Friday, 29 March 2024
แก๊งคอลเซ็นเตอร์

ตั้งสติ!! “ห้ามโอนเงินโดยเด็ดขาด” โฆษก ตร. เตือนภัยออนไลน์ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลอกโอนเงิน

13 ม.ค.65 พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ในห้วงเวลาปัจจุบัน ได้มีแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกลวงพี่น้องประชาชนในหลายรูปแบบ อาทิเช่น หลอกว่าได้รับรางวัล หลอกว่าเกี่ยวข้องกับคดียาเสพติด หรือปลอมตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ แล้วให้เพิ่มเพื่อนผ่านแอปพลิเคชันไลน์ โดยปลอมเป็นไลน์ของสถานีตำรวจ เพื่อหลอกเอาข้อมูลส่วนตัว หรือหลอกให้หลงเชื่อว่าทำผิดกฎหมายเพื่อโอนเงินแลกกับการไม่ดำเนินคดี ซึ่งในขั้นตอนสุดท้ายมิจฉาชีพจะโน้มน้าวให้ “โอนเงิน” ด้วยเหตุผลต่าง ๆ นั้น  ขอให้ท่านตั้งสติ และห้ามโอนเงินเด็ดขาด

พล.ต.ต.ยิ่งยศฯ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า จากภัยร้ายทางโลกออนไลน์ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มีความมุ่งมั่นที่จะปราบปรามอย่างจริงจัง จึงได้ตั้ง ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) เพื่อปฏิบัติภารกิจที่เกี่ยวเนื่องกับเรื่องดังกล่าว อย่างเข้มงวด เพื่อลดความสูญเสียทรัพย์สินของพี่น้องประชาชน โดยมี พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็น ผู้อำนวยการศูนย์ฯ

โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวต่อว่า พล.ต.อ.สุวัฒน์ฯ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้มีนโยบายให้ประชาสัมพันธ์เตือนภัย และให้ความรู้กับพี่น้องประชาชน เพื่อให้รู้เท่าทันมิจฉาชีพ เสมือนเป็นวัคซีนเพื่อป้องกันภัยร้ายจากอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (Cyber Vaccinated) และได้กำชับเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ปฏิบัติหน้าที่กวาดล้างมิจฉาชีพอย่างเข้มข้น รวดเร็ว เพื่อไม่ให้พี่น้องประชาชนตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพอีกต่อไป จึงอยากขอเน้นย้ำกับพี่น้องประชาชนว่า หากท่านพบว่ามีการแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ และดำเนินการเรียกเก็บค่าใช้จ่าย ให้สันนิษฐานว่าเป็นมิจฉาชีพ ขอให้ท่านตั้งสติ และห้ามโอนเงินโดยเด็ดขาด

 

“บิ๊กตู่” สั่งจัดการเด็ดขาดแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกลวงระบาดหนัก 

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจําสํานักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ได้รับเรื่องร้องเรียนจากหลากหลายช่องทางถึงปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลอกลวงประชาชน  ระบาดอย่างมากในช่วงเวลานี้ โดยนายกรัฐมนตรีมีความห่วงใยประชาชน  จึงกำชับให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.) บูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน เพื่อป้องกันความเสียหายที่จะขึ้นแก่ประชาชน โดยเฉพาะการสูญเสียทรัพย์สินจากการถูกหลอกลวง

ทั้งนี้ นายกฯ เน้นย้ำให้มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด หากพบผู้กระทำความผิด จะต้องถูกลงโทษในทุกกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ไม่มีข้อยกเว้น หากพบเจ้าหน้าที่มีส่วนเกี่ยวข้อง หรือให้การช่วยเหลือผู้กระทำความผิด รวมถึงละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ จะถูกลงโทษทั้งทางวินัยและอาญา 

“ตัดวงจรร้าย - วางสายทันที” รู้ทัน! คอลเซ็นเตอร์หลอกขอข้อมูลส่วนตัว ด้วยความห่วงใยจาก สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เผยว่า ในห้วงปัจจุบันได้มีมิจฉาชีพในรูปแบบของแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกลวงพี่น้องประชาชนอย่างต่อเนื่องในหลายรูปแบบ เช่น หลอกว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ หลอกว่าเป็นพนักงานส่งสินค้า หลอกว่าพัสดุของท่านไม่สามารถส่งได้ หรือใช้คำถามลวงขอทราบเลขพัสดุทำให้ผู้รับสายเกิดความสับสน และทำให้เชื่อว่าเป็นเจ้าหน้าที่จริงเพื่อหลอกขอข้อมูลส่วนตัว เลขบัญชีธนาคาร หรือเลขบัตรประชาชน จนกระทั่งนำไปสู่การโน้มน้าวให้โอนเงินไปยังบัญชีของมิจฉาชีพ นั้น 

พล.ต.ต.ยิ่งยศฯ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า จากมิจฉาชีพในรูปแบบคอลเซ็นเตอร์ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องพล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มีความมุ่งมั่นที่จะปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีอย่างจริงจัง จึงได้ตั้ง ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) เพื่อปฏิบัติภารกิจกวาดล้างอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือภัยร้ายทางโลกออนไลน์อย่างเข้มงวด เพื่อลดความสูญเสียทรัพย์สินของพี่น้องประชาชน โดยมี พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็น ผู้อำนวยการศูนย์ฯ

โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวต่อว่า พล.ต.อ.สุวัฒน์ฯ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้มีนโยบายให้ประชาสัมพันธ์เตือนภัย และให้ความรู้กับพี่น้องประชาชน เพื่อให้รู้เท่าทันมิจฉาชีพเสมือนเป็นวัคซีนเพื่อป้องกันภัยร้ายจากอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (Cyber Vaccinated) และได้กำชับเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ปฏิบัติหน้าที่กวาดล้างมิจฉาชีพอย่างเข้มข้น รวดเร็ว เพื่อไม่ให้พี่น้องประชาชนตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพอีกต่อไป จึงอยากขอเน้นย้ำกับพี่น้องประชาชนว่า หากท่านรับสายโทรศัพท์จากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่พยายามขอให้บอกข้อมูลส่วนตัว หรือขอให้โอนเงินทางโทรศัพท์ "ขอให้ท่านสันนิษฐานว่าเป็นมิจฉาชีพ และวางสายโดยทันที" เพื่อลดความเสี่ยงในการถูกมิจฉาชีพหลอกลวง

‘สำนักงานตำรวจแห่งชาติ’ จับมือ ‘กสทช.’ ดึงผู้ประกอบการเครือข่ายโทรศัพท์ ร่วมมือแก้ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์และหลอกลวงทางออนไลน์!!

วันนี้(15 ก.พ.65) เวลา 15.30 น. ที่สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ(ศปอส.ตร.) หรือ ศูนย์ PCT และนายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รองเลขาธิการ รักษาการแทน เลขาธิการ กสทช., พล.ต.ท.ปรีชา เจริญสหายานนท์ ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ฯ, พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ ผบก.สส.สตม./หน.ชุดปฏิบัติการ PCT ได้ประชุมหารือร่วมกับผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์และเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง อาทิ เช่น AIS DTAC TRUE บมจ.โทรคมนาคมแห่งชาติ 3BB

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ฯ กล่าวว่า วันนี้ พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการมายัง พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มาประสานความร่วมมือกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สำนักงาน กสทช. และผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์ ในเรื่องการแก้ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์และอาชญากรรมทางออนไลน์ โดยในที่ประชุมมีการหารือความร่วมมือ ดังต่อไปนี้

1. การขอความร่วมมือให้สำนักงาน กสทช.และผู้ให้บริการ แจ้งประชาสัมพันธ์/ส่งข้อความเตือนภัย ให้ความรู้แก่ประชาชน ถึงรูปแบบอาชญากรรมทางเทคโนโลยี จำนวน 14 รูปแบบ ได้แก่

(1)หลอกขายของออนไลน์ (2) คอลเซ็นเตอร์ (Call Center) ข่มขู่ให้เกิดความกลัว (3) เงินกู้ออนไลน์ ดอกเบี้ยโหด (4)เงินกู้ออนไลน์ ที่ไม่มีจริง (เงินกู้ทิพย์) (5)หลอกให้ลงทุนต่างๆ (6)หลอกให้เล่นพนันออนไลน์ (7) ใช้ภาพปลอมหลอกให้หลงรักแล้วโอนเงิน (Romance scam) หรือ หลอกให้ลงทุน (Hybrid scam) (8)ส่งลิงก์ปลอมเพื่อหลอกแฮ็กเอาข้อมูลส่วนตัว (9) อ้างเป็นบุคคลอื่นเพื่อหลอกเอาข้อมูลส่วนตัว (10) ปลอม Line , Facebook หรือ Account หลอกยืมเงิน (11) ข่าวปลอม (Fake news) - ชัวร์ก่อนแชร์ (12) หลอกลวงเอาภาพโป้เปลือยเพื่อใช้แบล็คเมล์ (13) โฆษณาชวนไปทำงานต่างประเทศแล้วบังคับให้ทำงานผิดกฎหมาย (14) ยินยอมให้ผู้อื่นใช้บัญชีธนาคาร (บัญชีม้า) ซึ่งเข้าข่ายเป็นความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน

2. การขอความร่วมมือผู้ให้บริการ ผู้รับใบอนุญาต ในการแก้ปัญหาการหลอกลวงประชาชนโดยใช้การปลอมหมายเลขโทรศัพท์ จากการใช้เทคโนโลยี VoIP (Voice over Internet Protocol) นั้น ผู้ให้บริการต่อสาย VoIP ไปยังปลายทาง (Call Termination) ต้องตรวจสอบการโทรที่มาจากต่างประเทศ หากเบอร์ที่โทรมานั้นมีรูปแบบเป็นเบอร์โทรศัพท์บ้าน เบอร์พิเศษ 3 หลัก หรือเบอร์พิเศษ 4 หลักของประเทศไทย ให้ผู้ให้บริการดังกล่าวตัดสายเพื่อไม่ให้ส่งต่อการโทรนั้นไปยังปลายทางในประเทศไทย และกำชับผู้ให้บริการต่อสาย VoIP ไปยังปลายทาง (Call Termination)ดังกล่าว ต้องแสดงเบอร์โครงข่ายของตนเองหรือโครงข่ายที่ตนเองเช่าใช้ ที่โทรศัพท์ที่รับสายปลายทางด้วย หากพบว่ามีการโทรเข้าโดยส่งเบอร์แปลกปลอมที่ไม่ใช่เบอร์ของตนเองเข้ามาให้ตัดสายนั้นทันที ทั้งนี้ เพื่อเป็นการป้องกันการปลอมแปลงเบอร์โทรเข้ามา รวมทั้งให้แสดงแหล่งที่มาของข้อมูลที่มาจากต่างประเทศ ให้ชัดเจน แตกต่างจากข้อมูลภายในประเทศ เช่น มีเครื่องหมาย + หรือสัญลักษณ์เฉพาะ ที่หน้าจอโทรศัพท์มือถือของประชาชน เพื่อจะได้ทราบในทันทีจะได้ไม่หลงเชื่อว่าเป็นหมายเลขโทรศัพท์ของหน่วยงานหรือเจ้าหน้าที่รัฐ

3. การตรวจสอบแหล่งที่มาของข้อมูล/ช่องทางการส่งข้อมูล(Traffic) ที่คนร้ายใช้ในการติดต่อ เพื่อสืบสวนหาต้นตอในการจับกุม สืบสวน และปิดกั้นช่องทางการส่งข้อมูล(Traffic) ดังกล่าวต่อไป

ด้านนายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล กล่าวว่า ทางสำนักงาน กสทช. ได้ตระหนักถึงปัญหาดังกล่าวเป็นอย่างดี และได้มีความร่วมมือกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ เพื่อร่วมกันดำเนินการด้านเทคนิคเพื่อการป้องกันการใช้เทคโนโลยีของมิจฉาชีพไปสร้างความเดือดร้อนให้ประชาชน การประชาสัมพันธ์ข้อมูลเพื่อให้ประชาชนตระหนักถึงภัยอันตรายดังกล่าว และการให้ข้อมูลสนับสนุนการสืบสวน สอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทั้งในเรื่องประเด็นการส่งข้อความสั้นหรือ SMS และการหลอกลวงของแก๊งคอลเซนเตอร์

ตร. เตือน! ระวังแก๊งคอลเซ็นเตอร์ อ้างค้างชำระค่าปรับจราจร หลอกเอาเงิน

พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ตามที่ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ได้มีนโยบายให้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แจ้งเตือนและประชาสัมพันธ์ให้พี่น้องประชาชนรู้เท่าทันถึงอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการสืบสวนจับกุมผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอดนั้น

ในช่วงที่ผ่านมาอาชญากรรมในรูปแบบของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ นอกจากจะแอบอ้างเป็นตำรวจหรือหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย และอ้างว่าบัญชีธนาคารของท่านมีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดต้องโอนเงินมาให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ หรืออ้างเอกสารราชการปลอมแล้ว สำนักงานตำรวจแห่งชาติพบว่าปัจจุบันได้พัฒนาการไปถึงการแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจโทรศัพท์หลอกว่าท่านค้างชำระค่าปรับจราจร หากไม่ชำระตอนนี้จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย เป็นเหตุให้มีพี่น้องประชาชนหลงเชื่อได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก

 

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงขอประชาสัมพันธ์ไปยังพี่น้องประชาชนว่าอย่าหลงเชื่อโอนเงินให้กับคนร้ายที่โทรศัพท์มาทวงถามให้ชำระค่าปรับจราจร เด็ดขาด ทั้งนี้ท่านสามารถตรวจสอบด้วยตนเองว่าท่านมีใบสั่งจราจรที่ค้างชำระค่าปรับหรือไม่  ผ่านทางเว็บไซต์ “ใบสั่งจราจรออนไลน์สำหรับประชาชน” https://ptm.police.go.th/ โดยท่านสามารถสมัครสมาชิกเพื่อ ตรวจสอบใบสั่ง โต้แย้งใบสั่ง และชำระค่าปรับ ได้โดยตรงผ่านทางเว็บไซต์ดังกล่าว

'ตร. เตือน' แก๊งคอลเซ็นเตอร์ไฮเทค ใช้ Deep Fake ตัดต่อคลิปตำรวจ หลอกเอาเงิน 

วันที่ 11 มี.ค. 2565 พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ตามที่ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ได้มีนโยบายให้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แจ้งเตือนและประชาสัมพันธ์ให้พี่น้องประชาชนรู้เท่าทันถึงอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการสืบสวนจับกุมผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอดนั้น

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ตรวจสอบพบว่า แก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้ปรับเปลี่ยนรูปแบบจากเดิมที่นำคลิปวิดีโอจากการให้สัมภาษณ์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งสวมใส่หน้ากากอนามัย มาตัดต่อใส่เสียงของคนร้าย เพื่อทำการข่มขู่ผู้เสียหาย จนผู้เสียหายหลงเชื่อว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจจริง และโอนเงินจำนวนมากให้กับคนร้าย นั้น

ปัจจุบัน ได้มีการพัฒนารูปแบบในการหลอกลวงพี่น้องประชาชน โดยการใช้เครื่องมือที่ทันสมัยมากขึ้นที่เรียกว่า Deepfake ซึ่งเป็นการใช้เทคโนโลยี Deep Learning ในการพัฒนาระบบปัญญาประดิษฐ์ ให้สามารถตัดต่อคลิปวิดีโอหรือภาพถ่ายของบุคคลหนึ่ง ให้สามารถขยับปากตามเสียงของบุคคลอื่นได้ ซึ่งแก๊งคอลเซ็นเตอร์ก็ได้ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดังกล่าว มาตัดต่อคลิปหรือภาพของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ให้พูดตามสิ่งที่คนร้ายพูด เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือในการหลอกลวงทรัพย์สินจากพี่น้องประชาชน 

ตร. เตือน แก๊งคอลเซ็นเตอร์ เปลี่ยนแนว พยายามหลอกเอาข้อมูลจากหน่วยงานรัฐและเอกชน

วันที่ 21 มี.ค. 2565 พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ตามที่ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ได้มีนโยบายให้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แจ้งเตือนและประชาสัมพันธ์ให้พี่น้องประชาชนรู้เท่าทันถึงอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการสืบสวนจับกุมผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอดนั้น

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตรวจสอบพบว่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ได้มีการปรับเปลี่ยนเป้าหมายในการหลอกลวง เป็นหน่วยงานภาครัฐ และองค์กรเอกชนมากขึ้น โดยมักจะแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรม เช่น อัยการ ศาล ปปช. ปปท. และหน่วยงานรัฐอื่น ๆ โทรศัพท์เข้ามายังหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย หน่วยงานด้านการปกครองส่วนท้องถิ่น  และภาคเอกชนต่าง ๆ โดยอ้างว่าต้องการประสานงาน หรือขอความร่วมมือ ในการติดตามบุคคลเพื่อขอหมายจับ หรือต้องการข้อมูลว่าบุคคลที่พักอาศัยอยู่ในบ้าน หรือทำงานในบริษัท มีใครบ้าง บางครั้งอาจพยายามหลอกให้เจ้าหน้าที่เข้าไปติดต่อกับเป้าหมายโดยตรง เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในการหลอกลวงพี่น้องประชาชน

“บิ๊กตู่” สั่งแก้ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ชม ยธ. ภาครัฐ-เอกชน ศิลปินดารานักร้อง ร่วมประชาสัมพันธ์ป้องกันภัยคุกคามผ่านบทเพลง “อย่าโอน” กระตุ้นเตือนประชาชนไม่หลงเชื่อ-ตกเป็นเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ 'สมศักดิ์'รณรงค์คนรู้ทันแก๊งคอลเซ็นเตอร์ อ้างปราบแบบเดิมแก้ปัญหา

เมื่อเวลา 08.45 น.วันที่ 22 มี.ค. ที่ตึกสันติไมตรี ทําเนียบรัฐบาล ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายธีรภัทร ประยูรสิทธิ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี และคณะผู้บริหารกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วยเหล่าศิลปิน ดารา เข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เพื่อประชาสัมพันธ์และสร้างความรู้ ความเข้าใจการป้องกันภัยคุกคามจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ให้กับประชาชน โดยการจัดทำชุดความรู้เกี่ยวกับพฤติกรรมของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ในบทเพลง “อย่าโอน” เป็นสื่อสร้างการรับรู้ให้กับประชาชน ซึ่งเป็นเนื้อเพลงที่จดจำได้ง่าย ติดหู ไว้ใช้เตือนสติ เตือนใจ และสร้างภูมิคุ้มกันให้ประชาชนไม่ตกเป็นเหยื่อของกลุ่มมิจฉาชีพ 

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จากรายงานพบแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์กำลังระบาดหนักมาอย่างต่อเนื่อง สร้างความเสียหายให้กับประชาชนในวงกว้าง มีการร้องเรียนจากหลายช่องทางถึงปัญหาดังกล่าว ขอให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการการทำงานเร่งติดตามแก้ไข และให้ความช่วยเหลือประชาชนเป็นการด่วน เพื่อป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับประชาชน โดยเฉพาะการสูญเสียทรัพย์สินจากการถูกหลอกลวง ใช้การประชาสัมพันธ์เชิงรุกให้เข้าใจง่าย เพื่อให้เกิดการรู้เท่าทัน ไม่ตกเป็นเหยื่อของอาชญากรกลุ่มนี้ พร้อมขอบคุณและชื่นชมกระทรวงยุติธรรม หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และเหล่าศิลปินดารา นักร้องที่ร่วมมือกันประชาสัมพันธ์และสร้างความรู้ ความเข้าใจการป้องกันภัยคุกคามจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เพื่อร่วมกันสร้างสังคมที่มีความปลอดภัยให้กับประชาชนผ่านบทเพลง “อย่าโอน” ซึ่งเป็นแนวคิดที่ดีที่ประชาชนฟังแล้วจดจำได้ง่าย สามารถกระตุ้นเตือนให้ประชาชนไม่ไปหลงเชื่อและตกเป็นเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่โทรมาหลอกลวง โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้สอบถามนางสาวรัศมี สีตลวรางค์ ผู้อำนวยการกองคดีเทคโนโลยีและสารสนเทศ กรมสอบสวนคดีพิเศษ ผู้ประพันธ์คำร้อง เพลง “อย่าโอน” ว่ามีแนวคิดที่จะแต่งเพลงอื่นอีกไหม ซึ่งนางสาวรัศมีกล่าวว่า มีแนวคิดที่จะแต่งเพลงเกี่ยวกับยาเสพติดเพื่อกระตุ้นเตือนคนในสังคมถึงพิษภัยยาเสพติด และไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดซึ่งเรื่องที่นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมให้ความสำคัญด้วย

ทั้งนี้ ปัจจุบันภัยคุกคามจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่แอบอ้างเพื่อหลอกลวงให้ประชาชนทำธุรกรรมด้านการเงินมีคนตกเป็นเหยื่อจำนวนมาก กลุ่มมิจฉาชีพหลอกลวงผ่านการใช้งาน Social media และใช้โทรศัพท์ข่มขู่ให้เหยื่อตกใจ หวาดกลัว ปัญหาดังกล่าวสร้างความเสียหายแก่ประชาชนในวงกว้าง ซึ่งกรมสอบสวนคดีพิเศษได้รับเรื่องร้องเรียนเป็นจำนวนมาก จึงได้เปิดช่องทางรับแจ้งข้อมูลการกระทำความผิดเพื่อเฝ้าระวังอาชญากรรมที่ซ้ำเติมประชาชน ผ่านหมายเลขโทรศัพท์สายด่วน DSI 1202 ปรึกษา ร้องเรียน ร้องทุกข์ โดยประชาชนสามารถป้องกันตัวเองเบื้องต้นได้ในกรณีที่มีคนร้ายติดต่อมา ให้พยายามขอข้อมูลในการติดต่อกลับไว้ และไม่ทำธุรกรรมใด ๆ ทั้งสิ้น จากนั้นนำข้อมูลดังกล่าวไปแจ้งความพนักงานสอบสวนท้องที่ที่อาศัยอยู่ เพื่อเป็นเบาะแสในการดำเนินคดีกับคนร้าย

รวมทั้งสามารถแจ้งข้อมูลดังกล่าวไปที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ ทางสายด่วน 1202 หรือร้องเรียนผ่านเว็บไซต์กรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อให้กรมสอบสวนคดีพิเศษดำเนินการสืบสวนติดตามร่องรอยคนร้าย ส่วนในกรณีที่ตกเป็นเหยื่อของคนร้ายโดยมีการโอนเงินเป็นที่เรียบร้อยแล้วนั้น ต้องรีบแจ้งความดำเนินคดีกับพนักงานสอบสวนท้องที่เกิดเหตุทันที และประสานธนาคารปลายทางที่โอนเงินไปให้ เพื่อติดตามร่องรอยทางการเงิน ทั้งนี้ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่หลอกลวงประชาชนนับเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย มีบทลงโทษสูง ดังนั้น กลุ่มผู้กระทำผิด และผู้ที่สนับสนุนในทุกกระบวนการ ทุกขั้นตอน ต้องหยุดการกระทำดังกล่าว

ด้านนายสมศักดิ์ ให้สัมภาษณ์ถึงการนำคณะผู้บริหารกระทรวงยุติธรรมพบนายกรัฐมนตรี ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า เพื่อนำเสนอกิจกรรมการประชาสัมพันธ์และสร้างความรู้ความเข้าใจการป้องกันภัยคุกคามจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ให้กับประชาชน โดยได้นำเสนอเพลงชื่อ"อย่าโอน" ซึ่งศิลปินนักร้องชื่อดังหลายคนมาร่วมขับร้อง และจัดทำโดยกองคดีเทคโนโลยีและสารสนเทศ กรมสอบสวนคดีพิเศษ ซึ่งจากกรณีที่เกิดการหลอกลวงโดยแก๊งคอลเซ็นเตอร์นั้น เมื่อวันที่ 19 ม.ค.ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์  ได้ให้นโยบายกับทุกกระทรวงให้ช่วยกันรณรงค์ให้ประชาชนได้รู้ถึงปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์  

ช่วยเหยื่อกลับไทย!! ‘บิ๊กตู่’ ปลื้ม ‘ไทย-กัมพูชา’ ช่วย ‘เหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์’ พร้อมเดินหน้าช่วยคนไทยพ้นขุมนรก อีกกว่า 2 พันราย!

นายกฯ ชื่นชม หน่วยงานเกี่ยวข้อง ทั้งไทย-กัมพูชา ช่วยเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เผย ยังติดตามการเข้าช่วยคนไทย อีกกว่า 2 พันคน ที่ยังถูกบังคับทำงานอยู่ในหลายๆเมือง

(17 เม.ย. 65)  น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รับทราบรายงานจากกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุนษย์ เรื่องการช่วยเหลือคนไทยที่ถูกหลอกไปเป็นเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ประเทศกัมพูชา ซึ่งปฎิบัติการช่วยเหลือรวมแล้วกว่า 11 ครั้ง เริ่มตั้งแต่ตุลาคมปีที่แล้ว ช่วยเหลือคนไทยกลับประเทศ 600 กว่าคน และนายกฯยังติดตามการเข้าช่วยเหลือคนไทยอีก 2 พันกว่าคน ที่ยังถูกบังคับทำงานอยู่ในหลายๆเมือง

น.ส.รัชดา กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีชื่นชมเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และองค์กรภาคประชาสังคม ในความร่วมมือเพื่อช่วยเหลือคนไทยที่ถูกหลอก และได้ขอบคุณประเทศกัมพูชา ที่สนับสนุนให้ข้อมูล อำนวยความสะดวก และคอยช่วยเหลือจนสามารถช่วยเหลือคนไทยได้อย่างต่อเนื่อง 

พร้อมกับขอความร่วมมือคนไทยที่ได้รับการช่วยเหลือให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อเจ้าหน้าที่ เพื่อจะได้ดำเนินคดีกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้เร่งขยายผลเพื่อดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องทุกรายอย่างรวดเร็ว ห้ามละเว้นการดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบและรู้ทันเล่ห์เหลี่ยมขบวนการฯ ที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา รวมถึงให้ประชาชนรู้ถึงความผิดเกี่ยวกับการกระทำผิดที่เกี่ยวข้องกับการหลอกลวงคนไทยไปทำงานผิดกฎหมายดังกล่าว 

คุยดูดทรัพย์ ‘แก๊งคอลเซนเตอร์’ อัปเกรดมุกหลอกเหยื่อ ไม่ถามเลขบัญชี แต่คุยอยู่ดีๆ เงินหายเกลี้ยง

ปัจจุบัน “แก๊งคอลเซนเตอร์” มีพัฒนาการหลอกในรูปแบบต่างๆ เรื่อยมา จนบางคนหลงเชื่อทำให้สูญเงินจนเกลี้ยงบัญชี ล่าสุด พ...อังกูร อนุวงศ์ เป็นศัลยแพทย์ที่เชี่ยวชาญด้านการผ่าตัดส่องกล้อง โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Angkoon Anuwong ระบุว่า…

เตือนภัย!! ระวัง! แกงค์คอลเซนเตอร์มุขหลอกใหม่ โหด อันตรายกว่าเดิม”!!….

วันนี้เที่ยงๆ มีเบอร์แปลกเข้ามา รับสาย เสียงอัตโนมัติ บอกว่าจาก FEDEX มีพัสดุตกค้าง ฟังแล้วรู้เลย ว่าแก็งคอลเซ็นเตอร์โทรมาหลอกแน่นอน ด้วยความอยากรู้ว่าจะมีมุขอะไรมาหลอกอีก ทั้งๆที่เขารู้กันทั้งประเทศแล้ว เลยลอง ตามน้ำ คุยกับ จนท (ปลอม) ไปเกือบชั่วโมง (จริงๆพักกินข้าว เหงาๆอยู่พอดี)

ในช่วงแรก ก็เป็นมุขคลาสสิคที่ได้ยินกันทั่วไป มีพัสดุชื่อเรา ส่งไปไต้หวันทาง FEDEX แต่ติดด่านศุลกากร กักไว้ เพราะมีของผิดกฎหมาย เป็น “กัญชา ยัดไว้ในตุ๊กตาหมี” ก็ถามว่าเราเป็นคนส่งไหม ได้ทำเอกสารไรหาย ได้ซื้อของออนไลร์ อะไรไหม ฯลฯ ถ้าไม่ใช่ของเราจริง แนะนำให้ไปแจ้งความ ที่ สภ.เมืองเชียงราย ที่เป็นที่เกิดเหตุ ถ้าไม่สะดวกไป จนท จะประสานให้ … ตามสูตรปกติ

ตัดมาที่ ตำรวจ สภ เมือง เชียงราย ร้อยเวรเป็นผู้หญิงโทรมา สอบถามโน่นนี่นั่น ทำเสียงดุๆ (เล่นให้สมเป็นตำรวจ) สุดท้าย สอบปากคำประกอบสำนวน โดยการแอดไลน์ line id: police…191 (แอดไปป่วนได้เลย 555) มันมีเหตุผลที่เค้าต้องลากเหยื่อมาแอดไลน์อยู่ แต่ไม่ใช่มุขวีดีโอคอล แบบเดิมแล้ว แต่โหดกว่าเดิม

ทีนี้ จะเป็นการโทรทางไลน์ ก็สอบถามข้อมูลส่วนตัว พอบอกชื่อ เลขบัตรประชาชนมั่วๆ ไป ทักขึ้นมาทันที ว่าเลขบัตรไม่ใช่ (เค้าคงมีข้อมูลบัตรเราอยู่แล้ว) พยายามจะให้ถ่ายบัตรประชาชนส่งให้ได้ เราก็ประวิงเวลาไปก่อน

จุดที่ว่าพีค และโหดสุด อยู่ตรงนี้ครับ เมื่อก่อน เค้าจะสอบถามบัญชี สอบถามจำนวนเงิน และให้เราโอนไปบัญชีม้า ใช่ไหมครับ แต่มันคงรู้ว่า คนรู้หมดแล้ว และไม่ยอมโอนแน่ เค้าเลยใช้มุข “ขอตรวจสอบโทรศัพท์ของเรา ว่ามีข้อมูลส่วนตัวรั่วไหลไปได้ยังไง” โดยให้ ตำรวจไซเบอร์มาคุยกับเรา เพื่อติดตั้งแอพตรวจสอบความปลอดภัยมือถือ วิธีการนี้ คนทั่วไปจะยอมครับ เพราะไม่เกี่ยวกับเงินเหมือนเมื่อก่อน

จนท จะให้เราโหลดโปรแกรม ตามลิงค์ข้างล่าง (มีอยู่ใน app store) (ถ้าเป็น android จะส่งของแอนดรอยด์)

https://apps.apple.com/.../teamviewer.../id661649585

มันคือ โปรแกรม Team Viewer Support ถ้าคนทั่วไป ที่ไม่ใช่สาย tech จะไม่ค่อยรู้ว่ามันคืออะไร. โปรแกรมพวกนี้ เป็นหนึ่งในสิ่งที่เรียกว่า Remote Desktop Connection กล่าวคือ เรานั่งอยู่ กทม. สามารถ คอนโทรลเครื่องคอมหรือมือถือคนที่อยู่เชียงใหม่ได้แทบจะ 100% เค้าออกแบบมาเพื่อให้สามารถแก้ไข ควบคุมอีกเครื่องได้ (ต้องได้รับการอนุญาตให้เข้าถึงเครื่องก่อน) ปัจจุบัน มีการพัฒนา version มือถือแล้ว ซึ่งก็คือลิงค์ข้างบน สามารถให้คอม ควบคุม มือถือเป้าหมาย จะเห็นทั้งหมดบนหน้าจอ เลื่อน เปิดโปรแกรม รับ sms ได้เสมือนเราเป็นเจ้าของเครื่องเอง

เริ่มปะติดปะต่อได้แล้วใช่ไหมครับ ว่าโหดยังไง … ตำรวจ Cyber (ปลอม) จะสอนให้เรา รับ Connection และเปิดกลับมาหน้าจอ Home ทิ้งไว้ ห้ามปิด แล้วจะส่งให้ ร้อยเวร สภ.เมืองเชียงรายคนเดิมคุยต่อ


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top