Friday, 3 May 2024
เพลิงไหม้

ปทุมธานี - “บ๊กแจ๊ส” เร่งให้การช่วยเหลือ หลังเกิดเพลิงไหม้โรงงานโฟมนวนคร เสียหายไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท

เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2564 เวลา 16:15 น. พ.ต.ท.ยศวัฒน์ นิติรัฐพัฒนคุณ สว.สอบสวน สภ.คลองหลวง ได้รับแจ้งมีเหตุเพลิงไหม้โรงงาน ในนวนคร ที่บริษัทโปลิโฟมไฮเท็คส์ จำกัด ตั้งอยู่เลขที่ 60/94 หมู่ที่19 ภายในนิคมอุตสาหกรรมนวนคร ตำบลคลองหนึ่ง อำเภอคลองหลวง จ.ปทุมธานี ภายหลังรับแจ้งเหตุ จึงรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ และประสานงานไปยังสถานีดับเพลิงเทศบาลเมืองท่าโขลง ,รถดับเพลิงเทศบาลเมืองคลองหลวง และบรรเทาสาธารณภัยในพื้นที่ข้างเคียงกว่า 20 คัน และรุดไปที่เกิดเหตุพร้อมด้วย พลตำรวจโท คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายกอบจ.ปทุมธานี ,นายนิติชัย วิริยานนท์ นายอำเภอคลองหลวง ,ว่าที่ร้อยตรีพิชญะ เพียราช ปลัดอำเภอคลองหลวง .พ.ต.อ.เกียรติศักดิ์ มิตรปราสาท ผกก.สภ.คลองหลวง, พ.ต.ท.เสกสรรค์ บัวเรือง รอง ผกก.ป.สภ.คลองหลวง ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่อาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง หน่วยกู้ชีพเทศบาลเมืองท่าโขลง เร่งให้การช่วยเหลือ ในที่เกิดเหตุเป็นภาพมุมสูง บริเวณพื้นที่เกิดเพลิงไหม้นั้น เป็นโรงงานประกอบกิจการค้า และผลิตโฟม ,เม็ดพลาสติก .พลาสติกบรรจุภัณฑ์ และฉนวนกันความร้อน ในเนื้อที่ 3 ไร่ โดยมีพนักงานทำงานอยู่จำนวน กว่า 50 คน

โดยเจ้าหน้าที่พบแสงเพลิง และกลุ่มควันสีดำขนาดใหญ่ ที่พวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า สามารถมองเห็นได้จากระยะไกลกว่า 10 กิโลเมตร ทางเจ้าหน้าที่ดับเพลิง ต้องเร่งระดมฉีดน้ำกันจ้าระหวั่น เพื่อเร่งสกัดเพลิง เพื่อไม่ให้ลุกลามโรงงานข้างเคียง แต่เชื้อเพลิงเป็นโฟมและแกนกระดาษจำนวนมาก ทำให้เพลิงลุกไหม้อย่างรวดเร็ว และป้องกันไม่ให้เพลิงลุกไหม้ ไปยังโกดังเก็บสินค้าที่อยู่ด้านใต้ โดยรถดับเพลิงต้องเร่งช่วยกันฉีดน้ำ สกัดเพลิงกระทั่งล่าสุดเวลา 17.30 น.เจ้าหน้าที่ จึงสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้ และอยูในวงจำกัด ในเบื้องต้นไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตแต่อย่างใด เบื้องต้นคาดว่า ค่าเสียหายไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท

 

'พล.ต.ต. วาที' เผย พฐก.-ศพฐ. 2 ร่วม ตรวจหาสาเหตุเพลิงไหม้เมาน์เท่น บี ครั้งที่ 2 เตรียมประชุมสรุปผลหาสาเหตุแน่ชัด

เมื่อวันที่ 8 ส.ค. 2565 ที่สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ(สพฐ.) สำนังานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) พล.ต.ต.วาที อัศวุตมางกุร โฆษก สพฐ.ตร. กล่าวว่า จากเหตุการณ์เพลิงไหม้เมาน์เทน บี จ.ชลบุรี เมื่อวันที่ 5 สิงหาคมที่ผ่านมา ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 15 รายมีผู้ได้รับบาดเจ็บ จำนวน 38 คน รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล จำนวน 31 คน และสามารถกลับบ้านได้แล้ว 7 คน จากเหตุการณ์ดังกล่าว พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร.สั่งการให้ พล.ต.ท.วีระ จิรวีระ ผู้บัญชาการสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ (ผบช.สพฐ.ตร.)นำเจ้าหน้าที่ตำรวจจากกองพิสูจน์หลักฐานกลาง (พฐก.) พร้อมศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 2 (ศพฐ.2) ลงพื้นที่ตรวจหาพยานหลักฐานและหาสาเหตุที่แน่ชัด

พล.ต.ต.วาทีฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ ผู้บัญชาการสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ มีความห่วงใยและรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นพร้อมกำชับให้ตำรวจพิสูจน์หลักฐานเก็บพยานหลักฐานในพื้นที่อย่างละเอียด เร่งหาสาเหตุที่แท้จริงของเหตุเพลิงไหม้ครั้งนี้ เพื่อส่งให้พนักงานสอบสวนประกอบสำนวนในการดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

จก.พร.เยี่ยมบำรุงขวัญกำลังพล รพ.สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ และมอบใบประกาศยกย่องชมเชย ในการดูแลรักษาผู้ประสบเหตุ จากเหตุการณ์เพลิงไหม้เมาน์เทน บี เป็นอย่างดี

เจ้ากรมแพทย์ทหารเรือ (จก.พร.) ตรวจเยี่ยมบำรุงขวัญให้กำลังใจกำลังพล และมอบใบประกาศยกย่องชมเชยบุคลากร โรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ กรมแพทย์ทหารเรือ

เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2565 พลเรือโท ชลธร สุวรรณกิตติ เจ้ากรมแพทย์ทหารเรือ พร้อมคณะตรวจเยี่ยมกำลังพล โรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ กรมแพทย์ทหารเรือ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี เพื่อรับทราบภารกิจ ผลการปฏิบัติงาน และมอบใบประกาศยกย่องชมเชย พร้อมมอบของที่ระลึกให้บุคลากรโรงพยาบาล โดยมี พลเรือตรี อานัน นิ่มนวล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลฯ  ให้การต้อนรับ และบรรยายสรุปผลการดำเนินงาน ปัญหาข้อขัดข้องและข้อเสนอแนะ โดย นาวาเอก กิตตินันท์ งามศิลป์ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลฯ ฝ่ายบริหาร 

ในการนี้ พลเรือโท ชลธร สุวรรณกิตติ เจ้ากรมแพทย์ทหารเรือ ได้มอบใบประกาศยกย่องชมเชย พร้อมมอบของที่ระลึกให้บุคลากรโรงพยาบาล เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจกำลังพล ในการปฏิบัติงาน โดยเฉพาะการบริหารจัดการที่ดีเป็นระบบในการดูแลรักษาผู้ประสบเหตุ จากเหตุการณ์เพลิงไหม้เมาน์เทน บี สถานบันเทิงที่ตั้งอยู่ ถนนสุขุมวิท ตำบลพลูตาหลวง อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อ วันที่ 5 สิงหาคม 2565 เวลา 01.00 น. เป็นผลให้มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก และถูกส่งตัวมารักษาที่ โรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ จำนวน 27 ราย ปัจจุบันยังคงรักษาเป็นผู้ป่วยใน จำนวน 1 ราย
 

ผบ.ตร.สั่ง น.1 เร่งตรวจสอบเหตุเพลิงไหม้อาคารที่ทำการ บก.น.5 และความเสียหายทรัพย์สินทุกชนิดโดยละเอียด พร้อมจัดหาปรับปรุงที่ทำการชั่วคราว ดูแลตำรวจที่ได้รับผลกระทบ เบื้องต้น พฐ.รายงานไฟไหม้จาก กระแสไฟในคอมเพรสเซอร์แอร์ลัดวงจร

วันที่ 4 มี.ค. 66 พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง โฆษก ตร. เปิดเผยว่า “จากกรณีเพลิงไหม้กองบังคับการตำรวจนครบาล 5 (บก.น.5)  เขตสาทร ซึ่งเป็นอาคารสูง 3 ชั้น มีรถยนต์ของตำรวจได้รับความเสียหายจำนวน 7 คัน แต่ไม่มีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต ตามที่มีการเสนอข่าวไปแล้วนั้น

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.สั่งการให้ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. ตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น  เร่งหาสาเหตุที่แท้จริงของการเกิดเพลิงไหม้ครั้งนี้ รวมทั้งสภาพโครงสร้างอาคารที่มีความเสียหายจะเกิดอันตรายหรือไม่ โดยเบื้องต้นได้รับรายงานจากเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานที่ลงตรวจสอบที่เกิดเหตุว่า สาเหตุไฟไหม้เกิดจากกระแสไฟในคอมเพรสเซอร์แอร์ลัดวงจร 

คนไทยไม่ทิ้งกัน

รอง ผบ.ตร.ส่งตำรวจทางหลวง-จิตอาสา เร่งช่วยเหลือชาวบ้านปากช่อง บ้านถูกเพลิงไหม้ 4 หลังคาเรือน พร้อมเยี่ยวยาซับน้ำตา

เมื่อวันที่ 4 เมษายน 2566 เวลา 16.00 น.ที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่หมู่ 7 บ้านลำทองหลาง ต.ปากช่อง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา

พลตำรวจเอก ต่อศักดิ์ สุขวิมล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้มอบหมายให้ พ.ต.ท.จิระพันธ์ มณีรัตน์ สารวัตรตำรวจทางหลวงนครราชสีมา จิตอาสา 904 ตำรวจทางหลวงนครราชสีมา ชมรมฮักเขาใหญ่ ร่วมกับ เรืออากาศเอก พนม เต็งกิ่ง กองบิน 1 ทหารอากาศกองบิน 1 อบต.ปากช่อง ผู้ใหญ่บ้าน ร่วมกันรื้อถอนบ้านถูกเพลิงไหม้ เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2566 ของนายแม้น ภู่นอก ซึ่งเป็นบ้านต้นเพลิง ถูกไฟไหม้เสียหายทั้งหลัง นำเอาเศษอิฐ เศษปูน และสิ่งของถูกไฟไหม้ออกทั้งหมด เพื่อเตรียมสร้างบ้านหลังใหม่ทันที

‘ชาวพระโขนง’ ขอบคุณ ‘มณีรัตน์’ ผู้สมัครส.ส.ภูมิใจไทย  ช่วยประสาน อปพร.-เข้าช่วยเหลือ หลังเกิดเหตุไฟไหม้ 

เมื่อไม่นานมานี้ ได้เกิดเหตุเพลิงไหม้บ้านเรือน ไม่มีเลขที่จำนวน 6 หลัง ภายในซอยปุณณวิถี 48 ถ.สุขุมวิท 101 แขวงบางจาก เขตพระโขนง กรุงเทพมหานคร ซึ่งนางสาวมณีรัตน์ ลิมป์รัตนกาญจน์ ผู้สมัคร ส.ส. จากพรรคภูมิใจไทย ได้ให้การช่วยเหลือและประสาน อปพร. ในพื้นที่ทันทีหลังจากเกิดเหตุ 

จากคำบอกเล่าของชาวบ้าน ช่วงเวลาแปปเดียวไฟลุกลามไหม้หมด ไฟฟ้าก็ดับ ตรงนี้มืดหมด ตกน้ำราดในขณะที่ขาก็ปวด เมื่อทราบข่าวเหตุเพลิงไหม้ สิ่งแรกที่ทำ นางสาวมณีรัตน์ ลิมป์รัตนกาญจน์ กล่าวว่า “โชคดีที่ว่าทีมอาสาของเราหนึ่งในนั้นเป็น อปพร. ทางทีมเราก็ลงพื้นที่เข้าไปช่วยเลย และทำการประสานทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมกับดูแลพี่น้องประชาชนที่อยู่อาศัยตรงนั้น ไม่ให้เขาตื่นตระหนกมากจนเกินไป หลังจากเกิดเหตุการณ์นี้เรามาตรวจสอบพบว่า 6-7 หลังคาเรือนที่ไฟไหม้ เป็นบ้านที่ไม่มีเลขที่ ต้องไปจั้มไฟ เลยเป็นสาเหตุที่เกิดไฟฟ้าลัดวงจร พื้นที่ไม่มีโฉนด หรือเป็นพื้นที่รกร้างแล้วชาวบ้านมาสร้างบ้านกันอยู่เอง เกิดจากการที่เขาไม่มีที่อยู่อาศัย เป็นหน้าที่ของทางรัฐบาลที่ต้องดูแลปรับปรุงพื้นที่พัฒนาและก็สร้างบ้านเพื่อตอบรับสิ่งเหล่านี้ให้แก่พี่น้องประชาชนที่ไม่มีที่อยู่อาศัย”

สำหรับแนวทางแก้ไขปัญหา นางสาวมณีรัตน์ ลิมป์รัตนกาญจน์ กล่าวว่า “เบื้องต้น คือ 1) จัดหาที่อยู่อาศัยที่เหมาะสม 2) ส่งเสริมความรู้เรื่องไฟฟ้าแก่ชุมชน สอนให้เด็กมีองค์ความรู้เรื่องนี้ในการป้องกันเบื้องต้นไม่ให้เกิดไฟไหม้ขึ้น 3) จัดทีมอาสาเฝ้าระวังของแต่ละชุมชน ซึ่งสมัยก่อนเคยมีและทุกวันนี้ก็ยังทำอยู่ 

‘พ่อแม่’ สะอื้น!! เมื่อลูกชายทาสยา ‘เผาบ้าน-เผารถ’ เหตุขอเงินซื้อน้ำมันโช๊คอัพไม่ได้ ล่าสุดคุมตัวได้แล้ว 

(30 เม.ย.66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่งานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกว่า 10 นาย ระดมรถดับเพลิงกว่า 4 คัน ช่วยกันดับไฟที่กำลังลุกไหม้ บ้าน 2 ชั้น ครึ่งปูนครึ่งไม้ เลขที่ 34 หมู่ 11 ตรงข้ามศาลาประชาคม บ้านแสนสุข ต.บึงกาฬ อ.เมืองบึงกาฬ ของนายแสง แดนเขาเม็ง อายุ 73 ปี ซึ่งใช้เวลาราวกว่า 40 นาที จึงควบคุมไฟเอาไว้ได้ ข้าวของเครื่องใช้ภายในบ้านได้รับความเสียหายทั้งหมด

หลังเพลิงสงบ นายเชิดชัย เจริญดี รองปลัดเทศบาลเมืองบึงกาฬ และจ่าเอกพินิจ สินนาง หัวหน้าฝ่ายป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เข้าสอบถามผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน และคณะกรรมการชุมชน ทราบว่า คนที่เผาบ้านหลังดังกล่าว คือลูกชายของเจ้าของบ้าน ทราบชื่อนายณัฐพงศ์ อายุ 31 ปี ซึ่งเป็นลูกชายเจ้าของบ้านจุดไฟเผามอเตอร์ไซค์และจุดไฟเผา เบื้องต้น หลังเผาบ้าน ได้หลบหนีไป

ด้านนายแสง ผู้เป็นพ่อ หลังกลับมาเห็นบ้านไฟไหม้ถึงกับทรุด น้ำตาไหล ยืนถือน้ำมันโช้กอัพ สะอื้อบอกกับเจ้าหน้าที่ว่า เมื่อเช้าลูกชายโทรไปขอเงิน จะซื้อน้ำมันโช้กอัพมอเตอร์ไชค์ ตนก็บอกว่าไม่มี เดี๋ยวเย็นๆ กลับมาจากวิ่งสามล้อ พอได้เงินค่าวิ่งสามล้อแล้วจะซื้อมาให้ แต่มาไม่ทัน บ้านไฟไหม้ก่อน คาดว่าลูกชายคงไม่พอใจ ที่ผ่านมาลูกชายก่อปัญหาตลอด วิ่งสามล้อได้เงินมา ก็ขอวันละ 500-600 บาท พ่อวิ่งสามล้อได้วันละ 100-200 บาท ต้องป้อนให้ลูกชาย พ่อแม่ไม่มีอะไรจะกิน ตนกับภรรยาต้องไปเช่าบ้านอยู่ที่อื่นเพราะกลัวลูกชายจะปาดคอ ครั้งนี้ขอให้เจ้าหน้าที่ดำเนินคดีตามกฎหมาย น้ำตาก็เสียมาหลายหยดแล้ว

‘รมว.ปุ้ย’ ยัน!! ‘ก.อุตฯ’ เร่งช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบ กรณีไฟไหม้โกดังลักลอบเก็บสารเคมี อยุธยา พร้อมสั่งลงโทษผู้กระทำผิด

เมื่อวานนี้ (7 มี.ค.67) นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรที่มีนายวันมูหะหมัด นอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานการประชุม โดยนางสาวพิมพฤดา ตันจรารักษ์ สมาชิสภาผู้แทนราษฎร จ.พระนครศรีอยุธยา พรรคภูมิใจไทย ได้ยื่นกระทู้สดถามรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เกี่ยวกับการดำเนินการของกระทรวงอุตสาหกรรม กรณีเพลิงไหม้ของเสียอันตรายที่ลักลอบเก็บในโกดัง อ.ภาชี จ.อยุธยา ทั้งในส่วนของการนำของเสียไปกำจัดบำบัด บทลงโทษ การเยียวยา และการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซ้ำอีก โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ได้ชี้แจงว่า...

นับตั้งแต่กระทรวงฯ ตรวจพบการลักลอบทิ้งกากอุตสาหกรรมในโกดังและบริเวณโดยรอบพื้นที่โดยไม่ได้รับอนุญาต เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2566 ได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำการยึดอายัดของเสียอันตรายในโกดังดังกล่าว จำนวนกว่า 4,000 ตัน รวมทั้งยึดอายัดรถบรรทุกและรถแบคโฮที่ใช้ในการลักลอบขนถ่ายของเสียอันตรายไว้เป็นของกลาง พร้อมทั้งดำเนินคดี และสั่งการเจ้าของที่ดิน ผู้เช่าที่ดิน ผู้ขนส่ง และผู้ลักลอบนำของเสียอันตรายมาเก็บไว้ที่โกดังดังกล่าว อีกทั้ง กระทรวงอุตสาหกรรมใช้มาตรการขั้นเด็ดขาด สั่งปิดโรงงานและเพิกถอนใบอนุญาตโรงงานของบริษัทเอกชนสองรายที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดเมื่อปี 2566

ภายหลังจากเหตุเพลิงไหม้เมื่อวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2567 ได้สั่งการให้กรมโรงงานอุตสาหกรรมร่วมกับสำนักงานอุตสาหกรรม จ.พระนครศรีอยุธยา ลงพื้นที่ตรวจสอบ พบว่า เกิดเหตุเพลิงไหม้ภายในบริเวณโกดังหลังที่ 1 และ 2 จากทั้งหมด 5 โกดัง มีของเสียอันตรายถูกเพลิงไหม้จำนวน 13 กระบะ และรถบรรทุกของกลางถูกเพลิงไหม้จำนวน 1 คัน ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต โดยภายหลังจากการควบคุมเพลิงเอาไว้ได้ กระทรวงอุตสาหกรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังคงติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เฝ้าระวังจุดความร้อนและตรวจวัดคุณภาพอากาศโดยรอบสถานที่เกิดเหตุอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2567 จนถึงปัจจุบัน พบว่า คุณภาพอากาศในบรรยากาศทั่วไป มีค่าไม่เกินมาตรฐาน

ทั้งนี้ เพื่อเป็นการเฝ้าระวังผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นกับพี่น้องประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณโดยรอบ กระทรวงอุตสาหกรรมจะทำการตรวจวัดคุณภาพน้ำและอากาศอย่าต่อเนื่อง รวมถึงบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เฝ้าระวังไม่ให้เหตุการณ์เพลิงไหม้เกิดขึ้นอีก จึงขอให้พี่น้องประชาชนโดยรอบในพื้นที่ดังกล่าว มีความมั่นใจได้ว่าสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ 

ส่วนสาเหตุของการเกิดเหตุเพลิงไหม้พบหลักฐาน เช่น ขวดและถังใส่น้ำมัน พร้อมธูปและระเบิดปิงปองในพื้นที่เกิดเหตุหลายจุด เป็นเหตุให้เชื่อได้ว่ามีผู้ไม่หวังดีกระทำให้เกิดเหตุเพลิงไหม้โดยสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องอยู่ระหว่างการสืบสวนเพื่อนำตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษโดยเร็วที่สุด เพื่อบรรเทาและลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับสิ่งแวดล้อมและประชาชนโดยรอบพื้นที่ กระทรวงอุตสาหกรรมได้ดำเนินมาตรการป้องกันการปนเปื้อนของของเสียอันตรายไม่ให้มีการกระจายออกสู่สิ่งแวดล้อมในทันที จากนั้นจะทำการจำแนกของเสียทั้งหมด เพื่อนำของเสียอันตรายในส่วนที่ถูกเพลิงไหม้และของเสียที่มีการรั่วไหลหรือมีความจำเป็นเร่งด่วนไปกำจัดบำบัดให้ถูกต้องตามหลักวิชาการก่อนโดยจะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในปี 2567 

สำหรับการกำจัดบำบัดของเสียอันตรายที่เหลือทั้งหมดในโกดังและพื้นที่โดยรอบ และการทำการฟื้นฟูสภาพแวดล้อมในพื้นที่ จากการประเมินคาดว่าต้องใช้งบประมาณอีกกว่า 50 ล้านบาท เพื่อนำของเสียอันตรายทั้งหมดที่เหลือไปกำจัดบำบัดอย่างถูกต้องตามหลักวิชาการ โดยภายหลังจากการปรับปรุงฟื้นฟูสภาพแวดล้อมในพื้นที่เสร็จสิ้นแล้ว กระทรวงอุตสาหกรรมจะฟ้องเรียกค่าใช้จ่ายในการดำเนินการทั้งหมดคืนจากบริษัทและผู้มีส่วนร่วมในการกระทำความผิดต่อไป

“ดิฉันขอให้พี่น้องประชาชนโดยรอบในพื้นที่ดังกล่าวมีความมั่นใจได้ว่า สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ กระทรวงฯ มีนโยบายให้ความสำคัญและมุ่งมั่นแก้ไขปัญหาการลักลอบกากอุตสาหกรรมที่เกิดขึ้นจากการประกอบกิจการโรงงานทั้งระบบ โดยในปี 2566 ที่ผ่านมา ได้ยกระดับปรับแก้กฎหมายโดยการออกประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การจัดการสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้ว พ.ศ. 2566 นำหลักการผู้ก่อมลพิษเป็นผู้จ่ายหรือเป็นผู้รับผิดชอบ (Polluter Pays Principle: PPP) มาใช้อย่างเต็มรูปแบบ กำหนดความรับผิดตั้งแต่ต้นทางโรงงานจนกว่ากากอุตสาหกรรมจะได้รับการกำจัดบำบัดจนแล้วเสร็จ” รมว.พิมพ์ภัทรา กล่าว

นอกจากนี้ กระทรวงอุตสาหกรรม ยังเร่งปรับแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติโรงงานในหลายประเด็น  ได้แก่...

(1) การเพิ่มบทกำหนดโทษให้มีการจำคุกและการปรับในอัตราสูง แก่ผู้ที่กระทำความผิดด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะทำให้อายุความในการดำเนินคดีเพิ่มขึ้น จากเดิมมีอายุความเพียง 1 ปีเท่านั้น เพื่อให้เกิดความเกรงกลัว ไม่กล้าที่กระทำผิด 

(2) การเพิ่มฐานอำนาจให้สามารถสั่งการให้ผู้ประกอบกิจการโรงงานที่ถูกเพิกถอนใบอนุญาตดำเนินการแก้ไขปรับปรุงหรือฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมให้เรียบร้อยเป็นปกติ ซึ่งปัจจุบันหากสั่งปิดโรงงานแม้จะมีผลให้โรงงานถูกเพิกถอนใบอนุญาตแต่การสิ้นสภาพการเป็นโรงงานจะทำให้ไม่สามารถถูกสั่งการตามกฎหมายโรงงานได้อีกต่อไป 

และ (3) การจัดตั้งกองทุนอุตสาหกรรม เพื่อสนับสนุนงบประมาณในการป้องกันการแพร่กระจายของมลพิษโดยเร่งด่วนได้ ตลอดจนป้องกันหรือยับยั้งไม่ให้เกิดความเสียหายในทันที จนกว่าจะสามารถควบคุมสถานการณ์ได้หรือจนกว่าสถานการณ์จะเข้าสู่สภาวะปกติโดยเร็ว  

“ในนามของกระทรวงอุตสาหกรรม ดิฉันมีความห่วงใยพี่น้อง และมุ่งมั่นแก้ไขปัญหาการลักลอบทิ้งของเสียอุตสาหกรรม โดยเฉพาะพี่น้องประชาชนจังหวัดพระนครศรีอยุธยาที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าว ซึ่งกระทรวงฯ ได้จัดชุดเฝ้าระวังการลักลอบทิ้งกากอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่องเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ขึ้นซ้ำอีก พร้อมจัดทำแผนฟื้นฟูสภาพแวดล้อมในพื้นที่เกิดเหตุ เพื่อให้ประชาชนสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ” รมว.พิมพ์ภัทรา กล่าวปิดท้าย

‘รมว.ปุ้ย’ เกาะติดเหตุเพลิงไหม้โรงงานสารเคมีระยอง กำชับ!! กรมโรงงานฯ ช่วยเร่งสืบหาข้อเท็จจริง

(23 เม.ย.67) ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รมว.อุตสาหกรรม กล่าวถึงกรณีเหตุเพลิงไหม้โรงงานเก็บสารเคมี จ.ระยอง ถูกมองว่าเชื่อมโยงกับโรงงานที่เกิดเหตุไฟไหม้ก่อนหน้านี้ที่ อ.ภาชี จ.พระนครศรีอยุธยา ว่า ได้รับรายงานตั้งแต่เมื่อวาน (22 เม.ย.) จากอุตสาหกรรมจังหวัด ซึ่งตนได้สั่งการปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม และอธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรมเข้าไปดูเรื่องนี้โดยด่วน ซึ่งต้องขอบคุณผู้ว่าราชการจังหวัดระยองและหน่วยงานในพื้นที่ที่ช่วยเข้าไปดับเพลิง โดยเมื่อคืนนี้ (22 เม.ย.) ตนได้รับแจ้งว่าจัดการเปลวเพลิงได้แล้ว

แต่เมื่อเช้าได้รับรายงานอีกครั้งว่ายังมีเปลวเพลิงอยู่ ซึ่งวันนี้ จ.ระยอง จะมีการประชุมอีกครั้ง รวมถึงกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจะเข้าไปดูเรื่องคุณภาพอากาศ และปริมาณสารเคมีที่ตกค้าง

เมื่อถามถึงความเชื่อมโยงเหตุเพลิงไหม้ระหว่าง 2 พื้นที่ ที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าเป็นการทำลายหลักฐานหรือไม่ น.ส.พิมพ์ภัทรา ระบุว่า ที่มีการกล่าวถึงว่าทั้ง 2 พื้นที่มีความเชื่อมโยงกัน เรื่องของเจ้าของโรงงานและการเผาเพื่อทำลายหลักฐาน เรื่องนี้ขอให้รอผลสรุปจากทางตำรวจก่อนดีกว่า

เรื่องนี้เป็นมหากาพย์จริง ๆ ไม่ใช่พื้นที่ใน อ.ภาชี และพื้นที่ จ.ระยอง เท่านั้น รวมไปถึงพื้นที่ จ.ราชบุรี ด้วย ซึ่งได้สั่งให้กรมโรงงานอุตสาหกรรมรับผิดชอบต่อประเด็นนี้ด้วย ต้องนำความจริงมาตอบสังคมให้ได้ มันเป็นจริงตามข้อกล่าวหาหรือไม่ ซึ่งต้องลงไปตรวจสอบที่เกิดเหตุเพื่อหาสารตกค้าง ดูคุณภาพอากาศว่ามีผลกระทบต่อประชาชนหรือไม่ รวมถึงน้ำมีการรั่วไหลลงพื้นที่คลองที่อยู่บริเวณใกล้เคียงหรือไม่ ที่สำคัญที่สุดทราบว่ามีการอพยพผู้ป่วยติดเตียงตั้งแต่เมื่อวานนี้แล้ว

ส่วนเหตุการณ์นี้ดูมีพิรุธเกิดขึ้นหรือไม่ น.ส.พิมพ์ภัทรา ระบุว่า มีแน่นอน แต่ขอให้ทางตำรวจเป็นผู้สรุปเรื่องของคดี แต่ในส่วนของตัวเองจะดูแลเรื่องของการกำจัดกากสารเคมีที่อยู่ในบริเวณนั้น ซึ่งอยู่ระหว่างการดำเนินคดีอยู่ว่าจากนี้ไปการกำจัดกากที่เหลืออยู่จะทำอย่างไร

ส่วนความคืบหน้าในการกำจัดกากสารเคมีใน อ.ภาชี ได้รับงบกลางที่ ครม.เพิ่งอนุมัติไป ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 45 วันเนื่องจากอยู่ในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง

‘พล.ต.ท.ไตรรงค์’ ลุยตรวจสอบเพลิงไหม้ ‘สำนักงานตำรวจแห่งชาติ’ คาด!! ลุกไหม้จากก้นบุหรี่ที่ดับไม่หมด หลังมีเจ้าหน้าที่ลักลอบสูบ

จากกรณีเกิดเหตุเพลิงไหม้ที่บริเวณระเบียงอาคาร 1 ชั้น 6 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งเป็นสำนักงานของ พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง จเรตำรวจแห่งชาติ นั้น

คืบหน้าล่าสุด (2 พ.ค. 67) เมื่อเวลา 15.15 น. พล.ต.ท.ไตรรงค์ ให้สัมภาษณ์ภายหลังตรวจสอบที่เกิดเหตุเพลิงไหม้ที่บริเวณชั้น 6 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่า “เจ้าหน้าที่กลุ่มงานตรวจสอบที่เกิดเหตุ สำนักงานพิสูจน์หลักฐานกลาง ได้ตรวจสอบต้นเพลิง เป็นจุดที่วางกองวัสดุเก่าที่ไม่ใช้งานแล้ว อาทิ แผ่นกันสาด จุดที่ไฟไหม้สิ่งที่พบมากสุด คือ ก้นบุหรี่ทั้งเก่าและใหม่ กระจัดกระจายอยู่ในบริเวณดังกล่าว เบื้องต้นตั้งข้อสันนิษฐานว่า เพลิงอาจลุกไหม้มาจากก้นบุหรี่ที่ยังดับไม่หมด และลมพัดมาจากบริเวณบันไดหนีไฟที่มีเจ้าหน้าที่ลักลอบสูบบุหรี่”

พล.ต.ท.ไตรรงค์ กล่าวอีกว่า “ในจุดเกิดเหตุไม่ตรวจพบระบบไฟฟ้า จึงคาดว่าไม่ใช่สาเหตุไฟฟ้าลัดวงจร และอีกประเด็นเรื่องที่คาดว่าไม่ใช่สาเหตุ คือเรื่องอุณหภูมิความร้อนจากแสงแดด ที่ตกกระทบกับกองวัสดุที่ไม่ใช้งาน ซึ่งจากนี้จะต้องพิสูจน์ทราบโดยละเอียดว่าเกิดจากอะไรต่อไป”

“ทั้งนี้ ช่วงนี้ที่สภาพอากาศร้อนอุณหภูมิสูง ขอฝากเตือนพี่น้องประชาชนในการจุดธูป จุดเทียน หรือสูบบุหรี่ จะต้องทำการดับให้เรียบร้อยก่อนที่จะออกจากบ้าน ก้นบุหรี่ต้องดับในจุดที่ดับบุหรี่เท่านั้น เช่นเดียวกับเครื่องใช้ไฟฟ้า จะต้องตรวจสอบว่าปิดเรียบร้อยก่อนที่จะเดินทาง ถ้าเป็นไปได้ควรถอดปลั๊กออก เนื่องจากหากเสียบปลั๊กและอุปกรณ์ดังกล่าวอยู่ในห้อง อาจจะเสี่ยงต่อการจุดติดไฟได้” พล.ต.ท.ไตรรงค์ กล่าวทิ้งท้าย


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top