Tuesday, 7 May 2024
อนาจาร

‘ตร.สืบสวน’ ซ้อนแผนรวบ ‘ตั้มฟองเบียร์’ หนุ่มมีรสนิยมใคร่เด็ก ลวง ด.ญ.อายุต่ำกว่า 15 ปี 3 ราย มีเพศสัมพันธ์-ถ่ายคลิปอนาจาร

(12 เม.ย. 66) พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น., พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. สั่งการให้ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น., พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง รอง ผบก.สส.บช.น., พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.บช.น., พ.ต.อ.วิชิต ถิรขจรวงศ์ ผกก.สส.1 บก.สส.บช.น., พ.ต.อ.ธนากร อ่อนทองคำ ผกก.สส. 4 บก.สส.บช.น., พ.ต.ต.ธัญพีรสิษฐ์ จุลพิภพ, ร.ต.อ.ศิวัช ยังอุ่น, ร.ต.อ.พลวัต นาคถมยา, ร.ต.อ.วรภัทร แสงเทียนประไพ, จ.ส.ต.เอกวุฒิ เชื้อโชติ, ส.ต.ท.จิรวัฒน์ ศรีมั่นมีชัย ร่วมกันกับเจ้าหน้าที่ ชุดสืบสวนนครบาล (บก.สส.บช.น.) จับกุม นายศรัณย์ หรือฉายา ‘ตั้มฟองเบียร์’ อายุ 30 ปี ชาวจังหวัดศรีษะเกษ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาธนบุรี ที่ จ.228/2566 ลงวันที่ 27 มี.ค. 66

ข้อหา “ปราศจากเหตุอันสมควรพรากเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีไปเสียจากบิดามารดา” โดยชุดจับกุมแจ้งข้อหาเพิ่มเติมว่า “ครอบครองสื่อลามกอนาจารเด็กเพื่อแสวงหาประโยชน์ในทางเพศสำหรับตนเองหรือผู้อื่น” จับกุมได้ที่ ริมถนนในซอยเอกชัย 64/5 แขวงบางบอนเหนือ เขตบางบอน จังหวัดกรุงเทพเมื่อวันที่ 11 เม.ย.ที่ผ่านมา

สืบเนื่องจาก ชุดลาดตระเวนออนไลน์ของสืบนครบาล ได้รับแจ้งจากผู้เสียหายรายหนึ่งผ่านเฟซบุ๊กเพจ สืบสวนนครบาล IDMB โดยผู้เสียหายแจ้งว่า ลูกสาววัย 11 ปี นักเรียนชั้นป.6 ถูกคนร้ายซึ่งมีศักดิ์เป็น ‘อดีตน้าเขย’ พาตัวหนีออกไปจากบ้านกว่า 11 วัน และกระทำชำเราจำนวนหลายครั้ง ซึ่งตนแจ้งความไว้กับพนักงานสอบสวน สน.ท่าข้าม

ปัจจุบันออกหมายจับคนร้ายรายนี้แล้ว แต่ยังลอยนวล เกรงว่าลูกสาวจะไม่ปลอดภัย แล้วอาจจะถ่ายคลิปโป๊เก็บไว้ จากตรวจสอบแล้วคือ นายศรัณย์ อายุ 30 ปี ชาว อ.พยุห์ จ.ศรีษะเกษ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาธนบุรีที่ จ.228/2566 ลงวันที่ 27 มี.ค.66 โดยผู้เสียหายขอความช่วยเหลือให้ช่วยติดตามจับกุมตัวโดยเร็ว เพราะครอบครัวของผู้เสียหายไม่สามารถใช้ชีวิตอย่างปกติสุขได้ ต้องอยู่ภายใต้ความหวาดกลัวว่า คนร้ายจะมาพาตัวลูกสาวไปอีก

หลังรับแจ้งทีมนักวิเคราะห์แผนประทุษกรรมได้ตรวจสอบประวัติของ น.ส.ศรัณย์ พบประวัติเคยต้องโทษกว่า 4 คดี 1.) พ.ศ. 2553 เคยถูกดำเนินคดีในข้อหา “พรากเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแล” 2.) พ.ศ. 2555 เคยถูกดำเนินคดีในข้อหา “ใช้สารระเหย” 3.) พ.ศ. 2558 เคยถูกดำเนินคดีในข้อหา “มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครอง” และ 4.) พ.ศ. 2558 เคยถูกดำเนินคดีในข้อหา “มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย”

พล.ต.ต.ธีรเดช จึงนำกำลังเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนนครบาล (บก.สส.บช.น.) ลงพื้นที่โดยเริ่มจากการเข้าไปพบปะพูดคุยกับครอบครัวของเหยื่อ จนทราบข้อมูลว่าหลังจากที่ครอบครัวของเหยื่อพากันไปแจ้งความ นายศรัณย์หลบหนีไปไม่สามารถติดตามตัวได้ จนกระทั่ง ตนลงมาควบคุมการปฏิบัติด้วยตนเองและเปิดแผนปฏิบัติการสุดคลาสสิค คือการใช้ ‘นางนกต่อ’ ติดต่อไปหา นายศรัณย์จนกระทั่งสามารถตกลงนัดหมายได้

กระทั่งเมื่อวันที่ 11 เม.ย. 66 เวลา 18.40 น. เมื่อถึงเวลานัดหมาย นายศรัณย์เดินทางมา ณ จุดนัดหมาย ซึ่งเป็นบริเวณที่มีเจ้าหน้าที่ดักซุ่มอยู่แล้ว ผบก.สส.บช.น. นำกำลังชุดสืบสวนนครบาลเข้าจับกุมตัว นายศรัณย์ตามหมายจับ โดยจับกุมขณะกำลังนั่งรอเด็กนกต่ออยู่ริมถนน ในซอยเอกชัย 64/5 แขวงบางบอนเหนือ เขตบางบอน กรุงเทพฯ

จากการสอบสวนนายศรัณย์ ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่า “ตนยอมรับว่ามีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับเหยื่ออายุ 11 ปี กระทั่งมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกเมื่อเดือน ม.ค.66 บนรถที่ตนใช้ทำงาน และหลังจากนั้นก็มีเพศสัมพันธ์กันอีกหลายครั้ง

กระทั่งทางบ้านของเหยื่อจับได้และมาติดตาม ตนจึงพาเหยื่อ 11 ปี รายนี้หลบหนีไปอยู่ที่อื่นเป็นเวลากว่า 11 วัน และสุดท้ายเหยื่อก็ขอกลับบ้าน ตนก็ได้ปล่อยไป และยังยอมรับอีกว่านอกจากเหยื่อรายนี้ยังมี เด็กหญิงวัย 15 ปี อีกคนหนึ่ง ซึ่งตนคบหากันเป็นแฟนและเคยมีเพศสัมพันธ์ด้วยกันมาแล้ว

โดยตั้งใจจะคบเป็นภรรยาทั้ง 2 คน และในอดีตตนเคยถูกดำเนินคดีในข้อหาพรากผู้เยาว์ ซึ่งตอนนั้นตนมีความสัมพันธ์กับเด็กหญิงอายุ 14 ปี ในลักษณะเดียวกัน ซึ่งปัจจุบันยังไม่ทราบว่าตนชอบเด็กเพราะอะไร และยอมรับว่าเคยถ่ายคลิประหว่างการมีเพศสัมพันธ์กับเหยื่อรายอายุ 15 ปี ไว้ในโทรศัพท์ แต่ไม่ได้ไปเผยแพร่ที่ไหน”

ชุดสืบสวนขยายผลการจับกุมจนพบข้อมูลในโทรศัพท์มือถือของ นายศรัณย์คือคลิปโป๊ ซึ่งเป็นการบันทึกภาพระหว่างมีเพศสัมพันธ์กับเหยื่อจริง และยังมีภาพลักษณะวาบหวิวของเหยื่ออีกด้วย จึงแจ้งข้อหาเพิ่มเติมว่า “ครอบครองสื่อลามกอนาจารเด็กเพื่อแสวงหาประโยชน์ในทางเพศสำหรับตนเองหรือผู้อื่น” ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.ท่าข้าม ดำเนินคดีตามกฏหมาย

น.1 สั่งสืบทั่วกรุงไล่ล่ากว่า 14 วัน…รวบแจ๊คนักอนาจาร ลวนลามเด็กนักเรียนกว่า 7 ราย

หวาดผวาทั่วกรุงเทพฯแก่นักเรียนหญิง ครู และ ผู้ปกครองของเด็กเมื่อได้เกิดเหตุ “ไอ้หื่น” ไล่ตระเวน อนาจาร ลวงลามเหล่าเด็กหญิงที่อยู่ตามถนนสาธารณะโดยแผนประทุษกรรมของคนร้ายรายนี้จะคัดเลือกเหยื่อที่ “สวมชุดนักเรียน” และกำลังเดินทางไปโรงเรียน ก่อนทำทีถามทางเมื่อเหยื่อหยุดคุยเฟสทูเฟส จะทำทีเข้าใกล้แล้วใช้มือ “จ้วง” เข้าไปที่บริเวณอวัยวะเพศของเหยื่อ  พบก่อเหตุพื้นที่ นางเลิ้ง บางรัก  สำราญราษฏร์ และปทุมวัน พล.ต.ท.ธิติ  แสงสว่าง ผบช.น. สั่ง พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น.นำทัพ สืบนครบาล , สืบ บก น 1 , สืบ บก น.6 ไล่ล่าพลิกแผ่นดิน จนรวบนายแจ๊ค คนชาวนครปฐม อ้างทนต่อการสัมผัสเสียงและกลิ่นตัวของเด็กสาวในชุดนักเรียนไม่ไหว

เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2566 พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. , พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. สั่งให้ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. , พล.ต.ต.อัฎพร วงศ์ศิริปรีดา ผบก.น.1 , พ.ต.อ.เกียรติศักดิ์ สระทองออย รอง ผบก.สส.บช.น. , พ.ต.อ.ศักยะ แสงวรรณ รอง ผบก.น.1 , พ.ต.อ.สมบูรณ์ สุขศรีดาวเดือน ผกก.สส.3 บก.สส.บช.น. , พ.ต.อ.วิชัย สนสกุล ผกก.สส.บก.น.1 , พ.ต.อ.เชิดศักดิ์ รอดเข็ม ผกก.สส.บก.น.6  พ.ต.ท.นิธิ ปิยะพันธุ์ สว.กก.สส.3 บก.สส.บช.น. , พ.ต.ต.เอกยุทธ อดิสร สว.กก.สส.บก.น.1  บูรณาการกันสืบสวนติดตามจับกุมตัว นายจิรายุส  หรือแจ๊ค อายุ 35 ปี ที่อยู่ บ้านเลขที่ 38 หมู่ 5 ต.วังเย็น อ.เมืองนครปฐม จ.นครปฐม ผู้ต้องหา

โดยกล่าวหาว่ากระทำความผิดฐาน "กระทำอนาจารแก่เด็กอายุไม่เกินสิบห้าปี โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม"

ตามหมายจับดังนี้

1.หมายจับศาลอาญาที่ 2435/2566 ลงวันที่ 31 ก.ค.2566  โดยกล่าวหาว่ากระทำความผิดฐาน "กระทำอนาจารแก่เด็กอายุไม่เกินสิบห้าปี โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม"
2.หมายจับศาลอาญา ที่ 2436/2566 ลงวันที่ 31 ก.ค.2566  โดยกล่าวหาว่ากระทำความผิดฐาน "กระทำอนาจารแก่เด็กอายุไม่เกินสิบห้าปี โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม"
3.หมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ 706/2566 ลงวันที่ 7 ส.ค.2566 โดยกล่าวหาว่ากระทำความผิดฐาน "กระทำอนาจารแก่บุคคลกว่าสิบห้าปีโดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆ โดยใช้กำลังประทุษร้าย หรือโดยบุคคลนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้"
4.หมายจับศาลแขวงพระนครศรีอยุธยา ที่ จ.77/2564 ลงวันที่ 30 มิ.ย.64 โดยกล่าวหาว่ากระทำความผิดฐาน "ยักยอกทรัพย์"
โดยจับกุมตัวได้ที่ หน้าบ้านเลขที่ 122 หมู่ 8 ต.หนองดินแดง อ.เมืองนครปฐม จ.นครปฐม

พบประวัติก่อเหตุอนาจารลักษณะเดียวกัน เบื้องต้น 7 ครั้ง คือ

1.พื้นที่ สน.สำราญราษฎร์ วันที่ 6 ก.ค เวลา 06.25 น. บริเวณหลังสวนรมย์มณีนาท
2.พื้นที่ สน.บางรัก วันที่ 6 ก.ค.66 เวลา 06.45 บริเวณถนนนครไท
3.พื้นที่ สน.บางรัก วันที่ 6 ก.ค.66 เวลา 06.50 น. บริเวณถนนนครไท
4.พื้นที่ สน.นางเลิ้ง วันที่ 18 ก.ค เวลา 07.20 น. บริเวณแยกวันชาติ หน้าร้านแพต คาเฟ่โบราณ
5.พื้นที่ สน.นางเลิ้ง วันที่ 26 ก.ค. เวลา 07.41น. บริเวณแยกวันชาติ หน้าป้ายรถเมล์
6.พื้นที่ สน.ปทุมวัน วันที่ 26 ก.ค. เวลา 09.15 น. บริเวณประตู รร.เตรียมอุดม
7.พื้นที่ สน.นางเลิ้ง 
 
พฤติการณ์กล่าวคือ เป็นที่ “หวาดผวา” ให้กับเหล่าผู้ปกครองของเด็กนักเรียนหญิงในเมืองกรุง เมื่อได้เกิดเหตุ “ไอ้หื่น” ไล่ตระเวนอนาจาร และลวงลามเหล่าเด็กนักเรียนหญิงที่อยู่ตามท้องถนน โดยแผนประทุษกรรมของคนร้ายรายนี้จะคัดเลือกเหยื่อที่ “สวมชุดนักเรียน” และกำลังเดินทางไปโรงเรียน ก่อนทำทีถามทางเมื่อได้ เฟสทูเฟส จะทำทีเข้าใกล้เพื่อสัมผัสเสียงและกลิ่นตัวของเด็กสาว ก่อนใช้มือ “จ้วง” เข้าไปที่บริเวณอวัยวะเพศของเหล่าเด็กหญิงสาวที่ตกเป็นเหยื่อ ก่อนใส่เกียร์หมาวิ่งหนีหายไป ทิ้งให้เหยื่อยืนอึ้งกับการกระทำสุดอุบาทว์ของคนร้ายรายนี้ ซึ่งจากข้อมูลในเบื้องต้นในห้วงเดือน ก.ค. 66 ที่ผ่านมา ไอหื่นรายนี้ออกอาละวาดก่อเหตุไปแล้วไม่ต่ำกว่า “7 คดี” ในพื้นที่ จ.กรุงเทพฯ ซึ่งยังมีเด็กสาวอีกหลายรายที่ตกเป็นเหยื่อ แต่ไม่กล้าแจ้งความดำเนินคดีเพราะอับอาย ซึ่งต่อมาวีรกรรมระยำใจของไอหื่นรายนี้ได้มีการส่งต่อในโลกโซเชี่ยล ซึ่งก็ได้ถึงหูของ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. ไม่รอช้าเร่งส่งชุด “สืบนครบาล” และ “สืบ1” สืบ 6 และ สืบ สน.นางเลิ้ง  สนธิกำลังสืบสวนหาตัวไอหื่นรายนี้ ซึ่งใช้เวลากว่า 2 สัปดาห์ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น.  ส่ง พ.ต.อ.สมบูรณ์ สุขศรีดาวเดือน ผกก.สส.3 บก.สส.บช.น.  พ.ต.อ.วิชัย สนสกุล ผกก.สส.บก.น.1 ,พ.ต.อ.เชิดศักดิ์ รอดเข็ม ผกก.สส.บก.น.6 และทีมสืบสวนได้ทราบว่าคนร้ายคือ นายจิรายุส  ผมหอม อายุ 35 ปี ซึ่งมีภูมิลำเนาอยู่ที่ จ.นครปฐม ซึ่งข้อมูลทางการสืบสวนทำให้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนถึงกับอึ้ง เพราะที่พักของคนร้ายอยู่ที่ จ.นครปฐม แต่เจ้าตัวจะ “ดั้นด้น” มาที่ จ.กรุงเทพฯ ในทุกเช้าด้วยความหื่นกระหาย เพื่อมาก่อเหตุล้วงอนาจารเด็กนักเรียนหญิงลักษณะนี้เป็นประจำ ต่อมาชุดไล่ล่าตามรอยเท้าเบาะแสไปจนกระทั่งไปจับกุมตัวได้ที่ บ้านเลขที่ 122 หมู่ 8 ต.หนองดินแดง อ.เมืองนครปฐม จ.นครปฐม

ในชั้นจับกุม นายจิรายุส ผมหอม ผู้ต้องหา ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่า “ตนเองยอมรับว่าเกิดอารมณ์เวลาที่ขึ้นรถเมล์แล้วได้เบียดเสียดกับเหล่าเด็กนักเรียนหญิง และยิ่งชุดนักเรียนมีลักษณะรัดแน่นแนบเนื้อยิ่งเพิ่มความหื่นกระหายให้ตัวเอง โดยเมื่อได้สนทนากับเด็กหญิงนักเรียน ร่างกายใกล้กันสัมผัสถึงกลิ่นเด็กสาวยิ่งทำให้อารมณ์ถึงขีดสุด จึงลงมือล้วงไปที่อวัยวะเพศของเหล่าเด็กหญิงก่อนจะวิ่งหนี โดยอ้างว่าที่ตนทำไปนั้นเพราะป่วยทางจิตและไม่ได้รับการรักษา” หลังการจับกุมได้นำตัวนำส่ง พนักงานสอบสวน สน.นางเลิ้ง ดำเนินคดีตามกฎหมาย

โดยในวันที่ 9 สิงหาคม 2566 เวลา 10.30 น. พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. จะร่วมซักถามผู้ต้องหา และสังเกตการณ์กรณีนักเรียนหญิงผู้เสียหายจำนวนหลายคนชี้ยืนยันตัวคนร้าย ณ. สถานีตำรวจนครบาลนางเลิ้ง 

‘นทท.รัสเซีย’ ถูกชายไทยหวังทำอนาจารคาห้องน้ำ บขส.ภูเก็ต โชคดี!! ‘พระสงฆ์’ มาโปรด ได้ยินเสียงร้อง รุดช่วยเหลือไว้ได้

(1 ก.พ. 67) จากกรณีพนักงานเดินรถแห่งหนึ่ง พยายามก่อเหตุหวังข่มขืนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติในห้องน้ำหญิง บขส.ภูเก็ต แห่งที่ 2 โชคดีพระภิกษุได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือ จึงวิ่งเข้าไปห้ามปราม ทำให้รอดจากการถูกข่มขืน เหตุเกิดเมื่อวันที่ 30 ม.ค.67 เวลา 03.03 น.นั้น

นายนครินทร์ ยอแสงรัตน์ นายกเทศมนตรีตำบลรัษฎา กล่าวว่า “จากกรณี เมื่อวันที่ 30 มกราคม 2567 เวลาประมาณ 03.03 น. จากกล้องวงจรปิดของสถานีขนส่งจังหวัดภูเก็ต แห่งที่ 2 พบว่ามีผู้หญิงชาวรัสเซียอายุประมาณ 30 ปี เดินจากข้างหน้าชานชาลาเดินเข้าห้องน้ำด้านหลังของสถานีขนส่งฯ เดินเข้าไปเข้าห้องน้ำใช้เวลาประมาณ 8-9 นาที หลังจากนั้นก็มีผู้ชายคนหนึ่งอายุประมาณ 26 ปี ใส่ผ้าขาวม้าสีแดง ถือขันใบหนึ่ง ทำทีเหมือนว่าจะเข้าไปอาบน้ำที่ห้องน้ำชาย แต่เขาไม่ได้อาบ มีท่าทางจดๆ จ้องๆ และช่วงนั้นเวลาหัวรุ่งประมาณตี 3 ไม่ค่อยมีคน ซึ่งเขาเข้าไปในพื้นที่ของห้องน้ำผู้หญิง ที่มีชาวต่างชาติเข้าไปทำธุระ เขาได้แอบเข้าไปไม่นานเท่าไหร่ ดูจากกล้อง CCTV สันนิษฐานว่ามีเสียงดังทำให้พระรูปหนึ่งที่อยู่บริเวณนั้น ท่านคงได้ยินจึงเดินเข้าไป และเคาะประตูเรียกใช้เวลาไม่นาน เขาก็ออกมากราบพระที่พื้น จากนั้นต่างคนต่างแยกกันไป

ในฐานะเทศบาลตำบลรัษฎา เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เป็นเจ้าของสถานที่แห่งนั้น เป็นภาพลักษณ์ที่ถ้าออกไปยังต่างชาติแล้วจะทำให้เสียหายมาก เพราะภูเก็ตเริ่มดีขึ้น เราพยายามที่จะหานักท่องเที่ยวเข้ามาแต่ภาพลักษณ์ตรงนี้ทำให้เสียหายเป็นอย่างยิ่ง ทางเทศบาลตำบลรัษฎาจึงคิดหาวิธีการที่จะดำเนินคดีตรงนี้ได้เพราะเทศบาลไม่ได้เป็นผู้ที่มีความผิดในเรื่องการรักษาความปลอดภัย แต่ช่วงเวลาที่เขาดำเนินการกินเวลาประมาณ 10 กว่านาที ซึ่งยามมีจำนวน 2 คนดูไม่ทัน อาจจะต้องหายามมาเพิ่ม หรือให้มาเฝ้าพื้นที่ที่อาจจะก่อเหตุได้ง่าย เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุ ให้ง่ายขึ้นส่วนทางขนส่งควรมีมาตรการว่ากล่าวตักเตือนหรือดำเนินการตามอำนาจหน้าที่” นายนครินทร์ กล่าว

ทางด้าน พล.ต.ต.สินเลิศ สุขุม ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า “กรณีนี้ ตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ได้ประสานกับตำรวจท่องเที่ยวและผู้เสียหาย ซึ่งได้ไปท่องเที่ยวที่เกาะพะงัน ตำรวจท่องเที่ยวได้สอบปากคำและบันทึกปากคำแล้ว ทางผู้เสียหายไม่ได้ติดใจเอาความและได้แจ้งว่าไม่ได้ถูกเนื้อต้องตัว เพียงแต่อาจจะเข้าไปแอบดู หรือส่อง จึงร้องโวยวาย และมีพระเข้าไปให้ความช่วยเหลือ

ในเรื่องของการดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุยังไม่มี เพราะนักท่องเที่ยวไม่ได้ติดใจเอาความ นักท่องเที่ยวรายนี้ เป็นชาวรัสเซีย ตอนนี้ทางขนส่งจังหวัดภูเก็ตกำลังดูข้อกฎหมาย เพราะเหตุเกิดในพื้นที่ของ บขส.หรือสถานีขนส่งฯ อาจมีมาตรการลงโทษกับผู้ก่อเหตุ

ในส่วนตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ตามที่ได้กำหนดพื้นที่จุดเสี่ยงต่างๆ หรือจุดที่ขึ้นบัญชีไว้ จะเพิ่มวงรอบในการตรวจให้ตำรวจเข้าไปดู อย่างเช่น เหตุนี้กล้องวงจรปิดเห็นเหตุการณ์ชัดเจน เชื่อมั่นว่าภูเก็ตเป็นจังหวัดที่มีกล้องวงจรปิดมากที่สุดในประเทศไทย ดังนั้น เหตุที่เกิดขึ้นทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์ เหตุที่น่าสนใจ หรือเหตุเล็กน้อยต่างๆ สามารถติดตามจับกุมได้ทุกราย” พล.ต.ต.สินเลิศกล่าว


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top