Monday, 6 May 2024
โรงพยาบาล

“มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง” ยืนหยัดทำความดีครบ 110 ปี!! เชิญชวนคนไทยร่วมสร้างสังคมความดีที่ยั่งยืน บันทึกเรื่องราวความดี สร้างแรงบันดาลใจ ลงบนเว็บไซต์ “ต้นไม้แห่งความดี”

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง องค์กรสาธารณกุศล ที่มุ่งมั่นบรรเทาทุกข์ และบำรุงสุขโดยไม่เลือกชั้น วรรณะ และศาสนา อย่างครบวงจรชีวิต ทั้งเกิด แก่ เจ็บ และตาย ภายใต้ปณิธาน “ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต” อยู่เคียงคู่ชีวิตคนไทยมา ยาวนานกว่า 110 ปี เดินหน้าปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ผ่านโครงการต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง

พร้อมสร้างสังคมแห่งความดีที่ยั่งยืนให้แก่ประเทศชาติ ในรูปแบบดิจิทัล ภายใต้แคมเปญ “110 ปี ล้านความดี ป่อเต็กตึ๊ง” ให้ทุกคนได้ร่วมกันสืบสานความดีลงบนเว็บไซต์ “ต้นไม้แห่งความดี.com” ให้ครบ 1,100,000 ความดี เพื่อรวมกันเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ร่วมขับเคลื่อนสังคมไทยต่อไป           

นายวิเชียร เตชะไพบูลย์ ประธานกรรมการมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เปิดเผยว่า มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เป็นองค์กรสาธารณกุศลที่มุ่งมั่นช่วยเหลือบรรเทาทุกข์และบำรุงสุขโดยไม่เลือกชั้น วรรณะ และศาสนา อย่างครบวงจรชีวิต ภายใต้ปณิธาน “ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต” และเมื่อปี 2563 ที่ผ่านมาในโอกาส “ครบรอบ 110 ปี มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง” มูลนิธิฯได้จัดกิจกรรมพิเศษตลอดทั้งปี เพื่อบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ให้กับสังคมไทย ภายใต้แนวคิด “ความดีที่ยั่งยืน”

โดยได้มอบอุปกรณ์และเครื่องมือทางการแพทย์รวมมูลค่า 110 ล้านบาทให้แก่โรงพยาบาลของส่วนราชการทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด รวม 37 แห่งทั่วประเทศ รวมทั้งกิจกรรมอื่น ๆ อาทิ การตั้งโรงครัวบริการอาหารและน้ำดื่ม การบริการหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ตามชุมชนต่าง ๆ การก่อสร้างอาคารที่จอดรถที่โรงพยาบาลหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ วิทยาเขตยศเส เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้บริการโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย 

นอกจากนี้ยังมีโครงการใหญ่อีก 2 โครงการ ที่จะเกิดขึ้นในโอกาสฉลองการครบรอบ 110 ปี คือ การเปิดหอประวัติมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง และ การสร้างศาลเจ้าไต้ฮงกง (สาทร) ถนนเจริญราษฎร์ เขตสาทร  ที่สำคัญมูลนิธิได้รับพระมหากรุณาธิคุณจาก สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินเป็นการส่วนพระองค์ ไปทรงเปิดงานฉลอง “มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง 110 ปี ความดีที่ยั่งยืน” และทรงเปิด “หอประวัติมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง” ณ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพมหานคร ในวันเสาร์ที่ 18 ธันวาคม นี้

และในโอกาสฉลองวันดังกล่าว องค์กรในเครือของมูลนิธิฯยังได้ร่วมกันจัดกิจกรรมประกอบด้วย โรงพยาบาลหัวเฉียว มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ  คลินิกการประกอบโรคศิลปะ สาขาการแพทย์แผนจีนหัวเฉียว ซึ่งจะมีทั้งการให้บริการตรวจสุขภาพฟรี และ การบริการในอัตราพิเศษ  ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เฟซบุ๊กแฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung

และในโอกาสครบรอบ 110 ปี มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ขอเชิญชวนคนไทยมาร่วมบันทึกเรื่องราวการทำความดีลงบนเว็บไซต์ https://www.ต้นไม้แห่งความดี.com หนึ่งในกิจกรรมสืบสานปณิธานความดีของมูลนิธิฯ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการสะสมความดีทีละเล็กทีละน้อย หลอมรวมให้กลายเป็นพลังความดีที่ยิ่งใหญ่ นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงสังคมไทยให้เป็นสังคมแห่งความดีที่ยั่งยืนต่อไป  โดยผู้ที่ต้องการเข้าไปร่วมส่งต่อปณิธานความดี สามารถทำได้ง่าย ๆ เพียงคลิกเข้าไปที่ www.ต้นไม้แห่งความดี.com  เพื่อทำการสะสมความดีซึ่งสามารถเลือกหมวดสะสมความดี “11 รากแก้วแห่งความดี” ที่มีอยู่ทั้งหมด 11 หมวด

หลังผ่านครบรอบ 110 ปีแล้ว มูลนิธิฯ จะยังคงเดินหน้าพัฒนาการปฏิบัติภารกิจทำงานช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ เอื้ออำนวยประโยชน์สุขแก่เพื่อนมนุษย์ ผู้ตกทุกข์ได้ยากจากภัยพิบัติ จนครบวงจรชีวิต คือ เกิด แก่ เจ็บ ตาย โดยไม่จำกัดชนชั้น วรรณะ เชื้อชาติ ศาสนา เพศ และวัย ภายใต้ปณิธาน ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต  รวมถึงการพัฒนาแอปพลิเคชัน และศูนย์ฝึกอบรม ซึ่งจะช่วยให้การช่วยเหลือบรรเทาทุกข์แก่เพื่อนมนุษย์ของมูลนิธิฯ เป็นไปอย่างสมบูรณ์แบบ

'โซเชียล' แชร์!! บริการจาก รพ.รัฐ เปลี่ยนไปมาก รวดเร็ว สุภาพ สะอาด โละภาพจำเดิม ๆ จนหมดสิ้น

(30 มี.ค.66) ผู้ใช้เฟซบุ๊ก 'สม ดำรงสิริรัช' ได้แชร์เรื่องราวดีๆ ผ่านเฟซบุ๊กหลังได้ไปใช้บริการสถานพยาบาลของรัฐไว้ว่า...

มาตามหมอนัด....เราไม่ได้นัดหมอ
รพ.ราชพิพัฒน์ (สังกัด กทม.)
คนเยอะมาก...แต่บริการเป็นระบบ
รวดเร็ว เจ้าหน้าที่สุภาพ น่ารัก
สถานที่สะอาด ทำให้ภาพจำของ
รพ.รัฐฯ ที่เคยน่าเบื่อ น่ากลัว หายไป

ขอบคุณบุคคลากรทางการแพทย์
ขอบคุณระบบสาธารณะสุขของไทย

ที่มา: เฟซบุ๊ก สม ดำรงสิริรัช

ต่างชาติประทับใจ ตม.ภูเก็ต รุกให้บริการต่อวีซ่าถึงโรงพยาบาล

จากกรณีเหตุเรือสปีดโบ๊ทนำเที่ยว เกิดอุบัติเหตุชนเสาสัญญาณไฟกลางทะเล เหตุเกิดใกล้กับท่าเทียบเรืออ่าวฉลอง จ.ภูเก็ต  เมื่อวันที่ 17 พ.ค.66  ส่งผลให้มีผู้ประสบภัย จำนวน 37 ราย (เป็นชาวต่างชาติ 33 ราย และเป็นคนไทย 4 ราย)  โดยเข้ารับการรักษาอยู่โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต , โรงพยาบาลฉลอง , โรงพยาบาลดีบุก , โรงพยาบาลสิริโรจน์ , โรงพยาบาลกรุงเทพ , โรงพยาบาลมิชชั่น และโรงพยาบาล อบจ.ภูเก็ต 

วันนี้ (19​ พ.ค.66) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผบช.สตม. , พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม. , พล.ต.ต.ประพันธ์ศักดิ์ ประสานสุข ผบก.ตม.6  โดย พ.ต.อ.ธเนศ​ สุขชัย​ ผกก.ตม.จว.ภูเก็ต ​ได้มอบหมาย​ให้​ พ.ต.ต.หญิง​ ธนันณัฏฐ์​ ศรีสุวรรณ​ สว.ฯ​ ปฏิบัติ​ราชการ​ ตม.จว.ภูเก็ต​  เข้าเยี่ยมติดตามอาการชาวต่างชาติที่ประสบอุบัติเหตุ พร้อมทั้งอำนวยความสะดวกในการขออยู่ต่อในอาณาจักรกรณีที่ต้องรักษาตัวต่อเนื่อง  และได้แจ้งกับทุกโรงพยาบาลให้ทราบว่า หากมีต่างชาติท่านใดที่แพทย์ลงความเห็นแล้วว่าจะต้องรักษาตัวต่อเนื่อง และมีความประสงค์ที่จะขออยู่ต่อในราชอาณาจักร​ ให้ทางโรงพยาบาล ประสานมายัง​ ตม.จว.ภูเก็ต จากกรณีเหตุเรือสปีดโบ๊ทนำเที่ยว เกิดอุบัติเหตุชนตอหม้อเสาสัญญาณไฟกลางทะเล ใกล้กับท่าเที่ยบเรืออ่าวฉลอง  เมื่อวันที่ 17 พ.ค.66  ทำให้มีผู้ประสบภัย จำนวน 37 ราย (เป็นชาวต่างชาติ 33 ราย และเป็นคนไทย 4 ราย)  โดยเข้ารับการรักษาอยู่โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต , โรงพยาบาลฉลอง , โรงพยาบาลดีบุก , โรงพยาบาลสิริโรจน์ , โรงพยาบาลกรุงเทพ , โรงพยาบาลมิชชั่น และโรงพยาบาล อบจ.ภูเก็ต 

‘นพ.กวิน’ โพสต์ข้อความเตือนสติ ‘หมอรุ่นน้อง’ ให้เข้าใจถึงความเสียสละ และเพื่อนร่วมวิชาชีพอื่น ในโรงพยาบาล

นายแพทย์กวิน ก้านแก้ว แพทย์ผู้อุทิศตนให้กับการรักษาคนไข้โดยไม่เคยย่อท้อ ได้โพสต์ข้อความ ในฐานะ ‘หมอรุ่นพี่’ ถึง ‘หมอรุ่นน้อง’ ที่ประกอบวิชาชีพแห่งการเสียสละเหมือนกัน โดยได้อธิบายถึงความยากลำบากของทุกคนในโรงพยาบาล ไม่เฉพาะแต่วิชาชีพหมอเท่านั้น โดยมีใจความว่า ...

เห็นข่าวแพทย์ลาออกแล้วอยากจะแสดงความคิดเห็นในฐานะที่เป็นหมอมาแล้ว 30 ปีว่าเป็นเพราะหมอสมัยนี้หลายคน "เปราะบาง" เกินไป

สมัยก่อนตอนเป็น Extern หรือนิสิตแพทย์ชั้นปีที่ 6 บางวอร์ดต้องมาทำงานตั้งแต่หกโมงเช้า บางวอร์ดผ่าน 1 เดือนให้อยู่เวรนอกเวลาราชการทุกวัน เลือกวันหยุดไม่ต้องอยู่เวรได้สัปดาห์ละ 1 วัน นอนหออยู่กันห้องละ 4-6 คน ไม่มีแอร์ ห้องน้ำรวม บางหอเป็นเตียงสองชั้น ตอนจบมาทำงานใหม่ๆชีวิตก็ดีขึ้นนิดนึง

บางคนอาจจะบอกว่าอย่าเปรียบเทียบกับสมัยก่อนสิ งั้นขอให้เปรียบเทียบกับบุคลากรวิชาชีพอื่นในโรงพยาบาลแล้วกัน พูดกันตามตรง หมอคือตัวตึงสุดของโรงพยาบาลแล้ว ในโรงพยาบาลรัฐถ้าหันไปมองดูเพื่อนร่วมวิชาชีพ เช่น พยาบาล ความก้าวหน้า ภาระงาน ค่าตอบแทน สวัสดิการ ห่างไกลจากหมอแบบไม่เห็นฝุ่น ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนคือ หมอสามารถขึ้นถึงระดับเชี่ยวชาญซึ่งเทียบเท่ากับรองอธิบดีได้โดยไม่ต้องเป็นผู้บริหาร เงินเดือนและค่าตอบแทนถึงแม้จะน้อยกว่าหมอภาคเอกชนอย่างมากแต่ก็ถือว่าสูงมากเมื่อเทียบกับข้าราชการสายอื่น

ความเปราะบางทางจิตใจเป็นอีกปัญหาหนึ่ง อาชีพหมอคือการทำงานกับชีวิตคนกับความเป็นความตาย ความบกพร่องจึงไม่ใช่เรื่องเล่นๆขำๆที่เหมือนพิมพ์เอกสารผิดแล้วต้องเอากลับไปพิมพ์ใหม่ การตำหนิว่ากล่าวจึงเป็นเรื่องปกติที่สมควรต้องยอมรับกันให้ได้และจะว่าไปมันคือการฝึกฝนประสบการณ์เพื่อให้ลดความผิดพลาดของการทำงานในอนาคต ไม่มีใครไม่เคยทำผิดพลาดการถูกว่ากล่าวคือการช่วยให้จดจำและไม่ทำผิดซ้ำอีก

บางคนอยากเป็นหมอเพราะคิดว่าเป็นอาชีพที่รวยและสบาย แต่กว่าจะรวยและสบายควรต้องทำตัวเองให้มีคุณค่าสมกับสถานะตรงนั้น การทำงานหนักในช่วงแรกของชีวิตคือหนึ่งในการเรียนรู้จากประสบการณ์การทำงานซึ่งหมอที่มีคุณภาพทุกคนต้องเคยผ่านมันมาแล้ว

ทุกวันนี้ผมพอใจในเงินเดือน ค่าตอบแทน และสถานะการทำงานของตัวเอง ถึงแม้ว่าจะต้องอยู่เวรนอกเวลาราชการตั้งแต่ 16.30-08.30 น.เดือนละ 7-8 วันทั้งที่อายุมิใช่น้อยแล้วก็ตาม ผมคิดว่าทุกวันนี้หมอในโรงพยาบาลรัฐได้รับอภิสิทธิ์เหนือวิชาชีพอื่นมากเกินพอแล้ว ถ้าให้พูดตรงๆคือ อยากเป็นหมอก็ต้องอดทนบ้าง และอย่ามองแต่ปัญหาของตัวเองบุคลากรสาธารณสุขวิชาชีพอื่นรวมถึงสายสนับสนุนก็สมควรได้รับการเหลียวแลและช่วยเหลือให้มากกว่านี้ เพราะโรงพยาบาลไม่ได้มีแต่หมอ แต่คือทีมที่ทำงานร่วมกัน การดูแลทุกข์สุขของทุกคนในทีมย่อมส่งผลให้การบริการของโรงพยาบาลเป็นไปอย่างมีคุณภาพมากยิ่งขึ้นครับ
 

‘กองทุนดีอี’ ติดตามโครงการ Ai ลงรหัสโรค พบเพิ่มประสิทธิภาพเวชระเบียนได้ถูกต้อง – สมบูรณ์

กองทุนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ติดตามผลการดำเนินงานในโครงการการใช้ปัญญาประดิษฐ์ในการช่วยลงรหัสโรคทางการแพทย์ ของ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ที่ได้รับทุนสนับสนุนจากกองทุนฯ ในปีประกาศ พ.ศ. 2564 ตามมาตรา 26(1)

เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2566 กองบริหารกองทุนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ นำโดยคณะอนุกรรมการติดตามและประเมินผลโครงการ ผู้แทนจากคณะอนุกรรมการกลั่นกรองพิจารณาโครงการ และเจ้าหน้ากลุ่มติดตามและประเมินผล ได้ลงพื้นที่ติดตามประเมินผลการดำเนินงาน โครงการการใช้ปัญญาประดิษฐ์ในการช่วยลงรหัสโรคทางการแพทย์ ของคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล

โครงการมีวัตถุประสงค์ ในการพัฒนาโปรแกรมต้นแบบสนับสนุนการใส่รหัสโรคด้วยระบบปัญญาประดิษฐ์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความถูกต้องของการใส่รหัสโรคให้แก่ภาควิชาศัลยศาสตร์ และสามารถนำโปรแกรมต้นแบบไปพัฒนาต่อเพื่อใช้ในระดับโรงพยาบาลและสาธารณสุขของประเทศต่อไป

โดยมีผลการดำเนินโครงการในการพัฒนาต้นแบบสนับสนุนการใส่รหัสโรคด้วยระบบปัญญาประดิษฐ์ ที่ทำงานร่วมกับนักลงรหัสโรคได้ผลเป็นที่น่าพอใจ จากการทดลองใช้งานระบบทดสอบกับเวชระเบียนจากภาควิชาศัลยศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล สามารถแนะนำการให้รหัสโรค (ICD-10) และรหัสหัตถการ (ICD-9) ในกระบวนการทำงานของนักวิชาการเวชสถิติผู้ให้รหัส (Coder) แพทย์ และบุคลากรที่เกี่ยวข้อง ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยลดระยะเวลาในการทำงานต่อจำนวนเวชระเบียนได้อย่างมาก รวมถึงการแนะนำรหัสที่มีความครบถ้วนและสมบูรณ์ตามข้อกำหนดของ สปสช.

โครงการภายใต้การพัฒนา นำโดยคณะแพทย์ จากภาควิชาศัลยศาสตร์ คณะแพทย์ศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมกับ นักพัฒนาระบบ จากคณะเทคโนโลยีสารสนเทศฯ มหาวิทยาลัยมหิดล และสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง และคณะที่ปรึกษาจาก สปสช.
 

ครม.มอบ ‘หมอชลน่าน’ ตั้ง กก.ยกระดับบัตรทอง-ระบบสาธารณสุข ไฟเขียว ให้ผู้ป่วยเลือก รพ.ได้เอง ย้ำ ยึดผู้ใช้บริการเป็นศูนย์กลาง

13 ก.ย. 66 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นัดแรก ว่า ภารกิจทางด้านสาธารณสุขนั้น ได้มอบหมายให้ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ไปแต่งตั้งคณะทำงานยกระดับมาตรฐานการบริการโครงการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า (บัตรทอง) เช่น ในการไปรับบริการที่โรงพยาบาล จากเดิมที่ต้องรอคอยนานเป็นวันเพื่อพบแพทย์เพียง 2 นาที จากนี้จะเป็นระบบการนัดหมายเข้ารับบริการ เพื่อจะได้ไม่ต้องรอคอยที่โรงพยาบาลทั้งวัน หรือในบางกรณีที่เป็นเพียงการนัดหมาย เพื่อติดตามอาการ หรือรับยาเท่านั้น อาจไม่จำเป็นต้องเดินทางไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลแล้ว แต่สามารถให้ญาติ ประสานผ่านระบบอินเทอร์เน็ตเพื่อขอรับยาที่ร้านขายยาใกล้บ้านได้

นายชัย กล่าวว่า นอกจากนี้ในเรื่องของการส่งต่อผู้ป่วยไปยังโรงพยาบาลที่มีศักยภาพสูงกว่า ซึ่งจากเดิมจะต้องมีการขอใบส่งตัวจากโรงพยาบาลต้นทาง ที่มีความยุ่งยาก และใช้เวลานาน ต่อจากนี้ไม่ต้องไปขอใบส่งตัวแล้ว เพราะข้อมูลผู้ป่วยมีอยู่ในฐานระบบที่เชื่อมโยงกันอยู่

นายชัย กล่าวว่า ที่สำคัญจากนี้ไม่ต้องมีโรงพยาบาลประจำแล้ว จากนี้หากผู้ป่วยอยู่ใกล้โรงพยาบาลไหน หรือชอบใจ มั่นใจโรงพยาบาลไหน ก็สามารถไปได้เลย เหมือนประกันเอกชนคอยดูแลสามารถเลือกไปโรงพยาบาลไหนก็ได้ นี่คือเวอร์ชันใหม่ เป็นเวอร์ชันที่เอาผู้ใช้บริการเป็นศูนย์กลาง ให้ประชาชนมีความสะดวก ไม่ใช่ให้ผู้ให้บริการมีความสะดวก นี่เป็นเรื่องใหม่มากๆ เป็นการยกระดับอย่างเห็นได้ชัด

‘ชายวัย 32 ปี’ บุกกราดยิง รพ.มหาวิทยาลัยแพทย์ใน ‘เนเธอร์แลนด์’ ทำ ‘หมอ-พยาบาล-คนไข้’ วิ่งหนีตายระทึก พบมีผู้เสียชีวิต 3 ราย

(29 ก.ย. 66) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ รายงานว่า มีชายวัย 32 ปีได้สวมชุดนักรบและเสื้อเกราะกันกระสุนบุกเข้าไปในบ้านหลังหนึ่ง ที่อยู่ติดกับบ้านของตัวเอง ก่อเหตุกราดยิง 2 ครั้งในเมืองรอตเตอร์ดัม ของประเทศเนเธอร์แลนด์ เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 3 ราย โดยเป็นหญิงวัย 39 ปี และลูกสาว วัย 14 ปี ได้รับบาดเจ็บสาหัสก่อนจะเสียชีวิตในเวลาต่อมา

หลังจากนั้น มือปืนได้บุกเข้าไปที่ห้องเรียนในโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยอีราสมุส เอ็มซี และยิงอาจารย์วัย 46 ปีเสียชีวิตเป็นรายต่อไป

ก่อนจะเปิดฉากยิงขึ้นอีกครั้งภายในอาคารโรงพยาบาลดังกล่าว ทำให้แพทย์ พยาบาล และคนไข้แตกตื่น จนต้องหนีมาอยู่นอกอาคาร ก่อนที่ตำรวจจะเข้าควบคุมสถานการณ์ และคุมตัวมือปืนไปสอบสวน เพื่อหาสาเหตุและแรงจูงใจในการก่อเหตุครั้งนี้ จากการตรวจสอบประวัติพบว่า มือปืนรายนี้ชอบทรมานสัตว์ และเคยทรมานกระต่ายที่เขาเลี้ยงเอาไว้

'รพ.ปาเลสไตน์' จำยอม!! ปรับตู้แช่รถไอศกรีมเป็นตู้แช่ศพชั่วคราว หลังพบผู้เสียชีวิตเพิ่มทุกวัน แต่ห้องดับจิตเก็บได้เพียง 10 ศพ

การสู้รบในฉนวนกาซาระหว่างกองกำลังติดอาวุธฮามาส และกองทัพอิสราเอลยังคงดุเดือดต่อเนื่อง ส่งผลให้ยอดเสียชีวิตจากทั้งสองฝ่าย เพิ่มขึ้นไปเกินกว่า 4 พันราย บาดเจ็บนับหมื่นคนแล้ว 

และต้องยอมรับว่าพื้นที่ในกาซาเสียเปรียบกว่าฝ่ายอิสราเอลมาก เนื่องจากสาธารณูปโภคขาดแคลน และยังถูกตัดน้ำ ตัดไฟ และพลังงานเข้าพื้นที่ ทำให้ปฏิบัติการกู้ภัย และด้านการแพทย์ทำด้วยความยากลำบากอย่างมาก

จนล่าสุด เจ้าหน้าที่สาธารณสุขในเขตพื้นที่ฉนวนกาซา ได้ออกมายืนยันยอดผู้เสียชีวิตมากกว่า 2,500 คน จากการถล่มด้วยเครื่องบินทิ้งระเบิดของอิสราเอล ในจำนวนนั้นกว่า 1 ใน 4 เป็นกลุ่มเด็กๆ ชาวปาเลสไตน์ มีการเผยแพร่ภาพศพที่ถูกห่อไว้ในผ้าขาวจำนวนมาก ที่ยังไม่สามารถทำพิธีทางศาสนาได้ เพราะการสู้รบติดพัน และการเดินทางขนส่งในช่วงเวลานี้ อาจกลายเป็นเป้าโจมตีจากฝ่ายอิสราเอล 

ด้วยปัจจัยหลายด้านจำกัด ชาวปาเลสไตน์ไม่มีทางเลือก ต้องนำตู้แช่รถไอศกรีมท้องถิ่นมาใช้เป็นตู้แช่ศพชั่วคราวไปก่อน 

ด็อกเตอร์ ยัสเซอร์ อาลี นายแพทย์ประจำโรงพยาบาลชูฮาดา อัล-อัคซอร์ กล่าวว่า ตอนนี้ในห้องดับจิตของโรงพยาบาลสามารถเก็บศพได้เพียง 10 ศพเท่านั้น และการเคลื่อนย้ายศพไปยังสุสานแทบเป็นไปไม่ได้ มิหนำซ้ำ ศพยังล้นสุสาน เพราะมีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นทุกวัน จนไม่สามารถจัดการได้ทัน จึงจำเป็นต้องใช้รถตู้แช่ไอศกรีมเอามาเก็บศพก่อน 

ทำให้เราได้เห็นภาพรถขนไอศกรีมหวานเย็น สีสันสดใส ชวนน่ารับประทาน ต้องถูกดัดแปลงให้กลายเป็นตู้แช่เก็บศพจำนวนมาก ที่ขัดแย้งกันอย่างสิ้นเชิง แต่ความน่าหดหู่ยังเพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น 

ด็อกเตอร์ ยัสเซอร์ อาลี ย้ำว่า ต่อให้วันนี้เรามีรถตู้แช่ไว้เก็บศพแทนโรงพยาบาลได้ก็จริง แต่ไม่ช้าก็เร็ว รถตู้แช่เหล่านี้ก็จะมีศพเต็มจนล้นเกินความจุเช่นกัน ทางโรงพยาบาลยังต้องหาเต็นท์ชั่วคราวเพิ่มไว้เก็บศพที่จะเข้ามาเพิ่มอีกในวันต่อๆ ไปให้ทัน 

ด้าน ซาลามา มารอฟ ผู้อำนวยการสำนักการข่าวของรัฐบาลปาเลสไตน์ ยอมรับว่า การสู้รบยังเป็นอุปสรรคที่ทำให้ครอบครัว และ ญาติๆ ไม่สามารถเข้ามารับศพในโรงพยาบาลกลับไปประกอบพิธีทางศาสนาได้ ทางรัฐบาลจึงตัดสินใจเร่งสร้างสุสานฝังศพเฉพาะกิจ เพื่อประกอบพิธีฝังศพผู้วายชนม์จำนวนกว่า 100 ศพ ก่อนที่จะมีศพใหม่เพิ่มเติมเข้ามามากกว่านี้ 

ในขณะที่กองทัพอิสราเอลยังยืนยันที่จะเดินหน้าโจมตีกลุ่มฮามาสในฉนวนกาซา ทั้งทางบก ทางเรือ และ ทางอากาศ กดดันให้ชาวปาเลสไตน์ที่อาศัยอยู่อย่างหนาแน่นในฉนวนกาซา ต้องอพยพลงใต้กลายเป็นคนไร้ที่อยู่อาศัยแล้วกว่า 1 ล้านคน 

ซึ่งชาวปาเลสไตน์จำนวนไม่น้อย รู้สึกเหมือนประวัติศาสตร์แห่งโศกนาฏกรรมวันนักบาห์ในปี 1948 เกิดขึ้นอีกครั้ง ซึ่งเป็นผลพวงจากสงครามอาหรับ-อิสราเอล ทำให้ชาวปาเลสไตน์กว่า 7 แสนคน ถูกกองทัพอิสราเอลขับไล่ออกนอกดินแดน กลายเป็นคนไร้รัฐ นับเป็นปัญหาผู้ลี้ภัยชาวปาเลสไตน์ที่ยังค้างคามาจนถึงปัจจุบัน 

แต่วันนี้ ชาวปาเลสไตน์กำลังเผชิญหน้ากับโศกนาฏกรรมนักบาห์ครั้งที่ 2 ที่ยังไม่สามารถประเมินความเสียหายจากสงคราม และการพลัดถิ่นฐานอีกครั้งของชาวปาเลสไตน์ได้ จนกว่าการปะทะระหว่างอิสราเอล และ กลุ่มฮามาสจะสงบ

“ทหารเรือใจกล้า” แม้จะลาเฝ้าไข้ลูกชาย ตัดสินใจเสี่ยงอันตรายช่วยดับไฟที่โหมไหม้โรงพยาบาล

ขอยกย่องทหารเรือใจกล้า พันจ่าเอก ราชิตศักดิ์ พูนพนัง ผู้บังคับหมู่ป้องกัน กองบังคับการหน่วยปฏิบัติการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่งที่ 452 ที่อยู่ในระหว่างการลากลับไปเฝ้าไข้บุตรชายที่เข้ารับการผ่าตัดไส้ติ่งอักเสบ ณ โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา  ในเวลา เวลา 19.45 หลังจากที่เจ้าหน้าที่พยาบาล ได้เข้ามาเเจ้งว่าให้รีบเคลื่อนย้ายผู้ป่วยออกจากห้องไปยังที่ปลอดภัยโดยเร็ว เนื่องจากมีเหตุไฟไหม้ที่ตึกดังกล่าว ในขณะที่ออกจากห้อง พ.จ.อ.ราชิตศักดิ์ พูนพนัง ได้สังเกตุเห็น เจ้าหน้าที่พยาบาล และญาติผู้ป่วยกำลังช่วยกันเคลื่อนย้ายผู้ป่วยออกจากห้องไปยังที่ปลอดภัยอย่างทุลักทุเล พ.จ.อ.ราชิตศักดิ์ พูนพนัง จึงได้ตัดสินใจเข้าไปสอบถาม เจ้าหน้าที่พยาบาลว่า “เหตุไฟไหม้เกิดขึ้นบริเวณใด และมี เจ้าหน้าที่ดับเพลิงมาช่วยดับไฟหรือยัง” เพียงอึดใจกลิ่นและควันไฟลอยได้ขึ้นมาจากห้องเก็บของด้านล่าง และ เจ้าหน้าที่ดับเพลิงของโรงพยาบาลยังมาไม่ถึงที่เกิดเหตุ พ.จ.อ.ราชิตศักดิ์ พูนพนัง จึงได้นำถังซีโอทู มุ่งหน้าไปยังที่เกิดเหตุ เพื่อดับไฟในทันที จนสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้ในเวลาต่อมา เมื่อ เจ้าหน้าที่ดับเพลิงของโรงพยาบาลมาถึงที่เกิดเหตุ พ.จ.อ.ราชิตศักดิ์ พูนพนัง ได้เเจ้งว่า “สามารถควบคุมไฟไว้ได้แล้ว” จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุพบว่าไฟฟ้าลัดวงจร ทำให้เกิดไฟช็อตบริเวณท่อแอร์บนเพดาน การเข้าทำการดับเพลิงของ พ.จ.อ.ราชิตศักดิ์ พูนพนัง ในครั้งนี้ เป็นการกระทำอันห้าวหาญ สมชายชาติทหารและมีสติ จนสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้ก่อนที่จะลุกลามสร้างความเสียหายไปมากกว่านี้
นิตยา แสงมณี // ผู้สื่อข่าวภูมิภาคประจำจังหวัดสตูล

'โตโน่' ทำได้!! 'หนึ่งคนว่าย หลายคนให้' ส่งมอบศูนย์หัวใจสองฝั่งโขงสำเร็จ

เมื่อวานนี้ (21 ก.พ. 67) ณ โรงพยาบาลนครพนม ได้จัดงานส่งมอบศูนย์หัวใจสองฝั่งโขง ONE MAN AND THE RIVER ห้องปฏิบัติการสวนหัวใจและหลอดเลือด โรงพยาบาลนครพนม ตามรายการบริจาคว่ายน้ำข้ามแม่น้ำโขง ONE MAN AND THE RIVER ‘หนึ่งคนว่าย หลายคนให้’ โดยมีนายวันชัย จันทร์พร ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม นางสงวน จันทร์พร นายกเหล่ากาชาดจังหวัดนครพนม พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ บุคลากรทางการแพทย์ร่วมงาน

นายนฤพนธ์ ยุทธเกษมสันต์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลนครพนม กล่าวว่า ปัจจุบันมีการเปิดประเทศจะมีผู้เดินทางมาเยือนจังหวัดนครพนมเพิ่มขึ้น จากทั้งภาคเศรษฐกิจ ภาคการท่องเที่ยว และภาคการแพทย์และสุขภาพ ในด้านสาธารณสุข จังหวัดนครพนมได้ดำเนินการรองรับผู้สูงอายุ มีประชากรสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวเดินทางเข้ามารับบริการทางการแพทย์และสุขภาพในจังหวัดนครพนม ปี 2563 เราให้บริการผู้ป่วยนอก 320,210 ครั้ง ผู้ป่วยใน 27,992 ครั้ง คาดว่าการเปิดประเทศจะมีประชากรต่างชาติ เดินทางเข้ามารักษาจำนวนเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะโรคหัวใจขาดเลือดเฉียบพลันยังเป็นปัญหาหลักในพื้นที่ตลอดช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมา

ดังนั้น การก่อตั้งศูนย์หัวใจสองฝั่งโขง โรงพยาบาลนครพนม จะช่วยให้ผู้ป่วยหัวใจขาดเลือดเฉียบพลันในจังหวัดนครพนม และพื้นที่ข้างเคียงได้อย่างรวดเร็วตามมาตรฐานการรักษา เพื่อลดอัตราการเสียชีวิตและทุพพลภาพ โดยในส่วนของโรงพยาบาลนครพนมนั้นได้ดำเนินการยื่นเรื่องไปที่สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติแล้ว คาดว่าจะเปิดดำเนินการได้ในเดือนเมษายน และระหว่างที่เรากำลังพัฒนาบุคลากรด้านนี้ให้มากขึ้น เราได้ทีมศูนย์หัวใจเพื่อแผ่นดินจากโรงพยาบาลสกลนครมาช่วยก่อน

น.ส.เอด้า จิรไพศาลกุล กรรมการผู้จัดการเทใจดอทคอม กล่าวว่า เทใจดอทคอมเข้ามามีส่วนร่วมตั้งแต่ระดมทุนและจัดซื้ออุปกรณ์การแพทย์ให้โรงพยาบาลนครพนม และโรงพยาบาลแขวงคำม่วนให้ครบถ้วนตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยเริ่มจากการสำรวจความต้องการใช้งาน ความพร้อมของเจ้าหน้าที่และบุคลากรทางการแพทย์ จากนั้นจึงเปิดโอกาสให้บริษัทต่างๆ เข้ามานำเสนอต่อคณะกรรมการกลาง โดยกระบวนการดังกล่าวทางองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน hand social enterprise ช่วยออกแบบกระบวนการเพื่อให้การคัดเลือกโปร่งใสที่สุด และการทำศูนย์หัวใจสองฝั่งโขงยังได้ความอนุเคราะห์จากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคหัวใจจากที่ต่าง ๆ เช่น ผศ.นพ.วรการ พรหมพันธุ์ หัวหน้าศูนย์โรคหัวใจ สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี ผศ.นพ.ไชยสิทธิ์ วงศ์วิภาพร หัวหน้าสาขาวิชาโรคหัวใจและหลอดเลือด ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น นพ.เขตต์ ศรีประทักษ์ นายแพทย์ชำนาญการพิเศษ กลุ่มงานอายุรศาสตร์หัวใจโรงพยาบาลทรวงอก นพ.ธนพัฒน์ เลิศวิทยากำจร นายแพทย์ชำนาญการ อายุรกรรม (หัวใจ) ผศ.พ.ญ.รัตนา คำวิลัยศักดิ์ โรงพยาบาลศรีนครินทร์ นายภาคิน คำวิลัยศักดิ์ ที่ได้ร่วมกันคัดเลือกเพื่อให้ได้เครื่องที่ดีและเหมาะสมกับโรงพยาบาลที่จะเป็นศูนย์หัวใจสองฝั่งโขง

ด้านนายโตโน่ ภาคิน คำวิลัยศักดิ์ กล่าวว่า พวกเราทั้งพี่น้องชาวไทยและพี่น้องชาว สปป.ลาวได้ร่วมบริจาคเงินเพื่อจัดซื้ออุปกรณ์การแพทย์ให้โรงพยาบาลนครพนม และโรงพยาบาลแขวงคำม่วน โดยมูลค่าสิ่งของที่เราจัดซื้อไปทั้งหมดคิดเป็น 92,500,000 บาท วันนี้ถือเป็นวันที่ดีมาก ๆ อีกวันที่เรามาร่วมกันเป็นสักขีพยานในการปิดโครงการ เพื่อส่งมอบ ‘ศูนย์หัวใจสองฝั่งโขง’ (Cath Lab) ที่ใช้เวลากว่า 6 เดือนในการจัดตั้งศูนย์หัวใจแห่งนี้ เริ่มตั้งแต่การทำห้องสวนหัวใจใหม่ที่มีระบบความปลอดภัยจากอันตรายจากรังสีต่าง ๆ รวมถึงการทำระบบไฟฟ้าสำรองที่สามารถตรวจรักษาผู้ป่วยได้อย่างต่อเนื่อง แม้ระบบไฟฟ้าจะดับทั้งเมืองนครพนม

นอกจากนี้ยังมีการจัดซื้อเครื่องมือทางการแพทย์อื่น ๆ ที่จำเป็นสำหรับใช้ในห้องตรวจรักษาแบบครบครัน ได้แก่ เครื่องสวนหัวใจระนาบเดี่ยว, เครื่องอัลตราซาวนด์หัวใจ, เครื่องอัลตราซาวนด์ชนิดดูเส้นเลือดหัวใจ, เครื่องตรวจวัดการแข็งตัวของเลือด, เครื่องปั๊มหัวใจไฟฟ้า, เครื่องตรวจคลื่นหัวใจ พร้อมระบบเทคโนโลยีสารสนเทศที่ใช้เพื่อให้วิเคราะห์การตรวจรักษาได้อย่างแม่นยำ ปัจจุบันเราทราบว่าทั้งสองโรงพยาบาลได้ใช้เครื่องมือแพทย์ที่ได้รับบริจาคจากโครงการหนึ่งคนว่าย หลายคนให้ อย่างคุ้มค่า เช่น โรงพยาบาลนครพนมมีการใช้งานเครื่องต่าง ๆ ทุกวัน ขณะที่โรงพยาบาลแขวงคำม่วนได้ใช้ตรวจรักษาคนลาวไปแล้วกว่า 12,000 คน

"รู้สึกดีใจที่พวกเราได้มีส่วนร่วมทำให้พี่น้องชาวไทยและชาว สปป.ลาว ที่อาศัยอยู่ใกล้เคียงโรงพยาบาลแห่งนี้ได้เข้าถึงการตรวจรักษาที่ทันสมัย เพื่อให้ทุกท่านได้มีสุขภาพที่ดีและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นสุดท้ายนี้ ผมขอขอบพระคุณทุก ๆ ท่านที่มีส่วนในการทำให้โครงการนี้สำเร็จลุล่วงตามเจตนาที่ได้ตั้งใจไว้"

ทั้งนี้ มีตัวแทนแขวงคำม่วน ดร.สมจิตร อ่ำพิลาวง รองหัวหน้าแผนกสาธารณสุขแขวงคำม่วน ท้าววันทะวี สานุวง รองหัวหน้าแผนกการต่างประเทศ ดร.นางคำหล้า ราชวง รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลแขวงคำม่วน พร้อมคณะ มาร่วมพิธีด้วย

โรงพยาบาลนครพนมได้รับเครื่องมือแพทย์ 11 รายการ ประกอบด้วย ศูนย์ปฏิบัติการสวนหัวใจ 1 ศูนย์ ที่โครงการได้จัดซื้ออุปกรณ์ครบครัน ประกอบด้วย เครื่องสวนหัวใจระนาบเดี่ยว, เครื่องอัลตราซาวนด์หัวใจ, เครื่องอัลตราซาวนด์ชนิดดูเส้นเลือดหัวใจ, เครื่องตรวจวัดการแข็งตัวของเลือด, เครื่องปั๊มหัวใจไฟฟ้า, เครื่องตรวจคลื่นหัวใจ, ระบบ IT ต่าง ๆ เพื่อให้การวิเคราะห์แม่นยำ, งบประมาณเพื่อปรับปรุงสถานให้รองรับการใช้งาน, เครื่องช่วยหายใจสำหรับเด็กชนิดความถี่สูงพร้อมชนิดควบคุมแรงดันและชนิดไม่สอดใส่ท่อ 1 เครื่อง สำหรับ PICU (ห้องไอซียูเด็ก)

เครื่องเฝ้าติดตามการทำงานของหัวใจและสัญญาณชีพ Monitor NIBP 1 เครื่อง สำหรับ PICU (ห้องไอซียูเด็ก), เครื่องช่วยหายใจชนิดควบคุมปริมาตรและแรงดันพร้อมระบบหย่าเครื่องอัตโนมัติ ขนาดกลาง จำนวน 5 เครื่อง, เครื่องควบคุมการให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำ 20 เครื่อง เตียงผู้ป่วยสำหรับไอซียูปรับด้วยไฟฟ้า 3 Motor 12 เตียง 

เตียงผู้ป่วยสำหรับไอซียูปรับด้วยไฟฟ้าชนิด 4 motor ชนิดที่ชั่งน้ำหนักได้ 2 เตียง เตียงผู้ป่วยสำหรับไอซียูปรับด้วยไฟฟ้าชนิด 4 motor จำนวน 3 เตียง เตียงสำหรับผู้ป่วยควบคุมด้วยรีโมตคอนโทรลที่นอนโฟม (Stroke) 12 เตียง เครื่องอัลตราซาวนด์หัวใจ 1 เครื่อง เครื่องวัดความดันโลหิต 5 เครื่อง

โรงพยาบาลแขวงคำม่วนได้เครื่องมือแพทย์ 20 รายการ ดังนี้ เครื่องช่วยหายใจเด็ก ชนิด nCPAP จำนวน 2 เครื่อง ซึ่งเป็นเครื่องช่วยหายใจสำหรับทารกที่มีภาวะหายใจลำบาก ภาวะหยุดหายใจ หรือหลังจากถอดท่อช่วยหายใจทางหลอดลม เพื่อช่วยให้ทารกหายใจเหนื่อยน้อยลง เครื่องเฝ้าติดตามสัญญาณชีพชนิดข้างเตียงผู้ป่วย Bedside Monitor ที่สามารถติดตามภาวะการเต้นของหัวใจ ความดันโลหิต จำนวน 5 เครื่องเพื่อติดตั้งในห้อง ICU เครื่องกระตุกหัวใจ AED จำนวน 3 เครื่อง เพื่อติดตั้งในห้องฉุกเฉิน รถกู้ชีพ เครื่องวัดความดันโลหิตแบบอัตโนมัติพร้อมขาตั้ง 12 เครื่อง เพื่อติดตามอาการคนไข้ในแผนกและวอร์ดผู้ป่วยในต่าง ๆ เครื่องวัดความดันชนิดสอดแขนจำนวน 3 เครื่อง เพื่อใช้แผนก OPD, ผู้ป่วยฉุกเฉิน เครื่องดึงคอ/ดึงหลัง (traction) จำนวน 1 เครื่อง

สำหรับแผนกกายภาพบำบัดที่ปัญหาด้านกระดูกคอและสันหลัง เครื่องอัลตราซาวนด์สำหรับกายภาพ จำนวน 2 เครื่อง แผนกกายภาพบำบัดเพื่อรักษาผู้ป่วยที่มีปัญหาด้านกล้ามเนื้อ หม้อต้มแผ่นประคบร้อน จำนวน 1 เครื่อง (แผนกกายภาพบำบัด) Infant Incubator 2 เครื่อง Radian Warmer 2 เครื่อง Surgical Light (อยู่ระหว่างการขนส่ง) Infusion Pump 5 เครื่อง Syringe Pump 5 เครื่อง ชุดกล้องส่องตรวจและผ่าตัดโพรงจมูกและทอมซิล ENT Diagnostic Set 1 ชุด เครื่องตรวจหัวใจด้วยคลื่นเสียงสะท้อนความถี่สูง 1 เครื่อง ULTRASOUND 4 มิติ แผนกสูติ 1 เครื่อง เครื่องวัดการบีบตัวของมดลูก ครรภ์แฝด 1 ชุด ชุดกล้องส่องตรวจกระเพาะอาหารและลำไส้ใหญ่พร้อมเครื่องล้างกล้องส่องตรวจ 1 เชต อุปกรณ์ผ่าตัดสมอง (เครื่องเจาะและตัดกะโหลกชนิดความเร็วสูง) Autocave เครื่องนึ่งฆ่าเชื้อขนาด 280 ลิตร


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top