Saturday, 4 May 2024
เบอร์37

‘วิรัช’ เชื่อ!! เลขพรรคเบอร์ 37 คนจำได้ เตรียมเดินสายหาเสียงทุกภาค ขอคะแนนเสียงจาก ปชช.

(5 เม.ย.66) นายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ในฐานะประธานคณะกรรมการกิจกรรมและปราศรัยหาเสียงพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า หลังจากพรรคได้หมายเลขพรรค 37 สำหรับหาเสียงของส.ส.บัญชีรายชื่อ แม้จะเลขสองหลักแต่เชื่อว่าประชาชนจะจำได้ จากนี้จะเริ่มเดินสายหาเสียงในแต่ละภาค โดยจะมีทั้งหัวหน้าพรรค และหัวหน้าภาค ที่รับผิดชอบในแต่ละพื้นที่ ลงไปช่วยกันเดินสายปราศรัยหาเสียงเพื่อขอคะแนนเสียงจากประชาชน

‘บิ๊กป้อม’ โชว์ผลงาน ‘แก้น้ำแล้ง’ ชี้ ทำมา 3-4 ปี ไม่เคยมีประกาศภัยแล้ง ปชช.เชียร์ให้เป็นนายกฯ บอกอย่างอารมณ์ดี “ต้องเลือก พูดเฉยๆ ไม่ได้เป็น”

(22 เม.ย.66) ที่สถานีรถไฟปากช่อง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์ระหว่างโดยสารรถไฟไป จ.นครราชสีมา ถึงการบริหารจัดการน้ำ มีเราไม่มีแล้งว่า วันนี้มีพื้นที่แห้งแล้งหรือไม่ วันนี้ไม่มีแล้ง อย่างเขื่อนลำตะคลองวันนี้ปริมาณน้ำ 70% ตนทำมา 3-4 ปี ไม่มีแล้งสักวัน ไม่มีการประกาศภัยแล้งในประเทศเลย

"อันนี้เป็นผลงานของผม ผมเป็นคนทำในนามรัฐบาล ที่ทำงานร่วมกับหน่วยงานต่างๆ " พล.อ.ประวิตร กล่าว

เมื่อถามว่า ตลอดเส้นทางมีประชาชนมาให้กำลังใจจำนวนมากรู้สึกอย่างไร พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า “ก็รู้สึกดี”

เมื่อถามว่า มีคนเชียร์ให้เป็นนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร กล่าวอย่างอารมณ์ดีว่า "คุณก็เลือกสิ ถ้าเลือกก็ได้ ถ้าไม่เลือกก็ไม่ได้ พูดเฉยๆ ไม่ได้เป็นหรอก จะไปเป็นได้อย่างไร"

‘บิ๊กป้อม’ นำทัพปราศรัยใหญ่โคราช ช่วยผู้สมัคร ส.ส. 16 เขต หาเสียง ชู นโยบาย ‘อีสานประชารัฐ’ พัฒนาความเจริญ สร้างรถไฟทางคู่

(22 เม.ย.66) ที่ลานจอดรถตลาดเซฟวัน อ.เมือง จ.นครราชสีมา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นำคณะกรรมการบริหารพรรคพปชร. นายสันติ พร้อมพัฒน์ เลขาธิการพรรค นายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรค ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา ประธานยุทธศาสตร์ภาคเหนือ ปราศรัยนำเสนอนโยบายพรรค ช่วยผู้สมัคร ส.ส.นครราชสีมา 16 เขต หาเสียง 
.
ประกอบด้วย ผู้สมัคร ส.ส. ทั้ง 16 เขต ประกอบด้วย นายเกษม ศุภรานนท์ เขต 1 เบอร์ 7, นายประพิศ นวมโคกสูง เขต 2 เบอร์ 11, นายวีระวัฒน์ มิตรสูงเนิน เขต 3 เบอร์ 2, นายสุธรรม พรสันเทียะ เขต 4 เบอร์ 9, นายทวิรัฐ รัตนเศรษฐ เขต 5 เบอร์ 3 ,นางอรทัย พลวิเศษ เขต 6 เบอร์ 7 ,นางทัศนียา รัตนเศรษฐ เขต 7 เบอร์ 3 ,น.ส.อรัชมน รัตนเศรษฐ เขต 8 เบอร์ 5, นางทัศนาพร เกษเมธีการุณ เขต 9 เบอร์ 3 ,นายณัฐพล ชวนกระโทก เขต 10 เบอร์ 8, พ.ต.อ.ปริวัฒน นาคํา เขต 11 เบอร์ 5, น.ส.กาญจนา เปรมภิรักษา เขต 12 เบอร์ 6, นายสุกฤษณ วัชรมาลีกุล เขต 13 เบอร์ 7, นายวิรัตน วาริชอลังการ เขต 14 เบอร์ 4, นายพจน เจริญสันเทียะ เขต 15 เบอร์ 6, นายตติรัฐ รัตนเศรษฐ เขต 16 เบอร์ 3 โดยมีประชาชนร่วมฟังปราศรัยอย่างคึกคัก เต็มพื้นที่ลานจอดรถตลาดเซฟวัน ที่เตรียมเก้าอี้ไว้ประมาณ 2 หมื่นคน 

ร.อ.ธรรมนัส ปราศรัยตอนหนึ่งว่า เวลาเราจะปลูกบ้านให้ไปดูที่ประตูและรั้วบ้านถ้าแข็งแรงดีบ้านหลังนั้นจะต้องดี ซึ่งโคราชเป็นประตูสู่ภาคอีสาน เป็นตัวชี้วัดว่าอีสานจะเจริญหรือไม่ ให้ดูที่โคราช เพราะ จ.นครราชสีมา เหมือนร่างกายมนุษย์ ที่มี 32 อำเภอ โดยพปชร.จะเปิดประตู่สู่อีสาน เนื่องจาก ผู้สมัคร ส.ส.หลายคนของพรรคพูดถึงนโยบายพปชร.คำว่า ประชา ที่ประกอบจากหลายส่วน เราจึงต้องการความมั่นคงเพื่อให้เกิดความมั่งคั่งทั้ง 77 จังหวัด เมื่อเรารักกันจะเกิดความสามัคคี ที่จะนำไปสู่ความสำเร็จ สำหรับนโยบายของพรรคโดยเฉพาะเรื่องออกโฉนดที่ดินสปก.เราจะทำทันทีหลังตั้งรัฐบาล โดยเตรียมที่ดินกว่า 40 ล้านไร่ ให้ประชาชนเข้าอยู่อาศัยได้ถูกต้องตามกฎหมาย ขณะที่ที่ดินราชพัสดุ เราได้แก้กฎหมายเพื่อเปิดให้ประชาชน ที่สามารถพิสูจน์ได้ว่าอยู่มาก่อนปีพ.ศ. 2484 สามารถออกเอกสารสิทธิ์ให้ทันที

‘มิ่งขวัญ’ นำเสนอ ‘นโยบายเปลี่ยนชีวิตคนไทย’ ชูแก้ปัญหา ศก.-ปากท้อง ‘ลดค่าไฟ ค่าแก๊ส ค่าน้ำมัน’

นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ คณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายพรรคพลังประชารัฐ โชว์วิสัยทัศน์ผ่านเวทีดีเบตเจาะสมรภูมิเลือกตั้งทั่วไทยเลือกตั้ง 2566 นำเสนอนโยบายเพื่อเปลี่ยนชีวิตคนไทย พร้อมตอบปัญหาของพี่น้องชาวไทย เชื่อมั่นและเน้นย้ำนโยบายพรรคพลังประชารัฐ พาประเทศไทยก้าวไปสู่ประเทศที่ดีขึ้น ก้าวข้ามความขัดแย้ง และก้าวข้ามความยากจนเลือกพลังประชารัฐหมายเลข 37

(29 เม.ย. 66) ช่องone31 เปิดเวทีดีเบตเจาะสมรภูมิเลือกตั้งทั่วไทยเลือกตั้ง2566 "เปลี่ยนชีวิตคนไทย" โดยครั้งนี้ได้ตัวแทนจาก 9 พรรคการเมืองระดับบิ๊ก 
- พรรคภูมิใจไทย โดย พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์
- พรรคชาติพัฒนากล้าโดย กรณ์ จาติกวณิช
- พรรครวมไทยสร้างชาติ โดย จุติ ไกรฤกษ์
- พรรคเสรีรวมไทย โดย เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส
- พรรคประชาธิปัตย์ โดย วทันยา บุนนาค
- พรรคเพื่อไทย โดย พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช
- พรรคก้าวไกลโดย พิธา ลิ้มเจริญรัตน์
- พรรคไทยสร้างไทย โดย ศิธา ทิวารี
- พรรคพลังประชารัฐ โดย มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์
ที่ส่งเหล่าแม่ทัพใหญ่มาร่วมโชว์วิสัยทัศน์ในโค้งสุดท้ายนำเสนอนโยบายเพื่อเปลี่ยนชีวิตคนไทย

เปิดคำถามแรกด้วยการประชันวิสัยทัศน์ : สังคมสูงวัย พรรคพลังประชารัฐ นำโดย มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ คณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า ปัจจุบันเรามีผู้สูงวัย 12.7 ล้านคน เราเลยมีแคมเปญ 37 เมื่ออายุ 60 ปี รับ 3,000 บาท เมื่ออายุ 70 ปี รับ 4,000 บาท เมื่ออายุ 80 ปี รับ 5,000 บาท นี้คือแรงจุงใจที่จะมีชีวิตยืนยาว

รู้จัก ‘พลเอกประวิตร’ ในมุมที่คาดไม่ถึง ‘ชีวิต-ความรัก-ความฝัน-ประเทศไทย’

เรียกได้ว่าเป็นช่วงโค้งสุดท้ายของการหาเสียงก็คงไม่ผิด สำหรับ ‘พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ’ หรือ ‘บิ๊กป้อม’ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี แห่งพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งล่าสุดได้เดินทางไปร่วมรายการ Woody FM Candidate เพื่อพูดคุยกับพิธีกรดังอย่าง ‘วู้ดดี้ วุฒิธร มิลินทจินดา’

สำหรับการพูดคุยในวันนี้ วู้ดดี้ ได้เริ่มบทสนทนาด้วยการถามถึงชุดที่ใส่มาสัมภาษณ์ ว่าใครเป็นผู้เลือกชุดให้? พลเอกประวิตร ตอบว่า “ผมเลือกเองนะ และปกติผมก็แต่งแบบนี้ตลอดในวันหยุด ส่วนวันนี้ก็ถือว่ามาพูดคุยแบบไม่ข้องแวะเรื่องของการเมือง ที่สำคัญก็อยากจะให้เข้ากับคนรุ่นใหม่ด้วย” โดย พลเอกประวิตร ยังพูดติ่งไว้อีกว่า “ผมอยากทำวันนี้ เพื่อให้ทั้งคนรุ่นเก่าและรุ่นใหม่ ให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น” 

เมื่อถามว่า ในวันปกติ ‘ลุงป้อม’ มักจะทำอะไร? พลเอกประวิตร กล่าวว่า “เวลาว่างก็ไปคุยกับเพื่อน ไปสนามกอล์ฟบ้าง แต่ก็ไม่ได้ตีกอล์ฟ จะเน้นไปพบปะและพูดคุยกับเพื่อน และส่วนใหญ่ก็จะเน้นไปทางทานข้าวกับเพื่อน ส่วนเรื่องที่พูดคุยกัน ก็เน้นเรื่องเก่าๆ ประสบการณ์ชีวิตต่างๆ” 

เมื่อถามถึงประสบการณ์ชีวิตในวัยเด็ก ที่คิดว่าลืมไม่ลง? พลเอกประวิตร กล่าวว่า “ตอนเด็ก ผมเคยเดินข้ามถนน แล้วพอดีรถก็มา จังหวะที่ผมก็กำลังวิ่งกลับ รถก็เกือบจะชน แต่ก็โชคดีที่มีคนมาช่วย” 

เมื่อถามถึงอายุและสุขภาพ? พลเอกประวิตร กล่าวว่า “ตอนนี้ 78 ปีแล้วครับ สุขภาพก็สบายดี ไม่เป็นอะไร มีแต่ขาอย่างเดียวนั่นแหละ เนื่องจากว่าเลือดไปเลี้ยงเส้นประสาทไม่พอ ตอนช่วงประมาณอายุ 72 ปี แต่ผมก็วิ่งทุกวันนะ วันละ 6 กิโลเมตร วิ่งมาตั้งแต่อายุ 20 กว่าปี วิ่งทุกวัน ไม่มีวันหยุด เป็นความต้องการของผมที่อยากจะออกกำลังกายน่ะนะ วิ่งทุกวันจนขาไม่ไหว ตอนเกษียณก็ยังวิ่งอยู่” 

วู้ดดี้ ได้ถามต่อถึงเซอร์ไพรส์ที่ได้ลงมือทำผัดซีอิ๊ว ว่าเป็นคนชอบเข้าครัวงั้นหรือ? พลเอกประวิตร กล่าวว่า “ก็เห็นแม่ทำนะ ทำให้ครอบครัวทานทุกวัน” พร้อมทั้งเล่าต่อว่า “คุณแม่ผมเลี้ยงผมมาแบบพื้นๆ เลย เพราะว่าผมมีพี่น้อง 5 คน เป็นผู้ชายทั้ง 5 คนเลย แต่แม่อยากได้ผู้หญิง แม่ก็เลยเลี้ยงแบบธรรมดาเลย แม่อดทนมากนะครับที่เลี้ยงพวกผมมา” 

เมื่อถามถึงตอนที่ตัดสินใจเป็นทหาร คุณแม่ว่ายังไง? พลเอกประวิตร ตอบว่า “แม่ไม่ว่า ซึ่งตัวผมเองก็อยากเป็นทหารอยู่แล้ว อยากเป็นเหมือนพ่อ แต่ก็ไม่ได้คิดว่าจะอยู่นานนะ เพราะผมไปราชการสงครามตลอดเลย ตั้งแต่เป็นร้อยตรีถึงพลตรี ก็ไปทุกพื้นที่”

เมื่อถามถึงภาพจำของทหารที่มองไปแล้วรู้สึกว่า ‘ดุ’? พลเอกประวิตร บอกว่า “มันคือระเบียบของผู้บังคับบัญชาจากทางราชการที่จะออกมาให้ทุกคนได้ปฏิบัติตาม เพื่อให้กองทัพมีความเข้มแข็ง ในเชิงปฏิบัติก็ต้องเป็นแบบนี้”

เมื่อถามถึง ในชีวิตจริงลุงป้อมเป็นคนแบบไหน? พลเอกประวิตร กล่าวว่า “ผมก็เป็นอย่างนี้แหละ ก็คนธรรมดา ผมก็เป็นประชาชนคนหนึ่งที่มีอาชีพทหาร โดยผมจะเป็นคนที่ค่อนข้างเชื่อมั่นในผู้คนอย่างมาก นั่นจึงทำให้ใครก็ตามที่มีความจริงใจกับผม ผมก็พร้อมจริงใจกับทุกคน” 

เมื่อถามถึงนิสัยในการตัดสินใจกับเรื่องสำคัญๆ? พลเอกประวิตร ตอบทันทีเลยว่า “ทำเลย ทำทันที ถ้ามีข้อมูลพร้อม”

เมื่อถามถึงวิธีคิดในการแก้ปัญหาของลุงป้อม? พลเอกประวิตร กล่าวว่า “เวลามีปัญหา ผมจะคิดว่า หากเราตัดสินใจอะไรลงไป ใครจะได้ประโยชน์บ้าง ส่วนตัวผมต้องการที่จะให้ทุกคนได้ประโยชน์ด้วยกันทั้งนั้น เพื่อที่จะให้เกิดความยุติธรรมกับทุกฝ่าย และก็ต้องตัดสินใจให้ดี เพราะไม่อยากตัดสินใจอะไรที่ทำให้คนถูกลายเป็นคนผิด คนผิดกลายเป็นคนถูก ตรงนี้สำคัญมาก”

เมื่อถามถึง ตลอดระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา มักจะมีข่าวคราวต่างๆ เกิดขึ้น แต่ลุงป้อมก็ไม่เคยออกมาโต้หรือเคลียร์ เป็นเพราะอะไร? พลเอกประวิตร กล่าวว่า “จริงๆ ก็ไม่ใช่ว่าปล่อยวางนะ แต่ที่ผมไม่ออกมาเพราะมันไม่ใช่ความจริง การที่มีคนโจมตีไปโจมตีมา แล้วผมมัวแต่ไปแก้ตัว ผมก็คงไม่ต้องทำอย่างอื่นกันพอดี เอาเป็นว่า คนจะเชื่อก็เชื่อ ไม่เชื่อก็ไม่เชื่อ แต่ให้รู้ว่าที่ผมมักไม่ออกมา คือ ไม่ใช่ความจริง” 

เมื่อถามถึงกรณีวงดนตรีมักนำคำว่า ‘ไม่รู้ ไม่รู้’ ของลุงป้อมไปทำเป็นเพลง ลุงป้อมได้ฟังหรือไม่? พลเอกประวิตร กล่าวว่า “ฟังแล้วๆ น่ารักดี แต่ยังไม่ได้ดูนะ ยังไม่ได้เต้น”

เมื่อถามว่า ทำไมลุงป้อมถึงชอบใช้คำว่า ‘ไม่รู้ ไม่รู้’ บ่อยมากๆ? พลเอกประวิตร กล่าวว่า “คือผมไม่รู้จริงๆ ถ้าผมรู้ ผมก็จะบอกว่าผมรู้เรื่องนี้ แค่นี้ แต่ว่าถ้าเป็นเรื่องของคนอื่น ก็ให้ไปถามคนอื่น อย่ามาถามผม เหมือนกับเรื่องการเมือง ที่คนชอบถามผมว่า พรรคการเมืองนี้จะได้เท่าไร ผมจะไปตอบได้ยังไง ต้องรอวันที่ 14 พ.ค. เช่นเดียวกันกับว่าเราจะไปรวมกับใคร ผมก็ไม่รู้จะตอบยังไง เพราะทั้งหมดก็ยังต้องดูผลการเลือกตั้งเท่านั้น และผมก็ไม่ชอบตอบว่า ‘ถ้า’ ด้วย เพราะมันไม่ใช่เรื่องจริง” 

แม้จะเป็นการพูดคุยแบบสบายๆ ที่พยายามออกห่างเรื่องการเมือง แต่ วู้ดดี้ ก็ได้ไปถึงเหตุผลของการเข้ามาเป็นแคนดิเดตนายกฯ ของลุงป้อมด้วย โดย พลเอกประวิตร ตอบคำถามนี้ว่า “เดิมไม่เคยคิด แต่ที่ยอมรับ เพราะลูกพรรคให้การสนับสนุน ถ้าลูกพรรคไม่ให้การสนับสนุน ผมก็ไม่รับ ทุกอย่างแล้วแต่สมาชิกพรรค ว่าเขาลงคะแนนยังไง ว่าเป็นไง ส่วนที่ผมปฏิเสธมาตลอดหลายปี ก็ต้องบอกตรงๆ ว่าผมไม่อยากเป็น มันไม่ใช่ว่าเพราะอะไรซับซ้อนหรอก แต่ผมคิดว่ามีคนอื่นที่ทำได้ดีกว่าเรา คิดว่าอย่างงั้นจริงๆ แต่ว่าเพราะว่าลูกพรรคเขาเห็นว่าสมควรต้องมาเป็นแคนดิเดตฯ ผมก็เลยรับ ส่วนจะได้ก็ได้ ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ไม่ได้หวังอะไร แค่ทำเต็มที่ ทำตามที่ลูกพรรคได้ให้”

เมื่อถามถึงคำคมล่าสุดอย่าง ‘ก้าวข้ามความขัดแย้ง’ วู้ดดี้ ได้ขอให้ลุงป้อมช่วยอธิบายภาพให้เห็นว่าหมายถึงอะไร? พลเอกประวิตร ตอบว่า “ก้าวข้ามความขัดแย้งเนี่ย คือผมเห็นว่าคนไทยทุกคน คนไทยจะต้องมีความเป็นหนึ่งเดียว จะต้องมีความรักใคร่ ความสามัคคีกลมเกลียวกัน แต่ว่าในเรื่องของทางการเมือง หรือทางด้านความคิด ทุกคนย่อมมีความคิดเป็นของตนเอง ผมคงไม่สามารถไปบังคับว่าจะให้คุณไปเลือกพรรคนู้นพรรคนี้ หรือว่าชอบพรรคนู้นพรรคนั้น แบบนี้ไม่ได้ คุณต้องเป็นคนตัดสินใจเอง เพียงแต่ผมมีความหวังที่จะให้ทุกคนนั้นได้ก้าวข้ามความขัดแย้ง ต้องนึกถึงว่าเราเป็นคนไทย จะร่วมกันทำงานเพื่อคนไทย เมื่อมีความสงบเกิดขึ้น เศรษฐกิจมันก็จะเดินได้ ท่องเที่ยวก็จะเดินได้ รัฐบาลก็ทำงานได้ การค้าขายก็จะเข้ากระเป๋ามากขึ้น เพราะฉะนั้นมันจะดีไปหมด ถ้าประเทศมีความสงบเกิดขึ้น” 

วู้ดดี้ สลับฉากไปยังเรื่องเบาๆ โดยถามลุงป้อมว่า เคยมีแฟนหรือไม่? พลเอกประวิตร ตอบว่า “เคยมีแฟนตั้งแต่เด็ก อยู่เตรียมทหารก็มีแล้ว แต่ก็คบกันเฉยๆ ซึ่งก็มีคุยกัน ไปดูหนังกันบ้าง โดยสมัยนั้นไปปิ๊งกันที่ลานพระรูป และการติดต่อกันก็ใช้วิธีการเขียนจดหมายเอา เพราะสมัยก่อนไม่มีแลกไลน์ โทรศัพท์ยังไม่มี”

เมื่อถามถึงการลงพื้นที่ในประเทศไทย ลุงป้อม เดินสายไปตามจังหวัดต่าง ๆ ครบหรือยัง? พลเอกประวิตร ตอบว่า “ครบหมดแล้วทั้ง 77 จังหวัด ในเวลากว่า 2 ปีมานี้ เพราะผมต้องจัดการเรื่องน้ำ เวลาลงไปพื้นที่ก็จะมีชาวบ้านมาบอกกล่าวถึงปัญหาต่าง ๆ เช่น ต้องการที่ดิน ต้องการน้ำ น้ำตรงนั้นท่วม ตรงนั้นน้ำแล้ง แล้วเขาก็มาหาแบบต่อว่าด้วยนะ ซึ่งผมก็รับฟัง และแก้ไขให้ทันทีเลย” 

เมื่อถามว่า ถ้าลุงป้อม ได้เป็นนายกฯ สิ่งแรกที่จัดการคืออะไร? พลเอกประวิตร ตอบว่า “ผมบอกไม่ได้ ให้ผมเป็นก่อนแล้วกันนะครับ ไปบอกก่อน มันก็ไม่มีความหมายอะไร ให้ผมได้เป็นก่อน เป็นก่อนแล้วเดี๋ยวจะจัดการเอง” 

วู้ดดี้ ถามถึงวันเกษียณ ว่าเคยวางเป้าไว้เมื่อไร? พลเอกประวิตร กล่าวว่า “ถ้าไม่มีคนเลือก ไม่มีคนให้ทำงาน ผมก็หยุด ไปเที่ยว ไปทำงานส่วนตัวของผม แต่ว่าคงไม่ไปทำงานอะไรที่ใหญ่โตอีกแล้ว พูดง่ายๆ ก็คือ ถ้าการเมืองหนนี้ไม่ได้ไปต่อ ก็เกษียณ”

พลเอกประวิตร เสริมด้วยว่า “แต่ถ้าจะให้บอกว่าเกษียณแล้ว ต้องไปเที่ยวไหน ผมก็ยังไม่รู้เลย แต่ถ้าที่อยากไปแล้วยังไม่เคยไป ก็คงเป็น ‘เซอร์เบีย’ เพราะมันสวยดี ประเทศมันมีทะเล สวยมาก ส่วนในเมืองไทยตอนนี้ก็ยอมรับว่าไปมาหมดแล้ว ส่วนตัวชอบทะเล นอนดูทะเลได้ทั้งวันเลย สบายมาก”

สุดท้ายนี้ พลเอกประวิตร ได้ฝากถึงทุกท่านที่รับชม Woody FM ด้วยว่า “อยากให้ประชาชนคนไทย เลือกคนดีคนเก่ง มาทำงานให้กับประเทศชาติ เพื่อที่จะให้ประชาชนของเราไม่ยากจนนะครับ”


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top