Friday, 3 May 2024
วัคซีนโควิด19

คืบหน้า!! วัคซีนโควิดสัญชาติไทย ทดสอบในคนแล้ว 4 ชนิด ส่วนแบบพ่นจมูก พร้อมทดสอบในคน​ Q2​ ลุ้นขาย​ Q3

เมื่อวันที่ 5 มี.ค.น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงความก้าวหน้าการวิจัยและพัฒนาวัคซีนโควิด-19 ในประเทศไทย ว่า ขณะนี้มีวัคซีนที่อยู่ระหว่างการวิจัยและพัฒนา กว่า 20 ชนิด โดยวัคซีนที่มีความก้าวหน้ามากที่สุด 4 ชนิด ได้แก่ วัคซีน Chula-Cov19 วัคซีน HXP-GPOVac วัคซีน Baiya SARS-CoV-2 Vax และวัคซีน Covigen อยู่ในขั้นการทดสอบในมนุษย์ และหากทดสอบครบ 3 ระยะ จะสามารถยื่นขอขึ้นทะเบียนกับองค์การอาหารและยา (อย.)ได้ 

สำหรับวัคซีนตัวอื่น อยู่ในระดับทดสอบในสัตว์ทดลอง และมีหลายประเภท ทั้งชนิดใช้ไวรัสเป็นพาหะ (Viral Vector) ชนิดโปรตีนส่วนหนึ่งของเชื้อ (Protein Subunit) ชนิดสารพันธุกรรม (mRNA) ชนิดอนุภาคไวรัสเสมือน (Virus-like particle: VLP) เป็นต้น ความก้าวหน้าของการพัฒนาวัคซีนมาจากความร่วมมืออย่างเต็มที่ของหลายภาคส่วน ทั้งหน่วยงานรัฐ อาทิ สถาบันวัคซีนแห่งชาติ องค์การเภสัชกรรม สวทช. โดยศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) สถาบันอุดมศึกษา เช่น จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหิดล และภาคเอกชน เป็นต้น

จีนเจ๋งมาก!! พัฒนา ‘วัคซีนพิฆาตควบ 2 โรค’ ต้านได้ทั้ง ‘โควิด-19’ และ ‘ไข้หวัดนก’

คณะนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยฟูตั้น ในนครเซี่ยงไฮ้ทางตะวันออกของจีน เปิดเผยการพัฒนาวัคซีนตัวใหม่ที่สามารถป้องกันได้ทั้งเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ที่ก่อโรคโควิด-19 และเชื้อไวรัสไข้หวัดนก ซึ่งประสบผลสำเร็จในขั้นตอนการทดลองกับหนู

บทความที่เผยแพร่ในวารสาร เจอร์นัล ออฟ ไวโรโลจี (Journal of Virology) ระบุว่าเหล่านักวิจัยออกแบบอิมมูโนเจน (Immunogen) หรือสารกระตุ้นให้เกิดการตอบสนองทางภูมิคุ้มกัน ด้วยการรวมตำแหน่งตัวรับ-ตัวยึดเกาะของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ เข้ากับส่วนก้านของไกลโคโปรตีน ชนิดเฮแมกกลูตินิน ของเชื้อไวรัสไข้หวัดนก สายพันธุ์เอช7เอ็น9 (H7N9) โดยใช้อะดิโนไวรัสในลิงชิมแปนซีเป็นตัวนำพา

'หมอยง' ชี้!! สถานการณ์โควิดดีขึ้น เชื่อ!! จะเริ่มน้อยลงตั้งแต่วันนี้

(19 ก.ย. 65) ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า... โควิด-19 สถานการณ์ของโรคดีขึ้นโดยตลอด

เราได้เห็นแล้วว่าสถานการณ์ของโรคโควิด-19 ดีขึ้นมาโดยตลอด จากการประเมินในภาพรวม มีผู้ได้รับวัคซีนไปแล้ว 2 เข็ม ร้อยละ 80, 3 เข็มกว่าร้อยละ 40 และจากข้อมูลที่เรามียังประเมินได้ว่า มีผู้ติดเชื้อไปแล้วประมาณร้อยละ 70 เมื่อรวมเข้าด้วยกัน จะเห็นว่าประชากรส่วนใหญ่ หรือเกือบทั้งหมดมีภูมิต้านทานเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเกิดจากการฉีดวัคซีน หรือติดเชื้อ โดยเฉพาะในช่วงตั้งแต่เดือนมกราคมที่ผ่านมา

เราก็ยังอยากให้กลุ่มเสี่ยงหรือมีความเสี่ยงอย่างน้อย 1 อย่าง ควรได้รับวัคซีนอย่างน้อย 4 เข็ม ผู้ที่แข็งแรงดีอายุไม่เกิน 60 ปี ควรได้อย่างน้อย 3 เข็ม  

ด้วยเหตุผลดังกล่าว ทำให้แนวโน้มของโรคดีขึ้น หมายถึงตลอด โรคเข้าสู่ประจำฤดูกาล จะเริ่มน้อยลงตั้งแต่วันนี้จนถึงสิ้นปี และจะไปพบสูงขึ้นอีกครั้งหนึ่ง แต่สูงไม่มาก ในช่วงฤดูหนาว หลังปีใหม่ถึงเดือนมีนาคม ก็ลดลง และจะไปขึ้นอีกครั้งในเดือนมิถุนายนปีหน้าถึงเดือนกันยายนอีก แต่จะน้อยกว่าปีนี้ และทุกคนก็จะปรับตัวได้แล้ว สภาพทุกอย่างจะเหมือนกับไข้หวัดใหญ่

'อนุทิน' ชวน กลุ่ม 608 ฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น ชี้!! ช่วยผ่อนอาการหนักเป็นเบาได้หากติดเชื้อ

เมื่อเวลา 09.10 น. วันที่ (20 ธ.ค. 65) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ก่อนประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงกรณีที่มีผู้ติดเชื้อโควิด -19 ในช่วงเวลานี้เพิ่มขึ้น ว่า ยืนยันว่าประชาชนควรจะฉีดวัคซีนเข็มบูส และควรจะฉีดอย่างน้อย 4 เข็ม เพื่อจะได้มีความปลอดภัย แม้จะติดเชื้อก็ตาม

ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า กระทรวงสาธารณสุขมีมาตรการอย่างไรในช่วงปีใหม่ ที่หลายคนคาดการณ์ว่ายอดติดเชื้อจะสูงขึ้น นายอนุทิน กล่าวว่า เชื่อว่าคนไทยส่วนใหญ่ได้รับวัคซีนแล้ว บางคนมีภูมิคุ้มกันธรรมชาติแล้ว ถึงติดเชื้อน่าจะไม่มีอาการหนัก ยกเว้นกลุ่ม 608 โรคประจำตัว เช่น โรคไต มะเร็ง ทางเดินหายใจ และผู้ที่ไม่ได้รับวัคซีน ขอให้ลูกหลานและญาติ ช่วยโน้มน้าวให้มาฉีดวัคซีน และเวลานี้ถ้าคนไทยติดเชื้อ ก็มียารักษาโควิดโดยตรง รวมถึงยารักษาตามอาการ

'หมอยง' ชี้ บทสรุป 'วัคซีนทุกตัว' ประสิทธิภาพไม่ต่างกัน ฉีดกี่เข็มก็ไม่กันการติดเชื้อ ได้แค่ลดความรุนแรงของโรค

(3 มี.ค. 66) ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความเรื่อง โควิด 19 วัคซีน ความต้องการที่น้อยลง ระบุว่า...

ในปีแรกที่เริ่มมีวัคซีน ทุกคนแย่งกันมาก เมื่อมีวัคซีนมากขึ้น เรียกร้อง mRNA เป็นวัคซีนเทพ เมื่อกาลเวลาผ่านไป จะเห็นได้ว่าวัคซีนทุกตัวประสิทธิภาพไม่ต่างกันเลย

มาถึงปัจจุบัน จะฉีดวัคซีนกี่เข็มก็ไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อได้เพียงแต่ลดความรุนแรงของโรคลง

ในวันนี้ ประชากรทั่วโลกส่วนใหญ่ได้ติดเชื้อไปแล้ว น่าจะถึง 5 พันล้านคน แม้กระทั่งประเทศไทยก็น่าจะติดเชื้อไปแล้วมากกว่า 50 ล้านคน

ครม. เคาะ!! ฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้ นทท.ต่างชาติ พร้อมจัดเก็บค่าวัคซีนเป็นรายได้แผ่นดิน

(14 มี.ค.66) น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ (คกง.) ภายใต้พระราชกำหนดเงินกู้ฯ เพิ่มเติม พ.ศ. 2564 ให้กรมควบคุมโรคเปลี่ยนแปลงรายละเอียด ซึ่งเป็นสาระสำคัญของโครงการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด19) สำหรับบริการประชากรในประเทศไทยจำนวน 60 ล้านโดส (AstraZeneca) ปี พ.ศ. 2565 โดยการปรับลดราคาวัคซีนตามโครงการเหลือ 5 ดอลลาร์สหรัฐต่อโดส ส่งผลให้วงเงินตามโครงการลดลงเหลือ 18,382.46 ล้านบาท (เดิม 18,639.10 ล้านบาท) และปรับเพิ่มกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นกลุ่มเป้าหมายตามโครงการด้วย

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า รวมถึงเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการจัดหาวัคซีนโควิด-19 สำหรับประชากรในประเทศไทยจำนวน 30 ล้านโดส (Pfizer) ปี พ.ศ. 2565 โดยปรับเพิ่มกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นกลุ่มเป้าหมายตามโครงการ และขยายระยะเวลาดำเนินโครงการจากสิ้นสุด ธ.ค. 65 เป็น ก.ย. 66

สหรัฐฯ เตรียมยุติข้อบังคับฉีดวัคซีนโควิด19 ชี้!! มาตรการเหล่านี้ไม่จำเป็นอีกต่อไป

(3 พ.ค. 66) สำนักข่าวซินหัว รายงานว่า เมื่อวันจันทร์ (1 พ.ค.) ทำเนียบขาวของสหรัฐฯ รายงานว่าฝ่ายบริหารภายใต้การนำของประธานาธิบดีโจ ไบเดน จะยุติข้อกำหนดของรัฐบาลกลางเกี่ยวกับวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ที่เหลือส่วนใหญ่ภายในสัปดาห์หน้า

รายงานระบุว่าสหรัฐฯ จะยกเลิกข้อกำหนดที่บังคับนักเดินทางระหว่างประเทศ คนงานและผู้รับเหมาของรัฐบาลกลาง บุคลากรการดูแลสุขภาพ และนักการศึกษากลุ่มผู้นำ ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ตั้งแต่วันที่ 11 พ.ค. ซึ่งเป็นวันที่ภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขด้านโรคโควิด-19 ของประเทศสิ้นสุดลง

อนึ่ง ไบเดนสั่งการให้บังคับใช้ข้อกำหนดการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ข้างต้นครั้งแรกเมื่อปลายปี 2021

สื่อแฉ!! อดีตนายกฯ อังกฤษ คิดใช้กำลังทหารบุกเนเธอร์แลนด์ หวังยึดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า 5 ล้านโดส ในเนเธอร์แลนด์

(6 ธ.ค. 66) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า บอริส จอห์นสัน ขณะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอังกฤษ ร้องขอให้คณะที่ปรึกษาด้านการทหารเตรียมแผนการต่าง ๆ สำหรับจู่โจมโรงงานผลิตวัคซีนโควิด-19 ของเนเธอร์แลนด์ เพื่อยึดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า 5 ล้านโดส ท่ามกลางวิกฤตอุปทานวัคซีนไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ไม่เพียงพอ

รายงานของหนังสือพิมพ์เดลิเมล์ระบุว่า จอห์นสัน มีปัญหาทะเลาะเบาะแว้งกับสหภาพยุโรป (อียู) หลังบรัสเซลส์ ขู่ว่าจะขัดขวางวัคซีนจากโรงงานแห่งนี้ ที่เตรียมส่งไปยังสหราชอาณาจักร ในเดือนมีนาคม 2021

ในช่วงเวลาดังกล่าว อียู มีปัญหาไม่ลงรอยกับบริษัทยาสัญชาติอังกฤษ-สวีเดน เกี่ยวกับการแจกจ่ายวัคซีน โดย แอสตร้าเซนเนก้า เปิดเผยว่ามีปัญหาด้านการผลิต นั่นหมายความว่าพวกเขาสามารถส่งมอบสต๊อกวัคซีนให้แก่อียู ได้เพียงแค่ 1 ใน 4 จากแผนที่วางเอาไว้ และปฏิเสธเบี่ยงเสบียงวัคซีนจากโรงงานต่างๆของพวกเขาในสหราชอาณาจักรไปยังอียู

จุดยืนดังกล่าวกระตุ้นให้ บรัสเซลส์ ขู่แบนส่งออกวัคซีนจากดินแดนของพวกเขาเองเป็นการตอบโต้ ซึ่งทาง อัวร์ซูลา ฟอน แดร์ ไลเอิน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป อ้างว่าเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อรับประกันว่า "ยุโรปจะได้รับส่วนแบ่งที่ยุติธรรม"

รายงานข่าวระบุว่า เมื่อเป็นดังนั้น จอห์นสัน ซึ่งประกาศว่ากลุ่มต่าง ๆ ที่มีความสำคัญลำดับต้น ๆ ในสหราชอาณาจักร จะได้รับวัคซีนครบเข็มในช่วงกลางเดือนเมษายน 2021 จึงร้องขอให้คณะที่ปรึกษาด้านการทหาร เตรียมแผนบังคับยึดวัคซีนที่ผลิตจากโรงงานในเมืองไลเดน ประเทศเนเธอร์แลนด์

"นายกรัฐมนตรีโกรธมาก" แหล่งข่าวทางการทูตเปิดเผยกับเดลิเมล์ "เขาสั่งให้พวกเจ้าหน้าที่มองหาทุกทางเลือกสำหรับตอบโต้ และรวมถึงขอให้หน่วยงานด้านความมั่นคงมองหาดูว่า มีหนทางใด ๆ หรือไม่ สำหรับการใช้กำลังและยึดวัคซีนจากเนเธอร์แลนด์ แล้วนำวัคซีนเหล่านั้นมาที่นี่"

เดลิเมล์ อ้างแหล่งข่าวคนที่ 2 ระบุว่า "อียูคงไม่ยอมรับข้อเท็จจริงที่ว่า เราได้เจรจาต่อรองข้อตกลงที่ดีกว่ากับแอสตร้าเซนเนก้า มันเท่ากับเป็นการขโมยวัคซีน"

อย่างไรก็ตาม แนวคิดดังกล่าวถูกตีตกไป หลังจาก จอห์นสัน ได้รับคำปรึกษาว่าปฏิบัติการด้านการทหารเพื่อยึดวัคซีน จะบ่อนทำลายร้ายแรงต่อความสัมพันธ์กับอียู และเสี่ยงส่งผลกระทบต่ออุปทานวัคซีนจากที่อื่นๆในกลุ่มอียู ในอนาคต" ตามรายงานของเดลิเมล์

คาดหมายว่า จอห์นสัน จะพาดพิงถึงประเด็นพิพาทกับอียูนี้ ครั้งที่เขาให้หลักฐานต่อการสืบสวนโควิด-19 ของอังกฤษในวันพุธ(6ธ.ค.) โดยที่เดอะไทม์ส เคยรายงานก่อนหน้านี้ว่า อดีตนายกรัฐมนตรีรายนี้จะยอมรับว่าตนเอง "ทำผิดพลาดอย่างไม่ต้องสงสัยเลย" ในการทำหน้าที่ผู้นำของเขาในช่วงโรคระบาดใหญ่ อย่างไรก็ตามเขาเตรียมอ้างเช่นกันว่า มาตรการต่างๆของเขาได้ปกป้องประชาชนหลายแสนชีวิต


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top