Sunday, 19 May 2024
เตรียมอุดม

เด็กไทยเจ๋ง!! คว้าเหรียญเงินจากการแข่งขันชีววิทยาโอลิมปิกฯ ครั้งที่ 33 ณ กรุงเยเรวาน สาธารณรัฐอาร์เมเนีย

วันนี้ (8 ก.ย. 65) เพจ 'งานประชาสัมพันธ์ โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา' ได้โพสต์ข้อความแสดงความยินดีกับนักเรียนโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาที่เข้าแข่งขันชีววิทยาโอลิมปิกระหว่างประเทศ และได้รับรางวัลเหรียญเงิน โดยระบุว่า...

โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา และกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ขอแสดงความยินดีแก่ นายอาชวิณ กิตติรัตนไพบูลย์ ชั้น ม.5 ห้อง 657 (GS) ได้รับรางวัลเหรียญเงิน จากแข่งขันชีววิทยาโอลิมปิกระหว่างประเทศประจำปี ครั้งที่ 33 ประจำปี พ.ศ. 2565 (33rd IBO 2022) ณ กรุงเยเรวาน สาธารณรัฐอาร์เมเนีย ระหว่างวันที่ 10-18 กรกฎาคม 2565

ทั้งนี้ ในการแข่งขันชีววิทยาโอลิมปิกระหว่างประเทศครั้งนี้ ตัวแทนจากประเทศไทย สามารถคว้ารางวัล 2 เหรียญทอง และ 2 เหรียญเงิน 

‘คุณหญิงบุญเลื่อน’ อดีต ผอ.โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ผู้เอาตำแหน่งเป็นหลักประกัน ช่วยให้ นร.ไม่ต้องปักชื่อที่ชุด

จากกรณี ‘หยก’ เยาวชนหญิงวัย 15 ปี จำเลยคดีมาตรา 112 ที่มีอายุน้อยที่สุด นักเรียนชั้น ม.4 โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ ได้แต่งกายด้วยชุดไปรเวทเข้าเรียน และได้ถูกเชิญตัวออกจากโรงเรียน จนเกิดเป็นกระแสดรามาขึ้น ล่าสุดเมื่อวันที่ 15 มิ.ย. 66 เฟซบุ๊กเพจ ‘บูรพาไม่แพ้’ ได้โพสต์ข้อความถึงเรื่องเครื่องแบบชุดนักเรียน ที่กำลังมีประเด็นในสังคมอยู่ ณ ขณะนี้ โดยระบุว่า…

“ทำไม #ชุดนักเรียน ของโรงเรียน #เตรียมอุดมศึกษา จึงไม่มีชื่อโรงเรียน,เลขประจำตัว หรือชื่อนักเรียนปักติดอยู่บนเสื้อ? (เป็นเสื้อสีขาว ติดเข็ม ‘พระเกี้ยวน้อย’ เท่านั้น)

ช่วงปี 2516 กรมสามัญศึกษาได้ออกระเบียบบังคับให้ทุกโรงเรียนปฏิบัติเหมือนกันหมด คือให้นักเรียนทุกคนต้องปักชื่อย่อของโรงเรียน และชื่อของตนเองหรือเลขประจำตัวบนเสื้อ เพื่อจะทราบได้ว่า เรียนที่ไหน? และเมื่อทำผิดแล้ว จะได้ตามตัวได้ถูกคนถูกตัว

แต่นักเรียนโรงเรียนเตรียมฯ ไม่ต้อง เพราะ ผอ. ขณะนั้น เข้าชี้แจงกับทางกระทรวงว่า นักเรียนของโรงเรียนเตรียมฯ ดี และเรียบร้อยอยู่ในระเบียบทุกคนไม่จำเป็นต้อง มีชื่อโรงเรียนหรือชื่อนักเรียนติดที่อกเสื้อ 

อธิบดีฯ ก็ถามกลับมาทันทีว่า “แล้วคุณหญิงจะเอาอะไรมาเป็นหลักประกัน”
ผอ. ตอบว่า “โต๊ะกับเก้าอี้ตัวหนึ่ง”

อธิบดี ถึงกับอึ้ง 

แล้วโต๊ะกับเก้าอี้ 1 ตัวนั้นสำคัญอย่างไร?

เป็น ‘โต๊ะ’ และ ‘เก้าอี้’ ของผู้อำนวยการโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาในขณะนั้น
‘คุณหญิงบุญเลื่อน เครือตราชู’

นับจากวันนั้นมาถึงวันนี้ ด้วยเกียรติของ ตอ. จึงเป็นโรงเรียนเดียวในประเทศไทย ที่นักเรียนไม่ต้องปักชื่อของโรงเรียน หรือชื่อของตนเองไว้ที่อกเสื้อ โดยมีคำสั่งจากผู้อำนวยการ อาจารย์คุณหญิงบุญเลื่อน เครือตราชู ว่านักเรียนเตรียมฯ ทุกคนจะต้องติดตราสัญลักษณ์พระเกี้ยวน้อยที่อกเสื้อ หากใครถอดพระเกี้ยวออก จะถูกลงโทษ

คุณหญิงบุญเลื่อน เครือตราชู กล่าวว่า “นักเรียนเตรียมฯ แค่เห็นข้างหลังก็รู้ว่าเป็นนักเรียนเตรียมฯ”

ม.ล.ณัฏฐกรณ์ เทวกุล หรือ ‘คุณปลื้ม’ พิธีกร และผู้ดำเนินรายการข่าว กล่าวถึงกรณี ‘หยก-ธนลภย์’ เยาวชนอายุ 15 ปี

จากประเด็นถูกไล่ออกจากโรงเรียน หลังจากสวมชุดไปรเวทและย้อมสีผมไปเรียน ผ่านรายการ ‘The Daily Dose Live! ยามเช้า’ เมื่อวันที่ 16 มิ.ย. 66 ว่า…

“ผู้ใหญ่คนไหนที่ให้ท้ายคุณ เขาไม่ได้รักคุณ นั่นคือข้อเท็จจริง ผู้ใหญ่คนไหนที่ตักเตือนคุณ ให้มีพฤติกรรมที่ดีขึ้น เพื่ออยู่ร่วมกับสังคมได้ นั่นคือ คนที่รักคุณจริงๆ”

 

เปรียบเทียบค่าเทอมระหว่างโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ

เปรียบเทียบค่าเทอมระหว่างโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ และโรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ของนักเรียนแต่ละชั้นปี ต้องจ่ายค่าเทอมกันปีละเท่าไรบ้าง ไปดูกัน!!
 

‘น.ร.หญิง’ โรงเรียนเตรียมอุดมฯ รัชดา ทำ CPR ช่วยชีวิตคน โซเชียลชื่นชม!! ฮีโร่ไม่ต้องมีพลังวิเศษ แค่สองมือเปล่าก็เป็นได้

เมื่อวันที่ 13 ก.ค. 66 ปัจจุบันมีข่าวการเสียชีวิตอย่างกะทันหันเพิ่มมากขึ้นทุกๆ วัน ทั้งในผู้ที่มีสุขภาพดี แข็งแรง ซึ่งการเสียชีวิตอย่างกะทันหันนั้นส่วนมากเกิดจากภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน ที่พบมากขึ้นก็เพราะในยุคสมัยนี้ เพราะไลฟ์สไตล์ที่มีการเปลี่ยนไป ปัจจัยเสี่ยงที่เพิ่มเติมจากโรคประจำตัวเดิม ทำให้การปั๊มหัวใจช่วยชีวิต (CPR) จึงเป็นสิ่งสำคัญ และเป็นพื้นฐานสำคัญที่ประชาชนควรเรียนรู้ไว้ เพื่อใช้ในยามฉุกเฉิน

ทั้งนี้ มีเหตุการณ์ที่เรียกเสียงชื่นชมจากโลกออนไลน์จำนวนมาก เมื่อผู้ใช้บัญชี TikTok รายหนึ่ง โพสต์คลิปนักเรียนช่วย CPR ผู้ป่วย โดยระบุข้อความว่า…

“ฮีโร่ไม่ต้องมีพลังวิเศษ แค่สองมือเปล่าก็เป็นได้ ขอบคุณน้องนักเรียนมาก ๆ นะครับ ที่มาช่วยพี่ทำ CPR ช่วยผู้ป่วย”

ในคลิปจะเห็นทีมกู้ภัยให้การช่วยเหลือชายรายหนึ่ง และมีนักเรียนหญิงช่วยทำซีพีอาร์อยู่ด้วย ทั้งนี้ เจ้าของโพสต์ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า นักเรียนหญิงคนดังกล่าว ชื่อ น.ส.ประติภา ดีหามแห เรียนอยู่ชั้น ม.6 โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ รัชดา

หลังจากคลิปนี้เผยแพร่ไปมีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก เช่น

“ชื่นชมเลยครับ สร้างชื่อเสียงให้โรงเรียน”
“น้องน่ารักมากก ยอมชุดเปื้อนเลือดเพื่อ 1 ชีวิต น้องน่ารักมากก อนาคตของชาติต้องแบบนี้สิ เก่งมากๆ”
“สุดดดดดดดยอดดดดด”
“ฮีโร่ไม่จำเป็นต้องมีพลังวิเศษ”
“น้องเก่งมากครับ อีกอย่างน้องเป็นอาสาสมัครด้วยครับ”
“ทุกโรงเรียนควรมีการสอนนี้”
“การ CPR ผู้ชายทำยากนะคะ หน้าอกแข็งแน่น แต่คือน้องทำได้ดีมากๆ” เป็นต้น

‘หยก’ แจง เหตุตัดสินใจไปค่าย เพราะเห็นว่าโรงเรียนทำไม่ถูกต้อง รับ ตกใจที่ครูให้ นร.มีส่วนร่วม พร้อมเปรียบ เหตุการณ์นี้เหมือน 6 ตุลา 19

(1 ก.ย. 66) จากกรณี ‘หยก น.ส.ธนลภย์’ อายุ 15 ปี เยาวชนและนักเคลื่อนไหวทางการเมือง สมาชิกกลุ่มทะลุวัง อดีตผู้ต้องหาคดีมาตรา 112 ที่อายุน้อยที่สุด ต้องการไปขึ้นรถบัสไปค่ายเรียนภาษาจีน ของโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ แต่ทางครูไม่ให้หยกไป เพราะหยกไม่มีสถานภาพนักเรียนและไม่ได้จ่ายค่าเทอม (เพราะคืนค่าเทอมไปแล้ว) จึงพยายามให้หยกลงจากรถ เพื่อนหยกจึงช่วยกันอุ้มลงจากรถ

‘หยก น.ส.ธนลภย์’ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ชี้แจงถึงเหตุการณ์ดังกล่าวว่า…

“หนูตัดสินใจไปค่ายเพราะหนูยังคงเห็นว่าโรงเรียนทำไม่ถูกที่คืนเงินมาเงียบๆ แล้วถือว่าหนูไม่ใช่นักเรียนแล้ว หนูยืนยันว่าโรงเรียนไม่เคยมีหนังสือทางการแจ้งหนู ไม่เคยไล่หนูออก มีแต่ไปป่าวประกาศกับสังคม ไม่เคยให้มีส่วนร่วม

ครูไม่ให้หนูไปค่ายและบอกว่าหนูไม่ใช่นักเรียนแล้ว เพราะคืนเงินมาแล้ว ครูให้เพื่อนๆ ช่วยกันอุ้มหนูลงมาจากรถ ครูถามเพื่อนว่ามีใครยังอยากให้หยกเรียนต่อมั้ย เพื่อนๆ ร่วมกันตอบว่า “ไม่” มีคนปรบมือดีใจ ตอนที่เพื่อนอุ้มหนูลงจากรถ

หนูรู้สึกตกใจ หน้าเสียกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น แต่พยายามยิ้ม หนูตกใจที่ครูให้เพื่อนเข้ามามีส่วนร่วมกับเรื่องนี้ และให้เพื่อนเข้ามาเป็นคนออกหน้า รวมถึงใช้วิธีให้เพื่อนๆ ทำอะไรแบบนี้

วันนี้โรงเรียนเอาตำรวจมากำจัดหนูด้วยเช่นกัน ตำรวจช่วยโรงเรียนกันหนูออกหลังจากครูให้เพื่อนเป็นคนมาอุ้ม กำจัดหนูออกจากรถและเพื่อนหลายๆ คนตบมือ หรือยิ้มดีใจเห็นด้วย

สวัสดีวันที่ 6 ตุลาคม 2519 ในวันที่ 31 สิงหาคม 2566 ณ โรงเรียนเตรียมพัฒน์

ขอบคุณโรงเรียน พี่ตำรวจและครูมากๆ ค่ะ บทเรียนนี้หนูจะไม่ลืม

‘หยก’ โพสต์ทวงความชัดเจนสถานภาพจากโรงเรียน จี้ถาม “ทำไมคุณครูปล่อยเพื่อนๆ ทำอะไรต่างๆ กับหนู”

เมื่อวันที่ 6 ก.ย. 66 จากเฟซบุ๊ก ‘Thanalop Phalanchai’ ของ ‘หยก ธนลภย์’ เยาวชนนักเคลื่อนไหวการเมืองและผู้ต้องหา ม.112 อายุ 15 ปี ได้โพสต์ข้อความระบุว่า...

โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ 6 กันยายน 2566

วันนี้หนูมาโรงเรียน ที่โรงเรียนให้หนูเข้ามาที่ห้อง แต่ห้องปิดไฟ ดับไฟ ไม่มีใครอยู่ในห้อง แต่ห้องข้างๆ เรียนกันอยู่ แต่ห้องหนูเพื่อนหายไปหมด หนูมาทราบทีหลัง ผู้ปกครอง-ครู บอกว่า “เพื่อนไม่สบาย”

หนูเลยนั่งเรียนพยายามอ่านหนังสือไปเอง ไม่ได้ไปตามหาว่าเพื่อนไปไหน สักพักจากนั้นผู้ปกครองของเด็กที่อุ้มหนูก็เข้ามา ผู้ปกครองคนอื่นก็เข้ามา รอง 2 คนของโรงเรียนก็เข้ามา เขาเริ่มพูดถึงด้วยการว่าพี่บุ้ง และบอกว่าคนแบบนี้สุดท้ายเป็นยังไง ก็ต้องลี้ภัย จนหนูทนไม่ไหวเลยไปนั่งริมหน้าต่าง แล้วบอกให้เขาออกไป ตอนแรกเขาก็ออก แต่ต่อมาก็เอาครูคนอื่นมาพูดใส่หนู หนูเลยใส่หูฟังนอนก้มหน้าหลับตาไป

ช่วงประมาณก่อนเที่ยง หนูหลับไป อาจเป็นเพราะไม่ค่อยสบาย พี่คนนึงที่มาก็ขึ้นมาดูหนู แต่หนูไม่รู้ หนูหลับอยู่ พี่อีกคนที่ตามมาดูหนูก็เดินเข้ามา หนูถามว่าเข้ามาได้ไง พี่เค้าก็เล่าว่าหน้าโรงเรียนมีคนให้เข้ามาเลย พอผ่านประตูมาก็มีครูมารับแล้วพาเดินมาหาหนู หนูก็นั่งในห้องเรียน พี่เค้าอยู่ด้วย ส่วนครูกับผู้ปกครองที่เคยเดินเข้ามาว่าก็ไม่มาแล้วพอพี่เขามา ต่อมาก็มีเพื่อนนักเรียนผู้หญิงสองคนนั่งเฝ้าหน้าห้อง แต่หนูไม่รู้ว่ามาเองหรือโรงเรียนให้มานั่งเฝ้า จนบ่ายสามโมง เวลาเลิกเรียนหนูก็ออกมา

หนูเห็นสมาคมผู้ปกครองโรงเรียนออกจดหมายถึงหนู หนูเห็นด้วยกับสิ่งที่เค้าเรียกร้องกับโรงเรียน เรื่องขอความชัดเจนในสถานะของหนู เพราะหนูก็อยากรู้ หนูก็เห็นว่าการไม่แจ้งอะไรเป็นตัวหนังสือหลักฐานมาเลย แต่ก็อ้างว่าอยากช่วย ‘เด็กที่ไม่มีชื่อในระบบ’ ให้เริ่มต้นใหม่ คือการให้หนูมาเจออะไรแบบนี้เหรอ ทำไมหนูถึงไม่มีชื่อ เป็นความผิดใคร มอบตัวแล้วเกิดความผิดพลาดไม่ให้เรียนอยู่ๆ ก็คืนเงินได้เลยใช่ไหม โรงเรียนมีแผนการอะไรหรือให้ความชัดเจนอะไรได้ และทำไมมันถึงไม่มีความชัดเจนมาจนวันนี้ คือโรงเรียนอาจจะเคยไปบอกเพื่อนๆ ลับหลังหนูว่าหนูไม่ใช่นักเรียน แต่หนูไม่เคยได้เอกสารแจ้งชัดเจนเลยนะคะ และไม่มีการอธิบายด้วยว่าเพราะอะไรถึงมอบตัวไม่สำเร็จ แค่เพราะไม่มีผู้ปกครองมาใช่ไหม

นอกจากเห็นด้วยกับสมาคมผู้ปกครองในเรื่องนี้แล้ว หนูอยากเรียกร้องพ่อแม่ของเพื่อนๆ คนอื่นเหมือนกัน ว่าบางทีครูอาจจะทำไม่ถูก บางเรื่องที่เป็นความไม่ปลอดภัยหรือการสนับสนุนพฤติกรรมของนักเรียน คุณครูไม่น่าจะทำ และคุณพ่อคุณแม่ของเพื่อนๆ น่าจะต้องเป็นกังวลกับเรื่องนี้ ที่คุณครูปล่อยหรือสนับสนุนให้เพื่อนๆ ทำอะไรต่างๆ กับหนู

สุดท้าย จดหมายที่สมาคมผู้ปกครองบอกให้หนู “ขอโทษ” หนูไม่เห็นด้วยเลย หนูเองไม่เคยได้รับคำอธิบายจากศาลเยาวชนฯ จากบ้านปรานีฯ จากโรงเรียน จากคุณครู ไม่เคยมีใครบอกอะไรกับหนู และไม่เคยมีใครมาขอโทษหนูเหมือนกัน กับทุกๆ เรื่องที่ผ่านมา และหนูคิดว่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับหนูไม่ใช่เรื่องปกติ และนอกจากหนูในโรงเรียนนี้แล้วก็มีเด็กคนอื่นๆ ที่เจอเรื่องแบบนี้อยู่ทั่วประเทศ เช่นเด็กที่ถูกพักการเรียน 1 ปี เพราะใส่ชุดไปรเวท 1 วัน หรือเด็กที่โรงเรียนทำให้ออกจากโรงเรียน เพราะโดนมาตรา 112

หนูไม่ใช่คนไม่กล้าที่จะพูดคำว่าขอโทษ หนูเคยพูดคำนี้ในชีวิตมาแล้ว เมื่อพิจารณาแล้วมีเหตุผลสมควรที่จะพูด คำว่าขอโทษ ถ้าสมควรจะพูดหนูก็สามารถพูดได้ ไม่ต้องใช้ความกล้าหาญใดๆ

เปิดใจ 'น้องปีใหม่' นร.ทุนโอลิมปิกวิชาการ เตรียมอุดมฯ ตะลุยด้านวิชาการ บนแนวคิด 'ไม่เครียด-ไม่กดดันตัวเอง'

จากรายการ Y WORLD THE MAGNET ดึงมาคุย ลุยความคิด ตอนที่ 4 ออกอากาศเมื่อวันที่ 18 เม.ย. 67 ได้สัมภาษณ์ 'น้องปีใหม่' หรือ ปาณิสรา โฆษิตสุรังคกุล นักเรียนทุนโอลิมปิกวิชาการ โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา โดยน้องปีใหม่ได้มาแชร์การเตรียมตัวสอบ อาชีพในอนาคต และแนวทางด้านการศึกษาของตัวเอง ดังนี้

❓️Q: ความรู้สึกของการสอบเข้าเตรียมอุดม เป็นอย่างไรบ้าง?
👩น้องปีใหม่: ก็ถือว่าข้อสอบก็ยาก แต่คิดว่าอยู่ในขอบเขตที่หนูเตรียมตัวมาค่ะ

❓️Q: เล่าประวัติการศึกษาและการแข่งขัน
👩น้องปีใหม่: เรียนอนุบาลที่โรงเรียนอนุบาลฉัตรเฉลิม เรียนประถมที่โรงเรียนสาธิตเกษตรฯ เรียนมัธยมต้นที่โรงเรียนมัธยมปัญญารัตน์ แล้วก็จะศึกษาต่อที่โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ส่วนการแข่งขันที่ผ่านมาของหนู หนูเริ่มแข่งขันตั้งแต่ ป.2 เริ่มจากสนามราชภัฏพระนครเป็นแข่งขันคณิตศาสตร์ค่ะ

ในตอนนั้นคุณแม่เห็นแววว่าหนูสอบได้เหรียญทองแดง โดยที่หนูไม่ได้เรียนพิเศษหรือเตรียมตัวอะไรมากสําหรับสอบ จึงเริ่มปั้นให้เป็นเด็กแข่ง และก็แข่งมาเรื่อย ๆ จนถึงตอนนี้ค่ะ

แต่ว่าพอเริ่มเป็นเด็กแข่งแล้ว หนูก็ไปติว เพื่อให้มีความรู้เพิ่มเติม นอกจากที่โรงเรียนสอน

❓️Q: มาสอบเข้าเตรียมอุดมฯ โควตาโอลิมปิกวิชาการได้อย่างไร?
👩น้องปีใหม่: หนูก็รู้ข่าวจากพ่อแม่ค่ะ เพราะว่าหนูก็มีรุ่นพี่ และพ่อแม่ของรุ่นพี่เขาก็แนะนำมาว่ามีเข้าด้วยโอลิมปิกวิชาการ เนื่องจากเป็นกลุ่มเด็กแข่งเหมือน ๆ กัน ก็เลยได้รับคำแนะนำต่าง ๆ มาเยอะเลยค่ะ ทั้งเรื่องการสอบ การทำพอร์ต และขั้นตอนต่าง ๆ 

สําหรับขั้นตอนการสมัครก็คือจะต้องไปยื่นพอร์ตก่อนที่จะสอบรอบจริง แต่ว่าโควตาโอลิมปิกวิชาการ จะประกาศผลก่อนวันสอบธรรมดาประมาณ 3 วัน จะมีประกาศรายชื่อคนผ่านเข้าเกณฑ์ก่อน 

หลังยื่นพอร์ตเสร็จแล้วก็ต้องไปสัมภาษณ์ ซึ่งการสัมภาษณ์ ก็จะดูว่าสามารถพรีเซนต์พอร์ตอย่างไรบ้าง ได้ไปทํามาจริง ๆ หรือไม่?

❓️Q: แนะนำการเตรียมตัวสำหรับการยื่นพอร์ตหน่อย ว่าต้องทำอย่างไรบ้าง?
👩น้องปีใหม่: ลองศึกษาจากพอร์ตของคนที่เคยยืนติดก็ได้ค่ะ สำหรับหนูก็แต่งพอร์ตให้มีความสวยงาม ใส่ผลงานของเรา เช่น เกียรติบัตร และเขียนคําอธิบายไว้ด้วย ส่วนตอนเข้าห้องสัมภาษณ์ ก็เล่าประสบการณ์ กิจกรรมที่เคยทำ หรือเล่าผลงานที่เคยได้รับรางวัล ตามที่เขียนไว้ในพอร์ตค่ะ

❓️Q: ขณะสัมภาษณ์กดดันมากไหม? แล้วเตรียมตัวเยอะไหม?
👩น้องปีใหม่: ค่อนข้างกดดันค่ะ แต่ว่าหนูก็ยิ้มสู้ เพราะว่าก็ไม่มีอะไรต้องกลัว ส่วนเรื่องการเตรียมตัว หนูเตรียมตัวไม่เยอะค่ะ เพราะว่าเขาไม่ได้ถามคําถามเพื่อวัดอะไร แต่แค่ฟังเราพรีเซนต์ในสิ่งที่เราทำมาค่ะ

❓️Q: สอบติด 3 โรงเรียน (มหิดลวิทยานุสรณ์ กําเนิดวิทย์ เตรียมอุดมฯ) ทําไมถึงเลือกโรงเรียนเตรียมอุดม?
👩น้องปีใหม่: หนูเลือกเรียนเตรียมอุดม เพราะว่าเดินทางสะดวก อยู่ใกล้ที่พัก และเตรียมอุดมฯ น่าจะตอบโจทย์ที่สุด หนูฝันอยากเป็นแพทย์จุฬาฯ เมื่อเทียบแล้ว คนที่จบเตรียมอุดมฯ ส่วนใหญ่ไปเรียนแพทย์จุฬา ถ้าหนูอยู่เตรียมอุดมฯ ก็จะมีเพื่อนที่ช่วยเรียนแล้วก็ผลักดันให้เป็นแพทย์จุฬาฯ ไปด้วยกันค่ะ 

❓️Q: ด้วยความเป็นเด็กวิชาการ คิดว่าตัวเองเครียดไหม?
👩น้องปีใหม่: ความเครียดมันไม่ค่อยอยู่ในพจนานุกรมของหนูค่ะ เพราะว่าหนูปรับตัวมาตั้งแต่ตอนเด็ก ๆ แล้วที่ต้องเรียนเพิ่มจากที่เรียนในโรงเรียน และก็ปรับตัวมาเรื่อย ๆ จนไม่ได้รู้สึกว่ากดดันเพิ่มจากปกติค่ะ

หนูคิดว่าความเครียดไม่ได้ช่วยให้งานเราดีขึ้น เราต้องประเมินตัวเอง แล้วทําตามความสามารถเรามากกว่า

❓️Q: งานอดิเรกที่ชอบทำมีอะไรบ้าง?
👩น้องปีใหม่: หนูชอบดูอะนิเมะมากค่ะ นอกจากนี้จะเป็นการตัดต่อภาพวิดีโอ คอสเพลย์ และเล่นเกมค่ะ

❓️Q: คิดครอบครัวมีส่วนช่วยในเรื่องของการเรียนมากน้อยแค่ไหน?
👩น้องปีใหม่: ครอบครัวหนูสนับสนุนด้านการเรียน แต่ไม่เคยบังคับค่ะ ส่วนมากแม่จะหาข้อมูลแล้วให้หนูตัดสินใจเอง เช่น เรียนต่อที่โรงเรียนไหน บางครั้งก็คิดไม่ตรงกัน แต่แม่ก็ตามใจหนูค่ะ แม่บอกเสมอว่าชีวิตหนู หนูก็ต้องเลือกและตัดสินใจเอง ซึ่งก็ทําให้หนูพยายามแล้วก็ภาคภูมิใจมากขึ้น 

❓️Q: ช่วยเล่าที่มาของความฝันอยากเป็นแพทย์จุฬาหน่อย
👩น้องปีใหม่: ความฝันของหนูเริ่มมาจากว่าหนูเกิดมาจากฝีมือหมอค่ะ หนูก็เลยคิดว่าอาชีพหมอสูติฯ ที่ทํากิฟต์เพื่อให้คนมีลูก จะทําให้คนมีความสุข สมหวัง แม้ว่าพ่อแม่จะจบวิศวะ แต่ก็ไม่ได้กดดันให้หนูเรียนวิศวะค่ะ หนูอยากเป็นหมอ ครอบครัวก็ให้หนูตัดสินใจเอง ก็เลยตั้งเป้าไว้ว่าจะเป็นหมอที่แพทย์จุฬาฯ แล้วก็อาจจะไปเรียนต่อเฉพาะทางที่ต่างประเทศ

❓️Q: แนะนำเพื่อน ๆ ที่อยากสอบติดโควตาโอลิมปิกหน่อย ต้องทำอย่างไรบ้าง?
👩น้องปีใหม่: ควรเตรียมตัวตั้งแต่เนิ่น ๆ ค่ะ ค่อย ๆ เก็บไปทีละน้อย ต้องมีวินัยค่อนข้างมาก จะได้ไม่ต้องมาเรียนอัดตอนช่วงใกล้สอบ 

❓️Q: ให้กำลังใจเพื่อน ๆ ที่กำลังท้อกับการเรียน การสอบหน่อย
👩น้องปีใหม่: ต้องดูเป็นขั้นตอน หากรู้สึกว่ายังทำไม่ได้ แต่เป้าหมายใกล้เข้ามาแล้ว ก็ต้องเข้มงวดกับตัวเองมากขึ้น แต่ไม่ใช่กดดันตัวเองนะคะ เพราะยิ่งกดดัน ทุกอย่างก็ยิ่งแย่ลง

❓️Q: กรณีอ่านหนังสือสอบไม่ทัน ช่วยแนะนำทริกอ่านหนังสือสอบให้เพื่อน ๆ หน่อย
👩น้องปีใหม่: ปกติหนูจะฝึกจากแนวข้อสอบเก่าค่ะ 
อาจจะไปหาหนังสือที่มีแนวข้อสอบเก่ามาอ่าน ฝึกทำข้อสอบเก่า ๆ ดูว่าเรื่องไหนออกบ่อย จึงไปอ่านเรื่องนั้น ๆ ค่ะ

❓️Q: หากคุยกับตัวเองในอีก 10 ข้างหน้าได้ อยากจะบอกหรือถามอะไรตัวเอง?
👩น้องปีใหม่: 10 ปีข้างหน้าหนูก็จะบอกว่าหนูจะสามารถเป็นอาชีพที่หนูต้องการได้ ซึ่งอาจจะถามว่าหนูมีความสุขกับการที่เป็นหมอจริง ๆ ใช่ไหม เพราะเป็นอาชีพที่หนูอยากเป็นมาตลอด อยากถามตัวเองว่าเรียนหมอแล้วมีความสุข ได้ลองดูอาจารย์ใหญ่ ได้เรียนชีววิทยาแบบที่ต้องการ มีความรู้สึกยังไงบ้าง อยู่สบายดีไหม ถามประมาณนี้ค่ะ

❓️Q: ยึดถือคติอะไรในการดำเนินชีวิต?
👩น้องปีใหม่: สำหรับหนู 'อะไรที่ผ่านไป แล้วอะไรที่มันเกิดขึ้นไปแล้ว มันดีเสมอ' เพราะว่าการที่เราจมปลักกอยู่กับความผิดพลาดในอดีต มันไม่ได้ช่วยอะไรเราเลย แต่ว่าในทางกลับกัน ต้องยอมรับว่ามันเกิดขึ้นไปแล้ว แล้วคิดว่ามันเป็นส่วนหนึ่งที่ผลักดันเรามาถึงตอนนี้ เพราะว่าก่อนจะประสบความสําเร็จก็ต้องเคยผ่านความล้มเหลวมาก่อน ต้องเปลี่ยนมุมมองที่เราจะมองความผิดพลาดค่ะ

❓️Q: อยากขอบคุณใครบ้างที่ช่วยผลักดันเราจนมาถึงวันนี้?
👩น้องปีใหม่: หนูขอขอบคุณการสนับสนุนจากครอบครัวและโรงเรียนค่ะ เพราะที่โรงเรียนไม่ได้บังคับหรือรั้งให้หนูเรียนต่อที่เดิม แต่กลับส่งเสริมและให้กำลังใจหนูค่ะ และขอขอบคุณเพื่อน ๆ ทุกคนที่ช่วยกันติว แบ่งปันความรู้กันค่ะ

📌ติดตามชมสัมภาษณ์เต็มได้ที่: https://youtu.be/XjJB5ruN6ow?si=p-zddn5KEBMcnGK4


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top