Monday, 29 April 2024
โจร

'บอนนี่-ไคลน์' คู่รักนักปล้น จอมสร้างกระแส ฆ่าตำรวจ 12 ราย แต่ผู้คนมากมายก็ยังชื่นชม

หลายคนสงสัยว่า ทำไมคนจำนวนมากถึงนิยมชมชอบอดีตนักโทษที่มีคดีความเป็นชนักติดหลัง หรือชอบคนดีแต่พูด แต่ไม่ทำงานใด ๆ ให้ปรากฏเป็นชิ้นเป็นอัน 

อย่าได้แปลกใจ!!

ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องการตลาดล้วน ๆ มีการสร้างกระแสให้คนนิยมชมชอบ จนเชื่อฟังทุกคำพูดอย่างว่าง่าย กลายเป็นแฟนคลับเหนียวแน่นจนเถียงแทนทุกคำ     

เรื่องแบบนี้เคยเกิดขึ้นมานับครั้งไม่ถ้วนในอเมริกา โดยตัวอย่างที่โด่งดังที่สุดคดีหนึ่งคือ 'คดีคู่รักนักปล้น' บอนนี่และไคลน์ (Bonnie and Clyde)

ช่วงยุคเศรษฐกิจตกต่ำในอเมริกาหรือเรียกว่ายุค The Great Depression หรือช่วงปี ค.ศ.1929 นั้น อเมริกันชนตกงานกันเป็นเบือ ผู้คนยากจนอย่างฉับพลัน ธนาคารหลายพันแห่งของสหรัฐอเมริกาล้มละลาย ตามภาคอุตสาหกรรมและตลาดหุ้น ผู้คนหลายล้านคนสูญเสียเงินและตกงานจำนวนมาก  

ระหว่าง ค.ศ. 1929-1932 รายได้ประชาชาติ (National Income) ของประเทศลดจาก 81,000 ล้านเหรียญดอลลาร์ เหลือเพียง 41,000 ล้านเหรียญดอลลาร์ ธุรกิจกว่า 8,500 แห่งเลิกกิจการ คนตกงานกว่า 1.5 ล้านคนในค.ศ. 1929 เพิ่มเป็น 15-16 ล้านคน 

ช่วงเวลาอันลำเค็ญเช่นนี้ เมื่อดาวโจนส์ร่วง ดาวโจรก็รุ่ง!!

โจรนอกกฎหมายผุดขึ้นทั่วประเทศ รวมทั้งคู่รักนักปล้นคู่หนึ่งที่ชื่อ 'บอนนี่กับไคลน์' ที่แม้จะทำเรื่องเลว ๆ อย่างไม่น่าให้อภัย แต่อเมริกันกลับรักใคร่ชื่นชม นายและนางโจรคู่นี้ราวกับซุปเปอร์สตาร์ ไปไหนมาไหนมีแต่คนรักใคร่ปกป้อง จนลืมไปว่าทั้งคู่เป็นโจรปล้นฆ่าตำรวจถึงสิบสองคน

ตามประวัติแล้ว 'บอนนี่ พาร์กเกอร์' และ 'ไคลด์ แบร์โรว์' เป็นคู่ผัวตัวเมียหน้าตาดี ที่ปล้นดะรายทางตั้งแต่ปั๊มน้ำมันไปยันธนาคาร ร่ำลือกันว่าบางครั้งปล้นธนาคารแล้วเอามาแจกจ่ายคนยากจน     

โดนฝั่งบอนนี่เป็นสาวสวยตาสีฟ้าผมบลอนด์ที่ฝันอยากเป็นกวี แต่โชคชะตานำพาเธอมาพบกับหนุ่มรูปหล่อชื่อไคลน์ 

เมื่อทั้งคู่ได้กลายมาเป็นคนรักแล้ว ก็ก่อวีรกรรมร่วมกันปล้น จนเป็นที่กล่าวขวัญในความโหดเหี้ยม เพราะนอกจากปล้นแล้ว ยังฆ่าตำรวจตายไปถึง 12 คน แถมถ่ายรูปไว้ดูเล่นอีกต่างหาก

นอกจากเป็นโจร บอนนี่ยังเขียนบทกวีส่งไปลงตีพิมพ์บ่อย ๆ พร้อมถ้อยคำหยิกแกมหยอก ทำให้คนทั่วไปที่ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียกับการปล้นหลงรักเธอทั่วหน้า ที่กระฉ่อนโลกสุด ๆ คือ เธอมักถ่ายรูปในท่วงท่าต่าง ๆ ทั้งสูบซิการ์ก๋ากั่นควงปืนเก๋ไก๋ จนกลายเป็นขวัญใจหนังสือพิมพ์ในเวลานั้น

ทุกคนหลงรักคู่รักนักปล้น อย่างชนิดที่เรียกว่าติดตามข่าวอย่างใจจดใจจ่อ พลางเอาใจช่วยให้คู่นี้รอดจากการถูกจับ ทั้งที่ก่อกรรมทำเข็ญไว้มากมาย ท้าทายกฎหมายบ้านเมืองที่สุด 

ทั้งนี้ มีอยู่ช่วงหนึ่งที่ปล้นหนักมือไปหน่อยจนประสบเหตุให้บอนนี่กลายเป็นคนขาเป๋ บรรดาสมาชิกแก๊งโจรอยากลากเธอออกจากกลุ่ม แต่ไคลน์ไม่ยอมเพราะรักสติปัญญาและความมีอารมณ์ขันของเธอ 

ส่วนไคลน์นั้นแม้จะชอบลักรถ แต่ก็มีน้ำใจพอที่จะทิ้งเงินเล็กๆ น้อยๆ ไว้ให้เจ้าของเป็นสินน้ำใจ เลยเปลี่ยนรถเป็นว่าเล่น อาจจะด้วยความที่ไม่อยากให้ตำรวจตามเจอ รวมทั้งชอบเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เลยทำให้ทั้งคู่มีรถใหม่ตลอดเวลา

'บิ๊กจ๋อ' ส่งทีมลาดตระเวนออนไลน์สืบนครบาล แกะรอย 'ตั้ม ร่มเกล้า' ยอดฝีมือโจรกรรม จยย. ทั่วเมืองกรุง นาน 2 เดือน ก่อนลุยถึงหอพักที่กบดาน ตะครุบตัวพร้อมของกลางเพียบ

(16 ก.พ. 66) พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. แถลงผลการปฏิบัติงานของ พ.ต.อ.วิชิต ถิรขจรวงศ์ ผกก.สส.1 บก.สส.บช.น. , พ.ต.ท.พีรบูรณ์ แก้วดู รอง ผกก.สส.1 บช.น. ,พ.ต.ท.เอกศิษฐ์ วรกิตติ์ฐากรณ์ รอง ผกก.สส.1 บช.น. ,พ.ต.ท.พัฒน์พงษ์ กื้อมะโน สว.กก.สส.1 บก.สส.บช.น. , พ.ต.ต.พิสิฐ เตชะ สว.กก.สส.1 บก.สส.บช.น. ,พ.ต.ต.คณิตนนท์ ถนอมศรี สว.กก.สส.1 บก.สส.บช.น. และเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนนครบาล เข้าจับกุมตัวนายบุญฤทธิ์ หรือตั้ม โชคสิริ อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 64 ม.5 ต.หนองนาแซง อ.เมืองชัยภูมิ จ.ชัยภูมิ 

ผู้ต้องหาตามหมายจับคดี “ลักทรัพย์ในเวลากลางคืน และทำด้วยประการอื่นเพื่อไม่ให้เห็นหน้า หรือจำหน้าได้” โดยจับตัวได้ ภายในหอพักพฤกษาเฮ้าส์ ห้องพักเลขที่ 106 ซอยเคหะร่มเกล้า 20 แขวงสองต้นนุ่น เขตลาดกระบัง กรุงเทพฯ พร้อมของกลาง เสื้อผ้าที่สวมใส่ขณะก่อเหตุจำนวนทั้งสิ้น 11 ตัว คีบตัดเหล็กที่ใช้ตัดดิสล็อคล้อ หรือ สายเหล็กคล้องล้อ ค้อน ไขควง คัดเตอร์ ที่ใช้งัดแงะรถคันประทุษร้าย สายไฟต่อตรง 5 เส้นกุญแจรถมอเตอร์ไซคันที่ถูกลัก 5 คัน ทะเบียนรถคันที่ถูกลักมาจำนวน 2 แผ่น แม่กุญแจที่ใช้คล้องล้อรถ 6 ดอก และเอกสารเกี่ยวกับรถที่ถูกลัก 7 คัน

พฤติการณ์สืบเนื่องจาก พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ได้รับทราบสถิติการก่ออาชญากรรมของกลุ่มมิจฉาชีพที่ตระเวนก่อเหตุลักทรัพย์สินของชาวบ้านในปัจจุบันเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะรถจักรยานยนต์ตามหอพัก และแฟลตตามชุมชนต่างๆทั่วกรุงเทพฯ จึงสั่งการให้ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. ซึ่งรับผิดชอบงานโจรกรรมรถ ทำการสืบสวนนครบาลติดตามตัวมาดำเนินคดีตามกฏหมายให้ทั้งขบวนการ จึงมอบหมายให้ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. จัดวางแนวทางการป้องกันและปราบปราม

‘ชาวบ้าน’ ขึ้นป้ายขอโจรเมตตา หลังถูกงัดห้องขโมยของนับไม่ถ้วน พ้อ!! “บ้านนี้โดนงัดบ้าน ไปหลายรอบแล้ว ไปบ้านอื่นก่อน ช่วงนี้หมดแล้ว”

(3 เม.ย.66) ความเดือดร้อนของชาวบ้านย่านบางเสาธง ถูกโจรงัดห้องขโมยของนับครั้งไม่ถ้วน จนต้องติดป้ายขอโจรเมตตาไปบ้านอื่นก่อน ชาวบ้านบอกเฉพาะตัวเองห้องเดียวโดนไป 3 ครั้ง ท้าโจรมางัดห้องดูได้หมดตัวแล้ว

ความเดือดร้อนของผู้พักอาศัยในหอพักแห่งหนึ่งในซอยคลองปั้นหยา ถนนเทพารักษ์ ตำบลบางเสาธง อำเภอบางเสาธง จังหวัดสมุทรปราการ ต้องอยู่กับความหวาดระแวงหัวขโมยในพื้นที่ ถูกขโมยรถจักรยานยนต์ ถูกงัดห้อง ขโมยยางอะไหล่รถยนต์ ขโมยจักรยาน มานับครั้งไม่ถ้วน จนต้องตัดสินใจทำป้ายไวนิลสีเหลืองขนาดใหญ่มาติดไว้ที่หน้าตึกมีข้อความว่า "เรียนคุณขโมยที่เคารพ บ้านนี้โดนงัดบ้าน ขโมยรถ ไปหลายรอบแล้ว ขอเวลาทำงานสักพัก เพราะมีหน้าที่ต้องดูแลครอบครัว จึงขอความเมตตาจากคุณขโมย ให้ไปบ้านอื่นก่อน ช่วงนี้หมดแล้ว ด้วยความเคารพอย่างสูง ที่นี่ อำเภอบางเสาธง สมุทรปราการ"

นายภานุพงศ์ พรมมา อายุ 52 ปี บอกว่าอยู่ในหอพักแห่งนี้มา 10 ปี หอพักถูกงัดห้องบ่อยครั้ง วันเดียวโดนงัดไป 3 ห้องรวดก็มี เฉพาะห้องตนก็เคยโดนงัดห้องมาแล้วถึง 3 ครั้ง ถูกขโมยไปทั้ง ทอง พระ เงินสด โทรศัพท์ มูลค่าที่สูญไปก็เป็นหลักหมื่นบาท ที่ไม่ได้ไปแจ้งความเพราะคิดว่าไปแจ้งความไว้ก็เท่านั้น แค่เรื่องของหายตำรวจคงไม่ตามให้ ก็อยากจะฝากโจรให้มางัดห้องตนใหม่ เพราะไม่มีอะไรจะให้มันแล้ว ส่วนทางตำรวจตนก็อยากให้ตำรวจผ่านมาทางนี้บ่อย ๆ ผ่านมาก็มองมาบ้าง

นายธีรวุฒิ ชังอินทร์ ผู้ดูแลหอพัก บอกว่า มาดูแลหอพักแห่งนี้ได้ 5 ปี ถูกโจรขโมยของไป 5 ครั้งแล้ว ได้ไปทั้งมอเตอร์ไซด์ จักรยาน ซึ่งครั้งล่าสุดก็โดนงัดห้องไป เมื่อวันจันทร์ที่ 27 มีนาคม ที่ผ่านมา จนทนไม่ไหวนำป้ายไวนิลมาติดไว้ที่หน้าหอพัก เพื่อแสดงความไม่ได้นิ่งนอนใจ อยากให้ตำรวจส่งสายตรวจมาบ้าง เพราะไปแจ้งความก็ทำได้แค่ลงบันทึกประจำวัน การติดป้ายครั้งนี้ก็จึงอยากให้ตำรวจรับรู้ถึงความเดือดร้อนของประชาชนด้วย


ที่มา : https://news.ch7.com/detail/634698

'เพจดัง' จวก!! 'โจรเด็ก 9 ปี' บุกปีนบ้าน แต่ตำรวจทำอะไรไม่ได้ อ้าง!! เพราะมีกฎหมายคุ้มครองเด็ก สุดท้ายปล่อยลอยนวล

(6 ต.ค.66) จากกรณีเพจเฟซบุ๊ก Drama-addict เปิดเผยเรื่องร้องเรียนจากลูกเพจ กรณีโจรเด็กอายุ 9 ปี บุกปืนบ้านขโมยเงินไป 33,400 บาท แต่ตำรวจทำอะไรไม่ได้เพราะมีกฎหมายคุ้มครองเด็ก โจรไม่ต้องรับโทษอะไร

สวัสดีครับจ่า มีเคสโจรเด็กอายุ 9 ปี บุกปีนบ้านผม

ขโมยเงินไป 33,400 บาท ตำรวจทำอะไรไม่ได้เพราะมีกฎหมายคุ้มครองเด็ก โจรไม่ต้องรับโทษอะไรเลยวันที่ 12 มีนาคม ปีนี้ผมโดนโจรเด็กอายุ 9 ปี บุกปีนบ้านตอนกลางคืน ขโมยเงินสดไป 33,400 บาท ตำรวจทำอะไรไม่ได้เพราะมีกฎหมายคุ้มครองเด็ก 

-ตำรวจบอกว่าเคสนี้ทำอะไรเด็กไม่ได้เพราะมีข้อคุ้มครองเด็กอยู่
-ส่วนผู้ใหญ่ไม่ต้องรับผิดชอบ เพราะตำรวจไม่มีหลักฐานสาวถึงตัวผู้ใหญ่ (มีแค่คำสารภาพจากเด็กว่ามีผู้ใหญ่ที่สนิทพาไปปีน ซึ่งแค่คำให้การอย่างเดียวตำรวจดำเนินคดีไม่ได้)
-พ่อแม่เด็กเสนอชดใช้ให้ตามจริยธรรมเป็นเงินเดือนละ 1,000 บาท คุณพ่อแม่เด็กจ่ายได้2000 หลังจากนั้นก็ติดต่อพ่อแม่เด็กไม่ได้อีกเลย
-มีใบแจ้งความและใบข้อมูลคนร้ายครบ 
-มีคลิปขณะโจรบุก
-โจรคนนี้เคยก่อคดีแล้วหลายครั้ง มากๆ กับบ้านในชุมชน แต่ทุกคดีก็รอดหมดเพราะตำรวจดำเนินคดีไม่ได้เพราะเป็นเด็ก
พ่อแม่เด็กน่าจะเกี่ยวข้องกับยาเสพติด
-พ่อ เพิ่งออกจากคุกได้ไม่นานคดีพยายามฆ่า
-เด็ก ขาดการศึกษา ไม่ได้เรียนหนังสือในโรงเรียน
ปัจจุบันเด็กยังลอยนวล เดินไปมาในชุมชนอยู่ตามปกติ กลัวว่าในอนาคตจะเกิดอันตรายกับคนในชุมชนอีกครับ เพราะที่ผ่านมาก็หลายคดีแล้ว แต่รอดหมดทุกคดีครับ 
เขาเลยขอความช่วยเหลือมาครับ มีคลิปกล้องวงจรปิดและเอกสารแจ้งความครบถ้วน สื่อเจ้าไหนสนใจ ติดต่อหลังไมค์

ตำรวจไซเบอร์จับเครือข่ายแก๊งสรรพากรปลอม โทรถ่วงเวลาสูบเงินเกลี้ยงบัญชีเกือบ 2 แสน

สืบเนื่องจาก เมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 24 ม.ค.66 ผู้เสียหายได้รับโทรศัพท์จากหญิงปริศนา อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่สรรพากรจังหวัดนนทบุรี สอบถามข้อมูลเกี่ยวกับโครงการร้านค้าคนละครึ่งของผู้เสียหาย จากนั้นออกอุบายว่าผู้เสียหายได้ส่วนลดในการชำระภาษี จากนั้นจึงให้ผู้เสียหายแอดไลน์กรมสรรพากรปลอม พร้อมกับทำการโอนสายไปให้ชายอีกคน ระหว่างคุยสายก็ให้ผู้เสียหายทำการกดลิงก์พร้อมกรอกข้อมูลต่างๆ ตามขั้นตอนที่แจ้งจนเสร็จสิ้น หลังจากวางสาย ผู้เสียหายพบว่าเงินในบัญชีธนาคารถูกโอนออกไป จำนวน 171,112 บาท จึงเข้าแจ้งความเพื่อดำเนินคดี 

พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. จึงสั่งการให้ พล.ต.ต.สถิตย์ พรมอุทัย ผบก.สอท.3 ส่งเจ้าหน้าที่ออกสืบสวนเพื่อจับกุมผู้ที่เกี่ยวข้องมาดำเนินคดีโดยเร็ว จนสามารถขออำนาจศาลออกหมายจับผู้เกี่ยวข้องได้หลายราย

ต่อมา กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.3 ได้ทำการสืบสวนจนทราบว่า น.ส.ธัญญากร อายุ 27 ปี ชาวจังหวัดนนทบุรี หนึ่งในผู้ร่มขบวนการ ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดมหาสารคาม พักอาศัยอยู่หมู่บ้านแห่งหนึ่งใน ต.เสาธงหิน อ.บางใหญ่ จว.นนทบุรี จึงทำการวางแผนเข้าจับกุม จนสามารถจับกุมผู้ต้องหาดังกล่าวได้ริมถนนตรงข้าม ซอยแก้วอินทร์ 25 ต.บางแม่นาง อ.บางใหญ่ จว.นนทบุรี

โดยได้แจ้งในข้อหา “ร่วมกันลักทรัพย์โดยลวงเป็นเจ้าพนักงาน, ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชนและร่วมกันเข้าถึงโดยมิชอบซึ่งระบบคอมพิวเตอร์ที่มีมาตรการป้องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะและมาตรการนั้นมิได้มีไว้สำหรับตน” จากนั้นจึงควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน กก.4 บกสอท. 3 ต่อไป           

กองบังคับการสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 3 กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.วรวัฒน์  วัฒน์นครบัญชา  ผบช.สอท.  พล.ต.ต.สถิตย์ พรมอุทัย ผบก.สอท.3, พ.ต.อ.พงศ์นรินทร์ เหล่าเขตกิจ ผกก.วิเคราะข่าวฯ บก.สอท.3 สั่งการให้ พ.ต.ท.ภาคภูมิ บุญเจริญพานิช รอง ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สอท.3, พ.ต.ท.เลอศักดิ์ พิเชษฐไพบูลย์ สว.กก.วิเคราะห์ข่าวฯ พ.ต.ต.รุ่งเรือง มีสติ สว.กก.วิเคราะห์ข่าวฯ, พ.ต.ต.ธวัช ทุเครือ สว.กก.วิเคราะห์ข่าวฯ, พ.ต.ต.ขจร แย้มชม สว.กก.วิเคราะห์ข่าวฯ


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top