Friday, 17 May 2024
มิ่งขวัญแสงสุวรรณ์

‘มิ่งขวัญ’ ประกาศลาออกจาก ส.ส. ระหว่างการอภิปรายซักฟอกรัฐบาล 

วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2565 นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเศรษฐกิจใหม่ ประกาศลาออกกลางสภา โดยกล่าวในตอนท้ายของการอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงคะแนนว่า “ผมขอลาออก หลังอภิปรายจะเดินไปยื่นหนังสือกับประธานสภาฯ ผมจะออกไปทำหน้าที่นอกสภา ออกไปพิสูจน์ว่าแม้ไม่ได้เป็นรัฐบาล ความเหลื่อมล้ำจะถูกแก้ไขหรือไม่”

‘มิ่งขวัญ’ ยื่นลาออกจาก พปชร. แล้ว หลังเป็นสมาชิกพรรคได้เพียง 22 วัน

(28 ธ.ค. 65) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมานายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ได้ยื่นหนังสือลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรค พปชร. ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แล้ว แต่ยังไม่มีการเปิดเผยข้อมูลใด ๆ

'มิ่งขวัญ' ผุดไอเดีย 'น้ำมันปชช.' หวังปรับลดราคาน้ำมัน แบ่งเบาภาระคนไทย ลั่น!! ทําทันทีเมื่อได้เป็นรัฐบาล

(22 ก.พ. 66) ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ สมาชิกพรรค ในฐานะคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายพรรค พปชร. แถลงผลประชุมคณะกรรมการฯ ถึงแนวคิดเรื่อง ลดราคาพลังงาน ว่า ที่ประชุมเห็นด้วยกับแนวคิดดังกล่าว และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ์ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค พปชร. ได้มอบให้ตนมาพูดเพื่อทำความเข้าใจกับประชาชนในเบื้องต้นก่อน เมื่อได้ข้อสรุปแล้ว พล.อ.ประวิตร จะแถลงให้ทราบต่อไป

ก่อนหน้านี้ ตนได้รับมอบหมายจาก พล.อ.ประวิตร ให้ไปศึกษาในเรื่องราคาพลังงาน ว่าจะสามารถปรับลดลงเพื่อช่วยประชาชนได้ในทางใดบ้าง เพราะราคาน้ำมันเป็นอีกหนึ่งปัจจัยหลัก ที่จะสามารถแก้ปัญหาเรื่องปากท้องให้กับคนไทยได้ โดยจะใช้ชื่อนโยบาย ว่า 'น้ำมันประชาชน'

นายมิ่งขวัญ กล่าวว่า เรามีแนวคิดที่จะมีการเปลี่ยนแปลงด้วยการรื้อโครงสร้างราคาน้ำมัน โดยจะปรับลด 1 ปี นับตั้งแต่เราเป็นรัฐบาล และเมื่อเป็นรัฐบาลแล้วช่วง 3-4 เดือนแรก จะมีคณะกรรมการขึ้นมาปรับโครงสร้างใหญ่ คือ ภาค 2 ที่จะดำเนินการ ซึ่งการปรับลดสามารถทำได้ เมื่อเราเป็นรัฐบาล เพื่อลดรายจ่าย ค่าเดินทาง การขนส่งสินค้า ที่สำคัญที่สุดคือ ลดต้นทุนการผลิตสินค้าทุกขั้นตอน ลดอัตราเงินเฟ้อ และจะทำให้ราคาสินค้า อุปโภคบริโภคของประชาชนถูกลง หากโครงสร้างถูกปรับเปลี่ยน จะสามารถลดราคาน้ำมันเบนซิน ลงได้ประมาณลิตรละ 18 บาท และลดราคาน้ำมันดีเซล ลงประมาณลิตรละ 6 บาท

‘รสนา‘ ยัน ข้อเสนอลดราคาน้ำมันของ ‘มิ่งขวัญ‘ ทำได้จริง เห็นด้วย ปรับโครงสร้างน้ำมันให้เหลือแค่ เบนซิน-ดีเซล

(23 ก.พ. 66) น.ส.รสนา โตสิตระกูล อดีต ส.ว.กรุงเทพมหานคร และอดีตสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ด้านพลังงาน ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ชื่อ ‘รสนา โตสิตระกูล‘ หัวข้อ ‘ข้อเสนอลดราคาน้ำมันเบนซินลง 18 บาท และลดดีเซลลง 6 บาทของมิ่งขวัญ เป็นไปได้หรือไม่ หรือแค่หาเสียง ?!?‘ โดยเนื้อหาระบุว่า...

ข้อเสนอการปรับราคาน้ำมันของ มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ สร้างความแตกตื่นให้กับวงการพลังงาน ทั้งกลุ่มทุนพลังงาน และนักการเมืองฟากฝั่งรัฐบาล ที่ได้รับการอุ้มชูโดยกลุ่มทุนพลังงาน ต้องคัดค้านกันอย่างแข็งขันเป็นแน่

ต้องถือว่า คุณมิ่งขวัญ กล้าเสนอและถ้าจะทำให้ได้จริง ต้องมีการปรับนโยบายแบบ 360 องศากันเลย อยู่ที่ลุงป้อมผู้นำพรรค พปชร. จะกล้าออกมาประกาศเป็นเจตจำนงทางการเมืองอย่างจริงจังหรือไม่ หรือเป็นแค่นโยบายหาเสียงแบบตีหัวเข้าบ้านเหมือนพรรคอื่นในอดีตที่เคยประกาศจะยกเลิกกองทุนน้ำมัน แต่พอได้รับเลือกตั้ง ก็ยอมลดราคาเป็นโปรโมชันให้ 3-4 เดือน แล้วก็กลับมาใช้บริการกองทุนน้ำมันเหมือนเดิม

ดิฉันลองดูราคาที่คุณมิ่งขวัญเสนอ ถ้าจะทำจริง ดิฉันว่าสามารถทำได้ แต่ต้องจัดการหลายอย่าง เช่น หนี้สินในกองทุนน้ำมัน และการแก้ปัญหาเกษตรกรเรื่องน้ำมันชีวภาพ รวมทั้งภาษีน้ำมันที่รัฐบาลเสพติดเพราะได้มาง่าย ๆ เหมือนเปิดก๊อกน้ำ ที่สำคัญจะกล้าดึงอ้อยจากปากช้างกลุ่มผูกขาดพลังงานที่เป็นรัฐซ้อนรัฐตัวจริง ได้หรือไม่

ดิฉันขอคิดตามข้อเสนอคุณมิ่งขวัญโดยละปัญหาต่าง ๆ ไว้ให้พรรคที่ประกาศนโยบายนี้ ถ้าได้เป็นรัฐบาลต้องไปจัดการแก้ไขเพื่อขจัดอุปสรรคต่อนโยบายปรับโครงสร้างพลังงานเอาเอง

ที่ประกาศลดราคาเบนซิน 95 ลง 18.07 บาท/ลิตร จากราคา 44.06 บาท/ลิตร (ข้อมูลราคาวันที่ 17 ก.พ. 2566) เหลือราคาขายปลีกที่ 25.99 บาท/ลิตร และลดราคาดีเซลที่ราคา 34.44 บาท/ลิตรลง 6.37 บาท/ลิตร เหลือราคาหน้าปั๊มที่ 28.07 บาท/ลิตรนั้น

โครงสร้างราคาน้ำมันที่เป็นธรรม (ใช้ราคา 17/2/66) ส่วนที่จะปรับลดลง สามารถทำได้ดังนี้

1.) เนื้อน้ำมันเบนซิน 95 ราคาหน้าโรงกลั่น 22.28 บาท/ลิตร (ซึ่งเป็นราคาสมมติว่านำเข้าจากสิงคโปร์ซึ่งมีต้นทุนที่ไม่ได้จ่ายจริงคือค่าขนส่ง ค่าประกันภัย ค่าสูญเสียระหว่างทาง) ถ้าเปลี่ยนมาใช้ราคาหน้าโรงกลั่นเป็นราคาเดียวกับที่เอกชน 'ส่งออก' จะลดราคาลงได้ประมาณ 2 บาท/ลิตร

2.) ค่าการตลาดที่เหมาะสมสำหรับเบนซินลิตรละ 2 บาท (วันที่ 17/2/66 ค่าการตลาด 3.11 บาท/ลิตร) จะลดลงได้ 1.11 บาท/ลิตร

3.) ยกเลิก 2 กองทุน คือ กองทุนน้ำมันและกองทุนอนุรักษ์พลังงาน ลดได้ 6.55 บาท/ลิตร (กล่าวสำหรับกองทุนน้ำมันเป็นกองทุนที่มีไว้เพื่อใช้หนี้เอกชนซึ่งส่วนใหญ่ใช้จ่ายหนี้ให้กับเอทานอลที่ผสมในเบนซินและไบโอดีเซลที่ผสมในดีเซล และเอากองทุนไปชดเชยน้ำมันผสมให้หลอกตาว่าถูกลง แต่เป็นการล้วงเงินผู้ใช้น้ำมันไปชดเชย ทำให้เป็นหนี้กองทุนน้ำมันไม่สิ้นสุด โดยราคาเอทานอล 29.16 บาท/ลิตร น้ำมันเบนซิน 95 ราคา 22.28 บาท/ลิตร ไบโอดีเซลราคา 32.06 บาท/ลิตร ดีเซลธรรมดาราคา 21.99 บาท/ลิตร ดังนั้นยิ่งผสมมากยิ่งแพง ยิ่งต้องการเงินมาชดเชยมาก)

4.) ลดภาษีสรรพสามิต, ภาษีเทศบาล, ภาษีแวต จาก 10.02 บาท/ลิตร เหลือ 1.61 บาท/ลิตร จะลดราคาลงได้ 8.41 บาท/ลิตร

ดังนั้น ถ้าปรับลดราคาตามนี้จะลดราคาเบนซินลงได้ 2+1.11+6.55+8.41 = 18.07 บาท/ลิตร ส่วนดีเซล ราคาปลีกอยู่ที่ 34.44 บาท/ลิตร จะลดราคาลง 6.37 บาท/ลิตร เหลือราคาปลีกที่ 28.07 บาท/ลิตร สามารถปรับลด ดังนี้

1.) ราคาเนื้อน้ำมันดีเซล 24.23 บาท/ลิตร มีส่วนผสมไบโอดีเซล 7% อยู่ 2.24 บาท/ลิตร ถ้าตัดไบโอดีเซลลดได้ 2.24 บาท/ลิตร และถ้าใช้หน้าโรงกลั่นเป็นราคาเดียวกับ “ส่งออก” ลดได้อีกประมาณ 2 บาท/ลิตร

2.) ลดค่าการตลาดลงจาก 1.90 บาท/ลิตร เหลือ 1.50 บาท/ลิตร ลดได้ 50 สต./ลิตร

3.) ยกเลิก2กองทุนลดได้ 4.57 บาท/ลิตร

4.) ภาษีที่รัฐบาลเก็บ 3.71 บาท/ลิตร ไม่ต้องลดเลย

ถ้าปรับลดราคาดีเซลลงตามตัวเลขข้างต้น จะสามารถลดราคาได้ 2.24+2+.40+4.57 = 9.21 บาท/ลิตร ซึ่งมากกว่าตัวเลขคุณมิ่งขวัญ ที่ต้องการลด 6.37 บาท/ลิตร โดยไม่ต้องปรับลดภาษีของรัฐบาลด้วย

ถ้าต้องการปรับโครงสร้างราคาพลังงานให้เป็นธรรมจริง ๆ ต้องยกเลิกกองทุนน้ำมัน ซึ่งหนี้ทั้งหมดมาจากการนำน้ำมันชีวภาพทั้งเอทานอล และไบโอดีเซลมาเติมในเบนซินและดีเซลโดยการอ้างเหตุผลลวงเรื่องช่วยเกษตรกร ซึ่งผู้ได้ประโยชน์ส่วนใหญ่คือกลุ่มทุนพลังงาน

กรณีช่วยเกษตรกรไม่มีหลักฐานว่าเกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้นจริง แต่คนใช้น้ำมันต้องแบกรับน้ำมันผสมราคาแพงเกินจริงโดยไม่มีทางเลือก กองทุนน้ำมันทำให้โครงสร้างราคาบิดเบือน ทำให้ผู้ค้าน้ำมันสามารถถ่างราคาน้ำมันผสมได้ตามใจชอบ ราคาน้ำมันจึงไม่ได้เป็นไปตามกลไกตลาดเสรี ตามที่รัฐบาลและผู้ค้าน้ำมันมักยกเมฆกล่าวอ้างให้ประชาชนและสื่อมวลชนหลงเชื่อ ในขณะที่ผู้ใช้น้ำมันทั้งประเทศเขารับภาระราคาพลังงานขนาดนี้ไม่ไหวกันแล้ว เพราะกระทบค่าครองชีพ ราคาสินค้าและค่าบริการต่าง ๆ

ดิฉันเห็นด้วยกับการปรับโครงสร้างราคาน้ำมัน ให้ราคาน้ำมันเหลือเพียง 2 ชนิด คือ เบนซิน และดีเซลเท่านั้น โดยตัดน้ำมันชีวภาพออกไป ตราบเท่าที่ราคาน้ำมันชีวภาพยังมีราคาแพงกว่าน้ำมันพื้นฐาน และรัฐบาลควรใช้ความสามารถในการขยายตลาดการเกษตร ในการช่วยเหลือเกษตรกร ไม่ใช่บีบให้คนต้องใช้น้ำมันผสมที่มีราคาถูกแบบเทียม ๆ เพื่ออุ้มกลุ่มทุนมากกว่าเกษตรกร เพราะดึงเงินจากกองทุนน้ำมันซึ่งมาจากกระเป๋าประชาชนมาชดเชยไม่รู้จบ

ข้อเสนอของคุณมิ่งขวัญสามารถทำได้ แม้มีเรื่องต้องจัดการอยู่มากตามที่กล่าวไว้ข้างต้น ขึ้นอยู่กับหัวหน้าพรรค คือ พล.อ ประวิตร วงษ์สุวรรณกล้าเปลี่ยนแปลงจริงหรือไม่

'มิ่งขวัญ' คลอดนโยบายแก๊สประชาชน 250 บาท/ถัง  เชื่อ 'บิ๊กป้อม' ไฟเขียว ตรึง 1 ปี ใช้งบ2.4 หมื่นลบ.

(27 มี.ค.66) ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ที่ปรึกษาคณะทำงานฝ่ายจัดทำนโยบายพรรคพลังประชารัฐ แถลงข่าว ‘นโยบายลดราคาแก๊สประชาชน’ ว่า การแถลงเรื่องนี้เพราะเห็นว่าทุกภาคส่วนเดือดร้อน จากอัตราค่าเงินเฟ้อสูง โดยเฉพาะราคาแก๊สครัวเรือน นับจากวันที่ 15 ธ.ค.2557คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ได้ยกเลิกการคุมราคาแก๊ส ที่กำหนดไว้ 10 บาทต่อกิโลกรัม โดยให้คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน(กบง.) กำหนดราคาใหม่ จึงเป็นปฐมเหตุของปัญหา เพราะเมื่อยกเลิกราคาแก๊ส ราคาต้องลอยตัวขึ้นมา 

ต่อมาวันที่ 7 ม.ค. กบง. ให้ปรับราคาจาก10 บาท เป็น 15 บาท เริ่มมีผลวันที่ 2 ก.พ.2558 และใช้กองทุนน้ำมันอุดหนุนคุมราคาปลายทาง จากนั้นวันที่ 31 ก.ค.60 กบง.เปิดเสรีธุรกิจแก๊ส แอลพีจีเต็มรูปแบบ ตั้งแต่เดือนส.ค.60 จึงทำให้ราคาต้นทางขึ้นไม่หยุด มาถึงเดือนเม.ย.-ก.ย. 65  กองทุนน้ำมันติดลบ 124,602 ล้านบาท และรัฐบาลปรับขึ้นราคาแก๊สหุงต้ม 1 บาททุกเดือน หรือ 15 บาทต่อถัง ซึ่งการปล่อยอย่างนี้จะทำทุกอย่างเดือดร้อนหมด

นายมิ่งขวัญ กล่าวว่า ต่อมาวันที่ 16 ส.ค.2565 สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ให้กู้เงิน 150,000 ล้านบาท ไปโปะหนี้สาธารณะ ทำให้ประชาชนต้องแบกรับ ต่อมาวันที่ 1 มี.ค.66 รัฐบาลปล่อยให้ราคาแก๊สขึ้นเป็น423 บาทต่อถัง แต่พอใกล้จะยุบสภาเลือกตั้งจึงคิดได้ว่าหากปล่อยขึ้น คะแนนหาย จึงประกาศตรึงราคาแก๊สที่ 423 บาท ไปจนถึงวันที่ 30 มิ.ย.66 เพราะเลือกตั้งจบแล้ว แต่ถ้ารัฐบาลปัจจุบันไม่ถูกเลือกเข้ามา หรือเปลี่ยนรูปแบบการบริหาร ภาระจะไปตกที่รัฐบาลใหม่ทันที

นายมิ่งขวัญ กล่าวว่า ราคาขายปลีกแอลพีจีในเดือนเม.ย.65 ราคา 333 บาท มีการขึ้นมาต่อเนื่อง ตรึงราคาไว้จนถึง 423 บาท และหลังเลือกตั้ง จะตรึงราคาอีกครั้ง ถ้าหลังจากนี้เหตุการณ์ทางการเมือง ไม่ทราบว่าเกิดอะไร และหากปล่อยให้ลอยตัวไปเช่นนี้ จนถึงสิ้นปีนี้ ราคาอาจไปถึง 513 บาทต่อถัง จะทำให้หลังเลือกตั้งคนจะเดือดร้อน รวมถึงคนค้าขาย อาหาร น้ำมัน ทุกอย่างเดือดร้อนหมด

นายมิ่งขวัญ กล่าวว่า เราจะรื้อและปรับโครงสร้างราคาพลังงาน เพื่อให้ครัวเรือนพ้นบ่วงกรรม ให้คนไทยได้รับความเป็นธรรมและโปร่งใส โดยใช้งบของรัฐให้ถูกทาง เพราะคนไทยเป็นเจ้าของทรัพยากรธรรมชาติร่วมกัน ดังนั้นควรตอบแทนให้คนไทยอยู่ดีกินดี ดำรงชีวิตอยู่ได้ โดยเราจะลดราคา 173 บาท จาก 423 บาท เหลือ 250 บาท โดยระยะเวลาอุดหนุน 1 ปี ที่ 11.53 บาทต่อแก๊ส 1 กก. ซึ่งจะใช้งบประมาณทั้งหมด 24,000 ล้านบาท โดยเงินอุดหนุนที่จะนำมาใช้ดำเนินการได้จากเงินที่เปลี่ยนระบบสัญญาสัมปทาน เป็นระบบสัญญาแบ่งปัน ผลผลิต ทำให้ราคาแก๊สธรรมชาติที่ได้ ปรับราคาลดลง จาก 279 - 324 ต่อล้านบีทียู เหลือ 172 บาท ต่อล้านบีทียู ทำให้รายส่วนนี้กลับสู่ภาครัฐ 

ทั้งนี้เมื่อพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ก้าวขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรี คนต่อไป เชื่อว่านโยบายนี้จะได้รับไฟเขียว เพราะพล.อ.ประวิตร ต้องการช่วยเหลือปากท้องของประชาชน และเชื่อว่าเรื่องราคาน้ำมันจะอยู่ในวาระต้นของการประชุมคณะรัฐมนตรี และเรื่องราคาแก๊สเป็นเรื่องเร่งด่วน

‘พปชร.’ ประกาศ ‘ไฟฟ้าประชาชน’ มั่นใจ!! ลดฮวบ ‘ไฟบ้าน’ เหลือ 2.50 บาท ‘ไฟอุตฯ’ เหลือ 2.70 บาท

(18 เม.ย.66) ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ คณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายพรรคพลังประชารัฐ แถลงผลประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค เป็นประธานโดยที่ประชุมได้ข้อสรุปการแก้ปัญหาด้านเศรษฐกิจ ค่าครองชีพ รวมไปถึงการลดราคาน้ำมันและค่าแก๊ส และการลดค่าไฟฟ้า เป็นเวลา 1 ปี

นายมิ่งขวัญ กล่าวว่า ไฟฟ้าที่ใช้อยู่ในปัจจุบันมาจาก 4 แห่งใหญ่ คือ ผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนรายใหญ่ ผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนรายเล็กซื้อไฟฟ้าจากต่างประเทศ และการไฟฟ้าฝ่ายผลิต จากนั้นจ่ายผ่านการไฟฟ้านครหลวง การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ไปยังธุรกิจอุตสาหกรรม และประชาชน ซึ่งคนไทยทั้งประเทศใช้ไฟฟ้าประมาณ 200,000 ล้านหน่วยต่อปี โดยกลุ่มอุตสาหกรรมต่าง ๆ ใช้ไฟมากกว่า 60% 

นายมิ่งขวัญ กล่าวว่า โครงสร้างราคาไฟฟ้า คือ ค่าไฟฟ้าฐาน และ ค่า FT มาบวกกัน ถึงออกมาเป็นค่าไฟฟ้าต่อหน่วย โดยปัจจุบันนี้อัตราค่าไฟของประเทศในอาเซียน ประเทศไทยถือว่าแพง พรรค พปชร.จึงต้องแก้ปัญหานี้ให้กับประชาชนอย่างเร่งด่วน โดยรื้อและปรับโครงสร้างราคาพลังงานทั้งระบบ ภายใต้กรอบวินัยการเงิน และการคลัง 

‘มิ่งขวัญ’ ย้ำ!! จุดยืนชัดเจน ไม่แตะต้อง-ไม่ปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์

นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ คณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวในรายการ เจาะลึกเลือกตั้ง 66 หัวข้อ ‘ชูจุดขาย เสนอจุดแข็ง’ ทางช่อง 9 MCOT HD เมื่อวันที่ 20 เม.ย. 66 โดยแสดงจุดยืน ไม่ปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ ย้ำชัดเจน ว่า “ผมไม่ให้ยุ่งครับ ชัดเจน ไม่เอา”


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top