Tuesday, 21 May 2024
เบี้ยคนชรา

'ตรีชฎา' ชี้!! เพิ่มเบี้ยคนชราหลักร้อยไม่พอกิน เตือนความจำรัฐบาล หาเสียงไว้ก็ต้องทำให้ได้

นางสาวตรีชฎา ศรีธาดา รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่ประชุมคณะรัฐมนตรี มีมติอนุมัติงบกลางของปี 2565 ที่เคยเห็นชอบหลักการไปแล้วเพื่อจ่ายเงินช่วยเหลือพิเศษ ผู้สูงอายุรวมกว่า 8,300 ล้านบาท ตั้งแต่ 100-250 บาทต่อคนต่อเดือนตามช่วงอายุ เป็นเวลา 6 เดือนนั้น มองว่า การช่วยเหลือผู้สูงอายุและประชาชนเป็นเรื่องที่ดี เนื่องจากขณะนี้พี่น้องประชาชนกำลังประสบภาวะเศรษฐกิจกันอย่างถ้วนหน้าจากการบริหารที่ผิดพลาดของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ  

แต่การอุดหนุนเงินช่วยเหลือผู้สูงอายุควรดำเนินการเร็วกว่านี้ และอุดหนุนให้เท่ากับที่พรรคร่วมรัฐบาลได้เคยหาเสียงเอาไว้ในการเลือกตั้งปี 2562 โดยพรรคพลังประชารัฐ หาเสียงเอาไว้ว่าจะปรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุทุกช่วงอายุเป็น 1,000 บาทต่อเดือน พรรคประชาธิปัตย์เคยหาเสียงจะปรับเบี้ยยังชีพผู้สูงเป็น 1,000 บาทต่อเดือน พรรคชาติพัฒนา ตอนหาเสียงจะปรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุเป็น 2,000 บาทต่อเดือน 

จนปัจจุบันรัฐบาลอยู่มาเกือบครบวาระ 4 ปี แต่สิ่งที่พี่น้องประชาชนคนสูงอายุได้รับกลับได้ไม่ครบถ้วนตามที่หาเสียงเอาไว้ ผู้สูงอายุ 60-79 ปี ได้เบี้ยคนชรารวมเพียง 700-850 บาท และจะได้รับจำนวนนี้จนถึงสิ้นเดือนกันยายนนี้เท่านั้น กลายเป็นว่าไม่ใช่เงินอุดหนุนที่แท้จริง แต่เป็นเพียงเบี้ยหัวแตกที่ไม่พอยาไส้ในยุคข้าวยากหมากแพงตอนนี้ 

นางสาวตรีชฎา กล่าวอีกว่า พรรคการเมืองคือศูนย์รวมบุคคลกลุ่มต่าง ๆ ที่มีแนวคิดอุดมการณ์ทางการเมือง เศรษฐกิจ หรือสังคมที่คล้ายคลึงกัน โดยมีเป้าเดียวกันที่จะขจัดทุกข์ บำรุงสุขให้พี่น้องประชาชน การที่ประชาชนลงคะแนนเลือกบุคลากรของพรรคใด ประชาชนย่อมมุ่งหมายให้พรรคการเมืองไปดำเนินการทำตามนโยบายที่หาเสียงไว้ให้เป็นจริง

'พิธา' เตรียมดันนโยบายดูแลสูงวัยทั่วประเทศ หลังรัฐสร้างปัญหา ออกกฎหมายขัดกันมั่ว

หัวหน้าพรรคก้าวไกล รับหนังสือจากกลุ่ม 'นักกฎหมายทนายความประชาชนสี่ภาค' เตรียมผลักดัน นโยบายรองรับสังคมสูงวัย หวั่นคนแก่ถูกทอดทิ้ง

พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมด้วยส.ส. จากพรรคก้าวไกล รับหนังสือจากกลุ่มนักกฎหมายทนายความประชาชนสี่ภาค ซึ่งเดินทางมาร้องเรียนเกี่ยวกับปัญหาเบี้ยผู้สูงอายุที่เกิดขึ้น โดยพิธาได้อธิบายถึงปัญหาที่เกิดขึ้นโดยยกตัวอย่าง กรณีผู้สูงอายุถูกรัฐสั่งฟ้องคืน 'เงินคนแก่' และตัวอย่างที่ยกไปนั้นไม่ใช่ตัวอย่างเดียวที่เกิดขึ้น แต่ยังมีตัวอย่างของผู้สูงอายุอีกจำนวนมากที่ต้องคืนเงินให้กับรัฐ เนื่องจากความผิดพลาดของการออกกฎหมายที่ขัดกันและการดำเนินการของรัฐที่ไม่รอบคอบถี่ถ้วน หากรัฐไม่สามารถจัดการระบบและกฎหมายที่ขัดกันได้ ปัญหานี้จะกลายเป็นปัญหาคุกคามผู้สูงวัยทั่วประเทศ วันนี้ตนจึงเดินทางมารับหนังสือร้องเรียนจากกลุ่มทนายที่พบปัญหาโดยตรง

หนึ่งในตัวแทนกลุ่มนักกฎหมายทนายความประชาชนสี่ภาค ได้ยกตัวอย่างปัญหาสำคัญของคดีลูกความผู้สูงอายุที่ตนเป็นทนายความไว้ว่า "ที่ผ่านมา กรมบัญชีกลางได้เรียกเงินคืนจากผู้สูงอายุที่รับเงินจากบำเหน็จบำนาญจากบุตรชายที่เสียชีวิต ผมจึงเข้าไปเป็นทนายความยื่นฟ้องศาลปกครอง เมื่อศาลปกครองรับฟ้อง พิจารณาหลังจากนั้นผมได้ยื่นฟ้องศาลปกครองต่อกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติ โดยมีนายกรัฐมนตรี เป็นประธานโดยตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ รัฐมนตรีกระทรวงการคลัง เป็นกรรมการโดยตำแหน่ง หลังจากยื่นฟ้องศาลปกครองรับฟ้อง คณะกรรมการกฤษฎีกา คณะพิเศษ

'อัษฎางค์' เบิกเนตร 'วิโรจน์' หลังพ่นวาทกรรม 'พิสูจน์ความจน' แสดงถึงการด้อยความรู้ เก่งแต่สร้างความเกลียดชังให้คนในชาติ

(15 ส.ค. 66) อัษฎางค์ ยมนาค นักวิชาการอิสระ โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุข้อความว่า Age Pension หรือที่เมืองไทยเรียกว่า ‘เบี้ยผู้สูงอายุ’ นั้นในทุกประเทศที่เจริญแล้วทั่วโลก ต้องมีการ Tests ซึ่งก็คือ ‘การพิสูจน์ความจน’ ก่อนที่จะได้รับเบี้ยผู้สูงอายุ

ถ้าไม่มีการการตรวจสอบคุณสมบัติผู้จะได้รับ ‘เบี้ยผู้สูงอายุ’ ก็จะทำให้ผู้ที่มีรายได้สูงหรือมีทรัพย์สินมากอยู่แล้วได้รับ ‘เบี้ยผู้สูงอายุ’ เหมือนคนที่ไม่มีรายได้และไม่มีทรัพย์สมบัติ

ไหนเรียกร้องความเท่าเทียม ตกลงคุณต้องการนำ ‘ภาษีกู’ มาแบ่งจ่ายให้เศรษฐีได้รับเบี้ยผู้สูงอายุเหมือนคนจนหรือ? คุณต้องการแบบนั้นจริงหรือ?

สส.วิโรจน์ พรรคก้าวไกล ออกมาโวยรัฐ ‘เอาหน้า’ เพื่อปกป้องสิทธิของประชาชน หรือสร้างความเกลียดชังของประชาชนต่อรัฐ หรือออกมาแสดงการถึงการด้อยความรู้ กันแน่ ?

สส.วิโรจน์ ใช้คำว่า “การพิสูจน์ความจน คือการกลุ่มอนุรักษ์นิยมต้องแต่จะกดคนให้จนและพยายามตัดเบี้ยผู้สูงอายุ”

ผมจะช่วยเปิดกระโหลก เปิดกะลาให้ท่าน สส.ผู้ทรงเกลียด

ออสเตรเลียเป็นประเทศที่มีสวัสดิการแห่งรัฐดีที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ก็กำหนดว่า ผู้ที่เกษียณอายุ ต้อง ‘การพิสูจน์ความจน’ ก่อนจะมีสิทธิ์รับเบี้ยผู้สูงอายุ”

รายละเอียดสำหรับการ ‘การพิสูจน์ความจน’ ของออสเตรเลียนั้นเยอะมาก และต้องใช้เวลาอ่านทำความเข้าใจอย่างมากถึงจะเข้าใจได้ทั้งหมด ไม่ใช่เหมือนเมืองไทยที่ใครอายุ 60 ก็รับเบี้ยผู้สูงอายุทันทีถ้วนหน้า

เงินภาษีของประชาชนต้องใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดมิใช่หรือ แล้วทำไมถึงยินดีที่จะจ่ายเบี้ยผู้สูงอายุซึ่งเป็นเงิน ‘ภาษีกู’ ให้กับเศรษฐี ซึ่งเขาไม่ได้เดือดร้อน

เบี้ยผู้สูงอายุเพียง 600 หรือ 3,000 (ตามนโยบายก้าวไกลที่ออกมาหาเสียงว่าจะให้คนแก่ตอนก่อนเลือกตั้ง จนคนแห่ไปกาให้ก้าวไกล ก่อนที่ก้าวไกลจะมาประกาศหลังเลือกตั้งว่ายังทำไม่ได้) ที่มีความสำคัญต่อการดำรงชีวิตของผู้สูงอายุวัยเกษียณ แต่ไม่มีผลอะไรกับเศรษฐีเลย เอาเงินก้อนนี้ไว้จ่ายผู้สูงอายุที่มีรายได้ไม่ถึงเกณฑ์หรือไม่มีรายได้ ไม่ดีกว่าหรือ เพราะผู้สูงอายุวัยเกษียณกำลังเพิ่มขึ้นทุกปี

ขอยกตัวอย่าง การพิสูจน์ความจน เพื่อรับเบี้ยผู้สูงอายุในออสเตรเลียเล็กน้อย (ความจริงรายละเอียดเยอะมาก) ได้แก่

ต้องมีรายได้ต่ำจริงหรือไม่มีรายได้เลย

ผู้สูงอายุวัยเกษียณบางท่านยังคงมีรายได้จากทรัพย์สินเช่น การขายทรัพย์สินต่าง ๆ (เช่น บ้าน) รายได้จากการเล่นหุ้น, เป็นหุ้นส่วนบริษัท หรือบางท่านยังทำงานอยู่แม้จะเลยวัยเกษียณแล้วก็ตาม

แรงงานที่ออสเตรเลียไม่ได้เกษียณที่อายุ 60 (รุ่นผมเกษียณด้วยอายุ 67)

สิ่งที่เกิดขึ้นคือ คนไทยวัยเกิน 60 ที่ยังทำงานมีรายได้สูงมากในออสเตรเลีย แอบกลับมารับ ‘เบี้ยผู้สูงอายุ’ จากรัฐบาลไทยด้วย ได้ 2 ต่อ ทั้งที่รายได้สูงอยู่แล้ว คุณอยากได้แบบนี้ใช่มั้ย

หรือคนไทยวัยเกษียณที่อยู่เมืองไทยก็ตาม แต่เขายังคงมีรายได้จากการทำงาน มีรายได้มหาศาลจากการขายทรัพย์สินต่าง ๆ (เช่น บ้าน) มีรายได้จากการเล่นหุ้น หรือเป็นหุ้นส่วนบริษัท แต่เขาได้รับ ‘เบี้ยผู้สูงอายุ’ เท่ากับผู้สูงอายุคนอื่น ๆ ที่มีรายได้น้อยหรือไม่มีเลย

คุณ สส. คุณทนาย คุณอาจารย์นักวิชาการ คุณนักเรียกร้องสิทธิ์

พวกคุณเรียกสิ่งนี้ว่าความเท่าเทียมกันหรือ?

พวกคุณโจมตีว่า การพิสูจน์ความจนหรือกฎเกณฑ์ที่รัฐกำหนด เพื่อให้ได้คนที่สมควรได้รับความช่วยเหลือจากรัฐในเรื่อง ‘เบี้ยผู้สูงอายุ’ ว่ารัฐกดขี่คนจน ผู้เฒ่าผู้แก่หรือ

ทั้งที่เป็นการใช้เงินจาก ‘ภาษี’ ให้ตรงตามวัตถุประสงค์อย่างแท้จริง รวมทั้งเป็นไปตามหลักสากลที่ทั่วโลกเขาทำกัน

เปิดกระโหลกออกจากนอกกะลา กันเสียที

อย่าฟังแต่เสียงโกหก เพื่อหาเสียงของนักการเมืองจอมบิดเบือนเสียทีพี่น้องไทย


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top