Monday, 20 May 2024
รุ้งปนัสยา

‘รุ้ง ปนัสยา’ นำทีมยื่นฟ้องนากยฯ - ผบ.ทสส. พร้อมขอเลิกพรก.ฉุกเฉิน - ให้คุ้มครองม็อบ 31 ต.ค.

วันนี้ (29 ต.ค.) ที่ ศาลแพ่ง ถนนรัชดาภิเษก นางสาว ปนัสยา สิทธิจิราวัฒนกุล หรือ ‘รุ้ง’ และ นายเสกสิทธิ์ แย้มสงวน พร้อมทนาย ได้เข้ายื่นฟ้อง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด กรณีออกข้อกำหนดและประกาศจำกัดสิทธิเสรีภาพการชุมนุม พร้อมทั้งยื่นขอไต่สวนฉุกเฉิน ขอคุ้มครองชั่วคราว ‘ม็อบ 31 ตุลาคม’ 

โดย นางสาว ปนัสยา กล่าวว่า วันนี้มาขอให้ศาลรับคำร้องและขออนุญาตให้ไต่สวนฉุกเฉิน เพื่อออกคำสั่งคุ้มครอง ในวันที่ 31 ตุลาคมนี้ ที่จะมีการชุมนุมที่แยกราชประสงค์ วันนี้มาฟ้องพลเอกประยุทธ์จันทร์โอชา และพลเอกเฉลิมพงษ์ เพราะเราต้องการจะรับฟังเหตุผลของเราในฐานะประชาชนที่จะออกมาใช้สิทธิเสรีภาพที่จะแสดงออกทางการเมือง แต่ว่าตลอดมานั้น เราประกาศจะชุมนุม อย่างสงบสันติ ในทุก ๆ ครั้งจะมีการขัดขวางอยู่เสมอ 

โดยการขัดขวางไม่ได้ถูกรับรองโดยทางกฎหมาย เช่น การใช้ลวดหนาม การใช้ตู้คอนเทนเนอร์ ไม่มีการบัญญัติไว้ในสิ่งของที่ใช้ได้ในพรก.ฉุกเฉิน ในเมื่ออีก 3 วันจะมีการเปิดประเทศแล้วทำไมถึงยังมีการห้ามการชุมนุม เพราะการเปิดประเทศแล้วจะมีการรวมตัวกันทั้งประเทศ โดยที่คนทั่วไปออกมาใช้ชีวิตกันอย่างปกติ เราจึงคิดว่าพรก.ฉุกเฉินไม่มีเหตุจำเป็นอีกต่อไป วันนี้เราคาดหวังจริง ๆ ว่ากระบวนการยุติธรรม จะเป็นการยุติธรรมกับประชาชนจริง ๆ

‘รุ้ง ปนัสยา’ รับ ‘เสียใจ โกรธ ผิดหวัง’ หลัง ‘นิวมธ’ กระทำความผิดทางเพศ

‘รุ้ง ปนัสยา’ ยอมรับเสียใจ-โกรธ ผิดหวังที่ ‘นิวมธ.’ กลุ่มแนวร่วมฯ กระทำความผิดทางเพศ ขณะที่ ‘พรรคโดมปฏิวัติ’ ออกแถลงการณ์ เผยอดีตหัวหน้าพรรคลาออกจากสมาชิกพรรคแล้ว

9 กุมภาพันธ์ 2565 น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือ “รุ้ง” แกนนำกลุ่มราษฎร และกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม โพสต์เฟซบุ๊ก Panusaya Sithijirawattanakul มีเนื้อหาดังนี้...

“สวัสดีค่ะ จากกรณี #แฉนิวมธ รุ้งและเพื่อน ๆ แนวร่วมมธ. ได้ทราบเรื่องดังกล่าวแล้วนะคะ และในเบื้องต้นทราบว่าข้อเท็จจริงก็เป็นไปตามที่ปรากฏ เราทั้งรู้สึกเสียใจ โกรธ และผิดหวังที่เพื่อนของเราเองไปกระทำความผิดทางเพศกับผู้เสียหาย

รุ้งและเพื่อน ๆ แนวร่วมมธ. ขออภัยต่อผู้เสียหายและต่อสังคมที่เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นโดยสมาชิกของกลุ่มเราเอง เราขอยืนหยัดเคียงข้างผู้เสียหาย และพร้อมที่จะสนับสนุนทั้งในเรื่องของกระบวนการทางวินัยนักศึกษา หรือทางกฎหมายหากผู้เสียหายต้องการ รวมถึงการเยียวยาทางจิตใจ หรือทางอื่น ๆ ที่พวกเราสามารถทำได้

ทั้งนี้นอกจากกระบวนการลงโทษ พวกเรายังเชื่อในกระบวนการขัดเกลาทางสังคม ด้วยการเข้ารับการอบรมเรื่องสิทธิเหนือร่างกาย และความรุนแรงด้วยเหตุแห่งเพศ ซึ่งเราเชื่อว่าจะเป็นประโยชน์ต่อสังคมมากที่สุดที่จะให้นิวเรียนรู้ ปรับทัศนคติ และสร้างความตระหนักรู้ เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ซ้ำอีก

รุ้งและเพื่อน ๆ แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม รู้สึกเสียใจอย่างยิ่งต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และนิวได้ยุติบทบาทในกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุมนับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเพื่อนเราจะได้รับผิดชอบการกระทำของตนเอง และเรียนรู้ให้เข้าใจถึงประเด็นทางเพศ เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้กับใครอีก”

‘รุ้ง’ ถาม คิดยังไงเรื่องยกเลิกมาตรา 112 ‘ชัชชาติ’ ตอบ อย่านำความโกรธแค้นเป็นตัวนำ

รุ้ง-ปนัสยา แกนนำม็อบราษฎรโพสต์ทวิตเตอร์ แจงที่ถามชัชชาติเรื่องยกเลิกมาตรา 112 ถามอย่างซื่อๆ แค่อยากรู้ว่าคิดยังไง ไม่คาดหวังคำตอบและไม่ได้โจมตีใคร ด้านชัชชาติบอกดีใจที่ได้เจอ ถามได้ทุกคำถาม

(30 พ.ค.65) จากกรณีที่นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ว่าที่ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวในงานตลาด (นัด) ราษฎร ที่สวนครูองุ่น ซอยทองหล่อ 3 เมื่อวันที่ 29 พ.ค. ตอบคำถามที่ น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือ รุ้ง แกนนำกลุ่มที่เรียกตัวเองว่าม็อบราษฎร ถึงประเด็นการยกเลิกประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ซึ่งนายชัชชาติตอบว่า ต้องมีความละมุนละม่อม โดยเริ่มจากการไม่เอามาตรา 112 มาเป็นเครื่องมือทางการเมือง แม้จะอดทนตั้งแต่ปฏิวัติมา แต่ต้องมียุทธศาสตร์ในการเดิน การแก้แค้นจะดีที่สุดเมื่อตอนที่มันเย็นแล้ว อย่าไปเอาความโกรธความแค้นมาทำ เชื่อว่ามียุทธศาสตร์ในการเดิน แล้วเวลาก็อยู่ข้างพวกเรา

‘ด้อมส้มล่าแม่มด’ ใช้โซเชียลโจมตี ส.ว.ลาม ‘ครอบครัว-ธุรกิจ’ ‘รุ้ง’ ลั่น!! นี่แค่จุดเริ่มต้น ฟาก ‘ส.ว.’ เตรียมสวนด้วยกฎหมาย

เมื่อวันที่ 14 ก.ค. 66 ยังคงมีความต่อเนื่องในกรณีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีไม่ผ่านความเห็นชอบของที่ประชุมรัฐสภาในการเป็นนายกฯ โดยเฉพาะในโลกโซเชียล ผู้สนับสนุนพรรคก้าวไกลหรือ ‘ด้อมส้ม’ ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นโจมตีการลงมติของ ส.ว.ที่ส่วนใหญ่งดออกเสียง และไม่เห็นชอบ รวมทั้งยังมีส่วนหนึ่งออกมาเปิดวาร์ปโซเชียลมีเดียของลูกชายนายสมชาย แสวงการ ส.ว.ที่อภิปรายไม่เห็นชอบให้นายพิธาเป็นนายกฯ จนทำให้ลูกชายนายสมชายต้องตั้งค่าอินสตาแกรมเป็นส่วนตัว แต่ชาวทวิตเตอร์จำนวนมากต่างออกมาตำหนิพฤติกรรมดังกล่าวว่า ไม่เหมาะสม เพราะลูกหลานของ ส.ว.ไม่ได้เกี่ยวข้องแต่ประการใด

นอกจากนั้น ยังมีการผุดแฮชแท็กธุรกิจ ส.ว.จนติดเทรนด์ทวิตเตอร์ โดยมีการนำข้อมูลกิจการของ ส.ว.หรือคนในครอบครัว ส.ว.ที่ลงคะแนนไม่เห็นชอบ และงดออกเสียงมาแขวนเพื่อโจมตี และแบนธุรกิจนั้นๆ บางรายก็ระบุพิกัดให้ขนทัวร์ไปลง อาทิ ธุรกิจปั๊มน้ำมัน, คลินิกของลูก ส.ว., ร้านอาหาร, ตลาด, โรงพยาบาลสัตว์, ร้านขายรองเท้า, ทีมฟุตบอล เป็นต้น โดยอ้างว่าเพื่อไม่ให้มีที่ยืนในสังคม

ขณะที่บางส่วนได้นำข้อมูลเงินเดือน และค่าสวัสดิการต่างๆ ของ ส.ว.มาเปิดเผย แม้ ส.ว.บางรายที่เดินทางไปต่างประเทศก็ยังโดนโจมตีด้วย นอกจากนี้ยังมีธุรกิจในครอบครัวของ 5 คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ก็ยังถูกขุดขึ้นมาล่อเป้า รวมทั้งนายชาดา ไชยเศรษฐ์ ส.ส.พรรคภูมิใจไทย ที่ลุกขึ้นอภิปรายนายพิธาก็ถูกขุดประวัติมาถล่มเช่นเดียวกัน

น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือ ‘รุ้ง’ กลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุมทวีตข้อความว่า…

“เรียนให้ ส.ว.ทราบว่าราคาที่พวกคุณต้องจ่ายไม่ใช่แค่นี้หรอก นี่แค่เริ่มต้นเท่านั้น ไล่ดูในเทรดไปแล้วก็เศร้า พวกเขามีทุกอย่างที่คนทั่วไปยังต้องดิ้นรนเพื่อให้ได้มาเพียงเสี้ยว ชีวิตดีกันจังเลย”

ขณะที่ นายพายุ เนื่องจำนงค์ อดีตผู้สมัคร ส.ส.จังหวัดชลบุรี พรรคประชาธิปัตย์ ทวีตข้อความว่า พฤติกรรมการชี้เป้าลูกหลานและเครือญาติของ ส.ว.ที่ไม่ยอมโหวตนายกฯ เป็นเพียงจุดเริ่มต้น การกระทำจะหนักขึ้นเรื่อยๆ จากแฟนด้อมที่ไม่ได้ดั่งใจ ซึ่งกรณีเช่นนี้มันเคยเกิดขึ้นแล้วในประเทศอื่นๆ สุดท้ายแล้วไม่ได้จบแค่การคุกคามทางโซเชียล แต่จะจบด้วยความรุนแรงต่อตัวบุคคลถึงชีวิตหรือทรัพย์สิน หากการกระทำเหล่านี้ไม่ได้รับการหยุดยั้งห้ามปราม โดยพรรคหรือนักการเมืองที่แฟนด้อมคลั่งไคล้และรับฟัง ซึ่งหากถึงวันนั้นใครจะออกมารับผิดชอบ? หรือจะออกมาบอกว่าไม่เกี่ยวข้องด้วยอีก แล้วปล่อยให้ผู้กระทำผิดโดนดำเนินคดีไป ทั้งๆ ที่รู้ทั้งรู้ว่าการกระทำเหล่านั้นเป็นอาวุธทางการเมืองให้กับใคร และใครได้ประโยชน์จากมัน หากสำเร็จในการใช้การคุกคามกดดันและกดขี่ให้ได้มาในสิ่งที่ต้องการทางการเมือง

ด้านนายสมชายกล่าวว่า ขณะนี้ ส.ว.หลายคนกำลังรวบรวมหลักฐานที่มีบุคคลอื่นมาบูลลี่ตนเองและครอบครัว เพื่อแจ้งความดำเนินคดีตามกฎหมาย เพราะถือเป็นการคุกคาม ซึ่งถือว่าเลวร้ายกว่าในอดีต เป็นวิธีการที่สกปรก ชั่วช้า และเลวทราม คนที่เห็นต่างก็เข้าไปบูลลี่เขาหมด ทั้งตามโรงเรียน มหาวิทยาลัย และครอบครัว ดังนั้น ส.ว.ประชุมกันแล้วว่าจะดำเนินคดีทั้งหมด และเบื้องต้นได้ส่งหลักฐานให้กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) แล้ว และอยู่ระหว่างตั้งทีมกฎหมาย

“ขณะที่คุณล้ำเลิศประชาธิปไตย เวลาติดคุกไม่ต้องมาขอโทษนะ เพราะไม่มีปล่อยฟรี ถูกดำเนินคดีจริงจัง แล้วอย่าลืมนะว่าเป็นนักกฎหมายทั้งนั้นที่มาสนุกสนานเล่นๆ กันแบบนี้ดำเนินคดีหมด ตอนนี้ทุกคนเตรียมหลักฐานไว้หมดแล้ว จะเอาให้เต็มที่ต่างกรรมต่างวาระ ไม่ต้องออกจากคุกกันเลย ทำ 10 ครั้งก็ 10 กรรม 10 วาระ” นายสมชายกล่าว

นายสมชายกล่าวอีกว่า จากนี้จะตรวจสอบทั้งหมดและย้อนหลังไป หากพบว่าเข้าข่ายหมิ่นประมาทก็จะดำเนินคดีทั้งหมด เพราะถือว่าไม่เคารพคนอื่น ประชาธิปไตยของคุณเป็นประเภทไหน เป็นพวกโจราธิปไตยหรือไม่ ที่ผ่านมาเคยดำเนินคดีกับคนที่หมิ่นประมาทมาแล้ว บางคนร้องห่มร้องไห้เพราะต้องออกจากราชการก็ให้อภัยไปหลายคนแล้ว แต่หลังจากนี้จะไม่ให้อภัยแล้ว ขอเตือนให้หยุดทั้งหมด อย่าคิดว่าหาไม่เจอ ที่ผ่านมาถือว่าเป็นบุคคลสาธารณะ แต่จากนี้จะเริ่มนับหนึ่งในการดำเนินคดี เพราะคุณไม่ได้ใช้สิทธิเสรีภาพ แต่เป็นการใช้สิทธิคุกคามคนอื่นมีความผิดทางอาญา

“ขอเตือนว่าสิ่งนี้ไม่ใช่ประชาธิปไตยที่จะไปคุกคามคนอื่น ส.ว.มีหน้าที่ที่ต้องทำ เช่นเดียวกันกับ ส.ส. หน้าที่ใครหน้าที่มัน การใช้สิทธิ์ของประชาชนไปหมิ่นประมาทคนอื่นย่อมได้รับผลตามกฎหมาย ยืนยัน ส.ว.ไม่ปล่อยเรื่องนี้แน่ โดยเฉพาะกลุ่มคนที่อยู่เบื้องหลัง ปั่นกระแส หากสืบไปถึงตัวกลางก็จะดำเนินคดี ไม่ว่าจะเป็นนักการเมืองคนไหนจะดำเนินคดีด้วย” นายสมชายย้ำ

วันเดียวกัน ที่หน้าหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร มีการจัดชุมนุมของเครือข่าย ‘Respect My Vote’ เคารพผลเลือกตั้งฟังเสียงประชาชน ซึ่งนำโดยแนวร่วมธรรมศาสตร์ฯ, คณะรณรงค์เพื่อรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน (ครช.), กลุ่มโมกหลวงริมน้ำ และ 24 มิถุนาประชาธิปไตย เพื่อยืนยันเจตจำนงของประชาชน 14 ล้านเสียง ที่ต้องการให้นายพิธาเป็นนายกฯ

โดยบรรยากาศเวลา 17.00 น. (14 ก.ค. 66) เริ่มมีประชาชนทยอยเดินทางมารวมตัวอย่างต่อเนื่อง โดยส่วนมากสวมเสื้อผ้าสีส้ม ซึ่งเป็นสีประจำพรรค ก.ก. และยังมีร้านค้าวางจำหน่ายสินค้าที่มีสัญลักษณ์ของพรรค ก.ก.และใบหน้าของนายพิธา และในเวลา 17.40 น. เริ่มมีการแจกใบปลิวขาด A3 สีแดงดำ ระบุข้อความว่า “ยกเลิก ส.ว.ไร้ประโยชน์ มีไว้เพื่อสืบทอดอำนาจเผด็จการ”

โดยก่อนเริ่มกิจกรรมปราศรัย มวลชนได้รวมตัวชู 3 นิ้วแสดงสัญลักษณ์ ถือป้ายระบุข้อความเรียกร้องให้ยกเลิก ส.ว. ต่อมาผู้ชุมนุมได้เริ่มการปราศรัย โดยโจมตีการทำหน้าที่ของ ส.ว. ซึ่งส่วนใหญ่โจมตี ส.ว.ที่ไม่เห็นด้วยและงดออกเสียงในการโหวตนายกฯ โดยเฉพาะนายเสรี สุวรรณภานท์, นายคำนูณ สิทธิสมาน, นายสมชาย แสวงการ และนายชาดา ไทยเศรษฐ์ และชื่นชม ส.ว.ทั้ง 13 คนที่โหวตเห็นชอบให้นายพิธา

นายเสกสิทธิ์ แย้มสงวนศักดิ์ แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม กล่าวว่า ขอเรียกร้องให้ ส.ว.และ ส.ส.ต้องเลือกนายกฯ ตามเจตจำนงของประชาชน ไม่มีทางเป็นอื่น ถ้าไม่ทำ ถนนทุกสาย แม่น้ำทุกเส้นก็จะไหลไปที่รัฐสภา และไม่ใช่แค่สภา แต่จะเลยไปถึงหน้าบ้านท่านแน่นอน ขอให้ทุกคนติดตามโซเชียลมีเดียทุกช่องทางในสัปดาห์หน้า เพื่อฟังนัดหมายให้มาชุมนุมกันอย่างมืดฟ้ามัวดิน แสดงพลัง 26 ล้านเสียง 52 ล้านตีน มารวมตัวกันเพื่อให้รู้ว่าจะมากมายแค่ไหน

“สัปดาห์หน้ายังขอเชิญชวน ทุกท่านที่เลือกพรรคก้าวไกลและเพื่อไทย สวมเสื้อสีส้มและสีแดงทุกวันก่อนถึงวันเลือกนายกฯ หรือติดสัญลักษณ์สีดังกล่าวเพื่อแสดงออกให้เห็นถึงเจตจำนงของพวกเรา”

ขณะที่ นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข กลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย กล่าวว่า ขอให้มวลชนจับตาการประชุมศาลรัฐธรรมนูญในวันที่ 19 ก.ค.นี้ ในประเด็นของการแก้ไขมาตรา 112 เป็นการล้มล้างการปกครองหรือไม่ ถ้าผลออกมาอย่างที่คาดการณ์กัน ก็ถึงเวลาแล้วที่ภารกิจล้มล้างการปกครองมาถึงพวกเราแล้ว
.

'แฟนคลับ' รอชม!! หนังสารคดีชีวิต 'รุ้ง-ปนัสยา'  เตรียมฉายเปิดตัวในเทศกาล Chain NYC ที่นิวยอร์ก

ภาพยนตร์แนวสารคดีสั้น เรื่อง 'The Cost of Freedom' กำกับโดย พริมริน พัวรัตน์ (เปียโน) และ อรอริสา ทรัพย์สมปอง (แพง) 2 ผู้กำกับหญิงของไทย

'The Cost of Freedom' เป็นสารคดีชีวิตของ 'รุ้ง' น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล นักเคลื่อนไหวทางการเมืองไทย กลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม เตรียมที่จะฉายเปิดตัวในเทศกาล Chain NYC Film Festival ที่มหานครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา

หวังว่า ภาพยนตร์สารคดีเรื่องนี้ จะได้มีโอกาสฉายในประเทศไทย และจะได้พื้นที่อิสระในการสร้างสรรค์งานที่มีคุณภาพต่อไป

'อดีตทูตนริศโรจน์' ชี้!! เหตุสารคดี 'แกนนำม็อบหญิงไทย' ได้ฉายในนิวยอร์ก ส่วนหนึ่งของแผนจัดฉากเพื่อหวังผลเข้ามาชี้นำการเมืองไทย 

(3 ส.ค. 66) นายนริศโรจน์ เฟื่องระบิล อดีตเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ก Fuangrabil Narisroj ว่า...

เห็นข่าวที่มีการแอบทำหนังสารคดีเกี่ยวกับแกนนำม็อบ ผู้หญิง คนนึง เพื่อนำไปออกฉายที่นิวยอร์ก!!

ไม่แปลกใจเลยเพราะการทำสื่อสารคดีแนวแบบนี้ ชาติมหาอำนาจ เขาถนัดยิ่งนัก เพราะเขาคุมสื่อโลกในมือ

คงจำได้ว่าเคยมีการทำสื่อสารคดีโดยสำนักข่าวชาติมหาอำนาจเพื่อหาทางเข้าโจมตีอิรัก ซีเรีย มีคนจับได้ว่าภาพเด็กที่บาดเจ็บ หรือ นอนตาย นั้นแท้จริงเป็นการ 'จัดฉาก' เด็กคนเดียวกันไปปรากฏว่า ตาย หรือ บาดเจ็บในหลายสถานที่

ผู้ปกครองที่อุ้มเด็กร้องไห้ปานจะขาดใจ ก็ปรากฏตัวในหลายพื้นที่ หลายซีน เรียกว่า ตายและเจ็บกันหลายหน หลายวาระ

ฉากที่ ISIS ฆ่าคนแบบทารุณ ก็มีคนจับไต๋ได้ว่าจัดฉากทำกันในสตูดิโอ เพราะคนเจอพิรุธที่ข้อมือของของ ISIS มีรูปดาวเดวิด บางคนที่ข้อมือกับรองเท้าลืมเปลี่ยน และดันไปตรงกับทหาร Marine คนนึง

ฉากทารุณสมัยนี้ใช้ CG ช่วย จะให้หวาดเสียวเลือดท่วมแค่ไหนทำได้หมด

และจากหนังสารคดีจัดฉากบิดเบือนเหล่านี้นี่เอง คือข้ออ้างของชาติมหาอำนาจในการอ้างสิทธิอันชอบธรรมในการเข้าไปรุกราน ครอบงำ และยึดครองประเทศอื่น

หนังสารคดีเกี่ยวกับแกนนำม็อบก็เช่นกัน เป็นส่วนนึงของแผนในการเข้ามาชี้นำการเมืองไทย 

จงรู้เท่าทัน !

'เพจดัง' ถาม? สารคดี 'COST OF FREEDOM' ของรุ้ง-ปนัสยา มีดีเบตกับ 'อ.อานนท์' และ 'ภาพถือกระเป๋าหรู 2 แสน' หรือไม่?

(4 ส.ค. 66) กรณีเพจเฟซบุ๊ก ‘สมาคมผู้กำกับภาพยนตร์ไทย’ ประชาสัมพันธ์หนังสารคดี น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือ รุ้ง แกนนำม็อบราษฎรหรือกลุ่มสามนิ้ว และ ผู้ต้องหาคดีมาตรา 112 เรื่อง ‘The Cost of Freedom’ เตรียมที่จะฉายเปิดตัวในเทศกาล Chain NYC Film Festival ที่มหานครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา หวังว่า ภาพยนตร์สารคดีเรื่องนี้ จะได้มีโอกาสฉายในประเทศไทย และจะได้พื้นที่อิสระในการสร้างสรรค์งานที่มีคุณภาพต่อไป

ล่าสุด เพจเฟซบุ๊ก เสธPlay โพสต์ข้อความว่า "สารคดี COST OF FREEDOM ของรุ้งที่กำลังโฆษณาใหญ่โตจะมีฉากนี้มั้ยครับ?"

โดยเผยแพร่คลิปสั้น ๆ ตอนหนึ่งของการดีเบตระหว่าง รุ้ง ปนัสยา กับ ผศ.ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ อาจารย์สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ประเด็น ‘พ.ร.บ.จัดระเบียบทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ 2561’ ในรายการ ‘ถามตรง ๆ กับจอมขวัญ’ ซึ่งเห็นได้ชัดเจนว่า รุ้งแพ้ยับ เมื่อดร.อานนท์อธิบายข้อมูลและกฎหมายได้ละเอียดครบถ้วน ทำให้รุ้งไปไม่เป็นและนิ่งเงียบ

เพจ ‘เสธPlay’ ยังได้โพสต์ภาพ รุ้ง ปนัสยา ถือกระเป๋าหรูแบรนด์เนมหลุยส์ วิตตอง ราคาใบละ 2 แสนบาท พร้อมระบุว่า "ประชาธิปไตยนี้ดี สู้แล้วรวย"

‘ปิยบุตร’ ชื่นมื่น ฉลองครบรอบแต่งงาน 7 ปีกับภรรยาชาวฝรั่งเศส ชาวเน็ตอวยแซะ!! ขอให้รักสดใส มีลูกชายหญิงเหมือน ‘เพนกวิน-รุ้ง’

(6 ส.ค. 66) นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า อดีตผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล ได้ทวีตข้อความในทวิตเตอร์ส่วนตัวชื่อ ‘Piyabutr Saengkanokkul’ พร้อมแนบรูปที่ถ่ายคู่กับภรรยาชาวฝรั่งเศส ระบุข้อความว่า…

“ครบรอบ 7 ปีแต่งงาน 🧡🧡🧡🧡🧡🧡🧡”

ภายหลังจากทวีตข้อความไปแล้ว ก็มีผู้ติดตามเข้ามาแสดงความคิดเห็นและอวยพรมากมาย เช่น 

- น่ารักค่อดๆ อะค้าบ
- Happy Anniversary! ครับ
- มีความสุขตลอดไปนะคะอาจารย์
- อาจารย์ป๊อกมีความสุขมากๆ ค่า🧡🙏🏻🎉 happy anniversary 🍾

นอกจากนี้ ก็ยังมีผู้ใช้ทวิตเตอร์ที่มีความคิดเห็นทางการเมืองแตกต่างกันเข้ามาแสดงความคิดเห็นด้วยเช่นกัน เช่น

- ขอให้ได้ไปอยู่ฝรั่งเศสเมืองในฝันโดยเร็วครับ
- ขอให้มีลูกที่น่ารักเหมือนน้องหยกนะบองป๊อก ✨✨✨✨✨🥰
- มีลูกให้เหมือนนังหยกเด็กนรก ที่ทุกวันนี้พวกคุณเข้าไปล้างสมองจนกู่ไม่กลับ ขออวยพรให้ ดั่งที่เราให้พร
- ขออวยพร ใครที่ทำร้ายชาติ สถาบันพระมหากษัตริย์ ขอให้ได้รับแต่ความฉิบหาย 7 ชั่วโคตร...นะฉิบหาย โมตายโหง พุทเข้าโลง ธาดับสูญ ยะสลายกลายเป็นดิน...

- ขอให้ภรรยาคุณเหมือนคุณเจี๊ยบ อมรรัตน์ ขอให้ถ้ามีบุตรและธิดาขอให้มีนิสัยแบบแพนกวินกะหยก และสุดท้ายขอให้คุณปิยบุตรสมหวังได้ไปที่ชอบ ที่ชอบ สาธุ

- ขออวยพรให้คู่ของอาจารย์ ซื่อสัตย์ต่อกันเหมือนคุณเอกซื่อสัตย์ต่อภรรยา ขอให้ภรรยาของอาจารย์ใจกว้างต่อบริวารเหมือนคุณเจี๊ยบปฏิบัติต่อสารถี ขอให้มีบุตรชายหญิงที่มีพยาธิสภาพน่ารักเหมือนน้องกวิ้น-น้องรุ้งและมีกิริยาน่าเอ็นดูเหมือนน้องหยก มีวาจาคมคายเหมือนคุณไอซ์ค่ะ 🤗🤗🤗

ศาลฯ พิพากษา คดี #ม็อบ10กุมภา ปี 64 สั่งจำคุก ‘รุ้ง-ไมค์-ครูใหญ่’ คนละ 9 เดือน

(15 พ.ย. 66) ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน เปิดเผยว่า…

วันนี้ (15 พ.ย.) ศาลอาญากรุงเทพใต้มีคำพิพากษา คดี #ม็อบ10กพ64 ตีหม้อไล่เผด็จการ ที่สกายวอล์กปทุมวัน กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2564 โดยมี น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือ รุ้ง, นายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือ ไมค์ และ นายอรรถพล บัวพัฒน์ หรือ ครูใหญ่ เป็นจำเลย

โดยระบุว่า ทั้งสามมีความผิดตาม ป.อาญา ม.215, กีดขวางทางสาธารณะ และใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุกคนละ 1 ปี ปรับคนละ 700 บาท จำเลยให้การเป็นประโยชน์ ลดโทษให้ 1 ใน 4 คงจำคุกคนละ 9 เดือน ปรับคนละ 525 บาท ไม่รอลงอาญา

ยกฟ้องข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน, ทำร้ายเจ้าพนักงาน, ทำให้เสียทรัพย์ และ พ.ร.บ.ความสะอาด

ขณะนี้อยู่ระหว่างยื่นประกันระหว่างอุทธรณ์


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top