Wednesday, 8 May 2024
สายมู

‘กรณ์’ ชู ‘ศก.สายมู’ สร้างสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ เชื่อ!! ดูด นทท.ทั่วโลก สร้างรายได้ 5 ล้านล้านบาท

‘กรณ์’ เดินหน้า ‘เศรษฐกิจสายมู’ หนึ่งในยุทธศาสตร์ Spectrum Economy หารายได้ 5 ล้านล้านบาท ดันส่งเสริมจังหวัดละพันล้าน สร้างสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ดึงนักท่องเที่ยวทั่วโลก

นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวว่า เศรษฐกิจสายมู หรือเศรษฐกิจสีขาว เป็นหนี่งในนโยบายของพรรคชาติพัฒนากล้าที่เราได้มีการพูดถึงและนำเสนอมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ยังไม่แถลงนโยบาย เนื่องจากเห็นว่า ท่องเที่ยวสายมูไม่ใช่ความงมงาย ‘มูเตลู’ คือความเชื่อและความศรัทธา เป็นสิ่งที่อยู่คู่กับมนุษย์มาช้านาน โดยเฉพาะคนไทยเรา หลอมรวมกลายเป็นประเพณี วัฒนธรรม และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่ทำให้เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจอย่างมหาศาล แม้แต่ในช่วงโควิด ที่ทุกจังหวัดเหลือเที่ยวบินเพียงวันละเที่ยวสองเที่ยว แต่ที่นครศรีธรรมราชกลับมีเที่ยวบิน 50 กว่าเที่ยว เพราะมีวัดเจดีย์ไอ้ไข่ เงินสะพัดสู่ชุมชน ทำให้ชาวบ้านที่ค้าขายอยู่รอบ ๆ รวมทั้งโรงแรมที่พัก ยังคงมีนักท่องเที่ยวไปอุดหนุนกันอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง 

“เศรษฐกิจสายมูกำลังเป็นเทรนด์ของทั่วโลก สามารถใช้ศรัทธาและแรงบันดาลใจแปรเปลี่ยนเป็นรายได้อย่างมหาศาล พรรคชาติพัฒนากล้า จึงได้นำมาบรรจุในนโยบายเศรษฐกิจ 7 สี หรือ Spectrum Economy ที่จะหารายได้เข้าประเทศ 5 ล้านล้านบาท” หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าว   

นายกรณ์ กล่าวอีกว่า ประเทศไทยเรามีแหล่งท่องเที่ยวเชิงศรัทธามากมาย ถ้าเราฟื้นฟูหรือสร้างสตอรี่เรื่องเล่า คิดดูว่าจะมีนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกมาเยี่ยมเยือนแค่ไหน นโยบายของเราคือ 1 จังหวัด 1 พันล้าน โดยการสร้างแหล่งท่องเที่ยวศักดิ์สิทธิ์ จังหวัดไหนไม่มีสถานที่ที่ดึงความน่าสนใจได้เพียงพอ ก็สร้างขึ้นใหม่ได้ ยกตัวอย่าง หลวงปู่ทวดองค์ใหญ่ที่อยุธยา ที่นายกอุ๊ วัชรพงศ์ ระดมสิทธิพัฒน์ ผู้เป็นเรี่ยวแรงสำคัญในการสร้างขึ้นมา มีการวางแผนเป็นอย่างดี มีตลาดที่ชาวบ้านสามารถนำสินค้ามาค้าขายโดยรอบ กระตุ้นเศรษฐกิจชุมชน สร้างรายได้ให้คนอยุธยาอย่างประเมินค่าไม่ได้ หรือแม้แต่พระพิฆเนศองค์ยืนที่องค์ยืนที่ฉะเชิงเทรา ที่เกิดขึ้นมาได้ก็มีนายกอุ๊เป็นผู้อยู่เบื้องหลัง ทำให้เกิดเส้นทางท่องเที่ยวศักดิ์สิทธิ์ขึ้นหลากหลาย

นอกจากนี้นายกอุ๊ ยังเป็นกำลังหลักในการสร้างหลวงปู่โต วัดโบสถ์ อ.สามโคก จนกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของ จ.ปทุมธานีด้วย 

“นายกอุ๊ ก็คือที่ปรึกษาด้านนโยบายของชาติพัฒนากล้าด้วย พวกเราเห็นความสำคัญของเรื่องนี้เป็นอย่างมาก เพราะเศรษฐกิจสีขาว หรือสายมู ที่ถ้าเราลงทุนหลักพันล้านต่อ 1 แหล่งท่องเที่ยว เราจะได้เงินกลับคืนมาอย่างมหาศาล ดูแหล่งท่องเที่ยวระดับโลกอย่างเจ้าแม่กวนอิมที่ฮ่องกง วัดอาซากุสะที่ญี่ปุ่น โบสถ์ที่งดงามในยุโรป หรือแม้แต่พระพรหมเอราวัณที่บ้านเรา ต่างก็เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่คนทั่วโลกอยากมาชมด้วยตาตัวเอง” นายกรณ์ กล่าว 

หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวด้วยว่า สิ่งสำคัญของการส่งเสริมการท่องเที่ยวคือต้องมี 3 มิติควบคู่ ได้แก่ 

1. เพิ่มนักท่องเที่ยว ที่เราต้องลงทุนในระบบสาธารณูปโภค ลงทุนในการอนุรักษ์ดูแลธรรมชาติ 

2. เพิ่มเวลาที่นักท่องเที่ยวอยู่กับเรา จาก 10 วันเป็น 12 วัน ต้องเพิ่มแหล่งท่องเที่ยวให้หลากหลายและดึงดูด 

และ 3. เพิ่มเงินที่นักท่องเที่ยวใช้ตอนอยู่กับเรา เพิ่มการใช้จ่ายจับจ่าย ต้องเพิ่มมูลค่าสินค้าเราให้มีราคามากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นของฝาก อาหาร ที่พัก ฯลฯ ซึ่งยุทธศาสตร์สายมูตอบโจทย์ทั้ง 3 มิติ

ดาราจักรๆ วงศ์ๆ สายมู | TIME TO BELIEVE EP.12


TIMETOBELIEVE

💀 TIME TO BELIEVE ถึงเวลาหลอน EP.12

จะพาไปหลอนกับเรื่องราวของ คุณบุ๊ค พบศิลป์ โตสกุล นักแสดงละครดาราจักรๆ วงศ์ๆ ทางช่อง 7 HD ดารา ‘สายมู’ เผยเคยไปขอ ‘องค์พระศิวะ’ ที่วัดแขก สีลม แต่พบเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึง โดนหมอดูทัก จนต้องเลิกกินเนื้อวัวไปตลอดชีวิต ติดตามได้ในคลิปนี้…

ดำเนินรายการโดย 'วายุ เอี่ยมรัมย์' ที่จะพาคุณไปพบเจอกับความหลอนจนนอนไม่หลับ

แขกรับเชิญที่จะผ่านไปหลอนกับ คุณบุ๊ค พบศิลป์ โตสกุล 

นักแสดงช่อง 7 HD

‘บิ๊กตู่’ เยือนพระสมุทรเจดีย์ กราบหลวงพ่อโต-รับพรจากเจ้าอาวาส ปชช.แห่ต้อนรับ ย้ำ!! เลือก ‘รทสช.’ อย่าให้ประเทศไทยเป็นมิคสัญญี

‘บิ๊กตู่’ สายมู!! สวมแหวนพิรอดหัวราหู จากวัดเขาอ้อ จังหวัดพัทลุง ออกงาน นมัสการหลวงพ่อโต - ห่มผ้าพระปรางค์เอน เสริมสิริมงคล เจ้าอาวาสให้พร ทำงานใหญ่สำเร็จ เจ้าตัวบอก จะทำให้ดีที่สุด ย้ำ ปชช.เลือก ‘รทสช.’ ขออย่าให้ประเทศไทยเป็นมิคสัญญี

(5 พ.ค. 66) ที่วัดสาขลา อำเภอพระสมุทรเจดีย์ จังหวัดสมุทรปราการ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะประธานยุทธศาสตร์ฯ และแคนดิเดตนายกฯ ของพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) พร้อมคณะ กราบนมัสการหลวงพ่อโต และนมัสการ พระครูสุนทรพัฒนกิจวิธาน เจ้าอาวาสวัดสาขลา พร้อมสนทนาธรรม

โดยเจ้าอาวาสเปิดเผยว่า ได้ขอให้ พล.อ.ประยุทธ์ มีสุขภาพแข็งแรง พักผ่อนบ้าง ช่วงนี้เดินสายพบประชาชนเยอะ ขอให้ทำงานใหญ่ประสบความสำเร็จ ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า จะทำให้ดีที่สุด ก่อนสักการะพระรูปสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช

เปิดใจ ‘กัปตันเค-สุทธิกาจ’ ผู้พัฒนาแอป ‘จับยาม’  ช่วย ‘สายมู’ ทุกการตัดสินใจในเรื่องสำคัญของชีวิต

จากกัปตันสายการบินพาณิชย์ สู่ซินแสผู้พัฒนาแอป ‘จับยาม’ (JUB-YAM) ‘กัปตันเค-สุทธิกาจ พัฒนสุข’ ที่รวบรวมเอาศาสตร์การทำนายของชาวจีนที่มีมายาวนานกว่า 4,000 ปี มาผสมผสานกับเทคโนโลยีจนกลายเป็นแอปพลิเคชันที่ช่วยให้ ‘สายมู’ วางแผนชีวิต ตัดสินใจในเรื่องสำคัญต่างๆ จากคำทำนายเฉพาะบุคคลตามดวงชะตาจากวันเดือนปีเกิดของคุณเอง ที่จะช่วยให้เราไม่พลาดทุกการตัดสินใจ

>> ผสานหลากศาสตร์จีนสู่คำทำนายหนึ่งเดียว
สุทธิกาจ เล่าว่าก่อนที่จะมาศึกษาเรื่องโหราศาสตร์จีนและศาสตร์ลายเซ็น เพราะลายเซ็นต์คนเราสามารถวิเคราะห์ตัวตน และอาชีพการงานของเขาได้ สามารถแก้ไขลายเซ็นให้เหมาะสมกับพลังงานธาตุประจำตัวได้ เป็นวิชาพื้นฐานแรกที่ทำให้ผมรู้สึกว่า คนเรามีธาตุประจำตัว แล้วถ้ามีธาตุเราจะเอามาทำอะไรได้บ้าง ก็เลยลองเริ่มศึกษาเรื่อยๆ จนมาจับกับเรื่องระบบปฏิทิน และโหราศาสตร์จีน

“ผมเรียนเกี่ยวกับโหราศาสตร์จีน และศาสตร์การทำนายของจีนอื่นๆ มาเยอพอสมควร จึงเอาองค์ความรู้ทุกอย่างในศาสตร์การทำนายของจีนมาเพื่อใช้งานในแบบเฉพาะของตัวเอง อย่างระบบปฏิทินที่ใช้ในแอปจับยามผมก็เป็นคนสร้างเอง เรารู้สึกว่าเวลาที่เราพัฒนาสร้างเองมันสามารถใช้งานได้จริง วิชาที่ใช้ในการทำงานส่วนใหญ่จะเกี่ยวกับเรื่องธาตุพลังงานต่างๆ ซึ่งเป็นเรื่องพื้นฐานของวิชาโหราศาสตร์จีนอยู่แล้ว ผมก็ไปปรึกษากับเพื่อน ก็ได้รับคำแนะนำว่าศาสตร์ที่ผมพัฒนาขึ้นนี้สามารถพัฒนาให้คนทั่วไปรู้จักได้ จึงลงตัวที่การพัฒนาเป็นแอปจับยาม” สุทธิกาจ เล่าถึงจุดเริ่มต้นการพัฒนาจับยาม ผู้ช่วยสายมูที่ผู้ใช้สามารถเช็กดวงชะตาและฤกษ์งามยามดีของตัวเองในแต่ละวันได้ 

>> จับยาม รู้วันดี บอกเวลาเฮง
หลังจากพัฒนาศาสตร์การทำนายที่ผสมผสานศาสตร์จีนต่างๆ จนลงตัว สุทธิกาจ ก็ได้เริ่มพัฒนา แอปพลิเคชัน เพื่อง่ายต่อการที่ทุกคนสามารถดูดวงกับซินแสโดยไม่เสียเวลาต่อคิว และรับรองได้ว่ามีรายละเอียดการทำนายเกินร้อยละ 80 เมื่อเทียบกับการต่อคิวดูดวงกับซินแสตัวจริง

“เราใช้เวลาพัฒนาอยู่เกือบปีนับจากโครงร่างโครงแรก และเพื่อความง่ายต่อคนดู เราพัฒนาการใช้งานผ่านแอปพลิเคชันไลน์เพียงแค่แอดเฟรนด์ ลงทะเบียน ระบุวัน เดือน ปี เวลาเกิด ก็สามารถรู้ฤกษ์ยามของตัวเองตามหลักโหราศาสตร์จีน” สุทธิกาจ กล่าว 

สำหรับการใช้งาน ‘จับยาม’ นั้นไม่มีอะไรที่ยุ่งยาก เพียงแค่เข้าเว็บไซต์ www.jubyam.com หลังจากนั้นล็อกอินเข้าสู่ระบบผ่านแอปพลิเคชัน กรอกวัน เดือน ปี เวลาเกิด (ถ้ามี) เพียงเท่านี้ก็สามารถใช้งานแอปจับยามได้โดยไม่จำเป็นต้องติดตั้ง ซึ่งผู้ใช้สามารถรู้ ยามเกิด ธาตุประจำตัว เช่น เกิดเป็นคนธาตุทองหยาง เวลาวอก เดือนฉลู ปีระกา จากนั้นก็มีคำทำนายประจำวัน คำทำนายประจำสัปดาห์ เรื่องงาน ความรัก สุขภาพ และอื่นๆ สามารถเลือกเวลาดีและเวลาไม่ดีเฉพาะตัวเจ้าชะตาในแต่ละวัน และในแต่ละเดือนมีวันไหนบ้าง ที่เป็นวันเวลามงคลสำหรับเริ่มต้นทำสิ่งใหม่ๆ ทุกอย่างล้วนอยู่ในแอปฯ จับยามนี้ทั้งสิ้น

>> DNAid โครงสร้างดวงชะตาจากฟ้าดิน
จุดเด่นอย่างหนึ่งที่ทำให้แอปจับยามนั้นแตกต่างจากแอปฯ อื่นๆ คือ DNAid และคำทำนายของพระแม่ธรณี Master Earth oracle และ 12 วันเจ้าการ ซึ่งนำมาจากการรวมศาสตร์การทำนายของจีนมาไว้ในแอปพลิเคชันนี้ให้การทำนายดวงชะตาของทุกคนมีความแม่นยำและเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตไปในแต่ละปี

สุทธิกาจ อธิบายว่า DNAid แยกออกเป็น 2 ส่วนคือ DNA เป็นการรวมศาสตร์ที่เชื่อมโยงกับเบื้องบน ส่วน id คือตัวเลขหนึ่งที่บ่งชี้พื้นฐานของตัวเรา ว่ามีลักษณะเป็นอย่างไร เมื่อรวมเป็น DNAid จะเป็นการทำปฏิกิริยาระหว่างธาตุประจำตัวกับพลังงานธาตุประจำวัน ก็จะกลายเป็นเหตุการณ์เป็นคำทำนายในแต่ละวันที่แต่ละคนประสบพบเจอแตกต่างกันออกไป

อย่างดวงไทยจะมีแค่ 12 ราศี มีดาวย้าย มีดาวเจ้าเรือน แต่ DNAid จะสามารถจำแนกได้ถึง 60 แบบทำให้มีรายละเอียดปลีกย่อยในเรื่องต่างๆ ที่ลงลึกมากขึ้น หากจะเปรียบเทียบอย่างง่ายๆ ก็คือในแต่วันล้วนมีพลังงานหลักที่มาจากตัวแทนธาตุต่างๆ ตามแนวทางของจีนได้แก่ ธาตุไม้, ธาตุทอง, ธาตุดิน, ธาตุไฟ, ธาตุน้ำ สมมุติว่าวันนี้เป็นวันที่มีพลังงานของธาตุไม้ ปีนักษัตรนี้เป็นปีเถาะ ซึ่งเป็นธาตุไม้ เช่นกัน ไม้กับไม้ เจอกันจะกลายเป็นวันทำลายตามคำทำนาย 12 วันเจ้าการ หากเราเจอคำทำนายแบบนี้เราจะทำอย่างไร ก็เหมือนผมกำลังบอกว่าวันนี้ช่วงกลางวันคุณจะเจอฝนตกหนัก ถ้าผมบอกแบบนี้เราจะยังซักผ้าตากทิ้งไว้ที่ระเบียงบ้านอีกไหมก็คงไม่ แต่ละคนมีลักษณะที่แตกต่างกัน วันนี้ดีสำหรับเราแต่อาจไม่ดีสำหรับอีกคนก็ได้ เพราะ DNAid ของเราแตกต่างกัน รู้ฤกษ์ดีมีชัยไปกว่าครึ่ง

สุทธิกาจ อธิบายถึงความสำคัญของฤกษ์ยามตามศาสตร์การทำงานจีนอีกด้วยว่า ในลักษณะการทำนายของดวงจีนจะใช้พลังงานธาตุประจำวัน มารวมกับพลังงานธาตุของตัวเราและอื่นๆ ก็จะได้เป็นคำทำนายเฉพาะบุคคลที่แตกต่างกันออกไป ไม่ซ้ำกันในแต่ละวันเป็นคำทำนายที่ช่วยให้เราสามารถตัดสินใจสิ่งใดสิ่งหนึ่ง หากเรากำลังหาวันนัดติดต่อเซ็นสัญญาลูกค้า เราดูแล้ววันพรุ่งนี้ไม่ดีสำหรับดวงเรา เป็นวันถัดไปจะดีกว่าแบบนี้เราจะเลือกวันไหน แต่สิ่งที่ผมกำลังจะบอกอีกอย่างก็คือ ไม่ใช่ว่าเป็นวันไม่ดีแล้วเราจะเซ็นสัญญาไม่ได้ คุณอาจจะเจรจาเซ็นสำเร็จก็ได้ แต่ความราบรื่นจะต่างกัน ความเสี่ยงก็ต่างกัน และข้อดีอีกอย่างของแอปจับยามก็คือสามารถดูวันเวลาล่วงหน้าได้เป็นปีซึ่งจะช่วยทำให้เราวางแผนชีวิต และการตัดสินใจในเรื่องต่างๆ ได้ดีขึ้น

“เพราะช่วงเวลาที่สำคัญของชีวิต เราเลือกผิดไม่ได้ คนเรามีกิจกรรมและเรื่องที่ต้องตัดสินใจทุกวัน พลังงานประจำวันกับพลังงานของตัวเราส่งผลต่อชีวิตเรามากกว่าที่คิด ผมเชื่อว่าต้องมีสักวันหนึ่ง ที่คุณรู้สึกว่า ‘โอ้โห วันนี้มันวันซวยจริงๆ มีเรื่องทั้งวัน’ และก็คงมีบางวันที่คุณรู้สึกว่าทำอะไรก็สำเร็จไปซะทุกอย่าง สิ่งนั้นแหละ เรียกว่าผลของพลังงานประจำตัว และพลังงานประจำวัน ทุกกิจกรรมในชีวิต จะประสบความสำเร็จราบรื่นได้ เรื่องฤกษ์ยามมีผลมาก แม้เราจะไม่ได้สังเกตจริงจัง แต่มันมีเวลาที่เหมาะที่ควรอยู่ในทุกกิจกรรม” สุทธิกาจ กล่าวทิ้งท้าย

‘แมน การิน’ เอาใจสายมู แชร์ทริค!! ‘ดูแลรถยังไงให้รวย’  ชี้!! ‘ห้ามรก-ห้ามเหม็น-ห้ามปล่อยพัง-ห้ามวางตังค์ไปทั่ว’ 

(10 ก.ค. 66) นอกจากจะเป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านศาสตร์ของตัวเลขแล้ว อย่างหนุ่ม ‘แมน การิน’ ก็มักจะมีเคล็ดลับดีๆ มาฝากแฟนๆสายมูอยู่เสมอ อย่างล่าสุดได้ออกมาแชร์ทริคดีๆ ในการดูแลรถยนต์ให้ปังและรวย ในคลิปที่มีชื่อว่า “ใช้รถแบบนี้ ขับกี่ปี ก็ไม่รวย” พร้อมแคปชันว่า "ห้ามรก ห้ามเหม็น ห้ามปล่อยพัง ห้ามวางตังค์ไปทั่ว ห้ามกลัวฝนจนไม่ล้างรถ ถ้าห้ามได้ ขับยังไงก็รวย #ชอบเรื่องมูดูช่องแมน"

โดยในคลิป ‘แมน การิน’ กล่าวว่า ถ้าอยากจะขับรถแล้วรวย จะต้องปฏิบัติตามคำแนะนำ 6 ข้อ ดังนี้

1. ห้ามรก เพราะรถที่รกจะเป็นอุปสรรคของการหาเงิน เช่น การวางรองเท้าไว้ที่พื้นรถ ไม่ควรทำ จะต้องเก็บใส่กล่องไว้ท้ายรถให้ดี
2. หลังรถก็ไม่ควรวางของรกเหมือนตู้เก็บของ จะต้องมีเพียงของที่จำเป็น และจัดให้เป็นระเบียบ เรียบร้อย
3. กลิ่นของรถ สำคัญคือ ห้ามเหม็น รถทั้งคันควรจะหอมเป็นกลิ่นอโรม่า ซึ่งจะช่วยเรื่องฮวงจุ้ย ได้ ถ้าเหม็นจะทำร้ายความโชคดี
4. ห้ามปล่อยให้รถพัง ถ้ามีร่องรอยของอุบัติเหตุ ต้องดูแลรักษาและนำไปซ่อมทันที ถ้าเราผลัดผ่อน เงินก็จะไม่เข้ากระเป๋าเราสักทีเหมือนกัน รถก็เสมือนร่างกาย ดังนั้นต้องดูแลให้ดี
5. ความสะอาด ยิ่งรถขับไปหาเงินบ่อยๆ ยิ่งจะต้องล้างรถ ดูดฝุ่นบ่อยๆ ให้สะอาดอยู่เสมอ
6. เศษเหรียญ ไม่ควรวางกระจัดกระจายในรถ ควรหาที่เก็บให้ดี หรือนำไปยอดกระปุก รวบรวมไปทำบุญ ก็จะเป็นสิ่งที่ดีมาก

‘ธัญญ่า อาร์สยาม’ เคลียร์!! หลังถูกโยงดรามาปมเล่นของจนชีวิตพัง เผย ตนแค่เป็นสายมู แต่ไม่เคยเล่นของ ลั่น!! “ตอนนี้ชีวิตดีมาก”

(16 ก.ค. 66) ทำเอานักร้องสาว ‘ธัญญ่า อาร์สยาม’ ต้องออกมาชี้แจงเป็นการด่วน ๆ เมื่อถูกโยงจากคำใบ้ถึงนางเอก-น้องสาวเล่นของแล้วไม่แก้ จนของเข้าตัวเองทำชีวิตพัง โดยงานนี้ ธัญญ่า ได้ชี้แจงว่า...

“เห็นคลิปนึงที่เขาออกมาพูดมีหลาย ๆ เพจหลาย TikTok ด้วยที่ออกมาพูดถึงประเด็นที่มีอักษรย่อออกมาว่า นางเอกนักร้องดังเล่นของแล้วไม่ไปแก้แล้วของเข้าตัวเอง อะไรซักอย่าง ซึ่งพอไปอ่านในคอมเมนต์แล้วอักษรย่อมันมาตกอยู่ที่หนู แล้วคนก็บอกว่าหนูอ่ะเคยโดนของหรือเปล่า มีโยงมาที่หนูเยอะมากนะคะ แล้วมันมีต่อท้ายด้วยนะคะว่า ตอนนี้ชีวิตคือพังมาก”

“ก็ถามว่าถ้าเรื่องเคยโดนของไหม หนูเคยโดนของนะคะ เมื่อประมาณ 6 ปีที่แล้ว แต่ว่าก็ไม่ได้ปรักปรำว่าใครเป็นคนทำ แล้วก็เคยไปเล่าในรายการ เดอะโกสเรดิโอ อันนี้ก็ไปหาฟังกันเองนะคะ อาการอะไรยังไงนะคะ แต่ในส่วนของที่เคยไปทำของใส่ใครไหม หรือตัวเองเคยเล่นของไหม ไม่เคยนะคะทุกคน”

“แต่ยอมรับว่าเป็นนักร้องสายมูจริง ๆ มูแบบว่าทำบุญบ่อย ไปวัดบ่อยหรืออาจจะมีลงนะหน้าท้องบ้าง ก็เหมือนคนที่ชอบทำบุญแล้วก็สายมูปกตินี่แหละค่ะ แต่ว่าไม่เคยไปทำของใส่ใครแน่นอน แล้วตอนนี้ชีวิตคือดีมากนะคะ แล้วก็กำลังค้าขายรุ่งเรือง ธุรกิจการงานคือดีมากเลยค่ะ เพราะฉะนั้นอักษรย่อที่มาลงที่ธัญญ่าไม่ใช่นะคะทุกคน”

'ชาวบ้าน' ลูบถูต้นลิ้นจี่ เชื่อ!! มีนางไม้อาศัยอยู่  เจอะเลขเด็ด 2 ตัว '11' ส่วน 3 ตัว '528-229'

(26 ก.ค. 66) ชาวบ้านนักเสี่ยงโชคทั้งในและนอกพื้นที่ ต่างพากันนำดอกไม้ธูปเทียน แป้ง เพื่อมาเซ่นไหว้ขอโชคต้นลิ้นจี่ใบหน้าคน มีลักษณะหน้าคนโผล่กลางลำต้น อายุกว่า 50 ปี ขนาด 2 คนโอบ สูงประมาณ 20 เมตร ภายบริเวณ ศูนย์ประสานงานสภาเกษตรกร ตำบลท่าวังทอง อำเภอเมือง จังหวัดพะเยา

หลังจุดธูปและใช้แป้งมาลูบๆ ถูๆ ได้ทั้งเลข 2 ตัว และ 3 ตัว สำหรับเลขสองตัว ได้เลข 11 และเลขสามตัว ได้เลข 528 และเลขธูป 229 จึงนำโทรศัพท์มา ถ่ายเพื่อเก็บไว้ ไปเสี่ยงโชค ซื้อลอตเตอรี่งวดที่จะถึงนี้

จากการสังเกต ต้นลิ้นจี่ บริเวณหน้าศูนย์ประสานงาน สภาเกษตร จังหวัดพะเยา พบว่ามีรูปคล้ายใบหน้าคน ได้โผล่ออกมากลางลำต้น คล้ายใบหน้าผู้หญิงมีทั้ง ศีรษะ ดวงตา แก้ม จมูก ปาก คาง และลำคอ ครบทุกส่วน มองคล้าย คนยืนก้มหน้า

สร้างความตกตะลึงให้กับผู้ที่ผ่านไปมาที่พบเห็น ซึ่งเชื่อกันว่า ต้นลิ้นจี่ดังกล่าวน่าจะมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์หรือนางไม้อาศัยอยู่ หลังจากที่ชาวบ้านได้ทราบข่าว ต่างพากันนำดอกไม้ธูปเทียนและแป้งเข้ามาเซ่นไหว้ ขอโชคลาภกันอย่างไม่ขาดสาย

‘ททท.’ รับเทรนสายมู ทำ E-Book โปรโมตสถานที่ 60 แห่งทั่วไทย หวังสร้าง Soft power เปิดตลาดกลุ่มใหม่ ดึงนทท.เข้าประเทศมากขึ้น

เมื่อวานนี้ (24 ก.ย.66) การท่องเที่ยวเชิงศรัทธากำลังเป็นที่สนใจในตลาดโลก ตามรายงานข้อมูลจาก Future Market Insight ในปี 2566 ได้รายงานว่า การท่องเที่ยวมีแนวโน้มการเติบโตอย่างก้าวกระโดด และคาดการณ์ว่าการท่องเที่ยวเชิงศรัทธาจะสร้างมูลค่าเศรษฐกิจทั่วโลกเพิ่มขึ้นเป็น 3 เท่า ในอีก 10 ปีข้างหน้า

ททท. เล็งเห็นโอกาสจากกระแสการท่องเที่ยวเชิงจิตวิญญาณและการเติบโตของ ‘เศรษฐกิจสายมู’ ซึ่งกำลังได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศ หันส่งเสริมกระแสการท่องเที่ยวสายมูในประเทศไทยสนับสนุนการจัดทำหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ ‘Connecting to Spiritual Thailand’ โปรโมทสถานที่ท่องเที่ยวที่เกี่ยวข้องกับศรัทธาและวัฒนธรรม 60 แห่งสร้าง Soft power เปิดตลาดกลุ่มใหม่เพื่อดึงความสนใจของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติจากหลากหลายประเทศ

ทั้งนี้ หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ ‘Connecting to Spiritual Thailand’ จัดทำขึ้นเพื่อสร้างความเข้าใจและอธิบายถึงความเชื่อ ของสถานที่ท่องเที่ยวเชิงจิตวิญญาณต่างๆ แก่ชาวต่างชาติ ให้เข้าใจถึงประวัติความเป็นมาของความศักดิ์สิทธิ์และความศรัทธา รวมถึงประวัติศาสตร์ของสถานที่นั้น

ขยายความหมายและเหตุผลว่าทำไมนักท่องเที่ยวชาวไทย ถึงให้ความศรัทธาและเดินทางไปบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ หรือสถานที่นั้นๆ ในแง่วัฒนธรรมที่หลอมรวมกลายเป็นวิถีชีวิต ประเพณี และวัฒนธรรมท้องถิ่นในแต่ละภูมิภาค ของประเทศไทยที่น่าสนใจในความแตกต่างและความหลากหลาย สะท้อนถึงพหุวัฒนธรรมที่ผสมผสานกันระหว่าง ความเชื่อกับศาสนานำมาเชื่อมโยงกับสถานที่ท่องเที่ยว เพื่อสร้างประสบการณ์การเดินทางในเส้นทางแห่งความศรัทธาให้ นักท่องเที่ยว

โดยรวบรวมข้อมูลของสถานที่ท่องเที่ยวสายมูเตลูตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันรวม 60 แห่ง โดยเน้นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงทั้งในเมืองหลัก และจังหวัดเมืองรอง เพื่อส่งเสริมให้เกิดเศรษฐกิจหมุนเวียนจากการท่องเที่ยวในเขตเมืองรองเพิ่มขึ้น โดยเน้นการนำเสนอข้อมูลที่น่าสนใจและมีคุณค่า พร้อมทั้งภาพถ่ายที่งดงามเพื่อให้ผู้อ่านได้สัมผัสประสบการณ์อย่างใกล้ชิด

โดยเนื้อหาประกอบด้วยการแนะนำสถานที่ด้วยภาพถ่ายประกอบแผนที่การเดินทาง และสร้างเนื้อหาบรรยายเป็นภาษาอังกฤษ เพื่อสร้างความเข้าใจในแต่ละสถานที่ และทำให้นักท่องเที่ยวสามารถวางแผนในการไปเยี่ยมชมได้ง่าย ได้รับข้อมูลที่สร้างความเข้าใจที่มากขึ้นในแง่ประวัติศาสตร์และความเป็นมาว่าทำไมสถานที่นี้จึงถือว่ามีความศักดิ์สิทธิ์ ประกอบกับรายละเอียดวิธีการเคารพบูชา การอธิษฐานขอพร หรือการภาวนาที่ถูกต้อง ณ สถานที่แต่ละแห่งนั้น

ทั้งนี้ สถานที่ท่องเที่ยวสายมูที่แนะนำภายใน E-book เล่มนี้ ได้แก่

ศาลหลักเมือง ศาลพระพรหมเอราวัณ วัดศรีมหามาเรียมมัน (วัดแขก) ศาลแม่นาคพระโขนง ในจังหวัดกรุงเทพมหานคร
วัดพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี
วัดสมานรัตนาราม วัดโพรงอากาศ (พระอาจารย์สมชาย) อุทยานพระพิฆเนศ องค์ยืน ในจังหวัดฉะเชิงเทรา
ปราสาทสัจธรรม พัทยา จังหวัดชลบุรี
วัดเจดีย์หอย จังหวัดปทุมธานี
วัดจุฬามณี จังหวัดสมุทรสงคราม วัดทับศิลา จังหวัดกาญจนบุรี วัดป่าพุทธาราม จังหวัดราชบุรี
ศาลพุ่มพวง จังหวัดสุพรรณบุรี
สวนสวรรค์ จังหวัดนครสวรรค์
พระมหาธาตุนภเมทนีดล-นภพลภูมิสิริ และวัดพระธาตุดอยคำ จังหวัดเชียงใหม่
วัดบ้านปาง (วัดครูบาศรีวิชัย) จังหวัดลำพูน
ศาลหลักเมือง จังหวัดเชียงราย
อุทยานไทรงาม พิมาย จังหวัดนครราชสีมา
ศาลปู่พญานาค อนันตนาคราช จังหวัดมุกดาหาร
พระธาตุพนม จังหวัดนครพนม
สะดือแม่น้ำโขง วัดภูทอก และถ้ำนาคา จังหวัดบึงกาฬ
คำโชนด จังหวัดอุดรธานี
วัดถ้ำเอราวัณ จังหวัดหนองบัวลำภู
ถ้ำพระยานคร เขาสามร้อยยอด จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
หอพระอิศวร วัดเจดีย์ไอ้ไข่ หลวงปู่ทวด เกาะนุ้ยนอก จังหวัดนครศรีธรรมราช
วัดถ้ำเสือ จังหวัดกระบี่

‘นพ.อนุชิต’ แชร์อุทาหรณ์ ‘พระพิฆเนศ’ ติดหลอดลมคนไข้ เตือน!! ‘อย่าไปอมพระแล้วพูดกับใคร’

เมื่อวานนี้ (19 ต.ค.66) นพ.อนุชิต นิยมปัทมะ อายุรแพทย์โรคระบบทางเดินหายใจ รพ.มหาราชนครราชสีมา ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก หมอเอ หมอปอดโคราช ถึงกรณีอุทาหรณ์จากคนไข้รายหนึ่ง มีสิ่งแปลกปลอมติดอยู่ในหลอดลม เมื่อเอกซเรย์พบว่ามีสิ่งแปลกปลอมอยู่ด้านในหลอดลมข้างขวาของคนไข้ แพทย์จึงรีบทำการส่องกล้องและคีบออกมาได้สำเร็จ จึงพบว่าเป็น ‘พระพิฆเนศ’ ขนาดประมาณ 1x2 เซนติเมตร

ด้านนพ.อนุชิต ยังได้โพสต์เป็นอุทาหรณ์ในเฟซบุ๊กอีกว่า...

#อย่าไปอมพระแล้วพูดกับใครอีกนะ
พระพิฆเนศ สำลักลงในหลอดลมด้านขวา
คีบออกมาแล้วนะ
#chestMed korat
มาเรียนfellowที่เราสิครับ
ปล. ไม่ต้องถามเลขนะ เดี๋ยวเลขเคลื่อน

‘ธนกร’ หนุนเที่ยวไทยเชิงศรัทธา กระตุ้น ศก.หมุนเวียนในชุมชน เชื่อ!! ดึง นทท.จีนทะลักแน่นอน หลังยอดปี 66 ทำได้ตามเป้า

(7 ม.ค.67) นายธนกร วังบุญคงชนะ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) และอดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จากข้อมูลการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ ‘ททท.’ เปิดตัวเลขการท่องเที่ยวไทย ที่เป็นจุดหมายปลายของนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะการท่องเที่ยวสายศรัทธา สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้อย่างมีนัยสำคัญ ตนจึงสนับสนุนให้รัฐบาลส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงศรัทธา เชื่อว่าจะดึงดูดนักท่องเที่ยวสายบุญกลุ่มที่ชื่นชอบท่องเที่ยวไหว้พระขอพร ขอโชค สายมูเตลู ซึ่งจะสามารถสร้างเศรษฐกิจหมุนเวียนในชุมชน วัด แหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมตามภูมิภาคต่าง ๆ ซึ่งมีแหล่งท่องเที่ยวจำนวนมากอยู่ทั่วประเทศ จะช่วยทำให้ทั้งเมืองหลักและเมืองรองเกิดการกระตุ้นการท่องเที่ยวเป็นอย่างดี

ทั้งนี้ จากที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา รายงานตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาเที่ยวไทยสะสมตลอดปี 66 (1 ม.ค.-24 ธ.ค. 66) มีกว่า 27 ล้านคน เป็นไปตามเป้าหมายของรัฐบาล โดย 5 ลำดับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทย มาเลเซีย 4,439,480 คน, จีน 3,418,732 คน, เกาหลีใต้ 1,616,858 คน, อินเดีย 1,587,090 คน และรัสเซีย 1,428,985 คน

เมื่อถามว่าหากเริ่มนโยบายเปิดฟรีวีซ่า ‘ไทย-จีน’ ถาวรเริ่ม 1 มี.ค. 67 จะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจอย่างไร นายธนกร กล่าวว่า หากยกเลิกการใช้วีซ่าระหว่างไทย-จีน ตนมั่นใจ ว่า จะสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวจีนที่ชื่นชอบเที่ยวสายศรัทธา เข้ามาท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว เป็นไปตามเป้าที่รัฐบาลตั้งไว้ได้สำเร็จ

ซึ่งในปี 67 รัฐบาลและ ททท.ตั้งเป้าดึงนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าไทย ประมาณ 8.5 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากปี 66 ที่มา 3.4-3.5 ล้านคน และคาดการณ์ว่าในปี 67 การท่องเที่ยวภาพรวมจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเที่ยวในประเทศไทย สร้างรายได้ ที่ 3.5 ล้านล้านบาท (จากเดิม 3 ล้านล้านบาท) ตนเชื่อว่า จะเป็นไปตามเป้าหมายได้อย่างแน่นอน


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top