Saturday, 11 May 2024
วิชัยทองแตง

ชวนส่องธุรกิจ ‘วิชัย ท่องแตง’ นักกฎหมายที่มั่งคั่งจากการลงทุน จนได้ฉายา ‘พ่อมดตลาดหุ้น’

เมื่อเอ่ยถึง ‘วิชัย ทองแตง’ ผู้คนในแวดวงนักลงทุน น้อยคนนักที่จะไม่รู้จัก เพราะถือเป็นนักธุรกิจและนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จ และสร้างความมั่งคั่งจากตลาดหุ้น ที่คนส่วนใหญ่ให้การยอมรับ จนครั้งหนึ่งเคยได้รับฉายาว่า ‘พ่อมดตลาดหุ้น’ มาแล้ว

แม้ระยะหลังได้ลดดีกรีการลงทุนในตลาดหุ้นลง พร้อมผ่องถ่ายธุรกิจหลาย ๆ อย่าง ส่งต่อไปให้ทายาทสานต่อ เพราะตนเองมีเป้าหมายใหม่ นั่นคือ การใช้ประสบการณ์และความรู้ เข้าไปช่วยปั้นบริษัทสตาร์ตอัปไทยให้ประสบความสำเร็จ

ขณะที่ปัจจุบัน คุณวิชัย ยังถือครองหุ้นและลงทุนในธุรกิจใดบ้าง ไปดูตัวอย่างกัน!!

‘วิชัย ทองแตง’ เผยแผนดำเนินชีวิตในวัย 76 ปี ทิ้งฉายา ‘พ่อมดตลาดหุ้น’ สู่นักปั้นธุรกิจสตาร์ตอัป

ในวัย 76 ปี ชื่อของ ‘วิชัย ทองแตง’ กำลังจะกลับมาโลดแล่นอีกครั้ง หลังจากหลายปีที่ผ่านมา ค่อนข้างเงียบหายไป จากอดีตที่เคยโด่งดังในยุคของการเป็นทนายมือทอง และเข้าสู่แวดวงตลาดหุ้น มีการ ‘เทกโอเวอร์กิจการ’ จนกลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ เป็นเจ้าของธุรกิจหลายอย่าง

มาถึงวันนี้ ในวันที่หันหลังให้กับฉายา ‘เจ้าพ่อตลาดหุ้น’ แล้ว ฉากและชีวิตจะก้าวไปอย่างไร มาลองฟังมุมมองและแพชชันใหม่ ๆ ที่ ‘วิชัย ทองแตง’ ตั้งใจผลักดันกัน

>> ลุยปั้นคน-ไม่เน้นสร้างเวลท์
“new chapter ของผมต่อจากนี้ คือ สร้างคนเป็นหลัก ไม่เน้นสร้างเวลท์ (ความมั่งคั่ง) เหมือนก่อนแล้ว” อดีตเจ้าพ่อตลาดหุ้น ประกาศจุดยืนใหม่ของตัวเอง

วิชัยบอกว่าปัจจุบันตนไม่ใช่เซียนหุ้นแล้ว และไม่อยากจะให้ภาพตัวเองเป็นพ่อมดตลาดหุ้น หรือเป็นนักลงทุนขาใหญ่เหมือนในอดีต เพราะตนคิดว่าก้าวข้ามจากส่วนนั้นมาแล้ว โดยปัจจุบันได้โอนทรัพย์สินแบ่งให้ลูก ๆ ไปเกือบหมดแล้ว และวางมือจากธุรกิจเดิม ลาออกจากประธานกรรมการโรงพยาบาลพญาไท เพื่อขอออกมาทำตาม ‘passion’ ของตัวเอง นับตั้งแต่ตอนอายุ 70 ปี หรือตั้งแต่ราว 6 ปีก่อน ปัจจุบันรับบทเป็นเพียงที่ปรึกษาในแต่ละธุรกิจเท่านั้น

>>ดันสตาร์ตอัปเข้าตลาดหุ้น
“ตอนนี้ new chapter ของผมเป็นคนเก่าในชีวิตใหม่ ที่เริ่มต้นเมื่อตอนอายุ 70 ปี คือ ผมอยากมีภาพเป็น ‘นักปั้นหุ้น’ มากกว่า” วิชัยบอก พร้อมอธิบายว่า การปั้นหุ้น ก็คือ การปลุกปั้นบริษัทที่จะเข้าตลาดหุ้น โดยเฉพาะธุรกิจสตาร์ตอัปของเด็กรุ่นใหม่ ที่เดินทางมาถึงจุดหนึ่งแล้วไปต่อไม่ได้ โดยตนจะเปิดโอกาสให้คนเหล่านี้เข้ามาคุยและวางแผนอนาคตร่วมกัน ซึ่งความตั้งใจของตนเองในช่วงชีวิตที่เหลืออยู่ จะต้องสร้างยูนิคอร์นตัวใหม่ให้ได้

“ตอนนี้เด็ก ๆ ให้ฉายาผมว่า ‘godfather of startup’ หรือแปลเล่น ๆ ว่า ‘พ่อทูนหัว’ ฉะนั้น new chapter ของผมต่อจากนี้ คือสร้างคนเป็นหลัก ไม่เน้นสร้างเวลท์เหมือนก่อนแล้ว” วิชัยกล่าว

โดยที่ผ่านมา ได้เฟ้นหาเด็กรุ่นใหม่ที่มีความกระหายอยากทำธุรกิจ แต่ที่สำคัญต้องมีคุณธรรมด้วย ซึ่งตรงนี้นับเป็นข้อกำหนดที่ร่วมธุรกิจกับทาง ‘บิทคับ’ ด้วย ว่าตนขอทำแค่ส่วนที่เกี่ยวกับบล็อกเชน และดิจิทัลทรานส์ฟอร์มเท่านั้น ส่วนที่เป็นคริปโตเคอร์เรนซี พวกการเทรดต่าง ๆ จะไม่ยุ่ง

>>โฟกัสธุรกิจ ‘เมกะเทรนด์’
สำหรับประเภทธุรกิจที่ให้ความสำคัญ วิชัยกล่าวว่าจะเป็น ‘เมกะเทรนด์’ นอกจากเรื่องเทคโนโลยีบล็อกเชนแล้ว ก็ยังมีธุรกิจคาร์บอนเครดิต ซึ่งเตรียมจะเปิดตัวแถลงข่าวใหญ่ ในเร็ว ๆ นี้ที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยบริษัทนี้ จะมีความเชี่ยวชาญในการออกแบบการเคลมคาร์บอนเครดิตได้สูงขึ้น และมีตลาดรองรับ ซึ่งจะเป็นธุรกิจที่จะช่วยแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ได้เป็นอย่างดี

ต่อมาธุรกิจ BCG (เศรษฐกิจชีวภาพ (bio economy) เศรษฐกิจหมุนเวียน (circular economy) และเศรษฐกิจสีเขียว (green economy) ที่รับซื้อพลาสติก ซึ่งจะดำเนินการเป็น 2 แบบ คือ 1.) เม็ดพลาสติกรีไซเคิล และ 2.) กลั่นออกมาเป็นน้ำมัน ซึ่งธุรกิจแบบนี้มีความจำเป็นกับประเทศไทยตอนนี้มาก

ขณะที่ธุรกิจเกี่ยวกับการกำจัดขยะอิเล็กทรอนิกส์ หรือขยะติดเชื้อ ซึ่งทุกวันนี้ยังมีคนทำน้อย โดยตนกำลังปั้นบริษัทแบบนี้ ซึ่งจะเป็นธุรกิจใหม่ที่เติบโตและยิ่งใหญ่ได้ ไม่เพียงแค่ในประเทศ แต่หากินในต่างประเทศได้ด้วย

ส่วนธุรกิจที่ใช้ AI ก็สนใจ ซึ่งก็มีสตาร์ตอัปรายหนึ่งที่น่าสนใจ สามารถบริหารโหลดสำหรับการชาร์จไฟฟ้าของรถอีวี เพราะรถอีวีเวลาชาร์จไฟครั้งหนึ่งเท่ากับติดแอร์พร้อมกัน 10 ตัว ทำให้โหลดกระชากมาก

“ลองคิดดูเล่น ๆ ถ้าคนไทยทั้งประเทศใช้ไฟพร้อมกัน หม้อแปลงจะอยู่ได้ไหม ตอนนี้ไม่มีใครคิด แต่ผมไปเจอสตาร์ตอัปเด็กไทยคนหนึ่ง ไปประกวดระดับโลกได้ที่ 29 เขาทำสิ่งนี้อยู่ ผมพาเขา เข้าไปพรีเซนต์กับการไฟฟ้าแล้ว ธุรกิจพวกนี้คอยไม่ได้ เพราะกระแสอีวีเข้ามาเร็ว” วิชัยกล่าว

นอกจากนี้ ยังสนใจเกี่ยวกับ smart farmer โดยกำลังปั้นบริษัทบริหารฟาร์ม สร้างโมเดลเกษตรกรหัวขบวนอยู่ โดยสตาร์ตอัปรายนี้นอกเหนือบริหารฟาร์มแล้วยังสามารถค้นหาดีมานด์และซัพพลายให้มาเจอกันได้ ซึ่งสามารถช่วยลดขั้นตอนพ่อค้าคนกลางออกไปได้

“ตอนนี้บริษัทที่ว่านี้ เพิ่งทำ ‘กระดานเทรดข้าว’ ที่จังหวัดร้อยเอ็ด เสร็จเรียบร้อยไปเมื่อ 3 เดือนก่อน” วิชัยกล่าว

อย่างไรก็ตาม ที่ปรึกษาโรงพยาบาลพญาไท ย้ำว่า ตนและลูก ๆ ก็ไม่ได้ทิ้งธุรกิจด้านสุขภาพ (healthcare) เพราะเป็นธุรกิจที่มีความมั่นคงสูงมาก

>>ดันสตาร์ตอัปเข้าตลาดหุ้น
สำหรับปีนี้วิชัยคาดว่าจะผลักดันบริษัทสตาร์ตอัปเข้าตลาดหุ้นได้ ประมาณ 2 บริษัท โดยตนจะไม่ถือหุ้นใหญ่เกิน 50% อาจจะถือหุ้นแค่ 20-30% และไม่เข้าไปบริหาร

“ผมต้องการให้สตาร์ตอัปเกิด ฉะนั้น ไม่ต้องกลัวว่าจะถูกเทกโอเวอร์” วิชัยกล่าว

>>สูตรเลือกสตาร์ตอัป
วิชัยกล่าวว่า การเลือกสตาร์ตอัปที่จะนำมาปั้นนั้น ตนมีผู้เชี่ยวชาญกว่า 50 คน ที่อยู่ในเครือข่าย ที่มีหน้าที่วิเคราะห์ธุรกิจให้ เพราะทุกวันนี้สตาร์ตอัปเข้ามาหามาก เพราะ pain point ของสตาร์ตอัป คือการเข้าถึงแหล่งทุน ซึ่งเด็กที่เข้ามาจะต้องตอบคำถามให้ได้ว่า what’s next ? คืออะไร มีแผนธุรกิจต่อไปอย่างไร มีแผน 5-10 ปีหรือไม่ ต้องการเพิ่มทุนอย่างไร ซึ่งเป็นคำถามที่เป็นหัวใจของเรื่องนี้

“ผมมีสูตรเลือกสตาร์ตอัป คือ ขอให้มี 2G ก่อน G แรกคือ growth ต้องมีการเติบโต รายได้มากน้อยไม่ว่ากัน และ G ที่สอง คือ gain ต้องมีกำไร เพราะนั่นแปลว่าเข้าใจวิธีการบริหารและต้นทุนธุรกิจดี ถ้ามี 2G แล้ว ผมก็ไม่ต้องเหนื่อยมาก จากนั้นก็จะหาช่องทางระดมทุน หรือแนะนำกลุ่มเวนเจอร์แคปปิตอล (VC) พร้อมทั้งช่วยวางแผนทางการเงินให้ด้วย” วิชัยกล่าว

“นอกจากนี้ ทุกคนที่เข้ามา ต้องปฏิญาณ 3 ข้อ คือ 1. ไม่ใช้เทคโนโลยีเพื่อโกง หรือหลอกลวงผู้อื่น 2. เรียนรู้เทคโนโลยีเพื่อสร้างสรรค์สังคมที่ดีมีคุณธรรม และ 3. แบ่งปันความรู้และโอกาสให้แก่ผู้ที่ด้อยกว่า” เดอะ ก็อด ฟาร์เธอส์ นักปั้นสตาร์ตอัปกล่าวทิ้งท้าย

ที่มา: prachachat

‘วิชัย ทองแตง’ กูรูตลาดหุ้น ผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุน เผยมุมมองตลาดหุ้นไทย ในช่วงครึ่งปีหลัง 

วิชัย ทองแตง อดีตพ่อมดตลาดหุ้นไทย ซึ่งในปัจจุบันนั้นได้นั่งเป็นที่ปรึกษาให้กับเครือโรงพยาบาลพญาไทและเปาโล ได้ออกมาให้คำแนะนำนักลงทุน โดยเฉพาะ “แมงเม่า” หรือสาย Day-Trade ที่เล่นหุ้นตามกระแส ว่าจะต้องทำตัวยังไงบ้าง กับตลาดหุ้นไทยในช่วงนี้ที่มีความผันผวนสูง 

มุมมองตลาดหุ้นไทยช่วงครึ่งหลังปี 2566
วิชัยเล่าว่า ก็ศึกษาอยู่นะครับ คือตอนนี้มีปัจจัยภายนอกที่จะมีส่วนกระทบกลับเข้ามาที่ตลาดหุ้นไทยอยู่เรื่อย ๆ ด้วยปัจจัยอย่างที่พวกเราทราบกันอยู่ ผมก็ยังแปลกใจอยู่ เอ๊ะทำไมแบงก์ล้มที่อเมริกาแค่ 2-3 แบงก์ มีผลกระทบได้มากขนาดนี้ เวลาเขาขึ้นดอกเบี้ยที ตลาดหุ้นก็ตกที พลังงานที่มีราคาแพงขึ้น เป็นต้นทุนที่พวกเราหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ความจริงมีคนแค่บางกลุ่มที่ทำให้เกิดปัญหาเรื่องพลังงาน ก็คือการรบราฆ่าฟันกันระหว่างรัสเซียกับยูเครน ฉะนั้น ถ้าจะพูดกันตามตรงก็คือว่า สถานการณ์หุ้นบ้านเรายังไม่น่าไว้วางใจ

ในช่วงนี้ นักลงทุน Day-Trade ต้องทำตัวยังไง
ความจริง เวลาผมเข้าไปบรรยายในคลาสบางคลาสที่เป็นคนรุ่นใหม่ที่สนใจเรื่อง Investment ผมก็จะแนะนำเสมอว่า 1.ต้องอ่านเทรนด์ของธุรกิจให้ชัดเจน แต่ที่สำคัญคือต้องขยันที่จะอ่านวิเคราะห์ของ Researcher บาง house วิเคราะห์ได้เยี่ยมมาก แต่หลาย house ที่เขียนมั่ว แต่ผมคิดว่าพวกเราอ่านก็คงจะพอเข้าใจ บาง house เขียนบทวิเคราะห์ได้ดีมาก พวกนี้เขามีหน้าที่วิเคราะห์หุ้นให้เราอยู่แล้วครับ แต่เนื่องจากผมโชคดีผมมีนักวิเคราะห์อีก 50 คนที่จะช่วยคัดกรองให้ เวลาผมบรรยายผมก็พูดแค่เตือนสติคือที่ผ่านมาผมก็เล่นหุ้นตามกระแส ผมถึงเรียกตัวเองว่า “แมงเม่า” ผมไม่อายที่มีคนเรียกผมว่าแมงเม่าในยุคก่อนนะ แต่แมงเม่าส่วนใหญ่มักจะเล่นหุ้นตามกระแส Day Trade นี้กระแสล้วน ๆ เลย บางคน Insight ก็มีความเสี่ยง ใช่มะ ฉะนั้น ต้องอ่านบทวิเคราะห์

หุ้นไทยจะกลับมามีเสน่ห์ได้อย่างไร
ฟันด์โฟลว์เป็นเรื่องวิถีธรรมชาติของนักลงทุน ไปเดี่ยวก็กลับมา แต่ว่าแน่นอนเราต้องให้เห็นว่าตลาดหุ้นเรามีการ คือพูดง่าย ๆ ต้องตรวจสอบเรื่องความโปร่งใสให้เยอะ ซึ่ง ก.ล.ต.เขาทำอยู่แล้ว ดูเรื่องความโปร่งใสเป็นหลัก คือถ้าตลาดหุ้นโปร่งใสและมีผลประกอบการที่ดี นักลงทุนก็ไหลกลับเข้ามาอยู่แล้วละครับ วันนี้เขาอาจจะ move ไปอินโดฯ อาจจะ move ไปเวียดนาม เดี่ยววันหนึ่งเขาก็กลับมา ประเทศไทยวันข้างหน้าเราอาจจะเป็น center ของ EV ในภูมิภาคนี้ก็ได้ แต่ถ้าจะ EV แน่นอนจะต้องคิดไว้ล่วงหน้า

“New Chapter ของผมก็คือ สร้างคนเป็นหลัก ไม่ได้สร้างเวลธ์ ไม่ได้เน้นสร้างเวลธ์เหมือนก่อนแล้ว”

“คนที่จะเข้ามาเรียนรู้จากผมต้องปฏิญาณ 3 ข้อ
อันนี้เป็นข้อกำหนดที่ผมกำหนดขึ้นเอง คิดขึ้นเอง”

นายวิชัย ทองแตง
นักธุรกิจผู้ประสบความสำเร็จ 
กล่าวไว้ในการให้สัมภาษณ์กับ ประชาชาติธุรกิจ

'วิชัย ทองแตง' ปั้นภาคีเครือข่าย 'รัฐ-เอกชน' ดึงกว่า 50 องค์กร ร่วมใจพลิกเชียงใหม่ไร้ฝุ่น PM 2.5

'หยุดเผา เรารับซื้อ' หนึ่งในยุทธศาสตร์ที่ 'ภาคีเครือข่ายเชียงใหม่ ร่วมใจขจัด PM 2.5 และลดโลกร้อน' ผ่านการร่วมกันคิดและทำให้สำเร็จ ด้วยการรับซื้อซังข้าวโพดจากเกษตรกร สกัดการเผาทำลายซังข้าวโพด อันเป็นสาเหตุสำคัญที่เกิด PM 2.5 โดยนำมาแปรรูปเป็นชีวมวลอัดแท่งส่งไปสู่ระบบคาร์บอนเครดิต ด้วยมาตรฐานระดับโลกที่โรงงานต่าง ๆ ทั่วโลก ที่พร้อมจะรับซื้อต่อไปได้

(12 ก.ค.66) ณ หอประชุมเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ นายชัชวาลย์ ปัญญา รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า “ผมได้ร่วมหารือกับทุกภาคส่วนและกำหนดเป็นวาระเร่งด่วน สำคัญที่สุดในอันที่จะแก้ปัญหานี้ให้ได้ เพื่อปลดเปลื้องความทุกข์ร้อนของพี่น้อง ลูกหลานเราโชคดีเหลือเกินที่เรามีภาคีเครือข่ายที่เข้มแข็ง เกิดการร่วมแรงร่วมใจที่ทรงพลังอย่างยิ่ง อย่างที่ไม่เคยปรากฏเหมือนที่ใดมาก่อนเหมือนในวันนี้”

นายพิชัย เลิศพงศ์อดิศร นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า “พวกเราประจักษ์รู้ในความเป็นจริงกันทุกคนว่าแท้จริงแล้ว มันเกิดจากฝีมือมนุษย์เราเอง การเผาป่า เรือกสวน กิ่งไม้ ไร่นา เพื่อพลิกฟื้นผืนดินทำกินของพวกเรากันเอง นั้นเกิดประโยชน์มหึมาแต่ก็เกิดโทษมหาศาล ทางอบจ.เราเองได้จัดงบลงไปปีละหลายสิบล้าน เพื่อแก้ไขปัญหา PM 2.5 บรรเทาทุกข์ให้กับชาวเชียงใหม่ ในวันนี้ถือเป็นนิมิตหมายที่ดี ที่ชาวเชียงใหม่จัดตั้งเป็นภาคีเครือข่าย ซึ่งถือเป็นการแสดงครั้งสำคัญของพวกเรา” 

ด้าน คุณวิชัย ทองแตง นักธุรกิจผู้มีแรงบันดาลใจที่มุ่งหวังให้ จ.เชียงใหม่และภาคเหนือปลอด PM 2.5 ได้กล่าวว่า “ภาคีเครือข่ายนี้ถือเป็นการแสดงพลังของชาวเชียงใหม่ พวกเราต้องเป็นแกนนำผลักดันการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM 2.5 ของเชียงใหม่และของประเทศไทย อยู่ที่ทุกท่านร่วมมือร่วมใจกันเดินหน้าไปพร้อมกันในวันนี้ และถือเป็นครั้งแรกที่วันนี้ได้มารวมตัวกัน แม้ผมจะเป็นผู้ริเริ่มแต่การผลักดันให้สำเร็จก็อยู่ที่ท่านทุกคน และผลของความสำเร็จก็จะตกอยู่ที่ชาวเชียงใหม่และประเทศชาติของเรา”

ด้าน ผศ.วีระชัย ลิ้มพรชัยเจริญ ที่ปรึกษาโครงการบริษัท ชีวมวลอัดเม็ด จอมทอง จำกัด กล่าวว่า “ผมเล็งเห็นว่าการที่เกิดปัญหา PM 2.5 เยอะขนาดนี้ แสดงว่าชีวมวลก็เยอะเช่นกัน ทีมงานจึงได้ลงสำรวจพื้นที่ในการแก้ปัญหาเพื่อเสริมแหล่งผลิตชีวมวล ในการรักษาสภาพแวดล้อม โดยเริ่มต้นที่ อ.จอมทอง เพื่อเปลี่ยนเศษซากทางการเกษตร พร้อมขยายเพิ่มอีก 3 จุดในภาคเหนือ โดยนำไปใช้ในอุตสหกรรม เพื่อพลังงานทดแทนสะอาด เป็นชีวมวลอัดเม็ดพร้อมคาดหวังให้ประชาชน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีรายได้กระจายสู่ชุมชน ถือเป็นความพยายามของภาคเอกชนโดย บริษัท ชีวมวลอัดเม็ด จอมทอง จำกัด ยินดีให้ความร่วมมือกับภาคีเครือข่ายเชียงใหม่เพื่อลดปัญหา PM 2.5 ให้ได้อย่างยั่งยืน”

ดร.ก้องเกียรติ สุริเย ผู้เชี่ยวชาญด้านคาร์บอนเครดิต กล่าวว่า “ผมพร้อมเชื่อมโยงธุรกิจคาร์บอนเครดิตมาช่วยจังหวัดเชียงใหม่ แก้ปัญหา PM 2.5 เพื่อสิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน นับเป็นอีกช่องทางสนับสนุนโดยนำธุรกิจเข้ามาสร้างเม็ดเงินสู่ภาครัฐและภาคประชาชนให้มีรายได้เพียงพอที่จะสามารถกลับมาคิดพร้อมพัฒนาช่วยเรื่องของสิ่งแวดล้อมในเชียงใหม่ได้ ซึ่งประเด็นในเรื่องของคาร์บอนเครดิต ที่เกิดมาจากสภาวะโลกร้อน คือการที่ทำให้เกิดก๊าซเรือนกระจกมากเกินไป โชคดีที่ประเทศไทยตระหนักในเรื่องของคาร์บอนเครดิตมีการพัฒนากันอย่างต่อเนื่อง ส่วนนี้จึงเป็นที่มาของการเอาคาร์บอนเครดิตมาช่วยสร้างธุรกิจ และเอาธุรกิจนั้นมาสร้างเม็ดเงินป้อนกลับมาสู่จังหวัดเชียงใหม่ แล้วทำให้จังหวัดเชียงใหม่นั้นมีรายได้มากขึ้น เพื่อนำเม็ดเงินนั้นไปพัฒนาสิ่งแวดล้อมแก้ปัญหา PM 2.5 นั้นให้ดีขึ้น โดยสิ่งที่ทางภาคีเครือข่ายต้องโฟกัสคือการจัดการขยะทางการเกษตร และการดูแลรักษาป่าเพื่อธุรกิจและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน”

หลังจากนั้นได้มีการเสวนาในหัวข้อ เราจะร่วมใจกันอย่างไรให้เชียงใหม่หมด PM 2.5 โดยมีผู้เข้าร่วมได้แก่ คุณชัชวาลย์ ปัญญา รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ , คุณพิชัย เลิศพงศ์อดิศร นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ , คุณพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ กรรมการ บริษัท แอทเซส เวิล์ด คอเปอร์เรชั่น จำกัด (มหาชน) อดีตปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา อดีตอธิบดีกรมสรรพสามิต , คุณอนุชา มีเกียรติชัยกุล รองประธานสภาอุตสาหกรรมภาคเหนือ , ดร.ณรงค์ชัย ชลภาพ หัวหน้าฝ่ายธุรกิจคาร์บอน องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ , คุณชนนิกานต์ สุพิทยาพร นางสาวไทย ประจำปี 2566 , ผศ.วีระชัย ลิ้มพรชัยเจริญ ที่ปรึกษาโครงการบริษัท ชีวมวลอัดเม็ด จอมทอง จำกัด พร้อมฟังความคิดเห็นจากภาคีเครือข่าย นับเป็นการแสดงพลังครั้งยิ่งใหญ่ของภาคีเครือข่ายที่น่าประทับใจ และพร้อมที่จะพลักดัน หยุดเผา เรารับซื้อ ให้สัมฤทธิ์ผลเป็นลำดับต่อไป

สนใจนำเศษซาก ตอซังข้าวโพด เข้าร่วมโครงการ หยุดเผา เรารับซื้อ ของบริษัท ชีวมวลอัดเม็ด จอมทอง จำกัด สอบถามรายละเอียดได้ที่ 0934165953

BullMoon Exclusive เปิดหลักสูตรการลงทุน รุ่น 2 ไขความลับความมั่งคั่งผ่าน Passion โดย ‘วิชัย ทองแตง’

#ประชาสัมพันธ์ #ขยายกำแพงแห่งการลงทุน

#วิชัยทองแตง
หลายคนคุ้นชื่อนักลงทุนหมื่นล้านชื่อดัง ที่ผันตัวจากทนายความสู่นักลงทุน จนได้ฉายาว่า ‘พ่อมดตลาดหุ้น’ ท่านนี้

คุณวิชัย ลงทุนและบริหารบริษัทมหาชนหลายบริษัท ถือเป็นหนึ่งในผู้มีอิทธิพลและเป็นที่เคารพของคนในวงการมายาวนาน

แต่ในช่วงหลายปีมานี้ งานและการลงทุนของคุณวิชัยได้เปลี่ยนไปด้วย Passion ใหม่ ท่านออกจากงานบริหารในหลายบริษัท เพื่อมาโฟกัสใน Passion ใหม่นี้ 

ในหลักสูตร BullMoon Exclusive รุ่น 2 เราจะได้ฟังวิสัยทัศน์ และแนวคิดในการลงทุนใหม่ๆ ของคุณวิชัย ซึ่งจะมีโอกาสอะไรบ้าง ที่คุณวิชัยเห็น และจะมาแบ่งปันให้เราแบบ Exclusive รอฟังได้เลยในรุ่นนี้เลย

ดูรายละเอียดได้ที่ 👉 https://bit.ly/3Ybxkqn

มาเปิดโลก เปิดโอกาสการลงทุน ในหลักสูตร BullMoon Exclusive 

#รุ่น2เปิดรับสมัครแล้ว
เริ่มเรียน 17 ส.ค.นี้

สอบถามหรือขอความช่วยเหลือ
🟢 Line : @‌stock2morrow
📞 โทร : 09 0980 2196
-----
#BullMoonExclusive #BridgeYourInvestment #หุ้น #อสังหาฯ #digitalassets

‘อีอีซี’ ผนึกกำลัง ‘บิทคับ เวิลด์เทค’ ลงนาม MOU พัฒนาพื้นที่อีอีซี ก้าวสู่ศูนย์กลางแข่งขัน e-Sport

(30 พ.ย. 66) ดร.จุฬา สุขมานพ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก 
(สกพอ.) หรืออีอีซี ได้ร่วมลงนาม บันทึกข้อตกลงความร่วมมือ เรื่อง การส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาศักยภาพทางด้านเทคโนโลยีดิจิทัลในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ระหว่าง สกพอ. และบริษัท บิทคับ เวิลด์เทค จำกัด โดย นายวิชัย ทองแตง ผู้ร่วมก่อตั้ง บิทคับ เวิลด์เทค และ นายสกลกรย์ สระกวี ประธานบริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด ร่วมลงนาม โดยมีนายจิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด และนายก่อกิจ ด่านชัยวิจิตร รองเลขาธิการ อีอีซี เป็นพยาน พร้อมด้วยผู้บริหารจากทั้งสองฝ่ายเข้าร่วม ณ สำนักงานอีอีซี ชั้น 25 อาคารโทรคมนาคม กรุงเทพฯ

ดร.จุฬา สุขมานพ เลขาธิการ อีอีซี เปิดเผยว่า การลงนาม MOU กับ บิทคับ เวิลด์เทค ในครั้งนี้ อีอีซี ได้สร้างความร่วมมือกับภาคเอกชนที่มีศักยภาพ และความเชี่ยวชาญด้านการใช้เทคโนโลยีขั้นสูงที่เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล หรือ Digital Transformation เพื่อส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพด้านเทคโนโลยีดิจิทัล ซึ่งเป็นฐานสำคัญผลักดันการลงทุนคลัสเตอร์ดิจิทัล ที่เป็นอุตสาหกรรมเป้าหมายหลักของอีอีซี โดยเกิดความร่วมมือ 3 ส่วนสำคัญ ได้แก่ การพัฒนาที่เกี่ยวข้องกับกีฬา e-Sport ซึ่งเป็นที่นิยมสูงของโลก สนับสนุนให้อีอีซีโดยเฉพาะในโครงการศูนย์ธุรกิจและเมืองใหม่อัจฉริยะ เป็นพื้นที่ศึกษาและส่งเสริมให้เกิดการแข่งขันระดับสากล ที่จะดึงดูดการลงทุนอุตสาหกรรมกีฬา และ e-Sport การส่งเสริมระบบนิเวศการลงทุนที่เหมาะสมให้กลุ่มธุรกิจ Startup เพื่อให้เกิดกลุ่มธุรกิจแห่งอนาคต (Future Business Cluster) และการสนับสนุนให้ความรู้ด้านดิจิทัลให้แก่ผู้ประกอบกิจการในพื้นที่อีอีซี ซึ่งจะส่งเสริมให้อีอีซี เป็นพื้นที่แห่งอนาคต ดึงดูดและรับกิจกรรมการลงทุนด้านดิจิทัลได้อย่างต่อเนื่อง  

นายจิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด กล่าวว่า Digital Transformation เป็นการนำเทคโนโลยีเข้ามาเปลี่ยนแปลงการประกอบธุรกิจให้มีศักยภาพในการแข่งขันในสภาพตลาดในปัจจุบัน ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดและรวดเร็ว รวมถึงมีความสำคัญอย่างมากต่อผู้ประกอบธุรกิจที่จำเป็นต้องปรับตัวตาม เพื่อช่วงชิงโอกาสและสามารถใช้พัฒนาการประกอบธุรกิจให้เติบโตได้มากขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่ อีอีซี ซึ่งเป็นพื้นที่ที่รัฐบาลให้ความสำคัญและมีศักยภาพในรองรับการลงทุนของนักลงทุนชาวไทยและชาวต่างประเทศ ความร่วมมือฯ ในครั้งนี้ จึงมีความสำคัญต่อการช่วยพัฒนาและยกระดับธุรกิจการค้าการลงทุนในเขตพื้นที่นี้ให้ขยายขีดความสามารถ รวมถึงส่งเสริมให้คนในประเทศมีความสามารถที่จะแข่งขันในระดับสากล และดึงดูดนักลงทุนให้เข้ามาลงทุนในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก

นายวิชัย ทองแตง ผู้ร่วมก่อตั้ง บิทคับ เวิลด์เทค กล่าวว่า บิทคับ เวิลด์เทค เป็นบริษัทที่มุ่งพัฒนาศักยภาพของคนไทยให้มีความรู้และมีทักษะที่เหมาะสม สามารถยกระดับคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น โดยนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในการสร้างการเปลี่ยนแปลง ซึ่งความร่วมมือระหว่างบิทคับ เวิลด์เทค กับ สกพอ. ในครั้งนี้ ถือเป็นโอกาสสำคัญที่จะได้ใช้ความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีบล็อกเชน (Blockchain Technology) และปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) รวมถึงความเชี่ยวชาญทางด้านกีฬาอิเล็กทรอนิกส์ (e-Sport) เข้ามาพัฒนาทักษะการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจและวางระบบโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล (Digital Infrastructure) ในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ซึ่งเป็นการนำดิจิทัลมาใช้เปลี่ยนแปลงการประกอบธุรกิจ (Digital Transformation) เพื่อให้เศรษฐกิจภาคตะวันออกเกิดการขยายตัวมากยิ่งขึ้น

ด้านนายสกลกรย์ สระกวี ประธานบริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป กล่าวว่า ความร่วมมือฯ ในครั้งนี้ เป็นไปตามเจตนารมณ์ของบิทคับ เวิลด์เทค ที่มีเป้าหมายเพื่อ ‘สร้างโอกาส สร้างอาชีพ สู่โลกอนาคต’ โดยใช้ความเชี่ยวชาญและความพร้อมด้านเทคโนโลยีต่างๆ มาช่วยพัฒนาอุตสาหกรรมเป้าหมายด้านดิจิทัลภายในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก รวมถึงการพัฒนาองค์ความรู้ด้าน Digital Transformation ให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจให้มีศักยภาพในการแข่งขันมากยิ่งขึ้น และจะได้ใช้องค์ความรู้ที่บิทคับ เวิลด์เทคมีร่วมพัฒนาทำประโยชน์ให้ประเทศชาติไปพร้อมกับหน่วยงานภาครัฐ โดยพร้อมให้การสนับสนุนความร่วมมือนี้อย่างเต็มที่ รวมถึงความร่วมมืออื่นๆ ที่จะมีขึ้นต่อไปในอนาคต 

‘วิชัย ทองแตง’ เดินหน้าขจัดฝุ่นพิษ เล็งสร้างโรงงานชีวมวลอัดเม็ดทั่วภาคเหนือ  หวังสกัดการเผา - เปลี่ยนเศษซากการเกษตรให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมยิ่งขึ้น

เมื่อวานนี้ (23 ธ.ค.66) จากเฟซบุ๊ก ’Akom Suwanganta‘ ได้โพสต์ข้อความระบุว่า…

‘วิชัย ทองแตง’ Godfather of Startup - SMEs และบทบาทแก้ปัญหา PM 2.5 ด้วยโมเดลหยุดเผาเรารับซื้อ ลุยสร้างโรงงานชีวมวลอัดเม็ด 3,500 ล้านบาททั่วภาคเหนือ 

“ผมต้องมาเชียงใหม่บ่อยขึ้น เพราะวางภารกิจสำคัญในสิ่งที่ตัวเองทำได้ คือการเป็นส่วนหนึ่งในกลไกแก้ไขปัญหาฝุ่นควันภาคเหนือ เพราะเป็นกับดักสำคัญของการพัฒนาเศรษฐกิจที่เนิ่นนาน และเป็นอุปสรรคสำคัญของสุขภาพ และการเติบโตของเมืองสู่ Wellness” เป็นการเปิดบทสนทนาของชายวัย 77 ที่มีพลังและความมุ่งมั่นด้วยแก่นแกนความคิดว่า การทำงานมี 2 เรื่อง คือเรื่องที่ตัวเองทำได้ I can do และสิ่งที่ทำไม่ได้ I cant do เรื่องไหนที่ทำได้ก็ต้องทำเลย 

พร้อมยกตัวอย่างการทำงานเชิงปฏิบัติการในพื้นที่ภาคเหนือ 2 เรื่อง ที่ได้ทำไปแล้วคือ โครงการหยุดเผาเรารับซื้อ ด้วยการรับซื้อซังข้าวโพดจากเกษตรกร สกัดการเผาทำลายซังข้าวโพด สาเหตุสำคัญที่เกิด PM 2.5 เน้นที่การบริหารจัดการเศษวัสดุการเกษตร นำมาแปรเป็นชีวมวลอัดแท่งหรือปุ๋ยอินทรีย์ รวมถึงสนับสนุนให้ชุมชนมีส่วนร่วมในการป้องกันไฟป่า ปรับระบบการทำการเกษตรอย่างครบวงจรให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยนำมาแปรรูปเป็นชีวมวลอัดแท่งส่งไปสู่ระบบคาร์บอนเครดิต 

โดยนำร่องลงทุน 350 ล้านบาท สร้างโรงงานบริษัท ชีวมวลอัดเม็ด จอมทอง จำกัด ด้วยมาตรฐานระดับโลก พร้อมจะรับซื้อซังข้าวโพดตันละ 800-1,000 บาท มาอัดเป็นเชื้อเพลิงชีวมวลอัดเม็ดสีดำ หรือ Black Pellet ที่ตลาดในญี่ปุ่น และในประเทศมีความต้องการสูง และมีแผนที่จะสร้างอีก 10 โรงงานชีวมวลที่ เชียงราย แพร่ อุทัยธานี กระจายตัวทั่วภาคเหนือ

เรื่องที่สอง คือ ได้เล่าถึงคุณปุ่น (Naruemon Taksaudom) ในการสนับสนุนกาแฟฮิลล์คอฟให้เข้าสู่กระบวนการ #NeutralCarbon #Coffee ผลิตภัณฑ์กาแฟคาร์บอนต่ำแห่งแรกในประเทศไทย เกิดได้ในระบบ T-ver โดยทีม Green Standard payoff

คุณวิชัยเล่าแลกเปลี่ยนในวงกาแฟว่าแรงบันดาลใจหลังจากนี้คือจะเน้น 3 เรื่องคือ การศึกษาจะเดินสายบรรยายฟรีทั่วประเทศด้วยทุนของตนเอง สองการเกษตรจะเดินสายบรรยายองค์กรการเกษตร และโชห่วย การเตรียมออกแบบ Platform เพื่อช่วย SME คนตัวเลขในการคงวิถีค้าปลีกไทยที่นับวันจะลดลงตามอัตราเร่งของร้านสะดวกซื้อ

ส่วนงานด้านการลงทุน จะเน้นเรื่อง Digital Tranformation ที่ได้ทำบทบาทเป็นพ่อทูนหัวของ Start up-SME ในทำนอง Angle Fund ร่วมทุน ไม่ใช่เป็น VC แต่จะลงลึกไปในด้านการเสริมประสบการณ์ไปพร้อมกัน มีแผนที่จะผลักดันบริษัทสตาร์ตอัปเข้าตลาดหุ้นได้ ประมาณ 2 บริษัท โดยจะไม่ถือหุ้นใหญ่เกิน 50% อาจจะถือหุ้นแค่ 20-30% และไม่เข้าไปบริหาร แต่ต้องยึดหลักการ 3 ด้านคือ จะไม่ใช้เทคโนโลยีเพื่อโกงหรือหลอกลวงผู้อื่น สองเราจะเรียนรู้เพื่อสร้างสรรค์สังคมที่ดี และเราจะแบ่งปันความรู้ และโอกาสแก่ผู้ที่ด้อยกว่า

สูตรการเลือกสตาร์ตอัป คือ ขอให้มี 2G ก่อน G แรกคือ Growth ต้องมีการเติบโต รายได้มากน้อยไม่ว่ากัน และ G ที่สอง คือ Gain ต้องมีกำไร เพราะนั่นแปลว่าเข้าใจวิธีการบริหารและต้นทุนธุรกิจดีถ้ามี 2G แล้ว ผมก็ไม่ต้องเหนื่อยมาก จากนั้นก็จะหาช่องทางระดมทุน หรือแนะนำกลุ่มเวนเจอร์แคปปิตอล (VC) พร้อมทั้งช่วยวางแผนทางการเงินให้

พร้อมยกตัวอย่างสตาร์ตอัปที่ได้ไปร่วมสนับสนุนทุน Platform หลายตัว ที่ต้องตั้งเป้าให้เกิด Unicorn ของไทยเพิ่มอีก 1 ตัว ยกตัวอย่างมีหลาย Start up ที่ทยอยมา Pitch การเกษตร Smart Farmer เช่น Farmbook เป็น ‘กระดานเทรดข้าว’, Invitrace, รวมถึงด้าน Smart City ที่จะลงทุนที่นิมมานเหมินท์แห่งแรกที่จะตอบโจทย์แก้ไขปัญหาหลายด้านผ่านดิจิทัล Platform ด้วยการร่วมมือกับ NT นอกจากนั้นก็จะมีธุรกิจที่ใช้ AI ก็มีสตาร์ตอัปที่บริหารโหลดสำหรับการชาร์จไฟฟ้าของรถอีวี เพราะรถอีวีเวลาชาร์จไฟครั้งหนึ่งเท่ากับติดแอร์พร้อมกัน 10 ตัว ทำให้โหลดกระชากมาก

‘วิชัย ทองแตง’ ได้ประกาศ New Chapter ตอนอายุ 70 คือ สร้างคนเป็นหลัก ไม่เน้นสร้างเวลท์ (ความมั่งคั่ง) โดยเคลื่อนตัวผ่าน ‘วิชัยกรุ๊ป’ และในฐานะที่ปรึกษาโรงพยาบาลพญาไท ยืนยืนว่าไม่ได้ทิ้งธุรกิจด้านสุขภาพ (healthcare) เพราะเป็นธุรกิจที่มีความมั่นคงสูงมากประเภทธุรกิจที่ให้ความสำคัญ อีกทั้งยังกล่าวว่า จะเป็น ’เมกะเทรนด์‘

นอกจากเรื่องเทคโนโลยีบล็อกเชนแล้ว ก็ยังมีธุรกิจคาร์บอนเครดิต ซึ่งเตรียมจะเปิดตัวแถลงข่าวใหญ่ในเร็ว ๆ นี้ที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยบริษัทนี้จะมีความเชี่ยวชาญในการออกแบบการเคลมคาร์บอนเครดิตได้สูงขึ้น และมีตลาดรองรับ ซึ่งจะเป็นธุรกิจที่จะช่วยแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ได้เป็นอย่างดี 

‘วิชัย ทองแตง’ ชี้ ‘อาหารสัตว์’ เป็นธุรกิจที่มีมาร์จิ้นสูงสุด ย้ำ!! นี่คือเรื่องใหญ่ของประเทศ ถ้าผู้ประกอบการโตในทิศทางนี้ได้

(27 ธ.ค.66) จากช่องติ๊กต็อก ‘GodfatherofStarup’ ได้โพสต์คลิปการประชุมหารือหัวข้องานวิจัย ‘Selected Topic’ ที่มีผลกระทบสูง โดยมีผู้บริหารบริษัทต่าง ๆ มาแชร์มุมมองของตนเองเกี่ยวกับภาคการเกษตร ซึ่งมีเนื้อหาดังนี้…

เปิดด้วย คุณวิชัย ทองแตง นักธุรกิจและอดีตนักลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ กล่าวว่า “อาชีพหลักของผมคือ ‘การต่อยอด’ หากพวกคุณเดินไปความสำเร็จแล้ว มี 2G แล้ว เดี๋ยวผมปั้นเข้าตลาดให้ สิ่งนี้คืออาชีพของผม…”

นายชวลิต ชูขจร ประธานกรรมการสํานักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน) หรือ สวก. กล่าวว่า “สวก.เป็นหน่วยบริการทุนวิจัย ซึ่งจะได้รับเงินแต่ละปีประมาณ 600 ล้านบาท ซึ่งจะโฟกัสไปที่การซัปพอร์ต เรื่องของงานวิจัยภาคการเกษตรของประเทศ โดยเฉพาะสินค้าเกษตรที่มีความสําคัญกับทางเศรษฐกิจ”

ดร.วิชาญ อิงศรีสว่าง สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน) กล่าวว่า “ทุเรียนไทย ออกก่อนชาวบ้านเขา เพราะฉะนั้นในตลาดจีน ยังไงก็คิดว่าซีซั่นแรกเราครองตลาดได้แน่นอน ปลอกแล้วเก็บได้นาน ยืดอายุได้นาน จะไปถึงปลายทางแล้วคุณภาพยังดี ส่วนของ สวก.ก็ได้ให้ทุนวิจัยไปส่วนหนึ่ง อย่างเครื่องวัดความอ่อนแก่ของทุเรียน ซึ่งความแม่นยําจะอยู่ที่ประมาณ 60 ยังไม่ได้ถึง 90”

คุณทรงสมร สุขบุญทิพย์ บริษัท ไทย ไฮไซแพค จำกัด กล่าวว่า “ระบบ Tracking ซึ่งจริง ๆ แล้วถามว่า QR Code สามารถระบุอะไรได้บ้าง เช่น ID Product, Product Type, วันที่เก็บเกี่ยว/สวนที่เก็บเกี่ยว, ผลวิเคราะห์คุณภาพ, รหัสการติดตาม, คำแนะนําการเก็บรักษา เป็นต้น และถ้าเกิดมี Egap ขึ้นมา ที่กรมวิชาการเกษตรเขาอยากทําในส่วนตรงนั้น คิดว่าเอามาปลั๊กอินกันได้ และตรงนั้นเราสามารถประเมินได้เลยว่า สวนไหน ออกดอกเมื่อไหร่ มี Output เท่าไหร่ และเราจะต้องให้อะไรมากขึ้นที่เท่าไหร่ ซึ่งเราคุมตั้งแต่ต้นน้ำเลย ตั้งแต่สวน มือตัด มี QC และมาตรฐานที่จะเช็กแต่ละอย่าง”

ดร.เสริมสุข สลักเพ็ชร์ กรรมการบริหาร สวก. กล่าวว่า “เห็นด้วยกับในเรื่องของการที่ไม่อ่อนไม่หนอน ก็คือขายแต่ ‘เนื้อ’ ซึ่งเขาไปขายทั้งผลเป็นทุเรียนสดแช่เย็น แล้วก็ขายเฉพาะเนื้อแช่เย็น นั่นคือสิ่งที่ สวก. กําลังให้ทุนดําเนินการอยู่เช่นกัน ส่วนเปลือกสามารถเอากลับมาใช้ประโยชน์ในประเทศไทยได้”

คุณวิชัย ทองแตง Godfather of startup กล่าวเสริมว่า “เปลือกสามารถเอามาทําอะไรได้หลายอย่าง ทั้งกระบวนการสามารถเอาไปจัดการได้หมด เป็น Zero waste ได้ และจะเป็นสตอรี่ที่ทางการตลาดให้ความสําคัญ”

คุณสุภาลักษณ์ กมลธรไท บริษัท สารัชมาร์เก็ตติ้ง จำกัด กล่าวว่า “เสียงที่เราเคยพูดเกี่ยวกับ ‘มะขาม’ มันยังดังไม่พอ…และก็เป็นความหวังลึกๆ… เพราะมีการคุยกันตลอดเรื่องปัญหามะขาม ที่มันเยอะ อีกทั้งมะขามคุณภาพต้องมะขามเพชรบูรณ์ และส่วนตัวที่มีปัญหาเรื่องเชื้อรามากที่สุด ก็คือมะขามที่มันหวาน โดยมันต้องเริ่มตั้งแต่การปลูกถ้าจะไม่ให้มีรา ซึ่งปุ๋ยบางตัวที่ใส่ไปแล้วก็จะทําให้เกิดราน้อย”

คุณอรพินทร์ พญาพิทักษ์สกุล บริษัท ทีเอสซีจี กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า “มะขามหวานเป็นเชื้อราจริง ๆ ซึ่งมันเกิดจากดิน ทั้งนี้ ‘ดินเบา’ เป็นแร่ชนิดหนึ่งที่สามารถดูดซับกลิ่นแล้วก็ทําเป็นปุ๋ยได้ ไปเพิ่มประสิทธิภาพในธาตุดินให้มันมีเอ็นพีเคได้ และยังทําเป็นซีโร่เอสได้ในขณะที่มันเอาไปดูดซับน้ำมัน แล้วส่งเข้าโรงไฟฟ้าได้ จึงอยากให้ทางสวก.ช่วยในเรื่องรับรองผลว่า มันสามารถปราบพวกศัตรูพืชต่าง ๆ ได้จริง”

คุณปวีณา ว่านสุวรรณา บริษัท สกลนครนวกิจ จำกัด กล่าวว่า “สามารถเอา ‘ดินเบา’ ของเราไปทดลองใช้ได้ ด้วยการเอาไปโรยในแปลงหญ้า จากนั้นหนอนที่ขึ้นมากัดกินใบไม้ตอนช่วงกลางคืน พอถูกดินเบาติดตามผิวหนัง ก็จะถูกดินเบาดูดซับน้ำหล่อเลี้ยงในตัว ดังนั้นพอตื่นเช้ามา เราจะเห็นเขาตายตามร่องน้ำ และนี่ก็เป็นการใช้งานจริง”

คุณพงศ์ศักดิ์ จิระพันธ์พงศ์ กล่าวว่า “วันนี้ที่ได้มีการเอามาโชว์เป็นพิเศษ ก็จะเป็นตัวน้ำที่เป็นอัลคาไลน์ เป็นซิลิกา (Silica) ซึ่งมาจากดินเบาตัวนี้ ซึ่งมีซิลิกา (Silica) สูงมาก โดยมีถึง 74-76% และมันจะต่อยอดกับทางการเกษตรได้อีกเยอะมาก อีกทั้งข้อดีของดินเบาตรงนี้สามารถเอาไปเผาเป็นพลังงานได้”

คุณชาญวิทย์ เอนกสัมพันธ หญ้าเนเปียร์ในอาหารสัตว์ กล่าวว่า “หญ้าเนเปียร์ปลูกได้ปีนึงประมาณ 4-6 ในการตัดต่อครั้ง ซึ่งกระทรวงเกษตรเคยได้รับการส่งเสริมให้เกษตรกรในพื้นที่นั้นปลูกหญ้าในเปียร์ แต่พอปลูกไปปลูกมาหายไปเลย เกษตรกรก็งงส่งเสริมให้เราปลูกแต่ทําไมคุณไม่มาทําอะไรต่อ…”

คุณชนเมศ เจนสถิตวงศ์ บริษัท มิดแลนเน็กซื จำกัด กล่าวว่า “เรามีการทดลองเอา ‘วัวที่ไม่ได้กิน’ กับ ‘วัวที่กิน’ มาเปรียบเทียบกัน ปรากฏว่าน้ำนมวัวเพิ่มขึ้นทุกตัวเลยในส่วนที่อัตราเฉลี่ย 1.6 กิโลต่อวัน”

อีกทั้งยังมีความคิดเห็นของผู้บริหารท่านอื่นที่ต่างแชร์มุมมองกัน ดังนี้

- “เนเปียร์จริง ๆ แล้วเป็นหญ้าที่ต้องมีน้ำเยอะ ๆ เพราะปัญหาของการเกษตรเราก็คือว่าหลังจากทําไปแล้วก็ถ้าขายไม่ได้ก็หยุด”
- “การปลูกเนเปียร์มันดีอย่างหนึ่ง เพราะมันใช้เครื่องจักรห่ออ้อยได้เลย กระบวนของการดูแลรักษาให้ปุ๋ยอะไรต่าง ๆ สามารถใช้เครื่องจักรอ้อยได้ ซึ่งถ้าหากเราจะทําเป็นแมสก์ เป็นอุตสาหกรรมมันจะไม่ยาก”
- “คําว่า ‘Zero Waste’ คํานี้เป็นคําที่ใหญ่มาก ๆ ถ้าเราดูในเรื่องของกระบวนการทั้งหมด มันคือการเพิ่มมูลค่าทั้งวงจรของการผลิตทางด้านการเกษตร ถ้าเราจะมาทํางานวิจัยที่เป็นชุมชน หมู่บ้าน หรือตําบล ภาคการเกษตร ก็จะมีรายได้มากขึ้น”

และปิดท้ายด้วย คุณวิชัย ทองแตง “ธุรกิจอาหารสัตว์ คือธุรกิจที่มีมาร์จิ้นสูงที่สุด และนี่คือเรื่องใหญ่ของประเทศ ถ้าหากว่าคุณสามารถโตไปในทางเรื่องอาหารสัตว์ได้ คุณจะสามารถไปสู่เป้าหมายและประเทศไทยจะยิ่งใหญ่ได้…”

‘วิชัย ทองแตง’ นำทัพ ‘TPN Global’ แถลงพันธกิจ เข้าบริหาร ‘Mister Global Organization’ อย่างเป็นทางการ

(23 ก.พ.67) ‘คุณวิชัย ทองแตง’ ประธานที่ปรึกษากลุ่มบริษัท ทีพีเอ็น โกลบอล จำกัด, ‘คุณปุ้ย-ปิยาภรณ์ แสนโกศิก’ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ทีพีเอ็น โกลบอล จำกัด และประธานองค์กร Mister Global, ‘ดร.นาฬิกอติภัค แสงสนิท’ ประธานที่ปรึกษาองค์กร Mister Global พร้อมด้วย ‘ดร.พงษ์รพี บูรณสมภพ’ และ ‘คุณประดิษฐ์ ประดินันทน์’ ที่ปรึกษาองค์กร Mister Global นำทัพแถลงข่าวพันธกิจเวทีระดับโลก Mister Global Organization ในวาระครบรอบ 10 ปี เปลี่ยนมือเข้าสู่การบริหารภายใต้ บริษัท ทีพีเอ็น โกลบอล จำกัด

โดยในครั้งนี้ได้รับเกียรติจาก ‘Jason Bretfelean Dylan’ Mister Global 2023 เข้าร่วมแถลงข่าว ทั้งนี้ ‘คุณปุ้ย ปิยาภรณ์’ ยังเผยถึงวิสัยทัศน์ใหม่ในวาระครบรอบ 10 ปี ของเวทีระดับโลกอย่าง Mister Global ในการเฟ้นหาผู้ครองตำแหน่งในปี 2024 ขยายอายุผู้เข้าประกวดตั้งแต่ 18-35 ปีบริบูรณ์ และหากสุภาพบุรุษท่านใดที่อายุเกิน 35 ปี แต่ยังมีพลัง เป้าหมาย และศักยภาพ ก็สามารถพิสูจน์ตัวตนเข้าร่วมการประกวดได้อีกด้วย

พร้อมกันนี้ยังได้เปิดตัว ‘คุณแองจี้-เสริมสิรี แสนโกศิก’ เจ้าของแบรนด์ ‘Unix Wear’ ในฐานะ National Director of Mister Global Thailand ที่กล่าวถึงบทบาทใหม่นี้ด้วยว่า “พร้อมแล้วในหน้าที่และบทบาทใหม่ ที่จะจุดประกายความฝันของใครหลายๆ คน ซึ่งเริ่มต้นได้บนเวทีแห่งนี้ Mister Global Thailand ตามหาสุภาพบุรุษที่มั่นใจในภาพลักษณ์ มีพลังในการขับเคลื่อนสังคม และมั่นใจในทัศนคติของตัวเอง เพื่อเป็นตัวแทนของประเทศไทยไปยืนอยู่บนเวทีระดับโลกค่ะ”

สามารถติดตามความเคลื่อนไหวของเวทีเกียรติยศแห่งสุภาพบุรุษ Mister Global Thailand และ Mister Global ได้ทาง FB TPNG, Mister Global Thailand และ Mister Global และ Youtube TPNG แล้วพฤษภาคมนี้เตรียมเฟ้นหาสุภาพบุรุษของประเทศไทยก่อนจะไปตามหาสุภาพบุรุษผู้เหมาะสมที่จะดำรงตำแหน่งบนเวทีโลกประจำปี 2024 ในเดือนตุลาคมนี้ไปด้วยกัน


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top