Monday, 17 June 2024
เลี้ยงลูก

‘คุณแม่ชาวจีน’ บังคับให้ลูกดูโทรทัศน์ตลอดทั้งคืน หลังลูกชายดูแต่โทรทัศน์ ไม่รับผิดชอบหน้าที่ตัวเอง

เด็กชายวัย 8 ขวบรายหนึ่งถูกพ่อแม่บังคับใช้ดูโทรทัศน์ตลอดทั้งคืน ในบทลงโทษที่หนูน้อยรายนี้ดูทีวีมากเกินไป การสั่งสอนแบบรักวัวให้ผูกรักลูกให้ตี ที่โหมกระพือประเด็นถกเถียงบนสื่อสังคมออนไลน์

เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์อ้างอิงรายงานของสำนักข่าวจีนแผ่นดินใหญ่ Vista ระบุว่า เด็กชายไม่เปิดเผยชื่อรายนี้ จากมณฑลหูหนาน ทางภาคกลางของจีน ถูกทิ้งให้อยู่บ้านเพียงลำพัง เนื่องจากพ่อแม่ออกไปข้างนอก และถูกขอให้ทำการบ้านให้เสร็จแล้วเข้านอนตอนเวลา 20.30 น.

อย่างไรก็ตาม พ่อแม่กลับมาถึงบ้านในช่วงดึกคืนดังกล่าว แม่ของหนูน้อยพบว่าลูกชายยังทำการบ้านไม่เสร็จแถมยังไม่อาบน้ำ นอกจากนี้ แทนที่จะเข้านอน ลูกชายยังคงเฝ้าหน้าจอโทรทัศน์อย่างไม่ละสายตา

แม้ไม่นานหลังจากนั้น ลูกชายจะลุกเดินเข้าไปนอน แต่ผู้เป็นแม่ตามไปลากหนูน้อยลงจากเตียง กลับมายังห้องนั่งเล่น เปิดทีวีและบังคับให้ลูกชายดูโทรทัศน์ตลอดทั้งคืน

ในตอนแรกเด็กชายยังคงดูโทรทัศน์อย่างสงบ มีท่าทีผ่อนคลาย กินขนมขบเคี้ยว เล่นแท็บแล็ตและนอนเอกเขนกบนโซฟา แต่พอหลายชั่วโมงผ่านไป หนูน้อยชักเบื่อหน่ายและเริ่มร้องไห้ตอน 02.00 น. มีอยู่ช่วงหนึ่งเด็กชายรายนี้แอบกลับไปที่เตียงเพื่อนอนหลับ แต่แม่จับได้ และบังคับให้เขากลับมาที่ห้องนั่งเล่นอีกครั้ง และดูโทรทัศน์ต่อไป

พ่อและแม่เฝ้าดูลูกชายอยู่ตลอด โดยคนเป็นพ่อไม่ยอมให้ลูกหลับ คอยปลุกหนูน้อยให้ลืมตาตื่น และทั้ง 2 คนไม่ยอมให้ลูกชายเข้านอนจนกระทั่งถึงเวลา 05.00 น.

คุณแม่แชร์ประสบการณ์ ‘เลี้ยงลูกด้วยไอแพด’ ทุกข์ใจ!! ลูกอดทนต่ำ-ถอนผมตัวเอง-ค่ารักษาทะลุหมื่น

เมื่อวันที่ 7 ส.ค. 66 ผู้ใช้เฟซบุ๊ก ‘ข้าว ฟาไฉ’ ได้ออกมาโพสต์ข้อความแชร์ประสบการณ์ การเลี้ยงลูกด้วยไอแพด พบสมองส่วนเหตุผลของเด็กไม่ทำงาน มีอาการดึงผมจนผมร่วงเป็นหย่อมเสียค่ารักษาหลักหมื่น โดยผู้โพสต์ได้ระบุข้อความว่า…

"รีวิวเลี้ยงลูกด้วยไอแพด ค่ายา+ค่าจิตแพทย์เดือนละ 2,500 ค่าพบนักจิตบำบัด ชม.ละ 2,000 พบนักจิตอาทิตย์ละครั้ง เฉลี่ยค่ารักษาเดือนละ 10,000++

น้องเริ่มได้เล่นไอแพดและจอหลัง 4-5 ขวบมาแล้ว พัฒนาการน้องปกติ ไม่ช้า และไม่ได้สมาธิสั้น เรียนได้คะแนนดี พูดภาษาอังกฤษได้ดี แต่อาการของน้องคือ สมองส่วนเหตุผลไม่ทำงาน เพราะตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เหมือนน้องไม่เคยต้องรอ และอดทนรออะไรเลย ทำให้ป่วยเป็นโรค tic disorder และ tourette syndrome อาการแตกต่างกันไปในแต่ละเคส มีตั้งแต่กระพริบตาถี่ ๆ ทำเสียงแปลก ๆ ถอนผมและถอนขน อาการของน้องคือถอนผม เวลาเครียดหรือเผลอ จนผมหายเป็นหย่อม ๆ ค่ายา 2,500 คือราคาถูกแล้ว ถ้าใช้ยานอก เฉลี่ยเดือนละ 6,000++"

อย่างไรก็ตาม พบว่า มีชาวเน็ตจำนวนมากที่ประสบเหตุการณ์เดียวกัน อีกทั้งทางฝั่งครูโรงเรียนอนุบาลก็เข้ามาแสดงความคิดเห็นว่า เจอเด็กเป็นโรคแบบนี้ประมาณ 1-5 คน และอาการของน้องที่เป็นแบบนี้ถือว่าเยอะและไม่ปกติ การเลี้ยงดูของคนรอบตัว ทั้งคุณพ่อคุณแม่ ปู่ย่าตายาย สำคัญมาก บางคนคุณพ่อคุณแม่พาไปบำบัดก็ดีไป แต่ในเด็กบางรายนั้น คุณพ่อคุณแม่กลับคิดว่าลูกของตัวเองพูดเก่ง คุณครูก็ทำได้แค่ช่วยเหลือปรับพฤติกรรมบ้างเท่านั้น

‘พรูเด็นเชียล-ยูนิเซฟ’ เล็งเห็นความสำคัญวัยเด็ก จัดกิจกรรม ‘เลี้ยงถูก ลูกดี’ เสริมเทคนิคเลี้ยงลูกให้พ่อแม่ยุคใหม่-ใช้เวลาในครอบครัวอย่างมีคุณภาพ

เด็กในช่วงวัย 0-6 ปี จำเป็นต้องได้รับการเลี้ยงดูอย่างเหมาะสม ทั้งทางด้านร่างกาย อารมณ์ และจิตใจ ซึ่งถือเป็นช่วงเวลานาทีทองที่จะส่งผลต่ออนาคตของเด็กไปตลอดชีวิต

เมื่อไม่นานนี้ ‘พรูเด็นเชียล ประเทศไทย พรูเด็นซ์ ฟาวน์เดชัน’ และ ‘องค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย’ จับมือกันเดินหน้าสร้างความตระหนักรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับการดูแลเด็กในช่วงปฐมวัย เพื่อสร้างรากฐานชีวิตที่ดีให้แก่คนในสังคม ผ่านกิจกรรม ‘เลี้ยงถูก ลูกดี’ ที่เปิดโอกาสให้พ่อแม่ยุคใหม่ได้เติมเต็มความรู้ในการเลี้ยงลูกและได้ใช้เวลาที่มีคุณภาพร่วมกันในครอบครัว

อ.ดร.นุชนาฏ รักษี รองผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย สถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว มหาวิทยาลัยมหิดล เล่าถึงความสำคัญของเด็กในวัย 0-6 ปี ว่า เป็นช่วงเวลาที่สมองพัฒนาสูงสุด โดยเด็กในวัยนี้จะเหมือนกับฟองน้ำที่พร้อมดูดซับความรู้และประสบการณ์ทั้งหมดที่ได้จากการอบรมเลี้ยงดู ซึ่งมีผลต่อพัฒนาการทั้งด้านร่างกายและสมอง อันเป็นพื้นฐานสำคัญที่ต่อยอดไปถึงทักษะการเรียนรู้ การควบคุมอารมณ์ และการเข้าสังคมของเด็ก รวมทั้งยังมีอิทธิพลอย่างมากต่อทัศนคติ บุคลิกภาพ และพฤติกรรมในอนาคตเมื่อเป็นผู้ใหญ่

สำหรับ 5 หลักการดูแลเด็กอย่างมีคุณภาพ ซึ่งเป็นหลักการดูแลเอาใจใส่เด็กทั้ง 5 ด้าน ที่องค์การอนามัยโลกและองค์การยูนิเซฟได้จัดการประชุมร่วมกับผู้เชี่ยวชาญทั่วโลก เพื่อวางกรอบการเลี้ยงดูเด็กปฐมวัยให้สามารถเติบโตได้อย่างมีศักยภาพ ซึ่งประกอบไปด้วย

1.) สุขภาพที่ดี หมายถึงสุขภาพที่ดีทั้งของเด็กและของผู้ดูแล ทั้งสุขภาพกายและสุขภาพจิต

2.) โภชนาการที่เพียงพอ ทั้งร่างกายและสมองต่างต้องการสารอาหารที่ครบถ้วนและพอเหมาะ เพื่อเป็นแหล่งพลังงานในการเติบโต หากเด็กได้รับสารอาหารน้อยหรือมากเกินไป อาจมีภาวะทุพโภชนาการได้

3.) คุ้มครองให้ความปลอดภัยและมั่นคง หมายถึงสิ่งแวดล้อมที่ปลอดภัยสำหรับเด็กและครอบครัว เพราะเด็กเล็กไม่สามารถป้องกันตนเองได้และมีความเปราะบางต่ออันตรายต่างๆ นอกจากนี้ยังรวมถึงการเลี้ยงดูเด็กโดยไม่ใช้ความรุนแรง ซึ่งจะช่วยให้เด็กรู้สึกมั่นคงและปลอดภัย เพราะการปกป้องให้ลูกรู้สึกปลอดภัยเพียงพอ รับรู้ถึงความรัก ความผูกพันมั่นคง เน้นการให้กำลังใจ จะสร้างความพร้อมให้เด็กสามารถเรียนรู้ได้ดีในอนาคต

4.) ให้โอกาสในการเรียนรู้ ในขวบปีแรกๆ เด็กจะเรียนรู้และได้รับทักษะและความสามารถจากการปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นผ่านรอยยิ้ม การสบตา การพูดคุย ร้องเพลง การเลียนแบบ และการละเล่นง่ายๆ

5.) มีปฏิสัมพันธ์ที่ดีกับเด็ก การที่พ่อแม่คอยตอบสนองลูกอย่างเอาใจใส่ และรับฟังความต้องการของลูกอย่างใกล้ชิด เปรียบเสมือนการวางรากฐานชีวิตที่มั่นคงแข็งแรงให้กับลูก ทำให้พัฒนาการด้านต่างๆ ตามวัยสามารถดำเนินไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ

สิ่งสำคัญที่ไม่อาจหาได้จากที่ไหนคือ ความมั่นคงทางอารมณ์และจิตใจที่จะหลอมรวมกันจนกลายเป็นตัวตนของเด็ก และติดตัวจนโตเป็นผู้ใหญ่ไปตลอดชีวิต

‘คุณพ่อชาวจีน’ คุกเข่ากลางถนน ขอโทษ ‘ลูกสาว’ หลังไม่มีเงินมากพอ เพื่อซื้อโทรศัพท์ iPhone ให้

เมื่อไม่นานมานี้ ในโลกโซเชียลของจีน ได้แชร์คลิปวิดีโอหนึ่งซึ่งเป็นภาพคุณพ่อชาวจีน กำลังนั่งคุกเข่าก้มศีรษะขอโทษลูกสาววัยรุ่น เนื่องจากเขาไม่มีเงินซื้อสมาร์ตโฟน ยี่ห้อไอโฟนให้ลูกสาว จากเหตุการณ์นี้กลายเป็นประเด็นถกเถียงอันเผ็ดร้อนเกี่ยวกับการดูแลบุตรหลานในสังคมจีนปัจจุบัน

ตามรายงานของเว็บไซต์ Jinyun Video ระบุว่า คลิปนี้ถูกบันทึกไว้ได้โดยผู้สัญจรผ่านไปมารายหนึ่งในเมืองไท่หยวน ทางตอนกลางของมณฑลซานซี เมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา โดยที่เขาบังเอิญพบเห็นพ่อลูกคู่นี้บนถนนพอดี

ผู้เห็นเหตุการณ์นี้รายที่มีชื่อว่า จง เล่าว่าพ่อลูกคู่นี้พูดกันเสียงดังมาก จนกระทั่งเขาได้ยินทุกอย่างอย่างชัดเจน เด็กหญิงตะโกนใส่ผู้เป็นพ่อ บอกว่า "พ่อแม่คนอื่น ๆ สามารถซื้อไอโฟนให้ลูก ๆ แต่ทำไมพ่อถึงไม่มีเงิน"

หลังจากถูกด่าอย่างรุนแรง ผู้เป็นพ่อได้คุกเข่าลงและก้มศีรษะแสดงอาการกล่าวโทษตนเองที่ไม่สามารถหาเงินได้มากพอ กระตุ้นให้ลูกสาวตวาดลั่นว่า "ลูกขึ้น! ลุกขึ้นเร็ว ๆ" ดูเหมือนเด็กหญิงจะอับอายสายตาคนอื่น ๆ ต่อการกระทำของผู้เป็นพ่อ

จง เล่าต่อว่า เขายืนดูอยู่ไม่ไกลนัก เฝ้าดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับคนทั้ง 2 เป็นเวลาราว 5 นาที และแสดงความเห็นใจผู้เป็นพ่อ พร้อมกับแสดงความขุ่นเคืองต่อพฤติกรรมลูกสาวของชายรายนี้ "ผมรู้สึกถึงขั้นอยากเดินไปตบหน้าเธอเลยทีเดียว" เขากล่าว

คลิปนี้เป็นที่พูดถึงอย่างกว้างขวางบนสื่อสังคมออนไลน์และทั่วประเทศ มีผู้เข้าชมบนเว่ยปั๋ว 91 ล้านคน และบนแพลตฟอร์มโต่วอินมากกว่า 6 ล้านครั้ง หลายคนประณามพฤติกรรมของลูกสาว แต่บางส่วนวิพากษ์วิจารณ์ผู้เป็นพ่อว่าไร้ความสามารถในการสอนลูกสาวอย่างที่ถูกที่ควร

"ลัทธิบริโภคนิยมนำมาซึ่งผลกระทบทางลบต่อเยาวชน พวกเขาหมกมุ่นอยู่กับความสะดวกสบายทางวัตถุ แต่เพิกเฉยต่อความยากลำบากของพ่อแม่ มันเรื่องน่าเศร้าของสังคม" ผู้ใช้รายหนึ่งเขียน

"ผมรู้สึกเศร้าใจกับทั้ง 2 คน ลูกสาวไร้สาระมากๆ แต่การคุกเข่าของผู้เป็นพ่อก็ไม่เหมาะสม" ความเห็นหนึ่งระบุ "แน่นอนว่า พ่อน่าสงสาร แต่การกระทำของเขาจะยิ่งทำให้ลูกสาวเป็นคนหัวดื้อมากยิ่งขึ้น เขาไม่ได้ชี้ถึงความผิดพลาดของลูก เขาทำหน้าที่พ่อได้แย่มาก ๆ"

3 ข้อคิดถึงพ่อแม่ ช่วยละลายพฤติกรรมคนเมืองให้หลุดจากหัวเด็ก ลดปัญหา 'วัยรุ่นโปรไฟล์ดี' ก่อเหตุร้ายแรงแบบไม่แคร์สังคม

(7 มิ.ย. 67) จากเฟซบุ๊ก 'Pathom Indraroshom' โดย คุณปฐม อินทโรดม ได้โพสต์เนื้อหาชวนคิดในหัวข้อ 'อะไรทำให้วัยรุ่น 'โปรไฟล์ดี' จากครอบครัวอบอุ่นออกมาก่อเหตุร้ายแรงจนเป็นข่าวมากมาย??' ว่า...

ผมเชื่อว่าเหตุร้ายแบบนี้จะไม่เกิดถ้าพ่อแม่ชนชั้นกลางไม่เลี้ยงลูกเป็น 'เทวดา' เหมือนทุกวันนี้ที่ยิ่งได้เรียนโรงเรียนดี ๆ แล้วเข้ามหาวิทยาลัยชั้นนำแทบจะเห็นโลกแค่มิติเดียว ซึ่งเป็นมิติที่พ่อแม่อยากให้เห็น คือ ได้อยู่ในสังคมที่ดี เพื่อน ๆ ฐานะร่ำรวย ใช้ชีวิตหรูหราสบาย ๆ เพราะคิดว่าเด็กจะได้ดีถ้าไม่ต้องสัมผัสกับมิติอื่นที่อาจเจอสิ่งเลวร้ายอย่างยาเสพติด เซ็กซ์ การทะเลาะวิวาท ฯลฯ เหมือนลูกคนจนที่ตัวเองรังเกียจ

ผลที่ได้คือ ลูกรู้จักแค่โลกกลวง ๆ มิติเดียว และคิดว่านั่นคือโลกทั้งใบ เมื่อเจอกับความผิดหวังก็รับไม่ได้ เพราะคิดว่าโลกนี้มีแค่นั้น ทั้งที่ในความเป็นจริงมันไม่ใช่!

ลองเปลี่ยนแนวคิดใหม่ ผมเองขอสนับสนุนให้...

1. ทำงานหาเงินด้วยตัวเองในช่วงปิดเทอม อันนี้ทำได้ตั้งแต่ยังเรียนมัธยม เลิกคิดได้แล้วว่าลูกฉันเป็นคนชั้นสูงจะต้องไม่ทำงานใช้แรงงาน เพราะยิ่งคิดแบบนี้ก็ยิ่งส่งเสริมให้เขาอยู่ในโลกแคบ ๆ การทำงานจะล้างจานหรือเป็นเด็กเสิร์ฟจะทำให้เขารู้จักค่าของเงินและทำให้เขาได้สัมผัสคลุกคลีกับเพื่อนร่วมงานที่มาจากครอบครัวที่แตกต่างหลากหลาย ทำให้เขามองโลกได้หลายมิติมากขึ้น

พ่อแม่ต้องไม่อายที่บอกว่า 'ลูกฉันเป็นเด็กเสิร์ฟ' แต่ต้องพูดให้ลูกภูมิใจว่าลูกฉันรู้จักรับผิดชอบและเปิดโลกหาประสบการณ์ด้วยตัวเอง

อย่า! ส่งเสริมให้ลูกทำงานฉาบฉวยที่ไม่ได้สร้างความรู้ใด ๆ แต่ได้เงินง่าย ๆ เพราะเก็งกำไร เช่นเอาเงินเก็บไปลงทุนคริปโตตามกระแส หรือการขายของออนไลน์ที่แค่หาของถูกมาขายแพง ๆ โดยไม่ได้พัฒนาความรู้ใด ๆ เพราะทำแบบนี้อาจได้เงินง่ายแต่ไม่ยั่งยืนและเขาจะเมินงานทั่วไปที่สร้างความมั่นคงระยะยาวแต่เขาจะดูถูกว่าได้เงินน้อย

2. หาที่ฝึกงาน จะบริษัทเล็กใหญ่ไม่ต้องเลือกมาก ยิ่งได้ทำงานที่ตรงกับสาขาที่เรียนก็ยิ่งดี และต้องไม่เกี่ยงแม้เขาจะใช้เราแค่ไปชงกาแฟก็ตาม การฝึกงานเป็นการได้คลุกคลีกับคนที่ทำงานในสายเดียวกัน ได้รู้จักทำงานเป็นทีม

ไม่ต้องรอให้ถึงชั้นปี 3 ค่อยไปฝึกงานตามระเบียบมหาวิทยาลัย แต่ไปได้เร็วเท่าไรยิ่งดี เดี๋ยวนี้เด็กปี 1 ก็เริ่มมาฝึกงานกันแล้ว

3. ไปออกค่ายอาสาสมัคร ไปเป็นครูอาสา ใช้ชีวิตกินนอนอยู่ในพื้นที่ห่างไกลสัก 1-2 เดือนช่วงปิดเทอม ได้สัมผัสกับวิถีชาวบ้าน ได้เห็นว่าเพื่อนวัยเดียวกันเขาไม่ได้แค่เรียนหนังสือ แต่เขาทำงานเก็บเงินสร้างบ้าน บางคนเป็นหัวหน้าครอบครัวเพราะพ่อตายตั้งแต่ยังเด็ก เขาจะหันมานับถือคนเหล่านี้ ว่าเป็น 'คนจริง' ไม่ใช่นับถือลูกคนรวยขับซูเปอร์คาร์ที่ได้มาจากธุรกิจสีเทา 

ทั้งหมดคือ การละลายพฤติกรรมคนเมือง ซึ่งพ่อแม่ชนชั้นกลางพยายามทำสิ่งที่ตรงกันข้ามมาโดยตลอด ผมเชื่อว่าผลจากการประคบประหงมลูกเกินความจำเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เด็กยุคนี้มีปัญหาครับ


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top