Monday, 20 May 2024
เสธหิ

ไม่ยุ่งกับจิ๊กโก๋!! ‘เสี่ยหนู’ เมิน ‘ชูวิทย์’ ดิสเครดิต-ขู่เผารังหนู มั่นใจ พรรคมีผลงานชัดเจน เชื่อ ปชช.รับรู้

(1 มี.ค. 66) ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ให้สัมภาษณ์ถึงการลงพื้นที่รณรงค์เลือกตั้งเพื่อชิงเก้าอี้ในกรุงเทพมหานคร ว่า เราไม่ได้บอกว่าจะไปชิงเก้าอี้กับใคร แต่เราต้องสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชนว่าพรรค ภท.สามารถทำนโยบายได้สำเร็จ และเป็นประโยชน์กับประชาชน ถ้าประชาชนเห็นแล้วพวกท่านก็จะเลือกตนและพรรค ภท.

เมื่อถามถึงการลงพื้นที่กรุงเทพมหานคร เดิมที พรรค ภท.เกิดประหม่ามาก ตอนนี้มีความมั่นใจขึ้นบ้างหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า เวลาเราเจอคนเยอะ ๆ เราก็ประหม่าทุกครั้ง แต่การทำงานของเราในช่วงนี้ต้องรณรงค์หาเสียง ตนในฐานะหัวหน้าพรรค จึงมอบนโยบายให้ปลัดกระทรวงสาธารณสุขแล้ว แต่ถ้ามีกรณีเร่งด่วนก็พร้อมทำงานเต็มที่

“เรื่องการเมืองปล่อยผมไปตามยถากรรม” นายอนุทินกล่าว

เมื่อถามถึงพื้นที่ที่พรรค ภท.จะเจาะเป็นพิเศษ นายอนุทินกล่าวว่า เรานำเสนอนโยบายผ่านผู้แทนราษฎร งานด้านการเมืองสำคัญหมด เพราะประชาชนอยู่ทุกอำเภอ ทุกที่มีโอกาสหมด พรรค ภท.เราเปิดตัวเมื่อสิบปีที่แล้ว ก็มีสมาชิกเข้ามาเพิ่ม และตนเชื่อว่างานของตนใน สธ. ก็สร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชนได้

เมื่อถามถึงนโยบายที่จะเปิดตัวเพิ่ม นายอนุทินกล่าวว่า เราเปิดไปหมดแล้วตั้งแต่ 3 เดือนก่อน ไม่มีเพิ่มมากกว่านี้แล้ว เท่าที่มีอยู่ก็ขอให้ได้ทำอย่างเต็มที่ ในการทำประโยชน์ให้ประชาชนและบ้านเมือง

ถามย้ำว่า มีความมั่นใจว่านโยบายตอนนี้จะทำให้ได้เป็นรัฐบาล นายอนุทินกล่าวว่า น่าจะโอเค

ไม่กลัวแลนด์สไลด์ 'เสธ.หิ' ตีปี๊บ!! กระแส 'บิ๊กตู่' มาเต็ม  มั่น!! 'รทสช.' ปักธงภาคเหนือได้แน่ 

(10 มี.ค.66) นายหิมาลัย ผิวพรรณ หรือ เสธ.หิ ผู้ประสานงานพรรครวมไทยสร้างชาติ พื้นที่ภาคเหนือ กล่าวถึงความคืบหน้าการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ระบบเขต พรรครวมไทยสร้างชาติในพื้นที่ภาคเหนือว่า ถึงตอนนี้การเตรียมงานของพรรคไปได้ดี จากเดิมตอนแรกคิดว่าจะไปได้ยาก แต่เมื่อได้เข้าไปสัมผัสกับประชาชนพบว่ากระแสตอบรับพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในพื้นที่ภาคเหนือดีมาก เพียงแต่ว่าความรู้สึกของประชาชนในพื้นที่ภาคเหนือเขาอาจไม่ค่อยแสดงออก เพราะเขาอาจเกรงว่าหากแสดงออกแล้วจะมีความขัดแย้งใดๆ ตามมา แต่เมื่อเราได้เข้าไปสัมผัส เห็นชัดว่า กระแสตอบรับของพรรครวมไทยสร้างชาติในภาคเหนือถือว่าดี


เอาเป็นว่า รวมไทยสร้างชาติ น่าจะเป็นพรรคการเมืองที่อยู่ในอันดับต้นๆ ของพรรคการเมืองที่อยู่ในใจคนภาคเหนือ โดยหากไม่ได้เข้าไปสัมผัส จะไม่รู้สิ่งนี้เลยเพราะด้วยสื่อและกระแสต่างๆ ที่ออกมา เหมือนกับว่าเป็นของบางพรรคการเมืองที่ยึดครองภาคเหนือ แต่พอเข้าไปสัมผัสจริงๆ พบเลยว่ามีแฟนคลับลุงตู่เยอะมาก เราคิดว่าตรงนี้ได้ผล ส่วนที่ว่าจะได้ส.ส.เขต กี่ที่นั่ง บอกเลยมั่นใจว่า ได้มา ก็ฮือฮาแล้วกัน เพราะเราไปสัมผัสพื้นที่มาแล้ว ก็ไม่ได้เป็นอย่างที่มีบางพรรคบางพวกพยายามสร้างภาพ

“ดังนั้น จะได้ ส.ส.แค่ไหน ก็อยู่ที่ประชาชนจะให้โอกาสเราแค่ไหน แต่เท่าที่ผมไปสัมผัสประชาชนมา ผมว่า ที่ใครเคยดูถูกพรรครวมไทยสร้างชาติไว้ทางภาคเหนือ ผมว่าได้นั่งร้องไห้กันบ้าง หลังผลเลือกตั้งออกมา ผมตอบแบบนี้ก็แล้วกัน แต่จะให้เราไปพูด คงไม่ได้ เพราะผมเคารพสิทธิประชาชน แต่จากการลงพื้นที่ทำให้ผมเชื่อว่าคนที่รักพลเอกประยุทธ์ในภาคเหนือมีอยู่เยอะ คนที่เข้าใจพรรครวมไทยสร้างชาติมีอยู่มาก ผมจึงมั่นใจว่าจำนวน ส.ส.เขต ที่เราตั้งเป้าไว้ เราจะได้ไม่ต่ำกว่าเป้าแน่นอน” เสธ.หิ ระบุ

เมื่อถามว่าในภาคเหนือ รวมไทยสร้างชาติจะสู้กับกระแสแลนด์สไลด์ กระแสนายทักษิณ ชินวัตร กระแสอุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ชินวัตร อย่างไร นายหิมาลัย กล่าวว่า “ต้องบอกว่า ท่านทักษิณก็มีสไตล์การบริหารงานในแบบของท่าน คุณอุ๊งอิ๊งก็มีสไตล์ในการบริหารงานต่างๆ รวมถึงความคิดต่างๆ ผมคิดว่าเราก็ดูถูกใครไม่ได้ ขณะเดียวกัน เราก็ไม่ดูถูกตัวเราเองด้วยเหมือนกัน ผมไม่รู้จักกระแสแลนด์สไลด์ รู้จักแต่ว่าประชาชนจะเลือกใคร วันนี้หากเราฟังสื่อแต่ว่าแลนด์สไลด์ แล้วทุกพรรคการเมือง ก็กลัวแลนด์สไลด์ ก็ไม่ต้องลงสมัครกัน ก็เหลือพรรคเดียวดีไหม ก็ยกให้ท่านทักษิณ ยกให้เพื่อไทยไปพรรคเดียวเลยดีไหม หากเรากลัวแลนด์สไดล์ เพราะฉะนั้น อย่างที่นายกรัฐมนตรีเคยบอกไว้ จะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง เพราะฉะนั้นถ้ามีคนศรัทธาแม้แต่หนึ่งคน เราก็ต้องต่อสู้”
 

ดร.หิมาลัย ชู ‘ยิ้มสยาม มีน้ำใจ ห่วงใยเอื้ออาทร’ สะท้อนคุณค่า ‘Soft Power’ ไทยที่สะกดใจคนทั่วโลก

ดร.หิมาลัย ชู ‘ยิ้มสยาม มีน้ำใจ ห่วงใยเอื้ออาทร’ สะท้อนคุณค่า ‘Soft Power’ ไทยที่สะกดใจคนทั่วโลก พร้อมชวนคนไทยใช้จุดแข็งนี้ ดึงดูดชาวต่างชาติ พลิกฟื้นการท่องเที่ยว สร้างความเข้มแข็งให้กับระบบเศรษฐกิจไทย

(13 ธ.ค. 66) ดร.หิมาลัย ผิวพรรณ คณะที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี (นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค) สะท้อนมุมมองเกี่ยวกับ ‘Soft Power’ ของไทย ซึ่งรัฐบาลกำลังพยายามผลักดันศิลปวัฒนธรรมและเอกลักษณ์ความเป็นไทยในหลากหลายมิติ เพื่ออวดสายตาชาวโลก พร้อมกับดึงดูดให้มาท่องเที่ยวในประเทศไทย 

ทั้งนี้ ดร.หิมาลัย กล่าวว่า คำว่า ‘Soft Power’ มีการตีความที่หลากหลาย แต่โดยส่วนตัวของตนนั้น มองว่า เอกลักษณ์ของไทยที่เป็น ‘Soft Power’ สะกดให้คนทั่วโลกหลงรักประเทศไทยและคนไทยหากได้มาเยือน ที่นั่นก็คือ ยิ้มสยาม, มีน้ำใจ, เอื้ออาทรห่วงใย, ช่างโอภาปราศรัย และ ใจรักในการบริการ หรือ Service Mind ซึ่งสิ่งเหล่านี้มีอยู่ในตัวคนไทยมาช้านาน  

“อย่างที่พวกเราทราบกันดีว่า เมื่อเอ่ยถึงคำว่า ยิ้มสยาม คนต่างชาติล้วนนึกประเทศไทยและคนไทย ซึ่งเป็นการสะท้อนความมีไมตรีจิต และการยิ้มของคนไทยนั้นเป็นภาษากายสากลที่ทุกคนเมื่อได้เห็นล้วนสัมผัสได้ถึงความจริงใจและไมตรีของคนไทย แน่นอนว่า เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยเสริมภาพลักษณ์สนับสนุนในเรื่อง Soft Power ที่รัฐบาลกำลังผลักดันในหลายๆ มิติ เพื่อสร้างแรงดึงดูดนักท่องเที่ยว ซึ่งจะช่วยให้เศรษฐกิจของไทยพลิกฟื้นได้อย่างรวดเร็ว หลังจากสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายให้กับประเทศไทยเร็ว”

ดร.หิมาลัย อธิบายว่า ประเทศไทยนั้น มีสิ่งที่เกื้อหนุนด้านการท่องเที่ยวอยู่แล้ว ทั้งในด้านทรัพยากรธรรมชาติ และศิลปวัฒนธรรม ที่ชาวต่างชาติให้ความสนใจอยากจะมาสัมผัสและศึกษาค้นคว้าอยู่แล้ว เพียงแต่เราต้องทำตัวเป็นเจ้าบ้านที่ดีที่พร้อมให้ความช่วยเหลือนักท่องเที่ยวที่มาเยือน ซึ่งสิ่งเหล่านี้ ไม่ใช่หน้าที่ของรัฐบาลเพียงฝ่ายเดียว แต่มองว่า ควรเป็นหน้าที่ของคนไทยทุกคนที่เป็นเจ้าภาพร่วมกัน เพื่อสร้างความประทับใจให้กับนักท่องเที่ยวทุกคนที่มาเยือน

อย่างไรก็ตาม โดยส่วนตัวเชื่อว่า คนไทยทุกคนพร้อมที่จะให้การต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติทุกคนอยู่แล้ว เพราะสิ่งเหล่านี้อยู่ในสายเลือดคนไทยอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็น มิตรไมตรี และยิ้มสยาม ที่ตราตรึงใจคนทั่วโลก รวมไปถึงการมีน้ำใจของคนไทย ซึ่งเห็นได้ชัดช่วงโควิดที่ผ่านมา มีชาวต่างชาติหลายคนที่ติดอยู่ในเมืองไทย กลับประเทศตนเองไม่ได้ แต่ก็ยังอยู่ได้แม้ไม่มีเงิน ด้วยความเอื้ออาทรของคนไทย สามารถพึ่งพิงอาศัยได้ ทั้งวัดไทย, สุเหร่า และโบสถ์คริสต์ มีการทำอาหารแจกจ่าย เป็นการสะท้อนความมีน้ำใจของคนไทย ที่หาได้ยากในต่างประเทศ

นอกจากนี้ คนไทยยังมีความเอื้ออาทรห่วงใย พร้อมถามไถ่ให้คำแนะนำ และเตือนภัยหากเห็นว่าสถานที่ท่องเที่ยวนั้น ๆ จะมีอันตราย ด้วยความเป็นคนช่างเจรจาปราศรัย ซึ่งเป็นอีกจุดหนึ่งที่ต่างชาติประทับใจ และอีกหนึ่งอย่างที่ชาวโลกยกย่อง คือ Service mind การบริการด้วยใจ ที่ไม่เป็นรองใครในโลก ยกตัวอย่าง สายการบินของไทย ที่ดูแลผู้โดยสารด้วยความใส่ใจและนอบน้อม จนได้รางวัลอันดับต้นๆ ของโลก แม้แต่สายการบินต่างชาติยังต้องทำตาม หลังจากนั้นเขาก็ได้รางวัลสายการบินยอดเยี่ยมไป ซึ่งเป็นที่น่าเสียดายว่า ช่วงหนึ่งเราละเลยสิ่งเหล่านี้ไป แต่อย่างไรก็ตาม ยังเชื่อมั่นว่า เราจะสามารถกลับมาสร้างความประทับใจให้กับชาวโลกได้อย่างแน่นอน ผ่านสิ่งที่เป็นเอกลักษณ์ของคนไทย ซึ่งเป็นอีกหนึ่ง ‘Soft Power’ ที่อยู่ในตัวคนไทยอยู่แล้วนั่นเอง

‘ดร.หิมาลัย’ ลงพื้นที่ตรวจสอบ เคสปั๊มเติม ‘น้ำมันผสมน้ำ’ ให้ลูกค้า ชี้ ให้เป็นไปตาม กม. พร้อมกำชับพลังงานทั่วประเทศตรวจเข้ม

‘เสธหิ’ ที่ปรึกษา รมว.พลังงาน ชี้เคสปั๊มเติมน้ำมันผสมน้ำให้ลูกค้า ยกเป็นอุทาหรณ์ ส่วนคดีก็ว่าไปตามกระบวนของกฎหมาย พร้อมขอให้พลังงานจังหวัดแจ้งความดำเนินคดี ส่วนพนักงานสอบสวนมีหน้าที่สอบสวนเพื่อหาความจริงเพื่อให้ทุกฝ่ายได้รับความเป็นธรรม

จากกรณีนางสมนึก สิทธิการณา พลังงานจังหวัดกาญจนบุรี เข้าพบ ร.ต.ท.ทัศเทพ เพร็ชศรี รอง สว. (สอบสวน) สภ.หนองปรือ เพื่อแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดำเนินคดีเจ้าของปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งตั้งอยู่ท้องที่ ต.สมเด็จเจริญ อ.หนองปรือ จ.กาญจนบุรี ในข้อกล่าวหา กระทำผิดตาม พ.ร.บ.การค้าน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ.2543 มาตรา 25 วรรค 3 และมาตรา 50 ซึ่งมีโทษตามมาตรา 48 และ 49

ขณะที่น้องชายเจ้าของปั๊มให้การว่าน้ำมันดีเซล B7 ที่บีบออกจากหัวจ่ายเพื่อให้ลูกค้าเมื่อวันที่ 22 เม.ย.เป็นน้ำมันที่มีน้ำเจือปนอยู่จริง ตามคลิปที่ผู้เสียหายไปโพสต์ลงในเฟซบุ๊ก โดยมีพนักงานเป็นผู้บีบตัวอย่างลงในแกลลอน ทางปั๊มเองไม่ทราบว่าสาเหตุที่มีน้ำเจือปนในน้ำมันเกิดจากสาเหตุใด ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

เมื่อวานนี้ (2 พ.ค.67) นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้มอบหมายให้ ดร.หิมาลัย ผิวพรรณ หรือเสธหิ ที่ปรึกษาเดินทางมาตรวจสอบและติดตามความคืบหน้ากรณีข้างต้น โดยมีนางนิภา ศรแก้ว ผู้อำนวยการกองคุณภาพน้ำมันเชื้อเพลิง นายอัครเดช ศุกระกาญจน์ ผู้อำนวยการกองกฎหมาย กรมธุรกิจพลังงาน และนางสมนึก สิทธิการณา พลังงานจังหวัดกาญจนบุรี ร่วมกับ พล.ต.ต.กำธร อุ่ยเจริญ ผู้บังคับการศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 7 (ผบก.ศพฐ.7) พร้อมเจ้าหน้าที่ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 7

พ.ต.อ.สรวิชญ์ บัวกลิ่น ผกก.สภ.หนืองปรือ พ.อ.ทวี ดอนวิจิตร หัวหน้ากลุ่มงานประสานความมั่นคง กอ.รมน.จังหวัดกาญจนบุรี ร่วมตรวจสอบข้อเท็จจริง สถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิงที่พบว่ามีน้ำปนในน้ำมันดีเซลบี 7 ที่ทำให้เกิดความเสียหายแก่รถยนต์ของประชาชน และกำชับให้สถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิงตรวจสอบและดูแลเรื่องคุณภาพ รวมถึงปริมาตรน้ำมันให้เป็นไปตามกฎหมายเพื่อให้ประชาชนไม่ได้รับความเดือดร้อน

พร้อมกันนี้ กองคุณภาพน้ำมันเชื้อเพลิงได้เก็บตัวอย่างน้ำมันเพื่อตรวจสอบคุณภาพน้ำมันเชื้อเพลิง เพื่อสร้างความมั่นใจให้ประชาชน โดยมีน้องชายเจ้าของปั๊มพาตรวจสอบ ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง จึงแล้วเสร็จ

ทั้งนี้ ดร.หิมาลัย เปิดเผยภายหลังตรวจสอบว่า จากกรณีที่เกิดขึ้น นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวพัน ส่งผลกระทบต่อประชาชนโดยตรง เนื่องจากประชาชนได้จ่ายเงินค่าน้ำมันไปแล้ว ประชาชนต้องอยากได้น้ำมันที่มีคุณภาพและปริมาณที่ครบถ้วนตามจำนวนเงินที่จ่ายไป

หลังจากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น จึงเป็นหน้าที่ของหน่วยงานราชการที่จะต้องลงมาตรวจสอบเรื่องเหล่านี้ ซึ่งขณะนี้ท่านรัฐมนตรีท่านทำงานอยู่หลายอย่าง เช่น ในระดับนโยบายท่านทำในเรื่องการปรับโครงสร้างต่าง ๆ เพื่อให้ได้รับน้ำมันที่มีความเป็นธรรม แต่ขณะเดียวกันเมื่อมาถึงระดับของประชาชนที่ได้รับผลกระทบโดยตรงก็ต้องการให้ประชาชนได้รับสินค้าที่ตรงตามคุณภาพและปริมาณของน้ำมันตามที่ได้ระบุไว้ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องสำคัญ

สำหรับเรื่องที่เกิดขึ้นนั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานอยากให้เจ้าที่ที่เกี่ยวข้องมีการตื่นตัว โดยพลังงานจังหวัดทุกจังหวัดจะต้องมีนโยบายแนวทางการตรวจสอบให้มากขึ้นกว่าที่เป็นอยู่

แต่อย่างไรก็ตาม เรื่องที่เกิดขึ้นต้องขอขอบคุณสื่อมวลชนและประชาชนที่ร้องเรียนเพราะถือว่าช่วยเป็นหูเป็นตาให้ทางราชการ ซึ่งทางราชการต้องรีบเข้าไปแก้ไข ต้องฝากไปยังพลังงานจังหวัดทุกจังหวัดว่าต่อไปเมื่อได้รับเรื่องร้องเรียนแล้วจะมีวิธีการอย่างไรที่จะดำเนินการให้ผู้ร้องได้รับความพึงพอใจ และจะมีวิธีการอย่างไรเพื่อที่จะหาความจริงมาตอบประชาชนให้ได้

โดยการเดินทางมาในครั้งนี้ ซึ่งได้รับความร่วมมือจากผู้ประกอบการปั๊มน้ำมันเป็นอย่างดี เพื่อที่จะร่วมกันหาทางออก และหาคำตอบให้ประชาชนว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นมันเป็นการเจตนาหรือไม่เจตนา เพราะหากมีการพลั้งเผลอหรือบกพร่องตรงไหนผู้ประกอบการจะต้องไปทำการแก้ไข ในส่วนของคดีให้ว่ากันไปตามกฎหมาย โดยพลังงานจังหวัดมีหน้าที่แจ้งความดำเนินคดี ส่วนพนักงานสอบสวนมีหน้าที่สอบสวนเพื่อหาความจริงเพื่อให้ทุกฝ่ายได้รับความเป็นธรรม

จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้จะถึงขั้นเพิกถอนใบอนุญาตของผู้ประกอบการหรือไม่นั้น คงยังตอบไม่ได้ ให้เป็นไปตามข้อกฎหมายเบื้องต้น ตนยังไม่ทราบว่าข้อกฎหมายเป็นอย่างไร ซึ่งตรงนี้ต้องรอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการสอบสวน รวมทั้งเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานได้ทำการตรวจสอบข้อมูลรายละเอียดก่อนว่าจะเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหนเกี่ยวกับความหนักเบาของพฤติกรรม

ซึ่งในข้อกฎหมายมีอยู่แล้ว ต่อไปลักษณะของการที่จะเพิ่มโทษอะไรต่าง ๆ ทางผู้บริหารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะเป็นผู้วินิจฉัยร่วมกัน แต่ขณะนี้ข้อกฎหมายที่มีอยู่จะต้องบังคับใช้ให้มีความยุติธรรมกับประชาชนและต้องให้ความยุติธรรมกับผู้ประกอบการด้วยว่าเขามีเจตนาอย่างไร ซึ่งต้องฝากไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ทำการสืบสวนสอบสวนเพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงต่อไป

ในส่วนนโยบายขณะนี้รัฐมนตรีกำลังดำเนินการแก้ไข เช่น ตอนนี้ได้ให้มีการแจ้งต้นทุนน้ำมัน เพื่อเวลาที่รัฐบาลขอความร่วมมือหรือควบคุมราคาน้ำมันต่าง ๆ จะได้ทราบต้นทุนราคาน้ำมันที่แท้จริง ที่ผ่านมายังไม่เคยมีการแจ้งต้นทุนราคาน้ำมันมาก่อนเลย ทำให้เราไม่สามารถทราบราคาต้นทุนน้ำมันที่แท้จริงได้ ต่อไปเมื่อรัฐบาลสามารถทราบราคาต้นทุนที่แท้จริงได้ จะทำให้รัฐบาลสามารถดูแลประชาชนได้ดีและมีความเป็นธรรมมากขึ้น


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top