Thursday, 2 May 2024
ระเบิด

กลุ่มต่อต้านรบ. เมียนมา ก่อเหตุคาร์บอมบ์ ย่านเศรษฐกิจในเมียวดี ใกล้ 'สะพานไทย-เมียนมา' 

24 เม.ย. 65 ที่ชายแดนไทย-เมียนมา จังหวัดเมียวดี รัฐกะเหรี่ยง สหภาพเมียนมา ตรงข้าม อ.แม่สอด จ.ตาก ทางการเมียวดี สหภาพเมียนมา ได้เสริมกำลังทหาร เข้ามาประจำการในพื้นที่ย่านเศรษฐกิจในเมืองเมียวดี รวมทั้งเร่งให้หน่วยสืบสวนและหน่วยข่าวกรอง เร่งสืบสวน หาข่าวและติดตาม หากลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุระเบิดคาร์บอมบ์ ที่ได้ก่อเหตุรุนแรงเมื่อช่วงกลางดึกคืนที่ผ่านมา

รายงานข่าวแจ้งว่า ได้เกิดเหตุมีกลุ่มต่อต้านรัฐบาลเมียนมา ได้ก่อเหตุคาร์บอมบ์ ระเบิดแสวงเครื่อง บริเวณหน้าโรงแรมแห่งหนึ่งในจังหวัดเมียวดี เชิงสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา ข้ามแม่น้ำเมย แห่งที่ 1 ซึ่งนับเป็นการโจมตีที่ค่อนข้างรุนแรง ซึ่งเสียงระเบิดคาร์บอม ได้ดังสนั่นหวั่นไหวได้ยินชัดเจนถึงฝั่งไทยที่ อ.แม่สอด ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวนี้ ได้รับความเสียหายอย่างหนัก เนื่องจากบริเวณจุดเกิดเหตุ เป็นย่าน ธุรกิจ การค้า พาณิชย์ มีตึกแถว อาคารพาณิชย์ บ้านเรือนประชาชน รถยนต์ สิ่งของ เครื่องใช้ บริเวณดังกล่าว ฯลฯ ได้รับความเสียหายอย่างมาก เบื้องต้นทราบว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต

‘บิ๊กป้อม’ ล่าก๊วนป่วนภาพลักษณ์ไทย หลังเหตุระเบิด 2 ปั๊มน้ำมันยะลา

พล.อ.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกประจำ รอง นรม. เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง นรม. ได้สั่งการ กอ.รมน.ภาค 4 (ส่วนหน้า) และหน่วยงานความมั่นคงให้ขยายผลสืบสวนติดตามจับกุมผู้ก่อเหตุระเบิดป่วนปั๊มน้ำมัน 2 จุด ที่ อ.ยะหริ่ง และ อ.เมือง จ.ยะลา เป็นเหตุให้สถานีเชื้อเพลิงได้รับความเสียหายเมื่อคืนที่ผ่านมา 

พร้อมย้ำ ขอให้หน่วยงานข่าวและหน่วยงานความมั่นคง เฝ้าระวังป้องกัน ไม่ประมาทจากการก่อเหตุทั้งในและนอกพื้นที่ที่อาจเกิดขึ้น โดยให้ยกระดับความเข้มข้น ตื่นตัวเฝ้าระวังและตรวจสอบติดตามความเชื่อมโยงกับกลุ่มเป้าหมายทั้งในและนอกพื้นที่ โดยเฉพาะการเชื่อมโยงข้อมูลกับเทคโนโลยีเฝ้าตรวจ เพื่อปฏิบัติการป้องกันเชิงรุกและสามารถปฏิบัติการแก้ปัญหาต่อเหตุการณ์และเป้าหมายได้รวดเร็วทันต่อสถานการณ์

โจรใต้ลอบวางระเบิดขบวนรถ รองแม่ทัพภาค 4 ทหารเสียชีวิต 2 เจ็บ 1 ‘พ.ต.ไพศาล’ รอดหวุดหวิด

(4 มี.ค. 66) ‘คุณวาสนา นาน่วม’ ผู้สื่อข่าวสายทหาร หนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ และโพสต์ทูเดย์ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า…

บึ้ม! ขบวนรถ รองแม่ทัพภาค 4 ‘พลตรีไพศาล หนูสังข์’ รอดหวุดหวิด หน่วย EOD พลีชีพ 2 หลังนำทีมเข้าตรวจสอบเหตุยิงฐาน ฉก.ทพ. 4906 บ้านไออาร์แซ อำเภอศรีสาคร จังหวัดนราธิวาส คาดเป็นแผนก่อเหตุ และลวงให้เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบวางระเบิด ดักใต้ถนนลากสายกดชนวนรถ EOD ติดเครื่อง Jammer โดนระเบิด ถือเป็นเหตุใหญ่ที่เกิดขึ้น ในขณะที่ ‘พลเอก Zulgifli’ ผู้อำนวยความสะดวก การพูดคุยสันติสุขฯ ของรัฐบาลมาเลเซีย เพิ่งเสร็จสิ้นการเดินทางลงพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทย

มีรายงานว่า เมื่อช่วง บ่าย 15.10 น. วันที่ 3 มีนาคม 2566 ที่ผ่านมา เกิดเหตุวางระเบิดในพื้นที่ อ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส ขบวนรถของพลตรีไพศาล หนูสังข์ รองแม่ทัพภาค 4 ที่เดินทางออกจากการตรวจสอบที่เกิดเหตุหลังยิงฐานปฎิบัติการ ฉก.ทพ. 4906 บ้านไออาร์แซ ต.ศรีสาคร อ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส ที่เกิดเหตถ ตั้งแต่เช้า 2 มีนาคม 2566

จากแรงระเบิดทำให้รถนำขบวนที่เป็นชุด EOD ฉก.อโณทัย ได้รับความเสียหาย ทหารหน่วย EOD บาดเจ็บ 3 นาย และพบว่า 2 นาย เสียชีวิตในเวลาต่อมา

‘บิ๊กตู่’ แสดงความเสียใจเหตุลอบวางระเบิดชุด EOD สั่งเยียวยา-ช่วยเหลือผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตให้ดีที่สุด

(4 มี.ค. 66) พล.อ.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้กล่าวแสดงความเสียใจ กับครอบครัวของกำลังพลชุด EOD จำนวน 2 นาย และกำลังพลที่ได้รับบาดเจ็บ 3 นาย จากการถูกกลุ่มก่อความไม่สงบในพื้นที่ จชต.ลักลอบวางระเบิด ขณะเดินทางปฏิบัติงานในพื้นที่ บ้านไออาร์แซ ตำบลศรีสาคร อำเภอศรีสาคร จังหวัดนราธิวาส ในช่วงเย็นวานนี้ (3 มี.ค.66)

โดยทางนายกระฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้สั่งการให้ กองทัพบก และ กอ.รมน.ภาค 4 นำผู้เสียชีวิต ร่วมประกอบพิธีทางศาสนาอย่างสมเกียรติ และช่วยเหลือดูแลผู้ได้รับบาดเจ็บอย่างดีที่สุด รวมทั้งให้เยียวยาและดูแลสิทธิกำลังพลและครอบครัว ผู้ได้รับบาดเจ็บและสูญเสียอย่างต่อเนื่อง

คำต้องห้ามทางการบินทั่วโลก โทษหนัก!! แต่เบาหวิวในไทย

ไม่กี่วันก่อนมีข่าว ‘เล็ก’ ที่เป็นเรื่อง ‘ใหญ่’ พอสมควร แม้จะไม่ทันเกิดเรื่องใหญ่เช่นที่ว่ามาก็ตาม กรณีนั้นเกิดจากกลุ่มคนมีชื่อเสียงบนโลกคลิปวิดีโอออนไลน์แพลตฟอร์มยูทูบ (youtube.com) หรือรู้จักกันว่า ‘ยูทูบเบอร์’ (YouTuber) นั่นเอง

กลุ่มคนเหล่านั้นทั้งหมดสร้างบทสนทนาอันตรายในท่าอากาศยานแห่งหนึ่ง โดยข่าวอธิบายคำพูดบางส่วนออกมาประมาณนี้...

สมมติ 1 : มันมีก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นปลา ‘ระเบิด’ 
สมมติ 2 : พี่ลองไปพูดตรงที่ตรวจคนเข้านะ จะได้โดนไล่ออกไปเลย ไปค่ะ เชิญ
สมมติ 1 : กูอยากกินก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นปลา ‘ระเบิด’
สมมติ 2 : พี่กำลังล้อเล่นกับระบบ ทำเป็นแบบว่าล้อเล่น พลิกลิ้น พลิกแพลง ลองไปพูดตรงโน้นเลยค่ะ 
สมมติ 1 : มึงแต่งตัวเปรี้ยว ‘ระเบิด’ อันนี้ได้ไหม 
สมมติ 2 : พี่…หนูไม่รู้ด้วยนะ

เป็นที่รู้กันว่าคำเรียก ‘ระเบิด’ (Bomb) หรือคำอันมีความหมายเกี่ยวข้อง ล้วนคือ คำต้องห้ามทุกกรณีในสนามบินทุกแห่งทั่วโลก รวมถึงบนอากาศยาน และอาณาเขตปริมณฑลโดยรอบ ซึ่งไทยเราบัญญัติกฏหมายไว้อย่างรุนแรง โดยถือว่า “...แจ้งข้อความซึ่งเป็นเท็จ จนเป็นเหตุ หรือน่าจะเป็นเหตุ ให้ผู้ที่อยู่ในท่าอากาศยาน หรือในอากาศยานระหว่างการบิน ตื่นตกใจ ต้องโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ”

หลายปีก่อนมีเด็กวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งขึ้นโดยสารเครื่องบินเที่ยวบินภายในประเทศ และคะนองปาก (ด้วยปราศจากบุพการีอันจะคอยเคยสั่งสอนอบรมหรือไม่ก็หาทราบ) หนึ่งในนั้นตะโกนหยอกเพื่อนว่า “กูพกระเบิดมาด้วยนะเว้ย!”

เพียงไม่กี่พยางค์เท่านั้น ลูกเรือจึงแจ้งต่อกัปตันผู้ควบคุมเครื่องฯ จนที่สุดคำสั่ง ‘ฉุกเฉิน - งดบิน’ ก็เกิดพร้อมกับการเข้าตรวจทุกซอกมุม กระเป๋าทุกใบ และไม่พ้นกับผู้โดยสาร (และลูกเรือ) ทุกๆ คน ส่วนเด็กปากเปราะต้นเหตุก็ถูกนำไปสอบสวนปากคำ - กักตัวชั่วคราว รอผู้ปกครอง (ที่ไม่ค่อยว่างสอนลูกหลาน) มารับตัวกลับบ้าน หลังจ่ายค่าปรับเต็มจำนวนที่กฏหมายระบุ

‘ลาว’ จุดยุทธศาสตร์สำคัญในสงครามเวียดนาม ประเทศที่ถูกทิ้งระเบิดถล่มมากที่สุดในโลกที่ไม่ใครสนใจ

(7 มิ.ย. 66) ในช่วงสงครามเวียดนาม ประเทศลาวเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่ถูกสหรัฐฯ ทิ้งระเบิดถล่มอย่างหนัก จนทำให้ประเทศนี้ มีอัตราระเบิดต่อหัวประชากรมากที่สุดในโลก

1.) จนถึงทุกวันนี้ยังมีชาวลาวต้องเสียชีวิตจากระเบิดที่สหรัฐอเมริกาทิ้งเอาไว้ ณ วันที่ 3 ธันวาคม 2564 เจ้าหน้าที่กวาดล้างระเบิด UXO ของลาวเสียต้องสละชีวิตไป 3 คน และบาดเจ็บ 2 คนจากเหตุระเบิดในหมู่บ้านกิโลเมตร 38 เมืองปากช่อง แขวงจำปาสัก จากการรายงานของ Laotian Times สื่อภาษาอังกฤษในลาว

2.) UXO (Unexploded ordnance) หรือระเบิดที่ยังไม่ได้ถูกจุดชนวน ถูกทิ้งไว้โดยสหรัฐอเมริกาในช่วงสงครามอินโดจีนครั้งที่ 2 (หรือสงครามเวียดนาม) ทำให้ ‘ลาวถือเป็นประเทศที่ถูกทิ้งระเบิดอย่างหนักที่สุดในโลกในอัตราต่อหัวประชากร’ จากข้อมูลของเว็บไซต์ Legacies of War องค์กรที่สร้างความตระหนักเกี่ยวกับประวัติศาสตร์การทิ้งระเบิด ในยุคสงครามเวียดนามในประเทศลาว และสนับสนุนการกวาดล้างระเบิดที่ยังไม่ระเบิด

3.) ย้อนกลับไปในช่วงสงครามเวียดนาม ขณะที่สหรัฐฯ กำลังรบในเวียดนามอยู่นั้น ในลาวก็เกิดสงครามกลางเมืองขึ้นมาด้วยระหว่างฝ่ายคอมมิวนิสต์หรือ ‘ขบวนการปะเทดลาว’ ที่เอียงไปทางเวียดนามและฝ่ายรัฐบาลราชอาณาจักรลาวที่ได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐฯ ทำให้ลาวถูกดึงเข้าสู่ความขัดแย้งครั้งใหญ่ กลายเป็นสงครามที่เรียกว่า ‘สงครามลับ’ ในลาว

4.) จากข้อมูลของ Legacies of War ระบุว่าตั้งแต่ปี พ.ศ. 2507 ถึง พ.ศ. 2516 สหรัฐฯ ทิ้งระเบิดในลาวมากกว่า 2 ล้านตัน ระหว่างภารกิจทิ้งระเบิด 580,000 ครั้ง ซึ่งเท่ากับเครื่องบินบรรทุกระเบิดไปทิ้งทุกๆ 8 นาทีตลอด 24 ชั่วโมงต่อวัน เป็นเวลา 9 ปี การทิ้งระเบิดดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของสงครามลับในลาวเพื่อสนับสนุนรัฐบาลลาว เพื่อต่อต้านขบวนการปะเทดลาวที่ปักหลักตามภูเขา และเพื่อสกัดกั้นฝ่ายเวียดนามเหนือในจากการใช้ ‘เส้นทางโฮจิมินห์’ ซึ่งเป็นทางลัดที่ฝ่ายเวียดนามเหนือตัดเข้ามาในลาวเพื่อเข้าโจมตีเวียดนามใต้

5.) แม้สงครามจะจบลงแล้ว ด้วยการถอนตัวจากสงครามเวียดนาม (หรือพ่ายแพ้) ของสหรัฐฯ และชัยชนะของเวียดนามเหนือและฝ่ายคอมมิวนิสต์ในลาว แต่ระเบิดมากถึงหนึ่งในสามไม่ระเบิด ทำให้แผ่นดินลาว ‘ปนเปื้อน’ ไปด้วย UXO จำนวนมาก ผู้คนกว่า 20,000 คนเสียชีวิตหรือได้รับบาดเจ็บจาก UXO ในประเทศลาวนับตั้งแต่การทิ้งระเบิดยุติลง ตามข้อมูลของ Legacies of War

6.) แต่มันไม่ใช่ระเบิดเป็นลูกใหญ่ๆ เท่านนั้น เพราะส่วนใหญ่มัน คือ ‘ระเบิดลูกปราย’ (Cluster munition/cluster bomb ) ที่เป็นระเบิดลูกเล็กๆ ที่อยู่ในระเบิดลูกใหญ่อีกต่อหนึ่ง มันถูกออกแบบมาเพื่อทำลายรันเวย์หรือสายส่งกำลังไฟฟ้า เพื่อกระจายอาวุธเคมีหรือชีวภาพ หรือเพื่อกระจายทุ่นระเบิด แต่ในสงครามลับในลาว มันถูกทิ้งแบบปูพรมเพื่อทำลายขบวนการคอมมิวนิสต์ที่หลบซ่อนตามป่าทึบ

7.) ระเบิดลูกปรายลูกใหญ่แต่ละลูกบรรจุลูกระเบิดเดี่ยว หรือที่เรียกว่า ‘บอมบี’ (bombies) หลายร้อยลูก ซึ่งมีขนาดประมาณลูกเทนนิส ประมาณ 30% ของระเบิดเหล่านี้ยังไม่เกิดการระเบิด มันถูกทิ้งไว้ในแผ่นดินลาวมากมายมหาศาล รอวันที่ผู้คนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่จะไปพบ แล้วหยิบมันขึ้นมาหรือโยนเล่นโดยไม่รู้เรื่อง แล้วก็เกิดโศกนาฏกรรมขึ้น ทำให้มากกว่าครึ่งหนึ่งของจำนวนผู้เสียชีวิตที่ได้รับการยืนยันจากระเบิดคลัสเตอร์ในโลกเกิดขึ้นที่ลาว

8.) Legacies of War เปิดเผยว่าลาวถูกทิ้งระเบิดลูกปรายกว่า 270 ล้านลูกในช่วงสงครามเวียดนาม (มากกว่าการทิ้งระเบิดในอิรัก 210 ล้านลูกในปี 2534, 2541 และ 2549 รวมกัน) มากถึง 80 ล้านลูกที่ยังไม่ระเบิด เกือบ 40 ปีผ่านไปหลังสงคราม น้อยกว่า 1% ของระเบิดเหล่านี้ที่ถูกทำลาย และพื้นที่ที่เต็มไปด้วยระเบิดมากที่สุดแห่งหนึ่งของลาวคือแถบแขวงเชียงขวาง และแขวงตอนกลางและตอนใต้ เช่น คำม่วน สะหวันนะเขต, สาละวัน, อัตตะปือ, เซกอง และบางส่วนของจำปาสัก

9.) สถานการณ์ทุกวันนี้เริ่มที่จะดีขึ้นมาบ้าง เพราะในแต่ละปีมีผู้บาดเจ็บล้มตายรายใหม่ในลาวเพียง 50 รายจากระเบิดลูกปราย ลดลงจาก 310 รายในปี 2551 อุบัติเหตุเกือบ 60% ส่งผลให้เสียชีวิต และ 40% ของเหยื่อเป็นเด็ก (เช่นไปพบลูกบอมบีแล้วคิดว่าเป็นของเล่นแล้วนำมาโยนใส่กัน) จากข้อมูลของ Legacies of War

10.) สหรัฐฯ เองก็ไม่ได้ทอดทิ้งลาว หลังจากรื้อฟื้นความสัมพันธ์แล้ว สหรัฐฯ ก็ช่วยเหลือลาวในการกู้ระเบิดอยู่เนืองๆ เพียงแต่มันเป็นเงินที่เทียบไม่ได้กับงบประมาณที่สหรัฐฯ ทุ่มเทไปกับการ ‘ทำลายล้างลาว’ เพราะในช่วงสงคราม สหรัฐฯ ใช้เงิน 13.3 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ต่อวัน เป็นเวลา 9 ปีในการทิ้งระเบิดลาว Legacies of War ประเมินว่า ในเวลาเพียง 10 วันของการทิ้งระเบิดที่ลาว สหรัฐฯ ใช้เงินไป 130 ล้านดอลลาร์ หรือมากกว่าที่ใช้ในการเคลียร์ระเบิดในลาวตลอดเกือบ 30 ปีที่ผ่านมา

‘อ.เจษฎ์’ คาดต้นเหตุสลด โรงเรียนดังย่านนางเลิ้ง ขณะซ้อมดับเพลิง บรรจุแก๊สเพิ่ม-วางตากแดด-ไม่มีวาล์วเซฟตี้

กรณีเมื่อวันที่ 23 มิ.ย.66 เวลา 11.22 น. เกิดเหตุระเบิดในโรงเรียนมัธยมชื่อดัง ย่านนางเลิ้ง เบื้องต้นมีนักเรียนเสียชีวิต 1 ราย และบาดเจ็บอีกจำนวนมาก

โดยมีรายงานว่า ทางโรงเรียนได้เชิญเจ้าหน้าที่ดับเพลิงสามเสนมา ทำการซักซ้อมการควบคุมเพลิง พร้อมวิธีการอพยพให้กับเด็กนักเรียน ระหว่างที่เจ้าหน้าที่เปิดแก๊สถังขนาด 20 กก. และทำการจุดไฟเพื่อสาธิตวิธีการดับไฟเบื้องต้น แก๊สได้รั่วไหลออกมาจนเป็นเหตุให้ระเบิดจนทำให้ผู้เสียชีวิตกระเด็นไปไกลกว่า 10 เมตร ขณะที่เจ้าหน้าที่ซึ่งทำหน้าที่เป็นวิทยากร ได้รับบาดเจ็บด้วยเช่นกัน

ต่อมา อาจารย์เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊ก อ๋อ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง by อาจารย์เจษฎ์ ระบุข้อสันนิษฐานเบื้องต้นของเหตุถังดับเพลิงระเบิด คาดว่า เป็นเพราะถังดังกล่าวถูกนำไปบรรจุแก๊สเพิ่ม และวางตากแดดเป็นเวลานานจนอุณหภูมิเพิ่มสูงขึ้น ทำให้แรงดันขยายตัวและระเบิด เนื่องจากไม่มีวาล์วเซฟตี้ติดตั้งอยู่ครับ
พร้อมแนะนำเรื่องการเก็บรักษาดูแลถังดับเพลิง ดังนี้

หลีกเลี่ยงการติดตั้งไว้ในที่ที่มีอุณหภูมิสูง มีความชื้นสูง หรือเกิดความสกปรกได้ง่าย เช่น ตากแดด ตากฝน หรือติดตั้งใกล้จุดกำเนิดความร้อนต่างๆ เช่น เตาไฟ หรือเครื่องจักรที่มีความร้อนสูง
ทำความสะอาดตัวถัง และอุปกรณ์(สายฉีด, หัวฉีด) เป็นประจำเพื่อตรวจดูสภาพตัวถังและอุปกรณ์อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน และมีสภาพใหม่อยู่เสมอ

หากเป็นเครื่องดับเพลิงชนิดผงเคมีแห้ง ควรยกถังพลิกคว่ำ-หงาย ประมาณ5-6ครั้ง ทุกๆ3-6เดือน เพื่อให้ผงเคมีมีการเคลื่อนตัวและไม่จับตัวเป็นก้อน
เครื่องดับเพลิงที่มีอายุเกิน 5 ปีขึ้นไป ควรส่งมาตรวจสอบที่บริษัทเพื่อตรวจเช็คสภาพของตัวเครื่องและทำการถ่ายเคมีออกและบรรจุใหม่

ถ้าแรงดันในถังเกิน (OVERCHARGE) สูงกว่าแรงดันปกติ (195 psi)สภาพถังอาจจะบวมหรือแตกออก หากแรงดันขึ้นสูงเกิน 1000psi อาจทำให้เกิดอันตรายเนื่องจากถังอาจระเบิดได้!!! ควรติดต่อบริษัทให้ดำเนินการแก้ไขโดยด่วน หมายเหตุ:
เครื่องดับเพลิงชนิด CO2 จะไม่มีมาตรวัดแรงดัน ผู้ใช้สามารถตรวจวัดก๊าซ ภายในถังได้โดย วิธีชั่งน้ำหนัก หากน้ำหนักก๊าสภายในถังลดลงต่ำกว่า80 % ควรติดต่อบริษัทเพื่อทำการดำเนินการบรรจุใหม่ในทันที

เกิดเหตุระเบิดที่บาร์กลางกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น คาดมีแก๊สรั่วภายในอาคาร เบื้องต้นบาดเจ็บ 4 ราย

เมื่อวันที่ 3 ก.ค. 66 เกิดเหตุระเบิด และเพลิงไหม้อาคารหลังหนึ่งในย่านชิมบาชิ ใจกลางกรุงโตเกียว เมืองหลวงของญี่ปุ่น เมื่อเวลาราว 14.40 น. ตามเวลาท้องถิ่น หรือราว 12.40 น. เวลาประเทศไทย โดยเหตุระเบิดทำให้เศษกระจก และเศษคอนกรีตปลิวกระจายในพื้นที่

เจ้าหน้าที่เปิดเผยว่า สามารถควบคุมเพลิงเอาไว้ได้ในเวลาต่อมา โดยมีประชาชนได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย 4 คน โดยระบุว่า พวกเขาเห็นเปลวเพลิงออกมาจากหน้าต่างหลายบานบนชั้นสอง และได้กลิ่นแก๊ส

ตำรวจเปิดเผยว่า จากการสอบสวนเบื้องต้นพบว่า เหตุระเบิดเกิดขึ้นที่บาร์แห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่บนชั้น 2 ของอาคาร ซึ่งผู้จัดการบาร์ดังกล่าว ระบุว่า เขาพยายามจะจุดบุหรี่ในจุดที่ให้สูบบุหรี่ในอาคาร ซึ่งทำให้เกิดระเบิดตามมา โดยคาดว่าน่าจะมีแก๊สอยู่เป็นปริมาณมากในอาคาร ซึ่งเจ้าหน้าที่กำลังรวบรวมหลักฐานเพื่อยืนยันรายละเอียดอีกครั้ง

สำหรับอาคารที่เกิดระเบิดนี้ มีความสูง 8 ชั้น ตั้งอยู่ใกล้กับสถานีรถไฟ JR ชิมบาชิ  ที่เต็มไปด้วยบาร์ ร้านอาหารชื่อดัง และบริษัทต่าง ๆ ด้วย

'ปัตตานี' ระอุ!! ลอบบึ้มรถทหารตาย 1 เจ็บ 7 ราย เชื่อ!! ฝีมือกลุ่มก่อความไม่สงบสร้างสถานการณ์

(3 ส.ค. 66) เมื่อเวลา 10.00 น. พ.ต.อ.ธีรพจน์ ยินดี ผกก.สภ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี ได้รับแจ้งมีเหตุลอบวางระเบิดมีเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บหลายราย เหตุเกิดบนถนนสายนราธิวาส-ปัตตานี ม.3 ต.ตันหยงดาลอ หลังรับแจ้งจึงรายงานให้ พล.ต.ต.อาซาน จันทร์ศิริ ผบก.ภ.จ.ปัตตานี ทราบพร้อมประสานชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดและนำกำลังไปที่เกิดเหตุ ไปถึงเจ้าหน้าที่ได้ปิดเส้นทางฝั่งปัตตานี-นราธิวาส ชั่วคราวเพื่อให้เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบและเก็บวัตถุพยานในที่เกิดเหตุ พบรถบรรทุก 6 ล้อของทหาร ป้ายกงจักร 3036 ในสภาพรถด้านหน้าพังเสียหาย กระจกแตก ล้อขวาด้านหน้าแตก ทำให้มีเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บทันที 6 นายในจำนวนนี้บาดเจ็บสาหัส 1 นาย ถูกนำส่ง รพ.ยะหริ่ง แพทย์พยายามช่วยชีวิตอย่างเต็มที่ ก่อนจะเสียชีวิตในเวลาต่อมา ทราบชื่อ ส.อ.ศุภกร ศิริเสถียร ทำหน้าที่พลขับมีบาดแผลถูกสะเก็ดระเบิดที่ใบหน้าและลำตัวหลายแห่ง ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บ 5 นาย แพทย์ได้ทำการรักษาจนปลอดภัยแล้ว ทราบชื่อ จ.ส.อ. สถาพร กล้าจริง, พลฯ เจษฎา คงโต, พลฯ พัชรพล วิจิตรโสภา, พลฯ ธรรมรัก จิ้วบุญชู และ พลฯ ไตรวิชญ์ นุ่นด้วง นอกจากนี้ยังมีประชาชนถูกลูกหลงบาดเจ็บ 2 ราย ทราบชื่อ นายมะการิง สามะ อายุ 50 ปี และนายอับดุลรอฮิง หามะ อายุ 51 ปี ทั้งสองถูกสะเก็ดระเบิดเข้าที่ขาซ้าย

จากการตรวจสอบในที่เกิดเหตุ พบว่าจุดเกิดเหตุอยู่ห่างจากรถบรรทุกของทหารคันเกิดเหตุประมาณ 20 เมตร พบหลุมระเบิดอยู่บริเวณโค่นต้นไม้ บริเวณเกาะกลางถนนแรงระเบิดทำให้ต้นไม้หักทันทีและมีชิ้นส่วนระเบิด สะเก็ดระเบิดกระจายไปทั่วบริเวณ เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน

สอบสวนก่อนเกิดเหตุทราบว่า ทหารชุดดังกล่าวมาจาก กองพันทหารราบที่ 151 ค่ายกัลยานิวัฒนา อ.เมือง จ.นราธิวาส มี จ.ส.อ. สถาพร กล้าจริง เป็นหัวหน้าชุดนำกำลังมาจากค่ายเพื่อมารับสิ่งของสนับสนุนกำลังพลภายในค่ายอิงคยุทธบริหาร อ.หนองจิก จ.ปัตตานี ปรากฏว่าเมื่อมาถึงที่เกิดเหตุ คนร้ายได้กดระเบิดแสวงเครื่อง น้ำหนักประมาณ 10 กิโลกรัม ซุกไว้บริเวณโค่นต้นไม้เกาะกลางถนน จนเกิดระเบิดขึ้นอย่างรุนแรง ส.อ.ศุภกรพยายามแข็งใจขับรถหลบหนี แต่เนื่องจากสภาพลำตัวถูกสะเก็ดระเบิดหลายแห่งทำให้หมดสติรถเสียหลักชนเสาไฟฟ้าเกาะกลางถนนข้ามไปถนนอีกฝั่งก่อนจะเสียชีวิตในที่สุด

หลังเกิดเหตุ พล.ต.ขจรศักดิ์ อินทร์ทอง ผบ.ฉก.ปัตตานี สั่งการให้หน่วยกำลังในพื้นที่กระจายกำลังปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่เกิดเหตุทันทีในรัศมี 500 เมตร เชื่อคนร้ายน่าจะเป็นกลุ่มก่อความไม่สงบในพื้นที่ หลังก่อเหตุมีแนวร่วมในพื้นที่ให้การช่วยเหลือเพื่อหลบหนี

ขณะที่เมื่อเวลา 21.30 น. วันที่ 2 ส.ค. พ.ต.ท.สมศักดิ์ รัตนพันธ์ รอง ผกก. (สอบสวน) สภ.มายอ จ.ปัตตานี ได้รับแจ้งมีเจ้าหน้าที่ถูกยิงเสียชีวิต เหตุเกิดบนถนนบ้านเขาจ๊ะ ริมถนนคลองชลประทาน พื้นที่ ม.1 ต.มายอ นำกำลังไปตรวจสอบพบร่าง ส.ต.อ.ไซฟูดีน เจ๊ะซอ ตำแหน่ง ผบ.หมู่ (ป.) สภ.มายอ นอนเสียชีวิตอยู่ใกล้รถ จยย. สอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ ผู้ตายได้ขับขี่รถ จยย.ออกจากบ้านพักเพื่อไปพบแหล่งข่าวในพื้นที่ แต่ปรากฏว่าถูกคนร้ายขับรถ จยย.ไล่ตามหลังแล้วใช้อาวุธปืนไม่ทราบชนิดกระหน่ำยิงจนเสียชีวิต เจ้าหน้าที่เชื่อว่าเป็นฝีมือกลุ่มก่อความไม่สงบสร้างสถานการณ์

จนท.อพยพประชาชน-นักท่องเที่ยวลงจากหอไอเฟล หลังเจอขู่วางระเบิด ก่อนพบว่าเป็นการเตือนภัยผิดพลาด

(13 ส.ค. 66) สำนักข่าวรอยเตอร์และซีเอ็นเอ็นรายงานว่า มีการอพยพประชาชนลงจากหอไอเฟลและบริเวณใกล้เคียง ในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม เป็นเวลานานหลายชั่วโมงหลังมีการขู่วางระเบิด อย่างไรก็ดี ล่าสุด หอไอเฟลได้เปิดให้นักท่องเที่ยวกลับขึ้นไปบนอาคารได้อีกครั้ง

สถานีโทรทัศน์บีเอฟเอ็มทีวีของฝรั่งเศสระบุว่า เจ้าหน้าที่ได้อพยพนักท่องเที่ยวที่อยู่บนหอไอเฟลทั้ง 3 ชั้นลงมาจากตัวอาคาร รวมถึงอพยพผู้คนที่อยู่บริเวณลานใกล้กับตัวหอไอเฟล เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เร่งตั้งแนวกั้นรักษาความปลอดภัย เปลี่ยนเส้นทางการสัญจรบนท้องถนนโดยรอบ และมีการส่งทีมเก็บกู้ระเบิดมาตรวจสอบในที่เกิดเหตุ

โฆษกของเอสอีทีอี บริษัทผู้ให้บริการหอไอเฟลกล่าวว่า “นี่เป็นมาตรการตามปกติในสถานการณ์เช่นนี้ ซึ่งเกิดขึ้นไม่บ่อยครั้ง” อย่างไรก็ดี หลังจากนั้น 2 ชั่วโมง แหล่งข่าวจากทางตำรวจฝรั่งเศสเผยว่า นักท่องเที่ยวสามารถกลับขึ้นไปบนหอไอเฟลอีกครั้ง เนื่องจากการขู่วางระเบิดดังกล่าวเป็นเพียงการเตือนภัยผิดพลาด

หอไอเฟลถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังและเป็นดั่งสัญลักษณ์ของประเทศฝรั่งเศส มีนักท่องเที่ยวเกือบ 7 ล้านคนเดินทางไปชมหอไอเฟลทุกปี ทั้งนี้ การอพยพนักท่องเที่ยวลงจากหอไอเฟลเกิดขึ้นไม่บ่อยนัก โดยในปี 2019 เจ้าหน้าที่ต้องอพยพประชาชนลงจากหอไอเฟล หลังพบเห็นชายคนหนึ่งกำลังปีนขึ้นไปบนหอไอเฟล


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top