นบิดาของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทยและรองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติซึ่งเข้าข่ายผลประโยชน์ทับซ้อนของบุคคลในรัฐบาลนี้

ดังนั้น จึงขอให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนทุกประเด็นในเรื่องนี้ ธรรมให้ข้อเท็จจริงแก่พี่น้องประชาชน รวมทั้งขอให้บังคับโทษทางอาญาและแพ่งให้แก่รัฐคดีทุจริตปล่อยกู้ของธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย จำนวนเงิน 189,125,644.55 บาท พร้อมดอกเบี้ย หากท่านปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือทุจริตไม่ดำเนินการตามกฎหมายภายใน 15 วัน ข้าพเจ้าจะดำเนินการแจ้งความดำเนินคดีตามประมวลกฎหมายอาญาทันที

และนายวัชระได้มอบใบมะละกอให้นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี ผู้เผยแพร่คลิปว่าใบมะละกอนำมาต้มรักษาโรคร้ายได้ จึงนำมาให้นายสมศักดิ์ นำไปให้ นช.ทักษิณ ชินวัตร ที่พักรักษาตัวที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจนาน 126 วันแล้ว จะได้หายกลับเรือนจำเสียที


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top