Sunday, 28 April 2024
สารพัดย่าน

วาไรตี้ที่สีลม...

ไม่ใช่เพราะรถไฟฟ้าบีทีเอสขัดข้อง แต่เราลงเดินเท้า เพราะอยากเก็บภาพย่านธุรกิจที่ว่าราคาสูงท็อปสามของประเทศ อย่างสีลม จากวัดแขก ไปยันพัฒน์พงศ์ ซึ่งเป็นจุดผสมระหว่างวัฒนธรรม ความเชื่อไว้ถึง 3 และยังไม่นับรวม ร้านอาหาร ผับบาร์ พิพิธภัณฑ์18+ ที่ดึงดูดใจ ที่สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำ จากการเป็นฮับด้านการท่องเที่ยวยามค่ำของหนุ่มๆ รุ่นปู่ รุ่นพ่อ รุ่นพี่ มาช้านาน และน้อยคนจะทราบว่า ที่นี่มีแหล่งกบดานซีไอเออยู่ด้วย

การเดินเล่นที่ ‘สีลม’ ในวันนี้ มีความวาไรตี้ ทั้งประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม ปาร์ตี้ ผสานการเรียนรู้วันเก่าใหม่ ไปพร้อมๆ กัน อ้อ! ไม่ลืมแวะอิ่มท้องกับของอร่อย ที่ไม่สามารถสัมผัสได้จากฟู้ดเดลิเวอรี่เจ้าไหน สั่งกลับยังไงก็สู้มานั่งกินร้อนๆ กับเพื่อนรักตรงนี้ไม่ได้ และบางทีอาจชิลยาวไป ถ้ารู้ใจ ไม่ว่าหยิบจับ กินดื่ม อะไร ก็เข้าใจกัน

.

ใครคาดหวัง และต้องการกำลังใจ ซัพพอร์ตเรื่อง ความรัก ความสำเร็จเรื่องเงินและการงาน ต้องมา วัดพระศรีมหาอุมาเทวี หรือ วัดแขกสีลม (ปากถนนปั้นฝั่งสีลม) ซึ่งเป็นโบสถ์พราหมณ์เก่าแก่กลางกรุง เทวสถานนี้มีหลักฐานปรากฏมาตั้งแต่สมัย ร.5 ราว พ.ศ.2453 - 2454 โดยคณะผู้ศรัทธาชาวอินเดียใต้ผู้อาศัยอยู่ย่านตำบลริมคลองสีลม อำเภอบางรัก และตำบลหัวลำโพง อำเภอบางรัก ผู้คนหลากเชื้อชาติ มากราบไหว้ บูชา แต่หากจะถ่ายภาพเก็บความทรงจำ จะทำได้เพียงด้านนอกเท่านั้น เพราะไม่มีใครที่ได้รับอนุญาตให้ถ่ายภาพนิ่งหรือวิดีโอ ภายในได้ ต้องเข้าไปสัมผัสด้วยตัวเองเท่านั้น

.

.

ข้าง ๆ วัดแขก ด้านถนนสีลม นอกจากทิวแถวร้านมาลัยงดงามสำหรับซื้อถวายเทพขอพรแล้ว ร้านเบเกอรี่เก่าแก่อย่าง ดี.เค. เบเกอรี่ แบรนด์ขนมปัง 70 ปี ที่ผ่านมือมาสามรุ่น มีดีที่โฮมเมด นวดและขึ้นรูปก้อนต่อก้อน ไม่ใส่สารกัดบูดอะไรทั้งสิ้น ฮอตฮิตทั้งสังขยาใบเตย และสังขยาไข่ รวมถึง คุ๊กกี้ เอแคลร์ และขนมปังหัวกะโหลก ไม่ว่าจะเศรษฐกิจฟองสบู่แตก หรือ ควิด ก็ดูสิ คนยังมากันเรื่อย ๆ อบขายกันไม่เว้นวัน อย่าเชื่อเรา ให้เชิญลอง

.

.

ฝั่งตรงข้าม ถนนปั้น เป็นซอยสีลม 20 ลึกเข้าไปเพียง 30 - 50 เมตร เป็นที่ตั้งของ มัสยิดมีราซุดดีน ใครเห็นโดมทองจับแสงยามบ่าย ก็อดหยุดภาพไว้ในกล้องไม่ได้แน่นอน ‘มัสยิดมีราซุดดีน’ เป็นมัสยิดประจำชุมชนของแขกยะวา ที่อพยพมาจากเกาะชวาของอินโดนีเชีย เคยอยู่ในซอยประดิษฐ์ อันที่จริงควรมีไก่ทอดและอาหารมุสลิมเลี่ยงชื่อประจำย่านอยู่ตรงนี้ให้ได้แวะชิ แต่วันที่เรามาเดินเตร็ดเตร่เป็นช่วงหยุดของคนขาย แหม เสียดายจัง ใครอ่าน The States time Lite ถึงแคปชั่นภาพนี้ แล้วมาในวันที่ได้กินไก่ทอด ขอร้องให้เอามาอวดได้เลย เราไม่ว่ากัน

.

.

เกรงจะไม่ครบสามโบสถ์ อย่างที่จั่วหัวเรื่องไว้ ขอโดดข้ามไปยังปลายซอยคอนแวนต์ มุมหนึ่งของสีลม ก็มีโบสถ์คริสต์สไตล์อังกฤษ ในอดีตไคร้สตเชิชเป็นคริสตจักรนานาชาติที่มีสมาชิกในที่ประชุมมาจากนานาประเทศ  และมีภูมิหลังความเชื่อจากหลายคณะนิกาย ตัวโบสถ์แห่งนี้ เกิดจากพระบรมราชานุญาตของ รัชกาลที่ 5 พระราชทานที่ดินให้หลังเหล่าคริสตสานิกชนยื่นถวายฎีกา ตรงนี้จึงเป็นทั้งศูนย์รวมความศรัทธา และสถาปัตยกรรมเรียบหรูงดงามกลางสวน

.

ได้ทีเข้าย่านพัฒน์พงศ์แล้ว เห็นแขกใครไปใครมา ชอบพูดกันว่าเป็นฮับสายไนท์ ไลฟ์ แบบดาร์ก ๆ ตั้งแต่รุ่นคุณปู่ คุณพ่อ แต่หลังโควิดนี่ออกจะเงียบเหงาไปผิดจากเรื่องที่ได้ยินมา แต่กลับทำให้เราได้เห็น สตีล ไลฟ์ ชัดเจนกว่าเก่า ทั้งอาคารและการตกแต่งย้อนยุค แต่ก็เฟี้ยวไม่น้อย เพลินกับการแหงนมองดูโครงศิลปะโมเดิร์นผสมผสานประดับประดากับตัวตึกเก่า ที่หาไม่ได้ในอาคารสมัยใหม่

.

.

เหนือจากหมู่ตึก ผับและบาร์ ในย่านนี้ ชั้น 2 ของอาคาร เพิ่งก่อกำเนิด พิพิธภัณฑ์พัฒน์พงศ์ หรือ พัฒน์พงศ์ มิวเซียม ขึ้นเมื่อปลายปีพ.ศ. 2562 รวมเอาประวัติศาสตร์ ความเป็นมาและเป็นไป และเรื่องราวที่คุณอาจรู้ และไม่รู้ เกี่ยวกับย่านนี้ 

.

.

ไมเคิล เมสเนอร์ (Mr.Michael Messner) เติบโตมาในบ้านที่คุณพ่อเป็นศิลปินและเคยดูแลพิพิธภัณฑ์ที่บ้านเกิดออสเตรีย โชคชะตาพาเขามาที่ประเทศไทยและได้แต่งงานกับหญิงสาวชาวไทย และตัดสินใจลงหลักปักฐานที่นี่ เริ่มธุรกิจจากร้านอาหารในย่านพัฒน์พงศ์ เวลาผ่านไปเขาได้สัมผัสประสบการณ์มากมาย จากลูกค้าขาประจำย่านนี้ล้วนมีเรื่องเล่าที่ไม่ธรรมดา และมีจำนวนไม่น้อยที่เคยเป็นทหารผ่านศึกจากช่วงสงครามเวียดนาม บ้างเป็นสายสืบให้กับ CIA บ้างเป็นผู้มีอิทธิพลท้องถิ่นละแวกนี้ เขาจึงมีไอเดียริเริ่มที่จะสะสมร่องรอยประวัติศาสตร์ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กว่า 100 ปี รวมถึงเกร็ดความรู้ ความเป็นมา เบื้องหลังแสงสีและความเย้ายวนใจของถนนพัฒน์พงศ์ อันเป็นย่านบันเทิงยามราตรีเก่าแก่ และมีชื่อเสียง ที่มีความผูกพันในเชิงประวัติศาสตร์ระหว่างชาวไทยกับชาวอเมริกัน 

.

.

ลึกเข้าไปจากโซนประวัติศาสตร์ และความเป็นมาเป็นไป เป็นส่วน 18+ ที่พ่อแม่ที่แวะมากับเด็กๆ ต้องหยุดพวกเข้าไว้แค่ประตูนี้ แต่ถ้าคุณคือ 18+ แล้วก็เชิญ คุณได้ไปต่อ แล้วเจอกับบาร์เก๋ ทั้งแสง สี ดนตรี เครื่องดื่ม และเรื่องเล่าผ่านสื่อโปสเตอร์ และวิดิโอ วิ่งวนจนต้องร้องขอชีวิต Oh my goddd 

.

มาต่อกันที่ ดาร์บี้ คิงส์ (Darby Kings ) คาเฟ่โบราณ มาย่านสีลมต้องมาโดนร้านนี้ ที่นี่มีดีทุกจาน กินมาแล้วตั้งแต่รุ่นคุณปู่ คุณพ่อ คุณอา จนมาถึงเรา เด็ดมาก ข้าวคลุกน้ำพริก ข้าวซอยกุ้ง ปอเปี๊ยะทอด และบรรดาก๋วยเตี๋ยวผัด และก๋วยเตี๋ยวสไตล์จีนต่างๆ นี่อร่อยหมด แวะมาพัฒน์พงศ์ มีหนึ่งร้อยบาท คุณก็กินอร่อยแบบตำนานได้ เชื่อเหอะ

.

.

อีกร้านเด็ดย่านสีลม เดอะ แมดริด คาเฟ่สไตล์ ยุโรป มีดีที่เนื้อ และซอส เพราะเจ้าของมีสามีเป็นเบลเยียม และคลุกคลีอยู่หลังครัวมาหลายสิบปี ร้านนี้สวย เหมาะทั้งกินข้าวแบบแฟน เพื่อน หรือครอบครัว และยังเหมาะนั่งดื่มปาร์ตี้เบาๆ เผาตับกันพอสนุก สไตล์แมดริด นั่งอยู่นี่ เห็นเครื่องตกแต่งร้านแล้วลืมไปเลยจริงๆ ว่า เรานี่อยู่ยุโรปหรือเปล่าเนี่ย อุ้ย หรือเมา...

 

แปลงโฉม 'คลองโอ่งอ่าง' ยุค 2020

ใคร ๆ ก็พุ่งตัวไป 'คลองโอ่งอ่าง' กันช่วงนี้ เพราะเป็นแหล่งเดินเที่ยวใหม่ล่าสุดกลางกรุงเทพฯ เหมาะแก่การมาเดินเที่ยวเล่นชมทิวทัศน์คลอง ถ่ายภาพอาคารเก่า สตรีทอาร์ต สะท้อนภาพเก่าในยุคใหม่ และแวะชิมของอร่อยเจ้าเก่าแก่ ตั้งแต่กุ้ยช่ายสะพานหัน ยำโดเรม่อน ข้าวแกงแม่อ้อน ฯลฯ 

คลองโอ่งอ่าง เป็นส่วนหนึ่งของคลองรอบกรุง ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานซึ่งถือเป็นสมบัติของชาติ และเป็นพื้นที่ที่ใครต่อใครจะได้ใช้ประโยชน์ร่วมกัน กทม.ได้พื้นที่นี้คืนมาจากผู้ค้าสะพานเหล็กเมื่อปี พ.ศ.2558 และนำมาปรับภูมิทัศน์และเปิดเป็นจุดท่องเที่ยวแห่งใหม่กลางกรุง เสร็จสิ้นเมื่อช่วงเทศกาลลอยกระทง พ.ศ.2563 ที่ผ่านมา ถ้าใครทันยุคเดินเล่นตลาดสะพานเหล็กและคลองถมใกล้ ๆ กันนี้ เปรียบเทียบกับภาพพื้นที่ของคลองปัจจุบันสวยงาม เป็นระเบียบกว่าเก่ามากนัก

คลองโอ่งอ่าง กินพื้นที่ยาวต่อเนื่องตั้งแต่สะพานดำรงสถิตถึงสะพานโอสถานนท์ ในวันนี้ การปรับให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยว ยังไม่ลืมส่งเสริมเอกลักษณ์ของย่าน เหมาะกับการเดินเล่น หรือมาถ่ายรูปกับเพื่อน ๆ ช่วงอากาศเย็นปลายปีแบบนี้ ว่าแต่คลองโอ่งอ่างยุคใหม่ไฉไลกว่าเดิมมีมุมไหนน่าสนใจบ้าง ตาม The States Times มาได้เลย...

.

งานศิลปะบนกำแพงสองฟากช่วงต้นของคลองโอ่งอ่าง (ช่วงสะพานภานุพันธ์ถึงสะพานดำรงสถิต) ดึงดูดด้านการท่องเที่ยวให้ย่านนี้งดงาม น่าสนใจ ส่วนหนึ่งของปรับภูมิทัศน์ในชุมชนย่านคลองโอ่งอ่างให้สวยงามขึ้นด้วยผลงานศิลปะโดยสะท้อนอัตลักษณ์และวัฒนธรรมของชุมชน โดยมีศิลปินร่วมสมัย ศิลปินกราฟิตี้ และศิลปินสตรีทอาร์ตระดับแนวหน้าของเมืองไทย ทั้ง ALEX FACE/ BIGDEL/ PAKORN & ASIN/BONUS TMC/ MAUY & MSV/ อะไหล่/JOKER EB และศิลปินกลุ่ม Happening

.

.

ภาพสตรีทอาร์ทบริเวณกำแพงทางเดินริมคลอง ที่บอกเล่าเรื่องราวประวัติศาสตร์ย่านนี้จากอดีตสู่ปัจจุบัน

.

.

กราฟิตี้ สตรีทอาร์ต หนึ่งในการสื่อสารสะท้อนความจริงของศิลปะสมัยใหม่ เมื่อได้อวดฝีมือเป็นส่วนหนึ่งของการนำเสนอโลกอดีตและปัจจุบัน ภาพจึงสมบูรณ์ในตัวมันเอง ไม่แปลกแยก และไม่ต้องคอยหลบเลี่ยงเพื่อสร้างสรรค์อีกต่อไป

.

.

สายกราฟิตี้และสตรีทอาร์ท ย่อมรู้ดีว่าภาพนี้เป็นผลงานของ ALEX FACE ใครที่ผ่านมาเดินเล่น ไม่ว่าจะพกกล้องเอสแอลอาร์ตัวโต หรือกล้องจากมือถือ ก็จะต้องถ่ายรูปผลงานชิ้นนี้แทบทุกคน

.

.

ความไร้ระเบียบ หรือ ไม่สมบูรณ์ในศาสตร์อื่น กลายเป็นความลงตัวของการสร้างผลงาน คู่กับถิ่นอาศัย บ้านเล็ก ๆ หลังนี้จึงดูงามแปลกตา ไปกว่าแค่ต้องมีของหรู ราคาสูง ไม่เชื่อต้องแวะไปชมด้วยตา

.

.

เมื่อชมคลองโอ่งอ่างจากบนสะพานหันยามค่ำ จะเห็นฉากของความสุขสงบ สวยงาม ของวิถีริมน้ำ ที่ปรับภูมิทัศน์ให้กลายเป็นร่วมสมัย ในทุก ๆ ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ มีตลาดนัดถนนคนเดิน ที่นี่จะคึกคึกเป็นพิเศษ ถ้าหนาวแล้วจะดีมาก

.

.

ตรอก ตึก ในย่านคลองโอ่งอ่าง กลางวันก็สวย กลางคืนก็งาม จะถ่ายภาพกับคน หรือถ่ายภาพโครงสร้างและสถานที่ ก็สุดแต่คุณจะสร้างสรรค์

.

.

ไม่ได้มีดีแค่ทิวทัศน์ เพราะย่านนี้มีร้านขายหมูแผ่น หมูหยอง กุนเชียง ที่ ปึง ฮั่ว เฮียง และอีกสองสามร้านในตลาดย่านนี้ ยังคงตั้งหน้าตั้งเตาปิ้งและทำกันสด ๆ ทุกวัน

.

.

อีกหนึ่งไฮไลท์ในตรอกของตลาดสะพานหัน มี 'ร้านยำโดเรม่อน' อายุกว่า 30 ปี เป็นยำรวมมิตรที่ใส่เครื่องสารพัดอย่างทั้งวุ้นเส้น ผัดกระเฉด ยอดมะพร้าว กุ้ง หมูสับ ปลาหมึก มากมายคล้ายกระเป๋าวิเศษของ 'โดราเอม่อน' การ์ตูนชื่อดัง ลูกค้าที่มากินจำง่ายขึ้นใจจนถึงทุกวันนี้ ยังไม่หมดแค่แมวอ้วนสีฟ้า แต่ยังมียำชื่อ 'ฮาโตริ' 'อิคคิวซัง' อีกด้วย อยากรู้ว่าอะไรเป็นอะไร ต้องไปชิมให้ได้ทุกเมนูปรุงเตาถ่าน จานต่อจาน นี่แหละเสน่ห์ และอย่ามาให้เย็นนัก เพราะเขาปิด 16.00 น. กินแล้วค่อยไปเดินเที่ยวยังทัน

.

.

อีกร้านที่ไม่ลองกิน เหมือนมาไม่ถึงคลองโอ่งอ่าง กุ้ยช่ายสะพานหัน ความอร่อย 50 ปี รุ่นต่อรุ่น การันตี ทุกไส้ เผือก มันแกว ผักกุ้ยช่าย ฯลฯ หรือจะแบบตอกไข่ ก็เด็ดหมด สั่งมาก ๆ มาลองชิมหลายคน สนุก อร่อย ไม่พูดเยอะนะ เดี๋ยวกินไม่ทันเพื่อน

.

.

'เมก้า พลาซ่า' ศูนย์รวมของเล่น โมเดล และโลกแห่งความสนุกของหนุ่ม ๆ ห่างจากคลองโอ่งอ่างมา 200 - 300 เมตร ต้องทำใจแข็งมาก ๆ ไม่งั้นกระเป๋าฉีก เพราะอยากได้ไปหมดทุกชิ้น ทุกร้าน

.

.

.

'ศาลนาจา' ไม่ต้องไปไกลถึง จีน ฮ่องกง หรือ อ่างศิลา จ.ชลบุรี ที่หน้าห้างเมก้าพลาซ่า ก็มีศาลเทพ 'หน่าจาซาไท้จื้อ' เทพจีนที่บูชาขอพรเรื่องโชคลาภ ความก้าวหน้า ความแข็งแรง 

.

.

วันจันทร์ - วันพฤหัสบดี ภาพคลองโอ่งอ่างจะสวยสงบ แต่ก็มีสีสันช่วงตกกลางคืน ที่มีการประดับประดาแสงไฟสวยงาม ส่วนวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ช่วงนี้ เปิดเป็นถนนคนเดิน มีผู้คนมาเดินคึกคัก มีร้านค้า การแสดง และการแต่งคอสเพลย์ อยากได้อารมร์ชิลๆ ก็มาวันธรรมดา แหรืออยากคึกตักก้มาสุดสัปดาห์กันได้ จะเป็นคลองสวยเหงา ๆ แต่ภาพตลาดคลองโอ่งอ่างอีกซีนในช่วงค่ำ ของ วันศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์

.

การเดินทาง ไม่ยาก โดยสารรถไฟฟ้าใต้ดิน สถานีสามยอด ทางออก 1 เพียงเดินข้ามถนนมายังคลองโอ่งอ่างราว 200 เมตร ก็ถึงแล้ว


เรื่อง พล / ภาพ ณัฐวริทธิ์

 

ลัดเลาะส่องมุมชิค ๆ ย่านหัวลำโพง

สุดสัปดาห์นี้ หลายคนหยุดยาว 3 วัน ถ้ายังไม่มีแผนการไปชิลที่ไหน ลองนั่งรถไฟฟ้า MRT มาสถานีหัวลำโพง เดี๋ยวนี้ย่านหัวลำโพง และถนนละแวกใกล้เคียงอย่าง ไมตรีจิตต์ ซอยนานา วงเวียน 22 กรกฎา กลายเป็นแหล่งชุมนุมของร้านรวงหน้าตาเก๋ ๆ น่ารัก ๆ เพียบเลย

นอกจากนี้ยังมีมุมถ่ายรูปสำคัญ ที่เห็นเหล่าดารา เซเลบฯ นิยมไปถ่ายกัน เป็นหน้าตึกเก่าแก่ ที่ถูกปลุกชีพให้กลายมาเป็นโรงแรมบูติก ชื่อว่า The Mustang Blu อันนี้ไม่ควรพลาดมาปักหมุดถ่ายภาพไปอัปลง IG กันนะ

ไม่พูดเยอะดีกว่า เอาเป็นว่า ย่านหัวลำโพง - ไมตรีจิตต์ - ซอยนานา จะคูลเว่อร์ขนาดไหน The States Times LITE เก็บภาพมาให้ดูกันล่ะ

เริ่มต้นการเดินทางมากันง่าย ๆ เพียงแค่โดยสารรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT มาลงสถานีหัวลำโพง เดินขึ้นจากสถานีปุ๊บ มองเห็นสถานีรถไฟกรุงเทพ หรือสถานีหัวลำโพงเป็นแลนด์มาร์คใหญ่ วันนี้หัวลำโพงผ่านเวลามากว่า 104 ปี เริ่มใช้งานกันมาตั้งแต่ 25 มิถุนายน พ.ศ.2459 บรรยากาศอันคุ้นเคย กับสถาปัตยกรรมอันสวยงาม กดถ่ายภาพมุมไกลกับหัวลำโพง ก็เข้าท่าทีเดียวนะ

.

เดินข้ามถนนจากหัวลำโพงมาไม่ไกล จะเจอถนนแยกเป็นหลายสาย ให้เดินเข้ามาทางถนนไมตรีจิตต์ จะเจอแลนด์มาร์คแห่งใหม่ เห็นใคร ๆ ก็ถ่ายภาพมุมนี้ไปลงไอจี ที่นี่เป็นอาคารทรงโคโลเนียลเก่าแก่ที่ถูกปลุกชีพมาเป็นโรงแรม มีชื่อว่า "The Mustang Blu" แต่เมื่อก่อนเคยเป็นทั้งโรงพยาบาล ธนาคาร หรือสถานอาบอบนวด มาวันนี้แปลงโฉมเป็นโรงแรม ตั้งตัวอย่างโดดเด่นจนกลายเป็นจุดถ่ายภาพที่กำลังอินอยู่ในตอนนี้ มา ๆ ต้องมาลอง!

.

ตามเส้นทางไมตรีจิตต์ ยังเต็มไปด้วยอาคารพาณิชย์เก่าแก่ และวิถีชีวิตดั้งเดิมของคนพื้นที่ ส่วนใหญ่ยังเป็นธุรกิจร้านค้าที่ค้าขายมายาวนาน จากรุ่นสู่รุ่น เดินแล้วเหมือนย้อนเวลาหาอดีต

.

เดินจนสุดถนนไมตรีจิตต์ จะเจอแยกซอยนานา ในวันนี้ถนนเส้นนี้กลายเป็นแหล่งแฮงเอ้าต์แห่งใหม่ อาคารเก่า ๆ ถูกแปลงโฉมเป็นคาเฟ่ รวมทั้งตามตรอกซอกซอยเล็ก ๆ ยังมี "บาร์ลับ" ที่ซุกซ่อนตัวอยู่ในอาคารเก่า อย่างร้านนี้ WALLFLOWERS เป็นบาร์ลับที่ถ้าไม่ลงเท้าเดินก็คงไม่เจอ ตั้งอยู่ในซอกของอาคารเก่า ๆ 

.

อีกหนึ่งบาร์ยอดฮิตของนักแฮงเอ้าต์รุ่นใหม่ Teen of Thailand (ToT) ตอนที่ไปถึงเป็นช่วงกลางวันยังไม่เปิดทำการ แต่กำแพงร้านแบบดิบ ๆ ก็สะดุดตาพอที่จะเก็บมุมถ่ายภาพเอาไว้

.

บาร์เก๋ ๆ อีกแห่ง แปลงโฉมอาคารเก่าให้สวยเก๋ Ba Hao

.

อีกหนึ่งมุมที่รับรองว่าถ่ายภาพสวยแน่ ๆ นั่นคือ ตามประตูบ้านเรือนแถวนั้น รูปทรงโบราณที่หายากในยุคนี้ แถมผู้พักอาศัยย่านนั้นก็ยังพร้อมใจกันทาสีประตูให้สวยสด ใครอยากถ่ายภาพ สามารถขออนุญาตขอเจ้าของบ้านถ่ายไว้ได้เลย

.

ภาพกำแพงที่เต็มไปด้วยแผ่นพับ ใบปลิว และสติ๊กเกอร์เก่า ๆ ให้อารมณ์ดิบ ๆ แต่เต็มไปด้วยเสน่ห์แบบย้อนเวลา

.

ธุรกิจเก่าแก่ อาชีพดังเดิมของคนพื้นที่ก็ยังอยู่ อย่างร้านตัดผม บาร์เบอร์สุภาพบุรุษ ไอเท็มหน้าร้านวินเทจได้ใจ จนต้องเก็บภาพเอาไว้

.

สวยงาม สีฉูดฉาด และเต็มไปด้วยความคลาสสิก จะเจอไปตลอดเส้นทาง

.

เดินตัดจากซอยนานา มีอีกถนนเส้นคู่ขนานกัน คือถนนพระราม 4 พบกับอีกหนึ่งไฮไลท์ที่มาแล้วต้องไม่พลาด คือร้านกาแฟ JADE (เจต) ที่นี่พลิกโฉมจากอาคารเก่าแก่ที่รกร้างของต้นตระกูลนับสิบปี มาปรุงโฉมให้กลายเป็นร้านกาแฟเท่ ๆ แถมด้านบนยังเปิดเป็นอาร์ต แกลอรี่ ร้านเป็นแบบโอเพ่น แอร์ แต่บรรยากาศชิลๆ เข้าไปนั่งแล้วเหมือนย้อนเวลาไปในอดีต สัญลักษณ์อักษรจีนข้างกำแพง ออกเสียงว่า "อี่" แปลว่า สมหวัง ส่วน "JADE" หรือ "เจต" ในภาษาไทย ก็คือ สมหวังดังใจ

.

กาแฟซิกเนเจอร์ JADE old town ice coffee ของทางร้าน อร่อย เลิศ

.

ภาพอาคารภายนอก ที่ทางเจ้าของร้านบอกว่า มีลวดลายภาษาจีนที่เขียนเอาไว้นับร้อยปี ซึ่งไม่ว่าจะปรับปรุงอาคารยังไง ก็จะคงอนุรักษ์อักษรเหล่านี้ไม่เปลี่ยนแปลง สะท้อนความเป็นย่านเก่าแก่ที่มีการผสมผสานทั้งของเก่าและของใหม่ ให้อยู่ร่วมกันอย่างลงตัว


เรื่อง: นายสารพัดย่าน

ภาพ: ณัฐ์วริทธิ์ วรรธนะพินทุ

 

ตะลุยปทุมวัน ราชประสงค์ เพลินจิต...ถนนแห่งการเฉลิมฉลอง

เข้าสู่เดือนธันวาคม งานเฉลิมฉลองต้องมาแล้วล่ะ คอลัมน์ #สารพัดย่าน เลยตั้งโจทย์กันสนุก ๆ ว่า "เราจะเดินชมไฟบนย่านช้อปปิ้งสตรีทของกรุงเทพ" ว่าแล้วเลยวางแผนอย่างนี้ครับ

เดินเข้าออก 17 ห้างสรรพสินค้า 4 สถานีบีทีเอส ลากยาวครอบคลุมผ่านย่านไฟประดับประดา นอกจากได้บริหารขาแล้ว ยังเป็นลม! เอ้ย! ได้เติมความสุขสิครับ

สำหรับบันทึกโมเม้นต์ดี ๆ ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ เราวางแผนแนะนำการเดินเล่นชมไฟกันอย่างนี้ครับ ไล่เรียงไปบนถนนพระราม 1 ตั้งแต่บริเวณ

1.) MBK

2.) โตคิว

3.) สกายวอล์กปทุมวัน

4.) สยามดิสคัฟเวอร์

5.) สยามเซ็นเตอร์

6.) สยามพารากอน

7.) สยามสแควร์

8.) ดิจิทัลเกตเวย์

9.) สยามวัน

10.) สกายวอล์กราชประสงค์

11.) กรูฟแอทเซ็นทรัลเวิล์ด

12.) เซ็นทรัลเวิลด์

13.) เกษรวิลเลจ

14.) บิ๊กซี

15.) เดอะมาร์เกต

16.) เอราวัณ

17.) อมรินทร์พลาซ่า

18.) เซ็นทรัลชิดลม

19.) สกายวอล์กเพลินจิต

20.) เซ็นทรัล เอ็มบาสซี

เฮ้อ! ยังไม่ทันเดิน ก็เหนื่อยแล้ว ไม่สิ! เราต้องทำได้ ฮ่าๆๆ ตามไปดูกันว่า ภาพตามสถานที่ต่างๆ ที่ว่ามานั้น จะสดใสเรืองรองไปด้วยการประดับประดาไฟกันซะขนาดไหน ไปแชะ แชะ แชะ แชะ ตามลายแทงนี้เลยครับ...

คำแนะนำ: เพราะระยะทางที่วางไว้ค่อนข้างยาว สำหรับคนที่อาจไม่เคยลงเดินเท้าระยะสองสามกิโลเมตร มาก่อน แนะนำให้บริหาร ยืดกล้ามเนื้อ และเตรียมรองเท้าที่เหมาะกับการเดิน ยืน นานๆ ส่วนการแต่งตัวสวยหล่อเพื่อถ่ายรูปและปาร์ตี้กันนั้นตามสบาย ขอแค่ให้ไม่ดูหนาหรือหนักเกินไป ไม่งั้นคุณจะร้อนและเพลียสุดพลังหลังทริปถ่ายภาพจบ

18.30 น. @MBK / โตคิว / สกายวอล์กปทุมวัน 

ดวงอาทิตย์หน้าหนาวจากไปไวเสมอ พอความมืดเข้ามาเยือน ทำให้ไฟประดับหน้าห้างร้านสว่างชวนมอง ในช่วงธันวาคมของทุกปี ยิ่งได้ทราบว่าโตคิวจะไม่จูงมือผ่านยังปีหน้ากับพวกเราแล้ว เฟสทีฟชมไฟ ถ่ายรูป จึงเริ่มต้นตรงนี้เลย เป็นการแวะมาบอกลาห้างโตคิวไปพร้อมกันด้วย แม้ว่าเจ้าหมาสีขาวจะยืนคู่กับสิ่งประดับข้างเคียงมาหลายปี แต่น้องยังคงเรียกแขกถ่ายรูป อยู่ ณ มุมห้างโตคิว และเอ็มบีเค ไม่แพ้จุดอื่นๆ

ระยะเดินบนสกายวอล์กจากสถานีบีทีเอสสนามกีฬาแห่งชาติมายังวงกลมยักษ์เหนือสี่แยกปทุมวัน ก่อนเข้าประตูสยาม ดิสคัฟเวอรี่จากชั้นบน มี อินสตอลเลชั่นอาร์ตประดับไฟสวยงาม กลมกลืนไปกับร่มเห็ดยักษ์ที่เป็นของตกแต่งกึ่งถาวรของสกายวอล์กแห่งนี้ ดูสิดูภาพ งามไหมล่ะ ไปถ่ายรูปกัน

.

19.15 น. @ สยามดิสคัฟเวอรี่ / สยามเซ็นเตอร์ / สยามพารากอน / สยามสแควร์  / ดิจิทัลเกตเวย์ / สยามวัน

ถ้าแวะช้อปปิ้งนิดหน่อย เข้าห้องน้ำ และทะลุจากดิสคัฟเวอรี่ลงมาชั้นล่าง ณ ลานข้างห้างฯ มีการจัดมุมเซเลเบรชั่นสนุกๆ ด้วยคาเฟ่รถบัส รถกะบะ ตู้โทรศัพท์แบบยุโรป กับปลายสุดของลานด้านติดถนนเป็นต้นคริสต์มาส ที่คุณเข้าไปพบเจอตัวเองด้านในได้ 

เดินสยามเซ็นเตอร์ต่อ ถ้าแวะจิบชา กาแฟ ขนมหวานแล้ว ก็ทะลุมายังลาน พาร์ค พารากอน เป็นไฮไลท์สำคัญอันหนึ่งของกรุงเทพฯ กับน้ำพุร้อยสาย และอีเว้นต์ปาร์ตี้ แห่งการเฉลิมฉลองหมุนเวียนเปลี่ยนกันไปตามช่วงที่คุณมาเดินเล่นถ่ายภาพกัน แต่ที่ต้องไปกดชัตเตอร์กันแน่ๆ คือ อุโมงค์ไฟประดับบริเวณโถงบันไดด้านหน้าห้างสยามพารากอน

ทะลุข้ามมาดูหนุ่มดูสาววัยรุ่นกันที่สยามวัน พักกินอะไรรองท้อง หรือย้อนไปช้อปปิ้งนิดหน่อยตรงดิจิทัลเกตเวย์ก็ไม่ว่ากัน แต่ถ้าอยากทำเวลาเพราะสมาชิกอยากมีกันคนละพันรูป ก็ทะลุจากสยามพารากอนต่อไปยังสกายวอล์คยาวๆ จนถึงย่านราชประสงค์ได้เล้ยยย

.

20.30 น. @ สกายวอล์กราชประสงค์ / กรูฟแอทเซ็นทรัลเวิล์ด / เซ็นทรัลเวิลด์

ณ จุดนี้ จะเดินผ่านมุมหนึ่งของกรู๊ฟ ที่มีงานป๊อบอาร์ต การ์ตูนน่ารัก ของหนุ่มสัญชาติไทย เพนเทอร์เบล ที่สร้างสรรค์งานร่วมกับห้างเซ็นทรัลเวิลด์ ในงานฉลองปีนี้ เดินไล่ยาวลงไป ลานหน้าห้างเซ็นทรัลเวิลด์ ที่เป็นแลนด์มาร์กแห่งการเฉลิมฉลองเทศกาลปีใหม่ติดอันดับโลก ปีนี้วางเซตอัดแน่นทุ่งไฟ และซุ้มโค้ง กับระเบียงลดหลั่นของสิ่งประดับตกแต่ง เรียกว่า พร้อมให้คุณยิงภาพรัวๆ เพราะไฟแน่นมากแม่ (แต่ต้องไม่ลืมอย่าการ์ดตก รักษาระยะห่างทางสังคม ช่วงมาตรการควบคุมโควิด 19 กันเสมอนะครับ)

.

21.30 น. @ เกษรวิลเลจ / บิ๊กซี / เดอะมาร์เกต / เอราวัณ / อมรินทร์ พลาซ่า

เดินเลยข้าสะพานมา แยกราชประสงค์ จากสะพานลอยเหนือถนน คุณจะได้ภาพป้ายไฟเฉลิมฉลองแบบช่างภาพมือเทพ ไม่ว่าจะถ่ายด้วยกล้องใหญ่หรือสมาร์ทโฟนก็ตาม ข้ามไปถึงระยะตรงนี้ การติดตั้งต้นสนยักษ์กับสิ่งประดับประดา อาจกระจายตัวกันอยู่ แวะไปถ่ายภาพระยะหน้าเกสรวิลเลจก็ได้ฟีลคริสต์มาสเหงาๆ เท่ๆ ดี หรือแวะกิน ดื่ม ช้อปนิดหน่อยบริเวณห้างย่านนี้ พอหายหิว ก็มีแรงเดินต่อไปยัง เอราวัณ และอมรินทร์ พลาซ่า หรือหากแวะสักการะพระพรหม และไหว้ศาลเทพย่านนี้แบบไวๆ แล้วไปเดินชมแสงสีต่อ ก็ยังไม่ดึกมากนัก

.

22.15 น. @ เซ็นทรัลชิดลม / สกายวอล์กเพลินจิต / เซ็นทรัล เอ็มบาสซี

กลับขึ้นสกายวอล์ค เดินต่อ หรือจะก้าวเท้าไปบนฟุตบาทฝั่งโรงแรมอินเตอร์คอนติเนนทัล และ ฮอลิเดย์ อินน์ ก็มีไฟดวงน้อยห้อยประดับตามพุ่มไม้หน้าโรงแรม แต่ถ้าใครจะแวะจิบเครื่องดื่มเย็นๆ ตรงนี้ก็ไม่ว่ากัน

ถ่ายรูปกันต่อตรงบริเวณห้างเซ็นทรัลชิดลม ที่แม้บริเวณโดยรอบจะมืดสนิท แต่ไฟประดับอาคารทั้งแผง ตรงนี้ถือว่าแจ่มมากๆ ทั้งสองด้านของอาคารห้าง มีมุมซุ้มไฟกับของขวัญน้อยๆ มุมแยก ให้โพสต์ท่ากันครบทั้งทีมแน่นอน

แล้วเดินเท้าไปยังเซ็นทรัล เอ็มบาสซี ใกล้สกายวอล์ค แยกเพลินจิต มีต้นสนยักษ์ตัวแทนคริสต์มาสครีเอทีฟเป็นบอลสีแดงขาวหมุนวนให้งุนงง และสะพานต่อยังสกายวอล์คก็มีซุ้มน่ารักๆ ก่อนเดินเชื่อมไปยังรถไฟฟ้าเพลินจิต

หากมองไปยังฝั่งตรงข้าม คุณอาจจะได้จับภาพของ อิกลู - บ้านเอสกีโม ประดับไฟน้อย ๆ บริเวณหน้าธนาคารกรุงศรี ตรงนี้ด้วยก่อนจะรู้สึกตัวว่าขาแข้งแข็งไประดับนึง ดูนาฬิกาอีกที เอ้า ห้าทุ่มแล้วจ้า

.

เบ็ดเสร็จถ่ายรูปกันไปหลายร้อยช็อต ก็แบ่งสมบัติกันกลับไปแต่งรูป อัพไอจี เฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์กันตามอัธยาศัย ถึงตอนนี้ต้องยอมแพ้ให้กับความเมื่อยล้า ขึ้นรถไฟฟ้าเพื่อลากลับกันก่อน ใครอยากตามลายแทงนี้ ไม่ต้องลากยาวก็ได้นะ แบ่งรอบมาเดินสัก 2 รอบก็ยังได้ ของดีแบบนี้ มาบ่อยๆ ได้ ไม่มีเบื่อ


เรื่อง: ณัฐพล ช่วงประยูร 

ภาพ: จิตติวัฒน์ จันทะยานี 

 

ปีใหม่ ไหว้เจ้า แก้ชง เสริมเฮง อิ่มจุกรอบสถานี MRT วัดมังกร

สุดสัปดาห์เปิดปีใหม่ ไปไหนดี ในกรุงเทพฯ... 

เราขอชวน ไปไหว้พระ ตั้งสติ เพิ่มพลังสายมู เสริมความมั่นใจ หรือ ใครจะแก้ชง เสริมความเฮงๆๆ แล้วเดินกิน เดินเที่ยว ถ่ายรูปต่อ ก็เหมาะมาก ที่ย่านนี้ ตั้งแต่ เอ็มอาร์ที สถานีวัดมังกร ตลาดเก่าเยาวราช และ ซอยแปลงนาม ขีดเส้นวนเป็นเลข 8 มงคล ร่ำรวยแบบคติชาวจีนพอดี ดี๊ ดี

เดินทางสะดวกเพราะรถไฟใต้ดินลงสถานีวัดมังกร ออกสตาร์ตกันที่แยกแปลงนาม แล้วไล่เรียงแวะกินบ้าง ดูวิวอาคารเก่าแก่ผสมฝรั่ง จีน ไทย ตั้งแต่ต้นกรุงรัตนโกสินทร์ จนตึกแถวสมัยใหม่สลับเรียงกันไป จนเข้าวัดมังกร แล้วย้อนมาตลาดเก่าเยาวราช  และแวะศาลเจ้าลึกลับ สลับกับแวะกระจายรายได้ช่วงโควิดกับ ของไหว้เจ้า สตรีทฟู้ด และสินค้าในตลาดสด ก่อนวนกลับมาทะลุปลายถนนแปลงนาม แวะวัดญวนสุดเก่าแก่ตั้งแต่สมัยกรุงธนบุรี แล้วกินนั่น รับประทานนี่ เสริมแรงเดินเล่นต่อ จนวนกลับมาถึงทางกลับ สู่ MRT จุดสตาร์ท

อิ่มบุญถ้วนหน้า แก้ชง จากหนักเป็นเบา จากเศร้าเป็นสุข ปลดความห่วยเป็นช่วยเพิ่มความเฮง และอิ่มท้องสบายพุง แล้วยังได้ของอร่อยไปฝากญาติสนิทมิตรสหายช่วงปีใหม่ ก่อนกลับบ้าน พร้อมความปลอดภัย กับหน้ากากและเจล แน่นๆ กันด้วยครับ ถ้าพร้อมก็ตามไปลุยกันได้เลย

ออกสตาร์ทกันที่ MRT สถานีวัดมังกร อาคารงดงามจนต้องก้าวข้ามถนนมาอีกฟากเพื่อชมโฉมสิ่งก่อสร้าง สถานีแห่งนี้อยู่บริเวณถนนเจริญกรุง ใกล้กับวัดมังกรกมลาวาส (วัดเล่งเน่ยยี่) นับตามลำดับ เป็นสถานีแรกของโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายช่วงหัวลำโพง – บางแค ด้วยสถาปัตยกรรม จีน-โปรตุเกส หรือคุ้นกันชื่อ สไตล์ ชิโนโปรตุกีส สอดรับกับสภาพแวดล้อมย่านนี้ ซึ่งเราหลงใหลจนเลือกไม่ถูกว่าจะเลือกตึกสถานีปีกใดเพื่อนำเสนอให้คุณได้ชม สรุปว่า เก็บภาพมาให้ทั้งสองในเฟรมเดียว

ละจากภาพงามของสถานีฯ พอข้ามแยกมาทางปีกถนนแปลงนามฝั่งเหนือ ข้ามมายังพลับพลาชัย ตรงนี้คุณจะได้พบกับร้านค้ากระดาษเงินกระดาษทอง โคม และของประดับ-ประกอบพิธีกรรมแบบจีน สลับแทรกกับบ้านเรือนและร้านค้าสมัยใหม่ แต่เอาล่ะ นี่ยังสายๆ เท่านั้น และกองทัพต้องเดินด้วยท้อง ถ้าจะไปไหว้แก้ชงกับน้อง...ต้องทำยังไงงง รองท้องก่อนสิคร้าบบบบคุณ

ตรงข้ามกันอีกฝั่งถนนคุณไม่พลาดร้านหอยทอดเด็ด อายุแบรนด์ 30 กว่าปี นายหมงหอยทอด บนถนนฝั่งพลับพลาชัย ปัจจุบันรุ่นลูกชายผู้รับทอดกิจการ เตรียมเอง ทอดเองนักเลงพอ 

ที่นีย้ำชัดว่าไม่มีสาขา และมีหอยทอดสองแบบเท่านั้น คือแบบนิ่ม (ออส่วน) และ แบบกรอบ (ออลัวะ) เนื่องจากอร่อยเหาะมาคู่แปลงนามมานานพอสมควร ราคาจานละ 100-200 บาท และอร่อยหนุบ กรุบ ทั้งสองแบบ ก็ถือว่าคุ้มค่า อ้อ นายหมงหอยทอดนี่ รับสายสะพาย Michelin Bib Gourmand 3 ปีต่อเนื่อง 2018-2020 มาแล้วนะจ๊ะ

เดินมาถึงลานก่อนเข้าหมู่วิหาร ในช่วงโควิด 19 ระลอก 2 ถ้าห่างกัน และป้องกันอย่างดี ก็ยังถือว่าปลอดภัย หลายคนมาเยือนกี่คราก็อาจไม่ทราบว่า วัดเล่งเน่ยยี่ หรือ วัดมังกรกมลาวาส แห่งนี้ เป็นวัดแม่แบบวัดจีนทั้งหลาย ที่ ล้นเกล้ารัชกาลที่ 5 พระราชทานที่ดินให้สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2414 โดย สถาปัตยกรรมวัดมีการวางผังตามแบบสถาปัตยกรรมพื้นถิ่นทางใต้ของจีน สกุลช่างแต้จิ๋ว ตามแบบพุทธศาสนานิกายฌาน 

มองภาพรวมคุณจะเห็น ตัวอาคารจะวางผังล้อมลาน หรือ ซี่เตี่ยมกิม ตามแบบอาคารแต้จิ๋ว การจัดวางวิหารถือตามแบบวัดหลวง โดยมีวิหารจตุโลกบาลเป็นวิหารแรก พระอุโบสถอยู่กลาง ด้านหลังอุโบสถมีวิหารบูรพาจารย์ ส่วนวิหารอื่นๆ อยู่ประกอบสมดุลซ้าย-ขวา 

กลุ่มอาคารทั้งหมดประกอบด้วยอิฐและไม้เป็นโครงสร้างสำคัญ ซึ่งศิลปะการก่อสร้างวัดแห่งนี้จัดว่าเป็นสถาปัตยกรรมจีนโบราณที่มีความสมบูรณ์มากแห่งหนึ่งในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และถ่ายรูปยังไงก็อลังการ ราวกับคุณอยู่ในหนังจอมยุทธ์ แต่ก็อยากโหวกเหวก ทำบู๊ใส่กัน เพราะอย่างไรนี่ก็คือ สังฆาราม ที่ต้องสำรวมกายและใจ

(อ้างอิงข้อมูลบางส่วนจาก อาจารย์สมาน สุดโต นักเขียนสายพุทธศาสนาและศิลปวัฒนธรรม)

คนส่วนใหญ่ยุคหลัง อย่างผมกับคุณมักจะให้ที่นี่เป็นแหล่งโปรดในการมาปลดเปลื้องทุกข์ขมตรมเศร้า จากคำว่าปีชง ถ้างั้นเราผ่านเข้าไปยังพระอุโบสถที่ประดิษฐานพระประธานแล้ว สักการะบูชา พระประธานทั้ง 3 คือ พระอมิตาภพุทธเจ้า หรือ อมิตายุ (ซ้าย) พระพระศรีศากยมุนีพุทธเจ้า (กลาง) โคตมพุทธเจ้า พระไภษัชยคุรุพุทธที่ชาวพุทธกราบไหว้บูชา และ 3 พระไภษัชยคุรุไวฑูรยประภาสพุทธเจ้า หรือพระพุทธเจ้าผู้เป็นครูแห่งยารักษาโรค (ขวา) และหมู่ 18 อรหันต์

ทางด้านปีกขวา ด้านใน และวิหารกลาง ไปจนถึงปีกซาย ยังมี เทพต่างๆ ที่ชาวจีนชาวไทยให้ความเคารพกราบไหว้ตั้งแต่พระอวโลกิเตศวรมหาโพธิสัตว์ เทพประจำชะตาชีวิต ไท่สวย-ไท่ซุ่ย เทพเจ้าแห่งยา เทพโชคลาภ รวมถึงจตุโลกบาลขนาดใหญ่ที่หน้าประตูทางเข้าในตอนต้น

ที่นี่มีพร้อมสรรพตารางเช็คปีชงสำหรับปีนี้ (2564 ได้แก่ ปี ปีมะแม ปีฉลู ปีมะโรง ปีจอ) และพิธีกรรมแก้ชงแบบที่คุณทำตามคำแนะนำเอง หรือจะถามสงฆ์ที่ประจำการ ให้คำแนะนำได้ตามสะดวก

ความน่ารักทันสมัยและสร้างการมีส่วนร่วมมากไปกว่าการแก้ชงของตัวคุณเองอย่างเดียว คือ แต่ละวิหารของพระและเทพนั้นจะมีเซียมซี เสี่ยงทายดวงชะตาของแต่ละส่วน ทั้งอุโบสถพระประธาน เทพแห่งยา และเทพแห่งโชคลาภ ไม่ว่าคุณจะเขย่าแบบดั้งเดิม หรือจับสุ่มเอาแบบเสี่ยงทายเอาสะดวกและใช้เวลาไม่นาน คำตอบของคุณจะอยู่ที่ คิวอาร์โค้ด เรียงไปตามเลขหมายที่เสี่ยงได้ ซึ่งทำให้ประหยัดเวลาและสนุกไปกับการลุ้นคำทำนาย ที่สำคัญไม่เปลืองกระดาษ และสร้างขยะเพิ่มเติมด้วย ถ้าดีก็แคปเก็บไว้ ถ้าไม่...ก็ลืมมันไปซะ

เอ๊ะ รู้สึกว่ารัศมีเริ่มมา ชะตาเริ่มอุ่นๆ สบายใจไปเปาะหนึ่ง ไว้คราวหน้ายังมี ศาลเจ้าพ่อเสือ ให้ไปปักหมุดจุดแก้ชงเพิ่มได้อีกรัวๆ

ศาลเจ้าเล่งบ๊วยเอี๊ยะแอบอยู่ในหลืบระหว่างทางของตลาด ถ้าเดินสาย มู(เตลู) กันจริงๆ ต้องแวะมาครับ ที่แห่งนี้มีตำนานว่าเขาคือบุคคลที่มีชีวิตอยู่จริงในช่วงปลายราชวงศ์หยวน และปฏิบัติธรรมเพื่อให้จิตใจสงบอย่างหนัก ชาวบ้านในยุคสมัยนั้นให้ความเคารพนับถือเขามาก จนยกให้เป็นเทพเจ้า

ศาลแห่งนี้มีทั้งเทพเจ้า เทพมนุษย์ และเครื่องบูชาโบราณภายใน หลายคนแวะมาขอพรจากเทพเจ้าเล่งบ๊วยในด้านการค้าให้มั่งคั่งร่ำรวย เจริญก้าวหน้า โชคดีและปลอดภัย ขณะที่เรามาเก็บภาพฝากผู้อ่าน (ธันวาคม 2563) กำลังมีการบูรณะสถานที่ให้งดงามยิ่งขึ้น

อันนี้เซอร์ไพร์สเราสุดๆ เพราะว่าได้ยินชื่อเสียง แต่ไม่เคยมาเห็นด้วยตา ยอมรับว่าตื่นเต้นกับศิลปะและสไตล์แปลกตาของของวัดมงคลสมาคม ซึ่งเป็นวัดฝ่ายมหายานเก่าแก่ตั้งแต่สมัยกรุงธนบุรี ที่ตั้งอยู่บริเวณหัวถนนแปลงนามฝั่งถัดจากตลาด หลังจากเรากำลังย่ำเท้ากลับมาเกือบจรดเป็นแปดตามความตั้งใจแต่ต้น

กวาดตาแป๊บเดียวก็รู้สึกได้ว่าสถาปัตยกรรมใกล้เคียงกับจีน แต่ป้ายชื่อวัดเขียนบอกไว้ถึง 3 ภาษาอาจทำให้เดาได้ว่าเป็นวัดญวน ที่นี่มีวิหารสำหรับทำสังฆกรรมเพียงหลังเดียว เรียบง่าย และงดงามจับใจ พระประธานเป็นศิลปะที่เห็นได้ยากในกรุงเทพฯ และโต๊ะบูชาตรงข้ามพระประธาน และฝั่งขนานกันที่โถงนอกชาน มีเทพเจ้าของจีนตั้งไว้บูชาไปพร้อมกัน ดูความงดงามจากภาพก็สัมผัสได้ถึงความอบอุ่นใจแตกต่างไปจากที่คุณและผมเคยสัมผัสมาจริงๆ 

อ้อ..ปากทางเข้าวัดมงคลสมาคม มีขนมจีบแป๊ะเซี้ยะ เจ้าเลี่องชื่อแห่งแปลงนาม ที่คนรุมซื้อกันรัวๆ จนเราขอแวะมาอีกทีคราวหน้าแน่นอน

นอกจากร้านข้าวต้มเป็ด-กระเพาะหมู เจ้าดังใกล้ๆ กันกับวัดแล้ว ตรงข้ามวัดมงคลสมาคมยังมีร้าน เจ้มาลี ให้แวะเติมพลังอีกครั้งหลังจากเมนูก่อนหน้าอันตรธานหายไปในลำไส้หมดแล้ว กระเพาะปลาจ้างให้ก็ไม่บอกสูตร มีทั้งกระเพาะล้วนหรือใส่เป๋าฮื้อ กินร้อนๆ ในหม้อดิน ฟินขอรับกระผม

แวะกินหวานเย็นกับไอศกรีมร้านบลูวอเตอร์ เสร็จตรอกข้างร้าน มีมุมสตรีทอาร์ตให้คุณได้อินไปกับฟีลของจีนร่วมสมัย และถ่ายรูปเป็นที่ระทึก เอ้ย ระลึก กับคนสนิทหรือเพื่อนรักก็ตาม เป็นอันจบทริปแปลงนาม

เดินกลับไปยลโฉมอาคารสถานีวัดมังกรจากอีกมุม ต่างเวลาต่างจุด ก็ยังงดงามอยู่ดี ถึงตรงนี้ขอกล่าวสวัสดีปีใหม่ ทุกท่าน และโชคดี เฮงๆๆ ผ่านทุกๆ เรื่องหนักไปด้วยกันโดยสวัสดิภาพ


เรื่อง: ณัฐพล ช่วงประยูร 

ภาพ: ณัฐ์วริทธิ์ วรรธนะพินทุ

 


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top