Monday, 6 May 2024
ศักดิ์สยาม

‘ชัชชาติ’ ปรี่ไหว้ ‘บิ๊กป๊อก-ศักดิ์สยาม’ เจ้าตัวลั่น “พร้อมช่วยทำงาน”

(3 มิ.ย.65) ที่บริเวณท้องสนามหลวง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมภริยา เป็นประธานในพิธีเจริญพระพุทธมนต์ และพิธีทำบุญตักบาตรถวายพระราชกุศลเนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี 3 มิถุนายน 2565 โดยมีคณะรัฐมนตรี (ครม.), ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ทุกกระทรวง, ประธานองค์กรอิสระ, และผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เข้าร่วมพิธี

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 07.00 น. ก่อนที่งานพิธีจะเริ่ม เวลา 06.50 น. นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เดินทางมาถึงบริเวณพิธี ซึ่งได้รับความสนใจจากบรรดาเพื่อนข้าราชการระดับสูง อาทิ นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ, นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้เข้ามาทักทาย พูดคุย แสดงความยินดี และถ่ายภาพร่วมกันเป็นที่ระลึก

จากนั้น เวลา 07.00 น. เมื่อพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เดินทางมาถึง นายชัชชาติได้เดินเข้าไปหาสวัสดีทักทายเนื่องจากเป็นการพบกันครั้งแรก โดยนายชัชชาติกล่าวกับพล.อ.อนุพงษ์ ว่า “ช่วยกันครับท่าน เดี๋ยวจะไปหารือ มีอะไรให้รับใช้ ได้ครับ” ขณะที่พล.อ.อนุพงษ์ ได้กล่าวเพียงว่า “โอเค” จากนั้น พล.อ.อนุพงษ์, นายชัชชาติ และนายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้ถ่ายภาพร่วมกัน

‘ปกรณ์วุฒิ’ จ่อยื่นป.ป.ช.ตรวจสอบ ‘ศักดิ์สยาม’ ปมโอนหุ้นเป็นนิติกรรมอำพรางหรือไม่

"ปกรณ์วุฒิ"  ชี้ "ศักดิ์สยาม" แจงไม่เคลียร์ แสดงหลักฐานขายหุ้น 120 ล้าน แต่ หจก. ยังเป็นหนี้ 69 ล้านเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน ทั้งที่หุ้นส่วนผู้จัดการเปลี่ยนมือ - เชื่อไม่มีการซื้อขาย เป็นธุรกรรมอำพรางชัดเจน

ปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล แถลงข่าวตอบโต้ภายหลังศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ชี้แจงกรณีถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจเรื่องส่อทุจริตซุกหุ้น โดยให้นอมินีถือหุ้นกิจการแทน ว่า ท่านรัฐมนตรีได้แสดงหลักฐานว่ามีการจ่ายเงิน โอนหุ้นของห้างหุ้นส่วนจำกัด (หจก.) จริงๆ ในราคา 120 ล้านบาทโดยประมาณ เรื่องนี้ตนได้อภิปรายไปว่า หจก.ที่มีสินทรัพย์ มีรายได้มากขนาดนี้ การซื้อขายที่ 120 ล้านบาท หรือเป็นราคาทุนนั้น ดูไม่สมเหตุสมผล เพราะหลังจากที่ขายไปแล้วก็พบว่า หจก.นี้ก็กลับมาได้งานของกระทรวงคมนาคมที่ท่านดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี มูลค่าเป็น 1,000 ล้านบาท หากจะบอกว่าเป็นเรื่องส่วนตัวที่จะขายกิจการเท่าไหร่ ตรงนี้ก็เคารพ เพราะเป็นเรื่องส่วนตัวจริงๆ แต่ส่วนที่ว่าจะสมเหตุสมผลหรือไม่ ประชาชนคงจะตัดสินได้เอง ว่าการกระทำธุรกรรมครั้งนี้เป็นนิติกรรมอำพรางหรือไม่

ปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า อีกประเด็นที่ตนเองได้ทิ้งไว้ในการอภิปรายคือ ถ้ามีการโอนเงิน 120 ล้านบาท แล้วมันหายไปไหนจากบัญชีทรัพย์สินของท่าน เพราะการซื้อขายนั้น เกิดขึ้นประมาณ 16 เดือนก่อนที่จะมีการยื่นบัญชีทรัพย์สินเท่านั้น และอีกประเด็นที่น่าสนใจคือ มีการโอนเงินค่าหุ้นงวดแรกก่อนที่จะโอนหุ้นจริงๆ ถึง 5 เดือน ซึ่งเป็นการซื้อขายที่แปลกมาก คือ จ่ายเงินก่อน แต่ยังไม่มีการโอนหุ้นให้กัน ต้องเชื่อใจกันมากแน่ 

และอีกประเด็นที่น่าสนใจคือ หจก.แห่งนี้ ท่านรัฐมนตรีขายหรือโอนออกไปต้นปี 2561 ซึ่งถ้าย้อนไปดูปลายปี 2560 หจก.แห่งนี้เป็นเจ้าหนี้หุ้นส่วนผู้จัดการ 69 ล้านบาท คือหมายความว่าก่อนที่จะโอนหุ้นออก คุณศักดิ์สยามเป็นหนี้ห้างหุ้นส่วนแห่งนี้ 69 ล้านบาท แต่พอถึงสิ้นปี 2561 จำนวนหนี้ยังเขียนเหมือนเดิมว่า เป็นเจ้าหนี้หุ้นส่วนผู้จัดการอยู่ 69 ล้านบาท ทั้งที่หุ้นส่วนผู้จัดการเปลี่ยนชื่อไปแล้ว ก็เลยสงสัยว่ามีการโอนหนี้ออกไปหรือเปล่าตอนที่มีการขายหุ้นกัน

"ผมแบ่งเป็น 3 กรณี คือ 1.ถ้าขาย 120 ล้านบาท ถ้าโอนหนี้ให้กับผู้จัดการคนใหม่ แปลว่าท่านได้กำไรจากการขายกิจการ 69 ล้าน ต้องยื่นภาษี แต่ท่านไม่ได่ยื่น 2. ถ้าท่านไม่ได้โอนหนี้ออกไป แปลว่าหนี้นี้ เป็นหนี้สินส่วนตัวของท่าน ก็ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สิน ซึ่งท่านก็ไม่ได้ยื่น 3.ถ้ามีการบอกว่าเอาเงินที่ขายหุ้นไปใช้หนี้ ตัวเลขมันแปลกมากที่สิ้นปี 2560 กับสิ้นปี 2561  ตัวเลขในงบการเงินแสดงฐานะของกิจการ ยังเป็น 69 ล้านบาทเท่าเดิม ซึ่งสุดท้ายแล้วผมเข้าใจว่าตัวเลขตัวนี้ไม่เคยเปลี่ยนแปลง และไม่มีการจ่ายหนี้อะไรกันเลย ไม่มีการโอนหนี้เลย และหนี้นี้ต้องเป็นของท่านที่ติดหนี้ หจก.อยู่ และท่านก็ไม่ได้แสดงในบัญชีทรัพย์สินด้วย ผมว่าเรื่องนี้ท่านไม่มีทางออกแล้ว สิ่งที่พูดมา หลักฐานที่อภิปรายไป หลักฐานงบการเงินทั้งหมด ค่อนข้างมัดตัวได้แน่น จากนี้ผมคิดว่าเตรียมพูดคุยกับฝ่ายกฎหมายของพรรค และพรรคร่วมฝ่ายค้านที่อภิปรายเรื่องนี้ ยื่นเรื่องไปยัง ป.ป.ช. เพื่อทำการตรวจสอบบัญชีทรัพย์สิน การถือครองธุรกิจที่ใช้นิติกรรมอำพรางเพื่อเอาผิดต่อไป" ปกรณ์วุฒิ กล่าว

'ศักดิ์สยาม' ดีเดย์รถเมล์ อีวี แทนสาย 8 เดิม 20 ส.ค.นี้ พร้อมดันรถเมล์ EV ไม่น้อยกว่า 1,000 คัน ภายในปี 65

‘ขนส่งฯ’เตรียม Kick Off วิ่งรถเมล์ EV สาย 2-38 (สาย 8 เดิม) ‘แฮปปี้แลนด์-ท่าเรือสะพานพุทธ’ นำร่อง 20 คัน ดีเดย์ 20 ส.ค. นี้ พร้อมตั้งเป้ารถขนส่งสาธารณะใช้ระบบ EV ไม่น้อยกว่า 1,000 คันภายในปี 65 

(15 ส.ค. 2565) นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า ในวันที่ 20 ส.ค. 2565 เตรียม Kick Off ให้บริการเดินรถโดยสารปรับอากาศที่ใช้พลังงานสะอาด (EV) สาย 2-38 (สาย 8 เดิม) แฮปปี้แลนด์-ท่าเรือสะพานพุทธในเบื้องต้น 20 คัน จากทั้งหมด 40 คัน ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าว เป็นส่วนหนึ่งของแผนการปฏิรูปรถโดยสารของกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) ที่ในระยะแรกจะมีการทดลองนำร่องทั้งหมด 150 คัน กระจายไปในเส้นทางอื่น ๆ

ขณะเดียวกัน ยังได้มอบหมายให้ ขบ. ไปพิจารณาให้รถขนส่งสาธารณะ ทั้งรถเมล์ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) , รถร่วมบริการ ขสมก. และรถโดยสารของบริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) เปลี่ยนเป็นรถโดยสารระบบ EV โดยในปี 2565 ได้ตั้งเป้าหมายไว้ไม่น้อยกว่า 1,000 คัน จากแผนทั้งหมด 3,200 คัน

ด้านนายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดี ขบ. กล่าวถึงกระแสความสับสนของประชาชน กรณีการปรับเปลี่ยนเลขสายรถเมล์แบบใหม่ว่า ขบ. ไม่ได้นิ่งนอนใจ และรับฟังความเห็นของประชาชน โดยในขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาข้อมูล อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่า ช่วงนี้อาจจะเกิดความสับสน แต่ ขบ. ได้เดินหน้าแก้ไขปัญหา อาทิ การประชาสัมพันธ์ล่วงหน้าทั้งบนรถเมล์ และเว็บไซต์ว่า สายเดิมเป็นเลขหมายใด และสายใหม่เป็นเลขหมายใด เพื่อให้ประชาชนได้รับทราบ

รายงานข่าวจากกระทรวงคมนาคม ระบุว่า ก่อนหน้านี้ รถโดยสารประจำทาง (รถเมล์ร้อน) สาย 8 เส้นทางแฮปปี้แลนด์–สะพานพุทธ เตรียมยุติการดำเนินกิจการเนื่องจากไม่ผ่านคุณสมบัติในเส้นทางสัมปทานเดินรถ จำนวน 77 เส้นทางในแผนการปฏิรูปฯ ทั้งนี้ เส้นทางเดินรถของสาย 8 เดิม จึงมีรถโดยสารประจำทางของบริษัท ไทย สมายล์ บัส จำกัด หรือ TSB ผู้ได้รับสัมปทานมาเดินรถแทน โดยเรียกชื่อสายใหม่ว่า สาย 2-38 โดยจะใช้รถพลังงานไฟฟ้า พร้อมด้วยนำระบบเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาใช้ในการควบคุมการเดินรถ เพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางให้กับประชาชน

‘รองโฆษกรัฐฯ’ เตือนอย่าเชื่อสาวหลอกซื้อ ‘กระท่อม’ อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ส่งต่อให้ ‘อนุทิน-ศักดิ์สยาม’

อย่าหลงเชื่อ แอบอ้าง อนุทิน-ศักดิ์สยาม กว้านซื้อพืชกระท่อม เตือนภัย หลอกปลูกพืชกระท่อมระบาด แนะเกษตรกรศึกษาข้อมูลอย่างรอบคอบก่อนลงทุน

วันที่ (23 ก.ย. 65) น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจําสํานักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จากกรณีสื่อมวลชนนำเสนอข่าวประชาชนหลายรายแจ้งความดำเนินคดีกับหญิงรายหนึ่งอายุประมาณ 40 ปี อ้างตนเป็นเจ้าหน้ารัฐ สังกัดกรมส่งเสริมการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หลอกลวงรับซื้อต้นกระท่อม เพื่อส่งให้รัฐมนตรีในรัฐบาล ทั้งนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข และนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว คมนาคม  ขอเรียนว่า พฤติกรรมดังกล่าวเป็นการหลอกลวงประชาชน ขออย่าหลงเชื่อ โดยยืนยันว่าทั้ง 2 รัฐมนตรีไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆกับการกระทำดังกล่าว ขอให้ประชาชนระมัดระวัง อย่าตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ ที่อาจส่งผลให้สูญเสียทรัพย์สินได้

‘ศักดิ์สยาม’ หารือร่วม ‘JETRO - หอการค้าญี่ปุ่น’ ยัน!! ไทยมีแผนพัฒนา ศก. หลังโควิด-19 คลี่คลาย

‘ศักดิ์สยาม’ หารือร่วม ‘JETRO - หอการค้าญี่ปุ่น’ ถกแนวโน้มทางเศรษฐกิจของบริษัทร่วมทุนญี่ปุ่นในไทย หวังการท่องเที่ยวปี 66 ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจไทย พร้อมอัปเดตโปรเจกต์คมนาคม - ขับเคลื่อน EV - เปิดประเทศ

(26 ม.ค.66) นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 25 ม.ค. 2566 นายคุโรดะ จุน (Mr.Kuroda Jun) ประธานองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น กรุงเทพฯ (JETRO Bangkok) และนายคาโต้ ทาเคโอะ (Mr.Kato Takeo) ประธานหอการค้าญี่ปุ่น-กรุงเทพฯ (JCCB) เข้าพบ เพื่อหารือแนวโน้มทางเศรษฐกิจของบริษัทร่วมทุนญี่ปุ่นในประเทศไทย

ทั้งนี้ นายคุโรดะ จุน ได้รายงานในที่ประชุมถึงผลการสำรวจแนวโน้มทางเศรษฐกิจของบริษัทร่วมทุนญี่ปุ่นในประเทศไทยในช่วงครึ่งหลังของปี 2565 (ก.ค.-ธ.ค. 2565) โดยแนวโน้มเศรษฐกิจจากทัศนะของผู้ประกอบการญี่ปุ่นยังเป็นไปในทิศทางบวก และดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะได้รับผลกระทบจากปัจจัยแวดล้อมต่าง ๆ อาทิ ราคาต้นทุนวัตถุดิบและชิ้นส่วนที่สูงขึ้น รวมถึงราคาพลังงานที่ปรับราคาสูงขึ้น และอุปสงค์ที่มีต่อการส่งออกลดลง แต่ก็หวังว่าการเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวที่เข้ามาในประเทศไทย จะส่งผลดีกับเศรษฐกิจการท่องเที่ยวของประเทศไทยในปี 2566

นายศักดิ์สยาม กล่าวต่อว่า ได้กล่าวขอบคุณข้อเสนอแนะ และยืนยันเป้าหมายของรัฐบาลไทย ในการฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 คลี่คลาย โดยกระทรวงคมนาคมยังคงดำเนินภารกิจในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่ง สนับสนุนมาตรการส่งเสริมการใช้งานยานยนต์ไฟฟ้าในภาคการขนส่งสาธารณะ มุ่งเน้นการดำเนินการด้านความเป็นกลางด้านคาร์บอน ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตามขอบเขตของกิจกรรมทางธุรกิจ

ทั้งนี้ ได้ยกตัวอย่างการดำเนินโครงการถไฟขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้า (EV on Train) ที่จะเกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมภายใน 4 ปี และการสานต่อการพัฒนาระบบรถไฟฟ้าในกรุงเทพมหานครและชานเมือง พร้อมทั้งแจ้งความคืบหน้าโครงการ Landbridge โดยอยู่ในขั้นตอนการจัดทำ Concept Design เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณา ก่อนการประชาสัมพันธ์โครงการฯ (Road Show) ทั้งในและต่างประเทศเพื่อดึงดูดความสนใจของนักลงทุนทั่วโลก

'ศักดิ์สยาม' ร่วมเปิดเส้นทางเดินรถเมล์ EV เพิ่ม 3 สาย ยกระดับการเดินทาง เพิ่มคุณภาพชีวิตประชาชน

(23 ก.พ. 66) นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานในพิธีเปิดให้บริการรถโดยสารพลังงานไฟฟ้าอีก 3 สาย ประกอบด้วย สาย 3-36 ท่าเรือคลองเตย – ท่าเรือภาษีเจริญ สาย 3-44  ท่าเรือคลองเตย – อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ และสาย 3-55 ท่าเรือคลองเตย - พระราม 7 ภายใต้แนวคิด 'Thai Smile Bus Our Love Will Change The World รักเรารักษ์โลก' ณ สโมสรการท่าเรือแห่งประเทศไทย คลองเตย กรุงเทพมหานคร

ในงานนี้ นางสาวกุลพรภัสร์ วงศ์มาจารภิญญา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของกลุ่มบริษัท ไทย สมายล์ กรุ๊ป ได้เปิดเผยว่า ในเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นเดือนแห่งความรัก ไทย สมายล์ กรุ๊ป ได้ขอมอบความรักความปรารถนาดีให้กับพี่น้องประชาชนชาวกรุงเทพมหานคร โดยการ เปลี่ยนรถโดยสาร NGV ของบริษัท สมาร์ทบัส จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่มไทย สมายล์ กรุ๊ป ให้กลายเป็นรถโดยสารพลังงานไฟฟ้า 100%

ซึ่งไทย สมายล์ กรุ๊ป มีเป้าหมายที่จะนำรถโดยสารพลังงานไฟฟ้ามาให้บริการ รวมทั้งสิ้นกว่า 3,100 คัน นับว่าเป็นอีกวิธีที่ช่วยลดโลกร้อน และสามารถลดปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 ในเขตกรุงเทพมหาครและปริมณฑล ที่ปัจจุบันได้ทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ

มั่นใจในหลักฐาน ‘ศักดิ์สยาม’ ยันถอนหุ้นก่อนนั่ง ‘รมว.คมนาคม’ ลั่น!! พร้อมแจงข้อมูล หลังศาลรธน. สั่งหยุดปฎิบัติหน้าที่

(3 มี.ค.66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติเอกฉันท์ให้นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ หยุดปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเป็นการชั่วคราว ระหว่างรอคำวินิจฉัยในคำร้องที่พรรคร่วมฝ่ายค้าน 54 คน เข้าชื่อให้วินิจฉัยสถานภาพความเป็นรัฐมนตรีต้องสิ้นสุดลง หลังยังคงถือหุ้นและเป็นเจ้าของห้างหุ้นส่วนจำกัด บุรีเจริญคอนสตรัคชั่น ซึ่งเข้าข่ายขาดคุณสมบัตินั้น

ผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยังไลน์ส่วนตัวของนายศักดิ์สยาม โดยนายศักดิ์สยาม ระบุว่า หลังจากที่ได้รับคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญอย่างเป็นทางการ ก็จะชี้แจงข้อกล่าวหาไปตามกรอบเวลาภายใน 15 วัน นับจากวันที่ได้รับแจ้งจากศาลรัฐธรรมนูญ อย่างเป็นทางการ ซึ่งตนได้เตรียมคำชี้แจงไว้เรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้ตนได้ยกเลิกภารกิจตรวจราชการที่จ.นครนายก และจ.ปราจีนบุรี ตามกำหนดการเดิมของวันนี้ทั้งหมดแล้ว

ภูมิใจไทย ชี้!! 'ศักดิ์สยาม' ไร้กังวล ปมคดีถือหุ้นบุรีเจริญ เชื่อ!! ไม่กระทบกับการหาเสียง ทุกคนในพรรคฮึกเหิมมาก

(7 มี.ค. 66) นางมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รมช.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวถึงกรณีที่นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ในฐานะเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ ระหว่างรอคำวินิจฉัยคดีถือหุ้นบริษัท บุรีเจริญ คอนสตรัคชั่น ว่า ท่านสบายดี ไม่มีปัญหาอะไร เลขาธิการพรรคเป็นคนเข้มแข็ง 

เมื่อถามว่า จะลงพื้นที่ช่วงพรรคภูมิใจไทย หาเสียงต่อไปได้หรือไม่ ตนเองยังไม่ได้พูดคุย แต่เชื่อว่าไม่กระทบกับการหาเสียงของพรรคในช่วงใกล้เลือกตั้ง

‘ปกรณ์วุฒิ’ เตรียมยื่น ศร.ฟัน ‘ศักดิ์สยาม’ 17 มี.ค.นี้ ฐานผิด ม.144 ยัน!! ไม่ได้ฉวยโอกาสทางการเมือง

(16 มี.ค. 66) นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวว่า ในวันพรุ่งนี้ (17 มี.ค. 66) เวลา 09.00 น. ตน และพรรคประชาชาติ โดย พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ในฐานะผู้ร้องที่ 1 และผู้ร้องที่ 2 จะร่วมกันยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ สืบเนื่องจากกรณีนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ถูกสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยกรณีการคงไว้ซึ่งหุ้นส่วน และยังคงเป็นผู้ถือหุ้น และเจ้าของ หจก.บุรีเจริญคอนสตรัคชั่น โดยวันพรุ่งนี้ จะเป็นการยื่นคำร้องตามรัฐธรรมนูญมาตรา 144

ซึ่งก่อนหน้านี้ พรรคร่วมฝ่ายค้านเคยยื่นต่อประธานสภาฯ มาแล้ว พร้อมกับคำร้องมาตรา 170 และมาตรา 82 ที่มีผลให้นายศักดิ์สยามถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ แต่เนื่องจากฝ่ายกฎหมายของสภาฯ ตีความว่าความผิดตามมาตรา 144 นั้น ไม่อยู่ในอำนาจของประธานสภาฯ ที่จะยื่น ทางพรรคก้าวไกลและพรรคประชาชาติ จึงร่วมกันร่างคำร้องและรวบรวมรายชื่อ ส.ส. จำนวน 1 ใน 10 ของ ส.ส. ทั้งหมด เพื่อยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญโดยตรง

‘ชูวิทย์’ บุก กกต. ยื่นสอบ ‘ภท.’ ปมรับเงินบริจาค มั่นใจ!! หลักฐานแน่น ยุบพรรคได้ 100%

(17 มี.ค. 66) ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ยื่นคำร้องให้ กกต. ตรวจสอบการรับบริจาคเงินของพรรคภูมิใจไทยเข้าข่าย ขัดมาตรา 72 ของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองหรือไม่ และให้ กกต.พิจารณายื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อยุบพรรคภูมิใจไทย

โดยนายชูวิทย์ ได้ตั้งโต๊ะแถลงว่า ตามมาตรา 72 ห้ามมิให้พรรคการเมืองและผู้ดำรงตำแหน่งในพรรคการเมืองรับบริจาคเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด โดยรู้หรือควรจะรู้ว่าได้มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายหรือมีเหตุอันควรสงสัยว่า มีแหล่งที่มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งการที่นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม โอนหุ้นใน หจก.บุรีเจริญคอนสตรัคชั่น ประมาณ 190 ล้าน ให้ นายศุภวัฒน์ เกษมสุทธิ์ เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่แทนนั้น ไม่ได้เป็นการโอนหุ้นจริง เพราะจากการตรวจสอบนายศุภวัฒน์ไม่มีรายได้ ไม่มีการยื่นเสียภาษี จึงถือเป็นการโอนหุ้นให้นอมินีที่เป็นพนักงานในบริษัทถือแทน โดยที่นายศักดิ์สยามยังเป็นเจ้าของบริษัทดังกล่าว และการที่บริษัทดังกล่าว ได้รับงานจากกระทรวงคมนาคม ซึ่งนายศักดิ์สยาม ดำรงตำแหน่ง รมว.คมนาคมอยู่นั้น จึงเป็นการรู้อยู่แล้ว แต่ใช้ตำแหน่งหน้าที่ให้บริษัทดังกล่าวได้รับงานกว่า 104 โครงการ 1,500 ล้านบาท โดยมอบอำนาจให้นอมอนี นำเงินที่ได้บริจาคให้พรรคภูมิใจไทยหลายครั้ง เงินดังกล่าวจึงได้มาโดยมิชอบ

ดังนั้น นายศักดิ์สยาม ในฐานะเลขานุการพรรคภูมิใจไทย จึงรู้หรือควรรู้อยู่แล้วว่าเงินมาจากไหน ทั้งนี้การนายศักดิ์สยามและพรรคภูมิใจไทยรับเงินบริจาคจาก หจก.บุรีเจริญคอนสตรัคชั่น และนายนายศุภวัฒน์ จึงเข้ามาตรา 72 ซึ่งเปรียบเหมือนต้นไม้พิษ ผลไม้ก็เป็นพิษ

นายชูวิทย์ กล่าวอีกว่า โดยหลักฐานที่ตนยื่นให้ กกต.ในวันนี้ มีทั้งหมด 8 รายการ ประกอบด้วย บัญชีรายชื่อผู้บริจาคให้พรรคภูมิใจไทย, สำเนาคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญ, สำเนาการแจ้งบัญชีทรัพย์สินของนายศักดิ์สยาม, งบการเงินของบริษัทศิลาชัย บุรีรัมย์ (1991), งบการเงินของ หจก.บุรีเจริญคอนสตรัคชั่น, สำเนาโอนหุ้นของนายศักดิ์สยาม, สัญญากรมทางหลวง และรายชื่อบริษัทที่มีสถานะร้าง


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top